PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559

คำแนะนำจาก แจ๊ค หม่า ถึง ‘นักธุรกิจรุ่นใหม่’ และ ‘SME ไทย’

หลังจากที่ แจ๊ค หม่า ผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มบริษัทอาลีบาบา เดินทางมาประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 2 หรือ 2nd ACD Summit ไปในวันที่ 10 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา เขาก็ได้มาขึ้นพูดบรรยายพิเศษในหัวข้อ “Entreperneurship and Inclusive Globalization” ต่อทันทีที่กระทรวงการต่างประเทศ ในวันที่ 11 ตุลาคม 2559
วันนี้เราก็ได้แปลและเรียบเรียงคำแนะนำของ แจ๊ค หม่า นักธุรกิจที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จระดับโลกมาให้ทุกคนได้ศึกษากัน ซึ่งต้องบอกเลยว่า นี่ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญของนักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่จะได้รับฟังและศึกษาวิสัยทัศน์ของนักธุรกิจระดับโลกคนนี้
อย่างที่เรารู้กันว่า แจ๊ค หม่า เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จที่มีนักธุรกิจทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ให้ความสนใจ ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเดินทางมาเหยียบเมืองไทย  จริง ๆ แล้วมากกว่า 10 ครั้งซะอีก  โดยคำแนะนำแรกที่ แจ๊ค หม่า เปิดเผยกับผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ก็คือ เขาเชื่อว่าหลายคนคงรู้จักเขาดีแล้ว  แต่อยากจะบอกว่า อย่าเพิ่งเชื่อหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับเขามากนัก  เพราะเมื่อเขาได้อ่านดูแล้วหลาย ๆ เล่ม พบว่าไม่ใช่ความจริง  เขาก็เป็นเหมือนคนปกติทั่วไปที่เคยผิดพลาดมาก็เยอะ ออกจากงานมากว่า 30 ครั้ง  โดนคนปฏิเสธจนชิน  แต่ส่วนนี้หลายคนไม่มีโอกาสได้เห็น จะมาเห็นก็ตอนที่เขาสำเร็จมีชื่อเสียงแล้ว ซึ่งเอาจริง ๆ เขาก็เคยทำอะไรต่อมิอะไรล้มเหลวผิดพลาดมามากกว่า 5,000 ครั้งด้วยซ้ำ
การจะเป็นผู้ประกอบการที่ดีได้นั้น  เราต้องมีใจคิดบวกอยู่เสมอ ทั้งตัวเขาเอง ทั้งคนดัง ๆ ระดับโลกทั้งหลายก็มีสิ่งนี้กันทุกคน  ซึ่งนี่แหละที่เราควรเอาอย่าง  เมื่อก่อนตอนที่โลกนี้ยังไม่มีอะไรเลยสักอย่าง พวกเขายังผ่านวิกฤติต่าง ๆ มาได้  แต่โลกยุคนี้มีครบหมดแล้ว  ทีนี้ก็อยู่ที่ตัวเราว่าจะเอามันไปใช้ประโยชน์ยังไง
สิ่งที่ แจ็ค หม่า แนะนำต่อมาก็คือ เรื่องของพาร์ทเนอร์ เราต้องหาพาร์ทเนอร์ที่ดี เชื่อถือได้  ที่เหลือคือเรื่องของเวลา อย่ายอมแพ้ ถ้าคุณล้มลงแล้วยอมแพ้  โอกาสในการจะกลับมาได้อีกมันยาก  ให้เริ่มทำจากสิ่งที่รักอันดับแรกก่อน หลายคนลืมเรื่องนี้  แต่ไปทำให้ธุรกิจมีปัญหาเยอะ
“วันนี้ว่ายากแล้ว พรุ่งนี้มันจะยากกว่า แล้วหลังจากพรุ่งนี้ไปชีวิตของเราจะสวยงามเอง (แต่คนส่วนใหญ่มักจะตายวันพรุ่งนี้ตอนเย็น ๆ)”
เรื่องของการเงินก็เป็นอีกปัญหาที่ทุกบริษัทต้องเจอ  แจ๊ค หม่า บอกเองเลยว่า มันเป็นปัญหาเสมอ ธุรกิจจะเล็กจะใหญ่แค่ไหนยังไงก็ต้องใช้เงิน แต่เวลาที่เราต้องการเงิน จะไม่ค่อยมีใครให้เงินเราหรอก หรือเวลาที่เราต้องการความช่วยเหลือ เราก็จะไม่ได้มันเช่นกัน  ซึ่งเขาบอกว่า มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ตอนที่เขาเริ่มทำธุรกิจ ก็มีแต่คนไม่เห็นด้วย  บอกว่าเขาไม่มีทางทำได้หรอก เขาชวนเพื่อนมานั่งคุยด้วย 48 คน เกี่ยวกับโปรเจ็กต์นี้  คุยไป 2 ชั่วโมงโดนปฏิเสธไป 23 คน แต่เขาก็ตัดสินใจทำอยู่ดี หลายอย่างที่เราอยากทำและถึงแม้คนส่วนมากจะไม่เห็นด้วย แต่อย่างน้อยเราก็ต้องเชื่อในสิ่งนั้น
ตัวเขาเองเริ่มต้นอาลีบาบากับคน 18 คน ตอนนั้นเขาบอกเลยว่าให้เอาเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ทุกคนมีมากองไว้บนโต๊ะ ซึ่งมันรวมแล้วได้ประมาณ 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ มีแค่ไหน ใช้แค่นั้น ไม่มีการยืมคนอื่น เพราะมันถือเป็นความรับผิดชอบของตัวเขาเองเช่นกัน แล้วเงินจำนวนนี้ก็ทำให้ธุรกิจของเขาอยู่ไปได้ถึง 10 เดือน
เขาไปขอทุนจากธนาคารกว่า 20 ที่ก็ไม่มีใครให้ บอกว่าอาลีบาบาไม่ดีมั่งอะไรมั่ง ประเทศจีนไม่มีอินเทอร์เน็ตมั่ง อีคอมเมิร์ซไม่รุ่งมั่ง แต่สิ่งที่เขาทำไม่ใช่การยอมแพ้ มันคือการใช้จ่ายเงินทุกบาททุกสตางค์อย่างรอบคอบ และโน้มน้าวทุกคนที่เชื่อให้มาใช้บริการให้ได้ โดยต้องไม่ทำให้ความเชื่อใจของเขาผิดหวัง
ตอนนี้คนที่ถือหุ้นใหญ่ ๆ ในอาลีบาบาก็มาจากญี่ปุ่นกับอเมริกา บางคนก็โวยวายบอกทำไมบริษัทจากจีนถึงมีแต่ผู้ถือหุ้นต่างชาติทั้งนั้นเลย ก็เพราะตอนที่เขากำลังต้องการเงินจริง ๆ มันไม่มีใครให้เขายังไงล่ะ
ซึ่งการไม่มีเงินเนี่ย แจ๊ค หม่า บอกเองเลยว่ามันเป็นปัญหาใหญ่อยู่พอสมควรเลย เพราะถ้าเราไม่มีเงิน เราต้องคิดให้รอบครอบว่าเราจะทำอะไร
“ผมได้ยินคนรุ่นใหม่พูดกันเยอะมากว่า ถ้าฉันมีเงินนะ ฉันทำสิ่งนี้สำเร็จไปแล้ว  ซึ่งผมไม่ชอบคนคิดแบบนั้น ผมชอบคนที่บอกว่า ฉันไม่มีเงิน แต่ฉันจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จให้ได้”
ทุกวันนี้หลายบริษัทเจอปัญหาเรื่องเงินอยู่เยอะ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีเงิน แต่เพราะเขามีเยอะเกินไป ตอนที่เราไม่มีเงิน จะทำอะไรทีก็ต้องคิดให้ดี ทบทวนแล้วทบทวนอีก แต่พอเรามีเงินเยอะ จะทำอะไรเราก็สามารถลงมือได้ทันที ไม่ต้องกลัวเจ๊ง ซึ่งมันก็ทำให้เสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์
“พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ตลอดเวลา จนกว่าจะรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร และทำให้ลูกค้าพอใจให้ได้ ซึ่งต้องควบคู่ไปกับการทำให้ทีมพอใจด้วย เมื่อลูกค้าพอใจ ทีมพอใจ แล้วหุ้นส่วนก็จะพอใจเอง”
ตัวเขาเองก็เริ่มทำเงินจาก SME แต่ไม่ตัดสินความสำเร็จจากเงินที่ได้มาเอง เขาตัดสินมันจากตรงที่ว่า SME ทำเงินผ่านทางเขาได้เท่าไหร่ ถ้าคนอื่นประสบความสำเร็จ เขาก็ประสบความสำเร็จด้วย และเขายังบอกอีกด้วยว่า เขารู้สึกขอบคุณธุรกิจขนาดเล็ก เพราะเวลาที่เขาได้คุยกับพวก SME มันทำให้เขาตื่นเต้น
“เวลาผมคุยกับ SME ผมถามนู่นถามนี่ได้เป็นชั่วโมง ๆ เลยนะ เพราะคนพวกนี้เต็มไปด้วยความหวังและแพสชั่น  ซึ่งมันต่างกับเวลาที่เราคุยกับธุรกิจใหญ่ ๆ พวกนี้จะมีแต่เรื่องเงินและการแข่งขัน  ซึ่งผมอยากให้ทุกธุรกิจโฟกัสที่ว่า เราจะช่วยคนอื่นยังไง มากกว่าที่จะมาดูว่าคนอื่นจะช่วยเรายังไง”
แจ๊ค หม่า  ได้พูดถึงสิ่งสำคัญสำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มทำงานต่อด้วยว่า อย่าคาดหวังให้เจ้านายมาพัฒนาตัวเรา เราต้องพัฒนาตัวเอง “ไม่มีใครช่วยคุณได้ คนที่พัฒนาอาชีพของคุณได้คือตัวคุณ ความรู้ของคุณ และประสบการณ์ของคุณเอง ทุกวันนี้มันมีโอกาสมากมายที่จะช่วยคุณตรงนั้น”
ในอนาคตหลาย ๆ งานจะถูกทำลายลง งานที่เหลืออยู่คืองานที่อาศัยความคิดสร้างสรรค์  เมื่อก่อนเราใช้คนทำงานเหมือนกับหุ่นยนต์ แต่ในอีก 20 ปีข้างหน้าเราใช้หุ่นยนต์ทำงานให้เหมือนกับคน ซึ่งตอนนี้หลาย ๆ คนก็เริ่มกลัวเครื่องจักรมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เราในฐานะคนรุ่นใหม่ต้องโอบกอดเทคโนโลยี ต้องกล้า ต้องเรียนรู้มันตั้งแต่เรายังเด็ก ๆ แบบนี้
การทำงานเราไม่ควรเกี่ยงหรือบ่นนั่นบ่นนี่ ตอนที่เขาเป็นเด็ก ๆ วัยรุ่นทั่วไป  เขาก็เคยบ่นเรื่องการทำงานเหมือนกับเราทุกคน แต่แล้วก็นึกขึ้นได้แล้วย้อนกลับไปมองตัวเองว่า ยิ่งเด็กในตอนนั้นได้บ่นกับเรื่องงานที่มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เขาในทุกวันนี้มีความสุขขึ้นเท่านั้น
“คนที่ประสบความสำเร็จจะไม่รอให้ใครมาพัฒนาพวกเขา  แต่พวกเขาจะเริ่มมันด้วยตัวเอง ซึ่งการจะประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องที่ว่าคุณทำเงินได้มากแค่ไหน แต่ความสำเร็จจริง ๆ คือเวลาที่คุณแก่ตัวไป คุณมีเรื่องราวมากมายให้พูดถึง เงินไม่มีค่าอะไร อำนาจไม่มีค่าอะไร สิ่งที่มีค่ามากกว่าสิ่งใดคือ ประสบการณ์ของคุณ”
ที่มา: http://www.bangkokbanksme.com/article/8588

บทบาทพลเมืองสยาม ในการปราบกบฏบวรเดช 2476


“คนไทยยังไม่พร้อมสำหรับประชาธิปไตย” นี่เป็นคำพูด ความคิดเห็นที่เราท่านได้พบ ได้เห็น ตั้งแต่เมื่อแรกมีประชาธิปไตยในไทย ใน พ.ศ. 2475 ถึงไม่บ่อยแต่ไม่เคยจางหาย และขยายแนวคิดไปว่า “ประชาธิปไตยไม่เหมาะกับประเทศไทย”
ท่านคิดเห็นอย่างไรเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ตามสถานะ ข้อมูล ฯลฯ
หากวันนี้อยากจะชวนท่านมาดูบทความหนึ่ง ที่ทำให้เห็นภาพประชาชนที่ “ใส่ใจ” และ “เอาใจช่วย” ที่มีต่อ “ประชาธิปไตย”
กับบทความวิชาการที่ชื่อว่า “เมื่อสามัญชนหาญปราบกบฏ : บทบาทพลเมืองสยามในการปราบกบฏบวรเดช 2476” ของ ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
บทความวิชาการนี้ตีพิมพ์ในนิตยสาร “ศิลปวัฒนธรรม” ฉบับเดือนตุลาคมนี้
ที่เรียกว่า “บทความวิชาการ” เพราะผู้เขียน (ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง) สืบค้นเอกสารชั้นต้นอย่างรอบด้าน ทุกเรื่องมีเอกสารอ้างอิง เอกสารที่อ้างอิงจำนวนมากเป็นเอกสารชั้นต้น เอกสารชั้นต้นกว่าครึ่งเป็นเอกสารราชการ
ปราบกบฏบวรเดช 2476
ในที่นี้ขอยก 2-3 ตัวอย่างมาเล่าสู่กันฟัง
หนึ่งคือ พระมหาภู่ นาคสลับ วัดมหาธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช มีลิขิตถึงนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2476 ความว่า
การปราบกบฏไม่ใช่เรื่องของสงฆ์ แต่เรื่องของชาติเป็นเรื่องของทุกคน ภิกษุสงฆ์ก็เป็นส่วนหนึ่งของชาติ เป็นเพื่อนร่วมชาติกับทุกคน พระมหาภู่ยังได้รายงานสถานการณ์ให้รัฐบาลทราบว่า ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่เชื่อข่าวของพวกกบฏมากกว่า ขอให้รัฐบาลเร่งแก้ไขการนำเสนอข่าวสาร และอำนวยพรมายังรัฐบาลว่า
“อาตมาภาพนอกจากเอาใจช่วยรัฐบาลแล้ว ยังขออัญเชิญพระรัตนไตรและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยอภิบาลปกป้องในกาลทุกเมื่อด้วย”
หนึ่งคือ นายพร้อม ทัพประพนท์ เสมียนอำเภอพานทอง ชลบุรี โทรเลขถึงนายกรัฐมนตรี วันที่ 17 ตุลาคม 2476 ได้แจ้งว่า เขาได้ขอลาหยุดงาน 7 วัน เพื่อเข้ามาร่วมกับฝ่ายรัฐบาลปราบกบฏ
หนึ่งคือ นางปุ่น สุภาพันธ์ จังหวัดเพชรบุรีส่งจดหมายลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2476 ถึงนายกรัฐมนตรี บริจาคแหวนแต่งงานสมทบทุนให้รัฐบาลปราบกบฏ
“ดิฉัน เป็นราษฎรสามัญชนคนหนึ่ง ซึ่งไม่มั่งมีศรีสุขอย่างใด แต่ทั้งกายและใจของดิฉันเคารพมั่นคงในรัฐธรรมนูญซึ่งใต้เท้าได้เป็นประมุขนำมาหยิบยื่นให้ด้วยพลีชีวิต
ดิฉันพร้อมแล้วที่จะสละทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อประเทศต้องการเพื่อรักษารัฐธรรมนูญของชาติให้สถิตสถาพรอยู่
ดังนั้น ดิฉันได้ส่งแหวนมาพร้อมจดหมายนี้ 1 วง แม้จะเป็นแหวนทองเกลี้ยงๆ ไม่มีราคาเท่าใดนัก แต่เป็นของมีค่าที่สุดของดิฉันสิ่งหนึ่ง เพราะเป็นแหวนวิวาห์ของดิฉัน‚”
หนึ่งคือ นางส้มจีน รักภาระพิทักษ์ เจ้าของร้านสหธัญญาพานิช ขออนุญาตรัฐบาลอัดรูปถ่ายพวกกบฏจำหน่ายในราคาถูก เพื่อช่วยรัฐบาลในการจับกุมผู้ก่อกบฏมารับโทษ
นางส้มจีนกล่าวว่า “ดิฉันจะพยายามจำหน่ายให้ถูกที่สุด แม้จะเสียเวลาหรือขาดทุนบ้าง ดิฉันก็ยอม เพราะดิฉันเห็นแก่ชาติมากกว่า”
ตัวอย่างข้างต้นคือ “ชาวบ้านทั่วไปล้วน” แต่ในบทความของณัฐพลยังมีกลุ่มบุคคลอีกจำนวนมากที่เข้าร่วมการปราบกบฏ เช่น พนักงานการรถไฟ, พลเมืองอาสา ที่ช่วยเหลือ, บริจาค, อวยพร ฯลฯ แก่รัฐบาลในการต่อสู้กับกบฏบวรเดช ซึ่งนอกจากจะมีเรื่องของสามัญชนที่ช่วยปราบกบฏ ก็ยังมีเรื่องที่พวกเขาถูกคุกคามชีวิตและทรัพย์สินเพราะเห็นต่างจาก
อภิชนด้วย
เนื้อหาที่เหลือและตอนจบของบทความนี้ขอท่านได้โปรดติดตามต่อใน “ศิลปวัฒนธรรม”
ส่วนตอนจบของการต่อสู้ทางประชาธิปไตยนั้นคงต้องยืมคำอภิปรายของจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี กล่าวแก่สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2483 ว่า
“ระบอบเก่าและระบอบใหม่นี้จะต้องรบกันไปอีกนานจนกว่าระบอบใดจะชนะ และผมขอยืนยันว่า ในชั่วชีวิตเรา บางทีลูกเราด้วยจะต้องรบกันไปอีกและแย่งกันระหว่างระบอบเก่ากับระบอบใหม่นี้”
ปราบกบฏบวรเดช 2476
ปราบกบฏบวรเดช 2476ปราบกบฏบวรเดช 2476ปราบกบฏบวรเดช 2476ปราบกบฏบวรเดช 2476ปราบกบฏบวรเดช 2476

นายกรัฐมนตรีวอนอย่าขยายความกรณี ตร.แจ้งเตือนการก่อวินาศกรรม

นายกรัฐมนตรีวอนอย่าขยายความกรณี ตร.แจ้งเตือนการก่อวินาศกรรม ด้าน สมช.เผยเฝ้าระวังเต็มที่ตามที่ได้รับข้อมูล
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนกกับคำเตือนของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในเรื่องการก่อวินาศกรรมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล วอนสื่ออย่าขยายความ ด้าน สมช.ยืนยันเฝ้าระวังเต็มที่ตามที่ได้รับข้อมูล ขณะที่ ตร.หน่วยปฏิบัติการพิเศษออกตรวจตราห้างสรรพสินค้า ด้านบริการขนส่งมวลชน ท่าอากาศยานเสริมความปลอดภัย ส่วน กทม.สั่งตรวจกล้องซีซีทีวีให้ใช้งานได้
เมื่อวานนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง ได้ร่วมประชุมกับกองบัญชาการตำรวจที่เกี่ยวข้องหลังได้รับการสอบถามจากสถานทูตต่างประเทศที่มีข้อตกลงความร่วมมือในการป้องกันการก่อการร้ายร่วมกับไทย โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่าอาจมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีเตรียมก่อเหตุในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในช่วงวันที่ 25-30 ต.ค.นี้ ว่าได้กำชับการดำเนินการตามแผนป้องกันการก่อการรายแม้จะไม่มีจุดใดที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ แต่ได้เพิ่มการคุมเข้มตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ สถานทูต จุดล่อแหลม และสถานที่เชิงสัญลักษณ์
อย่างไรก็ดี พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (11 ต.ค.) ขอความร่วมมือสื่อไม่ให้ขยายความเรื่องนี้ เพราะจะทำให้ประชาชนตื่นตระหนก และส่งผลต่อกระทบความเชื่อมั่นต่างประเทศ
อีกด้านหนึ่ง สำนักข่าวไทยรายงานว่า พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ยืนยันว่าหลังจากมีการแจ้งเตือนว่าจะมีเหตุดังกล่าว ทางฝ่ายความมั่นคงได้เร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยทางการข่าวยังไม่มีการระบุพื้นที่ที่ชัดเจน แต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้สั่งการให้หน่วยความมั่นคงดูความปลอดภัยจุดสำคัญทั้งหมด และดูแลภาพรวมทั่วประเทศ
มีรายงานด้วยว่าในวันนี้ หน่วยงานหลายแห่งได้เพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัย อาทิ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดในการบริการเดินรถไฟฟ้า ขณะที่มีรายงานว่าบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยาน 6 แห่ง คือสุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย และหาดใหญ่
ด้านตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองปราบปราม ได้ออกตรวจพื้นที่ 5 จุด ใน กทม. ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์ สยามสแควร์ เอ็มบีเค เซ็นทรัล ลาดพร้าว และเอสพลานาด รัชดา แต่ละจุดใช้กำลังเจ้าหน้าที่ประมาณ 20 นาย ตรวจตราทั้งในห้างและลานจอดรถเนื่องจากมีรายงานรถยนต์ต้องสงสัยที่ต้องระวังเป็นพิเศษ
สำนักข่าวไทยรายงานด้วยว่า นายภัทรุตม์ ทรรทรานนท์ รองปลัด กทม.สั่งให้เจ้าหน้าที่พร้อมรับเหตุวินาศกรรม โดยเน้นจุดเสี่ยงห้างสรรพสินค้า ลานจอดรถ แหล่งท่องเที่ยว และกำชับคุมเข้มให้หน่วยราชการตรวจกล้องวงจรปิดให้ใช้งานได้ #Thailandsecurity

บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.ร่วมงาน37ปี สถาปนา พล.ม.2รอ.

ไม่มี โผ No script
บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.ร่วมงาน37ปี สถาปนา พล.ม.2รอ.ผบทบ.กล่าวแบบBy heart ไม่มีโผ ชื่นชมทหารม้า ทำหน้าที่สำคัญมาก ที่ผ่านมา ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ฝาก 3ประการ4 ข้อ พูดแบบ เป๊ะๆ ไม่มีงง หลงลืม การเรียงลำดับ เป๊ะ เลย

ฝากขอเป็นทหารอาชีพ ดูแลความสงบเรียบร้อย นำไปสู่เลือกตั้ง ปี60ตามโรดแมพ จัดระเบียบสังคมให้เรียบร้อย ตามบัญชานายกฯ การบังคับใช้กม.และเตรียมพร้อมช่วยเหลือปชช. รับน้ำท่วม

บิ๊กเข้ พลเอกเทพพงศ์ ทิพยจันทร์ บิ๊กเปี้ยก พลเอกสมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล ผช.ผบทบ. ทหารม้า บิ๊กตัอ พลเอก สสิน ทองภักดี เสธ.ทบ. ทหารม้า และบิ๊กแดง พลโท อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาค1 ร่วมงาน
"ผบ.ทบ."ยันจะทำให้ ทุกอย่าง เดินตามโรดแมพ สู่เลือกตั้ง ปี2560 บอกทหาร มี3 ภารกิจ รักษาความสงบ จัดระเบียบสังคม ข่วยเหลือประชาชน ย้ำ แม้เรามีอำนาจ แต่ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม ก็จะก่อให้เกิดผลเสียต่อภาพลักษณ์ของหน่วยและกองทัพ" /ต้องพร้อมปฏิบัติหน้าที่ ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ดูแลสุขภาพร่างกาย เป็นทหารอาชีพ ชี้ถ้าภาคภูมิใจในความเป็นทหาร ก็จะปฏิบัติด้วยความสุข

พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานงานสถาปนากองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) ครบรอบปีที่ 37โดยมี พล.ต.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ผู้บังคับหน่วย รวมถึง กำลังพลของกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ร่วม ฟังโอวาท

พลเอกเฉลิมชัย กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พล.ม.2 รอ. ถือเป็นหน่วยกำลังรบที่สำคัญของกองทัพบก และปฏิบัติภารกิจหลากหลายประการ ทั้งภารกิจการป้องกันประเทศ การรักษาความสงบเรียบร้อย และการช่วยเหลือประชาชน การพิทักษ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์และการส่งกำลังเข้าร่วม กองกำลังสันติภาพที่ประเทศซูดาน นับว่าเป็นความภาคภูมิใจของหน่วยเป็นอย่างยิ่ง

ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พล.ม.2 รอ. ถือเป็นกำลังหลักในการปฏิบัติงาน สนับสนุนการปฏิบัติและบริหารงานของรัฐบาล โดยมีพื้นที่รับผิดชอบคือ กทม. พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ถือเป็นพื้นที่สำคัญมาก กำลังพลทุกคนได้ร่วมกันปฏิบัติภาระหน้าที่ ในบทบาทของ กกล.รส. ของ คสช. ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนได้รับการยอมรับและชื่นชมจากสังคม ตนขอขอบคุณทุกคน

ในสถานการณ์ปัจจุบัน กำลังพลทุกคนต้องช่วยกันนำพาประเทศให้เดินไปได้ตามโรดแมปของรัฐบาลเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งในปี 2560เรามีงานที่สำคัญ 3 ประการ คือ 1) เรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย การใช้กำลังในการตรวจสอบเรื่องต่างๆ ที่เราดำเนินการมา ขอให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและมีความเข้มงวดในการใช้กฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มที่ไม่ประสงค์หรือกลุ่มก่อกวน จนกระทั่งเราไม่สามารถเดินไปตามโรดแมปของรัฐบาลได้
"ผมขอฝากเรื่องการใช้อำนาจขอให้ดำเนินการตามอำนาจของกฎหมาย หากเรามีอำนาจแต่ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม ก็จะก่อให้เกิดผลเสียต่อภาพลักษณ์ของหน่วยและกองทัพ"
2) เรื่องการจัดระเบียบสังคม ขอให้เร่งดำเนินการเป็นรูปธรรม ในช่วงปีที่สุดท้ายให้เสร็จเรียบร้อยโดยเร็วที่สุดและส่งมอบให้หน่วยที่รับผิดชอบดำเนินการต่อไป เพื่อความสงบเรียบร้อยและความมีสง่าราศีของบ้านเมืองเรา
3) ภารกิจช่วยเหลือประชาชนที่นายกรัฐมนตรี สมัยเป็น ผบ.ทบ. ที่บอกเสมอว่า ทหารต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันเรากำลังมีปัญหาอุทกภัย ขอให้ กกล.รส.ทุกส่วนงาน เตรียมสรรพกำลังและเครื่องมือไปช่วยแก้ไขปัญหา เรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน หากมีสิ่งที่ยังไม่ได้ดำเนินการก็ขอให้ดำเนินการอย่างเต็มที่ ซึ่งภาพรวมทั้งหมดกองทัพบกพร้อมให้การสนับสนุน“
ในส่วนที่เราเป็นกำลังรบหลักของกองทัพบก ผมอยากฝากทุกคน 4 เรื่อง
1) ในฐานะที่เป็นส่วนกำลังรบ การปฏิบัติภารกิจทุกครั้ง ต้องทุ่มเท มุ่งมั่น ปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จจงได้ เพื่อชื่อเสียงเกียรติยศของตนเองและหน่วย
2) ในฐานะที่เป็นผู้บังคับหน่วย ต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้มีคุณภาพชีวิต สวัสดิการที่ดี
3) ในฐานะที่เป็นส่วนกำลังรบ ต้องดูแลสุขภาพร่างกาย ให้พร้อมปฏิบัติภารกิจเมื่อได้รับคำสั่ง
4) ขอให้ทุกคนภาคภูมิใจในการเป็นทหารอาชีพ ในวิถีชีวิตของทหารแบบพวกเรา ต้องพร้อมปกป้องชาติ บ้านเมือง แผ่นดินและพี่น้องประชาชน ถ้าเราภาคภูมิใจในความเป็นทหารแล้ว เราจะปฏิบัติด้วยความสุข” พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว

สำหรับ พล.ม.2รอ. ถือเป็น หน่วยทหารม้า ที่มีทั้งม้าเนื้อ ม.พัน29รอ. และม้าเหล็ก รถถัง รถเกราะ ทั้งในกรุงฯ อยุธยา และสระบุรี ถูกขนานนามว่า เป็นกองพลทหารม้า ที่มักจะถูกใช้ในการปฏิวัติรัฐประหาร เสมอ

"นายกฯ" ขอให้มั่นใจ จนท.ดูแลได้ "คาร์บอม์"การข่าวแจ้งเตือนมาตลอด

"นายกฯ" ขอให้มั่นใจ จนท.ดูแลได้ "คาร์บอม์"การข่าวแจ้งเตือนมาตลอด ขอสื่ออย่าขยายให้ตื่นตระหนก กระทบภาพพจน์ในสายตา ตปท. ขออย่าให้ความสำคัญกับวันBRN
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงการแจ้งเตือนมีผู้ไม่หวังดีเตรียมก่อเหตุคาร์บอมในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ในวันที่ 25-30 ต.ค. 3 จุด ว่า เป็นเรื่องที่มีการเตือนเสมอมา ซึ่งก็ต้องระมัดระวังการเสนอ หรือขยายข่าว
"การที่สื่อนำเสนอถือเป็นเรื่องปกติที่ให้สังคมได้รับรู้ แต่ขอให้เสนออย่างพอสมควร เพราะถ้าข่าวเช่นนี้ ออกไปจะเกิดความตื่นตระหนกได้ โดยเฉพาะผลกระทบกับต่างประเทศ วันนี้จึงเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน และเชื่อมั่นในตัวเจ้าหน้าที่"
ถามว่า การแจ้งเตือนนี้ต่อเนื่องมาจากเหตุที่เกิดขึ้น ใน 7 จ.ใต้ตอนบน เมื่อ วันที่ 11-12 ส.ค. ที่ผ่านมา หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่รู้ ไม่ทราบ เป็นเรื่องการทำงานด้านการข่าว โดยใช้วิธีการสืบสวนดำเนินการอยู่ รอผลการตรวจสอบก่อน
เมื่อถามว่า เชื่อมโยงกับวันสถาปนากลุ่มBRN หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะไปให้ความสำคัญทำไม ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะขยายความให้กลุ่มที่ใช้ความรุนแรง วันนี้ทั้งโลกมีปัญหาหมด ซึ่งถ้าตนเอง พูดแรงเกินไป ก็จะเป็นประเด็นที่เขาจะใช้ความรุนแรงตอบโต้กลับมา ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย

ตกเป็นเหยื่อทางการเมือง! ทบ.แจง ‘ชลรัศมี’ รับงานรัฐ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน

โฆษกทบ. แจง 2 บ. 'ชลรัศมี งาทวีสุข’คว้างานรัฐไม่เข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน ชี้ธุรกิจมีมานานแล้ว แถมมากด้วยความสามารถ รัฐได้ ปย.สูง ระบุตกเป็นเหยื่อทางการเมือง ถูกใช้เป็นเครื่องมือโจมตีของฝ่ายตรงข้าม ขอให้สื่อ-สังคมฟังข้อเท็จจริง 
PIC wintaii 11 10 59 4
จากกรณีบริษัท งาทวีสุข จำกัด และบริษัท สื่อสายรุ้ง จำกัด ที่มี พ.ต.หญิง ชลรัศมี งาทวีสุข ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น เข้าไปรับงานประชาสัมพันธ์ และงานโฆษณาต่าง ๆ จากภาครัฐ ขณะที่ระเบียบกระทรวงกลาโหมเมื่อปี 2551 และคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน เมื่อปี 2519 ระบุสาระสำคัญว่า ห้ามข้าราชการทหารมีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยเฉพาะห้ามเป็นกรรมการบริษัท ซึ่งทำให้บุคคลทั่วไปยอมรับให้บริษัทห้างร้านของเอกชนเหล่านั้นอาศัยชื่อของตนเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางตรงหรือทางอ้อมนั้น
ล่าสุด พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และโฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศราwww.isranews.org ถึงกรณีนี้ว่า เมื่อพิจารณาตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินแล้ว เห็นว่า เป็นการห้ามไม่ให้บรรดาเอกชนเอาชื่อข้าราชการทหารไปใส่เป็นกรรมการบริษัทแล้วนำไปอวดเบ่ง หรือแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งในส่วนของ พ.ต.หญิง ชลรัศมี ที่มีบริษัท สื่อสายรุ้ง จำกัด และบริษัท งาทวีสุข จำกัด นั้น ไม่เข้าข่ายขัดคำสั่งดังกล่าว เพราะธุรกิจของ พ.ต.หญิง ชลรัศมี ได้เปิดดำเนินงานมานานแล้ว และไม่ใช่แค่รับงานในยุครัฐบาลชุดนี้ แต่รัฐบาลชุดก่อน ๆ ก็รับงานด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ พ.ต.หญิง ชลรัศมี ก็เรียนจบสายตรงทางนิเทศศาสตร์มา เป็นนักประชาสัมพันธ์ที่เก่งคนหนึ่ง และมีความสามารถสูง ทั้งด้านภาษา และไหวพริบ ดังนั้นในเมื่อบริษัทของ พ.ต.หญิง ชลรัศมี มารับงานของรัฐ ก็ถือว่ารัฐได้ประโยชน์ด้วย ที่สำคัญทั้ง 2 บริษัทดังกล่าวเป็นธุรกิจภายในครอบครัวของ พ.ต.หญิง ชลรัศมี มาก่อนตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาเปิดแล้วดำเนินการในยุคนี้
“แต่ถ้าหากพบว่ามีการนำชื่อข้าราชการทหารคนไหนก็ตาม ไปใส่เป็นกรรมการบริษัทที่ประกอบธุรกิจไม่ตรงสาย เช่น นำชื่อ พ.ต.หญิง ชลรัศมี เป็นกรรมการในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการรับงานก่อสร้าง แล้วบริษัทดังกล่าวมารับงานก่อสร้างจากภาครัฐ หรือกองทัพ ก็อาจจะเข้าข่ายน่าสงสัยได้ว่า อาจขัดต่อคำสั่งดังกล่าว แต่กรณีของ พ.ต.หญิง ชลรัศมี คือเปิดบริษัททำพีอาร์มานานแล้ว และรับงานทุกรัฐบาล” พ.อ.วินธัย กล่าว
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายในสังคมเห็นว่า พ.ต.หญิง ชลรัศมี มียศทางทหาร แต่เปิดบริษัทเข้ามารับงานจากภาครัฐ จะถือว่าเหมาะสมหรือไม่ พ.อ.วินธัย กล่าวว่า กรณีนี้ไม่ได้เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ ต้องเข้าใจก่อนว่าตามหลักข้อเท็จจริงแล้ว การเปิดบริษัทสามารถทำได้ และถ้าเป็นบริษัทที่มีศักยภาพ เมื่อเข้ามารับงานภาครัฐ รัฐก็ได้ประโยชน์สูง อาจจะสูงกว่าบริษัทที่เป็นนักธุรกิจซึ่งหวังทำกำไรเพียงอย่างเดียวด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือไม่ได้รับงานแค่รัฐบาลชุดนี้ รัฐบาลก่อนหน้านี้ก็รับงานด้วย ดังนั้นการกล่าวหาว่า เหมาะสมหรือไม่ คงไม่สามารถตอบได้ 
“อยากให้สังคม รวมถึงสื่อต่าง ๆ เข้าใจว่า การนำเสนอข้อเท็จจริงสามารถกระทำได้ หากมีเรื่องการทุจริตหรืออะไร เราพร้อมจะตรวจสอบทันที เพราะรัฐบาล และ คสช. ให้ความสำคัญมาก แต่การกล่าวหาเรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องทางการเมือง พ.ต.หญิง ชลรัศมี เขาเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ทำงานเก่ง มากความสามารถ แต่สังคมกลับทำให้เขาเป็นเหยื่อทางการเมือง ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายตรงข้ามที่ไม่หวังดี จึงขอให้สังคมเข้าใจในส่วนนี้ด้วย การที่ทหารเปิดบริษัทเข้าไปรับงานภาครัฐ ทั้งที่ทำด้วยความสุจริต รัฐได้ประโยชน์ แต่ได้งานในยุครัฐบาลทหารด้วย กลับกลายเป็นว่า ทหารเป็นจำเลยสังคมเลยเหรอ ขอให้สื่อและสังคมอย่าใช้ความรู้สึก ให้ใช้ข้อเท็จจริงพิจารณา” พ.อ.วินธัย กล่าว

ครม. ไฟเขียว เพิ่ม “ผช.รมต.” อีก 10 คน เร่งขับเคลื่อนสานงานยุทธศาสตร์ ปฏิรูป

ครม. ไฟเขียว เพิ่ม “ผช.รมต.” อีก 10 คน เร่งขับเคลื่อนสานงานยุทธศาสตร์ ปฏิรูป
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุมเห็นชอบหลักการตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (ฉบับที่…) พ.ศ. …. ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ.2546 โดยแก้ไขระเบียบฯ ดังกล่าวเพื่อเพิ่มจำนวนผู้ช่วยรัฐมนตรีจากเดิม 30 คน เป็น 40 คน ให้เข้ามาเร่งรัดและขับเคลื่อนการปฏิบัติงานตามนโยบาย และตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกี่ยวกับแผนการปฏิรูปประเทศ และการกำหนดยุทธศาสตร์ที่มีมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย โดยจะปฏิบัติภารกิจเฉพาะเรื่องตามที่หมอบหมายเป็นกรณีพิเศษ โดยให้ถือว่าเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อยู่ภายใต้กำกับของนายกรัฐมนตรีที่ต้องดูแลงาน 6 กลุ่ม และสามารถรายงานตรงต่อนายกรัฐมนตรีได้ทันที
พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า ในการแก้ไขระเบียบฯ ครั้งนี้ นายกฯได้มอบหมายให้ชี้แจงทำเข้าใจกับสาธารณชน โดยเฉพาะในส่วนค่าตอบแทนและการเพิ่มภารกิจที่มีมากขึ้น ทางรัฐบาลมีการปรับลดค่าตอบแทนในตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 2557 จากเดิมที่เคยได้รับเดือนละ 63,800 บาท เป็น 50,000 บาท ซึ่งการเพิ่มจำนวนผู้ช่วยรัฐมนตรีอีก 10 คน ไม่ถือว่าเป็นภาระต่องบประมาณแต่อย่างใด โดยผู้ช่วยรัฐมนตรีตามระเบียบ พ.ศ.2546 มีวาระ 1 ปี และได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 50,000 บาท และให้ถือว่าเป็นการดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.