PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

เกินจำเป็น

เกินจำเป็น



เพื่อให้สอดคล้องแนวทางปฏิรูปประเทศของรัฐบาล คสช.
และเพื่อเปิดช่อง“อีซี่พาส” ให้บรรดาบิ๊กทหาร 3 เหล่าทัพ พาเหรดเข้าไปดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระอย่างสะดวกโยธิน
รัฐบาล คสช.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยความเห็นชอบของกองทัพไทย กำลังเร่งทำคลอด ก.ม.ฉบับใหม่ เพื่อปรับระดับให้ “นายทหารยศพลตรี” มีคุณสมบัติเทียบเท่าตำแหน่ง “อธิบดี” หรือ “ซี 10” ของ ข้าราชการพลเรือน
เปิดโอกาสให้นายทหารและอดีตนายทหารยศ “พลตรี” ขึ้นไป เข้าไปมีบทบาทหน้าที่สำคัญในบ้านเมือง
สาเหตุเนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน กำหนดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่ง กรรมการองค์กรอิสระ “ต้องเป็น หรือเคยเป็นหัวหน้าหน่วยราชการระดับอธิบดี”
แต่ปรากฏว่า นายทหารยศพลตรี 3 เหล่าทัพ มีลำดับต่ำกว่า “อธิบดี” ของข้าราชการพลเรือน
จึงต้องเร่งออกกฎหมาย “อัป เกรด” ให้ “พลตรี” มีสถานะเทียบเท่า “อธิบดี” หรือ ซี 10 พอดิบพอดีด้วยประการฉะนี้แล
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า ร่าง ก.ม.ฉบับนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ร่าง พ.ร.บ.เทียบตำแหน่งข้าราชการทหารกับข้าราชการพลเรือน
โดยมีเนื้อหาเพียง 7 มาตราเท่านั้นเอง
สาระสำคัญคือ “มาตรา 4” กำหนดว่า “ข้าราชการทหารที่รับราชการ หรือเคยรับราชการ มีหน้าที่ มีอำนาจระดับ หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหม ชั้นยศพลตรี พลเรือตรี และพลอากาศตรี ให้เทียบเท่าข้าราชการพลเรือนที่รับราชการ หรือเคยรับราชการในตำแหน่งอธิบดี”
เมื่อร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้คลอดออกมาประกาศใช้ จะส่งผลให้นายทหารยศพลตรี และอดีตนายทหารชั้นนายพลอีกหลายพันนายจะมีคุณสมบัติตรงสเปกที่จะดำรงตำแหน่ง ป.ป.ช. กกต. สตง. กสม. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฯลฯ และตำแหน่งสำคัญอื่นๆได้อย่างสบายแฮ
“แม่ลูกจันทร์” มองว่าการอัปเกรดให้ “นายทหารยศพลตรี” เทียบเท่า ตำแหน่ง “อธิบดี” ของข้าราชการพลเรือน...
เป็นประเด็นปลีกย่อย ไม่ใช่สาระสำคัญ
แต่สาระสำคัญคือ บิ๊กทหารที่จะผ่านการสรรหาเป็นกรรมการองค์กรอิสระ ต้องมีความรู้เชี่ยวชาญ ต้องมีประสบการณ์ และมีความเหมาะสมที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดความโปร่งใส เป็นกลาง อย่างแท้จริง
“แม่ลูกจันทร์” ขออนุญาตแหย็มเพิ่มเติมว่า รัฐบาล คสช.ควรใช้โอกาสที่เหลืออีกไม่ถึงปี เร่งปฏิรูปกองทัพ “ปรับลดอัตรานายพล 3 เหล่าทัพ” ที่มีเยอะเกินไปให้เหมาะสมกับความจำเป็น
ปัจจุบันกองทัพไทยมีกำลังทหาร 3 แสนนาย
แต่มี “นายพล” มากถึง 1,500 นาย
หรือเท่ากับ นายพล 1 นาย ต่อทหาร 200 นาย
ทำให้กองทัพไทยครองแชมป์นายพลมากที่สุดในโลกต่อเนื่องมาหลายปี
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ กองทัพไทยมี “นายพล” มากกว่ากองทัพอเมริกา จีน รัสเซีย
ทั้งๆที่มหาอำนาจโลกทั้ง 3 ชาติ มีขนาดกองทัพใหญ่กว่าไทยหลายเท่าตัว
ถ้าลดโควตานายพลลงสัก 50 เปอร์เซ็นต์ ก็แจ๋วเลย.
"แม่ลูกจันทร์"

ไม่มีความคิดเห็น: