PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

สมการชีวิต :คุณเป็นแบบไหน?

คุณเป็นแบบไหน?

โง่ + ขยัน = เหนื่อย
โง่ + โลภ = เหยื่อ
โง่ + ขี้เกียจ = ยากจน
โง่ + บริโภคนิยม = หมดตัว
โง่ + ช้า = ล้าหลัง
โง่ + รีบร้อน = สะดุด
โง่ + อดทน = ถึงจุดหมาย แต่ช้าหน่อย
โง่ + ขยัน + อดทน = ลืมตาอ้าปากได้
โง่ + ซื่อสัตย์ = คนเมตตา
โง่ + กตัญญู = พระคุ้ม
โง่ + เรียนรู้ = ไม่โง่

ฉลาด + ขยัน = ความสำเร็จ
ฉลาด + อดทน = ความเจริญ
ฉลาด + ขี้เกียจ = โกง
ฉลาด + ขี้เกียจ + โลภ = โคตรโกง
ฉลาด + โอกาส = ติดปีก
ฉลาด + โอกาส + ขยัน = ติดจรวด
ฉลาด + กตัญญู = สัตบุรุษ
ฉลาด + ซื่อสัตย์ = ยอดคน
ฉลาด + ไม่เรียนรู้ = ไม่ฉลาด

โลภ + ขี้เกียจ = ชีวิตหมดไปกับการหาทางลัด
โลภ + ขยัน = รวย
โลภ + โกรธ = โรคหัวใจ
โกรธ + เกลียด = ไฟในอก
โกรธ + อโหสิ = สวรรค์

รัก + หลง = อุปาทาน
รัก + ใจร้อน = ชิงสุกก่อนห่าม
รัก + ใจเย็น = ไม้เท้ายอดทอง ตะบองยอดเพชร
รัก + เข้าใจ = รักจริง
เข้าใจ + ให้อภัย = รักแท้
รัก + อดทน = บ้านเย็น
รัก + อกหัก = ปรากฏการณ์ธรรมชาติ
อกหัก + เหล้า = ยืดเวลาอกหัก
อกหัก + เข้าใจ = ลดเวลาอกหัก
อกหัก + เมตตา = หายอกหัก

ความรู้ + ความโลภ = โมหะ
ความรู้ + ความหลง = เอาตัวไม่รอด
ความรู้ + จริยธรรม = ปัญญา
สติ + ปัญญา = ความเจริญ
จินตนาการ + ความคิดสร้างสรรค์ = นวัตกรรมด้านบวก
จินตนาการ + โมหะ = นวัตกรรมด้านลบ
จินตนาการ + อารมณ์ลบ = ฟุ้งซ่าน

ปัญหา + กลุ้มใจ = ปัญหา + กลุ้มใจ
ปัญหา + วิเคราะห์ = ลดปัญหา

ใจเย็น + รอบคอบ = สำเร็จมั่นคง

รีบร้อน + มีแผน = วิ่งสะดุด
รีบร้อน + ไม่มีแผน = วิ่งอยู่กับที่

รวย + เมตตา = บุญ
รวย + ธรรม = กุศล
ทำบุญ + ชื่อเสียง = แบกโลก
ทำบุญ + ชาติหน้า = การลงทุน
ทำบุญ + เมตตา = ปล่อยวาง

ไม่เข้าใจ + ไม่ปล่อยวาง = อุปาทาน
เข้าใจ + ไม่ปล่อยวาง = โซ่ตรวน
เข้าใจ + ปล่อยวาง = เย็น

'สูตรชีวิตสำเร็จ'

ขยัน + อดทน + เรียนรู้ + ใจเย็น +
เมตตา + ปล่อยวาง
= ความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและจิตใจ

-- วินทร์ เลียววาริณ 'สมการชีวิต'
ถูกใจ ·  ·  · 3 นาทีที่แล้ว · 

นับถอยหลัง 20 พ.ย. อีกห้วง"ระทึก"การเมือง

วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 18:45:18 น.
 

นอกเหนือจากสถานการณ์ร้อนๆ บนท้องถนนเพื่อต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ณ เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่สังคมกำลังเฝ้าติดตามว่าจะพัฒนาไปในรูปใด

อีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่ต้องติดตามใกล้ชิด และมีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกันกับสถานการณ์แรก ก็คือการที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ กรณีมีผู้ยื่นคำร้อง นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา, นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา และสมาชิกรัฐสภา รวม 312 คน ได้ร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่า เป็นการที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 68 หรือไม่

เป็นที่น่าจับตาว่า อาจเป็นชนวนให้การเมืองไทยร้อนแรงยิ่งขึ้นอีกครั้ง

เพราะสอดคล้องกับสิ่งที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ประกาศบนเวทีเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนว่า การต่อสู้จะต้องจบ
ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้

นอกจากนี้ พรรคฝ่ายค้านยังเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดการอภิปรายซักฟอกรัฐบาล และมีการลงมติ ที่สำคัญเมื่อมีญัตติไม่ไว้วางใจเข้าสภา รัฐบาล
จะยุบสภาไม่ได้ ยิ่งเพิ่มความซับซ้อนให้กับการเมือง

มีการวิเคราะห์แนวทางคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอาจเป็นไปได้ 3 แนวทาง ได้แก่ แนวทางแรก การวินิจฉัยว่าเรื่องดังกล่าวไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นแนวทางเป็นบวกที่สุดกับรัฐบาล ส่วนแนวทางที่สอง การวินิจฉัยที่อาจนำไปสู่โทษความผิดที่จะตกอยู่กับ ส.ส.และ ส.ว.ทั้ง 312 คน ที่ร่วมลงชื่อยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่มา ส.ว.นี้ ซึ่งจะนำไปสู่กระบวนการถอดถอนให้พ้นจากสมาชิกภาพ ส.ส.และ ส.ว.

และแนวทางที่สาม การวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 คือเข้าข่ายล้มล้างการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คำวินิจฉัยในข้อนี้อาจส่งผลให้นำไปสู่การยุบพรรคการเมือง ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล เป็นสิ่งที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลหวังว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองครั้งใหม่ได้

แน่นอนหากรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมีอันต้องพ้นสภาพไปด้วยกลไกขององค์กรอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ต้องประกาศนำมวลชนออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

เป็นจุดเสี่ยงที่จะนำมาซึ่งการเผชิญหน้าของมวลชนสองกลุ่ม ที่มีความคิดเห็นทางการเมืองไม่ตรงกัน

ซึ่งในความเห็นของ สมฤทธิ์ ไชยวงค์ โฆษกศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า แนวทางการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญมีแนวโน้มเป็นไปได้ทุกประเด็น ทางตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะเป็นไปใน
แนวทางไหนที่ชัดเจน ดังนั้นเป็นเรื่องที่สังคมจะต้องรอคำวินิจฉัยในวันที่ 20 พฤศจิกายน ว่าคำวินิจฉัยจะออกมาในแนวทางใด

ขณะที่ในมุมมองของนักวิชาการ อย่าง สมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้ความเห็นถึงสถานการณ์ทางการเมืองหลังวันที่ 20 พฤศจิกายน ว่า แนวทางใน
การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญอาจเป็นความหวังและทางลงที่สงบของม็อบราชดำเนิน

อาจารย์สมชายกล่าวว่า ประเด็นหลักในการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต้องดูว่า การแก้ไขที่มาของ ส.ว.ขัดหลักรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะการฝ่าฝืนระบอบประชาธิปไตยเป็นประเด็นหลักที่จะต้องว่ากันไปตามกระบวนการ ส่วนเรื่องจะนำไปสู่การยุบพรรคการเมือง หรือตัดสิทธิให้พ้นสภาพสมาชิกทั้ง 312 คน หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม

ส่วนที่คาดกันว่าคนเสื้อแดงอาจระดมมวลชนเพื่อกดดันคำตัดสิน อาจารย์สมชายมองว่า การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงไม่น่าจะเป็นการระดมมวลชนเพื่อปะทะมวลชน แต่แกนนำจะต้องกระทำในลักษณะการอธิบายข้อเท็จจริงที่อาจจะเกิดขึ้นในการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อสร้างความเข้าใจ ในแง่ของหลักการที่จะสอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยที่คนเสื้อแดงใช้เป็นอุดมการณ์ในการต่อสู้ทางการเมืองมาโดยตลอด

ถัดจากนักวิชาการ ลองมาฟังมุมมองของนักพยากรณ์ ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล อธิบายทิศทางดวงการเมืองไทยว่า ช่วงนี้ตอบยาก ถ้าดูภาพรวมที่เคยบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเข้าเคราะห์ปี
หน้าและเกี่ยวกับการตัดสินใจผิดพลาด หมายถึงดวงข้างหน้าจะไม่ดี คือต้องมีการตัดสินใจที่ผิดพลาด ณ เวลานี้ ทำให้ดวงเกิดปัญหาในวันข้างหน้า ค่อยๆ สะสมไป ซึ่งได้พูดตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคมมาแล้ว ที่บอกว่าการลงมติของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย เป็นการตัดสินใจผิดพลาด ถ้าไม่ดันตรงนี้ก็ไม่เกิดปัญหา ม็อบก็ไม่มา

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็ยังได้รับการส่งเสริมมาจากคนเสื้อแดง ฉะนั้นม็อบของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่น่ากังวลสำหรับรัฐบาล เพราะไม่สามารถทำอะไรรัฐบาลได้ แต่จะมีปัจจัยอื่นทำให้รัฐบาลสั่นคลอน

อาจารย์ภาณุวัฒน์ประเมินทางเลือกของรัฐบาลด้วยว่า นายกฯยิ่งลักษณ์มีทางเลือก 3 ทางคือ 1.เลือกลาออกหรือยุบสภาด้วยตัวเอง 2.จะถูกพลังมวลชนกดดัน จนต้องลงจากการเป็นนายกรัฐมนตรี และ 3.เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร แต่ข้อไหนจะมีผลเป็นจริงมากกว่ากันขึ้นอยู่การตัดสินใจของนายกฯ ที่แน่ๆ ต้องเกิดแน่นอน 1 ใน 3 ข้อนี้

ดังนั้น การจะแก้หนักให้เป็นเบาก็คือ ต้องรู้จักลงก่อนจะถึงเวลาขั้นรุนแรง

"ข้างหน้ามีปัญหาแน่นอน คือรัฐบาลไม่ได้อยู่ถึงครบเทอม" อาจารย์ภาณุวัฒน์ฟันธง

แม้จะมีข่าววงในแพร่สะพัดว่า คำตัดสิน 20 พฤศจิกายน อาจไม่เป็นไปตามที่หวาดหวั่น

แต่สำหรับการเมืองไทย อะไรก็เกิดขึ้นได้ และหักปากกาเซียนมามาก

วันที่ 20 พฤศจิกายน จะเป็นจุดสตาร์ตของความรุนแรง หรือเป็นเงื่อนไขยกระดับปัญหาอีกครั้ง หรือจะเป็นสนามบินให้ม็อบไหนลง จึงมีโอกาสเป็นไปได้ทั้งนั้น

เป็นอีกหนึ่งวันในปฏิทินการเมืองไทย ที่ต้องติดตามข่าวสารกันอย่างเกาะติด


(ที่มา:มติชนรายวัน 15 พ.ย.2556)

ชูวิทย์ โพสFBบอก เวทีม็อบแปลงร่าง

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสในเฟสบุ๊คของเขาล่าสุดวันนี้ว่า 

ระยะเวลาเพียงแค่สองสามอาทิตย์ การเมืองเปลี่ยนแปลงขึ้นลงรวดเร็ว สถานการณ์พลิกผันเหมือน ดิน ฟ้า อากาศ แปรปรวน อยู่ดีๆฟ้าผ่าเปรี้ยง เมฆดำทะมึน พายุฝนตกกระหน่ำ และอีกไม่กี่วันก็จางหาย

การเมือง เมื่อรัฐบาล "ลักไก่" ผ่านกฎหมายนิรโทษกรรม ประชาชนออกมาต่อต้านเต็มท้องถนน นายกฯยิ่งลักษณ์ออกมาปัดพัลวัน แล้วยืนยันเช้าเย็น จนวุฒิสภาคว่ำกฎหมายฉบับนี้

นักการเมืองอีกฟากฝั่งได้โอกาสตีกระหน่ำ จัดม็อบโอบล้อม ขึ้นเวทีปราศรัยปลุกม็อบ ยืนยันต้องทำให้กฎหมายฉบับนี้ ตายไปจากสภาฯ ประชาชนทุกวงการทั่วสารทิศ ออกมาร่วมอุดมการณ์ต้านกฎหมายล้างผิด

รัฐบาลจวนเจียนไป จวนเจียนมา เหมือนเรือไปชนโขดหินใกล้จะอับปาง รีบพลิกเกมส์ "ถอยไม่เป็นขบวน" ยันจะไม่เอากฎหมายฉบับนี้มาพิจารณาอีก เมื่อวุฒิสภาคว่ำกฎหมายฉบับนี้ ประชาชนที่ออกมาด้วยใจ ยอมหยุด รอดูว่าหากครบ 180 วัน รัฐบาลจะ "สับปลับ" นำกฎหมายฉบับนี้ มาลักไก่เข้าสภาฯอีกหรือเปล่า?

แต่นักการเมืองไม่หยุด เดินหน้าต่อ สานฝันให้เป็นจริง ปลุกม็อบ "ล้มรัฐบาล" ทั้งจะยกระดับ เคลื่อนพล นำ "อุดมการณ์" เรื่องต้านนิรโทษกรรมมาสานต่อ ประชาชนที่มาด้วยใจเดินกลับบ้าน สวนทางกับประชาชนที่มาจากเขต แล้วจับมือทั้งขาประจำ และขาจร แปรสภาพรวมพลังขับไล่รัฐบาล แต่ประชาชนที่มีหัวใจเป็นกลางไม่เล่นด้วย เริ่มรู้ทัน เกรงจะตกเป็น "เครื่องมือ"

สมัยผมยังวัยรุ่น นักร้องชื่อดังของเมืองไทย ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ร้องเพลงดังติดอันดับท็อปชาร์ตในขณะนั้น ชื่อเพลงว่า "บ้องกัญชา" เนื้อร้องเขาเริ่มต้นว่า

"ลา เอ๋ย ลา ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่.... พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา.... "

"เวทีต่อต้านพรบ.นิรโทษกรรม" เลยเปลี่ยนเป็น "เวทีหาเสียง" ไปเรียบร้อย
ถูกใจ ·  ·  · 14 นาทีที่แล้ว·