PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ปลดล็อก 'ลุงตู่' ก่อน?

ปลดล็อก 'ลุงตู่' ก่อน?

ส่ายหน้ายิ้มๆ

อากัปกิริยาของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ต่อคำถามนักข่าวกรณีการหารือเรื่องปลดล็อกพรรคการเมืองในที่ประชุม คสช.นัดล่าสุด

แต่ที่ชัดเจนหน่อยก็คิวของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เบอร์หนึ่งฝ่ายความมั่นคง ที่ย้ำจุดยืนเดิม ไม่มีการคุยเรื่องปลดล็อกพรรคการเมือง แม้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมีผลบังคับใช้แล้ว

เพราะการจัดทำกฎหมายลูกยังไม่เสร็จ ยังมีเวลาอีกปีกว่า

เรื่องของเรื่อง โดยปรากฏการณ์ที่ขัดลำกับ “ซือแป๋” นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ปูทางนำร่องเป็นนัย ภายใน 1–2 วันนี้ คงจะมีการปรับคำสั่ง คสช.ให้สอดคล้องกับการที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมีผลบังคับใช้

เช่นเดียวกับท่าทีของนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ส่งสัญญาณเป็นนัยจะมีข่าวดีเรื่องปลดล็อกการเมืองเร็วๆนี้ ยอมรับกลายๆ

เป็นเรื่องนโยบายที่ไปผูกกับความสงบเรียบร้อย คสช.กำลังพิจารณาอยู่

ดูจากภายนอกก็เห็นได้ชัด จังหวะไปกันคนละทางระหว่าง คสช.ต้นน้ำกับทีมงานแม่น้ำ 4 สาย ทั้งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญและ สนช. ตามเงื่อนไขสถานการณ์โรดแม็ปที่คืบไปอีกขั้นสำคัญ

โดยรูปการณ์เหมือนถือเดิมพันกันคนละมุม

และตามเงื่อนไขสถานการณ์ประเด็นปลดล็อกพรรคการเมืองน่าจะไปเร้ากัน

อีกรอบ ในห้วงหลังพระราชพิธีสำคัญผ่านพ้นไปแล้ว

แต่แนวโน้ม ขนาดยังไม่ปลดล็อกอย่างเป็นทางการ ก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากนักการเมืองอาชีพทุกป้อมค่าย รวมพลังไล่จี้ให้ “นายกฯลุงตู่” แสดงความชัดเจน

พูดให้ชัดจะเล่นการเมืองในสถานะนายกรัฐมนตรี “คนนอก” หรือ “คนใน”

นั่นก็เพราะจับไต๋ ประเมินอาการหัวขบวน คสช.ที่กั๊กๆกล้าๆกลัวๆ ลังเลจะลงสนามเลือกตั้งตามจังหวะเสียงเชียร์ของกลุ่มคนไทยในสหรัฐอเมริกาที่มารอต้อนรับระหว่างเยือนทำเนียบขาว

ยุให้ตั้งพรรค จะลงทุนบินกลับมากาบัตรลงคะแนนให้ “ลุงตู่”

ทำให้เซียนการเมืองอาชีพรู้ทาง รีบกดดันมัดคอ ตามบทเขี้ยวๆไม่ใช่แค่พรรค

เพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น แม้แต่พรรคที่แสดงจุดยืนพร้อมหนุนทหารอย่าง

ภูมิใจไทยก็เริ่มแทงกั๊ก พรรคชาติไทยพัฒนาก็รอดูกระแส เพื่อให้แน่ใจก่อนว่า “ลุงตู่” จะเอายังไง

ต่างฝ่ายต่างปิดไพ่ไว้ในมือ ไม่รีบหงาย ในจังหวะเกมบีบผู้นำ คสช.

เพราะไม่ว่านายกฯคนนอกหรือคนใน ก็ต้องมีพรรคการเมืองเป็นฐานหลักของตัวเอง

ยิ่งตั้งพรรคแล้ว “ลุงตู่” ไม่นำพรรคเองก็ยิ่งลำบาก

นี่แหละไฟต์บังคับ หาก “นายกฯลุงตู่” ไม่ตัดสินใจ ยิ่งใกล้เลือกตั้งก็จะยิ่งยากขึ้น

ตามหลักความเป็นจริงทางการเมือง แคมเปญในการรณรงค์หาเสียงต้องใช้เวลา การจะตั้งพรรคการเมืองหามือชำนาญการทำให้ไม่ใช่เรื่องง่าย

การเมืองอ่านเกมขาด หวังตัด “บิ๊กตู่” ออกจากเกม

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตามรูปเกมที่ทีมงานวางฐานการเมืองของ “ลุงตู่” ก็เตรียมปูพื้นรอไว้แล้วเหมือนกัน

กับสารพัดมาตรการ “อัดฉีด” ซื้อใจคนจนฐานราก ตามฉากแบบที่เห็นโครงการ “ธงฟ้าประชารัฐ” ต่อยถูกเป้าเต็มๆ ประชาชนคนมีรายได้น้อยมาเฝ้ารอการจับจ่ายใช้สอยสินค้าผ่านบัตรสวัสดิการประชารัฐที่เครื่องรูดบัตรเกิดปัญหาติดขัด เพราะมีธนาคารกรุงไทยรายเดียวที่ร่วมโครงการ

เงินเริ่มไหลไปถึงเป้าหมาย กระจายถึงมือชาวบ้าน

และแน่นอน เมื่อสถานการณ์เป็นไปตามเป้า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ คงต้องหาเงินมาโปะเพิ่มให้คนจน เพื่อดันเศรษฐกิจฐานรากให้หมุน

ตรงกันข้าม ตามเหลี่ยมที่นักการเมืองอาชีพต้องรีบออกมาเตะสกัด มุมหนึ่งก็โจมตีประเด็นเงินย้อนกลับไปเข้ามือกลุ่มทุนใหญ่ เอื้อประโยชน์ให้บริษัทยักษ์ผู้ผลิตสินค้า บ้างก็ว่าเป็นโครงการฉุกละหุก ไม่มีความพร้อมในเรื่องอุปกรณ์เครื่องมือรูดบัตร เปิดช่องให้เกิดการทุจริต ไม่มีความคุ้มค่ากับการกระตุ้นเศรษฐกิจ

แต่ที่ชัดเลย จับอาการของพรรคเพื่อไทยที่ออกมาเยาะเย้ยโครงการบัตรคนจน รัฐบาล “ลุงตู่” ทำเพื่อมุ่งหาเสียง ทั้งๆที่เคยตั้งแง่รังเกียจโครงการประชานิยม

โจมตี ดักคอ กลัวโดนแย่งลูกค้า ลืมยี่ห้อ “ทักษิณ”.

ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: