ชาวอิตาลีฆ่าตัวตายยกครัวสังเวยมาตรการรัดเข็มขัด
สมาชิก 3 คน ของครอบครัวชาวอิตาลี ฆ่าตัวตาย สังเวยมาตรการรัดเข็มขัด ที่ทำให้พวกเขากลายเป็นหนี้ก้อนโต และเชื่อว่าจะหาทางออกไม่ได้ โดยคู่สามี-ภรรยา ได้ผูกคอตายในบ้านพักริมทะเล ขณะที่พี่ชายของภรรยา ได้ฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงไปในทะเล หลังจากทราบข่าวน้องสาว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้สร้างความสลดใจไปทั่วประเทศ
นางอันนา-มาเรีย โซปรันซี่ และนายโรมีโอ ดิโอนิซี่ ได้ผูกคอตายในบ้านพัก ในเมืองซิวิตาโนว่าที่อยู่ริมทะเลอะเดรียติคเมื่อวันศุกร์ ทำให้พวกเขากลายเป็นเหยื่อวิกฤติเศรษฐกิจรายล่าสุด
นายดิโอนิซี่ วัย 63 ปี เป็นเสมียนของบริษัทผลิตรองเท้า ที่ปิดตัวไปเมื่อ 5 ปีก่อน และเขาได้พยายามจะหางานใหม่ การตกงานของเขา ทำให้เขาไม่สามารถเรียกร้องเงินบำนาญได้
เนื่องจากเมื่อ 16 เดือนก่อน รัฐบาลได้เพิ่มอายุของคนเกษียณขึ้นไปอีก 5 ปี อันเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการตัดลดรายจ่ายที่เกิดขึ้นกับหลายประเทศในยุโรป ทำให้คู่สามีภรรยาวัยชราต้องขาดรายได้จากเงินบำนาญ เดือนละไม่ถึง 500 ปอนด์ หรือราว 22,000 บาท และหลายเดือนที่ผ่านมา พวกเขาไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าและหนี้สินอื่น ๆ
หลังจากข่าวสามีภรรยาคู่นี้ฆ่าตัวตาย นายจูเซ็ปเป้ โซปรันซี่ วัย 78 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของนางดิโอนิซี่และอาศัยอยู่บ้านถัดไป ได้ฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงทะเลเช่นกัน
โศกนาฎกรรมที่เกิดกับครอบครัววัยชรานี้ ได้สร้างความสลดใจให้กับประชาชนทั่วประเทศ ในระหว่างพิธีศพเมื่อวันเสาร์ ได้มีฝูงชนที่เป็นเพื่อนของทั้งสามคน ได้ไปรุมล้อมนักการเมืองบางคน ด้วยความโกรธแค้น พร้อมประนามว่า ทั้งสามคนถูกฆาตกรรมโดยรัฐบาล
นายทอมมาโซ่ คอร์วัตต้า นายกเทศมนตรีเมืองซิวิตาโนว่า ให้ความเห็นต่อหนังสือพิมพ์ลา สแตมป้าว่า ครอบครัวนี้มีศักดิ์ศรีพอที่จะจบทุกอย่างลงด้วยโศกนาฎกรรม แทนที่จะขอความช่วยเหลือ ขณะที่ที่อื่นที่เผชิญสถานการณ์แบบเดียวกันนี้ กลับเป็นแรงผลักดันให้ประชาชนหันไปก่ออาชญากรรม เมื่อนักการเมืองอภิปรายกันเรื่องนโยบายเศรษฐกิจ
พวกเขาจำเป็นต้องคิดถึงประชาชน ที่กำลังตกอยู่ในสภาพเดียวกันนี้
เพื่อนบ้าน ระบุว่า ทั้งสองคน ค้างชำระภาษีราว 15,000 ปอนด์ หรือราว 670,000 บาท ทำให้พวกเขาวิตกว่า รถยนต์และเฟอร์นิเจอร์จะถูกยึด ทำให้พวกเขาหัวใจสลาย และนาง
ดิโอนิซี่ถึงกับหมดหวัง และเครียดจัด พวกเขาได้ทิ้งจดหมายมีข้อความขออภัยไว้ใกล้ศพด้วย
ด้านนายโซปรันซี่ ซึ่งเป็นอดีตเสมียนในโรงงานรองเท้าเช่นกัน ได้กลับมาพบข่าวร้ายขณะกลับบ้าน ทำให้ทำใจไม่ได้ และไปกระโดดทะเลที่ท่าเรือ
การฆ่าตัวตายเพราะวิกฤติเศรษฐกิจ กำลังจะกลายเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเนื่องจากการเผชิญภาวะถดถอย ที่เชื่อว่าจะยาวนานที่สุดถึง 20 ปี การใช้มาตรการรัดเข็มขัดด้วยนโยบายเกี่ยวกับเงินบำนาญ ได้ทำร้ายประชาชนอย่างสาหัสที่สุด ที่บังคับใช้ตั้งแต่สมัยของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติ แม้จะมีมาตรการออกมาช่วยเหลือประชาชนได้
4 หมื่นคน แต่ตัวเลขที่แท้จริงของผู้ได้รับผลกระทบนั้นมากถึงอย่างน้อย 150,000 คน
นางอันนา-มาเรีย โซปรันซี่ และนายโรมีโอ ดิโอนิซี่ ได้ผูกคอตายในบ้านพัก ในเมืองซิวิตาโนว่าที่อยู่ริมทะเลอะเดรียติคเมื่อวันศุกร์ ทำให้พวกเขากลายเป็นเหยื่อวิกฤติเศรษฐกิจรายล่าสุด
นายดิโอนิซี่ วัย 63 ปี เป็นเสมียนของบริษัทผลิตรองเท้า ที่ปิดตัวไปเมื่อ 5 ปีก่อน และเขาได้พยายามจะหางานใหม่ การตกงานของเขา ทำให้เขาไม่สามารถเรียกร้องเงินบำนาญได้
เนื่องจากเมื่อ 16 เดือนก่อน รัฐบาลได้เพิ่มอายุของคนเกษียณขึ้นไปอีก 5 ปี อันเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการตัดลดรายจ่ายที่เกิดขึ้นกับหลายประเทศในยุโรป ทำให้คู่สามีภรรยาวัยชราต้องขาดรายได้จากเงินบำนาญ เดือนละไม่ถึง 500 ปอนด์ หรือราว 22,000 บาท และหลายเดือนที่ผ่านมา พวกเขาไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าและหนี้สินอื่น ๆ
หลังจากข่าวสามีภรรยาคู่นี้ฆ่าตัวตาย นายจูเซ็ปเป้ โซปรันซี่ วัย 78 ปี ซึ่งเป็นพี่ชายของนางดิโอนิซี่และอาศัยอยู่บ้านถัดไป ได้ฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงทะเลเช่นกัน
โศกนาฎกรรมที่เกิดกับครอบครัววัยชรานี้ ได้สร้างความสลดใจให้กับประชาชนทั่วประเทศ ในระหว่างพิธีศพเมื่อวันเสาร์ ได้มีฝูงชนที่เป็นเพื่อนของทั้งสามคน ได้ไปรุมล้อมนักการเมืองบางคน ด้วยความโกรธแค้น พร้อมประนามว่า ทั้งสามคนถูกฆาตกรรมโดยรัฐบาล
นายทอมมาโซ่ คอร์วัตต้า นายกเทศมนตรีเมืองซิวิตาโนว่า ให้ความเห็นต่อหนังสือพิมพ์ลา สแตมป้าว่า ครอบครัวนี้มีศักดิ์ศรีพอที่จะจบทุกอย่างลงด้วยโศกนาฎกรรม แทนที่จะขอความช่วยเหลือ ขณะที่ที่อื่นที่เผชิญสถานการณ์แบบเดียวกันนี้ กลับเป็นแรงผลักดันให้ประชาชนหันไปก่ออาชญากรรม เมื่อนักการเมืองอภิปรายกันเรื่องนโยบายเศรษฐกิจ
พวกเขาจำเป็นต้องคิดถึงประชาชน ที่กำลังตกอยู่ในสภาพเดียวกันนี้
เพื่อนบ้าน ระบุว่า ทั้งสองคน ค้างชำระภาษีราว 15,000 ปอนด์ หรือราว 670,000 บาท ทำให้พวกเขาวิตกว่า รถยนต์และเฟอร์นิเจอร์จะถูกยึด ทำให้พวกเขาหัวใจสลาย และนาง
ดิโอนิซี่ถึงกับหมดหวัง และเครียดจัด พวกเขาได้ทิ้งจดหมายมีข้อความขออภัยไว้ใกล้ศพด้วย
ด้านนายโซปรันซี่ ซึ่งเป็นอดีตเสมียนในโรงงานรองเท้าเช่นกัน ได้กลับมาพบข่าวร้ายขณะกลับบ้าน ทำให้ทำใจไม่ได้ และไปกระโดดทะเลที่ท่าเรือ
การฆ่าตัวตายเพราะวิกฤติเศรษฐกิจ กำลังจะกลายเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเนื่องจากการเผชิญภาวะถดถอย ที่เชื่อว่าจะยาวนานที่สุดถึง 20 ปี การใช้มาตรการรัดเข็มขัดด้วยนโยบายเกี่ยวกับเงินบำนาญ ได้ทำร้ายประชาชนอย่างสาหัสที่สุด ที่บังคับใช้ตั้งแต่สมัยของรัฐบาลนายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติ แม้จะมีมาตรการออกมาช่วยเหลือประชาชนได้
4 หมื่นคน แต่ตัวเลขที่แท้จริงของผู้ได้รับผลกระทบนั้นมากถึงอย่างน้อย 150,000 คน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น