PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2561

อยู่ต่อ แต่ไม่ลงลต.

“บิ๊กตู่” เผย ไม่ได้ลงเลือกตั้ง แต่จะให้อยู่ต่อ ผมจะอยู่ยังไง ยังไม่รู้ ต้องไปดูรัฐธรรมนูญ”
พลเอกประยุทธ์ นายกฯ บอกชาวบ้าน ว่า เมื่อถึงการเลือกตั้งก็ ต้องคิดใหม่ว่าจะเลือกกันอย่างไร แต่ ผมไม่ได้ลงเลือกตั้งด้วย”
ขาวบ้าน ตะโกนบอก จะเลือก พล.อ.ประยุทธ์ อยากให้ลงเลือกตั้ง จะเลือกประยุทธ์ให้อยู่ต่อ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “จะอยู่ยังไงยังไม่รู้ ต้องไปดูรัฐธรรมนูญ วันนี้ผมทำเรื่องการเมืองยังไม่ได้ แล้วไม่ได้คิดถึงตัวเอง คิดถึงแต่พวกเรา เข้ามาทำหน้าที่ เพื่อทุกคนในวันนี้”
พร้อมหันไปถามชาวบ้าน ว่า “มีใครไม่ชอบกันบ้างให้ยกมือ ถ้ามี จะได้ไปอธิบาย ยืนยันจะทำงานให้ดีที่สุด

อยู่ดีๆก็เปลี่ยนใจ

อยู่ดีๆก็เปลี่ยนใจ



ธนาคารโลกจัดอันดับ ความสามารถด้านโลจิสติกส์ 160 ประเทศ ปี 2561
ประเทศไทยแซงพรวดจากอันดับ 45 เมื่อ 2 ปี ก่อน ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 32 หรือติดอันดับ 7 ของทวีปเอเชีย
ถ้าวัดเฉพาะกลุ่มอาเซียน ไทยแซง มาเลเซียขึ้นมาอยู่อันดับ 2 ตามหลังสิงคโปร์ประเทศเดียว!!
สาเหตุเกิดจากรัฐบาลนายกฯบิ๊กตู่อัดฉีดงบลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งประเทศครั้งใหญ่ ทั้งรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ ทางด่วน ท่าเรือ สนามบิน ครบวงจร
ส่งผลให้อันดับความสามารถด้านโลจิสติกส์ของไทยก้าวกระโดดกระเด้งดึ๋งขึ้นไปถึง 13 อันดับ ด้วยประการฉะนี้แล
“แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยที่รัฐบาล คสช.ทุ่มงบลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่งของประเทศทั้งระบบ เนื่องจากวิกฤติการเมืองลากยาว ทำให้การลงทุนพัฒนาประเทศสะดุดหยุดกึกมาถึง 10 ปี
ถ้าไม่เร่งลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศครั้งใหญ่ ประเทศไทยจะโดนคู่แข่งทิ้งห่างไปไกลหลายช่วงตัว
แต่...การเร่งลงทุนเมกะโปรเจกต์ครบวงจร ทำให้ยอดหนี้ประเทศไทยบานฉ่ำเป็นประวัติการณ์
ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะล้างหนี้ก้อนโตให้เกลี้ยงเกลา
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า การทุ่มงบลงทุนพัฒนาการขนส่งของประเทศกว่าหนึ่งล้านล้านบาทของรัฐบาล คสช. การรถไฟแห่งประเทศไทยได้รับแบ่งเค้กก้อนใหญ่กว่าใครๆ
เฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน สายเดียวก็ฟาดเข้าไปหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นล้านบาท
ยังมีโครงการรถไฟทางคู่ทั่วประเทศอีกกว่าหนึ่งแสนหกหมื่นล้านบาท เพื่ออัปเกรดรถไฟไทยให้ทันสมัยเทียบเท่ามาตรฐานอินเตอร์
ล่าสุด การรถไฟแห่งประเทศไทยเตรียมของบอัดฉีดเพิ่มพิเศษอีกหนึ่งแสนล้านบาท เพื่อพัฒนารถไฟระบบไฟฟ้า แทนรถไฟเครื่องยนต์ดีเซลที่ใช้ในปัจจุบัน
โดยจะเริ่มนำร่องใช้รถไฟฟ้าใน 4 เส้นทางหลัก ได้แก่...
สายเหนือ จากบางซื่อ ภาชี ปากนํ้าโพ ระยะทาง 252 กม. วงเงินลงทุน 2.8 หมื่นล้านบาท
สายอีสาน จากบางซื่อ แก่งคอย ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 242 กม. วงเงินลงทุน 2.36 หมื่นล้านบาท
สายใต้ จากบางซื่อ หนองปลาดุก หัวหิน ระยะทาง 209 กม. วงเงินลงทุน 3.3 หมื่นล้านบาท
และสายตะวันออก จากบางซื่อ มักกะสัน ฉะเชิงเทรา พัทยา ระยะทาง 160 กม. วงเงินลงทุน 1.1 หมื่นล้านบาท
โดยในอนาคต การรถไฟฯจะเลิกใช้รถจักรดีเซล เปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้า ในเส้นทางสายสั้น (ไม่เกิน 300 กม.) หมดทุกขบวน!!
“แม่ลูกจันทร์” กระชุ่น นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม พิจารณาให้รอบคอบก่อนตอบโอเค ด้วยเหตุผล 2 ประการ...
1,การเลิกใช้รถไฟดีเซล เปลี่ยนเป็นระบบรถไฟฟ้า ใช้งบลงทุนสูง แต่ผลตอบแทนการลงทุนตํ่าไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์
มีความเสี่ยงจะขาดทุนจั๋งหนับบุเรงนอง??
2, การรถไฟฯเพิ่งได้รับอัดฉีดงบกว่าหนึ่งแสนล้านบาท เพื่อจัดซื้อรถจักรดีเซลใหม่อีก 78 คัน เช่ารถจักรดีเซลใหม่อีก 50 คัน และจัดซื้อรถดีเซลรางใหม่อีก 900 คัน
แสดงว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ต้องการใช้รถจักรดีเซล และรถดีเซลราง วิ่งรับส่งผู้โดยสารต่อไปอีก 20 ปี
แต่เหตุไฉนอยู่ดีๆ เกิดเปลี่ยนใจจะเลิกใช้รถไฟดีเซล เปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้าแทน??
คำถามคือ โครงการจัดซื้อและเช่ารถจักรดีเซลใหม่อีก 128 คัน ซื้อรถดีเซลรางใหม่อีก 900 คัน ที่การรถไฟฯกำลังดำเนินการอยู่ จะทำอย่างไรต่อไป??
มันจะยุ่งหยอยเป็นฝอยขัดหม้อไปกันใหญ่นะคุณโยม.
“แม่ลูกจันทร์”

พูดแบบไม่ต้องตรวจฉี่

พูดแบบไม่ต้องตรวจฉี่



ภารกิจการเมืองทำ “The old soldier” เดี้ยงไปตามๆกัน
ตามปรากฏการณ์ที่ “พี่รอง” อย่าง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ก็ป่วยจากอาการปวดขา ถึงขั้นต้องยื่นใบลาประชุมคณะรัฐมนตรี
ในจังหวะก่อนหน้านี้ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ก็เกิดอาการอาหารเป็นพิษ ระหว่างประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.อุบลราชธานี
ถึงตอนนี้อาการติดเชื้อในกระแสเลือดยังไม่หายดีเท่าไหร่
ดูแล้วก็มีแค่ “น้องเล็ก” อย่าง “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ที่แข็งแรงกว่าใคร อย่างมากก็แค่ป่วยเป็นไข้
“เจ็บคอ แต่พูดเยอะ”
พักหลังต้องออกตัวทุกเวที ขอร้องอย่าเบื่อฟัง ที่พูดเยอะ เพราะคิดเยอะ ทำเยอะ
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ “ลุงตู่” ใส่เกียร์ห้า เร่งเครื่องปั่นเนื้องาน พร้อมตีปี๊บผลงานตัวเองในช่วงโค้งสุดท้าย เข้าสู่ทางตรงโรดแม็ปไปสู่การเลือกตั้งที่วางคิวไว้ต้นปีหน้า 2562
แสดงให้เห็นถึงห้วงเวลา 4-5 ปีของ คสช.ไม่ได้ทำ “เสียของ”
เรื่องของเรื่อง ถ้าไม่วอกแวกกับเกมการเมืองสองข้างทาง จังหวะการปะทะกันระหว่างขั้วอำนาจ คสช.กับขั้วอำนาจเดิมของ “ทักษิณ” หรือการเฉือนคมระหว่างทหารกับนักการเมืองที่แท็กทีมกันระหว่างยี่ห้อเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ เตะตัดขา “นายกฯลุงตู่”
ทำให้บรรยากาศการเมืองดูน่าเบื่อ เหมือนไม่คืบไปถึงไหน
แต่มองตรงไปที่เป้าหมาย จะเห็นได้ชัดถึงยุทธศาสตร์ปลายทาง
กับการเดินหน้าเมกะโปรเจกต์โครงสร้างพื้นฐานของประเทศมากกว่ารัฐบาลยุคใด
ไล่ตั้งแต่ “เมกะโปรเจกต์เรือธง” โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ถือเป็นเครื่องจักรหลักในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคต
การปักหมุดโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เดินหน้าประมูลไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา พร้อมๆกับลุยโปรเจกต์รถไฟทางคู่สายอีสาน สายเหนือ เพื่อรองรับระบบโลจิสติกส์ เสริมศักยภาพประเทศไทยที่เป็นศูนย์กลางภูมิภาคอาเซียน
อีกด้านหนึ่งก็เป็นการประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสารพัดสีในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล แก้ปัญหาจราจรให้คนในเขตเมืองใหญ่ไม่ต้องผจญกับรถติด
การปลดล็อกประมูลแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณ-บงกช เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน เป็นฐานเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
ไม่นับโครงการบริหารจัดการน้ำ 9 โครงการ มูลค่า 3.7 แสนล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำและบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจ 6 จังหวัด
ล้วนแต่แผนรองรับการพัฒนาประเทศในระยะยาว
ล้อตามเป้าที่เขียนไว้ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
ที่สำคัญ มันเป็นการชดเชยโอกาสของประเทศไทยที่สูญหายไปจากวิกฤติความขัดแย้งทางการเมืองที่ลากยาวมากว่า 10 ปี
ถึงตรงนี้ มองเห็นรูปธรรมตรงหน้าในอารมณ์แบบที่ชวนให้คนไทยคิดตามได้เลยว่า ถ้าเลือกตั้งแล้ว “นายกฯลุงตู่” ไม่ตีตั๋วต่อ ไม่มีคนชื่อ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เป็นกัปตันทีมเศรษฐกิจ
เปลี่ยนรัฐบาล โครงการที่ตอกเข็มไปแล้วอาจโดนล้ม ต้องเริ่มต้นใหม่
และในมุมที่เปรียบเทียบกัน รัฐบาล “ลุงตู่” เน้นไปที่
เนื้องานวางฐานรากประเทศที่สัมผัสจับต้องได้ แถมยังลุยอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ประคองปากท้องเกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย
หันไปที่ “นายใหญ่” อดีตทักษิณ ชินวัตร รัวกลองส่งสัญญาณ สู้ตาย สงครามยังไม่จบ
แล้วก็เป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ช่วยขยายผลแปลความ “นายใหญ่” ตั้งท่าทำสงครามเลือกตั้ง กลับมายึดอำนาจ ทวงทรัพย์สมบัติที่ถูกยึดไว้คืน
หวั่นความรุนแรง มิคสัญญีเผาบ้านเผาเมืองจะซ้ำรอยเดิม
ตามท้องเรื่องที่เดาตอนจบได้ ไม่ต้องตรวจฉี่โชว์แบบ “เสก โลโซ” ที่ไลฟ์สดด่าแถมเตือน “นายใหญ่”
“ทักษิณ” ฝืนสู้ไป รังแต่จะยิ่งเจ็บลึก.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน

แก้จราจร3เดือน

‘บิ๊กตู่’ ได้เวลาเอาจริง ลั่น! แก้รถติด ใน 3 เดือน เผย ปัญหาหลัก คือ ถนนมีไม่พอใช้-รถเพิ่ม ประสานความร่วมมือ ตร. เพิ่มเบี้ยตำรวจจราจรทำงานหนัก ย้ำ หากประเทศไม่มีตำรวจ คงมีแต่ความวุ่นวาย ปรับความเร็วรถบนทางด่วนบางจุดเพิ่มขึ้น

แก้รถติด – วันที่ 15 ส.ค. ที่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางมาตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายการปฏิบัติงานของศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) โดยมีพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อม ด้วย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผช.ผบ.ตร พล.ต.อ.พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. ให้การต้อนรับหลังติดตามผลการบูรณาการขับเคลื่อน การแก้ไขปัญหาจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อติดตามผลอำนวยการสั่งการกำกับดูแลตรวจสอบ และประเมินผลการแก้ไขปัญหาด้านการจราจรติดขัด พร้อมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

โดยพล.อ.ประยุทธ์ มอบนโยบายการแก้ไขปัญหาจราจรว่า ที่เดินทางมาในวันนี้เพื่อมามอบนโยบายให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้มีการมาจับผิดแต่อย่างใด เนื่องจากปัญหาการจราจรติดขัดดังกล่าว เป็นปัญหาที่เห็นกันตั้งแต่เด็กจนโต และก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลมีความห่วงใยจนต้องมาทำความเข้าใจในภาพรวมร่วมกันทั้งหมด เพราะปัญหาการจราจรทำให้ทุกคนต้องหาแนวทางแก้ไขหรือทางออกของตนเองกันเองไม่ว่าจะเดินทางขึ้นรถไฟฟ้าหรือใช้รถโดยสารสาธารณะ ฐานะรัฐบาลจึงได้มาร่วมหารือว่าจะทำการแก้ไขปัญหาอย่างไรในวันหน้า 

อย่างไรก็ตามปัญหารถติดทำเกิดปัญหาแก่ประชาชนโดยเฉพาะผู้ปกครอง ต่อเนื่องไปถึงปัญหาในการใช้พลังงานมหาศาล ยกตัวอย่างต่างประเทศก็มีปัญหาการจราจรติดขัด แต่เขาไม่มีปัญหาการจราจร เพราะ เขาเคารพกฎหมายหมาย ไม่มีการแซงปาดหน้ากัน ขอให้ทุกคนเร่งกันทำความเข้าใจ มีการพูดถึงว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่ดูแล กรณีดังกล่าวยืนยันว่า ถนนมีเท่านี้ แต่รถมีมากขึ้นจึงเกิดเป็นปัญหาขึ้น รัฐบาลจะปฏิเสธการรับผิดชอบไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ทุกพื้นที่ต้องรับฟังปัญหาการจราจรในพื้นที่ใกล้เคียงจากศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร ไม่ใช่พื้นที่บริเวณไหนไม่ติดคือดี แต่ต้องแบ่งเบาภาระการจราจรจากพื้นที่ถนนข้างเคียงได้บ้าง ผู้ปฏิบัติจะต้องรู้ว่าตรงไหนติดขัด มีเส้นทางลัดบริเวณใดได้บ้างในจุดที่เป็นอุปสรรค วางแผนทดลองแล้วทั้งเส้นทางหลักเส้นทางรองที่เชื่อมต่อได้ ทุกจุดต้องดูพื้นที่ดังกล่าวที่ได้มีการดำเนินการบ้างแล้ว ประเด็นต่อมากรณีถนน 2 ฝั่ง เห็นเมืองนอกทำถ้าถนนเส้นใดเส้นหนึ่งติดก็กันถนนเปิดช่องทางขึ้นมาในฝั่งที่ไม่ติด การที่เรานำภาพวงจรปิดมาขึ้นจอนั้น ใช้คนดูนั่งเฝ้าอาจจะไม่เกิดประโยชน์ ตนอาจจะให้ฝ่ายวิจัยพัฒนาหรือมหาลัยที่ดำเนินการดังกล่าว เข้ามาช่วยทำระบบให้เพื่อทำการวิจัยและแก้ไขปัญหา หากมีการใช้เทคโนโลยีขึ้นมาจับได้ ยกตัวอย่างกรณีประเทศฝรั่งเศส มีเอกชนมาช่วยดูแลระบบการจราจรแบบอัตโนมัติ รถบนถนนแต่ละเส้นระบบดังกล่าวจะช่วยเหลือในการตรวจสอบให้กับผู้ปฏิบัติงานได้ทันทีเพื่อแก้ไขปัญหา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาการจราจรแก้ไขได้ไม่ต่อเนื่อง เพราะเราไม่ได้มีการคิดที่จะทำถนนใหม่ขึ้นมาใช้ โดยมอบให้กระทรวงคมนาคมช่วยดำเนินการแล้ว ภายหลังจากที่มีการสร้างรถไฟฟ้าทำให้ได้รับผลกระทบ จึงจะต้องมีการวางแผนในการเคลื่อนย้ายพื้นที่ชุมชนในกรณีที่จะใช้พื้นที่จัดทำเส้นทางเพิ่มเติม ซึ่งรวมไปถึงทางร่วมทางแยก พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาเรื่องการนำอุปกรณ์มาอำนวยความสะดวกด้านการจราจรที่ติดขัดในพื้นที่ชั้นใน กรุงเทพชั้นในชั้นนอก ปริมณฑล ต่างจังหวัด รวมถึงการจัดทำระบบขนส่งเสริม (Feeder) เพื่อไปถึงรถไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดรถรางไฟฟ้าของก็กรุงเทพมหานครก็ได้สั่งให้มีการดำเนินการจัดการ

สิ่งที่เราดำเนินการอยู่ควรให้มีการดำเนินการไปพวกกับระบบขนส่งเสริม (feeder) ด้วยคิดว่ารถไฟฟ้าเพียง 10 สายเพียงพอแล้ว อย่างไรก็ตามตนพูดในเรื่องของการแก้ไขปัญหาจราจรที่มีการติดขัด สิ่งที่เสริมเข้าไปไม่ได้เป็นการวางแผนเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า สิ่งทำได้อย่างเดียวคือการสร้างระบบขนส่งเสริม (feeder) พร้อมทั้งสำรวจที่จอดรถบริเวณสถานีรถไฟฟ้าทุกจุดจะต้องดำเนินการตรวจสอบว่า มีจุดใดบ้างให้รายงานให้ตนรับทราบว่า ควรจะมีที่จอดรถบริเวณใด อาทิเช่น สถานที่ท่องเที่ยว ศูนย์การค้า เพื่อดำเนินการเป็นนโยบายจัดทำที่จอดรถช่วยแก้ไขการจราจรติดขัด


“นอกจากนี้ขอให้สำรวจถนนเส้นทางใดมีเส้นทางน้ำที่ขนานไปกับถนน จะสามารถใช้เส้นทางดังกล่าวได้หรือไม่ ลองไปดูว่าคลองใดที่ใช้ได้ จะขุดลอกจะเชื่อมโยง มีท่อรอดออกไปเพื่อแบ่งเบาปัญหาการจราจรทางบก มีรถไฟฟ้ามาเสริม มีเส้นทางน้ำมาเสริม เพื่อบรรเทาการจราจรให้ลดลงได้ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะทำระบบการจราจรดีเพียงใดก็ตาม ประชาชนจะต้องใช้รถ 1.ไปส่งลูกไปโรงเรียน 2.ไปส่งภรรยา 3.ไปทำงาน ไม่มีทางที่รถเมล์หรือรถไฟฟ้าจะพาไปได้ทั้งหมด ถือเป็นข้อเท็จจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การแก้ไขปัญหาต่างๆ ตำรวจให้ความใส่ใจปลายทางกับสถานที่ต่างๆ ตั้งแต่โรงเรียน สถานที่ราชการ ศูนย์การค้า โรงพยาบาล ทำอย่างไรจะได้ข้อมูลเหล่านั้น เพื่อเปิดช่องทางหาแนวทางแก้ไขหากได้ข้อมูลเหล่านี้มา ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการเดินทางของบุคคลแต่ละเส้นทาง เพื่อหาเส้นทางที่ใช้หลักมาประกอบการแก้ไขปัญหา” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนกรณีที่มีรถจอดทิ้งไว้ใต้ทางด่วนจะต้องมีการจัดการรถดังกล่าว รวมถึงกรณีที่มีรถขับช้าขับเลนขวา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะต้องหาแนวทางแก้ไข รวมถึงรถจอดข้างทาง รถเมล์หรือรถแท็กซี่จอดเลยป้ายหรือทำให้การจราจรติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วน ห้ามจอดได้หรือไม่ พร้อมทั้งกรณีรถติดไฟแดงมีรถจักรยานยนต์พุ่งเข้ามาปาดหน้านั้น อาจจะต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจัดการตรวจสอบ กรณีการจอดเลยเส้นที่กำหนดไว้ตามถนน หรือแซงซ้ายขวา รวมถึงกรณีที่รถจักรยานยนต์วิ่งบนฟุตปาธหรือวิ่งย้อนศรต้องดำเนินการทางกฎหมาย ดำเนินการนโยบายใส่หมวกกันน็อกเพิ่มเติมด้วย เพื่อแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุที่จะทำให้การจราจรติดขัด

นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่ออีกว่า บนช่องทางด่วนโทลล์เวย์หรือช่องทางด่วนต่างๆ จะต้องแก้ไขการจำกัดความเร็วใหม่จาก 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อาจจะเพิ่มถึง 90-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยกตัวอย่างเมืองนอกหากบริเวณใดวิ่งเร็วได้ก็ให้ไป ส่วนการทำช่องทางในการขึ้นลงถนนอาจจะต้องจัดทำข้อมูลว่า มีทั้งหมดจำนวนเท่าไร่ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด พร้อมทั้งจัดทำอินโฟกราฟฟิกถนน เพื่อให้เห็นภาพการจราจรติดขัดเพื่อจะได้จัดการจราจรได้ในภาพรวมทั้งหมด นอกจากนี้จะต้องตรวจสอบการก่อสร้างการบีบพื้นที่ต้องค่อยๆ บีบไป เพื่อเพิ่มพื้นที่จราจร รวมถึงคำนึงถึงความปลอดภัยในการก่อสร้าง ฝากไปถึงผู้รับเหมาต้องจัดการพื้นที่ทำความสะอาดให้เรียบร้อย

กรณีการทำงานหนักของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาจจะต้องมีการคิดค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเพิ่มเติมสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่ทำงาน 24 ชั่วโมง อย่างกรณีที่มีเบี้ยเลี้ยงให้ตำรวจที่ลงพื้นที่ปฏิบัติหน้าที่ภาคใต้ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะได้ทั้งหมด ต้องให้คนที่ปฏิบัติงานหนักจริงเท่านั้น ทุกวันนี้ไม่มีใครชอบตำรวจ แต่ไม่ชอบไม่ได้ ถ้าไม่มีตำรวจขึ้นมาทุกวันนี้ประเทศไทยไม่มีตำรวจ ก็จะมีปัญหาเกิดขึ้นทุกพื้นที่อย่างแน่นอน ตำรวจไม่ดีก็ต้องเอาออกไป คนดีก็มีอยู่ คนไม่ดีก็เอาออกไป ตำรวจจะต้องเป็นมิตรที่ดีของประชาชน ระมัดระวังในการทำงานอย่าให้เกิดกระทบกระทั่งกับประชาชน มีความอดทนไม่ใช่ไปชกต่อยกับประชาชน 

ขอชมเชยที่ผ่านมาว่ามีเรื่องค่อนข้างน้อย ยกตัวอย่างกรณีการจับเป่าเมาผู้ขับขี่ดื่มสุรา มีคนหัวหมอบอกว่า กินลำไยมาไม่ได้เมา จะต้องดำเนินการตรวจสอบทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเดินบนเส้นทำให้ครบถ้วนทุกกระบวนการไม่ให้ผู้กระทำผิดโต้แย้งได้ รวมถึงกรณีอำนวยความสะดวกให้รถวีไอพี หากไม่ดำเนินการตามแบบแผนใช้วิธีการเปิดหวอขอเส้นทางโดยไม่จำเป็นจะต้องถูกลงโทษอย่างที่ ผบ.ตร. ได้ให้ข่าวไว้ อย่างไรก็ตามกรณีดังกล่าวเป็นการแก้ไขปัญหาจราจรซึ่งเป็นปัญหาเก่าทั้งหมด ทั้งนี้จะขอดูแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวไปปรับใช้ รัฐบาลให้ความสำคัญกรณีดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นการบูรณการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามยุทธศาสตร์ของชาติในการพัฒนาเมืองด้วย ขอให้เห็นความเปลี่ยนแปลงภายใน 3 เดือน

ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมสนองนโยบายนายกรัฐมนตรี ในการลดผลกระทบจากรถนำขบวนคณะรัฐมนตรีและบุคคลสำคัญ เพื่อลดปัญหาจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยระบุว่า ที่ผ่านมา การใช้รถนำขบวน จะต้องมีระเบียบขั้นตอนการขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว แต่การใช้เส้นทาง อาจไม่มีการประสานกับตำรวจพื้นที่

ลุงตู่..นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่

”ลุงตู่สู้ๆ ลุงตู่ นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่”
ประชาชน ตะโกนบอก “นายกฯบิ๊กตู่” ขณะ เดินทางถึงสถานี บางหว้า กรุงธนบุรี .... ทำ บิ๊กตู่ ยิ้มแป้น เลยเชียว !!

“นายกฯบิ๊กตู่” เดินลุย ชุมชนริมคลองบางหลวง

โอ้ ! ...คลองบางหลวง
โอ้ว!! ...นายกฯจากรัฐประหาร ก็ยังต้องทำแบบนี้
“นายกฯบิ๊กตู่” เดินลุย ชุมชนริมคลองบางหลวง พบปะพี่น้องประชาชน และ เยี่ยมชมโครงการฟื้นวิถีชีวิตชุมชนคลองบางหลวง. ผ่านการท่องเที่ยวย่านประวัติศาสตร์ กรุงธนบุรี และตรวจพัฒนาจุดเชื่อมต่อการเดินทาง ด้วย ล้อ -ราง -เรือ ของกรุงเทพมหานคร ผ่านการเดินเรือ เส้นทางล่อง คลองภาษีเจริญ - คลองบางหลวง

ลุงตู่ พบปชช.บนรถไฟฟ้า

“11 ปี แล้ว ไม่เคย ไปเดินไหนเลย ไปไหน รปภ.ก็ตามไปหมด ไม่ทำร้ายฉันหรอก แต่ทำร้าย รปภ.ฉัน"
“นายกฯบิ๊กตู่” ขึ้นรถไฟฟ้า ปะปนกับประชาชน เดินทักทายคนในขบวนรถ พร้อมพูดคุยกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ใช้บริการรถไฟฟ้า
แถมยังลุกให้ ผู้โดยสารคนอื่นนั่งแทนเก้าอี้ตัวเอง
บิ๊กตู่ บอกว่า สิ่งที่รัฐบาลทำมาทั้งหมดก็ทำให้กับประชาชน เพื่อให้ได้รับบริการที่สะดวกสบาย และมีอนาคตที่ดี

ไม่ได้มาหาเสียง

ลงพื้นที่ กทม. แบบนี้....”นายกฯบิ๊กตู่” ก็ยืนยันว่า ไม่ได้มาหาเสียง
แต่มา ตรวจการพัฒนาจุดเชื่อมต่อการเดินทาง ด้วย ล้อ -ราง -เรือ ของกรุงเทพมหานคร ผ่านการเดินเรือ เส้นทางล่อง คลองภาษีเจริญ - คลองบางหลวง
“นายกฯบิ๊กตู่” เลย เดินลุย ชุมชนริมคลองบางหลวง พบปะพี่น้องประชาชน ไปด้วย
ชมโครงการฟื้นวิถีชีวิตชุมชนคลองบางหลวง. ผ่านการท่องเที่ยวย่านประวัติศาสตร์ กรุงธนบุรี