PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2561

พลังประชารัฐได้ชื่อผู้ก่อตั้งเกิน 500 คนแล้ว จ่อขอ คสช.จัดประชุมพรรค พ.ค.นี้

พลังประชารัฐได้ชื่อผู้ก่อตั้งเกิน 500 คนแล้ว จ่อขอ คสช.จัดประชุมพรรค พ.ค.นี้


พลังประชารัฐเผย ได้ชื่อผู้ก่อตั้งเกิน 500 คนแล้ว จ่อขออนุญาต คสช.จัดประชุม พ.ค.นี้
วันที่ 13 เมษายน 2561 นายชวน ชูจันทร์ ผู้ยื่นคำขอจดจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐเปิดเผยว่า หลังจากที่พรรค ได้รับหนังสือรับแจ้งการจัดตั้งพรรคการเมือง (แบบ พ.ก.7/2) จากนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว หลังจากนี้ก็จะต้องไปรวบรวมสมาชิกผู้ก่อตั้งพรรคให้ได้ 500 คนขึ้นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ขณะนี้พรรคเราถือว่าเกินจำนวนแล้ว โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติว่าเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ หากเรียบร้อยก็จะยื่นขออนุญาต คสช.เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ของพรรคการเมือง คาดว่าจะสามารถยื่นเรื่องขออนุญาตประมาณเดือนพฤษภาคมนี้

เมื่อถามว่า นโยบายที่คิดว่าจะดึงความสนใจของประชาชนคืออะไร นายชวนกล่าวว่า หลักทั่วไปพรรคการเมืองเป็นสถาบันของระบบรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตย พรรคต้องเป็นองค์กรของประชาชน เป็นของทุกคนที่อยากจะมีเวทีที่จะมาขับเคลื่อนระบอบประชาธิปไตย นี่คือหลักในการทำพรรคการเมือง พรรคการเมืองในอดีตมีจุดอ่อนเพราะไม่ได้เป็นของคนส่วนใหญ่เท่าไรนัก ดังนั้น เราจะเน้นให้พรรคเป็นของประชาชน
นายชวนกล่าวต่อว่า ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าพรรคมีแนวทางสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มองว่าเป็นธรรมดาของข่าว ไม่ว่าใครจะเข้ามาบริหารประเทศก็ต้องมาพัฒนาเศรษฐกิจ พัฒนาคน และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ ส่วนตัวที่เข้ามาทำงานการเมือง เพราะได้มีโอกาสทำงานกับชาวบ้านมามาก จึงอยากเข้ามาช่วยยกระดับชุมชนให้เข้มแข็งไปได้หลายชุมชนมากขึ้น เชื่อว่าหากประชาชนเข้มแข็งขึ้น พึ่งตนเองได้มากขึ้น ทุกอย่างก็จะดี

ยคดรถจับระนาว

คสช.จับจริง ยึดจริง ระนาว!!

2วัน หยุดสงกรานต์ ทหาร-ตำรวจ
พบการกระทำผิดจราจร"ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ" 1,475 คัน จากเดิม 146 คัน  ผู้ทำผิด รวม 59,390 ราย  ส่งดำเนินคดี 38,546 ราย ยึดใบขับขี่ 4,628 ราย แจง ติดต่อขอรับรถ คืนได้ หลังเทศกาล/แม่ทัพ1-ผบ.พล.ร.5 ผบ.หน่วยทหาร ลงพื้นที่ อำนวยความสะดวก ประชาชน ด้วยตนเอง

พันเอกหญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายยังคงอำนวยความสะดวก พร้อมเข้มงวดในมาตรการปลอดภัยสาธารณะให้ประชาชนที่เข้ามาร่วมงานได้มีความสุข  ด้วยการจัดชุดสายตรวจ เพิ่มเติมตลอดการจัดงาน และขอความร่วมมือส่วนงานต่างๆบริเวณโดยรอบงาน

ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และเตรียมไฟฟ้าส่องสว่างให้ทั่วถึง เพื่อดูแลความเรียบร้อย 

และขอความร่วมมือผู้ร่วมงานในการแต่งกาย การดื่มสุรา และการเล่นสาดน้ำอย่างเหมาะสม

ในขณะเดียวกันคงเข้มมาตรการสร้างความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุในการสัญจรให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เสี่ยง ทั้งเส้นทางหลัก เส้นทางรอง ทั้งนี้ที่ผ่านมาผู้ใช้เส้นทางส่วนใหญ่ระมัดระวังและปฏิบัติตนตามกฎจราจร แต่ยังพบผู้ฝ่าฝืนมาตรการลดอุบัติเหตุอยู่

โดยในวันที่ 12 เมษายน 2561 เจ้าหน้าที่ตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและ ผู้ฝ่าฝืน”มาตรการ ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” จำนวน  56,051ราย แยกเป็น
      
ในส่วน รถจักรยานยนต์ พบการกระทำความผิด 32,592 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดรถจักรยานยนต์ไว้ 835 คัน ยึดใบอนุญาตขับขี่ 2,449 ราย และส่งผู้กระทำผิดดำเนินคดี 22,728 คน  

สำหรับรถโดยสารสาธารณะและรถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 23,459 ครั้ง ยึดใบขับขี่ 1,741 คน ยึดรถยนต์ 494 คัน ยึดใบอนุญาตขับขี่ 1,741 ราย และส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 13,102 คน

      
โดยสรุป 2 วัน (11 – 12 เมษายน 2561 ) เจ้าหน้าที่ตรวจพบผู้กระทำผิดในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาท จำนวน 59,390  ราย  ส่งผู้กระทำผิดดำเนินคดี 38,546 ราย ยึดใบอนุญาตขับขี่ 4,628 ราย และ ยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการ ดื่มไม่ขับไว้ 1,475 คัน  ( รถจักรยานยนต์ 940 คัน, รถยนต์ 535 คัน ) 

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้จัดสถานที่เก็บรักษารถที่ยึดไว้เป็นอย่างดี  โดยเจ้าของรถสามารถติดต่อขอรับคืนได้หลังเทศกาล

ทั้ง พลโทกู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาค1 พลตรี กฤษดา พงษ์สามารถ ผบ.พล.ร.5 ลงพื้นที่ตรวจจุดอำนวยความสะดวก ปชช.สถานีขนส่ง ด้วยตนเอง

ระดมทุกเครือข่ายแล้ว

ระดมทุกเครือข่ายแล้ว



ไม่ใช่แค่ระดับคีย์แมนแกนนำ แต่ผู้เล่นบนกระดานอำนาจการเมืองไทย ใครมีสายสัมพันธ์กว้างขวาง
คอนเนกชันกว้างไกล “ได้เปรียบ”
ตัวอย่างล่าสุด “จั้ม” สกลธี ภัททิยกุล อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับการแต่งตั้งจาก “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง พ่อเมืองกรุงเทพฯ ดึงมาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม.
จะบอกว่าอำนาจพิเศษ “ดูด” ขุนพล ปชป. ก็อาจจะถูกต้อง แต่ไม่ทั้งหมด
เพราะถ้าหากดูจากทิศทางความเคลื่อนไหว หลัง “สกลธี” ตามคน ปชป.เข้าพบ “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ ก่อนจะมาได้รับเก้าอี้ใหญ่เมืองกรุง สายสัมพันธ์ด้านนี้ก็มีส่วนไม่ใช่น้อย
แต่ถ้าลงลึกไปกว่านั้น อดีต ส.ส.กทม.รายนี้ ถึงจะพลาดท่าเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด จนสอบตกที่เขตหลักสี่ แต่ดีกรีที่มีอยู่ก็ไม่ได้ร่อยหรอลงไป โดยเฉพาะในฐานะลูกชายหัวแก้วหัวแหวน “บิ๊กตุ่น” พล.อ.วินัย ภัททิยกุล อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นมันสมองท็อปบูตเมื่อคราวรัฐประหารปี 2549
ระดับที่เรียกกันว่าเป็น “ขงเบ้ง คมช.”
รวมทั้ง “บิ๊กตุ่น” ถือเป็นอีกเพื่อนเลิฟจากรั้วเซนต์คาเบรียล เตรียมทหาร และ จปร.ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ประธานรุ่นตท.6 ตลอดกาล
และในยุค คมช. สมัย “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ไต่ระดับในกองทัพ
“บิ๊กตุ่น” กับ “บิ๊กตู่” ก็ไม่ได้ห่างไกลกัน ก็มีโอกาสร่วมงานกันอยู่หลายจ๊อบ
ถึงแม้วันนี้ พล.อ.วินัย จะรามือวงการไป แต่ที่มาแทนก็คงไม่พ้น “จั้ม–สกลธี” โดยแน่นอน สายสัมพันธ์ของผู้เป็นพ่อ ทั้งในวงอำนาจ นักการเมือง กองทัพ นักธุรกิจ ย่อมแบ็กอัพลูกชายอยู่เบื้องหลัง
ไม่เท่านั้น ในฐานะขุนพลเอกของ “ลุงกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ” อดีตบิ๊ก กปปส. ถึงวันนี้คุณลุงแห่งเมืองสุราษฎร์ธานี ยังดูวุ่นๆดิ้นหัวหมุน
แต่ก็ยังมีพลังเหลือในเส้นทางสู่ตึกใหญ่ย่านเสาชิงช้า
ทั้งหมดทั้งปวง ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ อีกตัวละครเอก “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ที่เคยแตะทุกขา ทั้งพะยี่ห้อทีม กทม.ของค่ายประชาธิปัตย์ อีกขาก็เชื่อมต่อ “ลุงกำนัน” แต่ถ้าดูช็อตสุดท้ายก่อนขึ้นนั่งแท่นผู้ว่าฯ กทม.
ผู้มีอุปการคุณของ “บิ๊กวิน” คือ “นายกฯลุงตู่” เต็มๆ
สรุปได้ว่า ชื่อธรรมดาๆอย่าง “สกลธี” นั้นไม่ธรรมดา มีแรงดูด–แรงผลักรอบตัว และเมื่อเข้ามาเสริมทัพพ่อเมือง กทม. ที่เริ่มเห็นสัญญาณรักษาการกันยาว จนต้องจับตาในช็อตต่อไป เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งใหญ่
ยุทธการตีแตกเมืองกรุงของค่ายใหม่ลายพราง พรรค “หนุนลุงตู่” จะพุ่งทะลุ
แย่งแต้ม “ปชป.–เพื่อไทย” ในสนาม กทม.ได้มากน้อยแค่ไหน
อาจต้องเอี่ยวเดิมพันไว้ที่ทีม “บิ๊กวิน”
นั่นก็ถือเป็นอีกทัพย่อยทัพสำคัญของ “อำนาจพิเศษ” ที่จองตั๋วในเฟสต่อไป เริ่มชัดกันหลายจุดแล้ว โดยเฉพาะเรื่องพรรคหลัก ที่ “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เปิดไต๋
ค่ายการเมือง “สมคิดแอนด์โค” รังสรรค์ หนุน “ลุงตู่” ต่อตั๋ว
ในสูตรไม่มีใครเหมือน จากที่ประเมินว่าจะใช้สูตร “ป๋าเปรมโมเดล” นำไปสู่เป้าหมายนายกฯคนนอกของ “นายกฯลุงตู่” แต่วันนี้ดูเหมือนจะมี “รสช.โมเดล” ตั้งพรรคการเมืองระดมเสียงหนุนมาสอดแทรก
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายว่าจะรอเสลี่ยงหามเป็น “ผู้นำคนนอก” เสียทีเดียว
เพราะตัว “บิ๊กตู่” เองก็อ้อมแอ้ม ไม่บอกปัดเดินเข้าระบบ แปะชื่อในฐานะ “คนใน” พรรคการเมือง
นั่นก็เริ่มมองไปถึงทางสุดท้าย แผนต่อตั๋วของผู้นำอาจจะเป็น “สูตรผสม” ระหว่าง “ป๋าเปรมโมเดล” บวก “รสช.สไตล์” พร้อมกับเติมสูตรของตัวเองคลุกเคล้า
เป็นตำรับใหม่ “ประยุทธ์โมเดล” ในเกมอำนาจยุคเปลี่ยนผ่าน.
ทีมข่าวการเมือง