PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556

ป่วนปัตตานี11จุด ระเบิดโจมตีทพ.ตาย2เจ็บ6


อาสาสมัครกู้ชีพสันติปัตตานี ศูนย์ประสานงานมูลนิธิมิราเคล ออฟไลฟ์ ประจำจังหวัดปัตตานีสรุปเหตุการณ์จังหวัดปัตตานีถึงเวลา 22:32 เหตุเกิดตั้งแต่เวลา 20.00 น.ที่ผ่านมา เกิดเหตุความไม่สงบในจ.ปัตตานี 11 จุด

1-เหตุ ว.19(โจมตี) ฐาน อ.ส. รร.กะรุบี อ.กะพ้อ จว.ปัตตานี
2-เหตุ ว.19(โจมตี) ที่ศูนย์นิคมฮาล้าน ม4 ต.น้ำบ่อ อ.ปะนาเระ จว.ปัตตานี
3-เหตุ 511(ระเบิด) พื้นที่ อ.เมืองปัตตานี จุดที่ 1 เหตุเกิดในเรือ จอดที่ข้างโรงน้ำแข็งบ้านติง
4-เหตุ 511(ระเบิด) พื้นที่ อ.เมืองปัตตานี จุดที่ 2 คือ แพศิริรัตน์ เข้าทางซอยศรีนาเจริญ ถนนนาเกลือ
5-เหตุ 199 เผายางรถยนต์ พื้นที่ นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จว.ปัตตานี
6-เหตุ 199 เผายางรถยนต์ พื้นที่ อ.ยะรัง จว.ปัตตานี
7-เหตุระเบิดตู้โทรศัพท์สาธารณะหน้าไปรษณีย์ อ.ปานะแระ จว.ปัตตานีเกิด ไฟกำลังลุกไหม้
8-เหตุ 199 พื้นที่ อ.สายบุรี จว.ปัตตานี เผาศูนย์อาชีพปาตาตีมอของเทศบาลสายบุรี
9-เผาเรือประมง อ.สายบุรี 3 จุด
10-เหตุระเบิดรถหุ้มเกราะล้อยาง(REVA) ที่ รร.ท่าสู ต.น้ำบ่อ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ขณะเข้าสนับสนุน ทหารพรานที่44 เสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 6 นาย
11-21.35 น. เหตุ 199 เผารถยนต์ของการไฟฟ้า พื้นที่ อ.มายอ จว.ปัตตานี


รายชื่อผู้เสียชีวิต เหตุระเบิดรถ reva คือ  ร.ท.เริงฤทธิ์  โพธิสา ผบ.ร้อย.ทพ.4412 กับ จ่าสรรชัย โสภาวัง ที่เหลือบาดเจ็บ. สาหัส 3 นาย

รายชื่อทพ.ที่บาดเจ็บ6นาย1.ร.ต.สมชัย ศรีพรหม2.อส.ทพ.ทัตพงษ์ ดาวดึง3.อส.ทพ.พีรวัส ทิพนัส4.อส.ทพ.กฤาดา นิริสา5.อส.ทพ.พรศักดิ์ เงินเก่า

6.อส.ทพ.สำราญ คงกลม รายชื่อทพ.เสียชิวิต1.ร.ท.เรืองฤทธิ์ โพธิ์สา 2.จ.ส.อ.สรรชัย โสภสวัง

'ทักษิณ'สไกป์เวทีคนเสื้อแดง อัดศาลรธน.เอียงการเมือง ขู่หากก้าวล่วงอำนาจมากๆจะใช้อำนาจประชาชน


'ทักษิณ'สไกป์เวทีคนเสื้อแดง อัดศาลรธน.เอียงการเมือง ขู่หากก้าวล่วงอำนาจมากๆจะใช้อำนาจประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 20.35 น. วันที่ 10 เม.ย.2556 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สไกป์เข้ามายังเวทีรำลึกเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 ของนปช.ว่า ขอร่วมรำลึกเพื่อสดุดีวิญญาณวีรชนที่ต้องมาเสียชีวิตโดยที่ไม่ควรเกิดขึ้น ทั้งทหาร ประชาชน การใช้อำนาจเข่นฆ่าประชาชนไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมไทย ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้วไม่ได้มาจากครรลองที่ถูกต้อง แต่มาจากการเซตจากศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ และผู้ที่สั่งการอยู่เบื้องหลัง วันนี้ศาลสูงบางคนละเมิดหลักการกฎหมาย เอนเอียงในการเมือง ความปรองดองจะเกิดไม่ได้หากคนรักษากติกาไม่เป็นกลางเป็นธรรม

"กระบวนการยัดเบียดข้อหาก่อการร้ายให้แกนนำก็เพื่อปกป้องฆาตกรที่สั่งฆ่าประชาชน เป็นวิธีที่ผมโดนเมื่อถูกข้อกล่าวหาก่อการร้าย แต่ทันทีที่โดน เลขาฯตำรวจสากลก็ออกมาระบุเลยว่า นี่เป็นเรื่องการเมือง ก่อการร้ายในความหมายของเขาคนละเรื่องกับสิ่งที่กล่าวหา วันนี้ฆาตกรไปพิมพ์มือก็ยิ้ม เพราะเขาว่ามีการบอกว่าใจเย็นๆ จะให้ไปหลุดที่ศาล" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว และว่า วันนี้รัฐบาลและ ส.ส. ส.ว.พยายามจะแก้รัฐธรรมนูญ ทีแรกบอกแก้ทั้งฉบับไม่ยอมก็ไม่ว่ากัน แต่พอแก้รายมาตราก็มีพวกที่ขัดขวางความเป็นประชาธิปไตย คนเห็นแก่ตัวไม่กี่ตัวไปยื่นเรื่องที่ศาล แต่ศาลก็ดันรับไว้ แต่รับก็ต้องรับแบบเหนียมๆ เพราะรับสองเสียงไม่รับสามเสียง เหมือนเล่นลิเก เลิกเล่นลิเกได้แล้วกับเรื่องของบ้านเมือง

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า วันนี้มีการก้าวล่วงจะเกิดความเสียหายทางความน่าเชื่อถือของประเทศ และความมั่นใจของประชาชนที่มีศรัทธาต่อระบบ ขอร้องวิงวอนให้รักษาความยุติธรรม หากมิเช่นนั้นก็ต้องใช้อำนาจของประชาชน

'ทักษิณ'สไกป์เวทีคนเสื้อแดง อัดศาลรธน.เอียงการเมือง ขู่หากก้าวล่วงอำนาจมากๆจะใช้อำนาจประชาชน
          
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 20.35 น. วันที่ 10 เม.ย.2556 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สไกป์เข้ามายังเวทีรำลึกเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 ของนปช.ว่า ขอร่วมรำลึกเพื่อสดุดีวิญญาณวีรชนที่ต้องมาเสียชีวิตโดยที่ไม่ควรเกิดขึ้น ทั้งทหาร ประชาชน การใช้อำนาจเข่นฆ่าประชาชนไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมไทย ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้วไม่ได้มาจากครรลองที่ถูกต้อง แต่มาจากการเซตจากศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ และผู้ที่สั่งการอยู่เบื้องหลัง วันนี้ศาลสูงบางคนละเมิดหลักการกฎหมาย เอนเอียงในการเมือง ความปรองดองจะเกิดไม่ได้หากคนรักษากติกาไม่เป็นกลางเป็นธรรม
           
"กระบวนการยัดเบียดข้อหาก่อการร้ายให้แกนนำก็เพื่อปกป้องฆาตกรที่สั่งฆ่าประชาชน เป็นวิธีที่ผมโดนเมื่อถูกข้อกล่าวหาก่อการร้าย แต่ทันทีที่โดน เลขาฯตำรวจสากลก็ออกมาระบุเลยว่า นี่เป็นเรื่องการเมือง ก่อการร้ายในความหมายของเขาคนละเรื่องกับสิ่งที่กล่าวหา วันนี้ฆาตกรไปพิมพ์มือก็ยิ้ม เพราะเขาว่ามีการบอกว่าใจเย็นๆ จะให้ไปหลุดที่ศาล" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว และว่า วันนี้รัฐบาลและ ส.ส. ส.ว.พยายามจะแก้รัฐธรรมนูญ ทีแรกบอกแก้ทั้งฉบับไม่ยอมก็ไม่ว่ากัน แต่พอแก้รายมาตราก็มีพวกที่ขัดขวางความเป็นประชาธิปไตย คนเห็นแก่ตัวไม่กี่ตัวไปยื่นเรื่องที่ศาล แต่ศาลก็ดันรับไว้ แต่รับก็ต้องรับแบบเหนียมๆ เพราะรับสองเสียงไม่รับสามเสียง เหมือนเล่นลิเก เลิกเล่นลิเกได้แล้วกับเรื่องของบ้านเมือง

           พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า วันนี้มีการก้าวล่วงจะเกิดความเสียหายทางความน่าเชื่อถือของประเทศ และความมั่นใจของประชาชนที่มีศรัทธาต่อระบบ ขอร้องวิงวอนให้รักษาความยุติธรรม หากมิเช่นนั้นก็ต้องใช้อำนาจของประชาชน

http://www.komchadluek.net/detail/20130410/155939/แม้วอัดศาลรธน.เอียงการเมือง.html#.UWWQu8saySM

เลื่อนคุยบีอาร์เอ็น 29 เม.ย. กับความเปราะบางของกระบวนการสันติภาพใต้


เลื่อนคุยบีอาร์เอ็น 29 เม.ย. กับความเปราะบางของกระบวนการสันติภาพใต้

วันพุธที่ 10 เมษายน 2013 เวลา 08:42 น. เขียนโดย ปกรณ์ พึ่งเนตร หมวด เวทีทัศน์คุยกับบรรณาธิการเรื่องเด่น-ภาคใต้
แม้ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ จะยังยืนยันไม่ชัดนักว่านัดหมายพูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งที่ 2 กับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ นำโดย นายฮัสซัน ตอยิบ ที่อ้างตัวว่าเป็นแกนนำขบวนการบีอาร์เอ็น จะเลื่อนออกไปจากวันที่ 29 เม.ย.หรือไม่ แต่ความเป็นไปได้ของการพูดคุยในวันดังกล่าวน่าจะไม่เกิดขึ้นแน่นอนแล้ว
election1
          เหตุผลที่ พล.ท.ภราดร นำมาอธิบายถึงความไม่แน่นอนก็คือ มาเลเซียกำลังมีการเลือกตั้งใหญ่ ซึ่งเป็นการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 13 ของประเทศ
          นายนาจิบ ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประกาศยุบสภาเมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา และมีการคาดหมายกันว่าการเลือกตั้งใหม่น่าจะมีขึ้นในราวปลายเดือน เม.ย.หรือต้นเดือน พ.ค.
          มีรายงานว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งของมาเลเซียน่าจะมีมติในวันที่ 10 มี.ค.เพื่อกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งนักวิเคราะห์พากันคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นวันที่ 2 พ.ค.
          ในขณะที่ประเทศกำลังมีการเลือกตั้งใหญ่ และอนาคตของนายนาจิบบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีก็กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ความสำคัญกับปัญหาของประเทศอื่นอย่างไทยเพื่อช่วยคลี่คลายปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้มาเลเซียจะรับเป็น "ผู้อำนวยความสะดวก" ในกระบวนการพูดคุยสันติภาพก็ตาม
          ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ให้ข้อมูลว่าได้ส่งหนังสือไปขอเลื่อนการพูดคุยสันติภาพออกไปก่อน เพราะไม่อยากให้กระบวนการนี้ถูกมองว่าจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดบริบทการเมืองมาเลเซีย
          ขณะที่ พล.ท.ภราดร บอกว่าได้สัญญาณเลาๆ มาแล้วว่ามาเลเซียไม่พร้อมจัดพูดคุยสันติภาพตามที่กำหนดวันไว้เดิม ขณะนี้กำลังรอสัญญาณอย่างเป็นทางการ
          นี่คือความเปราะบางอย่างยิ่งของกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้ที่รัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นำไปผูกติดไว้กับมาเลเซีย ทั้งๆ ที่มาเลเซียคือผู้มีส่วนได้เสียอย่างสำคัญกับการดำรงอยู่หรือการคลี่คลายของปัญหา
          การที่วันนัดพูดคุยถูกเลื่อนออกไป ย่อมส่งต่อความเชื่อมั่นของกระบวนการสันติภาพระหว่างรัฐบาลไทยกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของประชาชนที่เฝ้ามองอยู่ และน่าจะมีคำถามในใจว่า ในเมื่อรู้ว่าเพื่อนบ้านใกล้เคียงของเรากำลังจะมีการเลือกตั้ง เหตุใดจึงต้องรีบ "เปิดตัว-เปิดหน้า" กระบวนการพูดคุยสันติภาพถึงขั้นลงนามในข้อตกลงกันอย่างเอิกเกริกครึกโครมเมื่อวันที่ 28 ก.พ. หรือเพียง  1 เดือนก่อนยุบสภา และ 2 เดือนเศษก่อนเลือกตั้ง
          เพราะใครๆ ก็รู้ว่าการเลือกตั้งไม่ว่าจะที่ใดๆ ในโลก ล้วนไม่มีความแน่นอน ทำไมจึงไม่รอให้มาเลเซียเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยไปก่อน ได้นายกรัฐมนตรี ได้คณะรัฐมนตรีใหม่พร้อม แล้วค่อยเริ่มกระบวนการที่รู้ๆ กันอยู่ว่าต้องใช้เวลายาวนาน และความต่อเนื่องคือปัจจัยสำคัญของความสำเร็จ
          ที่สำคัญการเลือกตั้งหนนี้มีการวิเคราะห์กันอย่างกว้างขวางว่า อาจจะเกิดการพลิกล็อคอย่างมโหฬารขึ้นก็ได้ เพราะฝ่ายพรรคอัมโนที่ครองเสียงข้างมากและเป็นรัฐบาลมาเนิ่นนาน อาจจะต้องลิ้มรสชาติของความพ่ายแพ้ 
          สุทธิชัย หยุ่น นักหนังสือพิมพ์อาวุโส เขียนไว้ในคอลัมน์ "กาแฟดำ" ของเขาในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจว่า อาจจะเกิดสึนามิการเมืองที่มาเลเซีย
          "นับตั้งแต่มาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ.1957 หรือ 56 ปีก่อน ไม่มีการเลือกตั้งครั้งใดจะมีความไม่แน่นอนเท่าครั้งนี้ แปลว่ามีความเป็นไปได้ว่าพรรค UNMO ที่ครองอำนาจเกือบจะเบ็ดเสร็จมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองนั้น อาจจะหลุดจากแกนอำนาจให้กับฝ่ายค้านที่ทำท่าว่าจะมีแรงสนับสนุนจากประชาชนมากขึ้น" (กาแฟดำ กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันจันทร์ที่ 8 เม.ย.http://bit.ly/ZM1olU
          หากมาเลเซียเกิดสึนามิการเมืองจริง กระบวนการสันติภาพที่ไทยให้น้ำหนักมาเลเซียอย่างมากย่อมเสี่ยงต่อภาวะ "ไร้อนาคต" เพราะที่ผ่านมาไทยพึ่งพามาเลเซียทั้งขั้นตอนอำนวยความสะดวกในการพูดคุย การประสานงานต่างๆ และกำหนดตัวผู้เข้าร่วมวงพูดคุยในฝั่งผู้เห็นต่างจากรัฐ (ที่อ้างตัวว่าเป็นขบวนการบีอาร์เอ็น) ด้วย
          ทว่ามีหลักฐานชิ้นสำคัญ คือ คำสั่งแต่งตั้ง ดาโต๊ะ สรี อาหมัด ซัมซามีน ที่ทางการไทยระบุว่าเป็นอดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองของมาเลเซีย เป็นผู้อำนวยความสะดวกในกระบวนการพูดคุยสันติภาพระหว่างผู้แทนรัฐบาลไทยกับกลุ่มนายฮัสซัน ซึ่งมาเลเซียเรียกชื่อเป็น "คณะทำงานร่วม" ว่า JOINT WORKING GROUP SOUTHERN THAI PEACE PROCESS; JWG-STPP ปรากฏว่าออกโดยคำสั่งนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก เท่านั้น หาได้เป็นมติคณะรัฐมนตรีไม่ (ดูคำสั่งได้ใน http://www.pmo.gov.my/?menu=news&news_id=11153&page=1731&news_cat=4)  
          ฉะนั้นหากนายกฯคนใหม่ไม่ใช่นายนาจิบ กระบวนการพูดคุยสันติภาพที่ทำมาก็มีอันต้องสูญเปล่าใช่หรือไม่ (โดยที่มีประชาชนและเจ้าหน้าที่ต้องสังเวยชีวิตและได้รับบาดเจ็บไปจำนวนไม่น้อยระหว่างรอยต่อการพูดคุยสันติภาพตามที่คนในรัฐบาลชอบอ้าง) เหมือนกับการตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆ ในบ้านเราโดยคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดหนึ่ง เมื่อถึงคราวเปลี่ยนรัฐบาล คณะกรรมการเหล่านั้นมักสิ้นสภาพไปโดยปริยาย หากจะทำงานต่อก็ต้องรอสัญญาณจากรัฐบาลชุดใหม่หรือนายกรัฐมนตรีคนใหม่
          โอกาสที่รัฐบาลไทยต้องนับหนึ่งกระบวนการสันติภาพอีกครั้งจึงมีไม่น้อยทีเดียว!
----------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ : ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต http://hornbillunleashed.wordpress.com/2012/03/page/2/

ชาวอิตาลีฆ่าตัวตายยกครัวสังเวยมาตรการรัดเข็มขัด


ชาวอิตาลีฆ่าตัวตายยกครัวสังเวยมาตรการรัดเข็มขัด

ชาวอิตาลีฆ่าตัวตายยกครัวสังเวยมาตรการรัดเข็มขัด

สมาชิก 3 คน ของครอบครัวชาวอิตาลี ฆ่าตัวตาย สังเวยมาตรการรัดเข็มขัด ที่ทำให้พวกเขากลายเป็นหนี้ก้อนโต และเชื่อว่าจะหาทางออกไม่ได้ โดยคู่สามี-ภรรยา ได้ผูกคอตายในบ้านพักริมทะเล ขณะที่พี่ชายของภรรยา ได้ฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงไปในทะเล หลังจากทราบข่าวน้องสาว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้สร้างความสลดใจไปทั่วประเทศ

นางอันนา-มาเรีย โซปรันซี่ และนายโรมีโอ ดิโอนิซี่ ได้ผูกคอตายในบ้านพัก ในเมืองซิวิตาโนว่าที่อยู่ริมทะเลอะเดรียติคเมื่อวันศุกร์ ทำให้พวกเขากลายเป็นเหยื่อวิกฤติเศรษฐกิจรายล่าสุด

นายดิโอนิซี่ วัย 63 ปี เป็นเสมียนของบริษัทผลิตรองเท้า ที่ปิดตัวไปเมื่อ 5 ปีก่อน และเขาได้พยายามจะหางานใหม่ การตกงานของเขา ทำให้เขาไม่สามารถเรียกร้องเงินบำนาญได้

เนื่องจากเมื่อ 16 เดือนก่อน รัฐบาลได้เพิ่มอายุของคนเกษียณขึ้นไปอีก 5 ปี อันเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการตัดลดรายจ่ายที่เกิดขึ้นกับหลายประเทศในยุโรป ทำให้คู่สามีภรรยาวัยชราต้องขาดรายได้จากเงินบำนาญ เดือนละไม่ถึง 500 ปอนด์ หรือราว 22,000 บาท และหลายเดือนที่ผ่านมา พวกเขาไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าและหนี้สินอื่น ๆ

หลังจากข่าวสามีภรรยาคู่นี้ฆ่าตัวตาย นายจูเซ็ปเป้ โซปรันซี่ วัย 78 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของนางดิโอนิซี่และอาศัยอยู่บ้านถัดไป ได้ฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงทะเลเช่นกัน

โศกนาฎกรรมที่เกิดกับครอบครัววัยชรานี้ ได้สร้างความสลดใจให้กับประชาชนทั่วประเทศ ในระหว่างพิธีศพเมื่อวันเสาร์ ได้มีฝูงชนที่เป็นเพื่อนของทั้งสามคน ได้ไปรุมล้อมนักการเมืองบางคน ด้วยความโกรธแค้น พร้อมประนามว่า ทั้งสามคนถูกฆาตกรรมโดยรัฐบาล

นายทอมมาโซ่ คอร์วัตต้า นายกเทศมนตรีเมืองซิวิตาโนว่า ให้ความเห็นต่อหนังสือพิมพ์ลา สแตมป้าว่า ครอบครัวนี้มีศักดิ์ศรีพอที่จะจบทุกอย่างลงด้วยโศกนาฎกรรม แทนที่จะขอความช่วยเหลือ ขณะที่ที่อื่นที่เผชิญสถานการณ์แบบเดียวกันนี้ กลับเป็นแรงผลักดันให้ประชาชนหันไปก่ออาชญากรรม เมื่อนักการเมืองอภิปรายกันเรื่องนโยบายเศรษฐกิจ
พวกเขาจำเป็นต้องคิดถึงประชาชน ที่กำลังตกอยู่ในสภาพเดียวกันนี้

เพื่อนบ้าน ระบุว่า ทั้งสองคน ค้างชำระภาษีราว 15,000 ปอนด์ หรือราว 670,000 บาท ทำให้พวกเขาวิตกว่า รถยนต์และเฟอร์นิเจอร์จะถูกยึด ทำให้พวกเขาหัวใจสลาย และนาง
ดิโอนิซี่ถึงกับหมดหวัง และเครียดจัด พวกเขาได้ทิ้งจดหมายมีข้อความขออภัยไว้ใกล้ศพด้วย

ด้านนายโซปรันซี่ ซึ่งเป็นอดีตเสมียนในโรงงานรองเท้าเช่นกัน ได้กลับมาพบข่าวร้ายขณะกลับบ้าน ทำให้ทำใจไม่ได้ และไปกระโดดทะเลที่ท่าเรือ

การฆ่าตัวตายเพราะวิกฤติเศรษฐกิจ กำลังจะกลายเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเนื่องจากการเผชิญภาวะถดถอย ที่เชื่อว่าจะยาวนานที่สุดถึง 20 ปี การใช้มาตรการรัดเข็มขัดด้วยนโยบายเกี่ยวกับเงินบำนาญ ได้ทำร้ายประชาชนอย่างสาหัสที่สุด ที่บังคับใช้ตั้งแต่สมัยของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติ แม้จะมีมาตรการออกมาช่วยเหลือประชาชนได้
4 หมื่นคน แต่ตัวเลขที่แท้จริงของผู้ได้รับผลกระทบนั้นมากถึงอย่างน้อย 150,000 คน

ช่อง11ถ่ายทอดคดีปราสาทพระวิหาร ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอแลนด์14 - 19 เมษายนนี้

กระทรวงการต่างประเทศ พร้อมถ่ายทอดคดีปราสาทพระวิหาร ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอแลนด์ ตั้งแต่วันที่ 14 - 19 เมษายนนี้


นายณัฎฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวการถ่ายทอดการกล่าวถ้อยแถลงทางวาจา ต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก คดีปราสาทพระวิหาร ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอแลนด์ วันที่ 15-19 เมษายนนี้ โดยกล่าวว่า การถ่ายทอดจะมีทั้งในเว็บไซต์ศาลโลก www.icj-cij.org เว็บไซต์สหประชาชาติ http://webtv.un.org ซึ่งเป็นเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ 

ในส่วนของประเทศไทย รัฐบาลต้องการให้ประชาชนรับทราบความโปร่งใสจึงมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ จัดทำเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศ www.phraviharn.org รับชมได้ 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาที่ใช้ให้การจริงคือฝรั่งเศสและอังกฤษ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย รวมทั้งการถ่ายทอดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย FM 92.5, AM 891 และสถานีวิทยุสราญรมย์ AM 1575 

ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ จะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ ผ่านช่องทางต่างๆ ของกระทรวงต่อไป สำหรับการตั้งศูนย์ข่าว กระทรวงการต่างประเทศ จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 14-19 เมษายน โดยวันที่ 14 และ 16 ซึ่งไม่มีกำหนดการให้การ จะเปิดทำการในเวลา 17:00-01:00 น.และวันที่ 15,17,18,และ 19 ซึ่งมีกำหนดการให้การ จะเปิดเวลา 13:00-01:00 น.

ทั้งนี้ จะมีการสรุปประเด็นประจำวัน ในเวลาประมาณ 22:30-23:30 น.โดยเอกอัครราชทูตประจำกรุงเฮก ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะต่อสู้คดี 

นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ จะเผยแพร่สำนวนการให้การฉบับภาษาไทย ทางเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ ในช่วงเวลาเดียวกับที่ศาลโลกเผยแพร่ฉบับภาษาอังกฤษ ในเวลา 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 15.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

คลอดทีวีดิจิตอลท่องเที่ยว-กีฬาแห่งชาติ


คลอดทีวีดิจิตอลท่องเที่ยว-กีฬาแห่งชาติ


จ่อผุดช่องดิจิตอลการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งชาติ รับเปิดอาเซียน ดีเดย์คลอด มิ.ย.นี้
นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมจัดทำสถานีโทรทัศน์การท่องเที่ยวและการกีฬาแห่งชาติ เพื่อให้เป็นช่องทางการสื่อสารทางตรงกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยสร้างความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับวงการอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในสายตาชาวต่างชาติ
ทั้งนี้ได้เตรียมรวบรวมความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ขนบธรรมเนียมประเพณีไทย เป็นต้น นำเสนอเรื่องราวผ่านรายการเพื่อช่วยโฆษณาประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของประเทศรวมถึงใช้เป็นช่องทางการสื่อสารกรณีเกิดเหตุการณ์การทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยผ่านโซเชียลมีเดียที่เกิดขึ้นได้ในทันที
เบื้องต้นเนื้อหากว่า 50% คาดว่าจะเป็นภาคภาษาอังกฤษ เพื่อมุ่งเจาะกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ให้มีความรู้ความเข้าใจถึงภาคสินค้าและการบริการท่องเที่ยวของประเทศไทยมากขึ้น ในอนาคตรูปแบบรายการอาจต่อยอดไปยังภาษาอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มนักท่องเที่ยว
"กระทรวงจะเร่งศึกษาแนวทางการทำเนื้อหารายการในแต่ละช่วง ควรมีรายละเอียดอะไรที่เหมาะสม เพื่อจัดตั้งงบประมาณที่เหมาะสม โดยคาดว่าจะเปิดตัวประมาณเดือน มิ.ย.นี้" นายวัชระกล่าว
สำหรับโครงการสถานีทีวีดิจิตอลช่องการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งชาติถือเป็นความร่วมมือกันระหว่าง บริษัทอสมท กับหน่วยงานราชการ 10 หน่วยงานตามแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสทช.) ฉบับที่ 1 ร่วมลงนามความร่วมมือใน 3 ด้านได้แก่ 1.การบริการสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการกระจายเสียง 2.การใช้โครงข่ายวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล และ 3.สนับสนุนอุปกรณ์เพื่อทดลองระบบดิจิตอลโดยในช่วงแรกของการออกอากาศทีวีดิจิตอลในครั้งนี้ อสมท ยังไม่มีการจัดเก็บค่าเวลาแต่อย่างใด
  
ที่มา: โพสต์ ทูเดย์ (Th) Wednesday, April 10, 2013 

น้ำ ไอ เอ็น เอ็น มหาบัณฑิตหมาดๆ “เปิดรับคำติชม หัวใจการทำงาน”


น้ำ ไอ เอ็น เอ็น

หน้าแรก

น้ำ ไอ เอ็น เอ็น
มหาบัณฑิตหมาดๆ
“เปิดรับคำติชม หัวใจการทำงาน”
               Crime Reporter นำเสนอสาวสวยค่าย ไอ เอ็น เอ็น น.ส.สุพัฒนา บุญธรรม หรือน้ำ ประวัติการทำงาน หลังจากจบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม (เมื่อก่อนยังเป็นสถาบันราชภัฏจันทรเกษม) เมื่อปี 2546 ก็ เข้าทำงานเป็นผู้สื่อข่าว สถานีวิทยุ จส.100 อยู่ได้ 2 ปีครึ่ง ก็ย้ายค่าย มาอยู่สำนักข่าว ไอ เอ็น เอ็น เครือเดียวกับร่วมด้วยช่วยกัน อยู่โต๊ะอาชญากรรม จนถึงปัจจุบัน เป็นรุ่นพี่ใหญ่สุดในสาย เพราะอยู่มานานสุด เพื่อนร่วมค่าย ย้ายสถานที่ทำงานกันหมด แต่เราไม่ยอมย้าย เพราะ มีสัญญาใจ กับ ไอ เอ็น เอ็น ที่เหมือนบ้านหลังที่สองของ เราเอง
                อยู่ ไอ เอ็น เอ็น สายงานที่รับผิดชอบ ส่วนมากจะ ประจำที่กองปราบ และศาลอาญา และตระเวนโซน เขตเหนือ และ ชานเมือง บ้างประปราย หากมีคดีสำคัญ
                ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 มี.ค.2556 เพิ่งมีความภาคภูมิใจ ในชีวิต และครอบครัวอีกครั้ง เพราะเพิ่ง เข้ารับประทานปริญญาโท นิเทศศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม จากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาธินัดดามาตุ
                ปัจจุบัน ยังคงรักในการทำงานข่าวสายอาชญากรรม และยังไม่รู้สึกเบื่อ เพราะชอบทำงานที่แข่งกับเวลา เพราะทำให้เรา แอคทีฟอยู่ตลอดเวลา
                คติประจำใจ ความรับผิดชอบ และตรงต่อเวลา และเปิดรับคำติชม คือหัวใจสำคัญของการทำงาน