PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ปลดล็อกเลิกแช่แข็ง 'หาเสียง-ระดมทุน' รอใส่เต็มที่

ปลดล็อกเลิกแช่แข็ง 'หาเสียง-ระดมทุน' รอใส่เต็มที่
นับแต่นี้พรรคการเมืองทุกพรรคก็ขยับ-ขับเคลื่อนการเมือง-การเลือกตั้งได้เต็มที่ หลังถูกแช่แข็งมานานร่วมกว่าสี่ปี กับการที่ถูกคำสั่ง คสช.จำกัดสิทธิการทำกิจกรรมการเมืองบางอย่าง
      จนในที่สุด เมื่อกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.พ.ศ.2561 ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 12 ก.ย.2561 ที่ผ่านมา แต่ให้มีผลบังคับใช้หลังจากนั้นอีก 90 วัน ซึ่งมาครบเมื่อ  11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ผลพวงจากกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ดังกล่าว ทำให้สิ่งที่ทุกพรรคการเมืองรอคอยมานาน ก็ออกมาเมื่อวันอังคารที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา หลัง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 22/2561 เรื่อง “การให้ประชาชนและพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง” ซึ่งสาระสำคัญของคำสั่งดังกล่าวก็คือ การเลิกแช่แข็งพรรคการเมืองหลังที่ผ่านมา แม้ทุกพรรคการเมืองจะมีการทำกิจกรรมทั้งแบบเปิดเผย-ไม่เปิดเผย มีการประชุมกรรมการบริหารพรรค แกนนำพรรค พบปะสมาชิกพรรค แต่ก็ทำไม่ได้เต็มที่ บางกรณีต้องทำหนังสือแจ้ง คสช.ล่วงหน้า แต่นับจากนี้ ทุกอย่างโอเพ่น เปิดกว้าง ปล่อยผีแล้ว
      ซึ่งคำสั่ง คสช.ที่ 22/2561 ดังกล่าว ระบุเหตุผลที่มาที่ไปไว้ โดยสรุปว่า หลัง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 11 ธ.ค. และตามกฎหมายต้องตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปภายใน 90 วัน นับแต่กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.มีผลใช้บังคับ ตลอดจนกฎหมายบัญญัติให้ระยะเวลาในการคำนวณค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งและวิธีการหาเสียงเลือกตั้งให้นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งมีผลใช้บังคับ อันแสดงให้เห็นว่าการหาเสียงเลือกตั้งให้เริ่มกระทำได้ตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. มีผลใช้บังคับ
      คำสั่งดังกล่าวย้ำว่า จากที่มีคำสั่งหัวหน้า คสช.บางฉบับ เป็นอุปสรรคต่อการเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งของพรรคการเมือง โดยที่จะมีการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ในเร็ววันนี้ จึงเป็นที่แน่ชัดว่าจะมีการเลือกตั้งในระยะเวลาอันใกล้ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านที่มีความสำคัญต่ออนาคตของประเทศ
       “ควรที่พรรคการเมืองจะสามารถรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเพื่อนำเสนอนโยบายที่ใช้ในการบริหารประเทศต่อประชาชนได้ จึงสมควรดำเนินการเพื่อให้ประชาชนและพรรคการเมืองสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ในช่วงที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย”
      ..ดังนั้น คำสั่ง คสช.ที่ 22/2561 จึงมีการยกเลิกคำสั่ง คสช.และประกาศ คสช.ที่ออกมาก่อนหน้านี้รวม 9 ฉบับ ที่สาระสำคัญก็คือ ปลดล็อกพรรคการเมือง เลิกแช่แข็งพรรคการเมือง ทำให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมการเมืองได้เต็มที่ เช่น การหาเสียงโดยยังไม่คิดค่าใช้จ่ายจนกว่าจะมีพ.ร.ฎ.การเลือกตั้งฯ–การจัดประชุมทางการเมืองของพรรค จากเดิมที่หากประชุมกันเกินห้าคน ต้องขออนุญาตคสช. ซึ่งแม้ที่ผ่านมาทุกพรรคการเมืองจะมีการประชุมแกนนำพรรคกันมาตลอดกว่าสี่ปี แต่ก็ทำแบบไม่เปิดเผย แต่นับจากนี้ก็ทำได้เต็มที่แล้ว นอกจากนี้ หากพรรคการเมืองจะมีการจัดประชุมใหญ่ เช่น จัดงานระดมทุนเข้าพรรค ก็ทำได้ ไม่ต้องขอหรือแจ้งต่อ คสช. รวมถึงในบางคำสั่งที่ยกเลิกดังกล่าว ยังเป็นการยกเลิกการแช่แข็งการทำธุรกรรมทางการเงินของนักการเมือง แกนนำพรรคการเมืองบางพรรค เช่น จาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ตลอดจนทำให้ต่อไปนี้พรรคการเมืองสามารถเปิดรับบริจาคเงินเข้าพรรคได้แล้ว หลังไม่มีการทำธุรกรรมดังกล่าวมาเกือบห้าปี
      ความชัดเจนของคำสั่งดังกล่าว “วิษณุ เครืองาม" รองนายกรัฐมนตรี-มือกฎหมายรัฐบาล ระบุว่า หลังมีคำสั่งดังกล่าวออกมา พรรคการเมืองสามารถดำเนินกิจกรรมได้ทุกอย่าง เช่น การประชุมสมาชิกพรรค การที่คนในพรรคการเมืองจะลงพื้นที่พบปะประชาชน การจัดเวทีปราศรัยหรือเรียกประชุม ส.ส.โดยไม่ต้องขอ คสช.
      ทั้งนี้ หลังมีคำสั่งดังกล่าว จับปฏิกิริยาทางการเมือง ของแต่ละพรรค ไล่เรียงกันไปก็เช่น พรรคใหญ่อย่าง "เพื่อไทย” ทาง ชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย มองว่าเป็นการคลายล็อกให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ สามารถสื่อสารกับสมาชิกในลักษณะของการหาเสียงได้ ที่สำคัญก็คือปลดล็อกเรื่องการทำธุรกรรมทางการเงิน ให้มีการทำธุรกรรมทางการเงินได้ตามปกติ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่ายังไม่มีการปลดล็อกการให้อำนาจพิเศษกับฝ่ายทหาร เช่น อำนาจการเรียกตัวมาปรับทัศนคติ มาพูดคุย 
      ขณะที่พรรคเครือข่ายเพื่อไทย อย่าง “ไทยรักษาชาติ” ทาง “ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช" หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า หลังมีคำสั่งปลดล็อกแล้ว สิ่งที่พรรคจะดำเนินการก็มีเช่น การจัดตั้งตัวแทนพรรคประจำจังหวัด กิจกรรมลงพื้นที่พบปะสมาชิกและผู้สนับสนุนพรรค
      เช่นเดียวกับมุมมองของ “ปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ผ่านเฟชบุ๊กในหัวข้อ "ปลดล็อกที่ไม่ปลดล็อก" มีเนื้อหาโดยสรุปว่า แม้ยกเลิกประกาศ คสช. คำสั่ง คสช. บางฉบับไปแล้ว แต่ประชาชนผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย กลับยังคงถูกล็อกด้วย “โซ่ตรวน” ในนามของ “คดีความ” ประชาชนเหล่านี้คือผู้รักประชาธิปไตย ออกไปใช้เสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งเป็นเสรีภาพของมนุษย์ทุกคน ติดตัวมนุษย์มาแต่กำเนิด เพื่อต่อต้านเผด็จการทหาร วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลทหาร แต่กลับต้องแบกรับคดีความเอาไว้ ราวกับพวกเขาเป็นอาชญากร ทั้งๆ ที่ คสช.ต่างหากที่ละเมิดกฎหมายสูงสุดของประเทศ ฉีกรัฐธรรมนูญด้วยกำลังทหาร มีความผิดฐานกบฏตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 แต่ตั้งตนเป็นกฎหมาย นิรโทษกรรมตนเอง
       “เมื่อยกเลิกประกาศ คำสั่ง คสช. ที่กำหนดความผิดและโทษไปแล้ว ตามหลักกฎหมาย เมื่อกฎหมายที่กำหนดฐานความผิดและโทษถูกยกเลิกไป การดำเนินคดีต่างๆ ตามกฎหมายนั้นก็ต้องสิ้นสุดลงด้วย“
      แม้อาจมีปฏิกิริยายังไม่พอใจเต็มร้อยกับคำสั่งปลดล็อกพรรคการเมืองดังกล่าว แต่ทุกพรรคการเมืองคงไม่เสียเวลามาตอดเล็กตอดน้อย คสช.เรียกร้องอะไรให้เสียเวลา เพราะขณะนี้ถือว่าเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ทุกพรรคจึงต้องเร่งเตรียมการกันเต็มที่ ยิ่งเมื่อมีความชัดเจนว่า กกต.จะมีการออกพระราชกฤษฎีการการเลือกตั้ง 2 ม.ค.2562 และจะมีการเลือกตั้ง 24 ก.พ.2562 ทุกพรรคก็ต้องใช้เวลาที่มีอยู่ตอนนี้ลุยกันเต็มร้อย
      จึงได้เห็นการขยับเตรียมพร้อมกันของหลายพรรคการเมือง ทั้งเรื่องการวางตัวผู้สมัคร ส.ส.ทั้งระบบเขต-ปาร์ตี้ลิสต์ การเตรียมนโยบายที่จะใช้หาเสียง การวางแผนเตรียมหาเสียงทั่วประเทศ การจัดเตรียมกระสุนดินดำที่จะใช้เลือกตั้ง ตลอดจนแม้แต่การเตรียมต่อสายประสานงานกับพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อหวังจับมือกันแต่เนิ่นๆ ในการจะเป็นพันธมิตรการเมืองกันหลังเลือกตั้งโดยเฉพาะการตั้งรัฐบาล
      อย่างเช่น “พลังประชารัฐ” พรรคตั้งใหม่ที่เป็นพรรครัฐบาล ก็จะจัดระดมทุนผ่านงานเลี้ยงโต๊ะจีน 200 โต๊ะในวันที่ 19 ธันวาคม ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีข่าวว่าแกนนำตั้งเป้าไว้ว่าจะระดมทุนได้ประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งเมื่อปลดล็อกพรรคการเมืองแบบนี้แล้ว การจัดงานดังกล่าวน่าจะลุยโลด แม้รู้ดีว่าทั้งคนจัดงานและคนซื้อโต๊ะจีนเพื่ออัดฉีดเงินเข้าพรรคอย่างเป็นทางการ จะถูกจับตามองจากทุกฝ่าย
      ความคึกคัก การเตรียมลงทำศึกเลือกตั้งของทุกพรรคการเมือง ต่อจากนี้คงมีสีสัน ความดุเดือด เข้มข้น ให้ปรากฏไปจนถึงวันหย่อนบัตร 24 ก.พ.2562 เป็นแน่แท้.

อย่างเป็นทางการ'ประยุทธ์'ยอมรับแล้วเป็นนักการเมืองเต็มตัว ลั่นยอมตายเพื่อประชาชน

อย่างเป็นทางการ'ประยุทธ์'ยอมรับแล้วเป็นนักการเมืองเต็มตัว ลั่นยอมตายเพื่อประชาชน


    
12 ธ.ค.61 -  ที่สวนสาธารณะหนองบึงกาฬและบึงสวรรค์ ต.บึงกาฬ  จ.บึงกาฬ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมคณะ พบปะกับประชาชน และเยี่ยมชมผลงานการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลของจังหวัดบึงกาฬ โดยมี นายนิพนธ์  คนขยัน นายก อบจ.บึงกาฬ รอต้อนรับ 
โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับประชาชนที่มารอต้อนรับประมาณ 5,000 คน ว่า ดีใจ ชื่นใจที่ได้เดินทางมาบึงกาฬ แม้จะเป็นจังหวัดที่ 77 แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของทุกคนแล้วก็มีความสุข อากาศหนาวคล้ายกับประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เห็นรอยยิ้มและการต้อนรับซึ่งเป็นการให้เกียรติซึ่งกัน ทุกคนมารับด้วยใจที่ถึงกัน 
“วันนี้รัฐบาลมารับฟังปัญหาของทุกๆคนทุกพวกทุกฝ่าย ใครส่งอะไรมาก็รับฟังทั้งหมด ขอเพียงอย่างเดียวอย่าไปเสนอความคิดเห็นกลางท้องถนน วันนี้กรุงเทพเริ่มกันแล้ว ที่นี่จะมีหรือไม่ จะตั้งแถวเดินขบวนกันอีกหรือไม่ ขอร้องเถอะ ประเทศชาติจะเสียหาย ใครทำเราอย่าไปยอมรับ เพราะมันไม่ใช่กติกา ทุกอย่างมีช่องทาง ทุกประเทศก็แก้ปัญหากันแบบนี้ ไม่มีที่ไหนจะปิดถนน เรื่องเหล่านี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ตอนนี้เราอยู่ในช่วงวันที่จะต้องเปลี่ยนผ่าน เราต้องร่วมมือกันเดินหน้าประเทศ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การทำงานของรัฐบาลต้องคำนึงถึงคนทุกระดับ อย่าคอยแต่จะทะเลาะกัน อย่าปล่อยให้ใครมาปลุกว่ารัฐบาลเอื้อประโยชน์กับคนรวย เพราะล้วนเป็นกลไกของตลาดโลกและการค้าเสรี ดังนั้น จึงต้องดูแลภาคเกษตรให้มีรายได้เพียงพอ ประชาชนต้องฟังรัฐบาลในทุกช่องทาง ซึ่งอยากรู้อะไรก็สามารถเข้าไปในเว็บไซต์ของแต่ละกระทรวงได้ จากนั้นให้ไปถามเจ้าหน้าที่ โดยผู้ว่าฯแล้วนายอำเภอต้องตอบคำถามให้ได้ ตอบไม่ได้ให้มาบอกตน 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งนี้การเป็นประชาธิปไตยทุกคนจะต้องเดินไปด้วยกัน ตัดสินใจร่วมกันและเดินหน้าประเทศไปพร้อมกัน ไม่ใช่ขัดแย้งกันทุกเรื่อง จนทำอะไรไม่ได้ การที่รัฐฯ มีมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น เพื่อช่วยเหลือประชาชน เงินที่ได้ไปต้องใช้อย่างประหยัด อย่าไปกินเหล้า ต้องให้เงินถึงแม่บ้าน ขอให้ทุกคนซื่อสัตย์อย่าใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย หรือรั่วหาย เพราะ 500 บาท มีความหมาย ไม่ใช่จะเอาไปซื้อผักบุ้งอย่างที่มีคนกล่าวหา เพราะผักบุ้งสามารถเก็บได้ข้างทาง ปลูกกินเองได้ ไม่ได้ให้ใช้อย่างสุรุ่ยสุร่ายหรือเสพสุข กินอะไรไปเรื่อย
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เจ้าหน้าที่รัฐจะต้องตอบคำถามประชาชนให้ได้ ทั้ง อบต.อบจ.ที่เลือกเข้ามา ต้องมีความรู้ว่าวันนี้รัฐบาลกำลังขับเคลื่อนอะไรอยู่ ส่วนวันหน้าค่อยเลือกรัฐบาลหน้า แล้ววันนี้รัฐบาลนี้กำลังทำอะไรอยู่ ถ้ามันดีก็ช่วยกันทำต่อ อะไรถูกก็ต้องทำต่อ ไม่ใช่ต้องไปล้มล้างทุกอัน แต่สิ่งที่ต้องหยุดและแก้ไข คือการทุจริตและทำผิดกฎหมาย เพราะถ้าไม่ปล่อยปละละเลย ก็คงไม่มีความผิด ต้องยอมรับว่าทุกอย่างมีกติกา มีกฎหมาย หลายคนเป็นห่วงเรื่องปลดล็อค เมื่อวานได้ปลดล็อคแล้ว แต่ก็เริ่มมีการตั้งแถว ตั้งขบวนชุมนุมต่อต้านด่ารัฐบาลกันแล้ว ถามหน่อยว่าทำไปเพื่ออะไร แล้วจะให้คนพวกนี้มาบริหารประเทศหรือ ก็สุดแล้วแต่พวกท่าน ตนไม่ว่าใครทั้งสิ้น แต่ท่านควรจะเอาทุกอย่างเป็นบทเรียน ซึ่งไม่ใช่บทเรียนของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว เป็นบทเรียนของประชาชนในชาติ ทำอย่างไรที่จะให้คนไม่ดี ที่พูดให้ร้ายทั้งในและต่างประเทศหยุด ท่านอาจจะได้ประโยชน์จากที่ผ่านมา แต่รัฐบาลเสียประโยชน์ เช่น เก็บข้าวไว้ 4 ปีเน่าเสียขาดทุนไปเท่าไหร่ เป็นต้น 
"ผมมาวันนี้ ถ้าเป็นนักการเมืองเต็มตัว ตอนนี้ผมจะบอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ได้ เพราะผมบริหารประเทศ ถ้าเป็นนักการเมืองจะดีใจ เพราะมีคนมารับเยอะ เรียกลุงตู่ ลุงตู่ รู้ไหมว่าผมเป็นทุกข์ แต่ผมยอมเป็นทุกข์ ยอมตายจากตรงนี้ ถ้าผมกลับไป ผมก็นอนคิดว่าทำไมเขาต้องมาหวังที่เรา ทำไมเขาต้องให้เราทำงาน เพราะเขามีความหวังไง เราต้องทำความหวังให้เป็นความจริง แต่เราจะมาหลอกลวง ล่อลวง ไม่ได้ โดยเฉพาะที่บอกว่าเดี๋ยวจะดีขึ้น จะทำไอ้นั่นไอ้นี่ เราต้องทำทีละขั้นทีละตอน ประชาชนต้องศึกษาสิ่งที่รัฐบาลทำมา" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า นี้คือสิ่งที่จับต้องได้ แต่อาจไม่ได้เกิดที่เรา แต่เกิดที่อื่น แต่มีผลมาถึงเรา น้ำไม่ท่วม เก็บน้ำไว้ใช้ เดี๋ยวก็ต้องทำอีกในแผนแม่บท รัฐบาลหน้าก็ทำตามนี้ มียุทธศาสตร์ชาติมีน้ำ ถนน ตรงไหนแผนแม่บทมีทุกกระทรวง วันนี้ถึงมีปัญหามาก เพราะหลายคนไม่ค่อยยอม อยากจะใช้อีหลุยฉุยเฉกเหมือนเดิม ตนก็ต้องป้องกันเรื่องพวกนี้ไว้ให้กับพวกท่าน แต่อยู่ที่ว่าจะรักษาไว้ได้หรือไม่เท่านั้นเอง โครงการไหนที่เกินพันล้านหมื่นล้านต้องเข้าครม.และอย่าไปเชื่อใครที่เอางบประมาณมาขาย รัฐบาลนี้ไม่มีใครเอามาขาย หากมีใครเอามาขายให้บอกเลย เอางบฯมาขายไม่ได้ เพราะงบฯต้องอนุมัติโดยครม.ที่ต้องมีหลักการและเหตุผลในการอนุมัติ 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า  แค่นี้แล้วกันปวดท้องแล้ว แต่ปวดท้องด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะเห็นรอยยิ้ม ทุกคนต้องช่วยชาติ ต้องมีจิตอาสา ทำความดีด้วยหัวใจอันยิ่งใหญ่ของคนไทยทุกคน ไม่มีเว้น ทุกคนคือคนไทย จะดีจะชั่วก็คือคนไทย อยู่ที่ว่าคนดีจะทำให้คนไม่ดี ไม่ทำให้ประเทศชาติเสียหายอีกต่อไปได้อย่างไร จำไว้ไม่ใช่ศัตรูใคร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้องปรับปรุงตัวเอง เพราะอยู่ใกล้ประชาชนมากที่สุด ต้องเรียนรู้ทำงานแบบเดิมๆไม่ได้อีกแล้ว. 

”บิ๊กตู่” เสี่ยงเซียมซี 17ทาย “ธาตุไฟร้อนแรง” ...รุ่มร้อนหงุดหงิด ขุ่นเคืองใจ

เซียมซี#17.,...”บิ๊กตู่” เสี่ยงทาย “ธาตุไฟร้อนแรง” ...รุ่มร้อนหงุดหงิด ขุ่นเคืองใจ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. เสี่ยงเซียมซี ความสุข ที่ วัดโพธาราม อ.เมืองบึงกาฬ ได้หมายเลข 17
คำทำนาย ระบุว่า คุณกำลังได้รับพลังแห่งธาตุไฟอย่างเต็มเปี่ยม
ธาตุไฟ คือ ความร้อนความกระตือรือร้น
ความก้าวไปข้างหน้า คือความเร่งรีบ ความวู่วาม และการทำลาย
แนะหากคุณกำลังเร่งรีบกับทุกสิ่งในชีวิต ถึงเวลาที่คุณจะต้องทำอะไรให้ช้าลงเสียบ้าง
หากคุณกำลังรุ่มร้อนหงุดหงิด ขุ่นเคืองใจ ถึงเวลาที่คุณจะหาวิธีสงบจิตใจ ค้นหาความสุข สงบเย็น
ธาตุไฟช่วยเผาผลาญ สร้างความอบอุ่น แต่ก็ทำให้ร่างกายสุดโทรม และเหนื่อยอ่อน นี่เป็นเวลาที่คุณควรได้ทบทวนชีวิต แล้วเลือกปรับสมดุลใหม่ให้ลงตัว
อย่าลืมว่า ชีวิตที่เป็นสุข เกิดจากชีวิตที่สมดุล การงาน การเงิน สุขภาพ ความรัก ความสัมพันธ์ การพัฒนาตน หากละเลยด้านหนึ่งด้านใด ก็จะกระทบต่อชีวิตโ
ดยรวม คำทำนายแนะนำให้คุณหยุดพักเพื่อทบทวนฟังสัญญาณเตือนจากร่างกายและจิตใจ ฟังคำแนะนำจากกัลยาณมิตร รอบตัว แล้วธาตุไฟในตัวคุณก็จะเป็นพลังที่สร้างสรรค์ช่วยนำทางขับเคลื่อนชฃีวิตไปในทางที่คุณต้องการ

นักการเมืองเต็มตัว

ผมเป็น "นักการเมือง" เต็มตัว แล้ว !!

“บิ๊กตู่” อ้อน ยอมตายคาเก้าอี้ หยอดชาวบึงกาฬ ดีใจ ชื่นใจที่ได้เดินทางมาบึงกาฬ จังหวัดที่ 77 เห็นรอยยิ้ม แล้วมีความสุข หนาว ยังกะ”สวิสฯ” เผย ปลดล้อค ปุ้ป โดนด่าปั้ป ถามหน่อยว่าทำไปเพื่ออะไร แล้วจะให้คนพวกนี้มาบริหารประเทศหรือ?

ยัน มานี่ ไม่ใช่เป็นการมาต้อนรับเจ้าใหญ่นายโตที่ไหน เพราะนายกไม่ใช่เจ้าใหญ่นายโต ทุกคนมารับด้วยใจที่ถึงกัน

หลายคนเป็นห่วงเรื่องปลดล็อค เมื่อวานได้ปลดล็อคแล้ว แต่ก็เริ่มมีการตั้งแถว ตั้งขบวนชุมนุมต่อต้านด่ารัฐบาลกันแล้ว ถามหน่อยว่าทำไปเพื่ออะไร แล้วจะให้คนพวกนี้มาบริหารประเทศหรือ ก็สุดแล้วแต่พวกท่าน ผมไม่ว่าใครทั้งสิ้น แต่ท่านควรจะเอาทุกอย่างเป็นบทเรียน ซึ่งไม่ใช่บทเรียนของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว เป็นบทเรียนของประชาชนในชาติ ทำอย่างไรที่จะให้คนไม่ดี ที่พูดให้ร้ายทั้งในและต่างประเทศหยุด ท่านอาจจะได้ประโยชน์จากที่ผ่านมา แต่รัฐบาลเสียประโยชน์ เช่น เก็บข้าวไว้ 4 ปีเน่าเสียขาดทุนไปเท่าไหร่ เป็นต้น”

"ผมมาวันนี้ ถ้าเป็นนักการเมืองเต็มตัว ตอนนี้ผมจะบอกว่า ไม่ใช่ก็ไม่ได้ เพราะผมบริหารประเทศ ถ้าเป็นนักการเมืองจะดีใจเพราะมีคนมารับเยอะ เรียกลุงตู่ ลุงตู่ รู้ไหมว่าผมเป็นทุกข์ แต่ผมยอมเป็นทุกข์ ยอมตายตรงนี้ ถ้าผมกลับไป ผมก็นอนคิดว่าทำไมเขาต้องมาหวังที่เรา ทำไมเขาต้องให้เราทำงาน เพราะเขามีความหวังไง เราต้องทำความหวังให้เป็นความจริง แต่เราจะมาหลอกลวง ล่อลวง ไม่ได้ โดยเฉพาะที่บอกว่าเดี๋ยวจะดีขึ้น จะทำไอ้นั่นไอ้นี่ เราต้องทำทีละขั้นทีละตอน ประชาชนต้องศึกษาสิ่งที่รัฐบาลทำมา" นายกฯ กล่าว

ตบหน้าปชช.

"ศรีสุวรรณ" ชี้ ตบหน้าประชาชนอย่างแรง! คำสั่งคสช.แก้กม.ให้ "ผู้บริหารสูงสุด" ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ทำให้คนไทยทั้งประเทศหูตาสว่างขึ้น

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามที่ราชกิจจานุเบกษาประกาศคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 21/2561 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.61 ที่ผ่านมา โดยมีการแก้ไขให้ ป.ป.ช.กำหนด "ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง" ขึ้นมาใหม่โดยไม่มีระบบถ่วงดุล ซึ่งมีเป้าหมายการยกเว้นให้นายกสภาและกรรมการสภามหาวิทยาลัย ไม่ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สิน ทั้งของตนเอง คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ รวมทั้งผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานอื่นของรัฐที่กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน

การออกคำสั่งดังกล่าว เป็นการตบหน้าประชาชนคนไทยทั้งชาติอย่างรุนแรง ที่ผิดหลง ไปเชื่อถือ เชื่อมั่น ในการเข้ามาปฏิรูปประเทศของ คสช. ซึ่งเป็นคำสั่งที่น่าผิดหวังที่สุดเท่าที่ออกประกาศและคำสั่งมาตั้งแต่ทำรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 เป็นต้นมา ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะพ้นวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล (International Anti-Corruption Day) 9 ธันวาคมที่ผ่านมาเพียงไม่นาน ซึ่ง ป.ป.ช.และรัฐต้องเสียเงิน เสียเวลา จัดอีเว้นท์เปลืองเงินแผ่นดินไปเป็นจำนวนมาก แต่ผลที่ได้กลับเป็นคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 21/2561 คือ การให้อำนาจ ป.ป.ช.ในการยกเว้นการแสดงบัญชีทรัพย์สินสำหรับคนที่อ้างว่าเป็นคนดีในระบบสถาบันศึกษาที่เป็นต้นแบบของนิสิต นักศึกษา ที่จะต้องออกไปเป็นกำลังหลักของสังคม ที่ควรต้องแสดงความโปร่งใสด้วยการให้ยื่นบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สิน อันเป็นการชี้ให้เห็นถึงการ "เลือกปฏิบัติ" ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 โดยชัดแจ้ง

การออกคำสั่งครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ากลุ่มของนายกสภาและกรรมการสภามหาวิทยาลัย และผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานอื่นของรัฐ ที่สวมหน้ากากอ้างเป็นคนดีของสังคมนั้น มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงแก้ไขและตัดสินใจของผู้นำของประเทศนี้เป็นอย่างมาก เพียงแค่ออกมาประกาศว่าจะลาออกจากตำแหน่ง เพราะไม่อยากยื่นบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินก็ทำให้หลักการดี ๆ และข้อเรียกร้องให้มีการ "ปฏิรูป" กลายเป็น "ปฏิรั่ว" ไปได้เพียงชั่วพริบตาเดียว นี่หรือคือการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง นี่หรือคือการคืนความสุข ?

คำสั่งดังกล่าวทำให้คนไทยทั้งประเทศหูตาสว่างขึ้นมากว่า การใช้อำนาจนั้นเป็นไปเพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้งชาติอย่างเสมอภาคจริงหรือไม่ ดังนั้น เมื่อคนไทยไม่สามารถคัดง้างคำสั่งนี้ได้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในวันเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นผู้มีสิทธิเลือกตั้งควรจะไปแสดงออกในการเลือกตั้งกันมากๆ เพื่อสะท้อนความเห็นของคนตัวเล็กตัวน้อยในสังคมว่าต้องการผู้มีอำนาจแบบนี้ เช่นนี้หรือไม่ อย่างไร

http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/821002

ลุยพท.อีสาน

โหม อิสาน!!

“บิ๊กป้อม” สั่ง เอ็กซเรย์ อิสานเหนือ ล้างผู้มีอิทธิพล ค้าอาวุธสงคราม มือปืนรับจ้าง  ลั่น จนท.ต้องไม่เรียกรับผลประโยชน์ เป็นผู้มีอิทธิพล เด็ดขาด ระวัง บุคคลแอบอ้างหาประโยชน์
....เคลียร์พื้นที่ หนองคาย ก่อน “บิ๊กตู่”ครม.สัญจร พรุ่งนี้ ปลุก ทหาร-ตำรวจ มี จิตวิญญาณ ปกป้องธำรงรักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แนะ ระวัง ทุกกิจกรรมที่มีผลกระทบต่อข้อตกลงระหว่างประเทศ กระทบต่อความมั่นคงตามแนวชายแดน  สั่งล้างยาเสพติด ทั้งชายแดน และในประเทศ

พล.อ.ประวิตร’ กำชับหน่วยงานพื้นที่ติดชายแดน ทำงานตรงไปตรงมา ยึดผลประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้ง และต้องไม่ละเลยความเดือดร้อนของประชาชน 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม พร้อมคณะ  ลงพื้นที่ภาคอีสานตอนบน 

โดยร่วมรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ จากส่วนราชการต่างๆ ที่ ศาลากลาง จ.หนองคาย ในโอกาสที่ พลเอกประยุทธ์และคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ และจะประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่หนองคาย

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า ภาพรวมพื้นที่ชายแดน ไทย - ลาว พบสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่มีความรุนแรงสูงขึ้นต่อเนื่อง ทั้งแหล่งผลิตนอกประเทศ เส้นทางลำเลียงและพื้นที่พักคอย 

รวมทั้งมีการสร้างและขยายเครือข่ายในต่างประเทศมากขึ้น ขณะเดียวกันยังคงมีการลักลอบตัดไม้ การจารกรรมรถยนต์และนำสินค้าผ่านแดน ซึ่งกระทบต่อความมั่นคงและผลประโยชน์ชาติ

พล.อ.ประวิตร’ ได้มอบเป็นนโยบายกับทุกส่วนราชการในพื้นที่ ขอให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่ด้วยจิตวิญญาณในการปกป้องและธำรงรักษาไว้ ซึ่งสถาบันหลักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ควบคู่กับ การเร่งแก้ปัญหาที่เป็นเงื่อนไขความเหลื่อมล้ำและความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ 

โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย ให้เร่งคลี่คลายปัญหาหนี้นอกระบบที่สั่งสมมานานและเร่งขับเคลื่อนกลไกระดับจังหวัด อำเภอ สนับสนุนเสริมสร้างพัฒนาทักษะอาชีพของประชาชนในพื้นที่ ให้สามารถยืนเข้มแข็งด้วยตนเองอย่างเป็นรูปธรรม โดยจำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจและความร่วมมือกัน

พร้อมทั้งย้ำถึง การทำงานร่วมกันของทุกส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดติดชายแดน   จำเป็นต้องหารือกันอย่างรอบคอบ ในทุกกิจกรรมที่อาจจะมีผลกระทบต่อข้อตกลงระหว่างประเทศ หรือ กระทบต่อความมั่นคงตามแนวชายแดน  

โดยให้ดำเนินการอย่างตรงไป ตรงมา ยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง   

โดยเน้นให้ความสำคัญกับ การแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผ่านแดน ที่กระทบต่อราคาพืชผลการเกษตรในพื้นที่ , การแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว ที่นำมาซึ่งปัญหาการค้ามนุษย์  

รวมทั้งนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ต้องการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดระเบียบสังคม, แก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล โดยเฉพาะกลุ่มค้าอาวุธสงคราม มือปืนรับจ้าง ที่เป็นสาเหตุของความรุนแรง และการแก้ปัญหายาเสพติด  ที่ต้องทำอย่างจริงจังและครบวงจร ทั้งการสกัดกั้น การป้องกันและการปราบปรามผู้ผลิต ผู้ค้า รวมทั้งการบำบัดฟื้นฟูผู้เสพ  

ทั้งนี้ ได้กำชับ ผู้นำและเจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับในพื้นที่ ให้ทำหน้าที่เป็นที่พึ่งให้กับประชาชนในทุกโอกาส  ต้องไม่เรียกรับผลประโยชน์ หรือ ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลแสวงประโยชน์ จากการปฏิบัติหน้าที่ โดยเด็ดขาด 

และต้องระมัดระวัง ไม่ให้บุคคลแอบอ้างหาประโยชน์ในทางที่ผิด 

พร้อมทั้งขอให้ ร่วมกันสร้างความเข้าใจกับประชาชนใน “สัญญาประชาคม”  ที่ร่วมกันจัดทำขึ้น เพื่อร่วมกันดำรงรักษาบรรยากาศความรัก ความเข้าใจเป็นหนึ่งเดียวกัน ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้น

แล้วจะให้คนพวกนี้ มาบริหารประเทศหรือ?

แล้วจะให้คนพวกนี้ มาบริหารประเทศหรือ?
“นายกฯบิ๊กตู่”เผย ปลดล้อค ปุ้บ โดนตั้งขบวนด่าปั้บ ถามหน่อยว่าทำไปเพื่ออะไร แล้วจะให้คนพวกนี้ มาบริหารประเทศหรือ? ทำไงให้ “คนไม่ดี” หยุด พูดให้ร้ายทั้งในและต่างประเทศ เหน็บ ข้าวเน่าไปเท่าไหร่??
พลเอกประยุทธ์ พูดที่ บึงกาฬ ว่า หลายคนเป็นห่วงเรื่องปลดล็อค เมื่อวานได้ปลดล็อคแล้ว แต่ก็เริ่มมีการตั้งแถว ตั้งขบวนชุมนุมต่อต้านด่ารัฐบาลกันแล้ว
“ถามหน่อยว่าทำไปเพื่ออะไร แล้วจะให้คนพวกนี้มาบริหารประเทศหรือ
ก็สุดแล้วแต่พวกท่าน ผมไม่ว่าใครทั้งสิ้น
แต่ท่านควรจะเอาทุกอย่างเป็นบทเรียน ซึ่งไม่ใช่บทเรียนของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว เป็นบทเรียนของประชาชนในชาติ
ทำอย่างไรที่จะให้คนไม่ดี ที่พูดให้ร้ายทั้งในและต่างประเทศหยุด
ท่านอาจจะได้ประโยชน์จากที่ผ่านมา แต่รัฐบาลเสียประโยชน์ เช่น เก็บข้าวไว้ 4 ปีเน่าเสียขาดทุนไปเท่าไหร่ เป็นต้น”

เสียงก่นด่านวิเศษนิยม

Rungruang Preechakul
เงินพ่องเงินแม่งมรึงรึไง ?
------------------------------
"เงินพ่องเงินแม่งมรึงรึไง ?" ผมได้ยินมาอย่างนี้ ชาวบ้านเขาเสียดายเงินภาษีอากรที่รัฐบาล คสช.เอามาถลุงแจกในช่วงนี้ แถมมีเสียงสวดตามมาอีกว่า "รัฐบาลนี้มันหัวขวดจริง ๆ"
ลองไล่เรียงดูก็มี รายการแรกแจกฟรีให้กับผู้มีรายได้น้อย ๑๔.๕ ล้านคน คนละ ๕๐๐ บาท เงินก้อนนี้จะเรียกว่า'อั่งเปา' ปีใหม่ก็ได้ รวมทั้งสิ้น ๗,๒๕๐ ล้านบาท
รายการที่สอง จ่ายค่าเดินทางไปรักษาพยาบาลให้กับผู้สูงอายุที่มีบัตรสวัสดิการคนละ ๑,๐๐๐ บาท จำนวน ๓.๕ ล้านคน เป็นเงิน ๓,๕๐๐ ล้านบาท
สองรายการนี้จ่ายสดเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๐,๗๕๐ ล้านบาท
ตามไปดูต่อ-จ่ายค่าน้ำประปาและค่าไฟฟ้าให้กับผู้มีรายได้น้อย ๘.๕ ล้านครัวเรือนเป็นเวลา ๑๐ เดือน ค่าน้ำประปาเดือนละ ๑๐๐ บาท ค่าไฟฟ้าเดือนละ ๒๓๐ บาท รวมทั้งสองรายการเป็นเงินทั้งสิ้น ๒๘,๐๕๐ ล้านบาท และนอกจากนั้นก็ยังมีรายการจ่ายค่าเช่าบ้านให้กับผู้มีรายได้น้อยอีก ๒๓๐,๐๐๐ คน เดือนละ ๔๐๐ บาท ตกเดือนละ ๙๒ ล้านบาท รวม ๑๐ เดือนก็เป็นเงิน ๙๒๐ ล้านบาท
ยังมีอีก-รายการนี้แจกให้ข้าราชการบำนาญ ๒๐๗,๗๙๔ คน เป็นเงินบำนาญที่ได้รับเพิ่มขึ้น รวมเป็นเงินที่เอาภาษีชาวบ้านไปแจกทั้งสิ้น ๒๔,๗๐๐ ล้านบาท
สำหรับรายการนี้พอสมเหตุสมผลหน่อย เป็นรายการช่วยเหลือชาวสวนยางและสวนปาล์มภาคใต้ จำนวนเงินทั้งสิ้น ๑๘,๐๐๐ ล้านบาท มีผู้ได้รับประโยชน์ทั้งเจ้าของสวนยางสวนปาล์มและคนกรีดยางประมาณ ๑.๓ ล้านคน
รวมแล้วที่ว่ามาทั้งหกรายการนั้น คือเงินอั่งเปา ค่าเดินทางไปรักษาพยาบาล ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน เงินเพิ่มข้าราชการบำนาญ และเงินช่วยเหลือชาวสวนยางและสวนปาล์ม เบ็ดเสร็จตัวเลขกลม ๆ เป็นเงินทั้งสิ้น ๘๑,๔๓๐ ล้านบาท
ระยะยาวในอนาคตก็ยังจะมีแจกอีก เป็นโครงการบ้านผู้มีรายได้น้อย ๑ ล้านหลัง วงเงินสินเชื่อ ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท ของ ธนาคารอาคารสงเคราะห์
เห็นข้อมูลอย่างนี้แล้ว มันก็น่าอยู่หรอก "เงินพ่องเงินแม่งมรึงรึไง-ไอ้หัวขวด ?" ถึงได้เอามาอีลุ่ยฉุยแฉกเพื่อหวังผลในการเลือกตั้ง !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
พุธ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๑
(ขอบคุณภาพ : ไทยรัฐออนไลน์)

BBCไทย :เช็คชื่อคนการเมืองตกที่นั่ง “จำเลย-ผู้ต้องหา” ก่อน คสช. ปลดล็อกการเมือง

เลือกตั้ง 2562 : เช็คชื่อคนการเมืองตกที่นั่ง “จำเลย-ผู้ต้องหา” ก่อน คสช. ปลดล็อกการเมือง

Image copyrightWASAWAT LUKHARANG/BBC THAI
การประชุมร่วมระหว่าง คสช. กับพรรคการเมืองน่าจะได้ข้อสรุปเรื่องวัน-เวลาในการ "ปลดล็อก" ทางการเมือง แต่ก่อนจะถึงจุดนั้น บีบีซีไทยตรวจสอบพบว่ามีนักการเมืองอย่างน้อย 29 คนต้องตกที่นั่ง "จำเลย" และ"ผู้ต้องหา" จากการแสดงความคิดเห็น/เคลื่อนไหวทางการเมืองตลอด 4 ปีที่ผ่านมา
รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นัดประชุมร่วมกับพรรคการเมืองในวันที่ 7 ธ.ค. นี้ เพื่อชี้แจงแผนและขั้นตอนการดำเนินการทางการเมืองในช่วงนับถอยหลังสู่การเลือกตั้งปี 2562
วงหารือนี้จะเกิดขึ้นที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี โดยมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เป็นประธาน นอกจากนี้ยังมีผู้แทนจากส่วนอื่น ๆ ราว 280 คนเข้าร่วม ประกอบด้วย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.), คณะรัฐมนตรี (ครม.), คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และตัวแทนพรรคการเมืองพรรคละ 2 คน ซึ่งเป็นไปตามคำสั่ง คสช. ที่ 53/2560 ในข้อ 8 ที่กำหนดให้ คสช. หารือกับผู้เกี่ยวข้องถึงความพร้อมในการกำหนดวันเลือกตั้งที่แน่ชัด
หนึ่งในสาระสำคัญที่คาดว่าจะมีการหารือและทำให้เกิดความชัดเจนคือ การพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิกกฎหมาย ประกาศ คำสั่งอันเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง หรือที่เรียกกันว่า "ปลดล็อก" ทางการเมือง
ตามปฏิทินที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เคยเปิดเผยต่อสาธารณะก่อนหน้านี้ระบุว่าการปลดล็อกการเมืองจะเกิดขึ้นหลังมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ไม่ใช่เมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 ธ.ค. นี้
Image copyrightWASAWAT LUKHARANG/BBC THAI
คำบรรยายภาพเจ้าหน้าที่ทหาร พัน.ร.มทบ. 11 ควบคุมตัววัฒนา เมืองสุข ไปปรับทัศนคติ เมื่อ 21 เม.ย. 2559 หลังโพสต์วิจารณ์ร่าง รธน.
สำหรับ "กฎเหล็ก" ของ คสช. ที่เป็นอุปสรรคต่อการทำกิจกรรมของพรรคการเมืองต่าง ๆ นับจากรัฐประหารปี 2557 มีอย่างน้อย 2 ฉบับคือ ประกาศ คสช. ฉบับที่ 57/2557 ห้ามมิให้พรรคประชุม/ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 3/2558 ห้ามมิให้ชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนขึ้นไป หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
บีบีซีไทยได้ตรวจสอบรายชื่อนักการเมืองและว่าที่นักการเมืองที่ถูกดำเนินคดีเพราะฝ่าฝืน "กฎเหล็ก" ของ คสช. ตลอดเวลากว่า 4 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ในระยะหลังพบว่าฝ่ายกฎหมายของ คสช. มักนำกฎหมายอื่นที่มีอัตราโทษสูงกว่ามาดำเนินคดีร่วมด้วย โดยแจ้งข้อหายุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และข้อหาฝ่าฝืนมาตรา 14 ของ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
บีบีซีไทยพบว่า มีนักการเมืองอย่างน้อย 29 คน จาก 5 พรรคการเมือง ที่มีสถานะ "จำเลย" หรือ "ผู้ต้องหา" หรือ "ผู้ถูกกล่าวหา" โดยมาจากพรรคเพื่อไทย 9 คน, พรรคเพื่อชาติ 8 คน, พรรคไทยรักษาชาติ 6 คน, พรรคอนาคตใหม่ 5 คน และพรรคเกียน 1 คน อย่างไรก็ตามไม่มีรายชื่อนักการเมืองในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีการเมือง แม้ก่อนหน้านี้จะมีเสียงวิจารณ์หนาหูเกี่ยวกับปรากฏการณ์ "ดูด ส.ส." เข้าสังกัด พปชร. ว่าเกี่ยวพันกับการ "ปลดคดีความ" ก็ตาม บีบีซีไทยเข้าใจว่าเสียงวิจารณ์ดังกล่าวหมายถึงคดีความในประเภทอื่น ๆ
พรรคเพื่อไทย 8 คน
คดีพฤติกรรมสถานะทางคดี
วัฒนา เมืองสุข (ไม่ได้รวมคดีละเมิดอำนาจศาล ณ ที่นี้)
ม. 116 ยุยงปลุกปั่น + ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าว 4 ปีที่ล้มเหลวของรัฐบาล คสช.อัยการนัดฟังคำสั่งทางคดี 10 ม.ค. 2562
ฝ่าฝืนเงื่อนไขปล่อยตัวบุคคลที่รายงานตัวต่อ คสช.ให้สัมภาษณ์และโพสต์ข้อความมีนัยทางการเมือง, โพสต์ข้อความไม่รับร่าง รธน. ปี 2559สอบปากคำและสืบพยานเพิ่มเติมในชั้นศาลทหารกรุงเทพ
ม. 116 ยุยงปลุกปั่น + ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์โพสต์ข้อความอันเป็นเท็จว่าหมุดคณะราษฎรเป็น "โบราณวัตถุ" พร้อมตั้งข้อสังเกตเรื่องหมุดหายเมื่อปี 2560สืบพยานในชั้นศาลอาญา
ผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์โพสต์ข้อความหมิ่นประมาท พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษายกฟ้อง 31 ต.ค. 2561
ชูศักดิ์ ศิรินิล
ม. 116 ยุยงปลุกปั่น + ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าว 4 ปีที่ล้มเหลวของรัฐบาล คสช.อัยการนัดฟังคำสั่งทางคดี 10 ม.ค. 2562
พล.ต.ท. วิโรจน์ เปาอินทร์
ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าว 4 ปีที่ล้มเหลวของรัฐบาล คสช.อัยการนัดฟังคำสั่งทางคดี ม.ค. 2562
ภูมิธรรม เวชยชัย
ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าว 4 ปีที่ล้มเหลวของรัฐบาล คสช.อัยการนัดฟังคำสั่งทางคดี ม.ค. 2562
ชัยเกษม นิติศิริ
ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าว 4 ปีที่ล้มเหลวของรัฐบาล คสช.อัยการนัดฟังคำสั่งทางคดี ม.ค. 2562
นพดล ปัทมะ
ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าว 4 ปีที่ล้มเหลวของรัฐบาล คสช.อัยการนัดฟังคำสั่งทางคดี ม.ค. 2562
กิตติรัตน์ ณ ระนอง
ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าว 4 ปีที่ล้มเหลวของรัฐบาล คสช.อัยการนัดฟังคำสั่งทางคดี ม.ค. 2562
นิสิต สินธุไพร
ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าวเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติของ นปช.นัดสอบคำให้การจำเลยในชั้นศาล
ร.ท. หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง
ม. 116 ยุยงปลุกปั่น + ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์โพสต์ข้อความหมิ่นประมาท พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา, วิจารณ์การซื้ออาวุธของรัฐบาล และอื่น ๆ รวม 7 โพสต์ 13 กระทงปอท. สรุปสำนวนส่งอัยการแล้วบางคดี
พรรคไทยรักษาชาติ 6 คน
คดีพฤติกรรมสถานะทางคดี
จาตุรนต์ ฉายแสง
ม. 116 ยุยงปลุกปั่น +ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าว 4 ปีที่ล้มเหลวของรัฐบาล คสช.อัยการนัดฟังคำสั่งทางคดี 10 ม.ค. 2562
ม. 116 ยุยงปลุกปั่น + ผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ + ฝ่าฝืนประกาศเรียกรายงานตัวต่อ คสช.ไม่รายงานตัวกับ คสช. และจัดแถลงข่าวที่ FCCT เมื่อ พ.ค. 2557นัดสืบพยานในชั้นศาลทหารกรุงเทพ
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าวเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติของ นปช.นัดสอบคำให้การจำเลยในชั้นศาลทหารกรุงเทพ
นพ. เหวง โตจิราการ
ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าวเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติของ นปช.นัดสอบคำให้การจำเลยในชั้นศาลทหารกรุงเทพ
ก่อแก้ว พิกุลทอง
ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าวเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติของ นปช.นัดสอบคำให้การจำเลยในชั้นศาลทหารกรุงเทพ
วีระกานต์ มุสิกพงศ์
ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าวเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติของ นปช.นัดสอบคำให้การจำเลยในชั้นศาลทหารกรุงเทพ
พิชัย นริพทะพันธุ์
ผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์โพสต์ข้อความวิจารณ์ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี, ปัญหาเศรษฐกิจรับทราบข้อกล่าวหาในชั้น ปอท.
พรรคเพื่อชาติ 8 คน
คดีพฤติกรรมสถานะทางคดี
จตุพร พรหมพันธุ์
ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าวเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติของ นปช.นัดสอบคำให้การจำเลยในชั้นศาลทหารกรุงเทพ
ยงยุทธ ติยะไพรัช
ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าวเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติของ นปช.นัดสอบคำให้การจำเลยในชั้นศาลทหารกรุงเทพ
สงคราม กิจเลิศไพโรจน์
ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าวเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติของ นปช.นัดสอบคำให้การจำเลยในชั้นศาลทหารกรุงเทพ
ยศวริศ ชูกล่อม
ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าวเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติของ นปช.นัดสอบคำให้การจำเลยในชั้นศาลทหารกรุงเทพ
ธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ
ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าวเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติของ นปช.นัดสอบคำให้การจำเลยในชั้นศาลทหารกรุงเทพ
พรศักดิ์ ศรีละมุล
ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าวเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติของ นปช.นัดสอบคำให้การจำเลยในชั้นศาลทหารกรุงเทพ
อารี ไกรนรา
ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าวเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติของ นปช.นัดสอบคำให้การจำเลยในชั้นศาลทหารกรุงเทพ
ศักดา นพสิทธิ์
ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนจัดแถลงข่าว 4 ปีที่ล้มเหลวของรัฐบาล คสช.อัยการนัดฟังคำสั่งทางคดี ม.ค. 2562
พรรคอนาคตใหม่ 5 คน
คดีพฤติกรรมสถานะทางคดี
ธนาธร จึงรุ่งเรือง
ผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์จัดเฟซบุ๊กไลฟ์วิจารณ์ คสช. "ดูดอดีต ส.ส." โดยใช้คดีความมาเป็นเครื่องต่อรองรับทราบข้อกล่าวหาในชั้น ปอท. แต่ปฏิเสธ
จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ
ผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์จัดเฟซบุ๊กไลฟ์วิจารณ์ คสช. "ดูดอดีต ส.ส." โดยใช้คดีความมาเป็นเครื่องต่อรองรับทราบข้อกล่าวหาในชั้น ปอท. แต่ปฏิเสธ
ไกลก้อง ไวทยการ
ผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์จัดเฟซบุ๊กไลฟ์วิจารณ์ คสช. "ดูดอดีต ส.ส." โดยใช้คดีความมาเป็นเครื่องต่อรองรับทราบข้อกล่าวหาในชั้น ปอท. แต่ปฏิเสธ
รังสิมันต์ โรม
ผิด พ.ร.บ. ประชามติ + ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนแจกแผ่นพับไม่รับร่าง รธน. เมื่อปี 2559 (คดีประชามติบางเสาธง)ศาลทหารกรุงเทพนัดตรวจพยานหลักฐาน 11 ก.พ. 2562
ม. 116 ยุยงปลุกปั่น + ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนชุมนุมต่อต้านรัฐประหารที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อปี 2558อยู่ในชั้นศาลทหารกรุงเทพ
ม. 116 ยุยงปลุกปั่น + ผิด พ.ร.บ. ชุมนุมสาธารณะ + ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนชุมนุมเรียกร้องการเลือกตั้งบริเวณสกายวอล์คหน้ามาบุญครอง (MBK39)ศาลศาลอาญากรุงเทพใต้นัดตรวจพยานหลักฐาน
ม. 116 ยุยงปลุกปั่น + ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนชุมนุมเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย (RDN50)ศาลอาญานัดตรวจพยานหลักฐาน
ม. 116 ยุยงปลุกปั่น + ผิด พ.ร.บ. ชุมนุมสาธารณะ + ผิด พ.ร.บ. จราจรทางบก + พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง + ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนชุมนุมเรียกร้องการเลือกตั้ง โดยเดินจาก มธ. ไปกองทัพบก (ARMY57)อัยการนัดรายงานตัว 14 ม.ค. 2562
ม. 116 ยุยงปลุกปั่น + ม. 215, 216 มั่วสุมให้เกิดวามวุ่นวาย + ผิด พ.ร.บ. ชุมนุมสาธารณะ + ผิด พ.ร.บ. จราจรทางบก + ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนชุมนุมเรียกร้องการเลือกตั้ง โดยตั้งใจเดินจาก มธ. ไปทำเนียบฯ (UN62)อยู่ในชั้นอัยการ
ปิยรัฐ จงเทพ
ผิด พ.ร.บ. ประชามติฉีกบัตรลงประชามติหน้าคูหาลงคะแนนศาลจังหวัดพระโขนงพิพากษาจำคุก 2 เดือน ปรับ 2,000 บาท รอลงอาญา ยกฟ้องข้อหา พ.ร.บ. ประชามติ
ม. 116 ยุยงปลุกปั่น + ม. 215, 216 มั่วสุมให้เกิดวามวุ่นวาย + ผิด พ.ร.บ. ชุมนุมสาธารณะ + ผิด พ.ร.บ. จราจรทางบก + ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนชุมนุมเรียกร้องการเลือกตั้ง โดยตั้งใจเดินจาก มธ. ไปทำเนียบฯ (UN62)อยู่ในชั้นอัยการ
พรรคเกียน 1 คน
คดีพฤติกรรมสถานะทางคดี
สมบัติ บุญงามอนงค์
ฝ่าฝืนประกาศเรียกรายงานตัวต่อ คสช.ไม่เข้ารายงานตัวต่อ คสช.ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 2 เดือน ปรับ 3,000 บาท รอลงอาญา
ม. 116 ยุยงปลุกปั่น + ผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์โพสต์ข้อความชวนคัดค้านรัฐประหาร ท้าทายให้เจ้าหน้าที่ตามจับสืบพยานในชั้นศาลทหารกรุงเทพ
ม. 116 ยุยงปลุกปั่น + ผิด พ.ร.บ. ชุมนุมสาธารณะ + ชุมนุมการเมืองเกิน 5 คนชุมนุมเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งบริเวณสกายวอล์คหน้ามาบุญครอง (MBK39)ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดตรวจพยานหลักฐาน
ที่มา บีบีซีไทย, ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน, โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์)