PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

กระเพื่อม

และก็ถือเป็นจังหวะเปิดตัวนายกฯสมัยสองกับผู้นำเบอร์ต้นๆของโลก ตามช็อตที่ “นายกฯลุงตู่” มีการจับมือแสดงความยินดีจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ฯลฯ

ในฐานะผู้นำรัฐบาลไทยที่มาจากการเลือกตั้ง

โดย พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันต่อผู้นำต่างชาติ และส่งสัญญาณถึงนักลงทุนต่างประเทศไปพร้อมกันว่า ประเทศไทยกำลังฟอร์มรัฐบาลชุดใหม่ ไม่ต้องห่วงเรื่องความต่อเนื่องในการบริหาร

ขณะเดียวกัน ก็ยืนยันกับคนไทยจะได้เห็นโฉมหน้า ครม.ชุดใหม่กลางเดือนกรกฎาคม

พร้อมๆกับข่าวว่าที่รัฐมนตรีที่มีชื่ออยู่ในโผตามสื่อมวลชนนำเสนอ ถูกเรียกเข้าไปรับแบบฟอร์มกรอกประวัติที่ทำเนียบรัฐบาล เป็นการประกันความชัดเจนเบื้องต้น

คนที่ได้รับการเรียกตัว ก็เตรียมชุดขาวรอได้

ส่วนพวกที่ไม่ได้รับการต่อสายก็นั่งไม่ติด อย่างนายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท ที่ติดโผ รมช.คลัง นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ที่จ่อ รมว.แรงงาน นายอัครา พรหมเผ่า น้องชายนายธรรมมนัส พรหมเผ่า ที่เบียดแทรกมายึด รมว.ดิจิทัลฯ โควตาพรรคพลังประชารัฐ รวมถึง “หม่อมเต่า” ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่ชื่อติดในตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ

ส่อหลุดโผ ชื่อหายไปดื้อๆเลย

รวมถึงกระแสร้อนๆกรณีของมวยเบอร์ใหญ่อย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร ที่มีกระแสว่าพลิกโผถูกจับไปนั่งกระทรวงอุตสาหกรรม จากเต็งจ๋า รมว.พลังงาน

ถ้าหักกันจริง สถานการณ์แผ่นดินไหวระดับหลายริกเตอร์แน่

เพราะในความเป็นจริงโลกของการเมืองต้องยึดเรื่องเสียงมาก่อนอื่นใด “นายกฯลุงตู่” ต้องซื้อใจนายสุริยะ กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตรในการลุยเกมสภา

ประจัญบานกับนายใหญ่ดูไบ

ถ้าหักดิบสามมิตรก็เท่ากับฆ่าขุนศึกตั้งแต่สงครามยังไม่เริ่ม

อย่างไรก็ตาม มันก็ยังไม่มีหลักประกันแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ตามปรากฏการณ์แบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยอมรับ ต้องมีคนหลุดโผ เพราะมีการส่งโพยมากว่า 40 คน แต่ ครม.มีแค่ 36 คน รวมนายกรัฐมนตรี

ที่สำคัญว่ากันว่า ยังต้องมีด่าน “กล้องมุมสูง” สแกนอีกชั้น ไม่ได้ผ่านตลอดง่ายๆ

ตามเงื่อนไข ยังมีโอกาสพลิกโผจนกว่าจะถึงนาทีสุดท้าย

รายชื่อ ครม.ยังไม่นิ่ง จนกว่าจะกลางเดือนกรกฎาคม ที่ “บิ๊กตู่” บอกจะได้ยลโฉม ครม.ใหม่เป็นทางการ

และนั่นก็คือสถานการณ์การสิ้นสุดของรัฐบาล “ประยุทธ์ ภาค 1” ถึงจุดสุดทางอำนาจ คสช. หมดเขตโปรโมชันการใช้งานดาบอาญาสิทธิ์ มาตรา 44

“ประยุทธ์ ภาค 2” ต้องเข้าสู่โหมดรัฐบาลนักการเมืองเต็มขั้น

ตามสถานการณ์ งานแรกที่จ่อรอ ครม.ใหม่คือการแถลงนโยบายต่อสภา

คิวแรกต้องเจอฝ่ายค้านรับน้องหนักแน่

แต่นั่นยังไม่เท่ากับคิวต่อไปคือการผลักดันร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2563 ที่รัฐบาลต้องเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร

ไฟต์เดิมพัน ถ้าไม่ผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณโดนคว่ำ รัฐบาลต้องรับผิดชอบ

นายกรัฐมนตรีต้องลาออกหรือยุบสภา

นั่นคืองานหินของฝ่ายบริหาร ครม.ใหม่ “ประยุทธ์ ภาค 2” แทบไม่มีเวลาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ เพราะสถานการณ์ของฝ่ายนิติบัญญัติ ก็กำลังฟัดกันนัวกับปมหุ้นสื่อขัดรัฐธรรมนูญ

เล่นเกม เดินหมาก “ล้างสภา” กันเลย

อย่างไรก็ตาม ยังถือเป็นมุมบวกของฝั่งรัฐบาล หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องพรรคอนาคตใหม่ขอให้วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล เป็นอันสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญกรณีถูกร้องถือครองหุ้นสื่อ โดยรับไว้พิจารณาวินิจฉัย 32 คน ขณะที่อีก 9 คนเห็นว่าไม่เข้าข่าย

แต่ทั้งหมดยังไม่เข้าเงื่อนไขต้องสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่

ตามเหตุผลที่ศาลรัฐธรรมนูญอธิบายชัดเจน ในเชิงเทียบเคียงกับคดีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ กกต.ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยสมาชิกภาพของนายธนาธร

ที่ผ่านกระบวนการของ กกต. มีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงมาก่อนยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ จึงมีเหตุอันควรสงสัยว่านายธนาธรมีกรณีตามที่ถูกร้อง ศาลรัฐธรรมนูญ จึงมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรค 2

ตามรูปการณ์จึงแตกต่างจากคิวของ 32 ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล

เป็นอันว่า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลยังอยู่เต็มจำนวนในการรับมือเกมโหวตในสภาผู้แทนฯ

และก็เดินหมากย้อนศรทันควัน ทีมกฎหมายพรรคพลังประชารัฐยื่นหนังสือต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยคุณสมบัติความเป็น ส.ส.ของ 33 ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน กรณีถือครองหุ้นสื่อผิดรัฐธรรมนูญ

หนามยอกเอาหนามบ่ง ย้อนรอยกันแบบไม่มีใครยอมใคร

ในสถานการณ์ต้องลุ้นคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเป็นคำตอบสุดท้าย ถ้าผิดจริงคงมีคนหลุด ส.ส.จำนวนหนึ่งไม่มากก็น้อย ถ้าพวกโดนสอยเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ไม่มีปัญหามาก เลื่อนอันดับแทนได้ แต่ถ้าเป็น ส.ส.เขตจะวุ่นวายหน่อย ต้องจัดเลือกตั้งกันใหม่

จำนวนเสียงของแต่ละพรรคอาจเปลี่ยนแปลงได้

ยังไม่นับกรณีการร้องเรียนทุจริตเลือกตั้งที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อีกกว่า 20 เขตเลือกตั้ง ถ้ามีการควักใบแดง ใบเหลือง ใบส้ม

ตัวเลขในสภายังแกว่งได้อีกเยอะ

ซึ่งนั่นก็จะส่งผลต่อเนื่องกับสมการการเมือง ตามแนวโน้มความได้เปรียบของฝั่งรัฐบาล สถานการณ์อาจเปลี่ยนเสียงหนุน พล.อ.ประยุทธ์เพิ่มขึ้นจากเสียงที่แกว่งไปแกว่งมา

และอาจแปรผันกับคิวปรับ ครม.ที่จะเกิดได้บ่อยๆ ตามตัวเลขแนวร่วมใหม่ได้ตลอดเวลา ประกอบกับกรณีรัฐมนตรีที่รับรองคุณสมบัติตัวเองไว้ หากโดนตัดสินคดีในภายหลังก็ต้องโดนปรับออกโดยปริยาย

ต้องแก้เกมกันแบบช็อตต่อช็อต เอาตัวรอดไปให้ได้

ภายใต้เงื่อนไขของสถานการณ์รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำเกินกึ่งหนึ่งแค่ 3-4 เสียง “บิ๊กตู่” ต้องประคองดุลอำนาจ แชร์ผลประโยชน์ให้อยู่ในจุด “สมดุล” ให้มากที่สุด

ในจุดที่พรรคร่วมรัฐบาลเอง โดยเฉพาะตัวแปรอย่างภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ที่ได้หยิบชิ้นปลามันไปแล้วก็คงทำตัว “รู้อยู่” พึงสำเหนียกสิ่งที่ท่องบทนกขุนทองกับประชาชน จะเข้าไปทำงานเพื่อบ้านเพื่อเมือง

ถ้าไม่เว้นเรื่อง “ผลประโยชน์ส่วนตัว” ก็เท่ากับทรยศคำพูดตัวเอง

และถ้าถึงจุดต้องเลือกตั้งใหม่แบบฉุกเฉิน ทั้ง 2 พรรคจะเหนื่อยสุด เพราะไม่มีทั้งกระแสและกระสุน

มันจึงเป็นอะไรที่ไฟต์บังคับต้องเกาะเอว “นายกฯลุงตู่” ประคองกันไป


ในมุมแบบที่ล่าสุดนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ คนเดิม และในฐานะว่าที่กัปตันทีมเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ ได้แสดงความมั่นใจต่อนักลงทุนไทยและต่างประเทศ

ย้ำชัดๆเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ที่พรรคร่วมรัฐบาลดูแลไม่ใช่ปัญหา

เพราะทุกพรรคก็เข้าใจเหมือนกัน และเห็นด้วยที่จะผลักดันโครงการเหล่านี้ให้รวดเร็ว เพราะเป็นโครงการที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดความสำเร็จและเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ตามยุทธศาสตร์ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ได้วางแผนไว้

ส่วนเรื่องงบฯปี 63 ที่อาจล่าช้าเพราะรัฐบาลใหม่เพิ่งตั้ง กว่าจะเบิกจ่ายงบประมาณใหม่ได้ก็ต้นปีหน้า แต่ก็สามารถใช้เม็ดเงินโครงการขนาดใหญ่ที่รัฐบาลอนุมัติไว้เบิกจ่ายหมุนเวียนเศรษฐกิจภายในประเทศไปก่อน

สรุปในเชิงบริหารไม่มีปัญหา เพราะอานิสงส์ความต่อเนื่องของรัฐบาล “ประยุทธ์ภาค 1-ภาค 2”

ส่วนเกมในสภาก็ยังอยู่ในโหมดที่ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ได้ทำหน้าที่ ส.ส.อย่างเต็มที่ มีการปล่อยเบรกยาวให้อภิปรายกันแบบหามรุ่งหามค่ำ เปิดฟลอร์ให้ถกกันแบบไม่ติดเบรก

ในจังหวะเสียง “ปริ่มน้ำ” ก็เล่นเกมหักเหลี่ยมเฉือนคมกันตามกติการัฐธรรมนูญ

โดยสภาพการเมืองในระบบรัฐสภาก็ยังเดินหน้าไปได้ ไม่มีทางตัน


ที่สำคัญอย่าลากออกมานอกสภา แบบที่ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เดินสายเคลื่อนไหวสะสมแนวร่วม ปลุกกระแสการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475

ล้อกับข่าววงใน มือมวลชนเดือนตุลาของ “นายใหญ่” “แทรกซึม” เข้าไปเป็นกุนซือ

กระตุกฝันร้าย ฉากม็อบบนถนนกลับมาหลอนซ้ำอีก.

“ทีมการเมือง”

ไม่มีความคิดเห็น: