PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ไม่มีใครป่วนแล้ว

อ้าวววววว..."บิ๊กป้อม" กลับลำ
แจง ไม่มีคนจ้องป่วน "พระราชพิธี" แล้ว "จะย้อนถามอะไรอีก" ...ไม่มีแล้ว ก็คือไม่มีแล้ว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายรักษาความปลอดภัยและการจราจร งานพระราชพิธีฯ กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมในขณะนี้มีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว ซึ่ง กอร.พระราชพิธีฯ ได้ชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป
ซึ่งตอนนี้เส้นทางต่างๆทั้งเส้นทางรถยนต์ รถไฟ เส้นทางคนเดิน รวมถึงเส้นทางอื่นๆทาง กอร.ได้ชี้แจงรายละเอียดไปแล้ว
เมื่อถามว่า ในด้านการข่าว มีอะไรยังมีอะไรน่ากังวลหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี
เมื่อถามย้ำว่า ก่อนนี้ท่านเคยระบุว่าการข่าวมีรายงานพบเตรียมก่อเหตุป่วนงานพระราชพิธี พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีแล้ว
"ตอบไปแล้วว่าไม่มี จะย้อนถามอะไรอีก "
เมื่อถามต่อว่า ที่ระบุว่าไม่มี เนื่องจากจับได้แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า เอาน่ะ บอกว่าไม่มีแล้ว. ก็คือไม่มีแล้ว
ทั้งๆที่ ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร เคยกล่าวว่า ได้สั่งเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลงานพระราชพิธีอย่างเต็มที่ หลังได้รับการข่าวเตรียมก่อเหตุ ทั้งจากพวกภายในและนอกประเทศ ใครที่คิดทำอะไร ขอให้หยุด
แต่วันนี้ เปลี่ยนท่าที !!!!

ถก ผบ.เหล่าทัพ ชุดใหม่ ครั้งแรก ให้ความสำคัญเร่งด่วน "งานพระราชพิธี

ถก ผบ.เหล่าทัพ ชุดใหม่ ครั้งแรก ให้ความสำคัญเร่งด่วน "งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ"อย่างสมพระเกียรติ พร้อมเพรียง สง่างาม -ปลอดภัย วอนปชช.ไม่ต้องมุ่งมาแต่ กรุงฯ

บิ๊กต๊อก พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งแรก ตั้งแต่ รับตำแหน่ง ผบ.ทหารสูงสุด
โดย มี บิ๊กเจี๊ยบ พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. บิ๊กนุ้ย พลเรือเอก นริส ประทุมสุวรรณ ผบ.ทร. คนใหม่ บิ๊กจอม พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ. และ บิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ร่วมประชุม
พล.อ.ธารไชยยันต์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้พูดคุยเรื่องการสนับสนุนการจัดขบวนพระบรมราชอิสริยยศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ต้องให้ความสำคัญเร่งด่วนเป็นอันดับหนึ่ง รวมถึง ต้องมีความพร้อมเพรียง สง่างาม และสมพระเกียรติ
รวมถึง การรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มาร่วมในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ
ซึ่ง ขณะนี้ การจัดเตรียมงานทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนและได้มีการประชุมหารือกับรัฐบาล โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงมากำกับดูแล และในระดับของ "กองอำนวยการร่วมพระราชพิธีฯ" (กอร.พระราชพิธีฯ) ที่มี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหมรับผิดชอบ
แต่ทั้งนี้ อยากให้ประชาชนได้มีโอกาสแสดงออกถึงความจงรักภักดีในทุก ๆ สถานที่ทั่วประเทศไทย ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องมาแสดงความจงรักภักดีที่
กทม.เพียงอย่างเดียว
แต่หากประชาชนที่มีความประสงค์ที่จะเดินทางเข้ามา เราได้จัดเตรียมและอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ทั้งทางบกทางน้ำและทางอากาศ รวมถึงได้เตรียมจุดรวมพล ไว้เรียบร้อยแล้ว

"ทหารหลัก" และ"ทหารอาชีพ -ทหารของชาติ

"ทหารหลัก" และ"ทหารอาชีพ -ทหารของชาติ
"บิ๊กเจี๊ยบ"ชม ทหารม้า "พล.ม.2 รอ." หน่วยรักษาพระองค์ ขอทำหน้าที่ดูแล พระราชพิธีฯอย่างดีที่สุด-สมพระเกียรติ พร้อมภารกิจ ฃฃดูแลความสงบเรียบร้อย เดินหน้าหนุนงาน รัฐบาล-คสช.บรรลุเป้าหมาย
เตือน ยึด เป็น "ทหารหลัก" และ"ทหารอาชีพ -ทหารของชาติ"

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก. เป็นประธานฝวันสถาปนา 38 ปี พล.ม.2 รอ. โดยได้นั่งรถม้า เข้ามาบริเวณลานพิธี
โดยมี. บิ๊กบุ๋ม พล.ต.พล.ต.สุวิทย์ เกตุศรีผบ.พล.ม.2 รอ. คนใหม่ ให้การต้อนรับ

พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว ชื่นชม ในบทบาทของ พล.ม .2 รอ.ถือเป็นกำลังรบหลักของกองทัพบก ที่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบก
ที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ทุกภารกิจเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ที่สำคัญพวกเราเป็นหน่วยทหารรักษาพระองค์ ที่ได้มีโอกาสทำหน้าที่ถวายงานสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และ พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์อย่างสมพระเกียรติ ถือเป็นเกียรติของหน่วยและเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมและขอให้ทำให้ดีในทุกเรื่อง ทุกภารกิจที่ได้รับมอบ
พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ในปลายเดือนตุลาคม มีงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ทาง พล.ม.2รอ. ได้รับมอบภารกิจในหลากหลายภารกิจ
อยากจะฝากทุกคนให้เตรียมการ ฝึกฝน กำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนให้ปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจนี้จะถึงที่สุด
ส่วนตัวแล้วผมเชื่อมั่นว่าพวกเราทุกคนจะทุ่มเททำภารกิจอย่างดีที่สุด เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน เพื่อให้งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ

พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ในภาพรวมของปีที่ผ่านมา ผม มองว่าการปฏิบัติภารกิจของ พล.ม. 2 รอ. ทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ในปีงบประมาณ 2561ยังมีอีกหลายเรื่อง ที่เราต้องทำร่วมกัน โดยเฉพาะการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ การดูแลด้านความมั่นคง เพื่อให้รัฐบาลเดินหน้าไปตามแนวทางที่ได้กำหนดไว้ตามเป้าหมาย เป็นสิ่งสำคัญ
จึงอยากฝาก ผบ.พล.ม. 2รอ. และพวกเราทุกคน ขอให้ดำเนินการเรื่องนี้เป็นประการสำคัญ
อีกประเด็นที่สำคัญคือ เรื่องการดูแลช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบของ พล.ม.2 รอ.ปัจจุบันยังมีปัญหาเรื่องอุทกภัย ที่จะต้องดำเนินการ ส่วนความเดือดร้อนของประชาชนทาง คสช. ให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก
โดยเฉพาะกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ต้องเข้าไปช่วยแก้ไขให้ได้โดยเร็ว และขอให้ระลึกเสมอว่าทหารต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส
พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่าอยากเน้นย้ำในเรื่องความเป็น "ทหารหลัก" และ"ทหารอาชีพ " 4 ข้อ ที่เคยให้นโยบายในปีที่แล้ว คือ 1. ทุ่มเททำงานตามบทบาทภาระหน้าที่ให้ดีที่สุด
2. ในฐานะผู้บังคับบัญชา ผู้บังคับหน่วย ต้องดูแลกำลังพลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี
3. ทุกคนที่เป็น "ทหารของชาติ" จะต้องมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีระเบียบวินัยและมีความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจตลอดเวลา
4. ขอให้ภาคภูมิใจในความเป็นทหารอาชีพ ที่ต้องทุ่มเททำงาน เพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดินขอให้เป็นแนวทางยึดมั่นในการปฏิบัติต่อไป

ครม.โยน งบฯกลางพันล้าน ให้ ทหารซ่อมถนน



ครม.โยน งบฯกลางพันล้าน ให้ ทหารซ่อมถนน
ผบ.ทบ.เผย"นายกฯ" อนุมัติงบฯกลาง กว่าพันล้าน ให้ทหาร ซ่อมถนน129 เส้น ทั่วปท.ให้ทหารช่าง ทบ.-นทพ.ทัพไทย รับงาน 3 เดือนเสร็จ เริ่มต้นพย.นี้ ใช้ยางพาราด้วย
พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ทหารช่าง ของ กรมการทหารช่าง และหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา(นทพ.) กองบัญชาการกองทัพไทยเตรียมลงพื้นที่ซ่อมถนน ทั้ง 129 เส้นทั่วประเทศ ในทุกกองทัพภาค 1-2-3-4
ในปลายเดือนตุลาคม หรือต้นเดือนพฤศจิกายนนี้
หลังจากคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณ กลาง กว่า 1, 000 ล้านบาทให้กองทัพไปซ่อมแซม ถนนในหมู่บ้าน ในชุมชน
โดยก่อนหน้านี้ทางกองทัพ ได้ลงพื้นที่ไปสำรวจแล้ว พบว่ามีจำนวน 129 เส้นทางที่ต้องซ่อมแซม. เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ประชาชน
โดยการซ่อมแซมจะใช้ส่วนประกอบของยางพาราเข้ามาซ่อมแซมถนนด้วย โดยคาดว่าใช้เวลา 3 เดือนการซ่อมแซมจะเสร็จสิ้น

"เลขาคสช." เผย "ปลดล็อค" พรรคการเมือง เป็นไปตามกรอบเวลา หลังเสร็จ "พระราชพิธีสำคัญ"



"เลขาคสช." เผย "ปลดล็อค" พรรคการเมือง เป็นไปตามกรอบเวลา หลังเสร็จ "พระราชพิธีสำคัญ" จะพูดคุยกันอีกที
พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก และเลขาธิการคสช.กล่าวถึง การ"ปลดล็อค" พรรคการเมือง ว่า เป็นไปตามที่ พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. รวมทั้ง พลเอกประวิตร กล่าวไปแล้ว
เป็นไปตามนั้น คือให้ผ่านพ้นพระราชพิธีสำคัญในเดือนตุลาคมนี้ ไปก่อน จากนั้น 
จะมีกระบวนการ มีขั้นตอน เพราะเมื่อกฎหมายพรรคการเมืองผ่านแล้ว ก็จะมี 2 กลุ่ม ตามกรอบเวลา คือ พรรคหารเมืองที่จดทะเบียนแล้ว ก็มีกรอบเวลาในการดำเนินการ และพรรคที่จะจดทะเบียนใหม่
หลังพระราชพิธีสำคัญแล้ว จะมีการพูดคุยปลดล็อคกันอย่างไร แต่ยังไม่มีรายละเอียดในเวลานี้

ไม่ใช่รถถังเก่าเก็บ !! ปีหน้าซื้ออีก10คัน

ไม่ใช่รถถังเก่าเก็บ !! ปีหน้าซื้ออีก10คัน
"บิ๊กเจี๊ยบ" ปัดข่าว รถถังจีนVT4 เป็น รถค้างเก็บในสต๊อก ยันไป ดูมาด้วยตนเองใช้ได้สมบูรณ์ เผยปี61 ซื้ออีก 10 คัน ตามแผนให้ครบ2 กองพัน เผยปรับหน่วย กองพันทหารม้า ให้จัดกองพันละ 30 คัน/เผยจีน ส่งให้เร็วกว่ากำหนด6 เดือนเป็นประโยชน์ ทำให้เราเตรียมการได้เร็ว/เผย ตอนนี้อยู่ที่ศูนย์การทหารม้า สระบุรี กำลัง ติดตั้งระบบสื่อสาร และรอการตรวจรับพร้อมเปิดให้สื่อเข้าชม ด้วยความยินดีและเต็มใจ
พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึง การจัดซื้อรถถังจีน VT-4 ว่าเป็นการจัดซื้อมาทดแทน รถถังM41 ที่จะปลดประจำการ
ตามกำหนดเดิม จีนจะส่งมอบระยะแรก ใน มีค.ปี2561 แต่ได้นำส่งเร็วกว่ากำหนด แล้ว28 คัน (เป็นรถกู้ซ่อม2คัน)
ตอนนี้ อยู่ที่ ศูนย์การทหารม้า สระบุรี อยู่ระหว่างการติดตั้งระบบวิทยุสื่อสาร และรอการตรวจรับของคณะกรรมการกองทัพบก
เพื่อนำไปประจำการที่ ม.พัน6 และม.พัน21 กองพลทหารม้าที่3
"หลังจากที่คณะกรรมการตรวจรับ เรียบร้อย ตามกม.แล้ว จะเปิดให้สื่อมวลชนเข้าไปดู เรายินดี เต็มใจ"
ทั้งนี้มีแผนในการจัดซื้อ รถถังVT4 ในปี 2561 อีกจำนวน 10 คัน โดยมีแผนให้ซื้อรวม 2 กองพัน เป็นการจัดซื้อตามงบประมาณที่มี
โดยทบ. มีการปรับการจัดอัตรากำลังรถถังจาก กองพันละ44 คัน เหลือกองพันละ30คัน เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้
ซึ่งที่ผ่านมาซื้อไปแล้ว ปี2559 จำนวน 28คัน และ ในปี2560 จำนวน 10 คัน ปี2561 จะซิ้ออีก10 คัน
ตอนนี้อัตราจำนวนรถถัง ยังไม่ถึง แต่คงเกณฑ์การจัดหน่วยไว้แค่นี้ก่อน
ทั้งนี้ จีนทำการส่งมอบเร็วกว่ากำหนด6เดือน มันเป็นการแข่งขันกันทางธุรกิจ แต่เราก็ได้ประโยชน์ครบถ้วนสมบูรณ์เพราะเราได้รถมาเร็ว เราก็ได้มีการเตรียมการได้เร็ว
ส่วนที่วิจารณ์ว่าอาจเป็นรถถังที่อยู่ในสต๊อก นั้น พลเอกเฉลิมชัย กล่าวว่า คงไม่ใช่. เพราะในขั้นตอนปี 2559 ตนเองในฐานะ
ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก
ได้เดินทางไปดูโรงงานมดูกระบวนการผลิตของเขา ยืนยันว่าใช้ได้สมบูรณ์

พลังรุก จาก ‘ปฏิญญา ทำเนียบขาว’ เบื้องหลัง ‘ปฏิญญา ทำเนียบรัฐบาล’

9.00 INDEX : พลังรุก จาก ‘ปฏิญญา ทำเนียบขาว’ เบื้องหลัง ‘ปฏิญญา ทำเนียบรัฐบาล’


ไม่ว่าจะเป็นการประกาศ“ปฏิญญา ทำเนียบขาว” ที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม
คือ การ”ตั้งรับ”ในทางการเมือง

ไม่ว่าจะเป็นการประกาศ”ปฏิญญา ทำเนียบรัฐบาล”กำหนด”เลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2561 เมื่อตอนบ่ายของวันที่ 10 ตุลาคม

คือ การ”ตั้งรับ”ในทางการเมือง

หากไม่ “สังเกต” ท่าทีหลัง”ปฏิญญา ทำเนียบขาว” ไม่ว่าของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ก็จะไม่รู้หรอกว่านี่คือ การ”ตั้งรับ”ในทางการเมือง


หากฟังจากน้ำเสียงของบรรดา“โฆษก”ไม่ว่าจะจากทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะจากคสช.

ล้วนแสดงความหงุดหงิด

ยิ่งน้ำเสียงจากคุณห้อย คุณโหนจาก “สนช.”ที่ถึงกับสาดถ้อยคำออกมาใส่ “นักการเมือง”

“อย่าเสียจริต ขอให้รอหน่อย”

ยิ่งประจักษ์ใน “อุณหภูมิ” แห่งความรู้สึกที่ยังต้องการยื้อและยืดเวลาของ “การเลือกตั้ง”ออกไป

นั่นก็คือ ไม่อยากเลือกตั้ง

แม้จะสวนกับเนื้อหาของบทเพลง “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน” เป็นอย่างยิ่งก็ตาม

แต่แล้วลักษณะที่เคย”ดิ้น”ผ่าน”ปฎิญญา ทำเนียบขาว”

ก็ต้องจบลงจากที่เห็นผ่าน “ปฏิญญา ทำเนียบรัฐบาล”เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม

หากตรวจสอบกระบวนการอันปรากฏผ่าน”ปฏิญญา ทำเนียบขาว” ประสานเข้ากับ “ปฏิญญา ทำเนียบรัฐบาล”

จะเห็นได้จาก “พลังกด” 2 พลัง

กรณีของ “ปฏิญญา ทำเนียบขาว” เป็นการรุกจากต่างประ เทศ จากประชาคมโลก

กรณีของ “ปฏิญญา ทำเนียบรัฐบาล” เด่นชัดอย่างยิ่งว่ามีปัจจัยจาก “ภายในประเทศ” เป็นสำคัญ และด้วยลักษณะเร่งเร้าอย่างเป็นพิเศษเพียงเวลา 8 วันเท่านั้นก็เกิดการแปรเปลี่ยน

แปรเปลี่ยนจาก”ไม่ชัด”กลายเป็น”ความชัด”

จังหวะดี

จังหวะดี

อานิสงส์จากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) ปลดธงแดงประเทศไทยตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา

ทำให้ธุรกิจการบินพาณิชย์ของไทยที่ถูกคุมกำเนิดมานาน 2 ปี 4 เดือน สามารถกลับมากระพือปีกแข่งขันกับสายการบินต่างชาติทั่วโลกได้อย่างสะดวกโยธิน

สร้างความปลาบปลื้มยินดีแก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ถูกโรคกับธงแดงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าประเทศไทยโดนไอเคโอปักธงแดงโด่เด่ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน 2558

เนื่องจากไอเคโอตรวจพบข้อบกพร่องอย่างสำคัญต่อความปลอดภัยทางการบินถึง 33 ข้อ

แถมผลการตรวจวัดขีดความสามารถการออกใบอนุญาตสายการบินพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศไทยกว่า 1,000 ข้อ

กรมการบินพลเรือนไทยสอบไม่ผ่านมาตรฐานไอเคโอถึง 560 ข้อ

ประเทศไทยสอบตกทั้ง 2 วิชา

ไอเคโอจึงต้องติดธงแดงหน้าชื่อประเทศไทย ด้วยประการฉะนี้แล

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าผลกระทบจากธงแดงทำให้มาตรฐานความปลอดภัยสายการบินสัญชาติไทยถูกลดความน่าเชื่อถือไปบานตะเกียง

แต่ที่แสบไส้ติ่งยิ่งกว่าคือ ธงแดงไอเคโอมีบทลงโทษแถมมาด้วยอีก 4 ประการ

1, ห้ามสายการบินสัญชาติไทยขยายเส้นทางการบิน
2, ห้ามเพิ่มเที่ยวบินและเพิ่มจุดจอดเครื่องบิน
3, ห้ามเพิ่มที่นั่งผู้โดยสารในทุกเที่ยวบิน
4, ห้ามเปลี่ยนเครื่องบินโดยสารให้ลำโตกว่าเดิม

พูดง่ายๆคือ ควบคุมสายการบินของไทยจนกระดิกกระเดี้ย ไม่ได้เลย

“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่า การที่ไอเคโอปลดล็อกธงแดงประเทศไทย แสดงว่าเราได้แก้ไขข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยทางการบิน และได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการออกใบอนุญาตสายการบิน (ที่สอบไม่ผ่านมาตรฐานไอเคโอ เมื่อ 2 ปีก่อน) ได้ครบถ้วนตามมาตรฐานไอเคโอ

หรือเท่ากับไอเคโอออกใบรับรองว่าสายการบินสัญชาติไทยทั้ง 28 สาย ได้ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยเท่าเทียมกับสายการบินนานาชาติทั่วโลกอย่างเต็มภาคภูมิ

เมื่อน่านฟ้าเปิดกว้างอีกครั้ง ก็เป็นโอกาสดีที่สายการบินของประเทศไทย สามารถเพิ่มเที่ยวบิน และขยายเส้นทางการบินได้อย่างอิสรเสรี

โดยเฉพาะเส้นทางการบินไปญี่ปุ่นและเกาหลี ซึ่งเป็นเป้าหมายยอดนิยมที่คนไทยแห่ไปเที่ยวกันระเบิดเถิดเทิง

“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่าการยกเลิกธงแดงไอเคโอ จะทำให้เส้นทางบินระหว่างประเทศ ซึ่งถูกแช่แข็งมา 2 ปี 4 เดือน ขยายตัวโตพรวดอีก 20 เปอร์เซ็นต์

ทำให้น่านฟ้าไทยต้องรองรับเครื่องบินขึ้นลงมากกว่า 1 ล้านเที่ยวต่อปีหรือกว่า 2,700 เที่ยวต่อวัน

แออัดยัดทะนานจนไม่มีที่นั่งที่ยืน

เฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิแห่งเดียว จะต้องรับผู้โดยสารมากกว่าปีละ 60 ล้านคน

หรือวันละกว่า 2 แสนคน หรือวันละ 1,100 เที่ยวบิน

ถ้าจัดการจราจรไม่ดี ยุ่งตายชักเชียวนะโยม.

“แม่ลูกจันทร์”

ปลดล็อก 'ลุงตู่' ก่อน?

ปลดล็อก 'ลุงตู่' ก่อน?

ส่ายหน้ายิ้มๆ

อากัปกิริยาของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ต่อคำถามนักข่าวกรณีการหารือเรื่องปลดล็อกพรรคการเมืองในที่ประชุม คสช.นัดล่าสุด

แต่ที่ชัดเจนหน่อยก็คิวของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เบอร์หนึ่งฝ่ายความมั่นคง ที่ย้ำจุดยืนเดิม ไม่มีการคุยเรื่องปลดล็อกพรรคการเมือง แม้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมีผลบังคับใช้แล้ว

เพราะการจัดทำกฎหมายลูกยังไม่เสร็จ ยังมีเวลาอีกปีกว่า

เรื่องของเรื่อง โดยปรากฏการณ์ที่ขัดลำกับ “ซือแป๋” นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ปูทางนำร่องเป็นนัย ภายใน 1–2 วันนี้ คงจะมีการปรับคำสั่ง คสช.ให้สอดคล้องกับการที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมีผลบังคับใช้

เช่นเดียวกับท่าทีของนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ส่งสัญญาณเป็นนัยจะมีข่าวดีเรื่องปลดล็อกการเมืองเร็วๆนี้ ยอมรับกลายๆ

เป็นเรื่องนโยบายที่ไปผูกกับความสงบเรียบร้อย คสช.กำลังพิจารณาอยู่

ดูจากภายนอกก็เห็นได้ชัด จังหวะไปกันคนละทางระหว่าง คสช.ต้นน้ำกับทีมงานแม่น้ำ 4 สาย ทั้งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญและ สนช. ตามเงื่อนไขสถานการณ์โรดแม็ปที่คืบไปอีกขั้นสำคัญ

โดยรูปการณ์เหมือนถือเดิมพันกันคนละมุม

และตามเงื่อนไขสถานการณ์ประเด็นปลดล็อกพรรคการเมืองน่าจะไปเร้ากัน

อีกรอบ ในห้วงหลังพระราชพิธีสำคัญผ่านพ้นไปแล้ว

แต่แนวโน้ม ขนาดยังไม่ปลดล็อกอย่างเป็นทางการ ก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากนักการเมืองอาชีพทุกป้อมค่าย รวมพลังไล่จี้ให้ “นายกฯลุงตู่” แสดงความชัดเจน

พูดให้ชัดจะเล่นการเมืองในสถานะนายกรัฐมนตรี “คนนอก” หรือ “คนใน”

นั่นก็เพราะจับไต๋ ประเมินอาการหัวขบวน คสช.ที่กั๊กๆกล้าๆกลัวๆ ลังเลจะลงสนามเลือกตั้งตามจังหวะเสียงเชียร์ของกลุ่มคนไทยในสหรัฐอเมริกาที่มารอต้อนรับระหว่างเยือนทำเนียบขาว

ยุให้ตั้งพรรค จะลงทุนบินกลับมากาบัตรลงคะแนนให้ “ลุงตู่”

ทำให้เซียนการเมืองอาชีพรู้ทาง รีบกดดันมัดคอ ตามบทเขี้ยวๆไม่ใช่แค่พรรค

เพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น แม้แต่พรรคที่แสดงจุดยืนพร้อมหนุนทหารอย่าง

ภูมิใจไทยก็เริ่มแทงกั๊ก พรรคชาติไทยพัฒนาก็รอดูกระแส เพื่อให้แน่ใจก่อนว่า “ลุงตู่” จะเอายังไง

ต่างฝ่ายต่างปิดไพ่ไว้ในมือ ไม่รีบหงาย ในจังหวะเกมบีบผู้นำ คสช.

เพราะไม่ว่านายกฯคนนอกหรือคนใน ก็ต้องมีพรรคการเมืองเป็นฐานหลักของตัวเอง

ยิ่งตั้งพรรคแล้ว “ลุงตู่” ไม่นำพรรคเองก็ยิ่งลำบาก

นี่แหละไฟต์บังคับ หาก “นายกฯลุงตู่” ไม่ตัดสินใจ ยิ่งใกล้เลือกตั้งก็จะยิ่งยากขึ้น

ตามหลักความเป็นจริงทางการเมือง แคมเปญในการรณรงค์หาเสียงต้องใช้เวลา การจะตั้งพรรคการเมืองหามือชำนาญการทำให้ไม่ใช่เรื่องง่าย

การเมืองอ่านเกมขาด หวังตัด “บิ๊กตู่” ออกจากเกม

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตามรูปเกมที่ทีมงานวางฐานการเมืองของ “ลุงตู่” ก็เตรียมปูพื้นรอไว้แล้วเหมือนกัน

กับสารพัดมาตรการ “อัดฉีด” ซื้อใจคนจนฐานราก ตามฉากแบบที่เห็นโครงการ “ธงฟ้าประชารัฐ” ต่อยถูกเป้าเต็มๆ ประชาชนคนมีรายได้น้อยมาเฝ้ารอการจับจ่ายใช้สอยสินค้าผ่านบัตรสวัสดิการประชารัฐที่เครื่องรูดบัตรเกิดปัญหาติดขัด เพราะมีธนาคารกรุงไทยรายเดียวที่ร่วมโครงการ

เงินเริ่มไหลไปถึงเป้าหมาย กระจายถึงมือชาวบ้าน

และแน่นอน เมื่อสถานการณ์เป็นไปตามเป้า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ คงต้องหาเงินมาโปะเพิ่มให้คนจน เพื่อดันเศรษฐกิจฐานรากให้หมุน

ตรงกันข้าม ตามเหลี่ยมที่นักการเมืองอาชีพต้องรีบออกมาเตะสกัด มุมหนึ่งก็โจมตีประเด็นเงินย้อนกลับไปเข้ามือกลุ่มทุนใหญ่ เอื้อประโยชน์ให้บริษัทยักษ์ผู้ผลิตสินค้า บ้างก็ว่าเป็นโครงการฉุกละหุก ไม่มีความพร้อมในเรื่องอุปกรณ์เครื่องมือรูดบัตร เปิดช่องให้เกิดการทุจริต ไม่มีความคุ้มค่ากับการกระตุ้นเศรษฐกิจ

แต่ที่ชัดเลย จับอาการของพรรคเพื่อไทยที่ออกมาเยาะเย้ยโครงการบัตรคนจน รัฐบาล “ลุงตู่” ทำเพื่อมุ่งหาเสียง ทั้งๆที่เคยตั้งแง่รังเกียจโครงการประชานิยม

โจมตี ดักคอ กลัวโดนแย่งลูกค้า ลืมยี่ห้อ “ทักษิณ”.

ทีมข่าวการเมือง