PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2559

คำแนะนำจาก แจ๊ค หม่า ถึง ‘นักธุรกิจรุ่นใหม่’ และ ‘SME ไทย’

หลังจากที่ แจ๊ค หม่า ผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มบริษัทอาลีบาบา เดินทางมาประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 2 หรือ 2nd ACD Summit ไปในวันที่ 10 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมา เขาก็ได้มาขึ้นพูดบรรยายพิเศษในหัวข้อ “Entreperneurship and Inclusive Globalization” ต่อทันทีที่กระทรวงการต่างประเทศ ในวันที่ 11 ตุลาคม 2559
วันนี้เราก็ได้แปลและเรียบเรียงคำแนะนำของ แจ๊ค หม่า นักธุรกิจที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จระดับโลกมาให้ทุกคนได้ศึกษากัน ซึ่งต้องบอกเลยว่า นี่ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญของนักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่จะได้รับฟังและศึกษาวิสัยทัศน์ของนักธุรกิจระดับโลกคนนี้
อย่างที่เรารู้กันว่า แจ๊ค หม่า เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จที่มีนักธุรกิจทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ให้ความสนใจ ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเดินทางมาเหยียบเมืองไทย  จริง ๆ แล้วมากกว่า 10 ครั้งซะอีก  โดยคำแนะนำแรกที่ แจ๊ค หม่า เปิดเผยกับผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ก็คือ เขาเชื่อว่าหลายคนคงรู้จักเขาดีแล้ว  แต่อยากจะบอกว่า อย่าเพิ่งเชื่อหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับเขามากนัก  เพราะเมื่อเขาได้อ่านดูแล้วหลาย ๆ เล่ม พบว่าไม่ใช่ความจริง  เขาก็เป็นเหมือนคนปกติทั่วไปที่เคยผิดพลาดมาก็เยอะ ออกจากงานมากว่า 30 ครั้ง  โดนคนปฏิเสธจนชิน  แต่ส่วนนี้หลายคนไม่มีโอกาสได้เห็น จะมาเห็นก็ตอนที่เขาสำเร็จมีชื่อเสียงแล้ว ซึ่งเอาจริง ๆ เขาก็เคยทำอะไรต่อมิอะไรล้มเหลวผิดพลาดมามากกว่า 5,000 ครั้งด้วยซ้ำ
การจะเป็นผู้ประกอบการที่ดีได้นั้น  เราต้องมีใจคิดบวกอยู่เสมอ ทั้งตัวเขาเอง ทั้งคนดัง ๆ ระดับโลกทั้งหลายก็มีสิ่งนี้กันทุกคน  ซึ่งนี่แหละที่เราควรเอาอย่าง  เมื่อก่อนตอนที่โลกนี้ยังไม่มีอะไรเลยสักอย่าง พวกเขายังผ่านวิกฤติต่าง ๆ มาได้  แต่โลกยุคนี้มีครบหมดแล้ว  ทีนี้ก็อยู่ที่ตัวเราว่าจะเอามันไปใช้ประโยชน์ยังไง
สิ่งที่ แจ็ค หม่า แนะนำต่อมาก็คือ เรื่องของพาร์ทเนอร์ เราต้องหาพาร์ทเนอร์ที่ดี เชื่อถือได้  ที่เหลือคือเรื่องของเวลา อย่ายอมแพ้ ถ้าคุณล้มลงแล้วยอมแพ้  โอกาสในการจะกลับมาได้อีกมันยาก  ให้เริ่มทำจากสิ่งที่รักอันดับแรกก่อน หลายคนลืมเรื่องนี้  แต่ไปทำให้ธุรกิจมีปัญหาเยอะ
“วันนี้ว่ายากแล้ว พรุ่งนี้มันจะยากกว่า แล้วหลังจากพรุ่งนี้ไปชีวิตของเราจะสวยงามเอง (แต่คนส่วนใหญ่มักจะตายวันพรุ่งนี้ตอนเย็น ๆ)”
เรื่องของการเงินก็เป็นอีกปัญหาที่ทุกบริษัทต้องเจอ  แจ๊ค หม่า บอกเองเลยว่า มันเป็นปัญหาเสมอ ธุรกิจจะเล็กจะใหญ่แค่ไหนยังไงก็ต้องใช้เงิน แต่เวลาที่เราต้องการเงิน จะไม่ค่อยมีใครให้เงินเราหรอก หรือเวลาที่เราต้องการความช่วยเหลือ เราก็จะไม่ได้มันเช่นกัน  ซึ่งเขาบอกว่า มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ตอนที่เขาเริ่มทำธุรกิจ ก็มีแต่คนไม่เห็นด้วย  บอกว่าเขาไม่มีทางทำได้หรอก เขาชวนเพื่อนมานั่งคุยด้วย 48 คน เกี่ยวกับโปรเจ็กต์นี้  คุยไป 2 ชั่วโมงโดนปฏิเสธไป 23 คน แต่เขาก็ตัดสินใจทำอยู่ดี หลายอย่างที่เราอยากทำและถึงแม้คนส่วนมากจะไม่เห็นด้วย แต่อย่างน้อยเราก็ต้องเชื่อในสิ่งนั้น
ตัวเขาเองเริ่มต้นอาลีบาบากับคน 18 คน ตอนนั้นเขาบอกเลยว่าให้เอาเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ทุกคนมีมากองไว้บนโต๊ะ ซึ่งมันรวมแล้วได้ประมาณ 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ มีแค่ไหน ใช้แค่นั้น ไม่มีการยืมคนอื่น เพราะมันถือเป็นความรับผิดชอบของตัวเขาเองเช่นกัน แล้วเงินจำนวนนี้ก็ทำให้ธุรกิจของเขาอยู่ไปได้ถึง 10 เดือน
เขาไปขอทุนจากธนาคารกว่า 20 ที่ก็ไม่มีใครให้ บอกว่าอาลีบาบาไม่ดีมั่งอะไรมั่ง ประเทศจีนไม่มีอินเทอร์เน็ตมั่ง อีคอมเมิร์ซไม่รุ่งมั่ง แต่สิ่งที่เขาทำไม่ใช่การยอมแพ้ มันคือการใช้จ่ายเงินทุกบาททุกสตางค์อย่างรอบคอบ และโน้มน้าวทุกคนที่เชื่อให้มาใช้บริการให้ได้ โดยต้องไม่ทำให้ความเชื่อใจของเขาผิดหวัง
ตอนนี้คนที่ถือหุ้นใหญ่ ๆ ในอาลีบาบาก็มาจากญี่ปุ่นกับอเมริกา บางคนก็โวยวายบอกทำไมบริษัทจากจีนถึงมีแต่ผู้ถือหุ้นต่างชาติทั้งนั้นเลย ก็เพราะตอนที่เขากำลังต้องการเงินจริง ๆ มันไม่มีใครให้เขายังไงล่ะ
ซึ่งการไม่มีเงินเนี่ย แจ๊ค หม่า บอกเองเลยว่ามันเป็นปัญหาใหญ่อยู่พอสมควรเลย เพราะถ้าเราไม่มีเงิน เราต้องคิดให้รอบครอบว่าเราจะทำอะไร
“ผมได้ยินคนรุ่นใหม่พูดกันเยอะมากว่า ถ้าฉันมีเงินนะ ฉันทำสิ่งนี้สำเร็จไปแล้ว  ซึ่งผมไม่ชอบคนคิดแบบนั้น ผมชอบคนที่บอกว่า ฉันไม่มีเงิน แต่ฉันจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จให้ได้”
ทุกวันนี้หลายบริษัทเจอปัญหาเรื่องเงินอยู่เยอะ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีเงิน แต่เพราะเขามีเยอะเกินไป ตอนที่เราไม่มีเงิน จะทำอะไรทีก็ต้องคิดให้ดี ทบทวนแล้วทบทวนอีก แต่พอเรามีเงินเยอะ จะทำอะไรเราก็สามารถลงมือได้ทันที ไม่ต้องกลัวเจ๊ง ซึ่งมันก็ทำให้เสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์
“พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ตลอดเวลา จนกว่าจะรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร และทำให้ลูกค้าพอใจให้ได้ ซึ่งต้องควบคู่ไปกับการทำให้ทีมพอใจด้วย เมื่อลูกค้าพอใจ ทีมพอใจ แล้วหุ้นส่วนก็จะพอใจเอง”
ตัวเขาเองก็เริ่มทำเงินจาก SME แต่ไม่ตัดสินความสำเร็จจากเงินที่ได้มาเอง เขาตัดสินมันจากตรงที่ว่า SME ทำเงินผ่านทางเขาได้เท่าไหร่ ถ้าคนอื่นประสบความสำเร็จ เขาก็ประสบความสำเร็จด้วย และเขายังบอกอีกด้วยว่า เขารู้สึกขอบคุณธุรกิจขนาดเล็ก เพราะเวลาที่เขาได้คุยกับพวก SME มันทำให้เขาตื่นเต้น
“เวลาผมคุยกับ SME ผมถามนู่นถามนี่ได้เป็นชั่วโมง ๆ เลยนะ เพราะคนพวกนี้เต็มไปด้วยความหวังและแพสชั่น  ซึ่งมันต่างกับเวลาที่เราคุยกับธุรกิจใหญ่ ๆ พวกนี้จะมีแต่เรื่องเงินและการแข่งขัน  ซึ่งผมอยากให้ทุกธุรกิจโฟกัสที่ว่า เราจะช่วยคนอื่นยังไง มากกว่าที่จะมาดูว่าคนอื่นจะช่วยเรายังไง”
แจ๊ค หม่า  ได้พูดถึงสิ่งสำคัญสำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มทำงานต่อด้วยว่า อย่าคาดหวังให้เจ้านายมาพัฒนาตัวเรา เราต้องพัฒนาตัวเอง “ไม่มีใครช่วยคุณได้ คนที่พัฒนาอาชีพของคุณได้คือตัวคุณ ความรู้ของคุณ และประสบการณ์ของคุณเอง ทุกวันนี้มันมีโอกาสมากมายที่จะช่วยคุณตรงนั้น”
ในอนาคตหลาย ๆ งานจะถูกทำลายลง งานที่เหลืออยู่คืองานที่อาศัยความคิดสร้างสรรค์  เมื่อก่อนเราใช้คนทำงานเหมือนกับหุ่นยนต์ แต่ในอีก 20 ปีข้างหน้าเราใช้หุ่นยนต์ทำงานให้เหมือนกับคน ซึ่งตอนนี้หลาย ๆ คนก็เริ่มกลัวเครื่องจักรมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เราในฐานะคนรุ่นใหม่ต้องโอบกอดเทคโนโลยี ต้องกล้า ต้องเรียนรู้มันตั้งแต่เรายังเด็ก ๆ แบบนี้
การทำงานเราไม่ควรเกี่ยงหรือบ่นนั่นบ่นนี่ ตอนที่เขาเป็นเด็ก ๆ วัยรุ่นทั่วไป  เขาก็เคยบ่นเรื่องการทำงานเหมือนกับเราทุกคน แต่แล้วก็นึกขึ้นได้แล้วย้อนกลับไปมองตัวเองว่า ยิ่งเด็กในตอนนั้นได้บ่นกับเรื่องงานที่มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เขาในทุกวันนี้มีความสุขขึ้นเท่านั้น
“คนที่ประสบความสำเร็จจะไม่รอให้ใครมาพัฒนาพวกเขา  แต่พวกเขาจะเริ่มมันด้วยตัวเอง ซึ่งการจะประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องที่ว่าคุณทำเงินได้มากแค่ไหน แต่ความสำเร็จจริง ๆ คือเวลาที่คุณแก่ตัวไป คุณมีเรื่องราวมากมายให้พูดถึง เงินไม่มีค่าอะไร อำนาจไม่มีค่าอะไร สิ่งที่มีค่ามากกว่าสิ่งใดคือ ประสบการณ์ของคุณ”
ที่มา: http://www.bangkokbanksme.com/article/8588

ไม่มีความคิดเห็น: