PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2561

"นายกฯบิ๊กตู่" บอก ผบ.เหล่าทัพ-ตำรวจ ดูแลความมั่นคง ทำให้บ้านเมืองสงบ เตรียมพร้อม สู่การเลือกตั้ง

คณะเดียว!!
"นายกฯบิ๊กตู่" บอก ผบ.เหล่าทัพ-ตำรวจ ดูแลความมั่นคง ทำให้บ้านเมืองสงบ เตรียมพร้อม สู่การเลือกตั้ง/ ชี้ เป็นคณะเดียว ที่ไฟเขียว ให้มา เพราะทำงานเพื่อชาติ มาด้วยกัน
ที่ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม นำทีม พล.อ. ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายทหารระดับ 5เสือ เหล่าทัพ อวยพร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด 21 มีนาคม 2561 ครบ 64 ปี
โดยทั้งหมดได้เดินขึ้น ทางด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ เปิดให้เข้าอวยพรเป็นการส่วนตัว และภายใน
มีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับผู้นำเหล่าทัพอย่างเป็นกันเองว่า ดีใจที่ได้มาเจอกันพร้อมหน้าพร้อมตา เพราะปกติเจอแต่ ผบ.เหล่าทัพ แต่วันนี้ได้เจอครบทุกคน พวกเราทำงานกันมาอย่างเต็มที่เพื่อชาติบ้านเมือง และขอให้ทำงานกันต่อไปในฐานะที่เราดูแลความมั่นคง จึงต้องทำให้ประเทศสงบเรียบร้อย เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง
“วันนี้เป็นวันเกิดของผม มี คณะ กระทรวง ต่างๆขอมาอวยพร แต่ผมได้แต่ขอบคุณและบอกไม่ต้องมา
แต่สำหรับฝ่ายความมั่นคง และกองทัพแล้ว ผมต้องให้มา เพราะเราทำงานร่วมกันมาอย่างเต็มที่ และขอให้ช่วยกันทำงานเช่นนี้ตลอดไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังแสดงความเป็นห่วงการทำงานของตำรวจ เพราะมีเรื่องต่างๆเกิดขึ้นมากมาย จึงขอให้ช่วยกันดูแล รวมเน้นในเรื่องการปฏิรูป ซึ่งไม่ได้เจาะจงว่าแค่ปฏิรูปตำรวจเท่านั้น แต่เป็นการปฏิรูปทุกอย่าง โดยต้องช่วยกันทำให้เป็นจริง และการปฏิรูปต้องยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง
โดยก่อนหน้านี้ ในช่วงเช้า บิ๊กอ้อ พลเอกวิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกฯ ได้นำทีมงานสำนักเลขานายกฯ และทีมงานหน้าห้องนายกรัฐมนตรี อวยพร วันเกิดพลเอกประยุทธ์ เท่านั้น

ตาม"เสื้อแดง. ทำผิดกม.-พวกหนีคดี ม.112"

ตาม"เสื้อแดง. ทำผิดกม.-พวกหนีคดี ม.112"
"บิ๊กตู่" คุย"พลเอก เตีย บันห์ "ขอติดตามพวกทำผิดกฎหมาย และหลบหนีคดี ยันไม่ให้กลุ่มใดใช้เป็นฐานในการก่อความไม่สงบและทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกัน
/ตกลง พัฒนาพื้นที่ชายแดน"เขาพระวิหาร" ให้มีความสงบสุขและมั่นคง / พัฒนาร่วมกันด้านเศรษฐกิจ เผยเตรียมเชื่อมต่อทางรถไฟ ชี้ยุคนี้ ใกล้ชิดกันมากที่สุด
ที่ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล สมเด็จพิชัยเสนา เตีย บันห์ (Somdech Pichey Sena Tea Banh ) รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกัมพูชา เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเยือนไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee - GBC) ไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 19 – 21 มีนาคม 2561
พลเอก ประยุทธ์ กล่าวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้พบกับพลเอก เตีย บันห์ อีกครั้ง หลังจากที่เยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการและเข้าร่วมการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (JCR) ไทย – กัมพูชา ครั้งที่ 3 และ
นายกฯกล่าวว่า พลเอก เตีย บันห์ นับเป็นเพื่อนคนสำคัญและรู้จักกันมาอย่างยาวนาน พร้อมชื่นชมกับบทบาทของพลเอก เตีย บันห์ ที่มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและกัมพูชา ส่งผลให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีและความร่วมมือระหว่างกันมีความใกล้ชิดแน่นแฟ้น
พลเอก เตีย บันห์ กล่าว อวยพรวันเกิดนายกรัฐมนตรี ขอให้นายกรัฐมนตรีมีสุขภาพแข็งแรงและประสบความสำเร็จในภารกิจทุกประการ
สำหรับการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 13 เป็นไปด้วยความราบรื่นและประสบผลสำเร็จ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศนับว่าเป็นช่วงที่ไทยและกัมพูชาใกล้ชิดกันมากที่สุด ความร่วมมือระหว่างกันมีประสิทธิภาพและสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน
นอกจากนี้ ได้มีการหารือถึงความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้พะยูง ซึ่งปัจจุบันสถิติการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชาลดน้อยลง แต่ยังคงพบว่ามีการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชาอยู่
ทั้งสองประเทศจึงควรร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการสกัดกั้นการลักลอบกระทำผิด
นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นร่วมกันที่จะติดตามบุคคลที่กระทำผิดกฎหมายและหลบหนีคดีเข้าไปอยู่ในทั้งสองประเทศ เพื่อไม่ให้กลุ่มบุคคลใดใช้ประเทศไทยและกัมพูชาเป็นฐานในการก่อความไม่สงบและทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกัน
ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องกันว่า แม้ไทยและกัมพูชายังมีพื้นที่บริเวณชายแดนที่ทับซ้อนและยังหาข้อสรุปไม่ได้ ทั้งสองประเทศควรร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสค้าขายระหว่างกันอย่างสะดวก ตลอดจนพัฒนาพื้นที่ชายแดนให้มีความสงบสุขและมั่นคง
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายหวังว่าความเชื่อมโยงด้วยเส้นทางรถไฟในอนาคต จะทำให้ทั้งสองประเทศมีการติดต่ออย่างสะดวกและเพิ่มมูลค่าการค้าขายระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น
ทั้งสองฝ่ายยังแสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ ทั้งทางด้านความมั่นคง การค้าและการลงทุน
รวมถึงยินดีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเรื่องสินค้าเกษตรระหว่างกัน ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องว่า ไทยและกัมพูชาควรจะดำรงความสัมพันธ์อันดี เพื่อมุ่งสร้างผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศในทุกระดับ ทั้งระดับรัฐบาลและ ประชาชน
ในช่วงท้าย พลเอกประยุทธ์. กล่าวว่า ได้มีโอกาสพบปะกับ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาในระหว่างการประชุม ASEAN-Australia เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
และหวังว่าจะได้พบปะกันอีกในระหว่างการประชุมสุดยอดลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 3 ซึ่งจะจัดขึ้นที่จังหวัดเสียมราฐของกัมพูชา ในต้นเดือนเมษายนนี้
///

ทีท่าการเมือง ต่อการยื้อ ถ่วง หน่วง โรดแมปเลือกตั้ง

ทีท่าการเมือง ต่อการยื้อ ถ่วง หน่วง โรดแมปเลือกตั้ง


แม้พิมพ์เขียว “ทฤษฎีสมคบคิด” ในการยื้อ ถ่วง หน่วง “เลือกตั้ง” จากสมองก้อนโตระดับฝังเพชรของบรรดาเนติบริกรภายใน “คสช.” จะมากด้วยความแยบยล
ไม่ว่าจะเป็นการ “เติม” ร่าง พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส.
ไม่ว่าจะเป็นการแสร้ง “ยื่นคำขาด” อันนำไปสู่การล่ารายชื่อ 30 สนช.เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยและตีความ
แต่พลันที่มี สนช.บางคนออกเสนอ
“ขอให้พรรคการเมืองทุกพรรคทำเป็นสัตยาบันร่วมกันมาเลยว่ายินยอมให้เลื่อนโรดแมปเลือกตั้งออกไป 3 เดือน สนช.จะดำเนินการส่งร่างกฎหมายลูกให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความทันที”
ยิ้มก็เห็นแก้ม แย้มก็เห็นไรฟัน
น่าสังเกตว่า ไม่ว่าจะมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะมาจากพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าจะมาจากพรรคเพื่อไทย มีความเยือกเย็นเป็นอย่างสูง
เป็นความเยือกเย็นอย่างรู้เท่าทัน
หากเทียบพรรษาทางการเมือง ไม่จำเป็นต้องเป็นนายชวน หลีกภัย ไม่จำเป็นต้องเป็นนายจาตุรนต์ ฉายแสง ไม่จำเป็นต้องเป็นนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล
หลายคนต่างผาดโผนในยุทธจักรมาก่อน
ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 จึงเผชิญกับบทบาทเหล่านี้อย่างเห็นเป็นเรื่องธรรมดา
ยิ่งที่นั่งสลอนอยู่ใน “สนช.” ยิ่งเป็นเด็กรุ่นหลัง
คนอย่างนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ มิได้เก๋าเกมอะไร เมื่อมองจากสายตาของนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล
คนอย่างนายสมชาย แสวงการ ยิ่ง “ละอ่อน”

ทำไมนายชวน หลีกภัย จะมองไม่ออก ทำไมนายจาตุรนต์ ฉายแสง จะมองไม่ออก ตั้งแต่อยู่ในกลุ่มของ 40 ส.ว.มาแล้ว
เหมือน “ศาสตราจารย์” อ่าน “มูลบทบรรพกิจ” นั่นแหละ
เบื้องหน้ากลเกมทางการเมืองในการยื้อ ถ่วง หน่วงเช่นนี้ ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย
ย่อมมองออก อ่านทะลุ
ทะลุจากนายสมชาย แสวงการ ทะลุจากนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ทะลุจากนายตวง อันทะไชย ทะลุจาก นายวันชัย สอนศิริ
ไปยังบรรดาคนที่คิดว่า “เขี้ยวลากดิน” ในกลุ่ม “ไทยนิยม” ประชารัฐ
มีแนวโน้มและความเป็นไปได้เด่นชัดยิ่งขึ้นว่า กลยุทธ์ในการยื้อ หน่วง ถ่วง เสมอเป็นเพียงเป้าหลอกรายเดือน
ตัวจริง เสียงจริง อยู่ที่ “ไม่เลือกตั้ง”
ทุกอย่างดำเนินไปตามสโลแกน “ทำให้เซ็งแล้วปกครอง” ซึ่งเคยใช้ได้ผลมาแล้วในยุคจอมพลถนอม กิตติขจร แต่ก็เสมอเป็นเพียงระยะหนึ่ง
เพราะในที่สุด จอมพลถนอม กิตติขจร ก็เจอ “14 ตุลา”
จากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2514 จอมพลถนอม กิตติขจร สามารถ “ซื้อ” เวลาได้ผ่านบทบาทของสภาร่างรัฐธรรมนูญ
แต่เมื่อถึงเดือนมิถุนายน 2516 ก็ไม่ใช่แล้ว
เพราะอีกไม่กี่เดือนที่ตามมาก็คือ การประท้วงเรื่องแล้วเรื่องเล่าและที่สุดก็ก่อรูปขึ้นเป็นสถานการณ์เดือนตุลาคม เรียกร้องรัฐธรรมนูญ เรียกร้องการเลือกตั้ง
การยื้อ การถ่วง การหน่วง เป็นเพียงสถานการณ์ “ชั่วคราว”

เชื้อปะทุตามเลือกตั้ง

เชื้อปะทุตามเลือกตั้ง



21 มีนาคม แฮปปี้เบิร์ธเดย์ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ในวาระครบรอบ 64 ปี
ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง มีพลังในการทำงาน
ตามสภาพการณ์ที่ยังต้องฝ่าฟันอุปสรรคตามเส้นทางไปสู่เป้าหมายการปฏิรูปประเทศ ตามที่ให้สัญญาประชาคมไว้กับประชาชนในการขอใช้อำนาจพิเศษ
หนทางอีกไกล ยังต้องเหนื่อยอีกเยอะ
โดยเฉพาะในจังหวะที่ต้องตัดสินใจเลือก “ทางสามแพร่ง” ที่รออยู่ตรงหน้า
ตามเงื่อนไขสถานการณ์กดดัน บีบให้ไปสู่การเลือกตั้ง
ท่ามกลางหัวเชื้อไฟความขัดแย้งที่ยังแฝงอยู่เต็มไปหมด ไม่ได้จางหายไปแต่อย่างใด
สะท้อนจากปรากฏการณ์ทางกระแสที่วูบวาบของ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้บริหารกลุ่มไทยซัมมิทฯ ที่เปิดตัวพรรค “อนาคตใหม่” ร่วมกับนายปิยบุตร แสงกนกกุล นักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์
กระตุกแนวร่วมคนพันธุ์ใหม่ โลกออนไลน์เชียร์กันคึกคัก
ยิ่งเป็นอะไรที่มีการแท็กทีม เดินมุกเล่นแต้มร่วมกับ “หนูหริ่ง” นายสมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุด แนวร่วมเสื้อแดง นปช. ที่ประกาศตั้งพรรค “เกรียน” แชร์แต้มคนรุ่นใหม่
นัดการเล่นเกมฮิตในไซเบอร์ แบ่งข้างแข่งขัน ไลฟ์สดให้กองเชียร์กดแชร์กดไลค์ โชว์ความเป็นมนุษย์พันธุ์ใหม่ มีกิจกรรมเป็นข่าว ชิงพื้นที่สื่อได้แบบลากยาว
เดินแต้มการตลาด มุกเดียวกับโคตรเซียน “ทักษิณ” ในยุคพรรคไทยรักไทย
แต่อีกมุมก็กระตุกแรงเสียดทานจากฝ่ายต้าน ขบวนการขุดเบื้องหลังมาประจาน “ไพร่หมื่นล้าน”
ไล่ตั้งแต่การเปิดข้อมูลการถือหุ้นใหญ่ในสื่อบางสำนักที่ช่วยปั่นกระแส การคุ้ยประวัติแฉพฤติกรรมย้อนแย้งอุดมการณ์ โดยเฉพาะการลุยกำราบม็อบสหภาพไทยซัมมิทฯ
เบิ้ลบลัฟกับสิ่งที่นายธนาธรประกาศจะมานำประเทศไทยพ้นจากเผด็จการ
และเงื่อน “อันตราย” จริงๆมันอยู่ตรงปมที่โยงสถาบัน
ตามสัญญาณคลื่นความถี่สูงจากคิวของ “ท่านใหม่” พล.ต.หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ที่ออกมาแฉดักทางขบวนการคนรุ่นใหม่เตรียมจับมือกับพรรคการเมืองใหญ่เพื่อเข้ามาคุมเสียงในสภาฯ
นำไปสู่กระบวนการแก้ไขมาตรา 112 บั่นทอนสถาบัน
ล่าสุดเป็นคิวของ “ขาบู๊” อย่าง พล.ต.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้ก่อตั้ง “องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน” ที่ออกมาโจมตีพรรคอนาคตใหม่ ที่พยายามอ้างเหตุแห่งความคิดต่างตามเสรีประชาธิปไตย แต่ซ่อนเร้นด้วยความมุ่งมั่นที่จะปลูกฝังความคิดสู่ระบอบการปกครองที่ไม่ได้มีความจริงใจต่อสถาบัน
ประกาศลั่น พร้อมจะออกมาเผชิญหน้ากับอริราชศัตรู
เป็นควันที่โชยกลิ่นเชื้อไฟปะทุ ตั้งแต่เปิดสัญญาณเลือกตั้ง
ยังไม่นับอาการแปร่งๆของข้าราชการที่ขึ้นชื่อเรื่อง “จมูกไว” ในห้วงจังหวะใกล้เปลี่ยนแปลงทางการเมือง มักจะเกิดอาการ “เกียร์ว่าง” ไม่ค่อยสนองตอบ
หรืออาจถึงขั้นกล้า “ลองของ” รัฐบาล
แบบที่ทหารใหญ่อย่างแม่ทัพภาคที่ 2 ยังมองเป็นความจงใจ “วางยา”
กับอาการพลาดแบบไม่น่าอภัย กรณีเอกสารราชการที่ลงนามโดยคนระดับรองผู้ว่าฯ ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เชิญประชุมเพื่อเตรียมการต้อนรับนายกรัฐมนตรี
ใช้ถ้อยคำกัดจิกแรงๆตั้งชื่อกิจกรรม “ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่”
โผล่ออกมาฉาวโฉ่บนโลกโซเชียลมีเดีย คนด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง
และที่ดูไม่ใช่เรื่องปกติ เพราะมันเป็นความผิดพลาดซ้ำติดๆกัน กับคิวการประชุม ครม.สัญจรที่ จ.จันทบุรี ที่มีการออกหนังสือราชการผิดพลาดอย่างรุนแรง
ไม่ตั้งใจแกล้งก็เหมือนแกล้ง ความบ้องตื้นของข้าราชการ มันทำให้เป้าหมายการตั้งใจทำงานของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลในการประชุม ครม.สัญจร ตรวจพื้นที่ต่างจังหวัดต้องได้รับผลกระทบในทางลบ
แต่อะไรก็ไม่น่าเหนื่อยเท่ากับเหลี่ยมของข้าราชการจอมเขี้ยว อาการ “กั๊ก” การเบิกจ่ายงบประมาณ ทำให้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของรัฐบาลไม่ต่อเนื่อง
รอลุ้นรัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้ง หวัง “ฟัน” หัวคิวได้เนื้อๆ
อีกทั้งสไตล์ผู้ว่าราชการจังหวัดส่วนใหญ่เป็นพวกอาวุโส รอเกษียณ จึงไม่กระตือรือร้นในการทำผลงาน และไม่กลัวจะโดนลงโทษทางวินัย เพราะถูกย้ายกับเกษียณก็มีค่าเท่ากัน
ปัญหาจึงตกอยู่กับชาวบ้านตาดำๆ เสียงด่ามาที่ “ลุงตู่” เต็มๆ.
ทีมข่าวการเมือง