PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

รายงานพิเศษ : สืบชาติพันธุ์"อุยกูร์" มุสลิมเชื้อสาย"เติร์ก"

วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 11:12:17 น.





จรัญ มะลูลีม
 


ศราวุฒิ อารีย์ ภาพจาก www.siamintelligence.com



http://www.matichon.co.th/online/2015/07/14365877621436587848l.jpg

กลายเป็นประเด็นใหญ่ของสังคมไปแล้ว กรณีกลุ่มผู้ประท้วงชาวอุยกูร์บุกทำลายทรัพย์สินที่สถานกงสุลไทย ประเทศตุรกี จากการที่ไทยส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังจีน

หนึ่งในคำถามมากมายที่ชัดเจนที่สุด คงไม่พ้นเรื่องที่ว่า การส่งกลับไปยังจีนนั้น เหตุใดจึงนำมาซึ่งความกราดเกรี้ยวเช่นนี้ หรือความสัมพันธ์ระหว่างชาวอุยกูร์กับจีนนั้นเป็นอย่างไร เหตุใดจึงต้องหลบหนี

http://www.matichon.co.th/online/2015/07/14365877621436587852l.jpg

จรัญ มะลูลีม นักวิชาการด้านตะวันออกกลางศึกษา กล่าวว่า ชาวอุยกูร์เป็นชาวมุสลิมชนกลุ่มน้อย มีอยู่มากในซินเจียงตั้งแต่ดั้งเดิม ส่วนใหญ่จะอยู่รัฐซินเจียงซึ่งกว้างขวาง มีแถวซีอาน แถวยูนนานอยู่บ้าง เป็นชนกลุ่มน้อยที่ไม่ลงรอยกับรัฐบาลจีนบ่อยครั้ง เขารู้สึกว่าเขาเป็นชนชั้นสอง ในแง่ศาสนาก็ปฏิบัติศาสนกิจได้ไม่เต็มที่ ทางการส่งชาวฮั่นไปมีบทบาทในดินแดนนั้น เดือนรอมฎอนเวลาไปทำงานก็ไม่อาจถือศีลอดได้ งานการของคนอุยกูร์ก็ถูกแย่งไปบ้าง จนเขาเปิดศึกกันมาหลายรอบ อุยกูร์เคยเอามีดไล่แทงพวกฮั่นมาแล้ว

"ชาวอุยกูร์จากตุรกีเข้ามาอยู่ในจีนตั้งนานแล้ว เดินทางไปมาหาสู่กัน มีมาจากเติร์กเมนิสถานของเอเชียกลางก็เยอะ ในปัจจุบันอุยกูร์ส่วนหนึ่งอาศัยอยู่ในตุรกีจำนวนมาก และขณะนี้ตุรกีเป็นหัวหอกของประเทศมุสลิม เช่น เขาเสนอเอาโอไอซีไปช่วยโรฮีนจา ช่วยชาวยะไข่ทั้งพุทธและมุสลิมที่มีปัญหากันแต่พม่าก็ไม่ยอม และในเวทีระดับประเทศ ผู้นำโอไอซีที่เป็นผู้นำโลกมุสลิมคนก่อนก็เป็นชาวตุรกี คือ เอ็กเมเล็ดดิน อิห์ซาโนกลู ที่เคยมาไทยช่วยเรื่องภาคใต้ ตุรกีปัจจุบันให้ค่ากับชนกลุ่มน้อยมุสลิมอย่างมากในเวทีระหว่างประเทศ ผู้นำของเขาเข้มแข็งเรื่องนี้มากในระยะหลัง น่าจะพูดได้ว่าตุรกีเป็นผู้นำของโลกมุสลิมได้ด้วย"

ส่วนเหตุที่เข้ามาไทย จรัญเผยว่า ที่ผ่านมาเขาอยากไปตุรกีแต่ผ่านมาประเทศไทยก่อน เดือนรอมฎอนเขาอยู่ไทยจะได้ปฏิบัติศาสนกิจ แต่ไทยก็รีบส่งเขาไปจีน และเขาคงคิดว่าจะได้ไปตุรกีมากกว่า เพราะคนส่วนใหญ่เมื่อสืบสัญชาติแล้วจะได้ไปตุรกี ที่มาไทยคงเป็นเพราะความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์ ไปตุรกีทีเดียวคงลำบาก เขามาต่อรองก่อน ในที่สุดไทยก็ส่งไปตุรกีจำนวนมากก่อนจะส่งไปจีน แต่จีนอยากให้ไทยส่งไปทางจีนหมดเลย 

"นี่เป็นปัญหาระหว่างสิทธิมนุษยชนกับปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไทยเองถูกจีนขอร้องก็คงกระอักกระอ่วน เลยเลือกสองแนวทาง ชีวิตของเขาในจีนเป็น Force Acumination ถูกบังคับให้ผสมกลมกลืนกับคนพื้นถิ่นโดยที่เขาไม่พอใจให้ผสมกลมกลืน ในเวลาเดียวกันก็ปฏิบัติศาสนกิจได้บ้างแต่ไม่เต็มที่ อย่างเรื่องคลุมฮิญาบ เป็นเหตุผลที่เขากดดันและเดินทาง การมาไทยเขาดีใจมากเพราะมีความหวังว่าจะได้กลับไปตุรกี จริงๆ เลือกได้เขาคงไปมาเลเซียก่อน"

"จีนมีปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยหลายกรณี เขาปฏิบัติกับชนกลุ่มน้อยค่อนข้างแรง ระยะหลังเมื่อเข้ามามีธุรกิจกับโลกมุสลิมอาจเบาลง แต่ก็ยังแรงอยู่ เขาอ้างว่าคนเหล่านี้กระทำความผิดในประเทศและหลบหนีมา แต่ความจริงอาจไม่ใช่แบบนั้น ลองนึกดูว่าคนที่ถูกกล่าวหาว่ามีความผิด กลับไปแล้วอะไรจะเกิดขึ้น คนที่เป็นเชื้อสายเดียวกันในตุรกีเขาจึงได้โกรธเคืองมาก เพราะทั้งๆ ที่รู้ว่าส่งตัวไปแล้วคนพวกนี้จะเจอกับอะไร แต่ไทยเองก็จะไปขัดใจจีนโดยตรงไม่ได้"

นักวิชาการด้านตะวันออกกลางศึกษาบอกว่า โลกมุสลิมคงไม่พอใจไทยเท่าที่ควร ในแวดวงนักสิทธิมนุษยชนน่าจะมีการต้านพักหนึ่ง การที่คนลุกขึ้นมาต่อต้านเป็นการแสดงออกให้รู้ว่าไทยไม่น่าทำแบบนี้ แต่ถ้ามองในแง่ไทยซึ่งตอนนี้เรากำลังจะซื้ออะไรกับจีนก็อยู่ในภาวะที่ไปทางไหนก็ลำบาก ทางหนึ่งจีนอาจไม่พอใจไทยลึกๆ เพราะไม่ได้ส่งกลับทั้งหมด ขณะที่กลุ่มใหญ่สืบได้ว่ามีเชื้อสายตุรกีจึงส่งไปตุรกี อีกฝ่ายก็บอกว่าจากการสืบสัญชาติแล้วเป็นจีนก็เลยส่งให้จีน เท่ากับบังคับให้กลับไปหาความลำบาก ซึ่งน่าจะเผชิญมาตรการด้านความมั่นคงหรือการลงโทษ เรื่องจีนค่อนข้างลึกลับกับการตอบโต้กับคนที่เป็นปรปักษ์กับรัฐ ถ้าเขาตีความว่าเป็นภัยคุกคามต่อรัฐ

"ตอนนี้เริ่มมีการตอบโต้ มีการพูดถึงเยอะมาก โลกมุสลิมตื่นตัวในเรื่องนี้ แต่คงไม่ได้ตอบโต้ไทยถึงขั้นมีการตัดความสัมพันธ์ แต่มีความรู้สึกในฐานะที่ส่งคนมุสลิมไปพบชะตากรรมที่ยากลำบาก ปฏิกิริยาของโลกมุสลิมมีแน่นอน โดยเฉพาะเดือนนี้เป็นเดือนรอมฎอน เดือนศักดิ์สิทธิ์ของโลกมุสลิม"


"ในแง่มนุษยธรรมไทยทำผิดพลาด แต่ในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไทยอาจยึดถือความสัมพันธ์ที่มีต่อจีน หลายคนมองว่าไทยรู้อยู่แก่ใจว่าเขาจะกลับไปเจออะไรก็ยังส่งไปอีก ตอนนี้โลกคงเรียกร้องชาวจีนว่าอย่าทำรุนแรงกับคนที่กลับไป ไทยก็ไปแก้ปัญหาว่าให้คนไทยที่อยู่ในตุรกีระมัดระวังจะตกเป็นเหยื่อ"
 จรัญกล่าว

http://www.matichon.co.th/online/2015/07/14365877621436587855l.jpg

 (ภาพจาก http://www.siamintelligence.com/lessons-from-egypt/)

ศราวุฒิ อารีย์ รองผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความเห็นว่า ชาวอุยกูร์เป็นมุสลิมและเป็นคนเชื้อสายเติร์ก ซึ่งจะมีความสัมพันธ์กับชาวเติร์กทั่วไปทั้งในเอเชียกลางและในตุรกี ขณะที่ซินเจียงในปัจจุบันนั้นเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนที่เรียกว่าเอเชียกลาง และเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมที่มีการค้าระหว่างประเทศจีนกับอาหรับ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของประเทศจีน มีประวัติศาสตร์และความเป็นมาที่รุ่งเรืองอย่างยิ่ง

"เติร์กเป็นกลุ่มคนนักรบ กล้าหาญ สิ่งที่เป็นประจักษ์พยานชัดเจนคือชาวเติร์กก่อตั้งอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของอิสลามอย่างจักรวรรดิออตโตมันในศตวรรษที่ 12-13ซึ่งออตโตมันพิชิตดินแดนต่างๆ ได้ครึ่งค่อนโลก และปกครองอยู่ราวๆ 600 กว่าปีจนล่มสลายในปี 1923 จนถูกโค่นล้มและกลายเป็นตุรกีในปัจจุบัน" ศราวุฒิกล่าว และว่า ชาวเติร์กนั้นเคยเข้าไปโค่นล้มอาณาจักรโรมันได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นกลุ่มชนที่ยิ่งใหญ่ของโลก จึงมีความภูมิใจในชาติพันธุ์อยู่สูง เห็นได้จากเมื่อชาวอุยกูร์หลบหนีเข้ามาในไทย จะบอกว่าเป็นชาวเติร์ก ไม่ใช่จีน

กับเรื่องพื้นที่ซินเจียง ศราวุฒิกล่าวว่า พื้นที่ส่วนนั้นเป็นส่วนที่จีนมองว่าเป็นภัยความมั่นคงอยู่แล้ว จากการที่มีกลุ่มติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลจีนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ที่มาที่ไปนั้นหนีไม่พ้นการที่ประเทศจีนไปละเมิดสิทธิผู้คนในบริเวณนั้น แม้จะผนวกรวมซินเจียงมาเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ แต่การปกครองที่เข้าไม่ถึง ไม่เข้าใจศาสนาและวัฒนธรรม รวมถึงมีการนำชาวจีนฮั่นเข้าไปอาศัยอยู่เพื่อกลืนกินคนในพื้นที่ จึงสร้างความโกรธแค้นจนนำไปสู่การต่อต้านอำนาจรัฐของอุยกูร์อย่างต่อเนื่อง

"อย่างหลังเหตุการณ์ 11กันยายน จีนมองว่าตรงนี้เป็นภัยคุกคามสำคัญ พยายามผูกโยงความมั่นคงของซินเจียงกับขบวนการอัลกออิดะฮ์ สร้างความชอบธรรมในการใช้ความรุนแรงในชาวอุยกูร์ ใช้นโยบายปราบปรามอย่างหนัก จึงจะเห็นว่าหลังเหตุการณ์ 11 กันยายน ชาวอุยกูร์ทะลักออกมามาก ไปอยู่ตามประเทศต่างๆ"


กับการส่งชาวอุยกูร์ซึ่งหนีเข้าไทยกลับไปยังจีนนั้น รองผู้อำนวยการศูนย์มุสลิมศึกษามองว่า คาดเดาได้ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้น เป็นไปได้ว่าจีนก็อาจมองในลักษณะเป็นขบวนการเชื่อมโยงกับอำนาจต่อต้านรัฐ และอาจถูกเข้าคุก ทรมาน หรือกระทั่งโดนสังหาร 

"ไทยควรระมัดระวัง ควรติดตามประเด็นนี้ให้ดี คุยกับจีนว่าเมื่อส่งกลับไปแล้ว ขอให้เราเข้าไปตรวจสอบได้ไหมว่ารัฐบาลจีนปฏิบัติกับคนเหล่านี้อย่างไร จีนคงสัญญาว่าจะปฏิบัติด้วยอย่างยุติธรรม สร้างงานสร้างอาชีพ ก็ถือโอกาสนี้ไปตรวจสอบ เผยแพร่ข้อมูลต่อประชาคมโลก เพื่อองค์กรระหว่างประเทศหรือสิทธิจะได้สบายใจและไม่มีปัญหากับเรื่องนี้อีก" ศราวุฒิกล่าวทิ้งท้าย

หามือมืดกุข่าวป่วนโลกกรณีอุยกูร์


อัพเดทข่าว "อุยกูร์" : ปธน.ตุรกียอมรับว่ารายงานที่กล่าวหาจีนแบนถือศีลอดในช่วงเดือนรอมฎอนในชินเจียงอุยกูร์นั้น ไม่เป็นความจริง จีนจวกกลับตุรกีและพวกบิดเบือนข่าวว่ามีการเมืองอยู่เบื้องหลัง ชัดนะ!
-------------

+ บทนำ
-------------
มีข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องอุยกูร์ทั้งในตุรกีและจีน มาเล่าให้ฟังต่อ หลังจากที่มีข่าวไทยส่งตัวผู้กระทำผิดกฎหมายชาวอุยกูร์แล้วหลบหนีเข้าเมืองไทยอย่างผิดกฎหมายกลับไปประเทศจีน และลุงตู่ก็ได้ชี้แจงไปแล้ว ไม่วายที่สื่อฯขี้ข้าอเมริกาจะเอาประเด็นนี้ไปขยายความต่ออีก ส่วนพวกสมุนกระเป๋งอเมริกาก็เที่ยวปล่อยข่าวลวง บิดเบือนข้อมูล ใส่ร้ายจีนและไทยตามโซเชียลมีเดีย หวังจะให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศและกลายเป็นประเด็นทางศาสนาต่อไปอีก (มันมีความสุขกันมากนักหรือไงนะที่ได้แสดงพฤติกรรมที่น่ารังเกียจเช่นนั้นออกมา? ไม่เข้าใจพวกนี้จริงๆ!) ไม่เป็นไร งั้นเราก็จะเอาความจริงมาแสดงให้สังคมได้รับรู้ ดูซิว่าพวกนี้จะแถ จะบิดเบือนต่อไปได้อีกซักกี่น้ำ


มีอยู่ประมาณ 5 ข่าว ยาวเหมือนกันนะ แต่ก็จะพยายามพูดให้สั้นๆ กระชับ และเก็บประเด็นให้ครบนะครับ แต่ถ้าสั้นเกินไปก็ไม่หนุกอ่ะ (หมายถึงข่าวนะครับ อย่าไปคิดถึงอย่างอื่นหละ คริๆ ไม่ใช่ จ.ปืนสั้นปืนจิ๋วอะไรนั่นนะ ฮี่ๆๆ จนได้) 


หลังจากที่กลุ่มหัวรุนแรงไล่ทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวจีนในตุรกี และถูกจีนออกมาตำหนิและประณามอย่างหนัก ทางกลุ่มผู้ประท้วงพยายามที่จะอำพรางการก่อเหตุของตนด้วยการออกมาประท้วงตำหนิรัฐบาลจีนและไทยเกี่ยวกับการส่งตัวผู้กระทำผิดกฎหมายกลับประเทศจีนโดยอ้างเรื่องสิทธิมนุษยชนบังหน้า ทางไทยก็ระมัดระวังในการใช้คำพูดที่จะไม่ให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยใช้ความว่า "ผ่านการพิสูจน์สัญชาติ" แทน ซึ่งเป็นการรักษาน้ำใจด้วยกันทุกฝ่าย แต่อีกฝ่ายหนึ่งเหมือนไม่เข้าใจหรือไม่ยอมรับรู้ในการส่งสัญญาณที่แสดงออกถึงเจตนาดีในมิตรภาพระหว่างประเทศ ถ้าจะว่ากันจริงๆ แล้วก็คือ "ขั้นตอนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน" กลับไปรับโทษที่จีนนั่นแหละ


ก็จีนเขามีหลักฐานชัดเจนว่าใครบ้างที่กระผิดกฎหมายของเขา เช่นก่อเหตุหรือมีส่วนร่วมในการก่อเหตุร้ายสร้างสถานการณ์ก่อการร้ายในประเทศจีน ไทยและจีนอุตส่าห์ไม่ใช้คำนี้แล้ว เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและไม่อยากให้สถานการณ์บานปลายออกไป แต่ดูเหมือนว่าทางตุรกีจะไม่เข้าใจในเจตนาดีนี้เอาซะเลย เล่นออกมาแถลงข่าวตำหนิจีน เพียงเพราะเสพข่าวลือที่ไม่มีที่มาที่ไป หาหลักฐานไม่ได้ว่าจีนสั่งห้ามประกอบพิธีทางศาสนาของบางศาสนาตั้งแต่เมื่อไร


พอถูกจีนโต้กลับว่า "เอาหลักฐานมาสิที่ว่าจีนสั่งห้ามหนะ!" จ๋อย! แต่ยังแถไปเรื่องใหม่อีกหันมาเล่นเรื่องการส่งตัว "ผู้ร้ายข้ามแดน" กลับไปรับโทษที่จีนว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศซะงั้น ซึ่งหัวเรือใหญ่ในเรื่องนี้ก็คือสหรัฐฯกับ UNHCR นั่นแหละ


+ ปธน.ตุรกียอมรับว่าข่าวลือไม่เป็นความจริง
-------------
เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ประธานาธิบดี Recep Tayyip Erdoğan ของตุรกีออกมายอมรับว่าข่าวที่ถูกปล่อยออกมาก่อนหน้านี้นั้น "ไม่มีมูลความจริง" (inaccurate) โดยสำนักข่าว Hurriyet Daily News ของตุรกีรายงานว่า รายงานข่าวจำนวนมากที่กล่าวหาจีนว่าเข้มงวดในกลุ่มมุสลิมอุยกูร์ในช่วงที่มีพิธีถือศีลอดในเดือนรอมฎอนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์นั้น "ไม่ได้สะท้อนถึงความเป็นจริง" (not reflect reality) ปธานาธิบดี Recep Tayyip Erdoğan แถลงการณ์ในระหว่างที่มีการชุมนุมประท้วงต่อต้านจีน (anti-Chinese demonstrations) ของกลุ่มชาตินิยมชาวตุรกี ซึ่งแถลงในช่วงเย็นวันท่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ปธน. Erdoğan ได้ออกมาเรียกร้องว่า "ตนเองมีกำหนดการจะเดินทางไปเยี่ยมจีนภายในไม่กี่วันนี้ และได้อธิบายช่วงเวลาการเกิดเหตุเมื่อเร็วๆนี้ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติต่อชาวอุยกูร์ของกรุงปักกิ่งว่า meaningful (มีความหมาย/สำคัญ/ถูกต้อง/สมเหตุสมผล/เหมาะสม)"

ปธน. Erdoğan กล่าวต่ออีกว่า "อย่างไรก็ตาม การสร้างภาพให้ใหญ่โตออกไปและประโคมข่าวในสื่อฯต่างๆได้ทำให้เกิดความรู้สึกว่ามีแนวโน้มที่เป็นไปได้ในการแสวงหาผลประโยชน์อย่างจงใจหรือไม่?" (ท่านตั้งคำถามกับใครหรือครับ? สื่อฯที่ประโคมข่าวเป็นของพวกท่านเองและของสหรัฐฯแลตะวันตกไม่ใช่รึ? ถ้าอย่างนั้นท่านคงพอจะทราบแล้วสินะครับว่าพวกที่ประโคมข่าวบิดเบือนข่าวพวกนั้นมีเจตนาแอบแฝงบางอย่าง เหมือนสื่อฯขี้หมาแห้งแถวๆบ้านเรานี่แหละ ฮื่ม! ขอบคุณท่านปธน.ที่มองภาพออกว่าเป็นเกมของใคร) อ้อ… สำหรับเรื่องการโจมตีนักท่องเที่ยวจีนนั้น สื่อฯตุรกีบอกชัดเลยนะว่าเป็นฝีมือของ "กลุ่มผู้ประท้วงโปร-อุยกูร์" (pro-Uighur protesters) ชัดนะ! ตรงกับที่ลุงตู่ใหัสัมภาษณ์กับสื่อฯวันก่อนเป๊ะเลย

ต่อกรณีของการทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวจีนนั้น ปธน. Erdoğan กล่าวว่า "ผมขอเรียกร้องให้ประชาชนระมัดระวังในเรื่องนี้ ผมขอร้องให้ประชาชนอย่าได้ตกเป็นเหยื่อของพวกหวังก่อกวนทางการเมือง การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของแขกชาวเอเซียตะวันออกของพวกเรา ที่เข้ามาทำงาน ท่องเที่ยวในประเทศของพวกเรานั้นถือว่าเป็นเกียรติของพวกเรา"

น่าสังเกตเป็นอย่างมากว่าจู่ก็มีการปล่อยข่าวบิดเบือนใส่ร้ายจีน และตามด้วยการบิดเบือนกฎหมายระหว่างประเทศโดยชูเรื่องสิทธิมนุษชนบังหน้าอีกครั้งในกรณีที่ไทยส่งตัวผู้หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายกลับไปที่จีน ก่อนหน้าที่ปธน.ตุรกีจะเดินทางไปเยี่ยมจีน สหรัฐฯวางแผนเอาไว้แล้ว ต้องการที่จะให้จีนกับตุรกีเก็บความบาดหมางใจกันในเรื่องอุยกูร์ขึ้นมาให้ได้ เพราะว่ามันจะได้กระทบกับความร่วมมือในโครงการเส้นทางสายไหมระหว่างจีน-ตุรกีด้วย และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของทั้งสองประเทศด้วย คอยดูว่าจีนจะสั่งสอนตุรกีอย่างไรบ้าง


+ ปธน.ตุรกีให้ความมั่นใจในการคุ้มครองสถานทูตต่างประเทศ แม้จะช้าไปหน่อย
-------------
ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ประท้วงบุกเข้าไปทำลายสถานทูตและสถานกงศุลใหญ่ของไทยในนครอิสตันบูลนั้น ปธน. Erdoğan กล่าวว่า "พวกเราสามารถส่งเสียงของเราต่อต้านความอยุติธรรมได้ (เขาพูดเพื่อเอาใจพวกอุยกูร์ โดยใช้ไทยเป็นเครื่องมือ ซึ่งจริงๆเขาก็รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร เขาไม่พูดถึงการกระทำที่ไม่ยุติธรรมของพวกที่ก่อคดีก่อเหตุซึ่งเป็นชาวอุยกูร์ แต่พูดเหมือนกับว่าไทยไม่ยุติธรรมที่ส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปให้จีน นักการเมืองก็เป็นอย่างนี้แหละ ไม่ต้องแปลกใจ ก็ต้องเข้าใจสถานะของเขาด้วย ก็คงถูกบีบมาจากฐานเสียงเช่นกัน) แต่พวกเราก็ต้องระมัดระวังกับรายงานที่เป็นการยั่วยุ (provocative reports) (เสียงนี้จะได้ยินทะลุหูของพวกสื่อฯจอมเสี้ยมทั้งหลายในประเทศไทยบ้างหรือไม่หนอ?) มันเป็นเกียรติของพวกเราที่จะปกป้องคณะทูตชาวต่างชาติ มันเป็นเกียรติของพวกเราที่จะปกป้องคณะทูตของต่างชาติและลูกจ้างของพวกเขาในตุรกี ผมได้แจ้งให้กับคณะทูตและนักท่องเที่ยวของทุกประเทศในตุรกีว่า พวกเขาจะปลอดภัยและไร้กังวลในที่นี่ เราจะไม่อดทนอดกลั้นกับเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ใดๆทั้งนั้น"

แต่ท่านก็ปล่อยให้มันเกิดขึ้น! แม้ว่าท่านจะออกมาพูดปลอบใจในภายหลัง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความน่าอับอายในฐานะผู้นำประเทศ และประเทศของท่านที่จะต้องเผชิญเลือนหายไป ไม่ว่ารัฐบาลของท่านจะมีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์นั้นด้วยหรือไม่ แต่มันก็ได้พิสูจน์แล้วว่าระบบการให้ความคุ้มครองสถานทูตต่างประเทศภายในประเทศของท่านนั้นเป็นเช่นไร แต่ก็ยังดีที่ท่านออกมายอมรับสู้กับความจริง และห้ามปรามไม่ให้เหตุการณ์รุกลามบานปลายไปกว่านี้


+ สื่อฯจีนเตือนตุรกี อย่าชี้นิ้วมาที่เรื่องการส่งตัวผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายกลับไปที่จีน
-------------
บทบรรณาธิของหนังสือพิมพ์ Global Times ในเครือ หนังสือพิมพ์ People's Daily Online ของจีนขึ้นชื่อเรื่องว่า "Turkey cannot point finger at deportations" โดยเนื้อหาช่วงต้นเป็นการพูดถึงการส่งตัวชาวอุยกูร์ที่เป็นพลเมืองของจีนจำนวน 100 คนกลับไปที่จีนเมื่อวันพุธที่ผ่านมาซึ่งเป็นชาวอุยกูร์ที่หลบหนีเข้ามาในไทยอย่าง "ผิดกฎหมาย" (จีนใช้คำว่า illegal immigrants - ผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย) จากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ตามที่เคยแจ้งให้ทราบในโพสต์ข่าวเกี่ยวกับอุยกูร์ก่อนหน้านี้ โดยรายงานถึงการโจมตีสถานทูตไทยในอิสตันบูลซึ่งจีนเรียกกลุ่มผู้ก่อเหตุเหล่านั้นว่า "Pan-Turkish" (ในขณะที่สื่อฯตุรกีเรียกว่า "โปร-อุยกูร์")

สื่อฯจีนรายงานว่า เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าผู้ที่หลบหนีออกนอกประเทศซึ่งถือสัญชาติตุรกี (Turkish citizens) เหล่านั้นส่วนมากแล้วเป็นพวกผู้อพยบอย่างผิดกฎหมายจากจีน เจ้าหน้าที่รัฐบาลตุรกีได้ให้การช่วยเหลือพวกเขาในการเปลี่ยนสัญชาติให้กับพวกเขา (ปัญหาก็มีอยู่ว่าแล้วรัฐบาลตุรกีไปให้สัญชาติชาวอุยกูร์ได้อย่างไร? ความเป็นไปได้อาจจะมีอยู่สองกรณีคือ 1.) ทำที่สถานทูตของตุรกีในจีนนั่นแหละ 2.) หรือทำที่ตุรกี คือให้พวกอุยกูร์เหล่านั้นเดินทางไปที่ตุรกีก่อน จากนั้นก็เปลี่ยนสัญชาติหรือถือหนังสือเดินทางสองใบทั้งของจีนและของตุรกี แล้วก็เดินทางกลับไปที่ซินเจียง แล้วก็ก่อเหตุ และหลบหนีออกมา นี่สำหรับผู้ที่มีคดีติดตัวมาด้วยนะ ไปที่ไหนไม่ไปดันมาที่เมืองไทย อ้างว่าจะเดินทางต่อไปที่มาเลย์เซีย แล้วสื่อฯบางสำนักก็ลงข่าวอีกว่ามีเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพื่อที่จะทำให้ไทยถูกมองอีกว่าในเรื่องนี้เป็นการค้ามนุษย์ แล้วเราก็จะถูกสหรัฐฯและอียูหาเรื่องแบนสินค้าและอื่นๆโดยยกเรื่องสิทธิมนุษยชนขึ้นมาตำหนิไทยอีก กรรม! นี่แหละถึงได้บอกว่าสื่อฯขี้หมาแห้ง มันพากันคิดแต่จะเล่นข่าวเอามันอย่างเดียว ไม่คิดว่าจะมีผลกระทบอะไรตามมากันบ้างเลยหรือไง? หรือว่าพวกนี้ต้องการให้เป็นอย่างนั้น?)

สื่อฯจีนรายงานต่ออีกว่า ไม่แปลกใจหรอกว่า "สหรัฐฯ" มีส่วนเกี่ยวข้องในข้อขัดแย้งนี้ด้วย การออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง "การละเมิดสิทธิมนุษยชน" ย้ำๆอยู่หลายครั้งนั้น การถกเถียงโต้แย้งกับพวกเขาเป็นเรื่องที่ "ไร้สาระ" (meaningless) (จริงป๊ะ สุเนียฯ? คริๆ)

พวกกลุ่มสิทธิมนุษยชนบางกลุ่มออกมา (ปล่อยข่าวลวง) กล่าวอ้างว่า ชาวอุยกูร์เหล่านั้นจะเผชิญกับการทรมาน หรือหายสาบสูญไปหลังจากที่ส่งตัวกลับไปที่จีนแล้ว (เขานึกว่าจีนเป็นเจ้าหน้าที่ซีไอเอของสหรัฐฯหรือไง? คิดว่าตัวเองทำชั่วได้แล้ว คนอื่นจะทำนิสัยอย่างนั้นเหมือนกับพวกตัวเองหรือไงนะ?) สื่อฯจีนกล่าวต่ออีกว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเรื่องน่าขบขัน จีนได้ทำลายการใช้กำลังบังคับในการให้รับสารภาพในสถานที่คุมขังแล้ว (จีนก็ยอมรับว่าเคยมีในอดีต แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว จะมีแต่ก็คุกลับของซีไอเอเท่านั้น อเมริกาพยายามที่จะปิดบังความชั่วของตนแล้วก็ป้ายสีจีนด้วยข้อหาเดียวกันซะนี่) มันเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทีจะเที่ยวไล่เตะ (ก้น) ผู้ต้องสงสัยทั่วไปในทุกๆเรื่อง (เอ๊ะจีนเขากำลังพูดถึงประเทศไหนหรือเปล่านะที่มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องความโหดร้ายของตำรวจหนะ (police brutality) ประเทศไหนนะที่มีการเหยียดผิวมากที่สุดในโลกตอนนี้?)

สื่อฯจีนกล่าวต่ออีกว่า "สิ่งที่น่าฉงนสงสัยมากที่สุดของตุรกีในวันนี้ก็คือ ความสัมพันธุระหว่างจีนกับตุรกีได้พัฒนามาเป็นอย่างดีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตุรกีกลายเป็นหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวจีน ตุรกียังคงเป็นจุดสำคัญในโครงการเส้นทางสายไหมเส้นใหม่ที่ริเริ่มโดยจีน แต่พวกขบวนการ pan-Turkism กำลังบ้าคลั่งป่าเถื่อน" (But pan-Turkism is running wild.) (ว้าวววว จีนไม่ได้ด่าอย่างเดียวนะ แต่ยังพยายามชี้ให้ตุรกีเปิดหูเปิดตาดูผลประโยชน์ร่วมกันด้วยว่ามีมูลค่ามากและคุ้มค่าขนาดไหน หรือจะบ่อนทำลายผลประโยชน์ของชาติตนเพียงเพราะหูเบาหลงเชื่อคำยุของผู้ที่วางแผนอยู่เบื้องหลังขบวนการ pan-Turkism คิดเอาเองนะท่านผู้นำตุรกี)


+ จีนออกหมัดสั่งสอนตุรกี แย้มว่าอุยกูร์บางคนมีประวัติร่วมมือกับผู้ก่อการร้ายและไอซิส
--------------
ตรงนี้สำคัญมาก... สื่อฯจีนรายงานต่ออีกว่า พวกผู้อพยพหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายจากซินเจียงบางคนมีประวัติว่ามีส่วนร่วมในกิจกรรมของพวกผู้ก่อการร้าย บางคนไปไกลยิ่งกว่านั้นอีกคือเข้าร่วมกับพวกไอซิสโดยผ่านตุรกี พวกผู้ก่อนการร้ายเหล่านั้นก็แอบเดินทางกลับเข้าไปที่จีนโดยอาศัยเส้นทางเดิม การตัดเส้นทางของพวกผู้ก่อการร้ายเหล่านั้นถือว่าเป็นการกระทำที่ถูกกฎหมายโดยจีนและไทย ซึ่งเกี่ยวข้องกับความมั่นคงระดับชาติของจีน เช่นเดียวกับการต่อต้านการก่อการร้ายสากล (โอ้ว! มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆซะแล้วนะนี่ จีนเขาแฉเองเลยนะ พวกแกล้งโลกสวยตาใสทั้งหลายจะรู้บ้างไหมหนอว่ามัจจุราชได้เดินทางมาเคาะประตูอยู่หน้าบ้านท่านแล้ว?)

จีนมองเรื่องนี้เกี่ยวกับการเมืองของตุรกีว่า "เพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง พวกนักการเมืองชาวตุรกีอาจจะสนับสนุนพวกหัวรุนแรงที่เข้าไปทำลายสถานกงศุลต่างประเทศ แต่ว่า หากไฟของกลุ่ม pan-Turkism ได้ถูกสุมขึ้นมาแล้ว ประเทศ (ตุรกี) เองนั้นแหละจะเป็นประเทศแรกที่จะถูกเผาไหม้ (ซะเอง)" (นี่จีนหวังดีนะถึงเตือนชาวตุรกีให้ได้รู้ถึงผลที่จะตามมาของการสนับสนุนพวกหัวรุนแรง)

สื่อฯจีนกล่าวถึงกรณีความร่วมมือระหว่างไทย-จีนเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "การจัดการกับปัญหาผู้อพยพยหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ตามระเบียบแบบแผนของจีนและไทย ได้กลายเป็นข้อขัดแย้งในการรายงานข่าวของบางสำนักข่าว แต่จีนและไทยก็ไม่ได้ทำอะไรผิดในกรณีนี้เลย พวกเราเข้าใจดีว่าทำไมสังคมตุรกี ถึงมีปัญหาในเรื่องนี้ จีนจะยังคงรักษาหลักการของตน ส่วนสหรัฐนและพวกที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายนั้น จีนจะไม่สนใจพวกเขา (China will just ignore them)" (ฮี่ๆๆ เด็ดขาดมากครับเฮียสี ก็รู้ๆกันอยู่ว่าพวกนี้ก็แค่รับจ็อบออกงานอีเว้นต์เท่านั้นเอง จีนทำรายงานเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในสหรัฐฯออกมา พวกนักสิทธิมนุษยชนจอมปลอมรับจ้างเหล่านั้นเคยรู้บ้างหรือไม่? จีนจวกสหรัฐฯหน้าแตกยับไปแล้วในเรื่องนี้ แต่สหรัฐฯก็ยังด้านได้อายอดงัดเรื่องสิทธิมนุษยชนมาโจมตีจีนหวังจะกลบเกลื่อนกลิ่นโชยอันเน่าเฟะในประเทศตัวเอง ที่พูดมานี้จริงนะ เคยลงข่าวให้อ่านแล้วด้วย อเมริกาพูดไม่ออกซักคำ)


+ กระทรวงต่างประเทศจีนออกหน้าป้องไทย "กรุงปักกิ่งไม่ให้ความสนใจผู้ประท้วงเกี่ยวกับการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีน"
--------------
ขอต่อให้อีกซักข่าวนะครับ เมื่อวันที่ 11 ก.ค.58 ที่ผ่านมาสำนักข่าว China Daily อ้างจากสำนักข่าว Xinhua ว่าเจ้ Hua Chunying โฆษกหญิงกระทรวงต่างประเทศของจีนแถลงข่าวว่า "พลเมืองชนกลุ่มน้อยชาวจีนที่ถูกส่งตัวกลับมาเหล่านี้เป็นพวกผู้อพยพหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งได้เดินทางไปอาศัยอยู่ในประเทศไทยในหลายช่องทางด้วยกัน พวกหลบหนีเข้าเมืองเหล่านี้ใช้หนังสือเดินทางปลอม ละเมิดกฎหมายและฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศในการเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศ"

ก.ต่างประเทศของจีนออกแถลงการณ์หลังจากที่บางประเทศ ซึ่งรวมทั้งสหรัฐฯ ตุรกี ออกมาแสดงความกังวลของ UNHCR (เจ้าพ่อขบวนการค้ามนุษย์?) ต่อกรณีที่ไทยส่งตัวชาวอุยกูร์บางคนที่มีประวัติและเป็นพลเมืองของจีนกลับไปที่จีน เจ้หัวกล่าวว่า "รัฐบาลบางประเทศได้เพิกเฉยต่อข้อเท็จจริงและให้สถานะแก่ผู้อพยพผิดกฎหมายเหล่านี้ว่าเป็น 'ผู้ลี้ภัย' (refugees) อย่างผิดๆ วิพากษ์วิจารณ์การบังคับใช้กฎหมายความร่วมมือระหว่างจีนและประเทศไทยและดึงเข้าสู่ปัญหาเรื่องการเมือง ประเทศเหล่านั้นแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ในกรณีหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย (illegal immigration) และการลักลอบเข้าเมือง และการละเมิดสนธิสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นอันตรายต่อความพยายามในความร่วมมือทั่วโลกในการต่อสู้กับการอพยพผิดกฎหมาย เรา จะ ไม่ ยอมรับ สิ่ง นั้น เด็ดขาด! (We will never accept it)" (ชัดเจนมากครับเจ้หัว)

Hua Chunying ออกมาประณามการทำร้ายพลเมืองของจีนและสถานทูตของไทยเมื่อเร็วๆนี้ในตุรกี ซึ่งเนื่องมาจากการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีนว่า "เราให้ความสำคัญในคำสัญญาของรัฐบาลตุรกีเป็นอย่างมากที่จะไม่อนุญาตให้ผู้ใดมีส่วนร่วมในกิจกรรมก่อวินาศกรรมที่เป็นผลประโยชน์ของจีนในดินแดนของตุรกี และจีนขอเรียกร้องให้ตุรกีใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องความปลอดภัยและสิทธิความชอบธรรมทางกฎหมายของสถานทูตและส่วนบุคคลของจีน และประเทศอื่นๆที่เกี่ยวข้อง" (เรื่องนี้เราเป็นผู้น้อย ไม่มีกำลังที่จะไปงัดกับสหรัฐฯ และก็ไม่ใช่ปัญหาของเราโดยตรง เราต้องขอให้จีนออกหน้าจวกทั้งสหรัฐฯและตุรกีแทน ในขณะเดียวกันจีนก็พร้อมที่จะปกป้องไทยเต็มที่ เมื่อไทยถูกรังแก มันแหย่จีนไม่ได้ก็มาหาเรืื่องเรากระทบชิ่งไปที่จีน ถ้าจีนไม่ทำอะไรในกรณีนี้ จีนก็อาจจะเสียผลประโยชน์และมิตรที่ดีซึ่งก็คือไทยไปได้ ดังนั้นจีนจึงไม่อาจปล่อยให้อันธพาลโลกมาหาเรื่องไทยได้ง่ายๆ)


Hua Chunying กล่าวต่ออีกว่า "จีนประท้วงกองกำลังบางฝ่ายที่พยายามจะแทรกแซงกิจการภายในของจีนผ่านทางกลุ่มชาติพันธุ์และประเด็นทางศาสนา และบ่อนทำลายความมั่นคงและเสถียรภาพของจีน ความพยามเหล่านี้ล้มเหลวไม่เป็นท่า (These attempts are doomed to failure)"

นาย Dong Manyuan นักวิจัยประจำสถาบันการศึกษาระหว่างประเทศของจีน (China Institute of International Studies) ออกมาพูดปกป้องไทยว่า "การส่งตัวชาวอุยกูร์ที่หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายกลับจีนนั้นแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยได้ใช้สิทธิ์อำนาจอธิปไตยของตนตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายของประเทศไทย ประชาคมนานาชาติควรจะเคารพในการตัดสินใจของไทยด้วย!"

ต้องงี้ดิ แบบนี้จะไม่ให้รักเฮียสีได้อย่างไรหละครับ ส่วนอเมริกาหนะหรือ? เคยเห็นเขาออกมาชมไทยซักอย่างบ้างหรือเปล่าตั้งแต่มีรัฐบาลนี้มา? มีแต่คอยจะหาเรื่องกลั่นแกล้งสนับสนุนพวกขายชาติบ่อนทำลายประเทศไทยสิไม่ว่า จริงๆแล้วไทยเราก็เป็นงานอยู่นะ ไม่ต้องออกหน้าให้โผงผางมาก กระซิบบอกเฮียก็พอว่า เนี่ย! ช่วยพูดแบบนี้ตามจดหมายน้อยนี้ให้หน่อยได้ไหมครับเฮียสี? แล้วจีนก็จัดให้... ไม่ผิดหวังครับ ติ่งอเมริกาดิ้นแล้ว!


The Eyes
12/07/2558
----------