PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

เงินทอนวัดเข้าใจว่าจากวัดสระเกศ 25 ล้านบาท โผล่ที่บ้านพักนายทหารศรภ.

เงินทอนวัดเข้าใจว่าจากวัดสระเกศ 25 ล้านบาท โผล่ที่บ้านพักนายทหารศรภ. โยงแม่บ้าน หล้งยอมรับมีเงินเข้ามาในบัญชี
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเปิดเผยเตรียมทำเรื่องขอหมายจับ นายทหารยศร้อยโท สังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญขาการกองทัพไทย หลังพบอาวุธปืนจำนวนมากในหมู่บ้านสีวลี เขตสะพานสูงกทม. ซึ่งปืนทั้งหมดมีทะเบียนถูกต้องตามกกหมายและอยู่ระหว่างตรวจสอบการครอบครอง พร้อมตั้งข้อสังเกตอาจเข้าข่ายการเป็นผู้มีอิทธิพลหรือไม่
การตรวจพบปืนเป็นผลจากการเข้าค้นบ้านพักของนายทหารคนดังกล่าว หลังพบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัด จากการโอนเงินจำนวน 25 ล้านบาทของพระผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ไปให้น.ส. นุสชา สิทธินอก สตรีที่ทำหน้าที่แม่บ้านในบ้านหลังดังกล่าว
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการหาหลักฐานเพิ่มเติมถึงเงินโอนจำนวนดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการาทุจริตเงินทอนวัดหรือไม่ ขณะที่สำนักข่าวอิศรารายงานถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของนายทหารยศร้อยโทและพระผู้ใหญ่ในวัดสระเกศรูปหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้มีการตั้งข้อกล่าวหาเจ้าอาวาสและผู้ช่วยเจ้าอาวาสสองรูปของวัดสระเกศเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัด....ชนข่าวเที่ยง นิว 18

ปชช. 97% ค้านเทียบ“พลตรี=อธิบดีกรม”เชื่อมุ่งให้ทหารคุมองค์กรอิสระเบ็ดเสร็จ

ปชช. 97% ค้านเทียบ“พลตรี=อธิบดีกรม”เชื่อมุ่งให้ทหารคุมองค์กรอิสระเบ็ดเสร็จ
ประชาชน 97% ค้าน สนช. ออกกฎหมายเทียบตำแหน่ง “พลตรี = อธิบดีกรม” เชื่อเป็นประโยชน์ทับซ้อน มุ่งหวังให้ให้ทหารสมัครองค์กรอิสระได้
.
เมื่อ 18 พ.ค. เพจ The MATTER รายงานว่า หลังจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อ ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเทียบตำแหน่งของข้าราชการทหารกับข้าราชการพลเรือน พ.ศ. .... ที่มีสาระสำคัญคือให้เทียบตำแหน่งข้าราชการทหาร ยศ ‘พลตรี’ = ข้าราชพลเรือนระดับ ‘อธิบดีกรม’ เพื่อให้มีคุณสมบัติพอจะสมัครเป็นองค์กรอิสระ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ฯลฯ ได้
ทั้งนี้ สนช. เปิดรับฟังความเห็นเมื่อวันที่ 1-15 พ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า มีผู้เข้าไปแสดงความเห็น 220 คน โดย 97% คัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้
“ผู้ที่คัดค้านส่วนใหญ่มองว่า การเทียบตำแหน่งพลตรี = อธิบดีกรม ถือว่า ‘ข้ามขั้น’ เพราะจริงๆ ควรจะถือว่าเป็นระดับ ผบ.เหล่าทัพขึ้นไปมากกว่า พร้อมตั้งสังเกตว่า การออกกฎหมายเช่นนี้ เพื่อเปิดทางให้ทหารแทรกแซงองค์กรอิสระหรือไม่”
เพจ The MATTER ระบุว่า การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปีในระยะหลัง จะมีข้าราชการทหารได้รับตำแหน่งให้มียศ “พลตรี”ขึ้นไป (รวมพลโทและพลเอก) อย่างน้อย 500 คน เป็นประจำทุกปี (บางปีมีเกิน 1,000 คน) อย่างปี 2560 ก็มีถึง 565 คน
ด้าน พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิก สนช. ชี้แจงว่า การเทียบตำแหน่งดังกล่าว นอกจากเป็น “พลตรี” แล้ว ยังจะต้องเป็นหัวหน้าส่วนราชการด้วย ไม่ใช่แค่เป็นพลตรีก็เข้าเกณฑ์ ที่สำคัญยังจะต้องเป็นหัวหน้าส่วนราชการ 5 ปีขึ้นไป ถึงจะสมัครองค์กรอิสระได้ “จึงไม่เกี่ยวกับมีเจตนาให้ทหารเข้าไปนั่งในองค์กรอิสระมากขึ้น”
ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับกฎหมายนี้ นอกจากร่างของ สนช. รัฐบาลยังมีร่างของรัฐบาลอีกฉบับ โดยเนื้อหาแตกต่างกัน เพราะไม่ได้นำชั้นยศมาเทียบ แต่นำตำแหน่งมาเทียบ เพราะบางคนเป็นพลเอก แต่ไม่มีตำแหน่งอะไร ก็เทียบไม่ได้
.
ปัจจุบัน ร่างกฎหมายนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็น ก่อนจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แล้วส่งให้ สนช. พิจารณาเพื่อออกมาบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
PEACE NEWS

ประวัติศาสตร์นายกฯใน-นอก โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

ประวัติศาสตร์นายกฯใน-นอก โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน


ประเด็นการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ที่ม็อบนกหวีดชูเป็นเรื่องใหญ่เมื่อ 4 ปีก่อน เปิดทางให้เกิดการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 เพื่อให้ประเทศเข้าสู่ยุคปฏิรูป แต่มาวันนี้กำลังเป็นหัวข้อใหญ่ในสังคมไทยว่า ไม่มีความคืบหน้าในการปฏิรูปอะไรที่เป็นรูปธรรมเลย
บางส่วนก็เลยมาถกเถียงกันถึงวิธีการปฏิรูปว่า เพราะปล่อยให้ระบบราชการดำเนินการ ก็เลยไม่คืบหน้า
บางส่วนก็มองว่า ไม่มีการปฏิรูปทางการเมืองและทางสังคมของประเทศไหนในโลกที่จะสำเร็จได้ ถ้าไม่เปิดให้ประชาชนทั่วสังคมร่วมในการปฏิรูป เพราะของเราที่ทำกันมา 4 ปีนั้น ทำโดยกลุ่มอำนาจคณะรัฐประหาร และคณะกรรมการที่กลุ่มอำนาจคณะเดียวตั้งขึ้น
แต่บางส่วนก็มองว่า จะไปหวังอะไรกับการปฏิรูป เพราะเป็นแค่ข้ออ้างไม่ให้มีเลือกตั้งและให้เกิดรัฐประหารเท่านั้น เขาไม่ได้คิดปฏิรูปอะไรจริงจังหรอก ไปหวังได้อย่างไร
เพราะตอนที่ชุมนุมชัตดาวน์ ฝ่ายรัฐบาลเพื่อไทยตัดสินใจยุบสภา และให้เลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557
น่าจะเกิดมุขสดๆ ตอนนั้นว่า ต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง เป็นวิธีหลบเลี่ยงไม่ยอมรับข้อเสนอยุบสภาเลือกตั้งใหม่ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เท่านั้นเอง
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน แต่สรุปได้ว่า การปฏิรูปที่ผ่านมา 4 ปี ไม่มีอะไรเกิดขึ้นชัดเจน
ประเด็นนี้ตกเป็นหัวข้อพูดคุยกันไปทั่ว เพราะกำลังครบรอบ 4 ปีการรัฐประหารของ คสช.
เกิดคำถามว่า สังคมไทยได้อะไรมาบ้าง กับการชัตดาวน์ของม็อบนกหวีดอันนำมาสู่การรัฐประหารครั้งนี้
บังเอิญเหลือเกิน ที่ช่วงนี้คนจำนวนไม่น้อยกำลังรำลึกถึงเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 หรือประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชนไทยเมื่อ 26 ปีก่อน
เป็นการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ก้าวหน้ามากๆ นั่นคือ ต่อต้านนายกฯที่มาจากการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร รสช.
พร้อมกับเรียกร้องให้เขียนลงไปในรัฐธรรมนูญว่า ต่อไปนี้นายกฯต้องมาจากคนที่ผ่านการเลือกตั้ง ส.ส.แล้วเท่านั้น

เหตุผลของการต่อสู้เมื่อ 26 ปีก่อนก็คือ ถ้าเราเขียนรัฐธรรมนูญโดยเปิดให้นายกฯมาจากไหนก็ได้ เท่ากับเป็นการเปิดช่องให้อำนาจนอกระบบแทรกแซงการเมืองได้ตลอดเวลา
จากนั้นมาก็มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับปี 2534 ให้กำหนดนายกฯต้องมาจาก ส.ส.เท่านั้น
รวมทั้งรัฐธรรมนูญปี 2540 และรัฐธรรมนูญ 2550 ก็กำหนดเช่นนี้มาตลอด
ความหมายที่สำคัญสุดก็คือ ถ้านายกฯต้องมาจาก ส.ส. เท่ากับนายกฯต้องผ่านการเลือกตั้งโดยประชาชน เป็นหลักการที่เคารพอำนาจของประชาชนส่วนใหญ่อย่างสูงสุด
แต่ผลจากการชัตดาวน์ของนกหวีด ไม่ยอมให้เลือกตั้งขอปฏิรูปก่อน ทำให้เราได้รัฐบาลทหารเข้ามาปกครอง และรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่เปิดให้นายกฯมาจากไหนก็ได้
นอกจากทำลายเจตนารมณ์วีรชนพฤษภาคม 2535 ที่เสียเลือดเนื้อชีวิตจากห่ากระสุนของทหารในการสลายม็อบแล้ว
ยังเป็นการไม่เคารพอำนาจการเมืองในมือประชาชนอย่างรุนแรงที่สุด
นี่เป็นหัวข้อใหญ่หัวข้อหนึ่ง ที่ตอบคำถามว่า 4 ปีของการชุมนุมชัตดาวน์และการรัฐประหาร สังคมไทยเราได้อะไรบ้าง
ได้การลดอำนาจการเมืองในมือประชาชน และอีกหลายๆ ประเด็น ที่ล้วนแต่เป็นการถอยหลังการเมืองไทยกลับไปสู่ยุคที่อำนาจของกลุ่มการเมืองนอกระบบอยู่เหนืออำนาจการเมืองในมือประชาชน
ดูเหมือนการชัตดาวน์เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เป็นการต่อสู้เพื่อเปิดทางให้อำนาจนอกวิถีประชาธิปไตยอย่างมากมายแทบทุกด้านจริงๆ
สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

เทวดาก็ทำไม่ได้

เทวดา ก็ทำไม่ได้
จะลงแบบสุดท้าย แบบที่เคยลงๆกันมา 

"บิ๊กจิ๋ว" ไม่วิจารณ์4ปี คสช. ชี้ไม่โทษ คสช.
เพราะเป็นกันมาแบบนี้  แต่เตือน จะลงแบบสุดท้าย แบบที่เคยลงกันมา  เพราะไม่ว่าจะมาจากเทวดา ก็ทำไม่ได้/ ยันไม่มีใคร มาดูดได้ ยันไม่มีปัญหากับ คสช. ไม่ขอเป็นหมอดู ทำนายอนาคต "บิ๊กตู่"

พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ พบสื่อ ตอบเรื่องครบรอบ 4 ปี คสช.ว่า  อย่าต่อว่า คสช. เพราะบ้านเมืองเรา ก็เป็นแบบนี้มายาวนานแล้ว พอทหารปฏิวัติ ร่างรธน.เลือกตั้ง ก็แบบนี้ ประเทศไทยเราประเทศเดียวใช้ รธน 20 ฉบับ

"ไม่ใช่เพราะ คสช. อย่าโทษคนนั้นคนนี้  ที่ผมพูด ไม่ใช่เพราะมีตำรวจ มาฟังผมพูดนะ เพราะผมไม่มีอะไรกับคสช.ไม่เคยพูดกันเลย แต่ขอบอกแค่ว่า จะทำอะไร คำตอบสุดท้าย คือ "for the people" และจะนำไปสู่ by the people  เอง ที่ผ่านมา มัวแต่ไปยุ่ง  เรื่อง  by the people ไม่พอใจ ก็ฉีก

ส่วนที่วิจารณ์ว่า คสช สืบทอดอำนาจ นั้น พลเอกชวลิต กล่าวว่า ที่สุด ก็จะลงแบบสุดท้าย แบบที่เคยลงกันมา  เพราะไม่ว่าจะมาจากเทวดา ก็ทำไม่ได้

ส่วนจะสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกฯในสมัยหน้าหรือไม่ พลเอกชวลิต กล่าวว่า จะให้ผมเป็นหมอดู ทำนายอนาคต อีกแล้ว

เมื่อถามว่า มีใครมาดูด หรือไม่ พลเอกชวลิต กล่าวว่า ไม่มี เพราะ เขารู้ว่า มา ดูดก็ไม่มีทางสำเร็จ

"ลุงตู่  ไม่ดูด"พ่อใหญ่"หรอก

แต่จริงๆแล้ว ไม่อยากคุย มีมาเกือบทุกพรรค  พวก the third force 

"อย่ามาเอาพ่อใหญ่เลย เดินก็ไม่ได้  ตาก็ไม่ดี ความจำ ก็เลว ขอเป็นคนดู" พลเอกชวลิต กล่าวติดตลก

รัฐบาลเฉพาะกาลหนีวงจรปฏิวัติ

หนีวงจร ทหารปฏิวัติ!!

"บิ๊กจิ๋ว"  เสนอตั้ง" รัฐบาลเฉพาะกาล" แก้ปัญหาการเมือง หนีวงจรทหารปฏิวัติ  ชี้"รัฐบาลแห่งขาติ" จะแก้ปัญหาไม่ได้ แล้วก็จะเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมา พอเกิดปัญหา ทหาร ยึดอำนาจอีก ฉีกรธน. เขียน รธน.ใหม่ อีก เลือกตั้ง แล้วก็ปฏิวัติใหม่อีก เป็นแบบนี้ตลอด มีรธน.20ฉบับ จนแนะ "SPDC" พม่า เลือกไปใช้ มาแล้ว  ไม่โทษ คสช. แต่เตือน จะลงแบบสุดท้าย แบบที่เคยลงกันมา  เพราะไม่ว่าจะมาจากเทวดา ก็ทำไม่ได้/ ยันไม่มีใคร มาดูดได้ ยันไม่มีปัญหากับ คสช.

พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ พบสื่อ ขายไอเดีย ตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล  ในการหาทางออกประเทศ  เพราะเดิมจาก "รัฐบาลโซ่ข้อกลาง" ที่ดึงซ้ายขวา มาร่วมกัน จนมาเป็น The Third Force(กกล.ที่3) ไม่ยุ่ง แดง เหลือง ฝ่ายค้าน หรือ รัฐบาล แต่ ยึดประชาชน คือหัวใจ เพราะ ถ้าเป็น "รัฐบาลแห่งขาติ" จะแก้ปัญหาไม่ได้ แล้วก็จะเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมา พอเกิดปัญหา ทหาร ยึดอำนาจอีก ฉีกรธน. เขียนรธน.ใหม่ อีก เลือกตั้ง แล้วก็ปฏิวัติใหม่อีก เป็นแบบนี้ตลอด ดังนั้น จะต้องเป็น "รัฐบาลเฉพาะกาล "

เมื่อก่อนรัฐบาลทหารพม่า SPDC พลเอกโซหม่อง   เป็นbrother กันมาปรึกษาเริ่อง การร่างรธน. ผมแนะนำว่า ไม่ตัองร่างใหม่ ให้เอาของไทย มาสักฉบับ ต่อมาเขาก็เลือก ฉบับ สมัย จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ มา

ส่วนจะสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกฯในสมัยหน้าหรือไม่ พลเอกชวลิต กล่าวว่า จะให้ผมเป็นหมอดู ทำนายอนาคต อีกแล้ว

เมื่อถามว่า มีใครมาดูด หรือไม่ พลเอกชวลิต กล่าวว่า ไม่มี เพราะ เขารู้ว่า มา ดูดก็ไม่มีทางสำเร็จ

"ลุงตู่  ไม่ดูด"พ่อใหญ่"หรอก

แต่จริงๆแล้ว ไม่อยากคุย มีมาเกือบทุกพรรค  พวก the third force 

"อย่ามาเอาพ่อใหญ่เลย เดินก็ไม่ได้  ตาก็ไม่ดี ความจำ ก็เลว ขอเป็นคนดู" พลเอกชวลิต กล่าวติดตลก

ส่วนมองครบรอบ 4 ปีคสช. นั้น พลเอกชวลิต กล่าวว่า อย่าต่อว่า คสช. เพราะบ้านเมืองเรา ก็เป็นแบบนี้มายาวนานแล้ว พอทหารปฏิวัติ ร่างรธน.เลือกตั้ง ก็แบบนี้ ประเทศไทยเราประเทศเดียวใช้ รธน 20 ฉบับ

"ไม่ใช่เพราะ คสช. อย่าโทษคนนั้นคนนี้  ที่ผมพูด ไม่ใช่เพราะมีตำรวจมาฟังผมพูดนะ เพราะผมไม่มีอะไรกับคสช.ไม่เคยพูดกันเลย แต่ขอบอกแค่ว่า จะทำอะไร คำตอบสุดท้าย คือ "for the people" และจะนำไปสู่ by the people  เอง ที่ผ่านมา มัวแต่ไปยุ่ง  เรื่อง  by the people ไม่พอใจ ก็ฉีก

ส่วนที่วิจารณ์ว่า คสช สืบทอดอำนาจ นั้น พลเอกชวลิต กล่าวว่า ที่สุด ก็จะลงแบบสุดท้าย แบบที่เคยลงกันมา  เพราะไม่ว่าจะมาจากเทวดา ก็ทำไม่ได้

ทักษิณอยากกลับบ้าน

"ทักษิณ"อยากกลับบ้าน !!

"บิ๊กจิ๋ว" เผยโทรคุย "ทักษิณ" ถ้าอยากกลับบ้าน แนะวิธีคือ ทำเพื่อประชาชน เพราะเวลาเดินทางไปประเทศต่างๆ ไปหลายประเทศ มีเครื่องบินไปเอง ก็ไปช่วยขายข้าว ให้ ชาวนาไทย ด้วย ...ยืนยันว่า "ทักษิณ" ยังมีความจงรักภักดีต่อ ประเทศ ไม่มีเปลี่ยนแปลง จงรักภักดี ต่อแผ่นดินไทย ไม่มีเปลี่ยนแปลง

"ฟังเสียง ก็รู้ว่า อยากกลับบ้าน ใครๆก็อยากกลับบ้าน คิดถึงแผ่นดิน คิดถึง พระเจ้าอยู่หัวฯ ที่เราตัองร่วมใจกันให้เกิดความถาวร มั่นคง แบบเสด็จพ่อ  ในการสร้างบ้านสร้างเมือง"

แต่ บิ๊กจิ๋ว ไม่เปิดเผยว่า คุยกับ ทักษิณ อย่างไร ใครต่อสายให้ เปรย จำไม่ได้ 

ส่วนที่กลับไทย ไม่ได้นั้น ไม่รู้ใคร ไม่อยากให้กลับ แต่ยืนยันว่าทักษิณ  ทำเพื่อ ปชช.

ดูดไปก็ติดคอ

บอกแล้วว่า ดูด ไป ติดคอตาย !!

"เสี่ยหนู อนุทิน" เหน็บ เจ็บ!! คนที่ไม่ได้มาตามครรลอง ปชต. อย่าคิด มาทดลองงาน -สืบทอดอำนาจ  สนามการเมืองไม่ใช่สนามเด็กเล่น อย่าดูถูก สติปัญญาประชาชน

ออกฤทธิ์...!!! นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่เพิ่งไปต้อนรับ "นายกฯบิ๊กตู่" ที่บุรีรัมย์ จน นายกฯเรียกว่าเป็น "ทีมประชารัฐ ของรัฐบาล" มาแล้ว  ...ลงพื้นที่ อำนาจเจริญ ...ติสท์ขึ้น โพสต์ Facebook เหน็บ เจ็บ สุดแสบ !!

"สนามการเมือง ไม่ใช่สนามเด็กเล่น 
ไม่ใช่เป็น สิ่งที่ ให้ผู้ที่ต้องการเพียงแต่ อยากจะมีอำนาจรัฐ หรือคนที่ไม่ได้มาตามครรลองประชาธิปไตย มาทดลองงาน หรือพยายามสืบทอดอำนาจ
อย่าบังอาจ ดูถูกสติปัญญา ของพี่น้องประชาชน"

นี่มั้ง ! ที่ "เสี่ยหนู" บอกไว้ว่า ดูดไม่ได้ ดูดไป ติดคอตาย

แต่นักการเมืองไทย ยุคนี้  รอดูหลังเลือกตั้งอีกที!!!

มหกรรมปฏิรูป

ขนาดนั้น เลย !!! จัด"มหกรรม ปฏิรูป " กลางCTW     

เตรียมจัดมหกรรม โชว์ผลงาน "ปฏิรูป 11 ด้าน " 6 มิย.นี้ ที่ "เซ็นทรัลเวิร์ลด์"  สยบข้อครหา ปฏิรูป ไม่สำเร็จ !! เดินสายในสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ  เม.ย.- ก.ย. นี้ด้วย

 

มีรายงานข่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการปฏิรูปทุกคณะ กับคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ที่มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน 

ได้มีการเสนอแนวทางการสร้างการรับรู้และขยายผลหุ้นส่วนการพัฒนาร่างยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูป  ด้วยการจัด "มหกรรมผลงาน"ปฏิรูป 11 คณะ 
ในวันที่ 6 มิ.ย.นี้ ที่ลาน เซ็นทรัลเวิร์ลด์

เพื่อเปิดตัวและปลุกกระแสการปฏิรูปประเทศให้กับประชาชนและเยาวชนได้รับรู้ถึงแผนปฏิรูปต่างๆ 

โดยจะมีบอร์ดนิทรรศการเคลื่อนที่ เพื่อแสดงรายละเอียดของการปฏิรูปประเทศ ที่เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ

พร้อมกับจัดโครงการสร้างการรับรู้และมีส่วนร่วมของกลุ่มเยาวชน นิสิตนักศึกษา ต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและปฏิรูปผ่านความร่วมมือสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศระหว่างเดือน เม.ย.- ก.ย. นี้

โดยจะมีสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช.) ร่วมดำเนินงาน มีรูปแบบกระบวนการเครือข่ายเหมือน สมัชชาสุขภาพ และ สมัชชาปฏิรูป และจัดโครงการ Big Bang อนาคตไทยอนาคตเรา โดยใช้สื่อรัฐ ในการสร้างความเข้าใจแก่เยาวชนคนรุ่นใหม่ และสื่อมวลชนให้เกิดความสนใจ

เกินจำเป็น

เกินจำเป็น



เพื่อให้สอดคล้องแนวทางปฏิรูปประเทศของรัฐบาล คสช.
และเพื่อเปิดช่อง“อีซี่พาส” ให้บรรดาบิ๊กทหาร 3 เหล่าทัพ พาเหรดเข้าไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระอย่างสะดวกโยธิน
รัฐบาล คสช.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยความเห็นชอบของกองทัพไทย กำลังเร่งทำคลอด ก.ม.ฉบับใหม่ เพื่อปรับระดับให้ “นายทหารยศพลตรี” มีคุณสมบัติเทียบเท่าตำแหน่ง “อธิบดี” หรือ “ซี 10” ของ ข้าราชการพลเรือน
เปิดโอกาสให้นายทหารและอดีตนายทหารยศ “พลตรี” ขึ้นไป เข้าไปมีบทบาทหน้าที่สำคัญในบ้านเมือง
สาเหตุเนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน กำหนดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่ง กรรมการองค์กรอิสระ “ต้องเป็น หรือเคยเป็นหัวหน้าหน่วยราชการระดับอธิบดี”
แต่ปรากฏว่า นายทหารยศพลตรี 3 เหล่าทัพ มีลำดับต่ำกว่า “อธิบดี” ของข้าราชการพลเรือน
จึงต้องเร่งออกกฎหมาย “อัป เกรด” ให้ “พลตรี” มีสถานะเทียบเท่า “อธิบดี” หรือ ซี 10 พอดิบพอดีด้วยประการฉะนี้แล
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า ร่าง ก.ม.ฉบับนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ร่าง พ.ร.บ.เทียบตำแหน่งข้าราชการทหารกับข้าราชการพลเรือน
โดยมีเนื้อหาเพียง 7 มาตราเท่านั้นเอง
สาระสำคัญคือ “มาตรา 4” กำหนดว่า “ข้าราชการทหารที่รับราชการ หรือเคยรับราชการ มีหน้าที่ มีอำนาจระดับ หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหม ชั้นยศพลตรี พลเรือตรี และพลอากาศตรี ให้เทียบเท่าข้าราชการพลเรือนที่รับราชการ หรือเคยรับราชการในตำแหน่งอธิบดี”
เมื่อร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้คลอดออกมาประกาศใช้ จะส่งผลให้นายทหารยศพลตรี และอดีตนายทหารชั้นนายพลอีกหลายพันนายจะมีคุณสมบัติตรงสเปกที่จะดำรงตำแหน่ง ป.ป.ช. กกต. สตง. กสม. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฯลฯ และตำแหน่งสำคัญอื่นๆได้อย่างสบายแฮ
“แม่ลูกจันทร์” มองว่าการอัปเกรดให้ “นายทหารยศพลตรี” เทียบเท่า ตำแหน่ง “อธิบดี” ของข้าราชการพลเรือน...
เป็นประเด็นปลีกย่อย ไม่ใช่สาระสำคัญ
แต่สาระสำคัญคือ บิ๊กทหารที่จะผ่านการสรรหาเป็นกรรมการองค์กรอิสระ ต้องมีความรู้เชี่ยวชาญ ต้องมีประสบการณ์ และมีความเหมาะสมที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดความโปร่งใส เป็นกลาง อย่างแท้จริง
“แม่ลูกจันทร์” ขออนุญาตแหย็มเพิ่มเติมว่า รัฐบาล คสช.ควรใช้โอกาสที่เหลืออีกไม่ถึงปี เร่งปฏิรูปกองทัพ “ปรับลดอัตรานายพล 3 เหล่าทัพ” ที่มีเยอะเกินไปให้เหมาะสมกับความจำเป็น
ปัจจุบันกองทัพไทยมีกำลังทหาร 3 แสนนาย
แต่มี “นายพล” มากถึง 1,500 นาย
หรือเท่ากับ นายพล 1 นาย ต่อทหาร 200 นาย
ทำให้กองทัพไทยครองแชมป์นายพลมากที่สุดในโลกต่อเนื่องมาหลายปี
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ กองทัพไทยมี “นายพล” มากกว่ากองทัพอเมริกา จีน รัสเซีย
ทั้งๆที่มหาอำนาจโลกทั้ง 3 ชาติ มีขนาดกองทัพใหญ่กว่าไทยหลายเท่าตัว
ถ้าลดโควตานายพลลงสัก 50 เปอร์เซ็นต์ ก็แจ๋วเลย.
"แม่ลูกจันทร์"

บทของ ‘ตัวช่วย’ งานชุก

บทของ ‘ตัวช่วย’ งานชุก



มีโอกาส เหตุ “ป่วน” แทรกจังหวะโชว์ ดีเดย์วันที่ 19 พ.ค. ที่กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย และกลุ่มคนอยากเลือกตั้งนัดหมายรวมตัว จัดกิจกรรมชุมนุมทางการเมืองภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
เรียกร้องให้เร่งจัดการเลือกตั้ง ภายในเดือน พ.ย. ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ลาออก กองทัพหยุดสนับสนุน คสช.
วางโปรแกรมชุมนุมยาวและปักหลักพักค้างคืนวันที่ 21 พ.ค. ก่อนเคลื่อน
ขบวนบุกไปทำเนียบฯ เช้าวันที่ 22 พ.ค. ที่ตรงกับวันครบ 4 ปี คสช. รัฐประหารเมื่อปี 2557
เพิ่มดีกรีเขย่าขย่ม วันยึดอำนาจของ คสช.พอดิบพอดี
เป็นเรื่องที่รัฐบาล “นิ่ง” ไม่ได้เหมือนกัน ถึงแม้ว่าทางฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายข่าวรัฐ จะประเมินว่าแนวร่วมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งยังไม่ขยายวงกว้าง ชนิดที่ต้องตื่นตระหนก
แต่อีกทางก็ไม่ประมาทม็อบ “หัวเชื้อ” แห่งเหตุปั่นป่วน
นอกจากฝ่ายกองทัพ สตช. เลขาธิการสภาความมั่นคง เร่งติดตามการข่าว เตรียมมาตรการรับมือความเคลื่อนไหว ป้องกันเหตุแทรกซ้อนปั่นป่วน และที่ออกมาติดเบรกตรงๆไม่พ้น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ในฐานะที่ดูแลงานด้านความมั่นคง
บอกไม่ต้องเตรียมความพร้อมหรือต้องใช้กฎหมายพิเศษรับมือ เพราะข้อเรียกร้องต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการเลือกตั้ง รัฐบาลชี้แจงไปหมดแล้ว
ส่งเสียงฮึ่มๆถึงคิวบุกทำเนียบฯ “ไม่ให้มา”
และก็น่าจะเป็น “สัญญาณ” ให้ทีมงานเร่ง “ตัดไฟ” แต่ต้นลม กับกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจโผล่ไปเบรกคิวแถลงข่าว
“ประเมินผลงาน 4 ปี รัฐบาล คสช.” ของพรรคเพื่อไทย เพราะอาจขัดคำสั่งหัวหน้า คสช. จนแกนนำเพื่อไทยต้องลดจำนวนผู้แถลงข่าวแก้เกม โดยยังมีตำรวจนอกเครื่องแบบร่วมสังเกตการณ์
ย้ำล็อก“การเมือง” สกัดเกมปลุกกระแสแนวร่วมม็อบ
ทั้งหมดทั้งปวงงานดูแลความสงบเรียบร้อยเป็น “จุดแข็ง” รัฐบาล คสช. คิวนี้ จึงไม่พ้นต้องย้ำ “จุดขาย” โดย “บิ๊กป้อม”
ในห้วงที่สังเกตกันได้ “พี่ใหญ่ คสช.” งานชุกเหมือนเคย
ดูเหมือนว่าชื่อจะห่างหายไปในช่วงที่มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองมีข่าวป้อมค่ายใหม่ที่จะหนุน “ลุงตู่” ต่อตั๋วเคลื่อนไหวเดินเกมคึกคัก กระแส “ดูด” กระหึ่มเมือง
ถึงแม้“บิ๊กป้อม”จะไม่ออกตัวเอิกเกริก ก็รู้กันดีว่ามีส่วนร่วมในเกมสร้าง “นั่งร้าน” เหมือนกัน
ตัวอย่างจากโปรแกรม “บิ๊กตู่” เคลื่อนแม่เหล็กอำนาจพิเศษไปตรวจงาน ดึงดูดกลุ่มการเมืองสำคัญในพื้นที่ชายแดน
ตะวันออกของ “ป๋าเหนาะ” เสนาะ เทียนทอง ถึงแม้ดีลสะดุด ยกเลิกโปรแกรมไป
แต่ลิงก์เชื่อมต่อ “เจ้าพ่อวังน้ำเย็น” ก็คือคอนเนกชัน “พี่ใหญ่”
ยังไม่รวมกรณีคนจากหลายป้อมค่ายที่ออกมาเปิดประเด็นแหลมๆ “ถามทาง” สัญญาณไฟเขียว ทั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ-รัฐบาลเสียงข้างมากพิเศษ” หรือรัฐบาลล็อกถล่ม “ท็อปบูตบวก ค่ายเพื่อไทย”
สารพัด “สูตรพิเศษ” เผื่อเลือก นำเสนอโดยทีมงานส่วนหน้า ของฝ่ายอำนาจพิเศษ
โยงไปถึงเครือข่ายของ “พี่ใหญ่” ได้แทบทั้งนั้น
เรียกว่าในจังหวะที่ “บิ๊กป้อม” นอกจากงานรูทีนชุกชุมคุมความมั่นคง ดูแลกองทัพ สตช. จัดระเบียบสังคม แก้หนี้นอกระบบ ล้างการพนัน สางปัญหาไฟใต้ กระทั่งงานวงการกีฬา ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ฯลฯ
โหมดงานการเมือง “บิ๊กป้อม” ก็ยังถือว่าไฮเพาเวอร์
ถึงแม้จะออกตัวในคิวต่อตั๋ว “ผมอายุมากแล้ว” แต่ไม่มีใครปฏิเสธบทกองหนุนสำคัญ แบ็กอัป “บิ๊กตู่”
เป็นแบตฯสำรองชั้นดี “เพาเวอร์แบงก์” ที่พร้อมชาร์จไฟให้น้องรักเสมอ.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน