PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ผู้นำหวยล็อก ชิงพื้นที่อำนาจ

ผู้นำหวยล็อก ชิงพื้นที่อำนาจ

“ประยุทธ์” ปรับท่าทีสะท้อน “จูน” ห้องเครื่องลงตัว 

ปฏิทินย่างเข้าครึ่งปีหลัง สู่ห้วงไตรมาสสาม

ตามเงื่อนเวลาของเทอมรัฐบาล คสช.ที่หดสั้นลงเรื่อยๆ

ขณะที่สถานการณ์ความคืบหน้ากระบวนการโรดแม็ป มาหยุดอยู่กับการพิจารณากฎหมายลูกสำคัญ 2 ฉบับ นั่นคือร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

กลายเป็นเรื่อง “เหยียบตาปลา” กันเองของทีมแม่น้ำ 5 สาย

ทั้งปม “ไพรมารีโหวต” ที่ “หนุมานเหาะเกินกรุงลงกา” สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แก้ไขเพิ่มเติม ดัดแปลงร่างเดิมของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ จนทีมงานของ “ซือแป๋” นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ยังรับไม่ได้

ยืนกรานเลยว่า มีปัญหาในทางปฏิบัติแน่นอน

หรือประเด็น “เซ็ตซีโร่” คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญให้ยาแรงขนานหนักจนทีม 5 เสือ กกต.กระอัก และก็ไม่ยอมหลบทางถอยง่ายๆ

ต่างฝ่ายต่างยื้อยุดฉุดกระชากลากถู ยึด “หลักความถูกต้อง” ของฝั่งตัวเอง

ย้อนศร ย้อนคอหอย ล่อกันฝุ่นตลบ

ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวายของนักการเมืองที่อ่านไต๋ ชิงดักทาง คสช. จะอาศัยกระบวนการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมฯฟันธงกฎหมายลูกที่เป็นปัญหา

หนีไม่พ้นต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ มองยังไงก็ไม่ทันโรดแม็ป

ถือเป็นการ “หน่วงเวลา” เลือกตั้งกันแบบนิ่มๆเนียนๆ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยเงื่อนไขเวลาที่กระชั้นเข้ามาถึงกำหนดเส้นตาย สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ส่วนหนึ่งได้ร่อนใบลาออกตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ

เพื่อเปลี่ยนชุดจาก “นักลากตั้ง” แต่งตัวรอลงสนามเลือกตั้ง

ตามจังหวะเร้า ปี่กลองเชิดฉิ่งโหมโรง ในอารมณ์ของพวกกระสันเลือกตั้ง อยากลงสนามเต็มแก่
แต่ในอาการของฝ่ายคุมเกมอย่าง คสช.ที่ถืออำนาจอยู่ในมือ ยังไม่ผลีผลาม ท่องบทเดิม ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการโรดแม็ปที่ประกาศไว้

ณ วันนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

และก็เป็นอะไรที่มาได้ตรงจังหวะสถานการณ์พอดีกับผลสำรวจของ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ที่เปิดตัวเลขการแสดงความเห็นของประชาชนล่าสุด

ส่วนใหญ่เห็นด้วยที่จะมีการตั้งพรรคการเมืองเพื่อสนับสนุนรัฐบาล คสช.

โดยเป็นประเด็นต่อเนื่องมาจากการที่ประชาชนส่วนใหญ่อยากเห็นพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อ-ไทยจับมือกันตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งรอบหน้า

แต่ก็ไม่เชื่อว่า จะเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่เป็นไปได้จริงๆ

ก่อนอื่นเลยด้วยความเป็นเหตุเป็นผลของโพลที่ออกมาถือว่า มีน้ำหนัก

ไม่ได้เป็นแค่ “โพลเชลียร์”

และด้วยเหตุและผลดังกล่าว นั่นก็พอจะอนุมานได้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่พร้อมยอมรับรูปแบบการเมืองที่อาจจะผิดเพี้ยนจากรูปแบบปกติทั่วไป

ขอแค่ให้ลงล็อกลงตัว เหมาะกับสถานการณ์เมืองไทย ณ ห้วงเวลานี้

แน่นอนด้วยตัวเลขโพลนิด้าที่ออกมา มันถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ส่งผลดีกับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคสช.

เพราะนั่นเท่าการยอมรับในบทบาทของรัฐบาลทหาร

ยืนยันกระบวนการบริหารด้วยอำนาจพิเศษ ที่ผ่านมาได้รับการยอมรับระดับหนึ่ง

ไม่ขัดข้องถ้าจะกลับมาเป็นรัฐบาล เบิ้ลรอบสอง

และจุดที่น่าสังเกตก็คือ ท่วงทำนองที่เปลี่ยนไปของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อถูกถามถึงเรื่องโพลประชาชนเชียร์ให้ตั้งพรรคการเมืองสนับสนุน คสช.

เจ้าตัวตอบแบบหล่อๆแค่ “สถานการณ์จะเป็นตัวชี้วัดเองว่าเราควรจะทำอย่างไรในอนาคต”

จับอาการเริ่ม “แทงกั๊ก” จากแรกๆที่จะปฏิเสธเสียงแข็ง ควันออกหูทันทีที่ถูกถามเรื่องการสืบทอดอำนาจ ยืนยันแค่เข้ามากู้วิกฤติของบ้านเมืองเท่านั้น

ไม่เคยมีความคิดเล่นการเมืองแต่อย่างใด

โดยลีลาที่แปลกไปของผู้นำ คสช. สะท้อนแนวโน้ม “เงื่อนไขเปลี่ยนไปแล้ว”

ถึงตรงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่พูดมัดคอตัวเอง เลี่ยงเดินตามรอย “ตระบัดสัตย์เพื่อชาติ” เหมือนนายทหารรุ่นพี่อย่าง “บิ๊กสุ” พล.อ.สุจินดา ครา-ประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี ในยุครัฐบาล รสช.

เหมือนเปิดช่อง “เคลียร์ทาง” รอไว้

ขณะเดียวกันก็มีความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ที่นำทีมงานรัฐบาลเดินสายพบปะพูดคุย สร้างความเข้าใจที่ดีกับผู้บริหารสื่อหลายสำนัก

ปรับฟอร์มจากคนที่ไม่ชอบสุงสิง ไม่เคยเข้าหาสื่อเลย

โดยรูปการณ์มันต้องมีเป้าหมายกับการยอมเปลี่ยนท่าทีแบบ 180 องศา

“นายกฯลุงตู่” เริ่มเดินล้อตามจังหวะสถานการณ์

ยิ่งเป็นอะไรที่ประเมินตามเงื่อนไขในเชิงยุทธศาสตร์ ไล่กันตั้งแต่ภารกิจตาม พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) การเดินหน้าวาระแห่งชาติ “ไทยแลนด์ 4.0” ในการขับเคลื่อนประเทศไทยในทุกมิติ

การอัดฉีดสารพัดโครงการ มาตรการช่วยเหลือประชาชนภายใต้ยี่ห้อ “ประชารัฐ”

ตามรูปการณ์แบบที่นายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล นักวิชาการ อดีตคนเดือนตุลาฯ วิเคราะห์สิ่งที่รัฐบาล คสช.ดำเนินการว่า เป็นมาสเตอร์แพลนในการชิงมวลชน

เป็นกลไกสถาปนาอำนาจของชนชั้นนำ

ประกอบกับความพยายามปรับโหมดการทำงานแบบเข้าถึงชาวบ้าน รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์มีแนวคิดฟื้นกิจกรรมการเดินสายจัดประชุม “ครม.สัญจร” ไปตามต่างจังหวัด

ก็ยิ่งชัดเจน เป็นยุทธศาสตร์การตีฐานเสียงของนักการเมือง

ตามท้องเรื่องที่มีการมองไปถึงความเป็นไปได้ในการวางหมากให้ พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมพร้อมลงสนามเลือกตั้งเอง เพื่อความสง่างามและความชอบธรรม

กับสถานะของนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง

ทั้งหมดทั้งปวง ว่ากันตามปรากฏการณ์ โพลสะท้อนประชาชนส่วนใหญ่หนุนให้มีพรรคการเมืองสนับสนุนการทำงานของ คสช. ล้อกับบทวิเคราะห์เรื่องการชิงพื้นที่ของชนชั้นนำกับนักการเมือง

สอดคล้องกับ พล.อ.ประยุทธ์ก็เริ่มปรับท่าที ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธการลงสนามการเมือง และการปรับโหมดเข้าหาชาวบ้านของรัฐบาล มีการมองไปถึงการปูทางลงสนามเลือกตั้ง

ประกอบกับเงื่อนไขความจำเป็นในการนำพาประเทศไทยก้าวพ้นช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่การปฏิรูป

ทุกอย่าง “จูนเครื่อง” กันลงล็อกลงตัว

ถึงตรงนี้ก็ไม่แปลกถ้าจะฟันธง “นายกฯลุงตู่” คือ “ผู้นำหวยล็อก”

ชิงพื้นที่อำนาจของชนชั้นนำคืนจากนักการเมือง

เป็นการเดินแต้มของทหาร ไม่ให้ปฏิวัติ “เสียของ” ซ้ำซาก

แต่กระนั้นก็ตาม ก็ต้องขึ้นอยู่กับการประคองศรัทธาของประชาชนให้ได้ตลอดด้วย

โดยเฉพาะปมอันตรายของรัฐบาล คสช.ที่ต้องปิด “จุดตาย” เรื่องของ เพื่อนพ้อง น้องพี่ ไม่ให้ไปแสวงหาผลประโยชน์จนโดนจับได้

ไล่ทัน ประชาชนโห่ไล่ก็พังเหมือนกัน

ถึงแม้จะหลีกไม่ได้กับไฟต์บังคับ ต้องสงวน “จุดอ่อน” เพื่อรักษา “จุดแข็ง”

“น้องเล็ก” ขาด “พี่ใหญ่” ไม่ได้ เพราะรัฐบาลยวบแน่

แต่เมื่อเปลี่ยนตัวบุคคลไม่ได้ ก็คงต้องมีการขอร้องให้เปลี่ยนท่าที ปรับพฤติกรรมกันบ้าง

เพราะโอกาสบังเอิญเข้าล็อกแบบนี้ มันไม่ได้มาง่ายๆ.
“ทีมการเมือง”

เริ่มเห็นเค้าสูตรพิเศษ

เริ่มเห็นเค้าสูตรพิเศษ

จากชุดคำถามที่ยิงต่อเนื่อง หลังจากที่มี สปท.เปิดไต๋ชัดๆพร้อมคิวทิ้งเก้าอี้ก่อนเวลาเพื่อเตรียมแต่งตัวลงสนามการเมือง ก่อนครบเดดไลน์ 90 วัน ตามรัฐธรรมนูญ มีคิวปล่อยของแถม

อ่านไต๋ผู้มีอำนาจเตรียมตั้ง “พรรคทหาร”

จนถึงสำนักโพลช่วยแตกประเด็น สรุปผลสำรวจความเห็นประชาชน ไม่ขัดข้องหากจะมีการตั้งพรรคการเมืองหนุน คสช. ชี้ทำนอง “ทางโล่ง” ค่าย “เขียวลายพราง” ในคิว “ต่อท่ออำนาจ”

เลยคิดแทนผู้นำ อ่านทางบิ๊ก คสช.กันเจี๊ยวจ๊าวเลย

และที่เป็นตัวกระตุ้น คงเพราะจับโฟกัสไปที่ตัวละครเอก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. รอบนี้ถึงไม่ตอบรับ แต่ไม่เสียงแข็งบอกปัดเช่นเคย

“สถานการณ์จะเป็นตัวชี้ชัดต่อไปเอง”

ล่าสุด ถูกบี้ให้พูดให้ชัดปมนี้ “บิ๊กตู่” กลับมาปฏิเสธ “ไม่ใช่เวลาจะตอบ”

ไม่มัดคอให้โดนเสียงสวด “เสียสัตย์” ในวันข้างหน้า

แต่เพียงแค่กั๊กๆเท่านี้ บรรดา “นักอ่านทาง” อำนาจ รอปั่นกระแสก็คึกคักในฉับพลัน ทั้งที่ประเภทมีโบรกเกอร์ “นายหน้าผู้มีอำนาจ” มาทาบทามจริง ทั้งที่ใช้วิชาปั่นค่าตัว เร่ง “โชว์ของ” กันยกใหญ่
เตรียมเสลี่ยงรอหาม “บิ๊กตู่” กันพร้อมเพรียง

ทั้งนายสมพงษ์ สระกวี ที่ทิ้งเก้าอี้ สปท.ประกาศจะรวมกับ “เพื่อน ตท.12” ของนายกฯ ไปผนึกกับพรรคเล็กๆ เป็นพรรคกลางๆพอดีคำ โดยยกชื่อ “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ มาเอี่ยว
เข้าเค้ากระแสข่าวอดีตบิ๊ก คมช.กำลังซุ่มเตรียม “งานใหญ่” อยู่เหมือนกัน

ยังไม่รวมค่ายที่เปิดตัวรอแล้วเพียบ อาทิ พรรคประชาชนปฏิรูป ที่รออุ้ม “บิ๊กตู่”เต็มแรง พรรคพลังท้องถิ่นไท มีข่าวเป็นหนึ่งในค่ายการเมืองใหม่ ที่มี “ชัชวาลย์ คงอุดม” อดีต ส.ว.กทม. เป็นสปอนเซอร์
ผู้ยิ่งใหญ่แห่งย่านเตาปูนรายนี้ก็แน่นปึ้กกับ “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ ที่อีกทางก็มีข่าวเชื่อมต่อคอนเน็กชั่นเครือข่ายเก่าในพรรคเพื่อไทย ที่เคยร่วมงานกันมาสมัยยุครัฐบาลทักษิณ

นอกจากนี้ บรรดา “ดีลเมกเกอร์” สายต่างๆก็เริ่มมีความเคลื่อนไหว ทั้งข่าวดีลป้อมค่ายในสายเอสเอ็มอี การรวมตัวจัดตั้งสโมสรอดีต ส.ส. การเคลื่อนไหวของข้าราชการ นักการเมืองท้องถิ่นพื้นที่เมืองหลวงผิดปกติ

พร้อมๆกับบิ๊กเนมการเมืองอย่าง “เดอะจ้อน” อลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท. หรือ “บิ๊กแดง”
พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กระทั่ง “บิ๊กวิน” พล.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.
มืองานคอนเน็กชั่นกว้างขวาง เริ่มถูกเอ่ยถึงถี่ในช่วงนี้

อีกทางหนึ่ง หันมาที่ 2 พรรคใหญ่ ประชาธิปัตย์-เพื่อไทย ถึงแม้ไม่ถูกเอ่ยอ้างถึง

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าปิ๋วจากแผนอำนาจ

เพราะเอาเข้าจริง มองข้ามช็อต ถึงแม้กฎกติการัฐธรรมนูญใหม่จะเอื้อให้พรรคขนาดกลางขนาดย่อม แต่ก็น่าจะ“พองตัว” ได้ระดับหนึ่ง ขณะที่พรรคใหม่ก็ยังไม่ชัดว่าจัดตั้งเต็มสูบ ถึงขั้นปั้นเป็นพรรคหลัก

บวกแต้มแล้วกรุ๊ปนี้ จาก 500 ที่นั่ง ส.ส.ทั้ง 2 ระบบ ได้บวก-ลบ แต้ม 100 คงไม่มากน้อยเท่าไหร่

ยังไงก็ต้องพึ่งพาเสียงพรรคใหญ่ประเภท 100 แต้มขึ้นเป็นหลัก

หากจะตามรอยสูตรสำเร็จ “รัฐบาลผสม” ฉบับ “ป๋าโมเดล”

เพียงแต่จะเป็นค่ายไหน ปชป.-เพื่อไทย คอการเมืองก็คงมองออก

นั่นก็ไม่แปลกที่คนค่าย ปชป.จะออกลูกเฮี้ยวใส่อำนาจพิเศษบ่อยๆ เหมือนมั่นใจยังไงก็อยู่ในข่าย “ถูกเลือก” ตามสูตรบังคับ

ยังไงก็มีแต้มต่อ รอตั๋วขึ้นขบวนรถไฟสายอำนาจรอบต่อไป

โดยอาจลืมฉุกคิดไปเหมือนกันว่า สายลมของการเปลี่ยนแปลงในช่วงเปลี่ยนผ่านไม่มีอะไรแน่นอน

บางครั้งผกผัน พัดมาวูบเดียว พลิกทิศเปลี่ยนทางกันเลย.

ทีมข่าวการเมือง

"พลโทอภิรัชต์" อดีต ผบ.พล.1รอ. เฉพาะกิจ เพื่อรัฐประหาร ...

"พลโทอภิรัชต์" อดีต ผบ.พล.1รอ. เฉพาะกิจ เพื่อรัฐประหาร ...
จาก ขุมปฏิวัติ กองพลที่1 รักษาพระองค์...บนเส้นทางเหล็ก สู่ เก้าอี้ แม่ทัพภาค1 ห้าเสือทบ. และผบ.ทบ.
บิ๊กแดง พลโท อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาค1 ในวันนี้ และอดีต ผบ.พล.1รอ. ที่นั่งแค่6 เดือน เพื่อมาคุมกำลัง ตอนรัฐประหาร 22พค.2557...ก็อยู่ในเส้นทางเหล็ก.... ที่โยกย้ายนี้ จ่อขึ้น พลเอก 5 เสือทบ. เป็น "ผช.ผบ.ทบ." เพื่อ รอเป็น ผบ.ทบ.
ในสาย วงศ์เทวัญ และ สาย "จันทร์โอชา" น้องรัก นายกฯ บิ๊กตู่
เก้าอี้ ผบ.พล.1รอ. ถือเป็นเส้นทางเหล็ก ก่อนขึ้น แม่ทัพภาค1 ห้าเสือทบ.และเป็น ผบ.ทบ. ในอนาคต... ส่วนใหญ่ นายทหารที่เป็น ผบ.พล.1รอ. มักจะได้เป็น แม่ทัพภาค1 และ ผบ.ทบ.
ในยุคหลังๆ นี้ เช่น บิ๊กซัน พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก บิ๊กตุ๋ย พลเอกอิสระพงศ์ หนุนภักดี พลเอกวิมล วงศ์วานิช บิ๊กเกาะ พลเอกสมทัต อัตตะนันทน์. บิ๊กป๊อก พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา
ก่อนมาเป็นคิวของ ผบ.พล.ร.2รอ. บูรพาพยัคฆ์ ขึ้นแม่ทัพภาค1 และ ผบ.ทบ. ตั้งแต่ พลเอกอนุพงษ์ มา บิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

"คสช." สวนกระแส ยันหนุน ใช้ "พ.ร.ก. แรงงานต่างด้าว"

"คสช." สวนกระแส ยันหนุน ใช้ "พ.ร.ก. แรงงานต่างด้าว"ชี้ช่วยสร้างมาตรฐานการดูแลแรงงานให้เป็นระบบ /"บิ๊กเจี๊ยบ" สั่งทหารเร่งชี้แจงปชช.ให้เข้าใจ และอย่าให้มีการสร้างความเข้าใจผิด หรือ หาผลประโยชน์
​​
พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ./เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
เป็นประธานการประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ บก.ทบ.
พันเอกหญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคสช. เปิดเผยว่า ในที่ประชุม พลเอก เฉลิมชัย กล่าวถึงการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.๒๕๖๐ ซึ่งสังคมให้ความสนใจว่า กฎหมายดังกล่าวถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ภาครัฐจะต้องปรับปรุงเพื่อบริหารจัดการและจัดระบบแรงงานต่างด้าวให้เป็นมาตรฐานสอดคล้องกับกฎกติการะหว่างประเทศ
จึงขอให้ทุกหน่วยงานโดยเฉพาะกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ได้ไปศึกษาในรายละเอียดของเรื่องดังกล่าว
สำหรับใช้เป็นแนวทางในการประสานการปฏิบัติงานร่วมกับส่วนราชการต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีแรงงานต่างด้าวทำงานอยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงพื้นที่ชายแดน
นอกจากนี้ ให้ช่วยชี้แจงประชาชนได้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของ พ.ร.ก.ดังกล่าว ที่จะช่วยให้การควบคุมและดูแลแรงงานต่างด้าวเป็นมาตรฐานยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดผลดีทั้งด้านความมั่นคงและด้านเศรษฐกิจโดยรวมในระยะยาว
ในขณะเดียวกันขอให้ช่วยกันกำกับดูแล อย่าให้มีการสร้างความเข้าใจผิดหรือการหาผลประโยชน์จากเรื่องนี้

"ผมมันตัวเปิดศึกจริงๆ"



"ผมมันตัวเปิดศึกจริงๆ"
"นายกฯ บิ๊กตู่" เพิ่งรู้....ตัดพ้อตัวเอง พูดอะไรออกมา ก็ทำให้เกิดความขัดแย้ง ขนาดเขียนกลอน ก็ทำกวี ทะเลาะกัน เปรย จะหยุดพูด1 เดือน
พลเอกประยุทธ์ ยกกลอน สอนเยาวชน เพราะเห็นว่า เยาวชนรุ่นหลัง หน้าตาหล่อสวย
"แต่บางคน พยายามจะสวย ก็ไปถูกเขาหลอก ทำเสริมสวย พอถึงเวลาก็มาฟ้องสาธารณสุข เพราะไปผ่าตัดเสริมสวยร้านที่ไม่ถูกกฎหมาย และราคาถูก มันไม่ได้
"คนจะสวย สวยจรรยา ใช่ตาหวาน 
คนจะแก่ แก่ความรู้ ใช่อยู่นาน 
คนจะรวย รวยสุนทานใช่บ้านโต"

"เดี่ยวหาว่าผมพูดเป็นกลอนอีก วันนี้ผมแต่งกลอนไปหน่อยเดียว ทะเลาะกันอีกแล้ว ในองค์กรกวีแห่งชาติ ทะเลาะกันสองฝ่ายผมไม่เข้าใจ
เอ!!!...ผมมันตัวเปิดศึกจริงๆ ผมคิดอะไรเร็ว คิดอะไรออก ผมก็นั่งเขียนออกมาได้ กลายเป็นสองฝ่าย. ศิลปินแห่งชาติทะเลาะกัน ผมก็กลุ้มใจจริงๆ ผมว่าคงต้องหยุดพูดสักเดือนหนึ่ง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว