PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

อภิปรายไม่ยกมือให้ พปชร.ผวาก๊วนหลุดเก้าอี้/92%โคตรเบื่อการเมือง

     พปชร.ยังสาวไส้กันไม่เลิก แกนนำพรรคโอดยอมกลืนเลือด ฉุนก๊วน กปปส.มีแค่ 11 เสียงแต่ล็อบบี้ผู้มีบารมีในรัฐบาลเฉือนโควตากลุ่มสามมิตรได้ไป 2 เก้าอี้ จับตาฝ่ายค้านล็อกเป้า “สมคิด-4 กุมาร”ยื่นญัตติซักฟอกรายคน หวั่นก๊วนในพรรคเมินยกมือหนุน "เสี่ยเฮ้ง" ยอมถอยหนุน "ลุงตู่" เดินหน้า แนะ "อุตตม-สนธิรัตน์" เคลียร์ศึกภายใน พท.ได้ทีเย้ย พปชร.หยุดแย่งชามข้าว หันแก้ปัญหา ปชช. "ไพศาล" แย้ม "บิ๊กตู่" จ่อเป็นนายกฯ แบบไร้พรรคเหมือน "ป๋าเปรม" ป่วนกันมากก็ยุบสภา อึ้ง! โพล 92% โคตรเบื่อปัญหาการเมือง 
     เมื่อวันอาทิตย์ ยังมีความเคลื่อนไหวถึงปัญหาการจัดตั้งรัฐบาล โดยแหล่งข่าวพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่า จากปัญหาไม่ลงรอยในเรื่องการจัดสรร ครม.ในโค้งสุดท้าย ล่าสุดมี ส.ส.และแกนนำในพรรคไม่พอใจแกนนำ กปปส. 2 คน คือ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ที่ได้ รมว.ศึกษาธิการ และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ที่ได้ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่มีเสียง ส.ส.กทม.เพียงแค่ 11 เสียง แต่ได้ถึง 2 เก้าอี้ เนื่องจากทั้ง 2 คนได้วิ่งไปล็อบบี้ผู้มีบารมีในรัฐบาลช่วงโค้งสุดท้าย ที่อาจต้องตัดโควตาออก 1 เก้าอี้ คือนายพุทธิพงษ์ จะเป็นแค่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเท่านั้น เนื่องจากต้องสละเก้าอี้ให้พรรคชาติพัฒนา แต่สุดท้ายในการพูดคุย แม้จะมีแค่ 11 เสียงก็ยังรักษาเก้าอี้ได้ทั้ง 2 ตำแหน่ง และบอกให้ไปเฉือนโควตาของกลุ่มสามมิตร ซึ่งมี ส.ส. 30 เสียง โดยเสนอให้ไปตัดตำแหน่ง รมช. ของนายอนุชา นาคาคัย ออกแทนนายพุทธิพงษ์
    “หลังเกิดเหตุการณ์หักหลัง ไร้สัจจะกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กลุ่ม ส.ส.ภาคต่างๆ ที่ไม่พอใจการจัดสรรครม.ครั้งนี้มาในระยะหนึ่ง เห็นว่าทางกลุ่ม กปปส. ควรจะได้แค่ 1 ตำแหน่งเท่านั้น หากเทียบกับจำนวนส.ส.ที่กลุ่มภาคใต้ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ยอมกลืนเลือดเสียสละไปแล้ว ดังนั้น กปปส.ก็ควรหัดเสียสละบ้าง ไม่ใช่ไปวิ่งล็อบบี้แต่ตำแหน่งของตัวเอง แล้วเขี่ยตำแหน่งคนอื่นทิ้งแบบนี้ ส่วนปัญหาต่างๆ ภายในพรรคก่อนหน้านี้ที่ไม่ลงรอยกันก็คนพวกนี้ทั้งนั้น" แหล่งข่าวระดับสูงพรรค พปชร.ระบุ

นอกจากนี้ แหล่งข่าวจากพรรค พปชร.อีกรายเปิดเผยว่าเปิดเผยว่า ขณะนี้หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องในพรรคเกิดความกังวลเกี่ยวกับการทำงานในสภาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เสียงปริ่มน้ำ และมีแรงกระเพื่อมจากความไม่ลงตัวในโผรายชื่อ ครม.ในส่วนของพรรค ขณะเดียวกันทางพรรค พปชร.ทราบว่าขณะนี้ฝ่ายค้านกำลังล็อกเป้าเตรียมข้อมูลเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรายบุคคลถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ได้แก่ บรรดาอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช. ที่จะมีชื่อในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 2/1 ถือเป็นเป้าหมายแรก ทั้งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์, นายอุตตม สาวนายน, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ และห


     พปชร.ยังสาวไส้กันไม่เลิก แกนนำพรรคโอดยอมกลืนเลือด ฉุนก๊วน กปปส.มีแค่ 11 เสียงแต่ล็อบบี้ผู้มีบารมีในรัฐบาลเฉือนโควตากลุ่มสามมิตรได้ไป 2 เก้าอี้ จับตาฝ่ายค้านล็อกเป้า “สมคิด-4 กุมาร”ยื่นญัตติซักฟอกรายคน หวั่นก๊วนในพรรคเมินยกมือหนุน "เสี่ยเฮ้ง" ยอมถอยหนุน "ลุงตู่" เดินหน้า แนะ "อุตตม-สนธิรัตน์" เคลียร์ศึกภายใน พท.ได้ทีเย้ย พปชร.หยุดแย่งชามข้าว หันแก้ปัญหา ปชช. "ไพศาล" แย้ม "บิ๊กตู่" จ่อเป็นนายกฯ แบบไร้พรรคเหมือน "ป๋าเปรม" ป่วนกันมากก็ยุบสภา อึ้ง! โพล 92% โคตรเบื่อปัญหาการเมือง 
     เมื่อวันอาทิตย์ ยังมีความเคลื่อนไหวถึงปัญหาการจัดตั้งรัฐบาล โดยแหล่งข่าวพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่า จากปัญหาไม่ลงรอยในเรื่องการจัดสรร ครม.ในโค้งสุดท้าย ล่าสุดมี ส.ส.และแกนนำในพรรคไม่พอใจแกนนำ กปปส. 2 คน คือ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ที่ได้ รมว.ศึกษาธิการ และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ที่ได้ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่มีเสียง ส.ส.กทม.เพียงแค่ 11 เสียง แต่ได้ถึง 2 เก้าอี้ เนื่องจากทั้ง 2 คนได้วิ่งไปล็อบบี้ผู้มีบารมีในรัฐบาลช่วงโค้งสุดท้าย ที่อาจต้องตัดโควตาออก 1 เก้าอี้ คือนายพุทธิพงษ์ จะเป็นแค่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเท่านั้น เนื่องจากต้องสละเก้าอี้ให้พรรคชาติพัฒนา แต่สุดท้ายในการพูดคุย แม้จะมีแค่ 11 เสียงก็ยังรักษาเก้าอี้ได้ทั้ง 2 ตำแหน่ง และบอกให้ไปเฉือนโควตาของกลุ่มสามมิตร ซึ่งมี ส.ส. 30 เสียง โดยเสนอให้ไปตัดตำแหน่ง รมช. ของนายอนุชา นาคาคัย ออกแทนนายพุทธิพงษ์
    “หลังเกิดเหตุการณ์หักหลัง ไร้สัจจะกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กลุ่ม ส.ส.ภาคต่างๆ ที่ไม่พอใจการจัดสรรครม.ครั้งนี้มาในระยะหนึ่ง เห็นว่าทางกลุ่ม กปปส. ควรจะได้แค่ 1 ตำแหน่งเท่านั้น หากเทียบกับจำนวนส.ส.ที่กลุ่มภาคใต้ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ยอมกลืนเลือดเสียสละไปแล้ว ดังนั้น กปปส.ก็ควรหัดเสียสละบ้าง ไม่ใช่ไปวิ่งล็อบบี้แต่ตำแหน่งของตัวเอง แล้วเขี่ยตำแหน่งคนอื่นทิ้งแบบนี้ ส่วนปัญหาต่างๆ ภายในพรรคก่อนหน้านี้ที่ไม่ลงรอยกันก็คนพวกนี้ทั้งนั้น" แหล่งข่าวระดับสูงพรรค พปชร.ระบุ
    นอกจากนี้ แหล่งข่าวจากพรรค พปชร.อีกรายเปิดเผยว่า ขณะนี้หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องในพรรคเกิดความกังวลเกี่ยวกับการทำงานในสภาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เสียงปริ่มน้ำ และมีแรงกระเพื่อมจากความไม่ลงตัวในโผรายชื่อ ครม.ในส่วนของพรรค ขณะเดียวกันทางพรรค พปชร.ทราบว่าขณะนี้ฝ่ายค้านกำลังล็อกเป้าเตรียมข้อมูลเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรายบุคคลถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ได้แก่ บรรดาอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช. ที่จะมีชื่อในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 2/1 ถือเป็นเป้าหมายแรก ทั้งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์, นายอุตตม สาวนายน, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ และหากนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล มีชื่อใน ครม.ใหม่ ก็อยู่ในข่ายด้วยเช่นเดียวกัน 
    "ทางพรรคจึงวิตกว่า ท่ามกลางความไม่พอใจของส.ส.หลายกลุ่มในพรรค ซึ่งเป็นผลจากเรื่องการจัดสรรโควตารัฐมนตรี จะฝืนมติพรรค ไม่ยกมือสนับสนุนว่าที่รัฐมนตรีในสายเศรษฐกิจของพรรค อีกทั้งในกลุ่มของนายสมคิดเองก็แทบจะไม่มี ส.ส.ในสังกัดเลย"
    รายงานเพิ่มเติมว่า เป็นไปได้ที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัติดังกล่าวทันทีหลังรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จสิ้น เพราะถือว่าผู้ที่มีชื่อเป็นรัฐมนตรีในสายเศรษฐกิจได้ทำงานมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ หรือหากไม่เป็นช่วงเวลาดังกล่าว ก็เป็นไปได้ว่าฝ่ายค้านจะยื่นญัตติหลังจากผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีไปแล้ว
ก๊วนชลบุรีขอเป็นเด็กดี
    นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี พรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ผ่านเนชั่นทีวี ช่อง 22 ในรายการเก็บตกจากเนชั่นภาคเที่ยง ถึงกระแสข่าวหลุดจากตำแหน่ง รมว.แรงงาน และการเคลื่อนไหวของบางกลุ่มเรียกร้องตำแหน่งภายในพรรคว่า ต้องยอมรับว่าเหตุผลที่ตนย้ายจากพรรคพลังชลมาร่วมงานกับพรรค พปชร. เพราะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ใช่มาเพื่อมีตำแหน่งตรงนั้นตรงนี้แต่อย่างใด ตนจึงขอวิงวอนบางกลุ่มที่ยังเคลื่อนไหว ให้คำนึงถึงความเชื่อมั่นในการเดินหน้าประเทศของเรา อย่างไรก็ตาม ปัญหาภายในพรรคที่เป็นอยู่นี้ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค พปชร. และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาฯ พรรค ซึ่งเป็นผู้นำพรรค และมีหน้าที่โดยตรง ต้องลงมาแก้ปัญหาความไม่ลงรอยต่างๆ ในพรรคด้วยตัวเอง 
    "ส่วนทางออกของการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น นายกฯ มีอำนาจเต็มเพียงคนเดียวเท่านั้นในการพิจารณา เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำจบหมดแล้ว บางคนอาจจะได้กระทรวงที่ไม่ต้องการ แต่ถึงอย่างไรผมก็เชื่อมั่นว่าไม่ว่าใครจะอยู่ตรงไหนก็สามารถทำงานได้ทั้งสิ้น และในวันนี้เราต้องเชื่อมั่นในความเป็นผู้นำและความสามารถของ พล.อ.ประยุทธ์ กลุ่มชลบุรีไม่มีปัญหา และกลุ่มภาคกลางก็ได้คุยกันแล้วว่าต้องการให้นายกฯ ทำงาน และตั้ง ครม.ได้ เราเป็นเด็กดี ถ้าเป็นเด็กดื้อแล้วได้ขนม คงจะดื้อกันทั้งพรรค ถ้าเป็นแบบนั้นก็ถือว่าเรียกร้องผลประโยชน์เพื่อส่วนตัวอย่างเดียว" นายสุชาติกล่าว 
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นแคปชั่นรูปภาพ
นายอนุทินกำลังจรดปากกาในเอกสาร ระบุว่า “ลงนามในหนังสือเสนอรายชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งฝ่ายบริหารในส่วนของ #พรรคภูมิใจไทย ต่อนายกรัฐมนตรีเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว” ซึ่งมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ทั้งให้กำลังใจในการเริ่มทำงานกับรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะเรื่องการผลักดันกัญชาเสรี
    นอกจากนี้ มีแฟนเพจในเฟซบุ๊กเข้ามาแสดงความคิดเห็น บางคนระบุว่า “ชุดนี้น่าจะอยู่ไม่นานเนอะๆ” โดยนายอนุทินตอบแสดงความคิดเห็นกลับไปว่า “ผมว่าสักพักเลยละครับ” และยังมีแฟนเพจเข้ามาสอบถามว่า “ถ้าเป็นรองนายกฯ แล้วจะลาออกจากการเป็น ส.ส.ไหมครับ หรือเป็นทั้ง 2 ตำแหน่ง” โดยนายอนุทินตอบกลับว่า “ผมไม่ต้องออกครับ” อย่างไรก็ตาม ยังมีสมาชิกแฟนเพจเข้ามาแสดงความคิดเห็นระบุว่า “เคยเดาว่าคุณอนุทินจะเป็น ‘ตาอยู่’ ในการหาปลาครั้งนี้ ระหว่างตาอิน พท.กับตานา ปชป. แต่กลายเป็นตาตู่คว้าไปกิน หวังว่าตาตู่จะแบ่งให้ชาวบ้านกินบ้าง และชวนชาวบ้านถักแหไว้หาปลาค่ะ” ซึ่งนายอนุทินตอบกลับไปว่า “ตาหนูจะช่วยตาตู่ทำงานเพื่อปากท้องประชาชนครับ”
    นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงเสถียรภาพของรัฐบาลที่พรรคพปชร. ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลมีความขัดแย้งเกิดขึ้นภายในว่า เป็นหน้าที่ของแต่ละพรรคที่ต้องไปบริหารจัดการ แต่เชื่อว่าเสถียรภาพของรัฐบาลยังเดินหน้าได้ เพราะปัจจัยเรื่องเสถียรภาพประกอบด้วยปัจจัยเชิงปริมาณ ซึ่งรัฐบาลจะมีเสถียรภาพได้ต้องมีเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ตัวเลขเกินกึ่งหนึ่งอยู่แล้ว และปัจจัยเชิงคุณภาพคือประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล หากประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ก็จะช่วยเสริมเสถียรภาพของรัฐบาลให้มีความมั่นคงได้ ซึ่งทุกอย่างต้องรอพิสูจน์การทำงานหลังเข้าทำหน้าที่
นักลงทุนหวังตั้ง รบ.โดยเร็ว
    ส่วนรัฐบาลจะใช้เวลาในการประเมินการทำงานมากน้อยแค่ไหนนั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า ในระบบรัฐสภาก็มีการถ่วงดุลอยู่แล้ว ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ไม่มีช่วงเวลาที่ชัดเจน แต่ฝ่ายค้านทำได้ตลอด ทั้งในระบอบรัฐสภาและนอกสมัยประชุม
    นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรค ปชป. ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ กล่าวถึงกระแสข่าวการจัดเก้าอี้รัฐมนตรีไม่ลงตัวภายใน พปชร.ว่า ดูจากรายชื่อ อาทิ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ที่จะไปนั่งกระทรวงด้านเศรษฐกิจนั้น ไม่น่ามีปัญหา เพราะมีอาวุโส อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ขัดแย้งกับใคร หากกระทรวงที่ประชาธิปัตย์ดูแลผลงานออกมาดี ภาพรวมของรัฐบาลประยุทธ์จะดีไปด้วย เชื่อว่าคาแรคเตอร์ในรัฐบาลเป็นกันเอง ไม่มีความขัดแย้งกัน ไปในทิศทางเดียวกันได้
    "ส่วนใหญ่นักลงทุน นักธุรกิจ เขาทราบดีว่าปัญหาบางส่วนอาจจะไม่ลงตัวในฝั่งพรรคพลังประชารัฐในแต่ละกลุ่มกันเอง แต่ตอนนี้ทุกคนอยากให้ตั้งรัฐบาลโดยเร็ว เร่งเดินหน้าทำงานได้ เท่าที่ทราบ นายกฯ เคาะชื่อรัฐมนตรีจบไปแล้วรอบหนึ่ง รอดูว่าท่านจะยืนยันอะไรหรือไม่ เชื่อว่านักธุรกิจนักลงทุนเขาเริ่มมองบวกดูจากตลาดหุ้นด้วย เห็นชัดว่าโซลที่ตลาดเข้ามาซื้อส่วนหนึ่งก็เป็นความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะต้องเดินหน้าได้ และต้องเร่งทำงาน ความที่ว่าไฟลนก้นต้องเร่งแสดงฝีมือให้จับต้องได้ นี่เป็นจุดดีที่นักลงทุนชอบ เพราะว่าเขาก็มั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้มีมือเศรษฐกิจที่ทำงานได้ และขับเคลื่อนโดยเร็ววัน" นายปริญญ์ กล่าว
    นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวจะได้กลับมาเป็น รมว.การต่างประเทศอีกครั้งในรัฐบาลใหม่ว่า ตนขอพูดในผลการประชุมจี 20 จะดีกว่า ส่วนเรื่องอื่นตอบไม่ได้ เพราะต้องไปรออะไรต่ออะไร เมื่อถามว่าต้องเข้าไปกรอกประวัติรัฐมนตรีเมื่อไหร่ นายดอนกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า ไม่ทราบ
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีกลุ่มสามมิตรและกลุ่ม ส.ส.ภาคกลางพรรค พปชร. ไม่พอใจที่ถูก พล.อ.ประยุทธ์เปลี่ยนโผ ครม.ว่า เหตุที่ตั้ง ครม.ไม่ได้ทั้งที่พ้นการเลือกตั้งมาเกือบ 4 เดือน เพราะยังแย่งชามข้าวกันไม่จบ ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวแบบไม่เกรงใจกันแล้ว เหตุการณ์นี้ถือเป็นความเสื่อม อย่าพูดว่าการปฏิรูปการเมืองยังไม่สำเร็จ เพราะของจริงยังไม่เคยได้ปฏิรูปอะไรเลย แก่งแย่งเก้าอี้กันขนาดนี้ จะสร้างความเชื่อมั่นได้อย่างไร ไม่มีทางจะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุน ทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่จนทุกวันนี้ สงสารประชาชนที่ต้องติดหล่มอยู่ในการเมืองที่ไม่มีความแน่นอน
      นายอนุสรณ์กล่าวว่า นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พรรค พปชร.ตั้งโต๊ะขู่ ถ้ารังแกกันไม่เลิกแบบนี้จะแฉกลับให้เป็นเรื่องระดับชาติ จนทำให้พรรค พปชร.ร้าวหนัก ที่ออกมาทวงสัจจะชายชาติทหารจากพล.อ.ประยุทธ์ ไม่รู้ว่าความฝันของนายอนุชาจะสำเร็จหรือไม่ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าจะไม่ยึดอำนาจก็ยึด บอกว่าตนเองไม่ใช่นักการเมือง แต่สุดท้ายก็พลิกลิ้น จึงไม่รู้ว่าครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะสะกดคำว่าสัจจะถูกหรือไม่ ทั้งนี้ ประชาชนยังรอรัฐบาลใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหาหยุดแย่งชามข้าว แล้วมาแก้ปัญหาให้ประชาชนโดยเร่งด่วน
ประยุทธ์เข็นครกขึ้นภูเขา
      นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ว่ารู้สึกไม่สบายใจที่เห็นการประชุมสภาไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ขออย่าจ้องแต่จะล้มรัฐบาล ว่าจะสบายใจหรือไม่สบายใจก็เป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเผชิญ รัฐบาลจะล้มหรือจะตั้งอยู่ได้ อยู่ที่การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์และพรรคร่วมรัฐบาลเป็นหลัก รวมทั้งประชาชนให้การยอมรับ และอยากให้รัฐบาลอยู่ต่อไปอีกเพื่อสืบทอดอำนาจหรือไม่ การจะให้พรรคฝ่ายค้านยกมือสนับสนุนรัฐบาล ก็อยู่ที่การกระทำของ ครม.และ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเป็นสำคัญ ว่าทำดี ทำถูกต้องหรือไม่ ฝ่ายค้านต้องการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย พล.อ.ประยุทธ์ยอมรับได้หรือไม่ เสนอญัตติด่วนให้สภาตั้งกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาหาข้อเท็จจริงว่าการสรรหา ส.ว. พล.อ.ประยุทธ์ยอมรับให้ตั้งหรือไม่ หรือจะขัดขวางไม่ให้สภาทำหน้าที่ควบคุมตรวจสอบ 
     "นี่แค่เพียงโหมโรงเท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์ก็แสดงทีท่าอ่อนใจเสียแล้ว ฉากต่อไปรับรองเข้มข้นกว่านี้ พล.อ.ประยุทธ์จะต้องมาเข้าร่วมประชุมสภา มาฟังเสียงและเห็นหน้า ส.ส.เวลาอภิปรายในที่ประชุมสภา ถึงตอนนั้นคงประจักษ์ว่า การเป็นนายกฯ สมัยที่ 2  อาจจะยากกว่าการเข็นครกขึ้นภูเขาก็ได้" นางลดาวัลลิ์กล่าว
     นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวว่า โค้งสุดท้ายก่อนที่จะมีครม. ภาพการต่อรองแก่งแย่งผลประโยชน์กันสูงมาก ทำให้เห็นได้ว่ารัฐบาลนี้ยากที่จะปกครองบริหารประเทศ เพราะขาดความชอบธรรมอย่างรุนแรง เมื่อเห็นภาพความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับนักการเมืองบางส่วนในพรรค พปชร.แล้ว ก็ทำให้เห็นว่าบางทีรัฐบาลนี้ก็อาจจะอยู่ได้สั้นกว่าที่เคยคาดการณ์เหมือนกัน ตามธรรมชาติของรัฐบาลในระบบรัฐสภา มันจะล้มก็มักจะเกิดจากการที่มีความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล 
    "ขณะที่พรรคต่างๆ ที่มาร่วมส่วนใหญ่ต้องการเยียวยาภาพพจน์ที่ไปตระบัดสัตย์ไม่ได้ไปแก้ปัญหาให้ประชาชน และพยายามฟื้นตัวเองในเรื่องของทุนรอน เพราะใช้จ่ายกันไปมาก โอกาสที่พรรคร่วมจะถอนตัวจึงไม่ใช่เรื่องง่าย พล.อ.ประยุทธ์จะแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างตนเองกับในพรรคพลังประชารัฐอย่างไร และในระยะปานกลางจะทำอย่างไรที่จะประนีประนอมพรรคร่วมรัฐบาลอื่นไว้ให้ได้ แต่ทั้งหมดนี้น่าเศร้าใจตรงที่ว่า ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับนโยบายและการแก้ไขปัญหาประเทศ มีแต่เรื่องจะทำให้รัฐบาลอยู่ได้อย่างไร" นายจาตุรนต์กล่าว  
    ห้องประชุม 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน มีการจัดงานเสวนาเวทีประชาชนในหัวข้อ “เวทีตรวจสอบรายชื่อคณะรัฐมนตรี ประยุทธ์ 2 กับเสียงสะท้อนของประชาชน” โดยนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.การคลัง กล่าวตอนหนึ่งว่า หากมีนายอุตตม สาวนายน เป็นว่าที่ รมว.การคลังอยู่ ตนมีความห่วงใยต่อการบริหารบ้านเมือง ซึ่งหากมีการแต่งตั้ง รมว. ที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ จะทำให้ ครม.มีปัญหา และคนที่มีปัญหามากที่สุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ นั่นเอง เพราะกรณีการกันคนเป็นพยานนั้น หมายความว่าคนคนนั้นต้องเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วย ซึ่งต้องถามว่ากระบวนการดังกล่าวเป็นการฟอกตัว จากผู้ร่วมกระทำความผิดเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ รัฐธรรมนูญมาตรา 160 กำหนดไว้ว่า รมว.ต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ประจักษ์ และต้องไม่มีการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง
    "ศาลเขียนไว้ว่าคณะกรรมการบริหารมีเจตนาช่วยเหลือจำเลยที่ 19 ได้รับสินเชื่อจำนวน 9,900 ล้านบาทโดยไม่ได้รักษาประโยชน์ของธนาคารกรุงไทย  และมีเจตนาช่วยเหลือ เพื่อนำไปเป็นประโยชน์ต่อจำเลยที่ 20 ซึ่งผมเข้าใจว่ามีคนกลุ่มหนึ่งมีพฤติกรรมที่ไม่ดี นั่นคือคณะกรรมการบริหารทั้ง 5 คน หมายความว่าการกระทำของนายอุตตมก็อยู่ในคำวิพากษ์วิจารณ์ของศาล ซึ่งทำให้หลุดคุณสมบัติ มาตรา 160 ไปโดยอัตโนมัติ ในคำพิพากษายังระบุอีกว่า คณะกรรมการบริหารมีเจตนาฝ่าฝืนประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยและคำสั่งธนาคารกรุงไทย อยากถามว่าธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ต้องดำเนินคดีต่อศาลปกติ อีก 2 คนที่ถูกธนาคารกรุงไทยกันไว้เป็นพยานหรือ”นายธีระชัยระบุ และว่า ปรากฏข้อมูลชัดเจน เปรียบเหมือนกับว่ารัฐบาลชุดนี้ที่มีนายอุตตมเป็นรัฐมนตรีอยู่นั้น เท่ากับมันขัดกฎหมายตั้งแต่ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรีเลยหรือไม่ 
ลุงตู่เอาอย่างป๋าเปรม
    นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เฟซบุ๊กถึงท่าทีล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ ในเรื่องเก้าอี้ ครม. ว่า   ท่าทีของลุงตู่ต่อการเรียกร้องกดดันเพื่อเอาตำแหน่งรัฐมนตรีของนักการเมืองกลุ่มต่างๆ ชัดเจนแล้วว่าลุงตู่ จะเป็นนายกรัฐมนตรีแบบไร้พรรค!!  คือเมื่อนั่งเรือถึงฝั่ง ขึ้นจากเรือแล้วก็จะไม่แบกเรือไปด้วย และน่าจะไม่รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคตามที่เป็นข่าว ซึ่งจะทำให้ลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรีแบบเดียวกับที่ป๋าเปรมเคยเป็นมาแล้ว การเป็นนายกฯ แบบไร้พรรค จึงเท่ากับเป็นนายกฯ โดยฉันทามติของทุกพรรครัฐบาล และไม่อาจถูกกล่าวหาจากพรรคต่างๆ ได้ว่าเลือกที่รักมักที่ชัง ดังนั้นลุงตู่จึงสามารถกำหนดเลือกรัฐมนตรีในทางที่จะ “ส่งเสริมให้คนดีมีอำนาจในบ้านเมือง” ได้
    "แล้วถามว่า แบบนี้ไม่กลัวแพ้ในสภาหรือ? คำตอบคือ เมื่อครั้งป๋าเปรมท่านก็ไม่กลัว และไม่เปิดให้อภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย คือป่วนกันมากก็ยุบสภาไปเลย และเมื่อเลือกตั้งใหม่ก็กลับมาเป็นนายกฯ อีก เรื่องการแบกเรือขึ้นฝั่งนั้นไม่น่าห่วงแล้ว! ที่น่าห่วงก็คือเครื่องสัมภาระที่เป็นเหตุให้ถูกด่าว่า “เอาแต่เจ้าสัว” นั้น ยังจะแบกต่อไปหรือไม่? ระยะนี้เห็นมือบริหารเศรษฐกิจการเงินการคลังที่มีชื่อเสียงของประเทศปรากฏกายเดินข้างๆ ลุงตู่พิกลอยู่  รู้จักนักฆ่าแห่งบ้านนรสิงห์น้อยไป!" นายไพศาลระบุ
    วันเดียวกัน นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง อารมณ์สาธารณชนต่อการเมือง กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,673 ตัวอย่าง ระหว่าง 20-29 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่หรือ 87.2 เห็นด้วยต่อการตรวจสอบคุณสมบัติทั้ง ส.ส.รัฐบาล ฝ่ายค้าน และ ส.ว. ในขณะที่ร้อยละ 12.8 ไม่เห็นด้วย
    ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 67.5 กังวลมากถึงมากที่สุดต่อความขัดแย้งรุนแรงบานปลาย, ร้อยละ 23.2 กังวลปานกลาง และร้อยละ 9.3 กังวลน้อยถึงไม่กังวลเลย นอกจากนี้ เมื่อถามถึง ความเบื่อหน่ายต่อปัญหาการเมืองขณะนี้ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.4 รู้สึกเบื่อ เบื่อสุดๆ ถึงโคตรเบื่อ ต่อปัญหาการเมืองขณะนี้ ในขณะที่เพียงร้อยละ 7.6 รู้สึกไม่เบื่อถึงสนุกต่อปัญหาการเมือง
    ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 59.5 ไม่เห็นด้วยที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ในขณะที่ร้อยละ 40.5 เห็นด้วย นอกจากนี้ ประชาชนจำนวนมากหรือร้อยละ 46.9 ให้โอกาสรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์แก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชนไม่เกิน 1 ปี, ร้อยละ 30.7 ให้โอกาส 1-2 ปี, ร้อยละ 8.1 ให้โอกาส 2-3 ปี, ร้อยละ 11.2 ให้โอกาส 3-4 ปี และเพียงร้อยละ 3.4 เท่านั้นที่ให้โอกาส 4 ปีขึ้นไป
    สวนดุสิตโพล เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง ปัญหาการเมืองไทย ที่คาใจประชาชน โดยสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,327 คน ระหว่างวันที่ 25-29 มิถุนายน 2562 สรุปปัญหาการเมืองไทยที่คาใจประชาชน ณ วันนี้ อันดับ 1 การจัดตั้งรัฐบาล/เก้าอี้รัฐมนตรี 46.87% เพราะยังไม่เห็นความชัดเจน ใช้เวลานานในการจัดตั้ง จะมีการเปลี่ยนแปลงอีกหรือไม่ คุณสมบัติรัฐมนตรีแต่ละคนเหมาะสมเพียงใด ฯลฯ, อันดับ 2 การทุจริตคอร์รัปชัน 38.28% เพราะมีมาทุกยุคทุกสมัย มีการปราบปรามแต่ไม่ลดลง ควรจับกุมผู้ที่มีอิทธิพลหรือตัวการใหญ่ให้ได้ เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคม ฯลฯ, อันดับ 3 ผลการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 33.38% เพราะกกต. ยังไม่ชี้แจงในประเด็นที่คลุมเครือ การนับคะแนน สูตรคำนวณไม่เป็นที่ยอมรับ มีการโกงเลือกตั้งจริงใช่หรือไม่ ฯลฯ,  อันดับ 4 การบริหารประเทศของรัฐบาล/นโยบายประชารัฐ 26.53% เพราะประเทศอยู่ในภาวะหยุดชะงัก บริหารงานไม่ต่อเนื่อง นโยบายที่หาเสียงไว้จะสามารถทำได้หรือไม่ รัฐบาลอาจอยู่ไม่ครบวาระ ฯลฯ,  อันดับ 5    ที่มา 250 ส.ว./บทบาทและอำนาจหน้าที่ 25.62% เพราะหลักเกณฑ์การสรรหาและการคัดเลือกไม่โปร่งใส มีทั้งระบบพวกพ้อง เครือญาติ ทำไม ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ ได้ ฯลฯ.

ยังไม่รู้หมู่รู้จ่า

เขย่าไปเขย่ามาชื่อหายไปเฉยๆ เก้าอี้รัฐมนตรีอยู่ข้างหน้าเห็นๆ กันอยู่กลับกลายเป็นชื่ออื่นไปเสียฉิบ ก็ต้องเจ็บใจกันเป็นธรรมดา “สามมิตร” ก็เลยแสดงปฏิกิริยาเทใส่รัฐบาลกันเอง

ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้หากยังไม่มีชื่อออกมาอย่างเป็นทางการก็อย่าเพิ่งไปเชื่อหรือนั่งฝันหวานว่าได้แน่

ก็เก้าอี้ 35 รัฐมนตรีในรัฐบาล “ประยุทธ์ 2”...นั่นแหละ

เพราะหลายคนที่เปิดแชมเปญฉลองไปแล้ว ปรากฏชื่อหาย จากหลักฐานที่ชัดเจนก็คือไม่มีใบกรอกประวัติส่งมาจากเลขาธิการ ครม.

เท่ากับว่าชื่อหายไปกับสายลมเสียแล้ว...

ดูจากรายชื่อบุคคลที่พรรคร่วมรัฐบาลได้ส่งไปให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แล้วปรากฏว่าพรรคการเมืองต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา ไม่มีปัญหา

แต่ปัญหากลับไปตกอยู่ที่พลังประชารัฐ พรรคแกนนำรัฐบาลเสียเอง อย่างหนึ่งที่เห็นก็คือ การเสนอชื่อเกินโควตาที่ได้รับ

หมายความว่าบางตำแหน่งนั้นมีการเสนอ 2 ชื่อ เพื่อให้นายกฯพิจารณาว่าเอาใคร เป็นการเปิดทางเลือกให้ด้วย

จึงไม่ต้องไปสันนิษฐานเป็นอย่างอื่นให้ยุ่งยาก

บอกได้เลยว่าพรรคไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างลงตัว ผลจึงออกมาอย่างนี้แล้วก็โยนให้นายกฯรับผิดชอบเอง เพราะเชื่อว่าจะทำให้ทุกอย่างจบลงไปได้

ดูจากอาการของ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” หนึ่งในกลุ่ม “สามมิตร” ที่ประกาศว่าจะไม่ยุ่งกับรัฐบาลอีกแล้วเป็นหนังตัวอย่าง

ที่ “ส้มหล่น” พรรคหนึ่งคือ “ชาติพัฒนา” ซึ่งดูเหมือนว่าชื่อตกไปแล้ว แต่เมื่อไปถึงมือนายกฯกลับปรากฏว่าได้ 1 เก้าอี้

“เทวัญ ลิปตพัลลภ” หัวหน้าพรรคได้กรอกประวัติส่งไปแล้ว

ว่ากันว่า เหตุผลสำคัญก็เพราะได้มีการตกลงกันไว้แต่ต้นแล้วว่าจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีแน่ เนื่องจากเป็นพรรคที่เข้ามาร่วมตั้งแต่ต้น

จึงถือว่าเป็นเนื้อเดียวกัน เป็น “เพื่อนแท้” ก่อนที่จะไปดึงพรรคการเมืองอื่นๆ

ทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นนี้ ย่อมสร้างความไม่สบอารมณ์ภายในพลังประชารัฐอย่างแน่นอน เพียงแต่จะเกิดปฏิกิริยาแค่ไหนก็ต้องดูกันต่อไป

แม้จะตั้งรัฐบาลได้แต่เชื่อได้เลยว่าจากนั้นอีกไม่นานก็จะได้เห็นการสำแดงพลังให้ปรากฏในกลุ่มก๊วนที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บริหารพรรค

ทั้งในพรรคและผู้มีบารมีนอกพรรค...ซึ่งไม่รู้ว่าใครใหญ่จริง?

อีกด้านหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้แม้คำตอบสุดท้าย ที่พูดกันว่า เป็นการดี ทุกอย่างจะได้เคลียร์ก็คือประเด็น “หุ้นสื่อ”

ฝ่ายรัฐบาลที่ถูกร้อง 41 คน ปรากฏศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยออกมาแล้วว่า 9 คนพ้นจากความผิด

อีก 32 คน ศาลรับพิจารณาให้มาชี้แจงข้อมูลภายใน 15 วัน จากนั้นก็จะวินิจฉัยเป็นรายตัวว่าใครโดน ใครไม่โดนเพียงแต่ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ยอด 32 คนนี้น่าถูก “แจ็กพอต” บ้างแหละ?

เสียงปริ่มน้ำจะมีผลต่อไปเมื่อมี ส.ส. หายไปบ้าง บัญชีรายชื่อยังสามารถเลื่อนขึ้นมาได้ แต่ ส.ส.เขตนั้นต้องไปเลือกตั้งกันใหม่โอกาสหลุดลอยไปเลยทำให้จำนวน ส.ส.ลดไปทันที

แต่อีก 33 คน ที่ฝ่ายรัฐบาลเสนอชื่อจากพรรคฝ่ายค้านผ่าน “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนฯ เพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

ผลที่ออกมาหากมีความผิดจะทำให้เสียงของฝ่ายค้านขาดหายไป

แต่ดูแล้ว “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ที่ประเดิมรายแรกคดี “หุ้นสื่อ” ดูท่าว่าจะ “ตกงาน” เป็นรายแรก

พูดง่ายๆ มาเร็วเคลมเร็ว...แบบคนรุ่นใหม่!!!

“ลิขิต จงสกุล”

กระเพื่อม

และก็ถือเป็นจังหวะเปิดตัวนายกฯสมัยสองกับผู้นำเบอร์ต้นๆของโลก ตามช็อตที่ “นายกฯลุงตู่” มีการจับมือแสดงความยินดีจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ฯลฯ

ในฐานะผู้นำรัฐบาลไทยที่มาจากการเลือกตั้ง

โดย พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันต่อผู้นำต่างชาติ และส่งสัญญาณถึงนักลงทุนต่างประเทศไปพร้อมกันว่า ประเทศไทยกำลังฟอร์มรัฐบาลชุดใหม่ ไม่ต้องห่วงเรื่องความต่อเนื่องในการบริหาร

ขณะเดียวกัน ก็ยืนยันกับคนไทยจะได้เห็นโฉมหน้า ครม.ชุดใหม่กลางเดือนกรกฎาคม

พร้อมๆกับข่าวว่าที่รัฐมนตรีที่มีชื่ออยู่ในโผตามสื่อมวลชนนำเสนอ ถูกเรียกเข้าไปรับแบบฟอร์มกรอกประวัติที่ทำเนียบรัฐบาล เป็นการประกันความชัดเจนเบื้องต้น

คนที่ได้รับการเรียกตัว ก็เตรียมชุดขาวรอได้

ส่วนพวกที่ไม่ได้รับการต่อสายก็นั่งไม่ติด อย่างนายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท ที่ติดโผ รมช.คลัง นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ที่จ่อ รมว.แรงงาน นายอัครา พรหมเผ่า น้องชายนายธรรมมนัส พรหมเผ่า ที่เบียดแทรกมายึด รมว.ดิจิทัลฯ โควตาพรรคพลังประชารัฐ รวมถึง “หม่อมเต่า” ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่ชื่อติดในตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ

ส่อหลุดโผ ชื่อหายไปดื้อๆเลย

รวมถึงกระแสร้อนๆกรณีของมวยเบอร์ใหญ่อย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร ที่มีกระแสว่าพลิกโผถูกจับไปนั่งกระทรวงอุตสาหกรรม จากเต็งจ๋า รมว.พลังงาน

ถ้าหักกันจริง สถานการณ์แผ่นดินไหวระดับหลายริกเตอร์แน่

เพราะในความเป็นจริงโลกของการเมืองต้องยึดเรื่องเสียงมาก่อนอื่นใด “นายกฯลุงตู่” ต้องซื้อใจนายสุริยะ กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตรในการลุยเกมสภา

ประจัญบานกับนายใหญ่ดูไบ

ถ้าหักดิบสามมิตรก็เท่ากับฆ่าขุนศึกตั้งแต่สงครามยังไม่เริ่ม

อย่างไรก็ตาม มันก็ยังไม่มีหลักประกันแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ตามปรากฏการณ์แบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับ ต้องมีคนหลุดโผ เพราะมีการส่งโพยมากว่า 40 คน แต่ ครม.มีแค่ 36 คน รวมนายกรัฐมนตรี

ที่สำคัญว่ากันว่า ยังต้องมีด่าน “กล้องมุมสูง” สแกนอีกชั้น ไม่ได้ผ่านตลอดง่ายๆ

ตามเงื่อนไข ยังมีโอกาสพลิกโผจนกว่าจะถึงนาทีสุดท้าย

รายชื่อ ครม.ยังไม่นิ่ง จนกว่าจะกลางเดือนกรกฎาคม ที่ “บิ๊กตู่” บอกจะได้ยลโฉม ครม.ใหม่เป็นทางการ

และนั่นก็คือสถานการณ์การสิ้นสุดของรัฐบาล “ประยุทธ์ ภาค 1” ถึงจุดสุดทางอำนาจ คสช. หมดเขตโปรโมชันการใช้งานดาบอาญาสิทธิ์ มาตรา 44

“ประยุทธ์ ภาค 2” ต้องเข้าสู่โหมดรัฐบาลนักการเมืองเต็มขั้น

ตามสถานการณ์ งานแรกที่จ่อรอ ครม.ใหม่คือการแถลงนโยบายต่อสภา

คิวแรกต้องเจอฝ่ายค้านรับน้องหนักแน่

แต่นั่นยังไม่เท่ากับคิวต่อไปคือการผลักดันร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2563 ที่รัฐบาลต้องเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร

ไฟต์เดิมพัน ถ้าไม่ผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณโดนคว่ำ รัฐบาลต้องรับผิดชอบ

นายกรัฐมนตรีต้องลาออกหรือยุบสภา

นั่นคืองานหินของฝ่ายบริหาร ครม.ใหม่ “ประยุทธ์ ภาค 2” แทบไม่มีเวลาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ เพราะสถานการณ์ของฝ่ายนิติบัญญัติ ก็กำลังฟัดกันนัวกับปมหุ้นสื่อขัดรัฐธรรมนูญ

เล่นเกม เดินหมาก “ล้างสภา” กันเลย

อย่างไรก็ตาม ยังถือเป็นมุมบวกของฝั่งรัฐบาล หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องพรรคอนาคตใหม่ขอให้วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล เป็นอันสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญกรณีถูกร้องถือครองหุ้นสื่อ โดยรับไว้พิจารณาวินิจฉัย 32 คน ขณะที่อีก 9 คนเห็นว่าไม่เข้าข่าย

แต่ทั้งหมดยังไม่เข้าเงื่อนไขต้องสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่

ตามเหตุผลที่ศาลรัฐธรรมนูญอธิบายชัดเจน ในเชิงเทียบเคียงกับคดีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ กกต.ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยสมาชิกภาพของนายธนาธร

ที่ผ่านกระบวนการของ กกต. มีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงมาก่อนยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ จึงมีเหตุอันควรสงสัยว่านายธนาธรมีกรณีตามที่ถูกร้อง ศาลรัฐธรรมนูญ จึงมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรค 2

ตามรูปการณ์จึงแตกต่างจากคิวของ 32 ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล

เป็นอันว่า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลยังอยู่เต็มจำนวนในการรับมือเกมโหวตในสภาผู้แทนฯ

และก็เดินหมากย้อนศรทันควัน ทีมกฎหมายพรรคพลังประชารัฐยื่นหนังสือต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยคุณสมบัติความเป็น ส.ส.ของ 33 ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน กรณีถือครองหุ้นสื่อผิดรัฐธรรมนูญ

หนามยอกเอาหนามบ่ง ย้อนรอยกันแบบไม่มีใครยอมใคร

ในสถานการณ์ต้องลุ้นคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเป็นคำตอบสุดท้าย ถ้าผิดจริงคงมีคนหลุด ส.ส.จำนวนหนึ่งไม่มากก็น้อย ถ้าพวกโดนสอยเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ไม่มีปัญหามาก เลื่อนอันดับแทนได้ แต่ถ้าเป็น ส.ส.เขตจะวุ่นวายหน่อย ต้องจัดเลือกตั้งกันใหม่

จำนวนเสียงของแต่ละพรรคอาจเปลี่ยนแปลงได้

ยังไม่นับกรณีการร้องเรียนทุจริตเลือกตั้งที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อีกกว่า 20 เขตเลือกตั้ง ถ้ามีการควักใบแดง ใบเหลือง ใบส้ม

ตัวเลขในสภายังแกว่งได้อีกเยอะ

ซึ่งนั่นก็จะส่งผลต่อเนื่องกับสมการการเมือง ตามแนวโน้มความได้เปรียบของฝั่งรัฐบาล สถานการณ์อาจเปลี่ยนเสียงหนุน พล.อ.ประยุทธ์เพิ่มขึ้นจากเสียงที่แกว่งไปแกว่งมา

และอาจแปรผันกับคิวปรับ ครม.ที่จะเกิดได้บ่อยๆ ตามตัวเลขแนวร่วมใหม่ได้ตลอดเวลา ประกอบกับกรณีรัฐมนตรีที่รับรองคุณสมบัติตัวเองไว้ หากโดนตัดสินคดีในภายหลังก็ต้องโดนปรับออกโดยปริยาย

ต้องแก้เกมกันแบบช็อตต่อช็อต เอาตัวรอดไปให้ได้

ภายใต้เงื่อนไขของสถานการณ์รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำเกินกึ่งหนึ่งแค่ 3-4 เสียง “บิ๊กตู่” ต้องประคองดุลอำนาจ แชร์ผลประโยชน์ให้อยู่ในจุด “สมดุล” ให้มากที่สุด

ในจุดที่พรรคร่วมรัฐบาลเอง โดยเฉพาะตัวแปรอย่างภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ที่ได้หยิบชิ้นปลามันไปแล้วก็คงทำตัว “รู้อยู่” พึงสำเหนียกสิ่งที่ท่องบทนกขุนทองกับประชาชน จะเข้าไปทำงานเพื่อบ้านเพื่อเมือง

ถ้าไม่เว้นเรื่อง “ผลประโยชน์ส่วนตัว” ก็เท่ากับทรยศคำพูดตัวเอง

และถ้าถึงจุดต้องเลือกตั้งใหม่แบบฉุกเฉิน ทั้ง 2 พรรคจะเหนื่อยสุด เพราะไม่มีทั้งกระแสและกระสุน

มันจึงเป็นอะไรที่ไฟต์บังคับต้องเกาะเอว “นายกฯลุงตู่” ประคองกันไป


ในมุมแบบที่ล่าสุดนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ คนเดิม และในฐานะว่าที่กัปตันทีมเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ ได้แสดงความมั่นใจต่อนักลงทุนไทยและต่างประเทศ

ย้ำชัดๆเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ที่พรรคร่วมรัฐบาลดูแลไม่ใช่ปัญหา

เพราะทุกพรรคก็เข้าใจเหมือนกัน และเห็นด้วยที่จะผลักดันโครงการเหล่านี้ให้รวดเร็ว เพราะเป็นโครงการที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดความสำเร็จและเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ตามยุทธศาสตร์ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ได้วางแผนไว้

ส่วนเรื่องงบฯปี 63 ที่อาจล่าช้าเพราะรัฐบาลใหม่เพิ่งตั้ง กว่าจะเบิกจ่ายงบประมาณใหม่ได้ก็ต้นปีหน้า แต่ก็สามารถใช้เม็ดเงินโครงการขนาดใหญ่ที่รัฐบาลอนุมัติไว้เบิกจ่ายหมุนเวียนเศรษฐกิจภายในประเทศไปก่อน

สรุปในเชิงบริหารไม่มีปัญหา เพราะอานิสงส์ความต่อเนื่องของรัฐบาล “ประยุทธ์ภาค 1-ภาค 2”

ส่วนเกมในสภาก็ยังอยู่ในโหมดที่ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ได้ทำหน้าที่ ส.ส.อย่างเต็มที่ มีการปล่อยเบรกยาวให้อภิปรายกันแบบหามรุ่งหามค่ำ เปิดฟลอร์ให้ถกกันแบบไม่ติดเบรก

ในจังหวะเสียง “ปริ่มน้ำ” ก็เล่นเกมหักเหลี่ยมเฉือนคมกันตามกติการัฐธรรมนูญ

โดยสภาพการเมืองในระบบรัฐสภาก็ยังเดินหน้าไปได้ ไม่มีทางตัน


ที่สำคัญอย่าลากออกมานอกสภา แบบที่ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เดินสายเคลื่อนไหวสะสมแนวร่วม ปลุกกระแสการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475

ล้อกับข่าววงใน มือมวลชนเดือนตุลาของ “นายใหญ่” “แทรกซึม” เข้าไปเป็นกุนซือ

กระตุกฝันร้าย ฉากม็อบบนถนนกลับมาหลอนซ้ำอีก.

“ทีมการเมือง”

แก๊งภาคกลางขาเป็นเด็กดีซัดสามมิตรดื้อด้าน

อนุชานิ่งหลังบิ๊กตู่ว้ากใส่ เพื่อไทยดาหน้าเยาะเย้ย ผีถึงป่าช้าแล้วอย่ามาโวย

แกนนำกลุ่ม ส.ส.ภาคกลาง พปชร.ขอเป็นตัวอย่างเด็กดี “สุชาติ” ทำใจไม่ตื๊อดื้อเอาเก้าอี้ ยังหนุน “บิ๊กตู่” เดินหน้าประเทศ เอ่ยวลีหล่อ ถ้าดื้อแล้วได้ขนมคงดื้อทั้งพรรค “สามมิตร” เริ่มแผ่วหลบฉาก “อนุชา” สงบปาก เพื่อไทยสะใจดาหน้าเยาะเย้ย “อนุสรณ์” เหน็บต่อรองตำแหน่งแย่งชามข้าวสะท้อนไร้ปฏิรูป “เจ๊ต้อย” แขวะ “ลุงตู่” เจอแค่โหมโรง ก็ทรุดแล้ว “สมคิด” เย้ยพวกหนุนสืบทอดอำนาจต้องยอมรับสภาพ ผีถึงป่าช้าอย่าโวยวาย “จาตุรนต์” เชื่อ “ประยุทธ์” เพลินอำนาจรัฐบาลอายุสั้นกว่าที่คิด ขณะที่ ปชป.แฮปปี้ “จุรินทร์” ยันลูกพระแม่ธรณีบีบมวยผมเป็นหนึ่งเดียวไร้ขัดแย้ง ชี้เป้าปั่นผลงานฟื้นพรรค ขณะที่ผลโพลระบุคนโคตรเบื่อการเมือง แถมคาใจกระบวนการตั้งรัฐบาลมาราธอน

หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ระหว่างไปร่วมประชุมผู้นำกลุ่ม 20 ที่ญี่ปุ่น ระบุถึงความคืบหน้าการจัดตั้ง ครม.ชุดใหม่ที่เกิดความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐว่า ให้หยุดได้แล้ว ทุกอย่างจบแล้ว นายกฯตัดสินใจเป็นผู้รับผิดชอบ วันหน้าไม่พอใจจะไปไหนก็แล้วแต่ แต่ขอร้องให้อยู่กันไปก่อน ล่าสุดทำให้ความเคลื่อนไหวในพรรคพลังประชารัฐเริ่มแผ่วลงทันที

“สุชาติ” ตัดใจไร้เก้าอี้ยังหนุน “บิ๊กตู่”

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี แกนนำภาคกลางพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวหลุดจากตำแหน่ง รมว.แรงงาน และความเคลื่อนไหวของบางกลุ่มเรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรีภายในโควตาพรรคพลังประชารัฐว่า ต้องยอมรับว่าเหตุผลที่ตนย้ายจากพรรคพลังชล มาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ใช่มาเพื่อมีตำแหน่งตรงนั้นตรงนี้แต่อย่างใด จึงขอวิงวอนบางกลุ่มที่ยังเคลื่อนไหวให้คำนึงถึงความเชื่อมั่นในการเดินหน้าประเทศ ปัญหาภายในพรรคที่เป็นอยู่นี้ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคและนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นผู้นำพรรคและมีหน้าที่โดยตรงต้องลงมาแก้ปัญหาความไม่ลงรอยต่างๆในพรรคด้วยตัวเอง

เป็นเด็กดีดื้อได้ขนมคงวุ่นทั้งพรรค

นายสุชาติกล่าวอีกว่า ส่วนทางออกของการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น นายกฯมีอำนาจเต็มเพียงคนเดียวเท่านั้นในการพิจารณา เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำจบหมดแล้ว บางคนอาจจะได้กระทรวงที่ไม่ต้องการ แต่ถึงอย่างไรตนเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าใครจะอยู่ตรงไหนสามารถทำงานได้ทั้งสิ้น วันนี้เราต้องเชื่อมั่นในความเป็นผู้นำ และความสามารถของ พล.อ.ประยุทธ์ กลุ่มชลบุรีไม่มีปัญหา และกลุ่มภาคกลางได้คุยกันแล้วว่าต้องการให้นายกฯทำงานและตั้ง ครม.ได้ เราเป็นเด็กดี ถ้าเป็นเด็กดื้อแล้วได้ขนม คงจะดื้อกันทั้งพรรค ถ้าเป็นแบบนั้นถือว่าเรียกร้องผลประโยชน์เพื่อส่วนตัวอย่างเดียว

“สามมิตร” ขอนิ่งหลังนายกฯฮึ่มใส่

ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ขอสัมภาษณ์นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ แกนนำกลุ่มสามมิตรที่มีกระแสข่าวหลุดจากตำแหน่ง รมช.คลัง ตามที่เคยตกลงไว้ก่อนหน้า และเป็นคนออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว ยินดีถูกปรับออก แต่ขออย่าเปลี่ยนแปลงโควตาของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ปรากฏว่านายอนุชาตอบปฏิเสธว่า “ขอยังไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆในตอนนี้”“ดอน” เขินคุยแต่จี 20 ไม่รู้อนาคต

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกระแสข่าวจะได้กลับมาเป็น รมว.ต่างประเทศอีกครั้งในรัฐบาลใหม่ว่า ตอบไม่ได้ เพราะต้องไปรออะไรต่ออะไรก่อน ณ วันนี้ คุยแต่เรื่องจี 20 และ อาเซียนเท่านั้น อะไรที่เราทำมาด้านอาเซียนถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อถามว่าในการประชุมอาเซียนช่วงปลายปี 2562 จะยังอยู่ในตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบงานหรือไม่ นายดอนตอบว่า เรื่องนี้ต้องดูกันต่อไป แต่เราทำมาแล้ว 2 รอบที่ผ่านมา โดยรวมถือว่าประสบความสำเร็จ ซึ่งไม่ใช่เรื่องของการจัดการ แต่เป็นเรื่องเนื้อหาที่มีความแปลกใหม่ เรียกรวมๆว่า ถักทอ ร้อยรัด ต่อยอด เมื่อถามว่า ถ้าเช่นนั้นต้องอยู่ถักทอต่อ นายดอนตอบว่า ต้องรอดูต่อไป อันนี้ตนไม่ทราบ เมื่อถามอีกว่า ต้องเข้าไปกรอกประวัติรัฐมนตรีเมื่อไหร่ นายดอนตอบอย่างอารมณ์ดีว่า ไม่ทราบ

พท.สับแย่งชามข้าวสะท้อนปฏิรูป

ด้านฝ่ายค้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกลุ่มสามมิตรและกลุ่ม ส.ส.ภาคกลางพรรคพลังประชารัฐ ไม่พอใจที่ถูก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ปรับเปลี่ยนโผ ครม.ว่า เหตุที่ตั้ง ครม.ไม่ได้ทั้งที่พ้นการเลือกตั้งมาเกือบ 4 เดือน ยังแย่งชามข้าวกันไม่จบถือเป็นความเสื่อม อย่าพูดว่าการปฏิรูปการเมืองยังไม่สำเร็จเพราะยังไม่เคยได้ปฏิรูปอะไรเลย สงสารประชาชนที่ต้องติดหล่มอยู่ในการเมืองที่ไม่มีความแน่นอน ที่นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ ออกมาตั้งโต๊ะขู่ถ้ารังแกกันไม่เลิกจะแฉกลับให้เป็นเรื่องระดับชาติ ออกมาทวงสัจจะชายชาติทหารจาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่รู้ว่าความฝันของนายอนุชาจะสำเร็จหรือไม่ ไม่รู้ว่าครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะสะกดคำว่าสัจจะถูกหรือไม่ ประชาชนต่างรู้สึกสิ้นหวัง คนที่รับกรรมไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นประเทศชาติและประชาชนที่จะต้องอยู่ในภาวะมืดมนไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ ขอให้หยุดแย่งชามข้าวกันแล้วมาแก้ปัญหาให้ประชาชนโดยเร่งด่วน

เย้ย “บิ๊กตู่” เจอแค่โหมโรมก็ทรุดแล้ว

นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯระบุขอให้อย่าจ้องแต่จะล้มรัฐบาล หากเรื่องไหนทำให้เกิดความยั่งยืนของประเทศควรจะยกมือพร้อมกันทั้งสภาฯว่า รัฐบาลจะล้มหรือไม่อยู่ที่การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งประชาชนให้การยอมรับและอยากให้รัฐบาลอยู่เพื่อสืบทอดอำนาจหรือไม่ การจะให้พรรคฝ่ายค้านยกมือสนับสนุนรัฐบาลอยู่ที่การกระทำของ ครม. และ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลทำดีทำถูกต้องหรือไม่ ฝ่ายค้านต้องการแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย เสนอญัตติด่วนให้สภาฯตั้งกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาหาข้อเท็จจริงว่าการสรรหา ส.ว. พล.อ.ประยุทธ์จะยอมรับได้ไหมหรือจะขัดขวางไม่ให้สภาฯทำหน้าที่ควบคุมตรวจสอบ แค่เพียงโหมโรง พล.อ.ประยุทธ์ก็แสดงทีท่าอ่อนใจ ฉากต่อไปรับรองเข้มข้นกว่านี้ พล.อ.ประยุทธ์จะประจักษ์ว่า การเป็นนายกฯสมัยที่ 2 อาจจะยากกว่าการเข็นครกขึ้นภูเขา

“สมคิด” แขวะผีดัน “ลุงตู่” อย่าโวยวาย

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ความขัดแย้งภายในพรรคแกนนำรัฐบาลควรหยุดได้แล้ว วันนี้ประชาชนเดือดร้อนบางภาคฝนขาดช่วง บางภาคศัตรูพืชทำลายพืชผลทางการเกษตร แต่ไม่มีใครเข้าไปช่วยแก้ปัญหา นายกฯควรรีบดำเนินการเรื่องโผ ครม.ให้เรียบร้อยโดยเร็ว หากยังไม่เสร็จสิ้นปล่อยให้มีการต่อรองไม่สิ้นสุดจะไม่มีคนไปแก้ปัญหาให้ชาวบ้านเสียที ภาพการแย่งชิงตำแหน่งที่ออกมาประชาชนเอือมระอา ทำให้ภาพรวมของการเมืองเสียหายไปด้วย ดังนั้นเมื่อคิดจะสนับสนุนการสืบทอดอำนาจแล้วต้องยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นจะมาโวยวายกันทำไม ตอนนี้เป็นเหมือนผีถึงป่าช้าไม่เผาก็ต้องฝัง ทำอะไรไม่ได้ทำงานให้ประชาชนดีกว่า

“จาตุรนต์” หวัง รบ.อายุสั้นกว่าที่คิด

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตที่ปรึกษายุทธศาสตร์ พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า โค้งสุดท้ายก่อนที่จะมี ครม.ภาพการต่อรองแก่งแย่งผลประโยชน์กันสูงมาก ทำให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ยากที่จะบริหาร แม้จะเคยวิจารณ์ว่า การล้มของรัฐบาลไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะมีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง แต่จากภาพความขัดแย้งของ พ.อ.ประยุทธ์กับนักการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ ทำให้เห็นว่าบางทีรัฐบาลอาจอยู่ได้สั้นกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ และรัฐบาลหลังการเลือกตั้งที่มีที่มาจากความไม่ชอบธรรมในการจัด ครม.มองการต่อรองผลประโยชน์เป็นหลัก ต่างฝ่ายต่างอาจมองไม่เห็นความจำเป็นของอีกฝ่าย ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์อาจเห็นว่าตัวเองมีกองทัพและมี ส.ว. 250 เสียงสนับสนุน ทำให้ถือไพ่เหนือกว่า แต่พรรคการเมืองอื่นอาจเห็นว่ารัฐบาลเองต้องมีเสียงในสภาฯเกินกึ่งหนึ่ง เมื่อเสียงปริ่มน้ำมากจึงทำให้เห็นว่าพรรคการเมืองก็มีความสำคัญเขาจึงต่อรองเอาสิ่งที่ต้องการ

อ่านขาด “ประยุทธ์” หลงใหลอำนาจ

นายจาตุรนต์กล่าวว่า การต่อรองไม่มีการพูดเรื่องนโยบาย ไม่ได้พูดถึงความเหมาะสมของตัวบุคคล แต่เป็นเรื่องที่ดูตามความใกล้ชิดอิทธิพลบารมีของบุคคลในแต่ละฝ่าย เท่ากับเป็นรัฐบาลที่เราจะสะสมความไม่ชอบธรรมเต็มไปหมด เมื่อรัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำมีความขัดแย้งเต็มไปหมดอย่างนี้ จะทำให้คนเห็นว่ารัฐบาลนี้ไม่มีเสถียรภาพ พล.อ.ประยุทธ์เลยกลายเป็นปัญหาให้พรรคแกนนำรัฐบาล ตอนนี้ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์จะแก้ปัญหาระหว่างตัวเองกับพรรคพลังประชารัฐอย่างไร ทำอย่างไรที่จะประนีประนอมพรรคร่วมรัฐบาลอื่นไว้ให้ได้ แต่ทั้งหมดน่าเศร้าใจตรงที่ว่าไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับนโยบายและการแก้ไขปัญหาประเทศ มีแต่เรื่องจะทำให้รัฐบาลอยู่ได้อย่างไร ต่อรองผลประโยชน์กันเป็นหลัก ถามว่าทำไม พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยให้เกิดสภาพแบบนี้โดยที่ยังไม่สรุปเรื่อง ครม.เป็นเพราะว่า พล.อ.ประยุทธ์กำลังสนุกสนานกับการใช้อำนาจ ในฐานะ นายกฯจากการรัฐประหารและอำนาจของ คสช.

“ธนาธร” ซัดล้าหลังฝังหัวต้านม็อบ

ที่ร้านหนังสือบุ๊คโคล่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วย น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมกิจกรรมเสวนาหนังสือหัวข้อ “แอนิมอลฟาร์มและดิสโทเปียอื่นๆ” โดยนายธนาธรกล่าวตอนหนึ่งว่า หนังสือเรื่องแอนิมอล ฟาร์ม อ่านนานมากแล้ว เป็นหนึ่งในหนังสือที่นักกิจกรรม คนทำกิจกรรมการเมืองต้องอ่าน อยากยกตัวอย่างชุดความคิดที่ล้าหลังมากกับโลกสมัยใหม่ แต่กำลังเป็นสิ่งที่ผู้มีอำนาจทำได้สำเร็จในสังคมไทย นั่นคือเขาพยายามบอกว่าการชุมนุมคือ ความวุ่นวาย นี่เป็นสิ่งที่สังคมไทยรู้สึก ทั้งที่จริงๆแล้วการชุมนุมเป็นสิทธิเสรีภาพตามการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เป็นการตรวจสอบการใช้อำนาจของผู้มีอำนาจด้วย เราไม่รู้หรอกว่า อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดในกฎเกณฑ์การอยู่ด้วยกัน ทุกอย่างมีความเปลี่ยนแปลง ระบอบประชาธิปไตยเองก็มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเช่นกัน

“จุรินทร์” ยัน ปชป. เป็นหนึ่งไม่ขัดแย้ง

ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ บีช รีสอร์ทแอนด์วิลล่า หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลสรุปการสัมมนากรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ว่า ทุกคนรับรู้ยุทธศาสตร์ของพรรคที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วย 3 กลไกหลัก คือ กลไกของรัฐมนตรีของพรรค กลไกของ ส.ส.พรรค และกลไกกรรมการบริหารพรรค รวมถึงสมาชิกพรรคยืนยันว่า พรรคมีความเป็นเอกภาพ ไม่มีการแบ่งกลุ่มแบ่งฝ่าย สัมมนา 3 วัน 2 คืน สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า พรรคประชาธิปัตย์รวมกันเป็นหนึ่งทำงานเป็นทีมอเวนเจอร์สประชาธิปัตย์ภายใต้อุดมการณ์ทันสมัย

ไร้เวลาฮันนีมูนเร่งแก้ ศก.ฐานราก

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ครม. ลงมาแล้ว พรรคจะนัดประชุมรัฐมนตรีทุกเย็นวันจันทร์ เพื่อตรวจการบ้านซักซ้อมความเข้าใจก่อนประชุม ครม. ในวันอังคาร และจะเดินสายลงพื้นที่ทั่วประเทศรับฟังปัญหาเศรษฐกิจปากท้องและสินค้าเกษตร แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฐานรากที่เป็นปัจจัยสำคัญที่พรรคตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล วันที่ 1 ก.ค. ตนและคณะพบกับกลุ่มสมาคมชาวไร่มันสำปะหลัง ผู้ประกอบการธุรกิจ และผู้ส่งออกมันสำปะหลังทั่วประเทศ 45 จังหวัดที่ จ.นครราชสีมา วันที่ 5 ก.ค. จะเดินทางไปพบเกษตรกรชาวสวนลำไย จ.ลำพูน รัฐบาลชุดนี้จะไม่มีช่วงเวลาฮันนีมูน ประชาชนคาดหวังให้เข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ยังลงไปไม่ถึงเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะเกษตรกร ชาวประมง และกลุ่มผู้ด้อยโอกาส

ชี้ปม พปชร. ขัดแย้งไม่เท่าไร้ผลงาน

เมื่อถามถึงเสถียรภาพรัฐบาลที่ขณะนี้พรรคพลังประชารัฐ แกนนำรัฐบาล มีความขัดแย้งเกิดขึ้นภายใน จะบริหารงานได้ราบรื่นหรือไม่ นายจุรินทร์ ตอบว่า เสถียรภาพของรัฐบาลยังเดินหน้าได้ เพราะปัจจัยเรื่องเสถียรภาพมี 2 ด้านคือ 1.ปัจจัยเชิงปริมาณต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง 2.ปัจจัยเชิงคุณภาพ ประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดิน หากประสบความสำเร็จแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้จะช่วยเสริมเสถียรภาพของรัฐบาลให้มั่นคงได้ ทุกอย่างต้องรอพิสูจน์หลังเข้ารับหน้าที่

“ปริญญ์” เชื่อนักลงทุนเริ่มมองบวก

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ กล่าวถึงกระแสข่าวการจัดเก้าอี้รัฐมนตรีไม่ลงตัวภายในพลังประชารัฐว่า จะไม่กระทบงานภาพรวมในอนาคต เชื่อว่านายกฯคงจะคุยจบแล้ว ไม่น่ามีปัญหากระทบกับประชาธิปัตย์ ตนอยู่ในแวดวงตลาดหลักทรัพย์ นักลงทุน ทราบดีว่า มีปัญหาไม่ลงตัวในพรรคพลังประชารัฐ แต่ทุกคนอยากให้ตั้งรัฐบาลโดยเร็วเร่งทำงาน เห็นภาพ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางกลับจากประชุมจี 20 เริ่มมองบวก เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะเดินหน้าได้ และต้องเร่งทำงานเพราะรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ที่ไม่มีใครทราบแน่นอนว่าจะอยู่ได้กี่เดือนกี่ปี ไฟลนก้นต้องเร่งแสดงฝีมือให้จับต้องได้ เป็นจุดดีที่นักลงทุนชอบ

“นคร” หยัน “เฉลิมชัย” ฝันไกลไป

นายนคร มาฉิม อดีตผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศมีความฝันจะพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อให้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกฯคนต่อไปว่า รู้สึกทึ่งมากขอเป็นกำลังใจให้ แต่อย่าลืมว่าภายใต้รัฐธรรมนูญและสภาพการเมืองที่ประชาธิปัตย์เข้าไปร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สืบทอดอำนาจเผด็จการ คสช.นั้น ประชาธิปัตย์จะทำอะไรได้ นายเฉลิมชัยรู้หรือไม่ว่า ครม.ประยุทธ์จะอยู่ไปถึง 6 เดือนหรือเปล่า กล้าเดิมพันหรือไม่ว่า ถ้าประชาธิปัตย์ได้ ส.ส.ต่ำกว่า 53 เสียง หัวหน้าพรรคจะลาออกเหมือนกับที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยประกาศมาแล้ว ลำพังแค่จะพาพรรคให้รอดยังลำบาก ฝันไกลไปหรือเปล่าถึงอนาคตที่จะให้หัวหน้าพรรคเป็นนายกฯ เอาแค่สัญญาประชาคมที่เคยให้ไว้ว่า จะไม่สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ สืบทอดอำนาจ ที่ให้ไว้ต่อประชาชนยังไม่ทำตามที่สัญญาไว้เลย

ผลโพลคนโคตรเบื่อการเมือง

ซูเปอร์โพลเผยผลสำรวจ เรื่องอารมณ์สาธารณชนต่อการเมือง กรณีศึกษาจากประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 1,673 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 20-29 มิ.ย.ถึงการตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ส.รัฐบาล-ฝ่ายค้านและ ส.ว.พบว่า ร้อยละ 87.2 เห็นด้วย ร้อยละ 12.8 ไม่เห็นด้วย ส่วนความกังวลต่อความขัดแย้งรุนแรงบานปลาย พบร้อยละ 67.5 กังวลมากถึงมากที่สุด ร้อยละ 23.2 กังวลปานกลาง และร้อยละ 9.3 กังวลน้อยถึงไม่กังวลเลย เมื่อถามถึงความเบื่อหน่ายต่อปัญหาการเมืองขณะนี้ พบร้อยละ 92.4 รู้สึกเบื่อ เบื่อสุดๆถึงโคตรเบื่อ มีเพียงร้อยละ 7.6 รู้สึกไม่เบื่อ เมื่อถามถึงการเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พบร้อยละ 59.5 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 40.5 เห็นด้วย และเมื่อถามถึงช่วงเวลาที่ให้โอกาสรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์แก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชน พบร้อยละ 46.9 ให้โอกาสไม่เกิน 1 ปี ร้อยละ 30.7 ให้โอกาส 1-2 ปี ร้อยละ 8.1 ให้ 2-3 ปี ร้อยละ 11.2 ให้ 3-4 ปี และร้อยละ 3.4 ให้ 4 ปีขึ้นไป

คาใจรุมทึ้งเก้าอี้ รมต.ตั้งรัฐบาล

ขณะที่ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยผลสำรวจความคิดเห็น 10 อันดับ ปัญหาการ เมืองไทยที่คาใจประชาชน โดยสอบถามความเห็นจากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ 1,327 คน ระหว่างวันที่ 25-29 มิ.ย. พบว่าร้อยละ 46.87 คาใจการจัดตั้งรัฐบาล เก้าอี้รัฐมนตรี ร้อยละ 38.28 การทุจริตคอร์รัปชัน ร้อยละ 33.38 ผลการเลือกตั้ง 24 มี.ค. ร้อยละ 26.53 การบริหารประเทศของรัฐบาล นโยบายประชารัฐ ร้อยละ 25.62 ที่มาของ 250 ส.ว. บทบาทและอำนาจหน้าที่ ร้อยละ 22.31 กฎหมายรัฐธรรมนูญ การบังคับใช้กฎหมาย ร้อยละ 21.85 ตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ส.ถือหุ้นสื่อ ร้อยละ 19.74 การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ ร้อยละ 17.33 การใช้งบประมาณในโครงการต่างๆ และร้อยละ 14.77 คุณธรรมจริยธรรมทางการเมือง


“อุตตม” คุมคลังทำลาย 3 เสาหลัก

ที่ห้องประชุม 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง กล่าวในเวทีเสวนาประชาชนหัวข้อ “เวทีตรวจสอบรายชื่อคณะรัฐมนตรี ประยุทธ์ 2 กับเสียงสะท้อนของประชาชน” ว่า ถ้าใน ครม. มีนายอุตตม สาวนายน เป็นว่าที่ รมว.คลัง ตนห่วงใยจะทำให้ ครม.มีปัญหา เพราะกรณีกันคนเป็นพยานคดีปล่อยเงินกู้ของธนาคารกรุงไทย หมายความว่าคนนั้นต้องเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วย กระบวนการดังกล่าวเป็นการฟอกตัวจากผู้ร่วมกระทำความผิดเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่ ที่สำคัญกว่าคือ รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่ารัฐมนตรีต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ประจักษ์ และไม่ฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง เปรียบเหมือนกับว่า นายอุตตม เป็นรัฐมนตรีเท่ากับขัดกฎหมายตั้งแต่ประกาศแต่งตั้งเลยหรือไม่ และการตั้งเข้ามาบัญชาการธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เจ้าหน้าที่ 3 หน่วยงานนี้รู้ว่าใครที่เป็นคนทำหรือมีส่วนร่วมทำความผิด แล้วจะเคารพศรัทธาผู้บังคับบัญชาคนนั้นได้อย่างไร หากนายกฯรู้แล้วยังแต่งตั้ง เหมือนไม่เคารพศักดิ์ศรีของ 3 หน่วยงานหลักของชาติ


พี่ดุนะ

พี่ดุ นะ รับไหวเหรอ ??!!

“นายกฯบิ๊กตู่” ส่งเสียง เอ็ด มาจาก Osaka  เตือนสตินักการเมือง เลือกกระทรวง ชี้ ไม่ใช่บริษัท ลั่น ผมมีหน้าที่รับผิดชอบได้ตัดสินใจแล้ว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ 

“การเป็นรัฐมนตรี ไม่อยากให้มองว่ากระทรวงใหญ่ หรือ กระทรวงเล็ก กระทรวงเอ กระทรวงบี เพราะว่าไม่ใช่บริษัท 
ทุกกระทรวงมีความสำคัญเท่ากันหมด เพราะถูกเลือกมาด้วยปวงชนชาวไทย ไม่ใช่ประชาชนชาวไทย 
ดังนั้น การเป็นรัฐมนตรี อยากให้ดูความเหมาะสม 

ถึงแม้ว่าจะเป็นโควตาของแต่ละพรรคการเมือง แต่ถ้าทำไม่ดี ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ ไม่ต้องกังวล 

แต่วันนี้อยากให้ทุกอย่างเดินหน้า แล้วการปฏิรูปการเมือง นายกฯปฏิรูปคนเดียวไม่ได้ นักการเมืองทุกคน ทุกพรรค ต้องมุ่งหวังที่จะทำหน้าที่ให้กับประชาชนอย่างแท้จริง เพราะคณะรัฐมนตรี เป็นของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่ของจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง 

แต่ทั้งหมดต้องสามารถตอบความต้องการของประชาชนได้ และต้องเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศให้ได้ 

จึงขอให้หยุดการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะทางโซเชียล เพราะตนเองที่มีหน้าที่รับผิดชอบได้ตัดสินใจแล้ว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ”

“รายชื่อที่เสนอมาเป็นรัฐมนตรี. ส่วนตัวผมรู้จักทุกคน จึงขออย่าให้เกิดความวุ่นวายมาก

ขณะนี้ในต่างประเทศให้การยอมรับว่าไทยมีรัฐบาลแล้ว ถ้าหากต่อไปไม่ดีสามารถแก้ไขได้ โดย ยืนยันได้ทำความเข้าใจกับทุกคนแล้ว และทุกคนเข้าใจกันดีไม่มีปัญหา เพราะต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะใครก็ตาม ต้องเข้าใจผมเพราะผมเป็นนายกรัฐมนตรี” พล.อ.ประยุทธ์  ให้สัมภาษณ์  ในระหว่าง ประชุม G20  ที่ Osaka ญี่ปุ่น