PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

คำสั่งคสช.ให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ในวันที่ 28 พ.ค.57

คำสั่ง คสช. ฉบับที่ 25/2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ในวันที่ 28 พ.ค.57 เวลา 10.00-11.00 น. ณ หอประชุมกองทัพบกเทเวศร์
1.จ่าสิบตำรวจเอกมานัส เติมธนะศักดิ์
2.พ.ต.ท.สันทนะ ประยูรรัตน์
3.นายสุวัฒน์ วุฒิศักดิ์
4.นายวิชา พร้อมเพรียงชัย
5.นายธนิก มาสีพิทักษ์
6.นายกฤษณะ มานะการ
7.นายอิทธิพล สุขแป้น

ย้าย ผวจ.๙ จังหวัด

นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงนามในคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 279/2557 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม เรื่องให้ข้าราชการรักษาราชการในตำแหน่ง ดังนี้
1.นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
2.นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น
3.นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท
4.นายวิเชียร วุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี
5.นายสุริยะ ประสาทบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
6.นายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดตาก
7.นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง
8.นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา
9.นายเสรี ศรีหะไตร ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง




10 จุดแข็งรัฐประหาร คสช!


รัฐประหารครั้งนี้ ต่างจากครั้งก่อน มีความรอบคอบ รัดกุม แม่นยำ และการวางแผนเตรียมการอย่างยากที่จะคาดเดา
รัฐประหารปี 2549 นั้น เสียของ เพราะเครือข่ายอำนาจระบอบทักษิณนั้นยังคงอยู่และไม่ได้ถูกตัดทอนไป แถมยังกลับมาเข้มแข็งมากกว่าเดิมอีกมาก
แต่การยึดอำนาจของกองทัพครั้งนี้ ดูแล้วมีความรอบคอบ รัดกุม และมีการใช้กำลังอำนาจอย่างมีประสิทธิภาพ เด็ดขาดกว่าครั้งก่อนมาก
แสดงถึงศักยภาพและการเตรียมการที่สะท้อนมันสมองระดับกุนซือ ของคนในกองทัพว่าได้เรียนรู้ความผิดพลาดจากการรัฐประหารครั้งก่อน และจะไม่ผิดพลาดซ้ำ!


1. สิงห์ซุ่มเงียบ : จากความนิ่งแน่ ตั้งแต่ม็อบกำนัน ลากยาวนานมากว่า 6 เดือน ไม่ยอมรัฐประหาร ไม่ออกมา ไม่ขยับ จนหลายๆ ฝ่ายตายใจและคิดว่างานนี้ กองทัพคงลอยตัวอยู่เป็นกลางเหนือปัญหาไปเรื่อยๆ แต่จู่ๆ ก็เกิดการยึดอำนาจหลังจากการประกาศกฎอัยการศึกไม่กี่วัน เรียกว่า ไม่มีใครคาดคิดและรู้ตัว!
2. ตำราพิชัยเลิศ : การยึดอำนาจและการบริหารสถานการณ์ของ คสช. ผ่านประกาศและคำสั่งที่ออกมาในตอนนี้กว่า 40- 50 ฉบับ ถูกเขียน ถูกเตรียมวางแผนมาอย่างดี แผนยุทธวิธี รัดกุม นั่นแสดงว่า ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดี ด้วยการใช้กฎอัยการศึกอย่างแม่นยำ และการเคลื่อน ควบคุมกำลังพลแบบไม่แตกแถว
แถมไม่มีการปล่อยไก่ ปล่อยข่าวให้รู้ล่วงหน้า ประชาชน กับสื่อ แทบจะรู้เท่าๆ กัน
3. ล่อเหยื่อเข้าถ้ำเสือ : ใครจะไปคิดว่าการเจรจา 7 ฝ่ายซึ่งเป็นการนัดหารือ รอบ ที่ 2 จะเป็นแผนยึดอำนาจ บรรดาแกนนำไปครบหน้าครบฝ่าย ทุกคนตายใจ แต่ต้องบอกว่า ที่ต้องยึดอำนาจนั้น ก็เพราะ ทหารพยายามแก้ไขปัญหาความขัดแย้งแล้ว ให้แต่ละฝ่ายบอกว่าว่าใครทำอะไรได้บ้าง ในเมื่อแต่ละฝ่ายไม่ยอม - จึงเกิดวาทะแห่งปี "ผมขอโทษ ผมต้องยึดอำนาจ"
4. คุมสื่อเบ็ดเสร็จ : วันยึดอำนาจ ทุกฝ่ายที่ถูกควบคุมตัว ไม่มีท่านใดคาดคิดมาก่อน, และด้วยความเร็วของการประกาศ หลังจากแกนนำฝ่ายต่างๆ ถูกคุมตัว จึงเป็นสื่อนั่นเองที่โดนรัฐประหาร โทรทัศน์ วิทยุ ปิดหมด ปิดยาวกว่า 3 วัน ไม่มีช่องใด โผล่ แผล็มได้นาน จัดการทั้งทางคลื่นออกอากาศ และสัญญาณอินเตอร์เน็ต
เปิดเพลงทหารปลุกใจรักชาติ ซื่อ ตรงไปตรงมา และเอาทหารนำการเมือง
สื่อที่หืออือ โดนจัดการเรียบวุธ เท่าเทียม ทั้งวิทยุ หนังสือพิมพ์
5. หยุดม็อบโดยละม่อม : มวลชนทั้งสองฝ่าย ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม เด็ดขาด มาตรฐานเดียวกัน ทำให้ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมากเท่าใด กำลังทหารมิได้ไปหาแต่รอยยิ้ม แต่ยังพกกองกำลังเข้าไปรักษาความปลอดภัยด้วย
เรียกว่า ปรามม็อบด้วยกฎหมาย กองกำลัง และรถบัสช่วยเหลือกลับบ้าน
6. ทลายกำลังซ่องสุม : แรกเริ่มด้วยกฎอัยการศึก ถือเป็นการวางกำลัง ปูพรม ความพร้อม ในช่วงที่ไม่มีใครคาดคิดว่าทหารจะใช้กฎอัยการศึก แต่สถานการณ์สุกงอมจริงๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทหารชุดใต้ดินทำงาน ตรวจ สอบ จับ ค้น อาวุธสงครามได้มากมาย ผู้ต้องสงสัยแต่ละรายถูกจับพร้อมคลังอาวุธมากมาย
7. ตามเก็บแกนนำ : ถึงตอนนี้เห็นชัดแล้วว่า คสช. นั้น มีการเดินเกมรุกหน้าอย่างไม่หยึดยั้ง ตอนนี้ยุติอำนาจของวุฒิสภา เรียกตัวแกนนำและคนที่เกี่ยวข้องเข้ารายงานตัว เข้าค่าย ตัดทอนอำนาจและจุดเชื่อมโยงเครือข่ายต่างๆ ในระบอบทักษิณ และด้วยประกาศ/คำสั่งต่างๆ ที่ทยอยออกมาเรื่อยๆ เห็นชัดว่า แกนนำ ญาติ คนสนิท ทั้งในระบอบและนอกระบบ ทั้งนักวิชาการโดนตัดทอนกำลังหมดสิ้น
8. ปกป้องสถาบัน : การใช้อำนาจมีความเด็ดขาดมาก กฎเป็นกฎ แต่ไม่มีความรุนแรง เน้นใช้อำนาจทางกฎหมายเต็มที่ เท่าที่มีอยุ่ในมือ - คนชุมนุมต่อต้านก็โดนจับกุมเด้ดขาดภายใต้กฎอัยการศึก แถมพวกล้มเจ้า ทั้งทีวี ทั้งเว็บ ทั้งบุคคล
ไม่มีภาพและความเชื่อมโยงแสดงให้เห็นว่าการกระทำครั้งนี้เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัยรติย์ แต่ทำเพื่อรักษาชาติ และความสงบของประเทศ ไม่ทำให้สถาบันพระมหากษัยรติย์ตกเป็นเป้าทางการเมือง
9. จิตวิทยามวลชนเยี่ยม : ด้วยการเข้ามาอย่างถุกจังหวะ ประชาชนตระหนักว่าประเทศไม่มีทางออกแล้ว ถึงจุดฟางเส้นสุดท้าย รุ้ว่าถึงจุดที่ต้องใช้อำนาจรัฐประหาร ควบคุมความเสียหายเฉพาะคนที่เกียวข้อง ประชาชนไม่ได้รับความเดือดร้อน ใช้ชีวิตตามปกติ กฎ ประกาศต่างๆ มีความประนีประนอมตามความสมควรจำเป็น และสื่อสารตรงไปตรงมากับประชาชน การข่าวสื่อสารดี
10. ตีงูให้ตาย? : เดินเกมล่าตัว ล้างบาง ตัดเครือข่ายอำนาจการเมืองเดิมจอมปัญหา ปลดระวางเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นอุปสรรค เด็ดขาด ฉับไว ไม่ไว้หน้า แต่คงหลักการจริยธรรมและความถูกต้อง ตามสิ่งที่ประชาชนต้องการ
อันนี้ต้องดู ว่า จะตีแค่หลังหัก หรือจะเอาให้ตาย?
ที่สำคัญ เข้าใจปัญหา เล่นเกมรัฐประหารอำนาจ คสช. ได้วางโครงสร้างการบริหารงานภายใต้อำนาจทหารเบ็ดเสร็จ และเดินเกมปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง แต่ไม่ละเลยการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น คืนเงินจำนำข้าวชาวนา และ ปัญหาเศรษฐกิจก่อน

อียิปต์ ประกาศวันหยุดราชการให้ปชช.ไปเลือกตั้งวันนี้

สรุปข่าวเด่นในอียิปต์ วันอังคารที่ 27 พ.ค. 2557
1. นายกรัฐมนตรีอียิปต์ ประกาศว่าวันอังคารที่ 27 พ.ค. 2557 (วันนี้) เป็นวันหยุดราชการของอียิปต์ เพื่อให้ประชาชนชาวอียิปต์ไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดี (อัลอะห์รอม)
2. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอียิปต์ ได้เตรียมความพร้อมด้านการแพทย์ โดยเตรียมรถพยาบาลฉุกเฉินจำนวน 2,500 คัน เพื่อให้การบริการแก่ผู้ที่มาลงคะแนนเสียงทุกจังหวัดของอียิปต์ ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ 26 พ.ค. 2557 ไม่มีเหตุการณ์ไม่ปกติใดๆ ในช่วงการเลือกตั้ง (อัลเยาม์ ซาเบียะ)


จดหมายน้อยถึง คสช กรณี คุมตัว"สนธิ ลิ้มทองกุล"




จดหมายน้อยถึง คสช
ผู้ชายคนนี้ ชื่อ สนธิ ลิ้มทองกุล เป็นคนฉลาด กล้าหาญ และเป็นนักสู้ ที่มองการณ์ไกล ข้อสำคัญ.... เขาเป็นคนแรกที่ออกมาต่อสู้กับระบอบทักสิน และ นักการเมืองที่ทุจริตคอรับชั่นทุกค่าย อย่างไม่เกรงใจใครหากทุจริตจริง และ เขา เป็นคนแรกที่ออกมาจุดเทียนแห่งธรรม นำประชาชนกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญานต่อเบื้องพระฉาญาลักษณ์ ณ สวนลุมพินี ว่าจะปกป้องและจงรักภักดีต่อ ชาติศาสนา และ สถาบันสูงสุด ด้วยชีวิต 
วันนี้ คสช นำ ผู้ชายคนนี้ไปไว้ในค่ายทหาร ที่ราชบุรี พวกเราเข้าใจว่า เพื่อ ประโยชน์ของทางราชการและแผ่นดิน เพื่อความปลอดภัย
 แต่..... ชายคนนี้มีค่าสำหรับ พวกเรา นอกเหนือจากคนในครอบครัว เขายังมีภาระที่ต้องรับผิดชอบต่อ องค์กรที่มีลูกน้อง จำนวน 600กว่าครอบครัวที่ยืนหยัดอยู่เคียงข้างเจ้านายคนนี้ เสมอ 

ดังนั้น เมื่อ เป็นความต้องการของ คสช ในการให้ผู้ชายคนนี้ไปเก็บตัวในค่ายทหารที่ราชบุรี จะด้วยเหตุผลใดเราไม่สามารถรับทราบได้ แต่ เราหวังว่า ถ้าท่านฉลาดพอที่จะมองเห็นความจริงว่า ผู้ชายคนนี้ เหมาะสมที่จะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบ้านเมือง และพร้อมยืนหยัดสู้เพื่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ บนความถูกต้อง ด้วยเป็นคนจุดเทียนแห่งปัญญา และเอาธรรมนำหน้า 
คสช ไม่ควรปล่อยโอกาสที่มีในขณะนี้ในช่วงเวลาที่ผู้ชายคนนี้ยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของคสชผ่านไปอย่างไร้ค่า 
หากไม่ได้สนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ หากแต่ เอาเขาไปเก็บให้แค่พ้นหูพ้นตาเฉยๆ ก็ขอความกรุณาส่งเขากลับมาพวกเรา ประชาชนผู้รักชาติ และ พนักงานในเครือผู้จดการและเอเอสทีวี ตลอดจนครอบครัวที่รักและห่วงใยในผู้ชายที่ชื่อ สนธิ ลิ้มทองกุล

คสช. ควบคุมตัว "จาตุรนต์"คาFCCT หลังแถลงข่าว ไม่ยอมรับการรัฐประหาร

คสช. ควบคุมตัว "จาตุรนต์"คาFCCT หลังแถลงข่าว ไม่ยอมรับการรัฐประหาร 

              เมื่อเวลา 16:4น. ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (เอฟซีซีที) อาคารมณียา ถ.สุขุมวิทเจ้าหน้าที่ทหาร 20 นาย ได้ทำการควบคุมตัว "จาตุรนต์ ฉายแสง"อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ  บุคคลที่ทางคณะ คสช.เรียกให้มารายงานตัว แต่ยังไม่รายงานตัว แต่ ได้มาแถลงข่าว แสดงความเห็นต่อต้านคัดค้านการรัฐประหาร ให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศฟัง
โดยก่อนหน้าการถูกจับกุมตัว นายจาตุรนต์ กล่าว กับผู้สื่อข่าว ว่าการรัฐประหารคือการล้มล้างประชาธิปไตย การรัฐประหารจึงจะไม่สามารถทำให้เกิดกฎกติกาที่เป็นประชาธิปไตยได้ แต่จะยิ่งทำให้กติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอยู่แล้วไม่เป็นประชาธิปไตยหนักยิ่งขึ้น




  และการรัฐประหารไม่ใช่ทางออก หรือทางแก้ปัญหาความขัดแย้งในสังคม หากแต่จะทำให้เกิดความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น หากผู้มีอำนาจจัดการได้ไม่ดี อาจจะทำให้เกิดความรุนแรงและความสูญเสียมากยิ่งขึ้นด้วย การรัฐประหารเป็นกระบวนการที่ไม่เป็นประชาธิปไตยที่ทั่วโลก และคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยเองไม่ยอมรับ ย่อมส่งผลเสียต่อภาพพจน์ของประเทศ และซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจ พร้อมทั้งแสดงจุดยืนของตนเองว่าจะไม่เข้ารายงานตัว ต่อ คสช.แม้จะยอมรับอำนาจของ คสช. หลังมีพระบรมราชโองการ แต่งตั้งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

โครงสร้างของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)

โครงสร้างของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)




CNN อ้างว่า ไม่สามารถออกอากาศข่าวได้ในประเทศไทย

ในเฟสบุ๊คของ สำนักข่าวCNN อ้างว่า ไม่สามารถออกอากาศข่าวได้ในประเทศไทย แต่ก็เปิดช่องทางให้ติดตามข่าวสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยได้ผ่านช่องทางออนไลน์

ขณะนี้สถานี CNN ไม่สามารถ ออกอากาศในประเทศไทย ประชาชนคนไทยมีสิทธิที่จะรับรู้ความคืบหน้าสถานะการณ์ของบ้านเมือง และเราจะให้ข่าวสารอย่างต่อเนื่อง
http://cnn.it/1dniNMQ


"ธาริต"เก็บข้องจากออฟฟิศDSI

เวลาประมาณ 09.00 น. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เดินทางมาที่สำนักงานดีเอสไอ ถ.แจ้งวัฒนะ เพื่อเก็บของใช้ส่วนตัวออกจากห้องทำงานซึ่งอยู่ที่ชั้น 11 อย่างไรก็ตาม นายธาริตต้องเดินขึ้นโดยที่ไม่ใช้ลิฟต์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ผู้ชุมนุม กปปส. ได้ชุมนุมพร้อมกับตัดน้ำและตัดไฟ ทั้งนี้ ขณะที่นายธาริตกำลังเก็บของ ก็มีข้าราชการระดับสูงของดีเอสไอมาให้กำลังใจ นำโดย พ.ต.อ.ไพสิฐ์ วงศ์เมือง รองอธิบดีดีเอสไอ


ทหารเข้าควบคุมตัว จาตุรนท์ ฉายแสง กลางวงแถลงข่าวที่สโมสรผสข.ต่างประเทศ

ทหารเข้าควบคุมตัว จาตุรนท์ ฉายแสง กลางวงแถลงข่าว @pichet_news
15.44 น. คำสุดท้ายของจาตุรนต์ก่อนถูกจับ "ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ" his last word don't worry! @Pingz_TRnews

"จาตุรนต์" ขึ้นปาฐกถาที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศฯ - เผยพร้อมให้คสช.จับกุม

 เวลา 14.15 น. วันที่ 27 พ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีศึกษาในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเป็นบุคคลที่ทางคณะคสช. เรียกให้มารายงานตัว แต่ยังไม่รายงานตัว ได้ไปเป็นวิทยากร พูดเรื่องผลกระทบของการรัฐประหารที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (เอฟซีซีที) อาคารมณียา ถ.สุขุมวิท 

 โดยก่อนหน้านี้ นายจาตุรนต์ให้สัมภาษณ์พิเศษสื่อนอก สเตรทไทมส์ ระบุว่า หลังจากการแถลงใหญ่ต่อสาธารณะ ตนก็พร้อมให้ทางคสช. จับกุม

 ทั้งนี้ มีกระแสข่าวว่า นายจาตุรนต์พร้อมให้ทางเจ้าหน้าที่ทหารเข้าจับกุมที่เอฟซีซีที หรือหลังจากการพูดปาฐกถาบนเวทีจบลง

 ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า คสช.เตรียมส่งทหารคุมตัวนายจาตุรนต์ หลังแถลงข่าวกับสื่อต่างชาติ ชี้เข้าข่ายสร้างความขัดแย้ง ละเมิดคำสั่งคชส. เตรียมนำตัวขึ้นศาลทหาร

 ล่าสุดเฟซบุ๊กของนายจาตุรนต์ เผยแพร่ปาฐกถาที่แถลงที่เอฟซีซีที ดังนี้ 



 เรียนพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตย สื่อมวลชน และประชาคมโลก

ตามที่ได้เกิดการรัฐประหารขึ้นดังที่ทราบทั่วกันอยู่แล้ว ได้มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับตัวผมทั้งก่อนและหลังการรัฐประหารอยู่บ้าง ผมจึงขอชี้แจงต่อพี่น้องประชาชนดังต่อไปนี้


ความเห็นต่อการรัฐประหาร


ในหลายสิบปีมานี้ผมได้แสดงความเห็นคัดค้านไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารมาตลอด และในหลายปีมานี้ก็ได้แสดงความเห็นไว้ด้วยว่าไม่ว่าประเทศจะมีปัญหาร้ายแรงอย่างไร การรัฐประหารก็ไม่ใช่ทางออก หากมีแต่จะทำให้ปัญหาเลวร้ายยิ่งขึ้นเสมอ เมื่อเกิดการรัฐประหารขึ้นในครั้งนี้ ผมก็มีความเห็นเช่นเดิมและได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารไปแล้ว


ขอย้ำในโอกาสนี้ว่าการรัฐประหารโดยตัวมันเองคือการล้มล้างประชาธิปไตยอยู่แล้ว การรัฐประหารจึงจะไม่สามารถทำให้เกิดกฎกติกาที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น หากจะยิ่งทำให้กติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอยู่แล้วไม่เป็นประชาธิปไตยหนักยิ่งขึ้น


การรัฐประหารไม่ใช่ทางออกหรือทางแก้ปัญหาความขัดแย้งในสังคมหากมีแต่จะทำให้เกิดความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น ที่น่าเป็นห่วงคือ หากผู้มีอำนาจจัดการได้ไม่ดีอาจจะทำให้เกิดความรุนแรงและความสูญเสียมากยิ่งขึ้นด้วย


การรัฐประหารเป็นกระบวนการที่ไม่เป็นประชาธิปไตยที่ทั่วโลกและคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยเองไม่ยอมรับย่อมจะส่งผลเสียต่อภาพพจน์ของประเทศ ต่อความร่วมมือกับประเทศต่างๆและซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจของประเทศซึ่งบอบช้ำมามากแล้ว


สำหรับการที่อ้างว่าสังคมไทยมีความขัดแย้งและเกิดความรุนแรงและความสูญเสียอย่างมากจนกระทั่งผู้นำกองทัพจำเป็นต้องประกาศกฎอัยการศึกแล้วทำการรัฐประหารนั้นความจริงแล้วผู้นำกองทัพมีทางเลือกอื่นมาตั้งแต่ต้นคือ การร่วมมือกับรัฐบาลในการบังคับใช้กฎหมายอย่างยุติธรรมต่อทุกฝ่าย ซึ่งหากทำเช่นนั้นเหตุการณ์ก็จะไม่บานปลายจนกระทั่งกลายเป็นข้ออ้างถึงความจำเป็นในการที่ต้องทำรัฐประหาร


เหตุผลที่ไม่ได้ไปรายงานตัวต่อคสช.


ผมได้อธิบายผ่านสื่อมวลชนไปแล้วว่าเมื่อผมไม่ยอมรับการรัฐประหาร ผมจึงไม่อาจไปรายงานตัวต่อคณะรัฐประหารได้ ขอชี้แจงเพิ่มเติมอีกด้วยว่าผมมีความเห็นมาแต่ต้นและได้แสดงความเห็นต่อรัฐมนตรีหลายท่านและต่อสาธารณชนด้วยว่าการประกาศใช้กฎอัยการศึกที่ได้ทำไปนั้นไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและขัดต่อพ.ร.บ.กฎอัยการศึกเองเนื่องจากไม่ได้มีประกาศพระบรมราชโองการส่วนการรัฐประหารนั้นก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการตั้งพลเอกประยุทธ์เป็นหัวหน้าคสช. ย่อมไม่อาจถือได้ว่าการรัฐประหารได้สำเสร็จเสร็จสิ้นแล้ว การกระทำของพลเอกประยุทธ์กับพวกที่ประกาศยึดอำนาจจึงขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 คำสั่งต่างๆของคสช.ในช่วงที่ยังไม่มีพระบรมราชโองการตั้งหัวหน้าคสช.จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ความจริงข้อนี้จะสังเกตได้ไม่ยากว่าต่อไปก็จะต้องมีการนิรโทษกรรมการกระทำต่างๆของคณะคสช.ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่มีพระบรมราชโองการตั้งหัวหน้าคณะคสช.


ในอดีตเคยมีการพยายามทำรัฐประหารมีคำสั่งให้ใครต่อใครไปรายงานตัว แต่เมื่อไม่มีพระบรมราชโองการตั้งบุคคลเหล่านั้นให้ควบคุมการบริหารราชการ ต่อมาคณะบุคคลนั้นก็กลายเป็นกบฏไป ผู้ที่ไปรายงานตัวหรือให้ความร่วมมือก็พลอยมีความผิดไปด้วย


จากประสบการณ์ในอดีตและข้อกฎหมายดังกล่าวผมจึงได้ตัดสินใจไม่ไปรายงานตัวต่อคสช.ทั้งนี้ก็ได้ประกาศไว้อย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการหลบหนี ไม่ต้องการเคลื่อนไหวต่อต้านหรือลงใต้ดินต่อสู้แต่อย่างใด และพร้อมที่จะให้คุมตัวในเวลาที่เหมาะสม


สิ่งที่จะทำต่อไป


ผมยังยืนยันว่า จะใช้สิทธิเสรีภาพเท่าที่มีอยู่ต่อสู้เรียกร้องให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย โดยเริ่มจากการเรียกร้องให้คสช.คืนอำนาจอธิปไตยให้แก่ประชาชนและให้มีการเลือกตั้งตามกติกาที่เป็นประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุดทั้งนี้การดำเนินการใดๆของผมจะเป็นไปโดยสันติวิธี สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 2 และเป็นไปตามกฎหมายที่ชอบธรรม


การให้จับกุมหรือคุมตัว


ผมได้พูดไว้แล้วว่าพร้อมจะให้คสช.มารับตัวหรือคุมตัวไปในเวลาที่เหมาะสมบัดนี้เมื่อมีพระบรมราชโองการตั้งหัวหน้าคสช.ขึ้นแล้ว แม้ผมจะยังคงไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร แต่ก็ทราบว่าคสช.ย่อมมีอำนาจตามระบบกฎหมายของไทยในหลายๆประการ ผมจึงพร้อมที่จะให้คสช.มาควบคุมตัวไปดำเนินการต่อไปตามแต่จะเห็นเหมาะสม


ผมได้เลือกการแสดงออกในการคัดค้านตามหลักอารยะขัดขืนซึ่งก็ต้องพร้อมที่จะยอมรับผลทางกฎหมายที่จะตามมา หากจะมีการดำเนินคดีก็พร้อมจะสู้คดีตามสิทธิ์ที่พึงมีต่อไป


เนื่องจากเข้าใจว่าอาจมีการดำเนินคดีกับบุคคลจำนวนไม่น้อยผมจึงขอเสนอว่าการดำเนินคดีต่อผู้มีความเห็นแตกต่างทางการเมืองนั้นไม่ควรใช้ศาลทหาร แต่ควรให้ศาลยุติธรรมพิจารณาไปตามปรกติ


ข้อเสนอต่อคสช.


1. คืนอำนาจอธิปไตยให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด ให้มีการเลือกตั้งตามกติกาที่เป็นประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด


2. ขอให้หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน ไม่ปราบประชาชนและไม่เลือกปฏิบัติในการใช้กฎหมาย เพื่อป้องกันความรุนแรงในสังคม ควรเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นและต่อสู้เรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยโดยสันติวิธีได้ ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงความรุนแรงได้ดีกว่าจะผลักไสให้ประชาชนหันไปต่อสู้ด้วยวิธีอื่นๆ


3.ส่งเสริมให้มีการแสวงหาความรู้ประสบการณ์เกี่ยวกับการทำให้ผู้คนในสังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุขถึงแม้ว่าจะมีความคิดเห็นที่ต่างกันนี่คือปัญหาพื้นฐานอย่างหนึ่งของสังคมไทย การใช้อำนาจความเด็ดขาดไม่ใช่ทางออก


4.ปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมอยู่ทั้งหมดอย่างไม่มีเงื่อนไขโดยเร็วที่สุด


5.หากต้องการปฏิรูปจริงก็ขอให้เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมให้มากที่สุด ขอความกรุณาเข้าใจว่าสังคมไทยมีความเห็นแตกต่างกันอย่างมาก ทั้งต่อรัฐธรรมนูญปี 50 และต่อการปฏิรูปที่หลายฝ่ายเสนออยู่ การหาข้อยุติจึงไม่ใช่เรื่องง่าย


6. ในการดำเนินการต่างๆต่อจากนี้ไป หวังว่าท่านจะคำนึงถึงความเป็นที่ยอมรับของนานาอารยประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน


ข้อเสนอต่อผู้รักประชาธิปไตย


ย่อมเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่ประชาชนจะแสดงความไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารและการดำเนินการใดๆที่สืบเนื่องจากการรัฐประหาร


ขอเสนอให้การเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยเป็นไปโดยสันติวิธีพร้อมที่จะรับกับสภาพที่สังคมไทยอาจจะตกอยู่ในวิกฤตที่ยืดเยื้ออีกนานหลายปี


ปัญหาของบ้านเมืองได้สะสมกันมามากในหลายปีมานี้ประชาธิปไตยที่ประชาชนเราพยายามรักษากันตลอดมาได้ค่อยๆร่อยหรอลง จนในที่สุดเราก็ต้องสูญเสียประชาธิปไตยไปจากการรัฐประหาร จากนี้ไปกฎกติกาของบ้านเมืองจะเป็นอย่างไรก็ยังมีความเห็นที่ต่างกันอย่างมากในสังคมไทย จำเป็นที่ผู้รักประชาธิปไตยจะต้องช่วยกันคิดว่า กติกาที่เป็นประชาธิปไตยควรเป็นอย่างไร และจะทำอย่างไรให้ประชาชนส่วนใหญ่ยอมรับและสนับสนุนให้เกิดขึ้นได้อย่างไร


ข้อเสนอต่อประชาคมโลก


ขอขอบคุณรัฐบาลประเทศต่างๆและองค์กรระหว่างประเทศทั้งหลายที่ห่วงใยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในไทย ที่ได้พยายามหาทางระงับยับยั้งไม่ให้เกิดการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน และที่ได้แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการประกาศใช้กฎอัยการศึกและการทำรัฐประหารครั้งนี้



ขอขอบคุณที่ได้เรียกร้องให้คณะรัฐประหารคืนความเป็นประชาธิปไตยและให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด
หวังว่าความช่วยเหลือตามหลักประชาธิปไตยบนพื้นฐานของความเป็นอารยประเทศนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป


ขอขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชน


ขอขอบคุณที่ช่วยเสนอข่าวสารข้อเท็จจริงให้สาธารณชนทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ทราบตลอดมา


ขอบคุณที่เสนอข่าวการชี้แจงครั้งนี้


ขอย้ำว่า"ความจริง"เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการแก้ปัญหาวิกฤตของทุกสังคม


ขอขอบคุณทุกท่าน
จาตุรนต์ ฉายแสง
///////////
15:40น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทหารได้เดินทางไปที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศเพื่อควบคุมตัว นายจาตุรนต์ ฉายแสง แล้ว

สาธิต เซกัล ชม"ประยุทธ์"ทำรัฐประหารเตรียมบินช่วยชี้แจงรบ. ๕ ประเทศ


นายสาธิต เซกัล ประธานชมรมนักธุรกิจไทยอินเดีย โพส FB Satish Sehgal ชื่นชมทหารทำรัฐประหาร บอกสัปดาห์หน้าตนเองจะรับอาสาไปทำความเข้าใจกับภาครัฐและเอกชนในอินเดียและอีก ๕ ประเทศใกล้เคียง เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการทำการค้าการลงทุนและมาเที่ยวกับไทย


ขอกราบคารวะพ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่เคารพรักทุกท่าน ก่อนอื่นขอชื่นชมพี่น้องทหารที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์บ้านเมืองที่ปั่นป่วน เนื่องจากเกิดความไม่สงบจนทำให้ประชากรผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนยี่สิบกว่าคนและยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนหลายร้อยคน กระผมเชื่อว่าพลเอกประยุทธ ท่านมีความจริงใจที่จะแก้ปัญหานานาชนิดของบ้านเมือง และจะนำความสงบ ความเจริญก้าวหน้ามาสู่ประชาชนอย่างรวดเร็ว กระผมขอชื่นชมบทบาทของท่านในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และนำประเทศไทยที่รักยิ่งของพวกเราให้กลับมาเป็นประเทศที่ประชากรอยู่เย็นเป็นสุข มีโอกาสในการดำเนินชีวิตโดยไม่โดนคุกคาม มีรายได้ดี การค้าเจริญเติบโต ส่วนด้านต่างประเทศ กระผมเชื่อว่าจะมีนักลงทุนจากต่างประเทศจะหันมาลงทุนในบ้านเรามากขึ้น ในด้านการท่องเที่ยวทุกอย่างจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เนื่องจากประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีศักยภาพในด้านการท่องเที่ยวดีกว่าอีกหลายประเทศ มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกประการ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ชาวต่างประเทศชื่นชมและนิยม และสิ่งสำคัญที่สุดพ่อแม่พี่น้องชาวไทยต้อนรับชาวต่างประเทศด้วยความอบอุ่นและจริงใจ จึงทำให้นักท่องเที่ยวรู้จักและเรียกประเทศไทยเป็นสยามเมืองยิ้ม

ในช่วงสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป กระผมจะอาสาเดินทางไปประเทศอินเดียและประเทศข้างเคียงอีกห้าประเทศ เพื่อทำความเข้าใจให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้รู้ถึงสถานการณ์ที่แท้จริงของประเทศไทย เพื่อให้ประเทศดังกล่าวได้มีความมั่นใจ ในการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวให้ดีขึ้น ถือว่าเป็นหน้าที่ของกระผมในฐานะชาวต่างประเทศที่มาอาศัยแผ่นดินไทยอยู่มาร่วมห้าสิบกว่าปีแล้ว และในฐานะผู้นำนักธุรกิจของภาคเอกชน ในการเดินทางครั้งนี้กระผมจะใช้ค่าใช้จ่ายส่วนตัวเพื่อแสดงความจริงใจและความบริสุทธิ์ใจ

กระผมขอขอบคุณและชื่นชมท่านพลเอกประยุทธและคณะที่ได้ประกาศมาตรการในการเทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมาหากษัตริย์ที่เป็นที่รักและเคารพของพ่อแม่พี่น้องชาวไทยและของพวกเราชาวต่างประเทศที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย การจาบจ้วงสถาบันเป็นสิ่งที่รับไม่ได้และจะต้องมีการจับกุมผู้ดูหมิ่นและจาบจ้วงอย่างเด็ดขาด กระผมเคยแสดงความกังวลในเรื่องนี้กับท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุดในวันที่ท่านได้เปิดสัมมนาเพื่อหาทางออกให้ประเทศไทย กระผมจึงต้องขอขอบคุณมาอีกครั้ง ว่าวันนี้สิ่งที่กระผมอยากเห็นได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว สถาบันพระมหากษัตริย์จะต้องยั่งยืนอยู่คู่กับประเทศไทยตลอดไป เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการปกป้องอธิปไตยและการอยู่รอดของประเทศ ที่ไม่ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของอาณานิคมและยังมีบทบาทสำคัญในด้านสังคม ศาสนา เป็นสถาบันที่ผูกมัดให้ชาวไทยเป็นหนึ่งเดียวมาตลอด