PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2560

ตำรวจอังกฤษเปิดเผยชื่อผู้ก่อการร้าย "Khalid Masood" โจมตีกรุงลอนดอน

ตำรวจอังกฤษเปิดเผยชื่อผู้ก่อการร้าย "Khalid Masood" โจมตีกรุงลอนดอน, ลอนดอนโมเดล เกิดเหตุคนร้ายพยายามขับพุ่งชนฝูงชนย่านชอปปิ้งในเมือง Antwerp ประเทศเบลเยี่ยม ตำรวจรวบตัวได้แล้ว
----------
1.) วันที่ 23 มี.ค.60 RT พาดหัวข่าวว่า "ผู้ก่อเหตุโจมตีรัฐสภาอังกฤษชื่อ Khalid Masood วัย 52 ปี" (London parliament attacker named as 52-year-old Khalid Masood)
ผู้ก่อการร้ายที่ก่อเหตุโจมขับรถพุ่งชนฝูงชนบนสะพานเวสต์มินเตอร์มุ่งหน้าไปยังรัฐสภาอังกฤษ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 4 คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บถึง 40 คนมีชื่อว่า "Khalid Masood" ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงตายในที่เกิดเหตุ มีอายุ 52 ปี เกิดที่เมือง Kent ประเทศอังกฤษ และเพิ่งจะย้ายไปอยู่ที่เมือง West Midlands เมื่อเร็วๆนี้ ใช้ชื่อเล่นหลายชื่อ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ มีลูกสามคน เป็นพวกนิยมไอซิส
นาย Masood ไม่ได้อยู่ในรายชื่อบุคคลที่ต้องจับตาเป็นพิเศษจากการสืบสวนสอบสวนของฝ่ายความมั่นคงของอังกฤษในปัจจุบัน และทางการอังกฤษก็ไม่มีข้อมูลข่าวกรองว่าเขามีแนวโน้มว่าจะก่อเหตุโจมตีด้วยการก่อการร้ายมาก่อน
เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า แต่ฝ่ายตำรวจอังกฤษก็รู้ว่าเขาเคยกระทำผิดในข้อหาทำร้ายร่างกายหลายครั้งก่อนหน้านี้ และพกพาอาวุธมีดในที่สาธารณะด้วย
กระทำผิดกฎหมายครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน 1983 ในข้อหาการทำอันตรายที่เข้าข่ายอาชญากรรม และกระทำผิดกฎหมายครั้งล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคม 2003 ในการพกพาอาวุธมีด (ในที่สาธารณะ?) ไม่เคยต้องคดีสนับสนุนขบวนการก่อการร้าย
Sky News รายงานว่า นาย Khalid Masood เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ และเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม แต่งงานแล้ว มีลูกสามคน
ต่อมาสำนักข่าว Amaq ของพวกไอซิสโพสต์ข้อความว่า "แหล่งข่าวของ Amaq กล่าวว่า: ผู้โจมตีหน้ารัฐสภาอังกฤษในกรุงลอนดอนเมื่อวานนี้ เป็นหนึ่งในทหารของ 'ขบวนการก่อการร้ายรัฐอิสลาม' (พวกไอซิส) ลงมือปฏิบัติการในการตอบโต้ต่อการเรียกร้องต่อเป้าหมายพลเรือนของพวกชาติพันธมิตร"
[เดนมนุษย์สารเลวพวกนี้ชอบอ้างพระเจ้าและศาสนาในการกระทำความชั่วของตนเอง พอทำแล้วพวกมันก็โยนความผิดจากการกระทำชั่วของพวกมันต่อคนบริสุทธิ์ทั่วไป ไปให้กับพระเจ้าและศาสนา - ผู้แปล]
2.) ส่วนอีกข่าวหนึี่งซึ่งคล้ายกับลอนดอนเกิดตามหลังกันติดๆหนึ่งวัน ก็คือที่เมือง Antwerp ประเทศเบลเยี่ยม วันเดียวกันนี้ RT พาดหัวข่าวว่า "ตำรวจเบลเยี่ยมได้หยุดผู้ต้องสงสัยหวังโจมตีด้วยรถยนต์ในเมือง Antwerp" (Belgian police stop suspected car-ramming attack in Antwerp)
ชายคนหนึ่งถูกจับกุมได้ในเมือง Antwerp ประเทศเบลเยี่ยม เชื่อว่าหลังจากที่เขาพยายามขับรถเข้าไปในถนนย่านช็อปปิ้งด้วยความเร็วสูง ตำรวจกล่าว
"รถยนต์คันหนึ่งติดทะเบียนฝรั่งเศสได้แล่นเข้าไปในถนน Meir [ถนนช้อปปิ้ง/ย่านการค้า] ด้วยความเร็วสูง ผู้คนตามทางเดินต่างก็พากันกระโดดหลบหนีรถยนต์ออกด้านข้าง" Serge Muyters หัวหน้าตำรวจเมือง Antwerp กล่าวในการแถลงข่าว
Serge Muyters กล่าวอีกว่า "เพื่อนๆ (ตำรวจ) ของพวกเราได้บังคับให้คนขับรถคันดังกล่าวหยุดรถ แต่เขาก็ขับหนีไป และวิ่งฝ่าไฟแดง เราส่งชุดเฉพาะกิจและรถยนต์ออกไป จากนั้นคนขับรถคันนั้นก็หยุด ชายคนหนึ่งในชุดลายพรางถูกควบคุมตัว"
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า พบอาวุธมีด ปืนหนึ่งกระบอก และถังแก๊สไม่ทราบชนิดของของเหลวที่บรรุอยู่ภายใน ในรถยนต์ของผู้ต้องสงสัย รอยเตอร์สรายงาน สำนักข่าว AFP ของฝรั่งเศสกล่าวว่า "ชายคนนั้นเป็นคนเชื้อสายแอฟริกาเหนือ และเชื่อว่าเป็นมุสลิมหัวรุนแรง" ต่อมาทางการเปิดเผยว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้ชื่อ Mohamed R. อายุ 39 ปี เป็นชาวตูนีเซีย อาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส
ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ของฝรั่งเศสกล่าวว่า "ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับคนสัญชาติฝรั่งเศส มีความเป็นไปได้ที่จะมีอาวุธบางอย่างอยู่ในบูทของเขาด้วย มันขึ้นอยู่กับศาลในการออกแถลงการในเรื่องนั้น ว่าชายคนนี้กำลังมองหาการฆ่า หรืออย่างน้อยเพียงเพื่อต้องการก่อเหตุสะเทือนขวัญ ดังนั้นพวกเราจะต้องเดินหน้าในการเฝ้าระวังระดับสูงและเคลื่อนกำลังพลของพวกเราทั้งหมดเอาไว้"
รอยเตอร์รายงานว่า อย่างไรก็ตาม ตามแหล่งข่าวในฝรั่งเศสบอกว่า ทางการเชื่อว่าผู้ต้องสงสัยไม่ได้พยายามที่จะชนใคร บางทีเขาอาจจะเมาเหล้า และพยายามขับรถหนีจากการตำรวจของตำรวจก็ได้ [AFP ของฝรั่งเศสบอกว่าผู้ต้องสงสัยอาจจะเป็นชาวมุสลิม ส่วน Reuters บอกว่าหมอนั่นอาจจะเมาเหล้าก็ได้ ศาสนาอิสลามห้ามดื่มเหล้า ตกลงว่าเขาเป็นมุสลิมหรือไม่? ทางการยังไม่ยืนยัน - ผู้แปล]
กรณีการโจมตีที่กรุงลอนดอนนั้น นาย Beata Szydlo นายกรัฐมนตรีของโปแลนด์ออกมากล่าวว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีการเชื่อมโยงกันระหว่างการโจมตีที่กรุงลอนดอนกับนโยบายรับผู้อพยพของอียู
"ผมได้ยินอยู่บ่อยครั้งมากในยุโรปว่า อย่าโยงนโยบายเกี่ยวกับผู้อพยพเข้ากับเรื่องขบวนการก่อการร้าย แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เชื่อมโยงทั้งสองเรื่องนี้เข้าด้วยกัน" นาย Beata Szydlo กล่าวผ่าน TVN24 สำนักข่าว RT รายงาน

ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เน้นปรองดองหรือไล่ล่า

สื่อต่างชาติวิพากษ์วิจารณ์แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของรัฐบาลคสช. ว่าอ้างความปรองดอง ขณะที่ไล่ล่าจับกุมฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองไม่เว้นวัน
The Economist รายงานว่าหลังจากที่คสช.ได้ทำการรัฐประหารและยึดอำนาจการปกครองในไทยมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2014 เพื่อหยุดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและสัญญาว่าจะนำประเทศไทยกลับคืนสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยภายในระยะเวลาอันสั้น แต่หลังจากที่คสช.บริหารบ้านเมืองเกือบ 3 ปีแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเกิดการเลือกตั้งขึ้นในไทยเมื่อไร
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คสช.เพิ่งนำเสนอและอธิบายแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีต่อนักการทูตและผู้สื่อข่าวต่างชาติ ซึ่ง The Economist นิตยสารวิเคราะห์เศรษฐกิจและการเมืองโลกของอังกฤษ มองว่าแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งชุดต่อๆไปต้องปฏิบัติตามแนวทางที่คสช.วางไว้อย่างเคร่งครัด เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าทหารจะยังไม่ถอนตัวจากอำนาจการบริหารประเทศไปไหน
แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ถูกบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ กำหนดว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอนาคตต้องดำเนินโยบายภายใต้การควบคุมดูแลของ คณะกรรมมาธิการที่แต่งตั้งโดยกองทัพ และผู้นำเหล่าทัพที่นั่งอยู่ในวุฒิสภา ซึ่งมีอำนาจเข้ามาแทรกแซงการบริหารประเทศทันที หากพบว่านักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งไดดำเนินนโยบายของตัวเองที่นอกลู่นอกทางจากที่รัฐบาลคสช.กำหนดแนวทางไว้ 
แม้ไทยจะเคยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่หลายปีที่ผ่านมาอัตราการเติบโตกลับเฉื่อยชาลงอย่างเห็นได้ชัด จนธนาคารโลกรายงานในเดือนที่ผ่านมาว่า กัมพูชา, มาเลเซีย และเวียดนามดึงดูดนักลงทุนได้มากกว่า โดยที่ผ่านมา เศรษฐกิจของไทยถูกควบคุมโดยบริษัทขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง ขณะที่รัฐบาลก็ทุ่มงบประมาณเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจแค่เฉพาะในกรุงเทพ และเมืองใหญ่ๆ ทำให้คุณภาพชีวิตระหว่างคนเมืองและต่างจังหวัดมีแต่จะเพิ่มสูงขึ้น 
รัฐบาลคสช.รู้ปัญหาข้อนี้ดี แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนได้ สภาพเศรษฐกิจในยุครัฐบาลคสช.จึงอยู่ในสภาพตกต่ำฝืดเคือง ค่าครองชีพพุ่งสูง ทำให้รายรับของประชาชนไม่พอกับรายจ่าย ส่วนสภาพการเมืองก็อยู่ในสภาวะที่เรียกได้ว่าไม่เป็นประชาธิปไตยและไร้เสถียรภาพ จากการที่รัฐบาลคสช.ไล่จับฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง และผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลคสช.ให้เห็นเป็นรายวัน
แม้เดือนมกราคมที่ผ่านมา รัฐบาลคสช.ได้เชิญกลุ่มการเมืองฝ่ายต่างๆ รวมทั้งสมาชิกพรรคเพื่อไทยของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง แต่ก็เป็นที่น่าสงสัยว่าแผนการปรองดองของรัฐบาลคสช.จะประสบความสำเร็จได้อย่างไร ในเมื่อยังคงมีการไล่ล่าจับกุมผู้ใกล้ชิดและให้การสนับสนุน ดร. ทักษิณ ชินวัตร อยู่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้กรมสรรพากรขยายเวลาเรียกเก็บภาษีจาก ดร. ทักษิณ ชินวัตร จากการขายหุ้นชินคอร์ปเป็นเงินกว่า 12,000 ล้านบาทก่อนคดีจะขาดอายุความในวันที่ 31 มีนาคมนี้ หากไม่ดำเนินการและปล่อยให้คดีหมดอายุความ ผู้เกี่ยวข้องและกรมสรรพากร อาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 โทษฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 
สื่อต่างประเทศมองว่าปัญหาการสร้างความปรองดองในไทยนั้น เกิดจากความเข้าใจผิดที่กองทัพไทยเชื่อมั่นว่าตัวเองทำหน้าที่เป็นเหมือนกรรมการยุติความขัดแย้ง ด้วยการก่อรัฐประหารหลายสิบครั้งในช่วงศตวรรษที่ผ่านมาเพื่อปกป้องประเทศชาติ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่งของอาการป่วยไข้ที่ไทยกำลังเผชิญ
ที่มา : http://news.voicetv.co.th/world/473886.html

ก้าวไม่พ้น”แม้ว”da

ใบตองแห้ง
ไชโย “จารย์แก้วสรร อติโพธิ กลับมาแล้ว เขียนบทความถามเองตอบเองเรื่อง “คดีหุ้นชินคอร์ปชินวัตรภาคแอมเพิลริช” คิดถึงจัง คนเคยรักกัน หายไปไหนตั้งนาน ถ้าไม่มีคดีภาษีทักษิณ คงไม่เห็น”จารย์แก้วกลับมาอยู่ในโฟกัส
น่าทึ่งไหม 10 กว่าปีผ่านไป ทักษิณยัง “กินได้” ยังขายได้ ทั้งคนเกลียดคนรัก ทั้งที่ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ วางโครงสร้างอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ต่อให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งถล่มทลาย ก็ไม่มีทางได้เป็นรัฐบาล แต่คนที่เกลียดกลัวทักษิณ ก็ยังอยากเอาให้ตาย
อ๊ะอ๊ะ ไม่ได้ว่า “จารย์แก้วเขียนผิดเขียนถูก เห็นต่างไม่เป็นไร แต่ดูบรรยากาศวันนี้เห็นด้วยไหม คนไทยกลับไปอยู่ในกระแสรักเกลียดทักษิณอีกแล้ว มันไม่ใช่การถกเถียงด้วยเหตุผลทางกฎหมายซักหน่อย มันแค่ใครเกลียดทักกี้ก็เห็นด้วยกับการใช้ “อภินิหารทางกฎหมาย” เท่านั้นเอง
Miracle Thakkie จริงๆ นะ ขนาด คสช. “ปรองดอง” ก็ยังมีคนจับจ้อง จะเกี้ยเซี้ยทักษิณหรือเปล่า แค่มีข่าวอนุทิน ชาญวีรกูล เป็น “โซ่ข้อกลาง” ก็ยังสกัดดาวรุ่ง แฉว่าเคยพาบิ๊กบังไปหาทักษิณที่ดูไบ
เลิกพูดไปเลย คำว่า “ก้าวข้ามทักษิณ” ต่อให้ทักษิณ เป็นมะเร็งตาย ตราบใดที่ตระกูลชินวัตรไม่อพยพออกจากประเทศไทย ก็ยังเกลียดกลัวกันได้อีกร้อยปี
พูดอย่างนี้ต้องมีคนย้อนถาม อ้าว แล้วไอ้พวกนักประชาธิปไตยล่ะ ก้าวข้ามทักษิณหรือยัง ก้าวไม่ข้ามหรอกครับ ตราบใดที่ยังปลุกผีกันอยู่
ขี้เกียจพูดครั้งที่ล้าน ว่าคนรักประชาธิปไตยส่วนใหญ่ก็คัดค้านทักษิณอำนาจนิยมมาทั้งนั้น แค่ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหารตุลาการภิวัตน์ ตอนแรกก็เป็นฝ่าย “สองไม่เอา” แต่สุดท้ายไม่มีที่ยืน เพราะใครคัดค้านการใช้อำนาจทำลายประชาธิปไตย ทำลายหลักนิติรัฐ ถูกผลักเป็นพวกทักษิณเสียหมด
เป็นก็เป็นสิวะ เพราะไปๆ มาๆ มวลชนเสื้อแดงกลับซึมซับหลักการประชาธิปไตยมากกว่า “สลิ่ม” แม้ส่วนใหญ่ยังผูกพันทักษิณ แต่ก็มีความเติบโตเป็นตัวของตัวเองเพราะถูกกระทำ
แต่ทักษิณก็ยังเป็นทักษิณ คือเป็นอะไรได้ทุกอย่าง เป็นไม่ได้อย่างเดียว นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ทักษิณจึงกดปุ่ม delete ตัวเองด้วย “นิรโทษสุดซอย ลักหลับตอนตีสี่”
ทักษิณเสื่อมตั้งแต่วันนั้นแล้วครับ พรรคเพื่อไทยก็เสื่อม เพียงแต่อีกฝ่ายเสื่อมกว่า ปิดเมืองปิดสถานที่ราชการขัดขวางเลือกตั้ง กระทั่งเกิดรัฐประหาร ใช้อำนาจเข้มข้นบังคับสังคมอยู่ในความสงบ กลายเป็นความขัดแย้งใหม่ เป็นปัญหาเฉพาะหน้า ที่ทำให้ “ความผิด” ของทักษิณ เพื่อไทย ถูกละไว้ชั่วคราว ประกอบกับบทบาทในการเรียกร้องประชาธิปไตยเปลี่ยนมาอยู่ที่นักศึกษา นักวิชาการ ไม่ใช่พรรคการเมือง (มวลชนส่วนหนึ่งยังบ่นว่าทักกี้ไม่สู้ด้วยซ้ำไป)
แต่เมื่อไหร่มีการเลือกตั้ง พรรคการเมืองกลับมามีบทบาท ถามว่าจะยังไว้วางใจพรรคเพื่อไทยกันอยู่ไหม ไม่แล้วครับ ถ้าจะสู้ร่วมกันต่อไป พรรคเพื่อไทยก็ต้องปฏิรูปครั้งใหญ่ ใครจะไว้วางใจพรรคการเมืองที่คนคนเดียวโทร.สั่งซ้ายหันขวาหันได้ตอนตีสี่ แล้วคนคนนั้นก็ไม่เคยเลิกนิสัยสู้ไป ดีลไป โดนแค่ไหนก็ไม่เคยเข็ด ยังพร้อมจะต่อรองเสมอ
แล้วถามจริง พรรคเพื่อไทยปฏิรูปได้ไหม อมพระมาพูดก็เชื่อไม่ได้ ตั้งพรรคใหม่เริ่มต้นจากศูนย์ซะยังดีกว่า เพียงแต่ต้องหาจังหวะ สมมติเช่น พรรคเพื่อไทย “ปรองดอง” กับทหารเมื่อไหร่ พรรคใหม่ก็เกิดได้ทันที
แต่ที่พูดมาทั้งหมดนี้เป็นนิยายครับ เป็นเรื่องในจินตนาการของนักอุดมคติที่เป็นไปไม่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ต่างจากความเพ้อฝันว่าสักวัน เหลืองแดงจะรวมกันได้ ในโลกแห่งความเป็นจริงคือชาติหน้าตอนบ่ายๆ (พูดแบบคนไม่เชื่อว่ามีชาติหน้าเสียด้วย)
