PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ผลเลือกตั้งต้นปีหน้า “ตอบโจทย์” พ้นกับดักวิกฤติ : ไม่ปรับค่านิยม แพ้ทั้งประเทศ

ผลเลือกตั้งต้นปีหน้า “ตอบโจทย์” พ้นกับดักวิกฤติ : ไม่ปรับค่านิยม แพ้ทั้งประเทศ



ปรากฏการณ์น้ำยังอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง
อิทธิพลจากพายุเบบินคาและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำฝนตกหนัก ปริมาณน้ำล้นเขื่อนแก่งกระจานไหลเข้าท่วมตัวเมืองเพชรบุรี น้ำล้นสปิลเวย์เขื่อนวชิราลงกรณ จ่อท่วมกาญจนบุรี ภาคเหนือจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ เจอน้ำป่าซัดถนนขาด หลายจังหวัดภาคอีสานต้องเผชิญภาวะแม่น้ำโขงล้นตลิ่ง
ประชาชนต้องขนของหนีน้ำท่วมอ่วมกันไปทุกภาค
เป็นภารกิจฉุกเฉินเฉพาะหน้าที่รัฐบาลภายใต้การนำของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ต้องระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วนในการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย
รวมถึงการเตรียมรับความเสียหายทางเศรษฐกิจที่จะตามมาจากผลของภัยธรรมชาติ
ตัดฉากไปที่บรรยากาศทางการเมือง ตามท้องเรื่องที่ “5 เสือ” คณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหม่ โชว์ “ตุ๊กตา” กำหนดปฏิทินเลือกตั้งแบบลงวัน ว. เวลา น.
ล็อกคิวเข้าคูหากาบัตรในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562
ยกระดับความชัดเจนขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง ถึงแม้จะมีเสียงจากฝ่ายความมั่นคง คสช.ออกมาแจกแจงเพิ่มเติมการโชว์ปฏิทินเลือกตั้งของ กกต.ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมด้วย
โดยเฉพาะประเทศต้องสงบถึงจะปล่อยไฟเขียวได้
อย่างไรก็ตาม ประเมินจากท่าที พล.อ.ประยุทธ์ ที่แบะท่าพร้อมใช้อำนาจหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 แก้ข้อกฎหมายเกี่ยวกับการทำไพรมารีโหวตเพื่อให้ทันการเลือกตั้ง
ส่งมาเมื่อไหร่พร้อมเซ็นให้ทันที
รวมถึงการปลดล็อกคำสั่ง คสช.เพื่อให้พรรคการเมืองเคลื่อนไหวทำกิจกรรมได้ ที่ล่าสุดนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ได้เปิด 6 ประเด็นที่ คสช.จะผ่อนกฎเหล็ก
1.พรรคการเมืองจัดประชุมใหญ่เพื่อรับสมัครสมาชิกเพิ่มเติมได้ 2.ให้ความเห็นเรื่องแบ่งเขตเลือกตั้งได้ 3.ดำเนินการเกี่ยวกับไพรมารีโหวตได้ 4.ตั้งกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ 5.ติดต่อประสานงานกับสมาชิกพรรคได้
ส่วนข้อสุดท้าย “เนติบริกร” ยัง “กั๊ก” ไว้เป็นปริศนา
ขณะที่ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการ คสช. ยืนยันทุกอย่างจะชัดเจนในเดือนกันยายน ตามเงื่อนไขเวลาที่ล้อกันพอดีกับจังหวะที่ พล.อ.ประยุทธ์นัดประกาศความชัดเจน
เฉลยเส้นทางการ “ตีตั๋วต่อ” ในเกมเลือกตั้ง
ทั้งหมดทั้งปวง โดยท่าทีของหัวหน้า คสช.ในการแก้ปมไพรมารีโหวต เงื่อนเวลาปลดล็อกการเมือง ประกอบกับการโชว์ตุ๊กตาของ กกต.
มันล้วนอยู่ในโหมดของการเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง
ในจังหวะที่นักการเมืองอาชีพทุกป้อมค่ายรีบชิงแห่ “ตุ๊กตา” ของ กกต.กดดันมัดคอ คสช. พร้อมๆกับขยับออกสตาร์ตกันล่วงหน้า
ตามกระแสข่าววงในบรรดาป้อมค่ายเก่ากำลัง “ก่อเตา” ปะทุศึกภายใน
โฟกัสไปที่พรรคเพื่อไทย ศึกชิง “นอมินีภาค 3”
ตามท้องเรื่อง “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ยังลุ้นธงของ “นายหญิง” บ้านจันทร์ส่องหล้า ไปวัดกำลังกับทีมน้องสาวของ “นายใหญ่” ดูไบ
เดิมพันการดำรงอยู่ของตระกูลชินและยี่ห้อ “ทักษิณ ชินวัตร”
ขณะที่ฝั่งประชาธิปัตย์ ก็จ่อระเบิดศึกโค่นเก้าอี้ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ที่กลายเป็นปมปัญหา “ดีลอำนาจ” ตามบทบาทการแสดงจุดยืนที่เสี่ยงตกขบวนอำนาจ
พลาดโอกาสทองตามสถานะ “ตัวแปร” สำคัญ
อีกจุดที่เคลื่อนตัวแรงแบบเงียบๆก็คือค่ายภูมิใจไทย ตามสถานการณ์ที่ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เดินสายจีบอดีต ส.ส.ในภาคอีสาน ทาบทามอดีต ส.ส.ภาคกลาง
โชว์พลังเจ้าสัว “ปั๊ม” ยี่ห้อซิโนไทย หนีเงาของ “เนวิน ชิดชอบ”
ปั่นตัวเลขเป็น “แต้มต่อรอง” กับการเกาะขบวนไปต่อกับ “นายกฯลุงตู่” หรือจับพลัดจับผลูมองไปได้ถึงการเป็น “ตาอยู่” ในสถานการณ์ที่ “หิมะถล่ม” แบบที่ “นายใหญ่” ฟันธงพรรคเพื่อไทยชนะแบบแลนด์สไลด์
ยี่ห้อเดิม พรรคเก่า มีต้นทุนหน้าตักแล้ว
ขณะที่ป้อมค่ายใหม่ จุดไฮไลต์คือพรรคอนาคตใหม่ที่หวือหวาในช่วงออกตัวแรกๆ ตามยุทธศาสตร์การตลาด “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ถอดแบบโมเดลมาจากยุคไทยรักไทย “ทักษิณตาดูดาวเท้าติดดิน” โดนใจคนรุ่นใหม่
กดไลค์ กดแชร์กันวูบวาบ โพลคะแนนขึ้นมาติดอันดับต้นๆ
แต่พักหลังเงียบไป ตามจังหวะการเคลื่อนไหวที่ไปติดเงี่ยงกฎหมาย โดยเฉพาะการใช้จุดแข็งสไตล์คนรุ่นใหม่ในโลกโซเชียลมีเดีย ส่อโดนคดีจากการไลฟ์สดโจมตี คสช.
ประกอบกับภาพเชิงซ้อนเป็นค่ายสำรองของ “ทักษิณ” ผนวกกับ “จุดดำ” ที่ “ไพร่หมื่นล้าน” สลัดไม่หลุดคือภาพของนิติราษฎร์ หมิ่นเหม่ ม.112
ทำให้ความร้อนแรงของ “ธนาธร” ลดลงตามแรงเสียดทาน
และตามสถานการณ์ พรรคที่โดนล็อกเป้าจับตามากที่สุดหนีไม่พ้นค่าย “พลังประชารัฐ”
ภายใต้ปรากฏการณ์แบบที่ยังไม่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่คนครึ่งค่อนประเทศเข้าใจตรงกันหมดแล้ว พรรคชื่อพ้องกับโครงการยุทธศาสตร์ของรัฐบาล “ลุงตู่”
คือพรรคหลักที่เป็นฐานสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่อหลังเลือกตั้ง
ตามจังหวะการขับเคลื่อนจึงตกเป็นเป้าสายตา โดยเฉพาะสถานการณ์ภายใต้การขับเคลื่อนของกลุ่มสามมิตร ที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา ที่ประกาศชัดสนับสนุน “นายกฯลุงตู่” เป็นผู้นำต่ออีกสมัย
พร้อมกับการเดินสายรวบรวมกำลังพลอดีตผู้แทนราษฎรชื่อดัง ระดับแกนนำเกรดเอในจังหวัดภาคอีสาน ไม่เว้นแม้แต่การดึงแกนนำมวลชนเสื้อแดง นปช.มาเป็นแนวร่วม
ท่ามกลางเสียงโวยวายของนักการเมือง พรรคเพื่อไทย ค่ายประชาธิปัตย์ ยี่ห้อภูมิใจไทย ฯลฯ
ประจานดักทางยุทธการ “ดูด” ดักคอพรรคหนุนทหาร
ลามถึง คสช.โดนโจมตีว่า ให้ท้ายกลุ่มสามมิตร แต่ปิดกั้นโอกาสค่ายการเมืองอื่น
โดนย้อนศรย้อนคอหอย ทีม “ลุงตู่” กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนกัน
ทั้งนี้ทั้งนั้น จากท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ฝ่ายความมั่นคง คสช. จังหวะการขยับของป้อมค่ายการเมือง ทั้งพรรคเก่า พรรคใหม่ ที่ล้อกับการเปิดตุ๊กตาเลือกตั้งลงวัน ว. เวลา น. ของ กกต.ชุดใหม่
เร้ากระแสโหมดเลือกตั้งกระชั้นเข้ามาทุกที
มันล้วนแล้วแต่เกี่ยวโยงโดยตรงกับเกมอำนาจหลังเลือกตั้ง
ตามรูปการณ์ต่างฝ่ายต่างแพ้ไม่ได้
แน่นอน การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญใหม่ที่บังคับใช้มาเกือบ 2 ปี ย่อมมีความสำคัญ
แต่นั่นไม่ยังสำคัญเท่ากับผลการเลือกตั้งที่ออกมา
เพราะมันคือเดิมพันอันยิ่งใหญ่ ที่ไม่ใช่เดิมพันของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่เดิมพันของ “ทักษิณ” ไม่ใช่เดิมพันของพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เดิมพันของพรรคพลังประชารัฐ
ไม่ใช่เดิมพันของทหาร ไม่ใช่เดิมพันของนักการเมือง
แต่มันคือเดิมพันของประเทศชาติและประชาชนคนไทย
ผลเลือกตั้งที่ออกมาจะเป็นคำตอบว่า การเมืองไทยจะพ้นปากเหววิกฤติขัดแย้งหรือไม่
กับรูปการณ์ที่ยังนัวเนียๆ วนอยู่กับวงจรอุบาทว์เก่าๆ
นักการเมืองน้ำเน่า ยังมีราคาค่างวด ประชาชนคนต่างจังหวัดยังถูกผูกไว้กับผู้นำท้องถิ่น ระบบหัวคะแนนที่โน้มน้าวจนถึงการใช้อำนาจสั่งให้เลือกผู้สมัคร ส.ส.ที่ซื้อเสียง ใช้อามิสสินจ้าง
นโยบาย “เสี่ยสั่งลุย” ลด แลก แจกแถมฟรี ยังมีผลต่อคะแนนเสียง
ผู้แทนฯวนอยู่กับนักการเมืองหน้าเดิมๆ ตระกูลเก่าๆ
นั่นเท่ากับเปิดทางพวกที่เคยก่อวิกฤติ กลับมาก่อม็อบตีกันลากการเมืองลงเหวซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ประเทศไทยเสียเวลา “เว้นวรรค” ประชาธิปไตยจากการเลือกตั้งมา 4–5 ปี รัฐบาล คสช.ภายใต้การนำของ “ลุงตู่” ที่ใช้อำนาจพิเศษสะกดไฟความขัดแย้ง ทำบ้านเมืองสงบพักใหญ่
สุดท้ายปฏิวัติเสียของซ้ำซาก
การเดินหน้าพัฒนาการเศรษฐกิจจากติดลบขึ้นมาติดลมบน โจทย์โคตรยากที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ ปักหมุดผุดสารพัดเมกะโปรเจกต์ ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ ปริมณฑล วางโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ปั้นไทยแลนด์ 4.0 รองรับระบบเศรษฐกิจโลก
ดันตัวเลขจีดีพี การส่งออก ความมั่นใจนักลงทุนที่ฟื้นกลับมา
มีหวังเจอวิกฤติการเมืองฉุดลงเหวพังหมด
เรื่องของเรื่อง อนาคตก็อยู่ที่ประชาชนคนไทยกำหนดเอง ถ้าไม่ปรับค่านิยมในการเลือกตั้ง
แพ้กันทั้งประเทศ โทษใครไม่ได้เลย.
“ทีมการเมือง”

ชัวร์แล้วเลยสั่งลุย!

ชัวร์แล้วเลยสั่งลุย!



ช็อตแก้ไขเร่งด่วนที่ยังไว้วางใจสถานการณ์ไม่ได้
วิกฤติน้ำท่วมระลอก 2 มวลน้ำเขื่อนแก่งกระจานล้นสปิลเวย์ทะลักท่วมหลายพื้นที่ จ.เพชรบุรี
ชาวบ้านต้องเร่งเก็บข้าวของกันโกลาหล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมเครื่องสูบน้ำเร่งระบายน้ำ ไม่ให้พื้นที่ชุมชนและเศรษฐกิจได้รับผลกระทบ
เช่นเดียวกับพื้นที่ภาคอีสาน ภาคใต้ที่เจออิทธิฤทธิ์ลมฟ้าอากาศเล่นงานอ่วมหลายจังหวัด
หลายพื้นที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ยังต้องลุ้นภาวะฝนฟ้าที่จะพัดผ่านละแวกประเทศไทยช่วงสัปดาห์นี้ ซ้ำเติมสถานการณ์ให้น่าห่วงขึ้น ตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา
ถือเป็นบททดสอบฝีมือบริหารจัดการน้ำของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.จะเอาอยู่หรือไม่
“บิ๊กตู่” เจอด่านทดสอบต่อเนื่อง หลังจากเพิ่งเก็บคะแนนจากการลงพื้นที่ ครม.สัญจร จ.ชุมพร-ระนอง
ปล่อยของเปิดตัวโปรเจกต์ยักษ์ “ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้” หรือเอสอีซี เชื่อมโยงระบบขนส่งฝั่งอันดามันกับอ่าวไทย
บูมเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)
เจาะฐานภาคใต้จนเจ้าถิ่นนั่งไม่ติด ประโยคเก้าอี้ ส.ส.ภาคใต้เป็นของตาย “ประชาธิปัตย์” ชักไม่แน่เสมอไปในสถานการณ์เวลานี้
“บิ๊กตู่” เก็บแต้มต่อเนื่อง เร่งแก้ความเดือดร้อนเฉพาะหน้าชาวบ้าน และวางรากฐานเศรษฐกิจระยะยาว
ในห้วงที่การเลือกตั้งมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงเอะอะเรื่องยื้อโรดแม็ปเบาลง
ตามปรากฏการณ์ที่ยาสามัญประจำบ้าน มาตรา 44 กำลังจะถูกหยิบออกมาผ่าทางตัน
ให้ผ่อนปรนกฎเหล็กทางการเมือง อาทิ การอนุญาตให้พรรคการเมืองจัดประชุมใหญ่
หาสมาชิกพรรคเพิ่มเติม การตั้งกรรมการสรรหาผู้สมัคร การติดต่อกับสมาชิกพรรค
และไฟเขียวให้ฝ่ายการเมืองดำเนินกระบวนการไพรมารีโหวต โดยคลายล็อกเงื่อนไขให้ทำได้ง่ายขึ้น
การปล่อยผีนักการเมืองเริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างค่อนข้างชัดเจน เดือน ก.ย.นี้ นักเลือกตั้งจะได้เริ่มขยับแข้ง ขยับขา ดำเนินกิจกรรมการเมืองบางอย่างได้
สะท้อนท่าทีท็อปบูตมีความแน่วแน่ พร้อมคืนสนามประชาธิปไตย
สอดประสานไปทางเดียวกับ “สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย” รองประธาน สนช. ที่เด้งรับพร้อมแก้กฎหมายลูกที่เกี่ยวข้อง 3 วาระรวด หากมีการเสนอมา
แม่น้ำทุกสายไหลไปทิศทางเดียวกัน สนับสนุนให้การเลือกตั้งเคลื่อนไปตามโรดแม็ป
ร่วมกันตอกย้ำ หากไม่มีเหตุสุดวิสัยจริงๆ ปฏิทินการเลือกตั้งไม่มีการขยับออกไปอีกแน่
เพราะ ณ นาทีนี้ “บิ๊กตู่” มั่นใจคะแนนนิยมไม่เป็นสองรองใคร ลงสนามเลือกตั้งเมื่อไร มีโอกาสสูงได้รับการต่อตั๋วให้เป็นผู้นำต่ออีกสมัย
แม้จะมีกระแสข่าวป้อมค่ายที่สนับสนุน “ลุงตู่” มีปัญหาน้ำเลี้ยงออกไม่ค่อยเต็มเม็ดเต็มหน่วย
แต่ระดับ “ลุงตู่” ที่เรียนรู้ ทำความเข้าใจเงื่อนไขทางการเมืองได้เร็ว เมื่อถึงเวลาจริงๆ บรรดาทีมงานน่าจะจูนเครื่องกันติด หัวจ่ายทำงานไหลลื่น
อย่างน้อยก็ช่วยให้ทหารเรียนรู้ประสบการณ์ แม้ยิงปืนแม่นในสนามรบ แต่ในสนามเลือกตั้งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
โจทย์ใหญ่เรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ยากกว่านี้หลายเท่าก็ยังทำมาแล้ว คงไม่ตายน้ำตื้นด้วยเรื่องพวกนี้
ผิดกับสองขั้วใหญ่ “เพื่อไทย–ประชาธิปัตย์” ที่เรตติ้งดร็อปลง มีปัญหาภายใน เตะตัดขาแย่งเก้าอี้ผู้นำพรรคกันไม่เลิก
โดยเฉพาะฝั่งพรรคเพื่อไทยที่กำลังถูก กกต.เพ่งเล็งกรณีลูกทีมบินไปรับออเดอร์ ฟังคำสั่งนายใหญ่ในต่างแดน หมิ่นเหม่เข้าข่ายให้คนนอกแทรกแซงการบริหารจัดการภายในพรรค
และยังมีกรณีจุดกระแสแนวทางเศรษฐกิจ “ทักษิโณมิกส์” เวอร์ชันใหม่ ของ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ที่เชื่อได้เลยจะถูกล่อเป้าจ้องเอาผิดแน่
ส่วนพรรคดาวรุ่งอย่าง “อนาคตใหม่” หัวหน้าพรรค ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ถูกคาดโทษ เจอดำเนินคดีไลฟ์สดพาดพิงให้ร้าย คสช.ในทางเสียหายเรื่องพลังดูด
ขืนทะเล่อทะล่า พลาดท่าเสียทีขึ้นมา มีสิทธิถูกจับแพ้ฟาวล์ตั้งแต่ก่อนลงสนาม
เผลอๆงาน “ลุงตู่” อาจง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะ.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน

ยังไม่ให้หาเสียง คสช.เล็ง คลายล็อก-6 ปม

ยังไม่ให้หาเสียง คสช.เล็ง คลายล็อก-6 ปม



แต่ยัง ‘อุบไต๋’ ไม่บอกเมื่อไหร่ พท.แถลงให้ปลดล็อกสิ้นเชิง ‘มาร์ค’ จวก คสช.ฝืนธรรมชาติ
“วิษณุ” เผยหารือ คสช.แล้วเล็งงัด ม.44 คลายล็อก 6 ปม ให้พรรคการเมืองจัดประชุม หาสมาชิก ทำไพรมารี แต่ไม่เปิดช่องหาเสียง ยังอุบไต๋ไม่บอกคลายล็อกเมื่อไหร่ ผบ.ทบ.เผยประชุม คสช.ครั้งหน้าจะคุยเรื่องนี้ คลายล็อกเป็นห้วงๆ เพื่อคุมสถานการณ์ พท.ร่อนแถลงการณ์จี้คลายล็อกให้หมดสิ้น ยึกยักหลายขยักหวั่นเวลาไม่พอ “มาร์ค” ฉะ คสช.ฝืนธรรมชาติไม่ปลดล็อก เลยไม่มีอะไรแน่นอนเสียที กกต.ย้ำไร้อำนาจสแกนกลุ่มการเมือง “สามมิตร” ตอก “เฉลิม” เลือกเพื่อไทยได้ รมต. “วัน อยู่บำรุง” อนาคตใหม่ยังห้าวเดินหน้าท้าชน คสช. รมว.พลังงานลุยไทยนิยม ขับเคลื่อนชุมชนใช้พลังงานทดแทน ป.ป.ช.ปลุกคนไทยไม่ทนทุจริต รัฐบาลตั้งธงเพิ่มค่า CPI “วัชรพล” พร้อมรับผิดชอบหากพลาดเป้า
กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ระบุพร้อมใช้มาตรา 44 แก้ปัญหาในการทำไพรมารีโหวต ซึ่งเป็นเรื่องใหม่สำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น จึงอาจทำให้บรรดาพรรคการเมืองต่างๆเตรียมตัวไม่ทัน ล่าสุด นายวิษณุ เครืองาม ออกมาเผยถึงการเตรียมคลายล็อกด้วยมาตรา 44 ให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมได้บางส่วน

“วิษณุ” เผยใช้ ม. 44 คลายล็อก 6 ปม

เมื่อวันที่ 23 ส.ค. เวลา 10.30 น. ที่โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทาราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าการเตรียมคลายล็อกให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมต่างๆ ว่า เรื่องนี้ คสช.คุยกันมาระยะหนึ่งแล้ว ต้องการให้ 1.พรรคการเมืองจัดประชุมใหญ่ เพื่อรับสมัครสมาชิกเพิ่มเติมได้ 2.ให้ความเห็นเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งได้ 3.ดำเนินการเกี่ยวกับไพรมารีโหวตได้ 4.ตั้งกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ 5.ติดต่อประสานงานกับสมาชิกได้ 6.จำไม่ได้ แต่ไม่ใช่การหาเสียงเลือกตั้ง เรื่องการคลายล็อก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. จะใช้อำนาจตามมาตรา 44 เปิดทางให้ดำเนินการได้ ซึ่งไม่เห็นเป็นประเด็นอะไร เพราะคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 เปรียบเหมือนกฎหมาย การจะปรับเปลี่ยนคำสั่งนี้จะต้องออกกฎหมาย โดยมาตรา 44 แต่ไม่ทราบว่า คสช.จะออกคำสั่งได้เมื่อใด ส่วนการทำไพรมารีโหวตนั้น รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนด เพราะกำหนดเพียงให้รับฟังความเห็นของสมาชิกพรรคในการเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งมีหลายวิธีการแต่ไม่ขอบอกว่าจะเสนอให้ คสช.เลือกรูปแบบใดแต่จะบอกถึงข้อดี ข้อเสีย ทุกรูปแบบ

ยังอุบไต๋ไม่บอกเวลาเมื่อไหร่

นายวิษณุกล่าวว่า การจะเสนอให้ คสช.คลายล็อกได้เมื่อใด คงไม่พูด เพราะจะก่อให้เกิดการคาดการณ์ สับสน ขยายผล วิจารณ์ด่ากันไปก่อน ทำให้ทุกอย่างไขว้เขวไปหมด ส่วนที่นายกฯ ระบุพร้อมเซ็นเมื่อมีการเสนอมานั้น หมายถึงพร้อมเซ็นเมื่อมีการพิจารณาแล้วเสร็จ โดยต้องเข้ามาพิจารณาในที่ประชุม คสช.ก่อนจะปรับปรุง และยื่นให้หัวหน้า คสช.เซ็นอย่างไร ก็ตามเมื่อทำไพรมารีโหวตเสร็จ พรรคการเมืองก็ยังหาเสียงเลือกตั้งไม่ได้ การหาเสียงจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง แต่พรรคการ เมืองจะลงพื้นที่พบปะประชาชน หลังทำไพรมารีโหวตได้หรือไม่นั้น ต้องถาม กกต. ส่วนที่ กกต.ระบุเบื้องต้นจะจัดการเลือกตั้งได้วันที่ 24 ก.พ.62 เป็นสมมติฐานของ กกต. คิดว่าไม่มีปัญหาเรื่องระยะเวลาเพราะสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี มีเวลาเตรียมตัวเลือกตั้งแค่ 20 วัน ทั้งนี้การหาเสียงสั้น บางคนอาจรู้สึกว่าเสียเปรียบ แต่บางพรรคอาจชอบใจ เหมือนที่หนังสือพิมพ์เขียนวันนี้ว่า ทุกพรรคอยากให้การเลือกตั้งสั้น เพราะจะได้จ่ายเงินน้อย แต่ยังขาดการสร้างความรู้ความเข้าใจ การตัดสินใจเลือกนโยบายพรรค ทางที่ดีที่สุดคือ เอาให้พอดี อย่าง 20 วันสั้นเกินไป 90 วันก็ยาวเกินไป

ถก คสช.นัดหน้าคุยคลายล็อก

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. กล่าวถึงการคลายล็อกให้พรรค การเมืองทำกิจกรรม คาดว่าการประชุม คสช.ครั้งต่อไปจะหารือเรื่องนี้ โดยคลายล็อกเป็นห้วงๆ ดูว่าอะไรทำได้บ้าง เพื่อควบคุมสถานการณ์ได้

แจงชาวโลกกำหนดการเลือกตั้ง

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ที่อยู่ระหว่างเดินทางเยือนเยอรมนีอย่างเป็นทางการ ให้สัมภาษณ์หลังหารือกับนายไฮโค มาส รมว.ต่างประเทศเยอรมนีว่า เยอรมนีสอบถามถึงเรื่องกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.ปีหน้า ตนได้ชี้แจงไปว่าเป็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหม่พูดกัน แต่จะเกิดความชัดเจนหลังจาก พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.แล้วเสร็จ โดยทางเยอรมนีฟังแล้วไม่ได้ถามอะไรต่อ แค่บอกว่าเขาหวังว่าจะมีการเลือกตั้งตามโรดแม็ปที่ได้ประกาศไว้ ทั้งนี้ได้บอกกับ รมว.ต่างประเทศเยอรมนีว่าถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะเดินทางมาเยือนไทย เพื่อที่จะได้มาเห็นด้วยตาตนเองว่าสถานการณ์ในประเทศไทยไม่ได้เป็นอย่างที่คิดกัน ไม่ได้มีบรรยากาศตึงเครียดเช่นประเทศที่มีการปฏิวัติ ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ

พท.จี้ปลดล็อกให้หมดอย่ายึกยัก

วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์เรื่อง เรียกร้องให้ปลดล็อกการเมืองโดยสิ้นเชิงเพื่อเปิดทางสู่การเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรม เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้กล่าวหลายครั้ง ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า การเลือกตั้งจะมีขึ้นใน ก.พ.2562 นี้ ถ้าบ้านเมืองสงบ โดยที่รัฐบาลและ คสช. ได้ยืนยันเองหลายครั้งว่าประสบความสำเร็จในการทำให้ประเทศสงบมาตั้งแต่ยึดอำนาจจึงไม่อาจอ้างความไม่สงบเพื่อเป็นเหตุในการเลื่อนการเลือกตั้งได้อีก ขณะนี้จะย่างเข้าปีที่ 5 แต่ประชาชนยังไม่มีสิทธิเลือกตัวแทนไปบริหารประเทศ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและ คสช. ยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน และคำสั่งที่ 57/2557 ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมือง ยกเลิกเงื่อนไขและข้อห้ามอื่นใด ตามคำสั่ง คสช. ที่ 53/2560 ทั้งนี้ ควรยกเลิกโดยสิ้นเชิงเบ็ดเสร็จ ไม่ใช่เพียงคลายล็อก โดยพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แถลงว่าจะมีการปลดล็อกเป็นสองช่วง

เงื่อนไขยิบย่อยเวลาจัดการไม่พอ

แถลงการณ์ระบุด้วยว่า พรรคมีเหตุผลดังนี้ 1.พรรคการเมืองต้องใช้เวลาในการจัดทำนโยบายรวมถึงจำเป็นต้องศึกษาว่านโยบายที่จะประกาศใช้นั้นเป็นไปตามเงื่อนไขข้อจำกัดที่ คสช. ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างยิบย่อยมากมายหรือไม่ ซึ่งต้องใช้เวลาทั้งสิ้น และเวลาเพียง 6 เดือนไม่เพียงพอ 2.ต้องใช้เวลาหาสมาชิกใหม่ และจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองใหม่ เนื่องจากสาขาเก่าต้องยุบไปตามคำสั่ง คสช.ประชุมพรรค เลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค และการจัดทำไพรมารี 3.การเลือกตั้งทุกกลุ่มทุกพรรคต้องอยู่ภายใต้กติกาเดียวกันไม่ให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เปรียบ ดังนั้นจึงควรให้ทุกพรรค การเมืองได้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติหรือแบ่งแยกเป็นพรรคเก่า พรรคใหม่ 4.การปลดล็อกทางการเมือง และความชัดเจนของการเลือกตั้ง จะสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน จึงควรใช้โอกาสนี้สร้างความเชื่อมั่นให้กับการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยยึดถือประโยชน์ของชาติมาก่อนประโยชน์ของพรรค ไม่ได้เรียกร้องเพื่อประโยชน์ของนักการเมือง แต่จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศและให้การเลือกตั้งเสรี เป็นธรรมและน่าเชื่อถือ

“อภิสิทธิ์” จวก คสช.ฝืนธรรมชาติ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การกำหนดวันเลือกตั้ง 24 ก.พ.62 หรืออย่างช้า 5 พ.ค.62 ถือว่าชัดในเบื้องต้น ซึ่งก็ต้องว่าไปตามกระบวนการตามธรรมชาติ แต่สิ่งที่ไม่เป็นธรรมชาติอยู่ในขณะนี้คือ การที่พรรคการเมืองไม่สามารถดำเนินการตามเงื่อนไขของกฎหมายต่างๆ เพื่อปูทางไปสู่การเลือกตั้งได้ ที่ผ่านมาพรรคการเมือง รวมทั้ง กกต. ต้องทำงานบนสมมติฐานว่ากฎหมายที่รัฐบาลผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออกมา จะทำไพรมารีโหวตอย่างไร แต่มาวันนี้ไม่ได้มีการปลดล็อกพรรคการเมือง แล้วรัฐบาลและ คสช.ก็กำลังจะคิดเอาเองว่าจะต้องแก้ไพรมารีโหวตอย่างไร แล้วไม่ได้บอกให้ใครรู้ สันนิษฐานว่าเดี๋ยวจะแก้กฎหมายอีก แล้วตนก็ต้องมานั่งเปลี่ยนแผนอีก จริงๆแล้วการปูทางเพื่อให้เกิดความราบรื่นที่สุด คือ ทำอย่างไรให้ กกต.สามารถเร่งแบ่งเขตเลือกตั้งได้ เพราะจะเป็นตัวบ่งบอกถึงการเตรียมการสำหรับไพรมารี การหาสมาชิก สาขาพรรค ที่จะมาจัดการเรื่องไพรมารี ถ้ายังไม่ยอมที่จะคลายล็อกให้พรรคการเมือง สิ่งแรกที่ต้องทำคือเร่งให้มีความชัดเจนเรื่องเขตการเลือกตั้ง ถ้าตรงนี้ชัดเจนแล้ว อย่างอื่นก็ปฏิบัติกันได้

กกต.ไร้อำนาจสแกนกลุ่มการเมือง

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการตรวจสอบความเคลื่อนไหวกลุ่มการเมืองว่า กกต.ไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบกลุ่มการเมืองที่เคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ได้ ทั้งในกรณีเดินสายพบปะประชาชนตามพื้นที่ต่างๆ หรือเชิญชวนนักการเมืองเข้ามาร่วมกลุ่ม แต่ กกต.จะมีอำนาจตรวจสอบก็ต่อเมื่อ คสช.ได้คลายล็อกคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 แล้ว

จี้รีบจดตั้งพรรค พ.ย.นี้เส้นตาย

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ในฐานะนายทะเบียนพรรค การเมือง กล่าวถึงความคืบหน้าการขอจดจัดตั้งพรรคการเมืองว่า ขณะนี้ได้รับจดทะเบียนพรรค การเมืองและส่งไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา แล้ว 4 พรรคการเมือง และอยู่ในการตรวจสอบของนายทะเบียนพรรคการเมือง 5 พรรคการเมือง ในส่วนพรรคพลังประชารัฐ ยังอยู่ในขั้นการยื่นเอกสารเพื่อขอจดจัดตั้งพรรค ซึ่งปัญหาที่ทำให้การยื่นขอจดทะเบียนพรรคล่าช้าคือ ความซ้ำซ้อนของสมาชิกรวมทั้งคุณสมบัติของสมาชิกที่เป็นปัญหา อยากให้กลุ่มการเมืองที่ต้องการจะยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปลายเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งอยู่ในช่วง 90 วันก่อนที่กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้ จะถือว่าเป็นช่วงปลอดภัยที่สุด ที่พรรคจะสามารถดำเนินการได้ทันกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น

สามมิตรเย้ยเลือก พท.ได้ รมต.“วัน”

นายภิรมย์ พลวิเศษ แกนนำกลุ่มสามมิตร กล่าวว่า สมาคมชาวไร่อ้อยภาคอีสานหลายจังหวัดจะมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มสามมิตร ขณะนี้ได้รับผลกระทบมากกว่า 500,000 ครอบครัว เดือดร้อนถูกโรงงานน้ำตาลเอาเปรียบด้วยการกดราคาตกต่ำ ส่วนกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย โจมตีกลุ่มสามมิตรไร้สาระ พร้อมระบุพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.เกิน 250 คนนั้น ร.ต.อ.เฉลิมเป็นลูกพี่เก่าดูแลตนมา 20 ปีแล้ว แต่ไม่เป็นไร เพราะท่านประกาศแล้วว่าถ้าเลือกสามมิตรอาจจะได้รัฐบาลที่ดูแลประชาชนเรื่องปากท้อง เรื่องบัตรสวัสดิการคนจน เรื่องลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม แต่ถ้าเลือกพรรคเพื่อไทยก็อาจจะได้วัน อยู่บำรุง เป็นรัฐมนตรี เพราะลูกพี่เก่าประกาศแล้วว่า วัน อยู่บำรุง จะเป็นรัฐมนตรีแน่นอน และถ้าเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยชนะ 250 คนขึ้นไป พรรคอื่นคงถอยหมดแล้ว แต่วันนี้ตนเห็นมีตั้ง 70-80 ที่ตั้งพรรค เพื่อแข่งนโยบาย แข่งความดี ขอให้ ประชาชนเป็นคนตัดสินใจ ส่วนเรื่องดูดที่คล้ายเมื่อสมัยพรรคไทยรักไทยนั้น เอาอะไรดูด สมัยก่อนเขาดูดเป็นพรรค วันนี้เราดูดเฉพาะสมอง คุยกับทุกพรรค ทุกคน เราคุยหมด

อนาคตใหม่เดินหน้าท้าชน คสช.

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีถูก บก.ปอท. ดำเนินคดี หลังไลฟ์วิจารณ์พลังดูดและพาดพิง คสช.ว่า ครั้งที่แล้วเป็นหมายเรียกพยาน เราไปรายงานตัวแต่ปฏิเสธให้การ ครั้งนี้ได้รับหมายเรียกผู้ต้องหา เราส่งให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการ น่าจะเข้าไปพบตามหมายเรียกได้ช่วงต้นเดือน ก.ย. ยืนยันเราจะไม่ปรับแผนการทำงาน จะวิจารณ์การกระทำของคสช.ที่ทำไม่ถูกต้องต่อไป กรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่และตน ไม่ตื่นตระหนก ไม่กังวลกับกรณีที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้มาหาเราโดยตรง แต่ไปหาคนที่สนับสนุนเรา อย่างตอนลงพื้นที่ จ.อุทัยธานี ใครมาคุยกันจะโดนไปเยี่ยม ตามติดประกบติด เพราะเขารู้ว่าทำอะไรเราไม่ได้ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด สิ่งที่ทำได้คือข่มขู่คุกคาม แต่สามมิตรไม่โดน ดีไม่ดีมีรถตำรวจนำ แต่ตนมีรถตำรวจตามติด

“พิชัย” ปลุก “ทักษิโณมิกส์” ฟื้น พท.

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวถึงการเสนอแนวคิด “ทักษิโณมิกส์” ปรับปรุงใหม่ ตอนเข้ารายงานตัวกับ บก.ปอท. ในการถูกเรียกครั้งที่ 11 ว่า แนวคิดทักษิโณมิกส์เวอร์ชันใหม่นี้ เป็นความคิดส่วนตัวของตน นำหลักคิดทางเศรษฐกิจสมัยพรรคไทยรักไทยที่ประชาชนชื่นชอบมาพัฒนาต่อยอด ไม่ได้เป็นการครอบงำแต่อย่างใด หลักๆคือการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส ลดช่องว่างของรายได้ พัฒนาให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี นำเทคโนโลยีสมัยใหม่ นำการเปลี่ยนแปลงของโลกมาพัฒนาแนวคิดเพื่อให้ประเทศไทยก้าวหน้าได้ทันโลก หลังล้าหลังมากว่า 4 ปีแล้ว สร้างความหวังและความสุขให้กับประชาชนได้ทันทีตั้งแต่วันแรกหากพรรคเพื่อไทยได้เข้าบริหารประเทศ ไม่ต้องรอ 4 ปีแล้วค่อยมาคิดทำ หลังปลดล็อกให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมได้ จะเสนอแนวคิดนี้เข้าสู่กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่และที่ประชุมพรรค เพื่อทำเป็นนโยบายของพรรคต่อไป

“บิ๊กตู่” โอดพวกไม่หวังดีเล่นสาหัส

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 ส.ค. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นประธานการ ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล โดยกล่าวเริ่มการประชุมว่า สิ่งที่กำลังดำเนินการสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลเต็มรูปแบบ ยังไม่ตรงกับสิ่งที่ตนต้องการ จึงได้แจกเอกสารกำหนดหลักการและแนวคิดของตนเองให้ทุกหน่วยงานนำไปศึกษา ทบทวนและปฏิบัติตามเพื่อจัดทำแผนใหม่ และต้องการคำตอบจากหลักการในเอกสารนี้ นำมาสรุปผลในที่ประชุมครั้งนี้ และมีอะไรเพิ่มเติมให้แจ้งที่ประชุมวาระต่อไปตามลำดับ ขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจตนบ้าง เพราะช่วงนี้มีเรื่องราวมากมายหนักหนาสาหัส โดยเฉพาะการสร้างความเข้าใจ สร้างการรับรู้ในระดับพื้นที่ เพราะมีหลายฝ่ายยังบิดเบือนไม่หวังดีต่างๆเยอะแยะไปหมด วันนี้จึงอยากให้ทุกคนย้อนกลับไปดูว่า รัฐบาลเดินหน้าสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลถึงจุดไหนแล้ว ต้องเดินต่อไปอย่างไร ตามนโยบายและคำสั่งการของตน เชื่อมั่นคนเก่งของตนจะต้องทำได้ ตามหลักการที่ให้ไว้ในวันนี้อย่างแน่นอน

“ศิริ” เน้นชุมชนใช้พลังงานทดแทน

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานประสานความร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัดขับเคลื่อนโครงการไทยนิยมยั่งยืน ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่ต้องการขับเคลื่อนโครงการให้ครอบคลุม 76 จังหวัด หรือเกือบ 83,151 หมู่บ้านทั่วประเทศ ในส่วนกระทรวงพลังงานจะสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน ช่วยสร้างรายได้ ให้ชุมชนเพิ่มขึ้น ให้คนในชุมชนใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า เห็นความสำคัญของพลังงานทดแทน เพื่อ ลดการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศ หากเห็นว่าพื้นที่ใดมีศักยภาพทางพลังงานด้านใดจะให้คำแนะนำชุมชน แต่ละจังหวัดจะมีศักยภาพทางพลังงานที่แตกต่างกันไป ต้องส่งเสริมให้ประชาชนเชื่อมั่น มีทัศนคติที่ดีต่อกระทรวงพลังงาน พร้อมให้ความร่วมมือพัฒนาชุมชนผ่านโครงการต่างๆของกระทรวงพลังงาน ถ้าทุกคนเข้าใจ จะช่วยป้องกันการบิดเบือน โจมตีกล่าวหากระทรวงพลังงานในแง่ลบให้น้อยลง หรือหมดไป ช่วงที่ผ่านมา ชาวบ้านขานรับนโยบายอย่างดี และขอให้รัฐบาลผลักดันนโยบายต่อเนื่อง

“สมศักดิ์” นั่งผู้ตรวจการแผ่นดิน

ที่รัฐสภา มีการประชุม สนช. เพื่อพิจารณาการให้ความเห็นชอบนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต อดีตรองอธิบดีกรมการปกครอง ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามที่คณะกรรมการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งเรื่องให้ สนช.พิจารณาให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้หลังจากที่ประชุม สนช.ได้รับฟังรายงานการตรวจสอบประวัติของคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว ที่ประชุม สนช.มีมติเห็นชอบด้วยคะแนน 171 ต่อ 4 งดออกเสียง 7 ให้นายสมศักดิ์ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน ภายหลังให้ความเห็นชอบแล้วตามขั้นตอนจะนำรายชื่อบุคคลที่ผ่านความเห็นชอบของ สนช.ขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป

“วิษณุ” ปลุกพลังคนไทยไม่ทนทุจริต

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทาราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดสัมมนา “การผลักดันยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตสู่ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต” โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถา “การผสานพลังสร้างประเทศไทยใสสะอาด” ว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีค่าดัชนีความโปร่งใส (ซีพีไอ) อยู่ที่ 37 คะแนน รัฐบาลตั้งเป้าว่า ปี 2564 ค่า CPI ของไทยควรอยู่ที่ 50 คะแนน หรือสูงกว่านั้นยิ่งดี ต้องใช้ความร่วมมือทุกฝ่าย ปราบปรามเชิงรุกให้คนทั้งชาติมีความรู้สึกต้านทุจริต ที่ผ่านมา ตัวเลขสถิติพัฒนาในทางดีขึ้น แม้จะมีข่าวทุจริตจำนวนมาก แต่มองอีกทางคือ มีการลงมืออย่างจริงจัง ถึงจะเจ็บ อับอายขายหน้า ก็ดีกว่าให้สิ่งเหล่านี้ซุกอยู่ใต้พรม การปลูกจิตสำนึกให้คนไม่ทนต่อการทุจริตได้นั้นเป็นเรื่องยาก ต้องอดทน มีความเพียร มีวิธีการชาญฉลาด เหมือนพระมหาชนก เหมือนการช่วยเหลือหมูป่า 13 ชีวิต หากท้อแท้ก็ไม่มีโอกาสสำเร็จ

“วัชรพล” พร้อมรับผิดถ้าล้มเหลว

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวบรรยายพิเศษ “การผลักดันยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สู่ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต” ว่า การจะให้ได้ค่า CPI อยู่ที่ 50 คะแนนในปี 2564 เป็นเรื่องท้าทายมาก หากปี 2564 ค่า CPI ไม่เป็นไปตามเป้า ตนอาจจะต้องรับผิดชอบ วันนี้คนไทยเริ่มตื่นรู้เรื่องการทุจริตมากขึ้น เป็นระลอกคลื่นที่มีพลังมากยิ่งขึ้น ป.ป.ช.จะตั้งชมรม STRONG ทุกจังหวัด จังหวัดละ 100 คน เพื่อทำกิจกรรมรณรงค์ต้านการทุจริตในพื้นที่ ขณะที่การปลูกฝังเด็กเยาวชน จะมีหลักสูตรการเรียนการสอนต้านทุจริตศึกษา เริ่มในปีการศึกษา 2561 ปลูกฝังพื้นฐานป้องกันทุจริตในเด็กให้แยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวกับส่วนรวม ในส่วนของ ป.ป.ช.การทำคดีทุจริตจะเร็วขึ้น เพราะกฎหมายใหม่กำหนดกรอบทำคดีไม่เกิน 2 ปี หากลดการทุจริตในท้องถิ่นได้มาก จะมีเวลาติดตามทุจริตเชิงนโยบายมากขึ้น ส่วนการยื่นบัญชีทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่รัฐตามกฎหมายใหม่นั้น เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.จะเป็นหน่วยงานแรกที่ยื่นผ่านอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงคู่สมรสที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสจะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินด้วย

ป.ป.ช.สวน “สุเทพ” หยุดโยงการเมือง

พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ชี้แจงข้อกล่าวหากรณีทุจริตโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทน สมัยเป็นรองนายกฯว่า ป.ป.ช.ยืนยันวินิจฉัยตามข้อเท็จจริง ไม่ได้มองว่าถูกดิสเครดิต คดีนี้มาถึงตอนปลายแล้วจะเสร็จก่อนปี 61 เว้นแต่มีพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดย ป.ป.ช.จะไม่ห้ามนายสุเทพเฟซบุ๊กไลฟ์ เพราะถือเป็นสิทธิไม่ได้มีอะไรเกินเลยกฎหมาย ไม่กระทบต่อการทำงานของ ป.ป.ช. สิ่งที่นายสุเทพติติงมา ป.ป.ช.ยิ่งต้องระวังมากขึ้น ทำให้ถูกต้องตามพยานหลักฐาน แล้วรอผลการชี้มูลความผิด ผลออกมาอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น

ขอ 2 เดือนชี้ขาดนาฬิกาหรู “บิ๊กป้อม”

พล.ต.อ.วัชรพลยังกล่าวถึงความคืบหน้าการแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ว่า เรื่องนี้ต้องถามเลขาธิการ ป.ป.ช.ล่าสุดทราบเพียงว่ามีการส่งหนังสือไปขอข้อมูลกับบริษัทนาฬิกาที่ต่างประเทศผ่านสถานทูตไทย จะสรุปเรื่องได้เมื่อใดขึ้นอยู่กับคำตอบที่ได้รับ และการวินิจฉัยของกรรมการ ป.ป.ช.
ขณะที่นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวว่า กล่าวว่า บริษัทผู้ผลิตนาฬิกาในต่างประเทศยังไม่ได้ส่งรายละเอียดนาฬิกาที่ขอไปมาให้ ป.ป.ช. ยอมรับการขอข้อมูลจากต่างประเทศมักล่าช้า เพราะไปกำหนดเงื่อนไขเวลากับบริษัทนาฬิกาไม่ได้ แต่คาดว่า 2 เดือนนับจากนี้ ผลตรวจสอบจะชัดเจนมากขึ้น อาจจะสรุปได้

ผบ.ทบ.ชี้การเมืองลึกลับซับซ้อน

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีนายเอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมืองถูกชายฉกรรจ์ลอบทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บกระดูกมือแตก หลังกลับจากทวงถามความรับผิดชอบกรณีเรื่องนาฬิกาหรูที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 ส.ค. และได้เข้าแจ้งความว่า กรณีนายเอกชัยชัดเจนว่าเป็นการถูกทำร้ายร่างกาย ต้องไปแจ้งความดำเนินคดี ส่วนกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ออกมาระบุถูกลอบยิงยังไม่แน่ใจ อาจมีการแจ้งความไว้ ทั้งนี้เรื่องของการเมืองต้องเข้าใจว่ามันซับซ้อนมากกว่าที่เราเห็น ต้องมองให้ลึกกว่านั้นหากมีอะไรขึ้นมากฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย

“ธนาธร” เชื่อวางงานอัด “เอกชัย”

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า กรณีนายเอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมือง ถูกดักตี เหลือเชื่อและรู้สึกโกรธมาก ผมไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เคยพบปะบ้างตามงาน รู้สึกเห็นอกเห็นใจนายเอกชัย สังคมไทยกำลังอยู่ในยุคมืด อยากปิดปากใครก็ยัดคดีใส่ พอยัดคดีไม่ได้ก็ส่งคนไปข่มขู่ กรณีนายเอกชัยนี่ถึงขั้นลงไม้ลงมือ ไม่ต้องสงสัยเลย นี่คือการวางแผนมาอย่างดี ไม่ใช่บังเอิญ ไม่ใช่อุบัติเหตุ โชคดีเอกชัยเอามือกันไว้ได้ ถ้าเข้าหัวอาจจะหนักหนากว่านี้ นี่คือ การลงโทษสถานเบาแล้วในมุมมองของผม นายเอกชัยแทบจะเป็นคนเดียวที่เตือนสติสังคมให้ไม่ลืมเรื่องนาฬิกา” นายธนาธรกล่าว

“สมคิด” ชี้ชะตาฟ้าลิขิต

เมื่อเวลา 18.50 น. ที่โรงแรมสวีท โซเทล เลอคองคอร์ด นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาในงาน “แนวหน้า ฟอรั่ม ครั้งที่ 1 จับตาชีพจรเศรษฐกิจไทย” ในหัวข้อ “อนาคตเศรษฐกิจไทยกับโรดแม็ปเลือกตั้ง” ตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยมีปัญหาสั่งสมจำนวนมาก ไม่เคยแก้ไขอย่างจริงจังมาหลายปี เพราะติดกับดักที่ประเทศเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่พรรคการเมืองใดผิด แต่อยู่ที่ความกล้าของผู้นำประเทศ ที่จะวางรากฐานระยะยาวให้กับประเทศ ตนโชคดีที่ได้รับความไว้วางใจจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งสนับสนุนตนอย่างเต็มที่ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีวันนี้ หัวใจของเศรษฐกิจอยู่ที่ความเชื่อมั่นของคนในประเทศและต่างประเทศ เราต้องบริหารจิตใจคน ขอให้มั่นใจตัวเราเองอย่ามัวทะเลาะกัน บ้านเมืองไปดีแน่ ไม่ต้องกังวลเศรษฐกิจข้างหน้า ตัวเลขจีดีพี 4.5 บวกลบแน่ ถ้าสามัคคีกันไปโลด แต่ถ้าตีกันลงแน่ ปัญหาสำคัญของเรา คือปัญหาภายในประเทศของเราเอง เราต้องรักษาไว้ซึ่งความเชื่อถือจากต่างประเทศ เราจะเป็นสิงคโปร์ที่ 2 และจะเหนือกว่าเขา ถ้าเรารักใคร่ปรองดอง ไม่ทะเลาะกัน ไม่อิจฉาริษยาแย่งอำนาจกัน อย่าให้ประเทศไทยไปขึ้นอยู่กับการสาดโคลน กระแนะกระแหนกัน ตนขอแค่นี้และจะทำงานที่เหลืออีก 7 เดือนให้ดีที่สุด การเมืองจะเป็นอย่างไร ชะตาฟ้าลิขิตอยู่แล้ว คนรุ่นเก่าต้องสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมา ไม่ใช่อายุ 70-80 แล้วยังไม่เลิก ทุกคนต้องไม่ยึดติดกับตำแหน่งและอำนาจ ประเทศจะเดินไปได้อยู่ที่คนรุ่นใหม่

เงินประกันไม่พอ “กี้ร์” นอนเรือนจำ

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถนนแจ้งวัฒนะ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง หรือกี้ร์ อายุ 54 ปี อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย เดินทางมาพร้อมกับทนายความ เพื่อยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดเพื่อขอประกันตัว คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร หมายเลขดำ อม.102/2561 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอริสมันต์ ภายหลังศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณา เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยศาลพิจารณาพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว กำหนดหลักทรัพย์ยื่นประกันในส่วนของนายอริสมันต์ จำนวน 5 ล้านบาท (เท่ากับราคาประกันของนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) แต่ปรากฏว่าวันนี้นายอริสมันต์จัดหาเงินสดมายื่นเป็นหลักทรัพย์ได้เพียง 3 ล้านบาท จึงต้องถูกควบคุมตัวไว้ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯก่อน ขณะที่ทีมทนายความของนายอริสมันต์เผยว่า ทางครอบครัวกำลังหาเงินสดอีก 2 ล้านบาท เพิ่มให้ครบ 5 ล้านบาท พยายามจัดหาให้ทันภายในวันพรุ่งนี้ (24 ส.ค.) เพื่อยื่นต่อศาล ซึ่งเป็นวันศุกร์ วันสุดท้ายเวลาราชการพอดี

ถอดรหัสการเมือง” เดือน ก.ย.” ลุ้นคลายล็อก-“บิ๊กตู่”เซอร์ไพรส์?

ถอดรหัสการเมือง” เดือน ก.ย.” ลุ้นคลายล็อก-“บิ๊กตู่”เซอร์ไพรส์?

การเมืองห้วงเดือนกันยายน หากเป็นไปตามกรอบเวลาที่ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และ พ.ร.ป.การได้มาซึ่งส.ว.ที่คาดว่าจะมีการโปรดเกล้าฯลงมา เพื่อเริ่มนับหนึ่งกระบวนการจัดการเลือกตั้งตามโรดแมปของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)
ปัจจัยแรกระหว่างที่รอ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มีผลบังคับใช้ในอีก 90 วัน คือ ช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ คสช.จะต้องคลายล็อกให้พรรคการเมืองทั้งเก่าและใหม่กว่า 100 พรรค จัดประชุมพรรคได้เพื่อเตรียมการเรื่องสมาชิกพรรคในการทำไพรมารีโหวต คัดเลือกผู้สมัครส.ส.ของแต่ละพรรค
มือกฎหมายของรัฐบาล อย่าง “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ได้เตรียมการคลายล็อกให้พรรคการเมืองไว้ 6 ข้อ เพื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคสช.ในวันที่ 28 สิงหาคม ให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 เป็นครั้งที่ 2
ข้อเสนอคลายล็อกทั้ง 6 ข้อ ให้พรรคการเมืองได้ขยับทำกิจกรรมได้นั้น คือ 1.พรรคการเมืองจัดประชุมใหญ่ เพื่อรับสมัครสมาชิกเพิ่มเติมได้ 2.ให้ความเห็นเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งได้ 3.สามารถดำเนินการเกี่ยวกับไพรมารีโหวตได้ 4.ตั้งกรรมการเพื่อสรรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ 5.ติดต่อประสานงานกับสมาชิกได้ และ 6.การดำเนินการอื่นๆ แต่ไม่ใช่การหาเสียงเลือกตั้ง
ในส่วนของพรรคการเมือง ห้วงที่คลายล็อกให้แต่ละพรรคเปิดเช็กชื่อรับสมัครสมาชิกพรรคเพิ่มเติมได้ ในส่วนนี้จะมีความชัดเจนว่า อดีต ส.ส.ที่อยู่ในลิสต์บัญชีที่ถูกดูด ไปร่วมงานกับกลุ่มสามมิตร กว่า 200 คน จะไปยืนยันสมาชิกพรรคกับพรรคการเมืองใด การยืนยันสมาชิกพรรคในรอบนี้จะชัดเจนว่า ใครจะอยู่ ใครจะไป จากพรรคต้นสังกัด
เพราะรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 97 กำหนดไว้ว่า ผู้ที่จะสมัครส.ส. จะต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 90 วัน จนถึงวันเลือกตั้ง หากเป็นไปตามปฏิทินของกกต. กำหนดวันเลือกตั้งเร็วที่สุดไว้ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562
บรรดาอดีตผู้สมัครส.ส. ไม่ว่าจะผ่านสารพัด “ดีล” ทั้งเรื่อง “คดีความ” และ “ค่าตัว” ที่จะลงสนามสู้ศึกเลือกตั้ง จะต้องมีพรรคต้นสังกัดที่ชัดเจน

จะเล่นลูก “กั๊ก” ยังไม่เลือกพรรคใด เพื่อหวังเพิ่มค่าตัวต่อไปอีกคงไม่ได้ เพราะด่านแรกของการลงรับสมัครเลือกตั้งส.ส. คือ 1.จะต้องเป็นสมาชิกพรรค ก่อนจะไปลุ้นในด่านที่ 2 คือ การทำไพรมารีโหวตของแต่ละพรรคว่าจะผ่านการคัดตัว ได้เป็นผู้สมัครส.ส.ของพรรคหรือไม่
ขณะเดียวกันหากเป็นไปตามที่ “บิ๊กตู่” ลั่นสัจจะวาจาไว้ว่า จะบอกด้วยตัวเองถึงความชัดเจนในอนาคตทางการเมืองว่าจะ “เลิกเล่น” หรือ “ไปต่อ” ในเส้นทางการเมือง ในรูปแบบใด
ซึ่งในช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา “บิ๊กตู่” บอกกับประชาชนชาวกทม.ที่ส่งเสียงเชียร์ให้เป็นนายกฯต่อไปอีกนานๆ ระหว่างที่ลงพื้นที่ตรวจการจราจรรอบกรุงเทพฯว่า “ไม่ได้จะลงรับสมัครเลือกตั้ง แต่จะกลับมาได้อย่างไรนั้น ต้องไปดูที่รัฐธรรมนูญด้วย”
แน่นอนตามรัฐธรรมนูญ 2560 เปิดช่องทางการได้มาของ“นายกรัฐมนตรี” ไว้อยู่ 2 วิธี 1.นายกฯคนใน คือ แต่ละพรรคจะต้องเสนอผู้ที่จะเป็นนายกฯไว้ในบัญชีของพรรคไว้ 3 รายชื่อ ไว้เป็นจุดขายในการเลือกตั้ง และ 2.นายกฯคนนอก คือ จะเป็นว่าที่่นายกฯที่อยู่นอกเหนือ 3 รายชื่อว่าที่นายกฯที่แต่ละพรรคจะเสนอ โดยนายกฯคนนอก จะเกิดขึ้นได้เมื่อทั้งรัฐสภา คือ ส.ส.และส.ว.ทั้ง 750 คน โหวตเลือกนายกฯ คนใน ได้เสียงไม่เกินกึ่งหนึ่งคือ 376 เสียง
ยิ่งดูจากนัยยะที่ “บิ๊กตู่”ส่งสัญญาณผ่านสื่อล่าสุด มีแนวโน้มว่าหากจะคัมแบ็กกลับมาสู่เส้นทางนายกฯ คงไม่พ้น “นายกฯคนนอก”
แต่ท้ายที่สุด คงต้องดูความชัดเจนในเดือนกันยายนนี้ ว่า “บิ๊กตู่” จะมีเซอร์ไพรส์ในเรื่องการเมือง ของตัวเองอย่างไร