PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2561

เชื้อปะทุตามเลือกตั้ง

เชื้อปะทุตามเลือกตั้ง



21 มีนาคม แฮปปี้เบิร์ธเดย์ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ในวาระครบรอบ 64 ปี
ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง มีพลังในการทำงาน
ตามสภาพการณ์ที่ยังต้องฝ่าฟันอุปสรรคตามเส้นทางไปสู่เป้าหมายการปฏิรูปประเทศ ตามที่ให้สัญญาประชาคมไว้กับประชาชนในการขอใช้อำนาจพิเศษ
หนทางอีกไกล ยังต้องเหนื่อยอีกเยอะ
โดยเฉพาะในจังหวะที่ต้องตัดสินใจเลือก “ทางสามแพร่ง” ที่รออยู่ตรงหน้า
ตามเงื่อนไขสถานการณ์กดดัน บีบให้ไปสู่การเลือกตั้ง
ท่ามกลางหัวเชื้อไฟความขัดแย้งที่ยังแฝงอยู่เต็มไปหมด ไม่ได้จางหายไปแต่อย่างใด
สะท้อนจากปรากฏการณ์ทางกระแสที่วูบวาบของ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้บริหารกลุ่มไทยซัมมิทฯ ที่เปิดตัวพรรค “อนาคตใหม่” ร่วมกับนายปิยบุตร แสงกนกกุล นักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์
กระตุกแนวร่วมคนพันธุ์ใหม่ โลกออนไลน์เชียร์กันคึกคัก
ยิ่งเป็นอะไรที่มีการแท็กทีม เดินมุกเล่นแต้มร่วมกับ “หนูหริ่ง” นายสมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุด แนวร่วมเสื้อแดง นปช. ที่ประกาศตั้งพรรค “เกรียน” แชร์แต้มคนรุ่นใหม่
นัดการเล่นเกมฮิตในไซเบอร์ แบ่งข้างแข่งขัน ไลฟ์สดให้กองเชียร์กดแชร์กดไลค์ โชว์ความเป็นมนุษย์พันธุ์ใหม่ มีกิจกรรมเป็นข่าว ชิงพื้นที่สื่อได้แบบลากยาว
เดินแต้มการตลาด มุกเดียวกับโคตรเซียน “ทักษิณ” ในยุคพรรคไทยรักไทย
แต่อีกมุมก็กระตุกแรงเสียดทานจากฝ่ายต้าน ขบวนการขุดเบื้องหลังมาประจาน “ไพร่หมื่นล้าน”
ไล่ตั้งแต่การเปิดข้อมูลการถือหุ้นใหญ่ในสื่อบางสำนักที่ช่วยปั่นกระแส การคุ้ยประวัติแฉพฤติกรรมย้อนแย้งอุดมการณ์ โดยเฉพาะการลุยกำราบม็อบสหภาพไทยซัมมิทฯ
เบิ้ลบลัฟกับสิ่งที่นายธนาธรประกาศจะมานำประเทศไทยพ้นจากเผด็จการ
และเงื่อน “อันตราย” จริงๆมันอยู่ตรงปมที่โยงสถาบัน
ตามสัญญาณคลื่นความถี่สูงจากคิวของ “ท่านใหม่” พล.ต.หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ที่ออกมาแฉดักทางขบวนการคนรุ่นใหม่เตรียมจับมือกับพรรคการเมืองใหญ่เพื่อเข้ามาคุมเสียงในสภาฯ
นำไปสู่กระบวนการแก้ไขมาตรา 112 บั่นทอนสถาบัน
ล่าสุดเป็นคิวของ “ขาบู๊” อย่าง พล.ต.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้ก่อตั้ง “องค์กรเก็บขยะแผ่นดิน” ที่ออกมาโจมตีพรรคอนาคตใหม่ ที่พยายามอ้างเหตุแห่งความคิดต่างตามเสรีประชาธิปไตย แต่ซ่อนเร้นด้วยความมุ่งมั่นที่จะปลูกฝังความคิดสู่ระบอบการปกครองที่ไม่ได้มีความจริงใจต่อสถาบัน
ประกาศลั่น พร้อมจะออกมาเผชิญหน้ากับอริราชศัตรู
เป็นควันที่โชยกลิ่นเชื้อไฟปะทุ ตั้งแต่เปิดสัญญาณเลือกตั้ง
ยังไม่นับอาการแปร่งๆของข้าราชการที่ขึ้นชื่อเรื่อง “จมูกไว” ในห้วงจังหวะใกล้เปลี่ยนแปลงทางการเมือง มักจะเกิดอาการ “เกียร์ว่าง” ไม่ค่อยสนองตอบ
หรืออาจถึงขั้นกล้า “ลองของ” รัฐบาล
แบบที่ทหารใหญ่อย่างแม่ทัพภาคที่ 2 ยังมองเป็นความจงใจ “วางยา”
กับอาการพลาดแบบไม่น่าอภัย กรณีเอกสารราชการที่ลงนามโดยคนระดับรองผู้ว่าฯ ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เชิญประชุมเพื่อเตรียมการต้อนรับนายกรัฐมนตรี
ใช้ถ้อยคำกัดจิกแรงๆตั้งชื่อกิจกรรม “ทำอย่างไรให้ประชาชนหายโง่”
โผล่ออกมาฉาวโฉ่บนโลกโซเชียลมีเดีย คนด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง
และที่ดูไม่ใช่เรื่องปกติ เพราะมันเป็นความผิดพลาดซ้ำติดๆกัน กับคิวการประชุม ครม.สัญจรที่ จ.จันทบุรี ที่มีการออกหนังสือราชการผิดพลาดอย่างรุนแรง
ไม่ตั้งใจแกล้งก็เหมือนแกล้ง ความบ้องตื้นของข้าราชการ มันทำให้เป้าหมายการตั้งใจทำงานของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลในการประชุม ครม.สัญจร ตรวจพื้นที่ต่างจังหวัดต้องได้รับผลกระทบในทางลบ
แต่อะไรก็ไม่น่าเหนื่อยเท่ากับเหลี่ยมของข้าราชการจอมเขี้ยว อาการ “กั๊ก” การเบิกจ่ายงบประมาณ ทำให้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของรัฐบาลไม่ต่อเนื่อง
รอลุ้นรัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้ง หวัง “ฟัน” หัวคิวได้เนื้อๆ
อีกทั้งสไตล์ผู้ว่าราชการจังหวัดส่วนใหญ่เป็นพวกอาวุโส รอเกษียณ จึงไม่กระตือรือร้นในการทำผลงาน และไม่กลัวจะโดนลงโทษทางวินัย เพราะถูกย้ายกับเกษียณก็มีค่าเท่ากัน
ปัญหาจึงตกอยู่กับชาวบ้านตาดำๆ เสียงด่ามาที่ “ลุงตู่” เต็มๆ.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: