PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ปฏิรูปตำรวจ 'ง่ายที่ทำให้ยาก'

    ปฏิรูปตำรวจ 'ง่ายที่ทำให้ยาก'

  • Thursday, July 6, 2017 - 00:00

    "ทำไมเอาทหารมาปฏิรูปตำรวจ?"
    ผมไม่ได้ถาม........
    แต่นักข่าว-นักโพสต์ออนไลน์ เขาถาม เมื่อทราบข่าว
    "ครม.ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ)" เมื่อวานซืน
    กรรมการทั้งหมด ๓๖ ท่าน คนที่ ครม.แต่งตั้งเป็นประธานปฏิรูปตำรวจ คือ
    "พลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์" อดีต ผบ.สูงสุด
    ท่านเป็นใคร มาจากไหน?
    "เป็นดอกเตอร์ จบจากโรงเรียนนายร้อยทหารบก เวสต์ปอยต์ สหรัฐอเมริกา ไว้ใจได้ และท่านเป็นอาจารย์ของผม"
    นี่คือคำตอบ และใบรับรองคุณภาพ ออกโดย "นายกฯ ประยุทธ์"!
    ก็ดีใจแทนนายกฯ......
    ไม่ใช่ดีใจที่ได้พลเอกบุญสร้างมาเป็นมือผ่าตัดโครงสร้างตำรวจ
    แต่ดีใจตรงที่ท่านจะได้รับรสชาติใหม่ๆ จากเสียงวิพากษ์-วิจารณ์หลังจากหูซ้ำซากกับเรื่องเดิมๆ หลายวัน
    เช่นเรื่อง.........
    -รถไฟความเร็วสูง สร้างทำไม สร้างก็เจ๊ง ใครจะนั่ง?
    -หอชมเมือง สร้างทำไม เอาใจนายทุน ใครจะขึ้น? เป็นต้น
    เรื่องเหล่านั้น กระแสจะจืดไป
    เพราะได้เรื่องปฏิรูปตำรวจเป็นโปรแกรมใหม่ให้วิพากษ์แทน
    จริงๆ แล้ว จะตั้งทหาร-ไม่ทหาร เป็นประธาน ไม่เกี่ยวว่าจะเข้าท่าหรือไม่เข้าท่าในงานปฏิรูปตำรวจ
    ประธานคนเดียว จะตั้งธง-กำหนดทิศตามใจชอบหรือตามใจศิษย์กตัญญูไม่ได้หรอก
    ประธานเป็นได้อย่างเดียว คือ "หนังหน้าไฟ"
    สำหรับให้คนด่า!
    จะว่าไป เรื่องปฏิรูปตำรวจ เป็นหนึ่งใน "ปฐมเหตุ" ดาลใจนายกฯ ประยุทธ์ให้เข้ายึดอำนาจปกครองประเทศ (๒๒ พ.ค.๕๗)
    ชาวประชาหนุนตรึม เมื่อผู้นำ คสช.บอก จะรื้อ-ผ่าตัด โครงสร้างองค์กรตำรวจ
    ผ่านไป ๓ ปี..........
    เหงือกชาวประชาแห้งจนราขึ้น รัฐบาล คสช.เพิ่งหยิบงานปฏิรูปตำรวจทำเป็น "ปัจฉิมเหตุ"
    ให้เห็น "คล้ายจริง" ส่งท้ายอายุรัฐบาล คสช.!
    ที่ผมว่า "คล้ายจริง" เพราะที่ ครม.ตั้งคณะกรรมการนี้ ไม่ใช่เกิดจากจิตศรัทธาจริงๆ ของรัฐบาลที่จะทำ
    แต่ทำเพราะ......
    เงื่อนไขตาม "รัฐธรรมนูญ" มาตรา ๒๖๐ บังคับ
    "ให้แล้วเสร็จ" ภายใน ๑ ปี นับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ
    ก็นับไปซี รัฐธรรมนูญประกาศใช้ เมื่อ ๖ เม.ย.๖๐ อีกกี่วันจะถึง ๖ เม.ย.๖๑ ล่ะ?
    ประมาณ ๙ เดือน นั่นแหละคือ "เส้นตาย" ที่คณะกรรมการชุดนี้ ต้องปฏิรูปให้เสร็จ
    ถามว่า "ถ้าไม่เสร็จ อะไรจะเกิดขึ้น"?
    ให้ยุบคณะกรรมการหรือยุบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ งั้นหรือ?
    ไม่ใช่.........!
    คำตอบ ในรัฐธรรมนูญ มีว่า..........
    "ถ้าการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายยังไม่แล้วเสร็จ ให้การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจดำเนินการตามหลักอาวุโสตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา"
    สรุป ตามนัยรัฐธรรมนูญ "หัวใจตำรวจ" ที่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญ สนช.และรัฐบาลวางไว้
    อยู่ตรง "แต่งตั้ง-โยกย้าย" นี่เป็นสำคัญสูงสุด!
    ถ้าถามต่อ แต่งตั้ง-โยกย้ายตามนัยนี้แล้ว คณะกรรมการฯ ก็ยังทำไม่เสร็จอีกล่ะ จะทำไง?
    ไม่รู้ (โว้ย) ครม.ก็เป็นฝ่ายแต่งตั้ง-โยกย้ายตำรวจไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเสร็จชาติไหนนั่นแหละ
    เพราะในรัฐธรรมนูญบอกไว้แค่นั้น!?
    การวิพากษ์-วิจารณ์ เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ใครจะวิพากษ์ ควรอ่านกติกา จากรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๖๐ เป็นฐานคิด-ฐานวิจารณ์ก่อน
    เสร็จแล้ว ย้อนไปอ่านมาตรา ๒๕๘ ให้รู้ว่า รัฐธรรมนูญบอกให้ปฏิรูปด้านไหนบ้าง?
    การปฏิรูปตำรวจ อยู่ในหมวด ง. "ด้านกระบวนการยุติธรรม"
    ที่เห็น "เพื่อยุติธรรมประชาชน" ในการปฏิรูป ก็ใน (๒) ที่ว่าด้วยเรื่อง.........
    "ปรับปรุงระบบการสอบสวนคดีอาญาให้มีการตรวจสอบและถ่วงดุลระหว่างพนักงานสอบสวนกับพนักงานอัยการอย่างเหมาะสม....ฯลฯ....."
    พูดกันตรงๆ กรอบตามรัฐธรรมนูญเพื่อการปฏิรูป เหมือนเราอยู่ในทะเล แล้วมองไปข้างหน้า
    "ขอบฟ้าจรดขอบน้ำ" นั่นแหละ ที่ให้ปฏิรูป!
    ใครไปถึงเส้นบรรจบ "ขอบน้ำกับขอบฟ้า" ได้เมื่อไหร่ การปฏิรูปตำรวจ ก็เกิดได้เมื่อนั้น
    ผมหมายถึง ปฏิรูปตำรวจ อย่างที่ประชาชน อยากเห็น-อยากเป็น-อยากได้
    แต่ถ้าปฏิรูปอย่างที่ ตำรวจอยากเห็น-อยากเป็น-อยากได้ นั่นเกิดได้แน่นอน
    ถึงไม่ปฏิรูป ก็เป็นโอปปาติกะ เกิดอยู่แล้ว ทุกวันนี้!
    ไมได้ "ติเรือทั้งโกลน" หรือดูถูกคณะกรรมการฯ
    แต่ประมวลเจตนารัฐบาล ผ่านปฏิกิริยาตอบสนองเสียงร้องประชาชนตลอด ๓ ปี ผนวกกรอบในการปฏิรูปตามรัฐธรรมนูญ
    อย่างที่ว่า...ขอบฟ้าจรดขอบน้ำ!
    ผมไม่เกี่ยงงอน-ตั้งแง่ ในตัวบุคคลแห่ง ๓๖ คณะกรรมการเลย แต่มองโลกในด้านเป็นจริง จะเห็น........
    จากปี ๒๕๐๐ สิ้นยุคเผ่า ด้วยสโลแกน "ภายใต้ดวงอาทิตย์ ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้" มาจนถึงวันนี้
    ตีซะว่า ๖๐ ปี........
    ตลอด ๖๐ ปี เสียงร้องให้ปฏิรูปตำรวจระงม ก็ปฏิรูปเหมือนกัน จาก "กรมตำรวจ" สังกัดกระทรวงมหาดไทย
    มาเป็น "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ"
    ก็ "เสฉวน" ตัวเดิม
    แค่เปลี่ยนกระดอง ส่วนพฤติกรรม-สันดาน การใช้อำนาจ "จับเอง-สอบสวนเอง" ในด้านความยุติธรรม
    ไม่มีอะไรเปลี่ยน!
    ก็คิดซี....๖๐ ปี ปฏิรูปได้แค่ "ย้ายสังกัด-เปลี่ยนชื่อ"
    แล้วนี่ ในเวลา ๙ เดือน จะให้ผ่าตัด-เปลี่ยนเพศตำรวจใหม่ทั้งระบบ?
    ผมว่า แค่นำข้อมูลทั้งหมดมาวาดแบบ แล้วตัดเป็นส่วนๆ สำหรับประกอบเข้าเป็นรูปร่าง แค่นั้นก็ยังยาก
    ต่อให้วิญญาณ "เซอร์ปิโก" เข้าสิง "พลเอกบุญสร้าง"
    ก็ยังยากที่จะวางโครงสร้างตำรวจใหม่ไว้เหนือเสาเข็ม แห่งคำว่า "สุจริต-ยุติธรรม" ต่อประชาชนได้สำเร็จ!
    ๖๐ ปีไม่เสร็จ (เพราะไม่จริงใจ)........
    ถ้า ๙ เดือนเสร็จ (เพราะจริงใจ) สมมโนรสปรารถนาประชาชน
    ผมจะจัดงานสมโภช ๓๖ คณะกรรมการ จ้าง "ลำไย ไหทองคำ" มาเด้าหน้า-เด้าหลัง ๗ วัน ๗ คืน!
    จะว่าไปแล้ว ๓ ปีที่ผ่าน ทั้งฝ่ายตำรวจ ฝ่าย สปท.และฝ่าย คสช.ออกแบบไว้คนละโมเดล-สองโมเดล อย่างของตำรวจที่ทำไว้ก็มี
    -การถ่ายโอนภารกิจ
    -การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
    -การปรับปรุงค่าตอบแทนสวัสดิการ
    -เส้นทางการเจริญเติบโต
    -การปฏิรูปงานสอบสวนและการบังคับใช้กฎหมาย
    -การนำเทคโนโลยีมาใช้
    เท่าที่ดูๆ จะเห็นว่าทุกโมเดล การปฏิรูปแทนที่เอาภาคประชาชนเป็นตัวตั้ง
    กลับมุ่งไปทางปลีกย่อย เช่น สวัสดิการ การอยู่-การกิน-การได้เสียตำแหน่งของตำรวจเป็นหลักใหญ่
    อย่าง ๖ ด้าน มี ๒ ด้านเท่านั้น ที่จะตรงโจทย์ชาวบ้าน แต่เป็นกรอบเวิ้งว้างมาก
    คือ การถ่ายโอนภารกิจกับการปฏิรูปงานสอบสวนและการบังคับใช้กฎหมาย
    ทั้งหมด ไม่ได้ต่อต้าน..ขอย้ำ เพียงเป็นมุมมองจากกรอบ จะรอความชัดเจนจากคณะกรรมการฯ อีกที ตอนลงมือทำงาน
    ว่าจะทำกันตามกรอบไหน-แบบไหน?
    อย่างน้อย การ "จับเอง-สอบสวนเอง" จะต้องผ่าแยกขาดไปสู่จุดคานอำนาจ-ถ่วงดุล ระหว่างฝ่ายตำรวจ กับฝ่ายสอบสวน
    และการกระจุกตัว-กระจุกอำนาจของตำรวจอย่างทุกวันนี้ ต้องไม่มี
    ตำแหน่งเฟ้อ ยศเฟ้อ งานเฟอะฟะ ตำรวจเป็นโรค "คดในข้อ-งอในกระดูก" ต้องผ่าตัด
    ความจริง ถ้าจะปฏิรูปจริง หลักการง่ายนิดเดียว
    จะปฏิรูป "เพื่อประชาชน"
    หรือ "เพื่อตำรวจ" เท่านั้น!

(ข้อมูล)สปท.ชงปฏิรูปตำรวจ ตั้ง คกก.บริหาร ปรับโครงสร้าง กต.ตร.

สปท.ชงปฏิรูปตำรวจ ตั้ง คกก.บริหาร ปรับโครงสร้าง กต.ตร.

ที่ประชุม สปท.ลงมติเห็นชอบรายงานปฏิรูปตำรวจ 140 ต่อ 7 เสียง ตั้งคณะกรรมการบริหาร-ปรับโครงสร้าง กต.ตร. พร้อมเสนอ ครม.ต่อไป

เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) ที่มี น.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ รองประธาน สปท. คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธาน มีวาระพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เรื่องการสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในกิจการของตำรวจ เสนอโดยคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สปท.โดยมีสาระสำคัญ คือให้ตัดอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวกับการเป็นผู้ปฏิบัติงาน หรือเป็นผู้สนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ(กต.ตร.) ออก สำหรับโครงสร้าง กต.ตร.เห็นควรให้ปรับลดจำนวนคณะกรรมการลงให้มีจำนวนพอเหมาะ โดยให้ยุบ กต.ตร.สถานีตำรวจทั้งภูธรและนครบาลทั้งหมด และให้ กต.ตร.จังหวัดทำหน้าที่ตรวจสอบติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานของสถานีตำรวจภูธรทุกสถานีในจังหวัดของตนเอง อีกทั้งตั้ง กต.ตร.กองบังคับการตำรวจนครบาล เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบ ติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานของสถานีตำรวจนครบาลทุกสถานีในสังกัด

โดยมี กต.ตร.ในระดับกองบัญชาการเป็นผู้คอยตรวจสอบติดตาม กต.ตร.กองบังคับการตำรวจนครบาล และยังเสนอให้ตั้ง กต.ตร.ตำรวจภูธรและ กต.ตร.ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ส่วนองค์ประกอบ กต.ตร. เสนอให้ตัดข้าราชการตำรวจออก แต่ให้แต่งตั้งอดีตข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธาน กต.ตร.ในระดับต่างๆ แทน มีข้าราชการอื่นที่มีลักษณะงานเกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรภาคประชาชน และประชาชนผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมเป็นคณะกรรมการ

นอกจากนี้ในส่วนการปรับปรุงระบบงานของ กต.ตร. และก.ต.ช.ใหม่ ให้วางระบบการตรวจสอบติดตามประเมินผล และการรายงานผลให้ กต.ตร. ถือปฏิบัติ รวมทั้งให้มีการประเมินและรายงานผลการปฏิบัติงานของตำรวจ ปีงบประมาณละ 2 รอบ ดังนี้ 1 ต.ค.-31 มี.ค. และ 1 เม.ย.-30 ก.ย.

นอกจากนั้นยังเสนอตั้งคณะอนุกรรมการ ก.ต.ช. เพื่อปรับระบบการรับคำร้องเรียนและข้อเสนอแนะของประชาชน และทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองคำร้องเรียนและข้อเสนอแนะของประชาชน และทำหน้าที่ควบคุมกำกับดูแล เนื่องจากกรรมการ ก.ต.ช. แต่ละคนมีภารกิจมาก ไม่สามารถจัดประชุม ก.ต.ช.ได้บ่อยครั้ง

นอกจากนี้ เสนอให้ตั้ง "คณะกรรมการบริหาร” ทั้งในระดับสถานีตำรวจ ระดับกองบังคับการตำรวจนครบาลพื้นที่และตำรวจภูธรจังหวัด และระดับกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 และศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วยตัวแทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรภาคเอกชน ประชาชน ข้าราชการตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่และข้าราชการอื่นในพื้นที่ที่เหมาะสม เพื่อให้ทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย สนับสนุนงบประมาณและอาสาสมัครในการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา การรักษาความสงบเรียบร้อย และการรักษาความปลอดภัยของประชาชนให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละท้องถิ่นและชุมชน ส่วนหน้าที่ในการติดตามตรวจสอบการบริหารงานตำรวจมี กต.ตร. ทำอยู่แล้ว โดยที่ประชุม สปท.ได้ลงมติเห็นชอบต่อรายงานดังกล่าว 140 ต่อ 3 งดออกเสียง 7 เสียงก่อนเสนอไปยัง ครม.ต่อไป