ในโลกแห่งความเป็นจริง ประวัติศาสตร์ก็ยังซ้ำรอย ทักษิณอำนาจนิยม ถูกโค่นล้มด้วยรัฐประหาร ถูกกระทำอย่างไม่ยุติธรรม เรียกความเห็นใจจากมวลชนที่ได้ประโยชน์จากนโยบายประชานิยม ขณะที่คนอีกฝ่ายเกลียดจนคลุ้มคลั่ง ชนะเลือกตั้ง ก็ถูกม็อบยึดทำเนียบยึดสนามบินขับไล่ ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค ผิดคนเดียวตายยกเข่ง ฯลฯ
ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน ทักษิณสุดซอย ถูกไล่ด้วยม็อบสุดโต่ง เกิดรัฐประหาร ยิ่งลักษณ์ถูกดำเนินคดี ถูกเรียกค่าเสียหาย 3.5 หมื่นล้าน เดินสายถ่ายเซลฟีกับชาวบ้าน เกิดอภินิหารทางกฎหมายย้อนเก็บภาษี 1.2 หมื่นล้าน ขณะที่ร่างรัฐธรรมนูญยิ่งถอยหลัง ไม่เหลือความเป็นประชาธิปไตย
เลิกพูดเรื่องก้าวข้ามไปเลย ปลงเสียเถอะ เวียนว่ายตายเกิดอยู่กับทักกี้นี่แหละ

"ทักษิณ..โกตี๋..ทีนิวส์"



"ทักษิณ..โกตี๋..ทีนิวส์"
ผมอยากให้ท่านนายกทักษิณมอบอำนาจให้ทนายความ ไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายสนธิญาณและสำนักข่าวทีนิวส์ที่กล่าวหาว่า "ถ้าไม่มีทักษิณขบวนการเหล่านี้ก็เดินต่อไม่ได้" อันเป็นการจงใจใส่ความนายกทักษิณว่าอยู่เบื้องหลังโกตี๋ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าของอาวุธสงครามและอยู่ในขบวนการล้มเจ้า ซึ่งไม่เป็นความจริงเพราะนายกทักษิณและพวกผมแม้จะไม่ชอบเผด็จการ แต่ไม่เคยมีความคิดที่จะใช้ความรุนแรง ส่วนเรื่องล้มเจ้าไม่เคยอยู่ในความคิด
ระยะนี้ท่านนายกทักษิณงานเข้ามากเป็นพิเศษ เช่น ภาษีหุ้นชินคอร์ปที่เรื่องจบไปนานแล้วแต่รัฐบาลจะใช้อภินิหารเรียกเก็บให้ได้ หรือเหตุการณ์ที่วัดพระธรรมกายที่ท่านผู้นำเคยมีคำถามว่าเป็นพุทธแท้หรือพุทธเทียม ในขณะที่ผมออกมาต่อสู้เพราะเห็นว่าการที่สาธุชนเข้าวัดเพื่อปฏิบัติธรรมย่อมดีกว่าออกมาเพ่นพ่านบนถนนหรือยกพวกไปปิดสถานที่ราชการ ล่าสุดคือการจับกุมอาวุธที่อ้างว่าเป็นของโกตี๋ที่หลายฝ่ายเห็นว่าเป็นการจัดฉาก ทั้งสองเรื่องก็ถูกลากโยงมาที่นายกทักษิณทั้งที่ท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ความจริงท่านวางเฉยมานานแล้วเพราะต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ แต่เผด็จการกลับหาเรื่องเอาท่านเป็นข้ออ้างเพื่อจะได้อยู่ในอำนาจต่อไป เราจึงเห็นกลุ่มคนเหล่านี้แบ่งหน้าที่กันทำ โดยหัวหน้ากลุ่มการเมืองข้างถนนออกมาเสนอให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปจนกว่าจะปฏิรูปสำเร็จ ฝ่ายสื่อก็ช่วยออกมาปลุกผีใส่ร้ายท่านว่าอยู่เบื้องหลังขบวนการล้มเจ้า ส่วนท่านผู้นำก็สนุกกับการใช้อำนาจพิเศษที่ขัดต่อหลักนิติธรรมและนำมาซึ่งความขัดแย้ง ที่น่าแปลกคือเผด็จการที่เพลิดเพลินกับการจัดการฝ่ายตรงข้ามแต่กลัวถูกคิดบัญชี ความจริงคำว่าคิดบัญชีของผมคือเอาอำนาจกลับคืนให้กับประชาชนเท่านั้นเอง ช่างขวัญอ่อนเสียเหลือเกิน แล้วบอกเป็นชายชาติทหาร
วัฒนา เมืองสุข
พรรคเพื่อไทย
24 มีนาคม 2560