PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

“หยาดน้ำตาและคำขออภัย” คำต่อคำในถ้อยแถลงบทเรียนทุ่งยางแดง

“หยาดน้ำตาและคำขออภัย” คำต่อคำในถ้อยแถลงบทเรียนทุ่งยางแดง


ระหว่างการแถลงข่าวของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีบ้านโต๊ะชูด อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา แม่ทัพภาคที่ 4 และอธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนีได้กล่าวถ้อยแถลงถึงความรู้สึกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยยืนยันในแนวทางการสร้างสันติสุขและความปรองดองที่จะต้องเกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนี้
ถ้อยแถลงของ พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ในระหว่างการแถลงผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์บ้านโต๊ะชูด ตำบลพิเทน อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
กราบเรียนเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ผู้ว่าราชการจังหวัด อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ประกอบด้วยหลายฝ่ายทุกท่าน เป็นความกรุณาอย่างยิ่งที่ท่านได้มาร่วมกันคิดในการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่เป็นคำถามของประชาชนในพื้นที่ เพื่อที่จะค้นหาคำตอบ
ผมเรียนว่าในห้องนี้ไม่ได้มีหลายฝ่าย มีเพียงแค่ฝ่ายเดียวเท่านั้น คือฝ่ายที่มุ่งแสวงหาสันติสุข บ้านเราเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงประมาณ 12 ปี ผมเรียนกับทุกท่านว่า ทุกฝ่ายวันนี้กำลังแสวงหาสันติสุข และจะทำทุกวิถีทางเพื่อนำไปสู่สันติสุขโดยแนวทางที่สันติวิธีให้ได้ วันนี้เกิดเรื่องวิกฤต แต่ผมเชื่อว่าเราที่อยู่ในห้องนี้จะช่วยก้าวข้ามกับวิกฤตที่เกิดขึ้นให้ได้ โดยความจริงใจและความจริงจัง ในกรอบของสิทธิมนุษยชนและกฎหมาย
ผมน้อมรับข้อพิจารณาข้อแนะนำของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ทุกท่าน เป็นพระคุณอย่างยิ่งและนำไปปฏิบัติในพื้นที่เพื่อให้เกิดผลที่ดี
ความรุนแรงมาจาก 2 ทิศทาง ทิศทางที่หนึ่ง ทุกท่านทราบดีอยู่ คือ มีผู้ที่พยายามกระทำความรุนแรง ทิศทางที่สอง เกิดจากผู้ที่ถืออาวุธที่ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ซึ่งผมเองมีหน้าที่ควบคุมดูแล แต่ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอยู่ในกรอบกฎหมายหรือไม่นั้น การใช้อำนาจหน้าที่ เกิดจากความหวาดกลัวหรือเกิดมาจากความหลงในข่าวหรือไม่ อันนี้ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ และขอความยุติธรรม
คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้กรุณามอบให้ ขอบคุณมากครับที่เข้าใจในการปฏิบัติตามหน้าที่ภายใต้วิกฤต ความหวาดกลัวย่อมมีในตัวมนุษย์ทุกคน ซึ่งจะเป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรมต่อไป
ผมกราบเรียนว่า แม้แต่ผู้ที่เห็นต่างหรือผู้ที่ก่อเหตุความรุนแรง วันนี้เราได้ใช้แนวทางสันติในการปฏิบัติ 4 ครั้ง ที่ผ่านมา ผมได้รับปากกับคณะกรรมการสภาอุลามาอฺฟาฏอนีย์ว่า การปฏิบัติการเจ้าหน้าที่จะต้องมีความอดทนถึงที่สุดในการควบคุมตัวเอง ซึ่งเราใช้และประสบความสำเร็จมาแล้ว 4-5 ครั้งที่ผ่านมา
แม้แต่ผู้ที่มีหมายจับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) 4-5 หมาย ที่ผ่านมามีการปฏิบัติการตามขั้นตอน โดยมีการเชิญผู้ใหญ่บ้าน กำนันและครอบครัว มาโน้มน้าวให้ออกมาแสดงตัว เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่สันติวิธี เราทำประสบความสำเร็จมาแล้ว 4 ครั้ง ที่ผ่านมา มีประจักษ์พยานที่ชัดเจน
แม้แต่ครั้งล่าสุด กรณีที่มีผู้ก่อเหตุความรุนแรงวางระเบิดที่จังหวัดนราธิวาส เราใช้การโน้มน้าวจิตใจให้รับสารภาพ โดยแนวทางสันติวิธี เชิญตัวโดยสันติวิธี นี่คือสิ่งที่ยืนยันถึงเจตนารมณ์ว่าจะใช้สันติวิธีในการก้าวไปสู่สันติสุข ความรุนแรงไม่สามารถที่จะก้าวไปสู่ตรงนั้นได้ เรารับรู้และรับทราบ จะน้อมรับเพื่อนำแนวทางของท่านไปแก้ไข กระผมในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต้องกล่าวคำว่า
ขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งมีความรุนแรงที่ไม่สามารถทำตามนโยบายที่ได้มอบหมายให้
ขออภัยต่อพี่น้องประชาชน
ขออภัยต่อผู้ที่เป็นญาติของพี่น้องผู้สูญเสีย
ขออภัยต่อท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี
ขออภัยนะครับ ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น จะนำไปแก้ไข
ขอให้พี่น้องร่วมกันก้าวข้ามวิกฤตในครั้งนี้ด้วยกัน ผมเชื่อว่าวิกฤตวันนี้ร้ายแรงครับ แต่หากเราพร้อมใจกันเชื่อและมั่นใจ ผมขอเรียกร้องความเข้าใจและความมั่นใจ จับมือพร้อมกับก้าวข้ามไปด้วยกัน เราจะทำงานอย่างโปรงใส่และตรงไปตรงมา ยึดหลักมนุษยธรรมและกรอบกฎหมาย คุณธรรม และจริยธรรม

ถ้อยแถลงของอธิการมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ในงานแถลงข่าวผลสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์บ้านโต๊ะชูด
ผศ.ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี กล่าวว่า เรียนแม่ทัพภาคที่ 4 เลขาธิการ ศอ.บต. ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พี่น้องประชาชน คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่นำความเสียใจมาสู่พวกเรากันทุกคน ขอบคุณแม่ทัพที่ดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องและดำเนินการอย่างรวดเร็วโดยการใช้เวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพียงแค่ 1 อาทิตย์ ผมได้รับรายงานถึงความก้าวหน้าในการค้นหาความจริงทุกระยะจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ผมในนามของมหาวิทยาลัยฟาฏอนีและพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพยายามที่สร้างความสงบสุขในพื้นที่แห่งนี้ ขอบคุณทีฝ่ายสื่อมวลชนนำเสนอข่าวอย่างระมัดระวังเพื่อที่จะเกิดความสันติสุขในพื้นที่แห่งนี้
ผมดีใจที่ทุกภาคส่วนได้มาฟังคำแถลงการณ์ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงครอบครัวของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 4 ราย ผมยืนยันในความปรองดองและความเห็นใจซึ่งกันและกันต่อเจ้าหน้าที่และลูกๆ ของเราที่อยู่ในพื้นที่แห่งนี้
ในเหตุการณ์นี้ ผมมีลูก 2 คน คนอื่นก็เหมือนกัน คิดว่าเป็นลูกของพวกเรา เยาวชนของเรา ที่เราต้องรับผิดชอบในการนำเขาสู่ชีวิตที่ดี เพื่อให้พวกเขาสร้างความดีงามต่อประเทศชาติได้
ผมดีใจที่วันนี้ แม้ว่าทุกอย่างจะไม่สิ้นสุดภายในวันนี้ แต่ได้รู้ว่าลูกๆ ของเราบริสุทธิ์... (ถึงจุดนี้น้ำเสียงของเขาก็ขาดห้วงไป น้ำตาเริ่มหลั่งรินออกมา) ขอบคุณคำขออภัยของแม่ทัพ เป็นคำที่มีคุณค่ามหาศาลสำหรับผม... (น้ำเสียงขาดไปอีกช่วง) ขอให้พวกเราทำใจให้มากที่สุด โดยเฉพาะครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (พร้อมน้ำตาไหลริน)  พวกเราต้องเดินทางสู่ความสำเร็จอีกมากมายในการสร้างความปรองดอง ความสุข และความเจริญในพื้นที่แห่งนี้ โดยความตั้งใจของพวกเรา
วันนี้อาจจะยังไม่สิ้นสุด เพราะด้วยน้ำใจของผู้ใหญ่ของพวกเรา แม่ทัพ เลขาธิการ ศอ.บต. ทุกท่านได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ ยืนยันที่จะต่อสู้รูปแบบสันติวิธีต่อไป ต้องเข้าใจว่าสันติวิธีเป็นสิ่งใหม่ในบ้านเรา เหมือนเด็กๆ ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เราต้องเข้าใจในส่วนนี้ เราจะใช้ความพยายามในการอดทนอดกลั้น ในการเปลี่ยนแปลงการบริหารประเทศชาติของเราไปสู่สันติวิธีที่ถูกต้องและเต็มใบ ไม่เกิดความผิดพลาดต่อชีวิตของพวกเราต่อไป
ผมขอบคุณทุกฝ่าย ขอให้ทุกฝ่ายมีความเมตตาและความเห็นใจ ให้ความเป็นธรรมซึ่งกันและกัน อันนี้เป็นคำสอนของศาสนาอิสลามและศาสนาพุทธ
ผมในฐานะประธานร่วมองค์กรศาสนาเพื่อสันติภาพ สภาศาสนสัมพันธ์แห่งประเทศไทย ขอแสดงความเสียใจ เราเจอกับปัญหาอุปสรรคต่างๆ เราต้องพยายามใช้วิกฤตที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ให้เป็นโอกาสในการสร้างสันติสุขหรือสันติภาพต่อไป ขอบคุณครับ
- See more at: http://www.deepsouthwatch.org/dsj/7033#sthash.0yyDlNHB.dpuf

หมีขาวรุกเอเชีย!! “นายกฯรัสเซีย” เยือนไทยในรอบ 25 ปี

หมีขาวรุกเอเชีย!! “นายกฯรัสเซีย” เยือนไทยในรอบ 25 ปี พบประยุทธ เมินกระแสตะวันตกยี้ ม.44 “คุยการค้า-ท่องเที่ยว-นิวเคลียร์-ขายอาวุธ” เป็นหลัก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
7 เมษายน 2558 18:35 น. (แก้ไขล่าสุด 7 เมษายน 2558 18:40 น.)
In Pics :หมีขาวรุกเอเชีย!! “นายกฯรัสเซีย” เยือนไทยในรอบ 25 ปี พบประยุทธ เมินกระแสตะวันตกยี้ ม.44  “คุยการค้า-ท่องเที่ยว-นิวเคลียร์-ขายอาวุธ” เป็นหลัก
        เอเจนซีส์ - หลังจากเสร็จสิ้นการเยือนเวียดนาม นายกรัฐมนตรีรัสเซีย ดมิทรี เมดเวเดฟ เดินทางมาถึงไทยในวันนี้(7) ซึ่งถือเป็นในรอบ 25ปีของการเยือนผู้นำหมีขาวมายังไทย และในการเยือน 2 วันมีกำหนดที่จะเข้าหารือกับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย โดยไม่สนใจเสียงวิพากษ์ของโลกตะวันตก รวมไปถึงสหรัฐฯ ต่อมาตรา 44 ที่ทางคณะ คสช.นำขึ้นใช้แทนกฎอัยการศึก โดยวาระการหารือจะมุ่งเจรจาทางการค้า การท่องเที่ยว การซื้อขายอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร และการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ที่รัฐบาลรักษาการคสช.ให้ความสนใจเป็นพิเศษ
      
       มอสโกไทม์ส สื่อรัสเซีย และแชเนลนิวส์เอเชียรายงานวันนี้(7) ถึงการเดินทางเยือนไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 25ปีของผู้นำรัสเซียนับตั้งแต่ในสมัยยุคอดีตสหภาพโซเวียต นายกรัฐมนตรีรัสเซีย ดมิทรี เมดเวเดฟ เดินสายทัวร์เอเชีย ที่เพิ่งเสร็จสิ้นการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ ได้เดินทางมาถึงไทยแล้วในวันอังคาร(7) ในการเยือนอย่างเป็นทางการเป็นเวลา 2 วันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี ส่งเสริมการค้า การท่องเที่ยว การซื้อขายอาวุธยุทโธปกรณ์ และการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ที่รัฐบาลรักษาการคสช.ให้ความสนใจเป็นพิเศษเป็นหลัก
      
       ซึ่งสื่อมอสโกไทม์สชี้ว่า การเยือนของผู้นำหมีขาวนี้จะส่งเสริมภาพลักษณ์การสนับสนุนในระดับเวทีนานาชาติให้กับรัฐบาลคสช.ของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย ที่มาจากการทำรัฐประหารซึ่งจะครบรอบ 1ปีในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้
      
       การเยือนของเมดเวเดฟเกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิพากษ์ในระดับนานาชาติจากโลกตะวันตก รวมไปถึงสหรัฐฯ ถึงกฎหมายมาตรา 44 ที่ทางคสช.นำมาใช้แทนกฎอัยการศึกที่เพิ่งเลิกการบังคับใช้ไป โดยความกดดันจากนานาชาตินี้เริ่มขึ้นตั้งแต่การทำรัฐประหารในช่วงปีที่ผ่านมา
      
       โดยสื่อรัสเซียชี้ว่า รัฐบาลไทยหลังการทำรัฐประหาร หันมาผูกสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีนและรัสเซียเพิ่มมากขึ้น เพื่อคานอำนาจโลกตะวันตกและสหรัฐฯมหามิตรเก่าแก่ ที่ถอยห่างเนื่องจากกังวลถึงการประกาศระงับการใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญไทยชั่วคราว และเกรงว่าจะมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทยขึ้นในบางระดับ
      
       ทั้งนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ล่าสุด ไทยได้กล่าวหาสหรัฐฯ ว่าได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของไทยหลังจากตัวแทนรัฐบาลสหรัฐฯได้ออกมาวิพากษ์ไทยในแง่ลบ
      
       และมอสโกไทม์สยังชี้ต่อว่า สืบเนื่องมาจากผลของการทำรัฐประหาร ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยที่เคยเฟื่องฟูก่อนหน้านั้นกลับซบเซา และทำให้ไทยหวังว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากรัสเซียมาเยือนไทยมากขึ้นในการเจรจากับรัสเซียครั้งนี้
      
       ด้านโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยงยุทธ มัยลาภ แถลงว่า รัสเซียและไทยจะร่วมลงนามข้อตกลงระดับทวิภาคี MOU จำนวน 5 ฉบับในวันพุธ(8)เพื่อเพิ่มความร่วมมือในด้านพลังงาน การลงทุน การปราบปรามยาเสพติด ท่องเที่ยว และวัฒนธรรม
      
       และมอสโกไทม์สยังรายงานเพิ่มเติมว่า รัสเซียมีความสนใจที่จะซื้อยางจากไทย ซึ่งเป็นประเทศที่ปลูกยางพาราและส่งออกใหญ่ที่สุดในโลก “นายกรัฐมนตรีรัสเซียแสดงความสนใจในผลิตภัณฑ์ทางเกษตรของไทย รวมไปถึงยางพารา” ยงยุทธแถลง
      
       ด้านแชเนลนิวส์เอเชียรายงานว่า ในกรอบการหารือที่จะมีขึ้นของทั้งสองชาติ คาดว่าการขยายโอกาสการค้าจะเป็นประเด็นหลักในการเจรจาครั้งนี้ ซึ่งในปีที่ผ่านมาการค้าของทั้งสองชาติมีสูงถึง 150  พันล้านดอลลาร์ โดยไทยส่งออกข้าว รถยนต์ อาหารแปรรูป ส่วนประกอบอิเลกทรอนิกไปรัสเซีย ด้านแดนหมีขาวส่งออกเหล็ก เหล็กกล้า และน้ำมันดิบเข้ามายังไทย
      
       นอกจากนี้ มอสโกยังมองหาลู่ทางที่จะส่งออกยุทโธปกรณ์ทางการทหารให้กับกองทัพไทยอีกด้วย
      
       ในส่วนด้านความร่วมมือทางความมั่นคงทางพลังงานในระยะยาว รัฐบาลไทยได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษในเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ของรัสเซีย ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในการหารือครั้งนี้
      
       และแชเนลนิวส์เอเชียยังรายงานต่อว่า ในการเยือนอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของรัฐบาลไทย นายกรัฐมนตรีรัสเซียจะเข้าพบกับพลเอกประยุทธเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของทั้ง 2ชาติ
      
       นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้นำของสองชาติพบกัน โดยในเดือนพฤศจิกายน 2014 พลเอกประยุทธและเมดเวเดฟได้เคยพบกันก่อนหน้านี้ที่กรุงเนปิดอว์ พม่า โดยในครั้งนั้นผู้นำของทั้งสองชาติร่วมตกลงที่จะเพิ่มมูลค่าส่งออกให้แตะ 10 พันล้านดอลลาร์ภายใน 2ปีข้างหน้า
      
       นอกจากนี้ในช่วงตลอดการเยือน 2 วันนี้ เมดเวเดฟจะเดินทางเข้าชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้ว
      
       แชเนลนิวส์เอเชียได้วิเคราะห์การเยือนของผู้นำมหาอำนาจรัสเซียครั้งนี้ว่า การผูกสัมพันธ์ระหว่างไทยและรัสเซียดูเหมือนเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับทั้งสองชาติ เพราะฝ่ายไทยต้องการเสียงสนับสนุนเพิ่มขึ้นในเวทีโลก ด้านฝ่ายรัสเซียมีความปราถนาที่จะขยายการค้าการลงทุนและความร่วมมือมาสู่เอเชียหลังจากที่โดนชาติตะวันตก ญี่ปุ่น และสหรัฐฯคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอย่างหนัก รวมไปถึงวิกฤตพลังงานราคาน้ำมันที่ดิ่งเหว และผลจากค่าสกุลเงินรูเบิลที่ตกอย่างหนัก
      
       โดยมอสโกไทม์สรายงานระบุว่า ผลจากค่าเงินรูเบิลตกต่ำได้พ่นพิษต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะนักท่องเที่ยวหมีขาวต้องคำนวนเงินในกระเป๋าอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลากกระเป๋าเดินทางขึ้นเครื่องมายังหาดใดสักแห่งในย่านนี้ เช่น ไทย กัมพูชา เวียดนาม เป็นต้น
      
       จากสถิติปี 2014 พบว่ามีนักท่องเที่ยวรัสเซียมาเยือนไทยราว 1.6 ล้านคน ลดต่ำลงประมาณ8.6 %
      
       ซึ่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงเพิ่มเติมว่า “ในการหารือครั้งนี้มีเป้าหมายต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวรัสเซียให้มาเยือนไทยเพิ่มมากขึ้นถึงแม้ว่าในขณะนี้สถานการณ์เงินรูเบิลจะไม่เป็นใจก็ตาม”
      
       โดยก่อนหน้าที่จะเดินทางมาไทย นายกรัฐมนตรีรัสเซียได้เยือนเวียดนามเป็นเวลา 3 วัน เจรจาร่วมกับนายกรัฐมนตรีเหวียน เติ๋น ยวุ๋ง ของเวียดนาม  ซึ่ง RT สื่อรัสเซียรายงานเมื่อวานนี้(6)ว่า ประเด็นหลักทั้งหมดของกรอบการเจรจาร่วมมือการค้าเสรีระหว่างเวียดนามและสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย สามารถบรรลุข้อตกลงของทั้งสองฝ่าย และข้อตกลงนี้จะมีขึ้นอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ รายงานจากแถลงการณ์ร่วมของ เมดเวเดฟและเหวียน เติ๋น ยวุ๋ง
      
       “การเตรียมตัวทางเอกสารในข้อตกลงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยประเด็นหลักในกรอบการเจรจาทั้งหมดสามารถบรรลุความเห็นชอบของทั้งสองฝ่าย ซึ่งผมหวังว่าจะมีการลงนามความร่วมมือได้ในเร็ววันนี้” เมดเวเดฟแถลง RIA รายงาน
      
       ทั้งนี้สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย จัดตั้งขึ้นโดยมีผลเมื่อวันที่ 1 ม.ค.2015 ประกอบด้วย รัสเซีย เบลารุส คาซัคสถาน และอาร์เมเนีย และคาดว่า คีร์กีซสถาน จะเข้าร่วมกลุ่มในเดือน พ.ค.นี้
      
       ซึ่งทางเมดเวเดฟยืนยันว่า แผนการนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าระดับทวิภาคีในอีก 5 ปีหลังจากนี้ ซึ่งในปีที่ผ่านมามูลค่าการค้าระหว่างเวียดนามและรัสเซียตกไปอยู่ที่ 3.7  พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าปี 2013 ที่มีมากถึง 4 พันล้านดอลลาร์
      
       และสื่อเวียดนามยังรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างสองประเทศ โดยบริษัทกาซปรอม เนฟต์ บริษัทลูกของกาซปรอม ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของรัสเซีย ระบุวานนี้ (6) ว่า ทางบริษัทวางแผนที่จะซื้อหุ้น 49% ของผู้ดำเนินการโรงกลั่นยวุ๋งกว๊าต ของเวียดนาม ซึ่งเป็นโรงกลั่นแห่งเดียวของประเทศ
      
       ความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างสองประเทศดำเนินมาอย่างมายาวนานในความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนาม และรัสเซีย เริ่มต้นจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำของเวียดนามในช่วงทศวรรษ 1980 ตามด้วยการร่วมทุนด้านน้ำมันและก๊าซในบริษัทเวียดโซปิโตร และเมื่อไม่นานนี้ ในโครงการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์
            
       กาซปรอม เนฟต์ ระบุในคำแถลงฉบับหนึ่งว่า เวลานี้บริษัทได้สิทธิพิเศษในการเจรจากับกลุ่มบริษัทปิโตรเวียดนาม ในการถือครองหุ้น 49% (อัตราสูงสุดของการถือครองหุ้นโดยต่างชาติในบริษัทเวียดนาม) ในบริษัท Binh Son Refining and Petrochemical Co ซึ่งเป็นผู้ควบคุมโรงกลั่นยวุ๋งกว๊าต แต่คำแถลงไม่ได้ระบุมูลค่า หรือช่วงเวลาของการซื้อขาย

นายกฯรัสเซียเดินทางมาเยือนไทยในรอบ 25 ปี แต่สื่อฯไทยแค่ "หรอ?…"

นายกฯรัสเซียเดินทางมาเยือนไทยในรอบ 25 ปี แต่สื่อฯไทยแค่ "หรอ?…"
-------------
เฮ้อ!… ปูตินอุตส่าห์ส่งเบอร์สองมาจับมือกับนายกฯไทยอย่างเป็นทางการเพื่อตกลงเรื่องความสัมพันธ์ในทุกมิติทั้งด้านธุรกิจการค้าการลงทุน อ้านอาวุธ ด้านพลังงาน ด้านการท่องเที่ยว การประมง และด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เปิดโอกาสให้ไทยหาช่องทางระบายสินค้าการเกษตรออกไปเปิดตลาดใหม่ในรัสเซียให้ได้ โดยก่อนที่นาย ดมิทรี เมกเวเดฟ (Dmitry Medvedev) นายกฯของรัสเซียซึ่งปูตินไว้ใจมาก ถึงกับให้ขึ้นเป็นปธน.คนที่สองของรัสเซียแทนในช่วงปี 2008–2012) เพื่อสลับกับปูตินที่เป็นมาแล้วถึง 8 ปี จากเพื่อเปิดทางให้ปูตินก้าวขึ้นมาเป็นปธน.ของรัสเซียอีกสมัย ฝั่งรัสเซียก็ส่งบอสใหญ่ของสื่อฯรัสเซีย (TASS) มาสัมภาษณ์ลุงตู่ล่วงหน้าหนึ่งวันเพื่อเปิดตลาดอาวุธในกองทัพไทย รวมถึงสัมภาษณ์ว่าทั้งสองประเทศจะคุยกันในเรื่องอะไรบ้าง
เป็นงานว่างั้นเถอะ เพื่อดูซิว่ากองทัพไทยจะสนใจเครื่องบินรบ Su-3 หรืือรุ่นที่5 T-50 และเรือดำน้ำ Black hole รวมถึงเฮลิคอปเตอร์ Mi-28 Night Hunters, Ka-52 Alligator จากรัสเซียบ้างหรือเปล่า
แต่พอนายกฯรัสเซียเดินทางมาถึงเมืองไทยแทบจะไม่เห็นสื่อฯไทยทำข่าวเรื่องนี้เลย ก็มีบ้างแต่ไม่มาก ไม่คุกคักเท่าไรนัก ประมาณว่า "หรอ?… แล้วไงหรอ?.." แต่พากันไปเล่นข่าวอดีตนักร้องขี้ยาบุกบ้านน้องสาวอดีตภรรยา และข่าวดารากับดอกไม้แดง ข่าวพรรคการเมืองรุมจวกโหรที่ทำนายว่าลุงตู่จะนั่งเก้าอี้นายกฯยาวววววว และข่าว "เอ่อ… ท่านคะ...ถ้าต่างชาติไม่พอใจหรือเป็นกังวลใจเกี่ยวกับรธน.ของไทยจะว่าอย่างไรคะท่าน?" นั่นแหละครับสื่อฯไทย
สื่อฯหลักของไทยไม่ลง เราลงให้แฟนเพจอ่านก็ได้ว่าสื่อฯรัสเซียเขาลงข่าวกรอบความร่วมมือระหว่างไทยกับรัสเซียที่นายกฯรัสเซียและคณะกับรัฐบาลลุงตู่พร้อมทั้งนักธุรกิจจะพูดเรื่องอะไรกันบ้างในการให้สัมภาษณ์แบบเมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา ข่าวเรื่องซื้อขายอาวุธ (เครื่องบิน-เฮลิคอปเตอร์) นั้นลงให้อ่านแล้ว คราวนี้มีข่าวด้านอื่นบ้างครับ
ก่อนที่ Medvedev จะเดินทางมาพบปะกับลุงตู่อย่างเป็นทางการสื่อฯรัสเซียได้มาสัมภาษณ์ลุงตู่ล่วงหน้า โดยลุงตู่ให้สัมภาษณ์ว่า การพบปะกับนายกฯ Medvedev นี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก และลุงตู่รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยที่จะได้พบกับนายกฯของรัสเซีย "ผมกำลังรอคอยการพบปะกับนายกรัฐมนตรีของรัสเซียในฐานะที่เพื่อนคนหนึ่งซึ่งเคยพบมาแล้วหนหนึ่งที่ประเทศพม่า (เมียนม่า)" (พบกันที่งานประชุมสุดยอดผู้นำเอเซียตะวันออกปีที่แล้วในกรุงเนปิดอร์ East Asia Summit 2014)
การพูดคุยกันที่กรุงเทพฯในครั้งนี้จะครอบคลุมในหลายด้าน (ทำเนียบรัฐบาลไทยบอกว่าในทุกมิติ-มันสั้นเกินไปไม่มีรายละเอียดอะไรเลยแล้วจะให้สื่อฯเขาลงข่าวอย่างไรหละครับท่าน?) ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ลุงตู่บอกว่าทางไทยเราคาดหวังว่าจะขยายความร่วมมือทางด้านการค้ากับรัสเซียเพิ่มขึ้น ในฐานะที่ไทยเป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลกและเป็นผู้ส่งออกอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุด (ต้องพูดอย่างนี้แหละถึงจะขายได้) ในการคุยกับนายกฯรัสเซียนั้นลุงตู่หวังว่าจะบรรลุข้อตกลงร่วมกันซึ่งสามารถนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดขึ้นจริงได้ โดยไม่มีการล่าช้า (นี่!… ต้องอย่างนี้หละครับ ถ้าคุยกันแล้วไม่มีความคืบหน้าหรือนำไปปฏิบัติไม่ได้แล้วจะคุยทำไมอ่ะ ต้องแบบนี้แหละรวดเร็วเห็นผลทันตา ลุยไปโลดลุงตู่)
ประเทศไทยต้องการที่จะเพิ่มคุณภาพของสินค้าที่ส่งออกไปยังรัสเซียและต้องการจะดึงดูดนักลงทุนจากกรุงมอสโคว์ (ให้มาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นด้วย) (สุดยอดเลยครับ!) "อุตสหกรรมด้านการประมงถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เรามีเรือประมงอยู่เป็นจำนวนมาก (นี่ขนาดถูกอินโดฯ ยึดไปหลายลำแล้วนะ ฮ่าๆๆ) แต่ล้าสมัย เราสามารถสร้างผู้ประกอบการร่วมกันได้ (กับรัสเซีย) ทำให้เรือของเราทันสมัย และในขณะเดียวกันก็ใช้ (เรือ) ของคุณ (รัสเซีย) จับปลาร่วมกัน" ลุงตู่กล่าว
นี่ถือว่าเป็นความคิดเฉียบแหลมจากลุงตู่มากๆ เพื่อหาทางออกให้กับอุตสาหกรรมการประมงของไทยที่ตอนนี้กำลังถูกสหรัฐฯและยุโรปบีบและกีดกันไม่ให้นำเข้าสินค้าการประมงทางทะเลจากไทยโดยยกเรื่องการค้ามนุษย์และการใช้แรงงานต่างด้าวอย่างผิดกฎหมายในเรือประมง ถ้าอียูไม่ซื้อ เราก็ขายให้รัสเซียก็ได้ เจ๋งไหมหละครับ?
นอกจากนี้แล้วลุงตู่ยังต้องการจะคุยกับนายกฯรัสเซียเกี่ยวกับเรื่องทางการเงินอีกด้วย โดยลุงตู่กล่าวว่า "มีหลายประเทศเข้าร่วมในภาคการเงินของไทย เราอยากให้รัสเซียเข้ามามีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน" (อิๆ… อเมริกาได้ยินข่าวนี้จะว่าอย่างไรหนอ? มันสะใจเจงเหวย)
การพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องน้ำมันและแก๊สถือว่าเป็นเรื่องสำคัญในวาระการประชุมนี้ ลุงตู่พูดว่า "ยกเว้นเรื่องระยะทางที่ไกลระหว่างไทยกับรัสเซียแล้ว เราต้องคิดหาทางที่ให้มีความร่วมือที่เข้ากันได้กับเงื่อนไขผลประโยชน์ร่วมกันด้วย" (นี่อยู่ในนโยบายความมั่นคงด้านพลังงาน คือเพิ่มแหล่งนำเข้าพลังจากแหล่งอื่นบ้างเพื่อกระจายความเสี่ยง รัสเซียก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง)
คราวนี้ก็ด้านการท่องเที่ยวบ้าง ในการพบปะกันกับนายกฯรัสเซียนั้น ลุงตู่ใหัสัมภาษณ์กับสื่อฯของรัสเซียว่า "เราจะก่อตั้งศูนย์การพัฒนาการท่องเที่ยวระหว่างไทย-รัสเซียขึ้นมาร่วมกัน เอกสารสำหรับ (ดำนเนินการ) ในเรื่องนี้พร้อมอยู่แล้ว"
จบข่าวดี ครับผม นี่คือตัวอย่างการทำข่าวจากสื่อฯฝั่งรัสเซียนะครับผม


คอร์รัปชัน ต้นเหตุสำคัญของการถูกระงับสายการบิน

คอร์รัปชัน ต้นเหตุสำคัญของการถูกระงับสายการบิน

จากกรณีที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ตรวจพบข้อบกพร่องของกรมการบินพลเรือนของไทยและแจ้งผลไปยังประเทศสมาชิกต่างๆ จนเป็นเหตุให้มีการระงับการบินของหลายสายการบินในหลายประเทศนั้น กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ทั้งรัฐบาลและสายการบินวิ่งเจรจากันให้วุ่น กระทบทั้งความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของประเทศอย่างรุนแรง

ฝ่ายราชการและผู้เกี่ยวข้องมักโยนว่าต้นเหตุของปัญหาคือพระราชบัญญัติการเดินอากาศ มีความล้าหลังเนื่องจากออกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2497 ซึ่งเป็นการพูดความจริงเพียงเสี้ยวเล็ก ๆ ตามวิถีที่ฝ่ายราชการนิยมปฏิบัติ 

จริงอยู่ว่ากฎหมายดังกล่างอาจไม่ได้ปรับให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ใหม่ แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักที่สำคัญสุด เนื่องจาก พ.ร.บ.การเดินอากาศมีการปรับแก้มามาแล้ว 12 ฉบับ ครั้งหลังสุดคือ พระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่12) พ.ศ.2553 ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จึงไม่ได้มีความล้าหลังอย่างที่พูดให้ดูรุนแรงเกินจริง 

การแก้ปัญหาบางระดับอาจทำได้ด้วยการแก้ไขกฎกระทรวง ข้อบังคับ อาจรวมถึงแก้ไขพระราชบัญญัติให้มีความยืดหยุ่นรองรับการออกกฎระเบียบตามมาตรฐานใหม่ๆ

แต่ต้นเหตุของปัญหาที่แท้จริง คือ การทุจริตและผลประโยชน์ทับซ้อนในกรมการบินพลเรือน ซึ่งมีหน้าที่กำกับและออกใบอนุญาตหรือ license ให้กับสายการบิน เรื่องนี้เป็นต้นเหตุใหญ่ที่ ICAO ชี้ถึงความบกพร่อง คนในวงการทราบกันดีอยู่แล้ว ประชาชนทั่วไปที่ต้องติดต่อขออนุญาตเรื่องใด ๆ กับราชการรับทราบปัญหาลักษณะนี้ดี เช่นเดียวกับผู้ประกอบการที่พบปัญหาการขออนุญาตตั้งโรงงาน หรือขอใบ รง.4
อีกเรื่องคือผลประโยชน์ทับซ้อน เป็นกรณีลักษณะเดียวกับกระทรวงที่ทำหน้าที่กำกับกิจการด้านพลังงานกับผู้ประกอบการด้านพลังงาน ที่มักเกิดกรณีที่ว่าถ้าราชการจะจัดงานอะไรมักเรียกร้องให้เอกชนออกค่าใช้จ่าย กรมการบินพลเรือนก็เป็นเช่นนั้น ขออนุญาตที่จะไม่ลงรายละเอียดเพราะเคยมีกรณีที่กรมฯ ขอให้บริษัทการบินแห่งหนึ่งออกค่าใช้จ่ายสำหรับกิจกรรมหนึ่ง แล้วถูก ICAO ปฏิเสธเพราะมองว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ผู้กำกับและผู้กระกอบการต้องไม่มีความสัมพันธ์กันลักษณะนี้

ดังนั้น ทางหนึ่งที่ต้องรีบดำเนินการคือต้องดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญากับอธิบดีคนปัจจุบัน และย้อนหลังไปสิบปี ในฐานะที่เป็นต้นเหตุของปัญหา ทำควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาด้านโครงสร้างกฎระเบียบและหน่วยงาน

ว่าแต่จะรู้ปัญหาจริงหรือเปล่า กล้าและมีน้ำยาหรือเปล่า ..ก็ดูใจกัน แต่อย่าฟังราชการมากไป
--------------------------------
โครงการหมาเฝ้าบ้าน เปิดรับสมัครอบรมเชิงปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน รุ่น 13 ภาคอีสาน
อบรมวันเสาร์ ที่ 16 – อาทิตย์ ที่ 17 พฤษภาคม ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น
รายละเอียด http://www.anticorruption.in.th/watchdog-13/


โครงข่ายสายสัมพันธ์

03 เม.ย. 2558

คอลัมน์...ไม้หน้าสาม : เชื้อชั่วไม่เคยตาย กุดหัวอย่าเหลือหาง

               ใครที่เล่นโซเชียลมีเดีย แล้วบังเอิญอยู่ในกลุ่มก้อนเดียวกัน หรือ จอย กับเฟซบุ๊คเพจของ “คุณสุริยะใส กตะศิลา” ที่ใช้ชื่อเพจว่า “สุริยะใส กตะศิลา” คงได้อ่านข้อความล่าสุดเมื่อ 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา ชื่อหัวเรื่องว่า “3 เหตุใหญ่ อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ” กันบ้างแล้ว

              ฤๅ ... จะได้เห็นมาตรการที่จัดการ “วัดพระธรรมกาย” เสียที

              หรือแค่อาการ “มโน” และ “ความคาดหวัง” เท่านั้น

               ข้อความที่ “สุริยะใส” โพสต์ไว้ในเฟซบุ๊คบางส่วนนั้น ระบุว่า “กรณีคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงวิทยุและโทรทัศน์ (กสท.) มีมติสั่งพักการออกอากาศของ Peace TV และ DNN 2 ช่องของคนเสื้อแดง กรณีการลาสิกขาแบบกะทันหันของพระอาจารย์เพชร หรือพระครูวินัยธร และกรณีการทลายรื้ออาณาจักรโบนันซ่าที่เขาใหญ่

               3 เหตุการณ์จะโดยบังเอิญหรือโดยออกแบบตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่ล้วนแล้วเกี่ยวโยงเชื่อมต่อกันอย่างมีนัย .... ความสัมพันธ์ของ อดีตพระอาจารย์เพชร แกนนำแดง โบนันซ่าและทักษิณยิ่งเปลือยล่อนจ้อนในคลิปถั่งเช่า แจ่มแจ้งแดงแจ๋ขนาดนี้ เชื่อว่าคงได้เห็นอะไรดีๆ ตามมาอีกเป็นขบวน

               นี่ยังไม่อยากคิดว่าวัดพระธรรมกาย สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นก่อนหน้านี้โยงใยถึงอดีตพระอาจารย์เพชรผู้มีนามกระฉ่อนว่า AJP ในวงการหุ้นหรือไม่

               ค่อยๆ ถอดรหัสจะถึงบางอ้อได้ครับ”

               “สุริยะใส” เริ่มต้นด้วยเหตุการ “สั่งปิดทีวี.เสื้อแดง 2 ช่อง” นั่นคือ ช่อง “Peace TV” กับช่อง “TV24 สถานีประชาชน” ซึ่ง กสทช.มีมติให้ยุติการออกอากาศ 7 วัน ผมว่านั่นเป็นความถูกต้องชอบธรรม จากที่เคยได้ดู “ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์” ประธาน นปช. “แดงทั้งแผ่นดิน” อย่าง “หมอเหวง โตจิราการ” จัดรายการ เนื้อหาต้องยอมรับเลยว่า ล่อแหลม!! สุดๆ บางที แกนนำเสื้อแดง เหล่านี้ก็ใช้ทีวี. 2 ช่องนี่แหละครับ เป็นที่ติดต่อสั่งการไปยังพลพรรคผู้ภักดี

              บังเอิญอย่างที่ “สุริยะใส” เขียนไว้หรือป่าวไม่รู้

              แต่พระรูปนี้ก็ลาสิกขาบท เรียบร้อย เอาตัวรอดหายเข้ากลีบเมฆ

              พระรูปนี้คือ พระครูวินัยธร ฐานกโร หรือ “พระอาจารย์เพชร” เจ้าอาวาส วัดประยงค์กิตติวนาราม แขวงคลองสิบสอง เขตหนองจอก กรุงเทพฯ เป็นชาวนครศรีธรรมราช เป็นพระกรรมฐานสายเมืองเหนือ สายธรรมครูบาบุญชุ่ม ครูบาอริยชาติ ได้ธุดงค์มาปักกลดบนที่ดินของ “ประยงค์ เหมกรณ์” และด้วยความเลื่อมใสศรัทธา จึงได้บริจาคที่ดินจำนวน 2 ไร่ เพื่อตั้งสำนักสงฆ์ จึงใช้ชื่อว่าสำนักสงฆ์ประยงค์กิตติวนาราม อีก 4 ปีต่อมา ได้เปลี่ยนจากสำนักสงฆ์เป็นวัดประยงค์กิตติวนาราม

              คล้ายๆ การกำเนิด “วัดพระธรรมกาย”

              คล้ายแม้กระทั่งการสร้างฐานอำนาจใหม่

              “พระอาจารย์เพชร” ไม่ใช่พระเกจิชื่อดังในหน้าหนังสือพิมพ์หัวสี แต่ในแวดวงตลาดหุ้น เซียนหุ้นและนักลงทุนต้องรู้จักชื่อ “พระอาจารย์เพชร” แน่นอน เนื่องจากนักเลงหุ้นขาใหญ่หลายคนเป็นลูกศิษย์ “พระอาจารย์เพชร” เริ่มปรากฏเป็นข่าวกับ “จตุพร” เมื่อแกนนำ นปช.ยกคณะ ร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ฐานหลวงพ่อทวด ใกล้ “โบนันซ่า เขาใหญ่” มีพระอาจารย์เพชร เป็นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ จนถึงงานครบรอบวันคล้ายวันเกิด 48 ปีให้กับ “จตุพร” ซึ่ง มีพิธีสวดเสริมบารมีให้แก่ “จตุพร” โดยพระลามะจากทิเบต ด้วย

               วันนี้ว่ากันว่า “พระครูวินัยธร” หรือ “พระเพชร” ชิง “ลาสิกขาบท” เป็น “ฆราวาส” เพื่อหาที่บดบังไม่ให้กระแส “ปรับทัศนคติ” บางคนปูดออกมาว่าไปอยู่กับสหายสนิทชื่อ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” นักโทษคดีอาญาที่ “นครดูไบ” แล้ว

               จากนั้นก็ยึดโยงเข้ามาเกี่ยวข้องกับ “โบนันซ่า” สถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนที่โด่งดัง ทั้งยังเป็นที่ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่หมายรวมถึง “แดงเทียม” ในวิจารณญาณของ “จตุพร” - ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ แกนนำเสื้อแดง คนอื่นๆ “โบนันซ่า” ที่กิจการของคนตระกูล “เตชะณรงค์” นั่นแหละ

                “ไพวงษ์ เตชะณรงค์” เจ้าของ “โบนันซ่า” ก็แนบแน่นจนเกือบเป็นเนื้อเดียวกับแกนนำและกลุ่มคนเสื้อแดง จากที่ปรึกษา “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อครั้งตั้งพรรคการเมืองชื่อ “พรรคความหวังใหม่” กระทั่งย้ายมาเปิดสาขา “ความหวังใหม่ 2” ในชื่อว่า “พรรคนำไทย” ที่มีชื่อ “อำนวย วีรวรรณ” เป็นหุ่นเชิด ร่วมกับ “เสธ.นิด” พล.ต.ศรชัย มนตริวัต คนที่เป็นนายทหารคนสนิทของ “บิ๊กจิ๋ว”

                เมื่อ “บิ๊กจิ๋ว” เบื่อเป็น “หัวราชสีห์” ผันกายเป็น “หางหมา”

                ย้ายคอกมาสังกัด “ไทยรักไทย” น้องรักอย่าง “ไพวงษ์” ติดมาจึงไม่แปลก

                ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น คงไม่สามารถแยกแยะระหว่าง “โบนันซ่า-คนเสื้อแดง-พรรคเพื่อไทย” ได้เสียแล้ว หาก “ไพวงษ์” จะบอกเพียงว่า เป็นความแนบแน่นที่ไม่อาจปฏิเสธให้ “เสื้อแดง” ใช้สถานที่ “โบนันซ่า” ในการซ่องสุมชุมนุม คงไม่ได้เสียแล้ว

                ในเมื่อ “รัฐบาลข้าวเน่า” ของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ก็มีชื่อของ “ไพวงษ์ เตชะณรงค์” ร่วมอยู่ในขบวน “ข้าราชการการเมือง” มีตำแหน่งเป็น “ที่ปรึกษา มท.1” ที่ชื่อ “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” ซึ่งก็คือ หัวหน้าพรรคกำมะลอ ของ “พรรคเพื่อไทย” นั่นเอง

                “จตุพร” ออกมาโชว์กึ๋นผ่านรายการมองไกล ทางช่อง “Peace TV” โดยเชื่อว่า ทั้งกรณีของ “พระอาจารย์เพชร” และ “โบนันซ่า” เป็นการรุกไล่เช็คบิลของผู้มีอำนาจ เขายังบอกด้วยว่า “พระอาจารย์เพชร” ไม่ใช่ท่อน้ำเลี้ยง เพราะ “Peace TV” มี “เรตติ้ง” เป็น อันดับ 1 ของทีวีดาวเทียม สูงกว่าทีวีดิจิตอล และฟรีทีวีบางช่อง รายได้หลักมาจากการหาสปอนเซอร์ ไม่ใช่จะ “ทิดเพชร”

                เช่นเดียวกับ “ไพวงษ์ ณ โบนันซ่า” ท่อน้ำเลี้ยงเสื้อแดง

                “จตุพร” เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า “กลั่นแกล้ง เช็คบิล”

                พอฟังสิ่งที่ “จตุพร” คิด และพูด ทำให้นึกเลยไปถึง “วัดพระธรรมกาย” ในทิศทางเดียวกับที่ “สุริยะใส” คิดไว้ โอกาสที่จะตรวจสอบ สังคายนา ปฏิรูปวัดพระธรรมกาย ให้กลับมาสู่ความเคร่งครัดทาง “พระธรรมวินัย” เพื่อป้องกัน “พุทธจักร” ถูกบ่อนทำลาย ไม่กลายเป็น “นิจจัง สุขัง อัตตา” จึงมีโอกาสเป็นไปได้

                ไม่ว่าจะเป็นอย่างที่ จตุพร คิด หรือ สุริยะใส คิด

                แต่เชื่อว่าคาบนี้ คนดีอยู่ได้ คนจัญไรอยู่ยากเสียแล้ว

                ถึงแม้เชื้อชั่วไม่เคยตาย เชื้อร้ายไม่มีหมด

                แต่ถ้า คสช.มุ่งมั่น กุดหัวอย่าให้เหลือหาง เชื้อชั่วเชื้อร้ายหมดสิทธิ์ขยายพันธุ์

- See more at: http://m.naewna.com/view/columnonline/17733#sthash.VVctEV0X.dpuf

ค้นโบนันซ่า เขาใหญ่

ตำนานนายทุนเสื้อแดงแห่งโบนันซ่า (เตชะณรงค์) กำลังถูกตรวจสอบว่ารุกป่าสงวน แล้วลานคนเสื้อแดงที่ใช้ในการปลุกระดมมวลชน ทุกครั้งที่มีการชุมนุมใหญ่กำลังจะกลายเป็นป่าสงวนไปในบัดดล

เครดิต/โพสต์ทูเดย์


รองปลัดยุติธรรมควงกองทัพภาคที่ 2 บุกตรวจสนามแข่งรถโบนันซ่าเขาใหญ่ 151 ไร่ หลังได้รับการร้องเรียนรุกที่ป่าสงวน


เมื่อวันที่ 31 มี.ค.เวลา 09.30 น. พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รอง ปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.อ.สมหมาย บุษบา ที่ปรึกษากฎหมาย กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) กรมที่ดิน พร้อมเจ้าหน้าที่ ปปท. ดีเอสไอ ตำรวจ บก.ปทส. และเจ้าหน้าที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าตรวจสอบ โบนันซ่าเขาใหญ่ เลขที่ 235 หมู่ 11 ถนนธนะรัชต์ ตำบลขนงพระ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา หลังพบว่าอาจมีการบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่โบนันซ่าเขาใหญ่ แบ่งเป็นพื้นที่ทำสนามแข่งรถโบนันซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล สปีดเวย์ และส่วนห้องพักจำนวน 15 หลังติดเขาเสียดอ้า เขานกยุง เขาอ่างหิน และอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร รวมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 151 ไร่


ภายหลัง พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รอง ปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.อ.สมหมาย บุษบา ที่ปรึกษากฎหมาย กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2)พร้อมคณะเดินสำรวจพื้นที่โบนันซ่าเขาใหญ่ ประมาณ 20 นาที มีนาย อารักษ์ เตชะณรงค์ และน.ส.พัทธมน เตชะณรงค์ น้องชายและบุตรสาวนายไพวงษ์ เตชะณรงค์ เจ้าของโบนันซ่าเขาใหญ่ มาพบทางเจ้าหน้าที่ พร้อมนำเอกสารสิทธิ์บางส่วน มาให้ตรวจสอบ


พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า วันนี้เป็นการบูรณาการกำลังหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบพื้นที่โบนันซ่าเขาใหญ่บุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีการบุกที่ ทางรัฐบาลและกระทรวงยุติธรรมลงมาตรวจสอบ และจะทวงเอาพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ สมบัติของชาติกลับคืนมา


เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าโบนันซ่าเขาใหญ่นั้นในส่วนพื้นที่บ้านพักติดกับ เขาเสียดอ้า เขานกยุง เขาอ่างหิน และอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร ไม่สามารถออกโฉนดหรือเอกสารสิทธิ์ใดๆได้ ในส่วนพื้นที่สนามแข่งรถนั้นทราบว่าประมาณปี พ.ศ.2545 ก่อนเป็นพื้นที่ลำรางน้ำและทางสาธารณะ หลังจากนี้ก็จะให้โอกาสทางเจ้าของโบนันซ่านำเอกสารสิทธิ์การครอบครองพื้นที่มาตรวจสอบมาเปรียบเทียบเอกสารทางราชการ ถูกผิดว่ากันตามกฏหมาย


พ.อ.สมหมาย เผยว่า ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและชาวบ้านในพื้นที่มานานแล้วว่า โบนันซ่าเขาใหญ่ บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เบื้องต้นจากการเทียบเอกสารทางราชการพบว่า โบนันซ่าเขาใหญ่ ในส่วนสนามแข่งรถประมาณ 151 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ สปก. 72 ไร่ นส.3 ก. 47 ไร่ และป่าสงวน 32 ไร่ อีกทั้งในส่วนที่พักยังติดพื้นที่ป่าถาวร ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ครอบครองใดๆ ได้เลย ทั้งในส่วนพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาทราบว่ามีเอกชนถือครองที่ดินนับพันไร่ ซึ่งเมื่อก่อนรัฐแบ่งที่ดินให้ชาวบ้านในพื้นที่ทำกิน หลังจากนี้จะให้เจ้าของกิจการโบนันซ่าเอาเอกสารสิทธิ์มาให้ตรวสอบ หากพบว่ารุกพื้นที่ป่าสงวนจริง การกระทำดังกล่าวผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ พร้อมแจ้งข้อหาแผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 54 และข้อหายึดถือครอบครองทำประโยชน์ แผ้วถาง เป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 14


ด้านน.ส.พัทธมน กล่าวว่า เป็นผู้บริหารโบนันซ่าเขาใหญ่รุ่นที่ 2 ของตระกูล เข้ามาบริหารต่อจากบิดา อยากจะขอความเป็นธรรมให้ธุรกิจของครอบครัวบ้าง ผิดหรือถูกก็ว่ากันไปตามกฏหมาย มั่นใจว่าถูกกฏหมาย ยินดีให้เจ้าหน้าที่รัฐตรวจสอบ เนื่องจากที่ดินและเอกสารสิทธิ์ครอบครอบซื้อต่อมาจากชาวบ้าน บางรายมาร้องไห้ขอร้องให้ช่วยซื้อ จึงซื้อที่ดินมาทีละแปลงต่อจากชาวบ้าน พร้อมซื้อทุกครั้งจะต้องได้รับการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตลอด ในส่วนสนามแข่งรถนั้นสร้างมา 3 ปีแล้ว ปีหนึ่งมีการใช้สนามแข่งรถประมาณ 2-3 ครั้ง


ด้านนายอารักษ์ เผยว่า โบนันซ่าเขาใหญ่ทำมา 20-30 ปีแล้ว มีพื้นที่ประมาณ 3-4 แปลง ในส่วนจำนวนพื้นที่นั้น ไม่ทราบจำนวนว่าถือเอกสารสิทธิ์ครอบครองกี่ไร่ เนื่องจากเอกสารส่วนใหญ่อยู่ที่ออฟฟิศที่กรุงเทพมหานครหมดเลย แต่ตระกูลทำธุรกิจมานานและมีเอกสารครอบครองทุกแปลง อยากขอความเป็นธรรมในการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย

'ตำนานนายทุนเสื้อแดงแห่งโบนันซ่า (เตชะณรงค์) กำลังถูกตรวจสอบว่ารุกป่าสงวน แล้วลานคนเสื้อแดงที่ใช้ในการปลุกระดมมวลชน ทุกครั้งที่มีการชุมนุมใหญ่กำลังจะกลายเป็นป่าสงวนไปในบัดดล

เครดิต/โพสต์ทูเดย์

รองปลัดยุติธรรมควงกองทัพภาคที่ 2 บุกตรวจสนามแข่งรถโบนันซ่าเขาใหญ่ 151 ไร่  หลังได้รับการร้องเรียนรุกที่ป่าสงวน

เมื่อวันที่ 31 มี.ค.เวลา 09.30 น. พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รอง ปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.อ.สมหมาย บุษบา ที่ปรึกษากฎหมาย กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) กรมที่ดิน พร้อมเจ้าหน้าที่ ปปท. ดีเอสไอ ตำรวจ บก.ปทส. และเจ้าหน้าที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าตรวจสอบ โบนันซ่าเขาใหญ่ เลขที่ 235 หมู่ 11 ถนนธนะรัชต์ ตำบลขนงพระ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา หลังพบว่าอาจมีการบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติ หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่โบนันซ่าเขาใหญ่ แบ่งเป็นพื้นที่ทำสนามแข่งรถโบนันซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล สปีดเวย์ และส่วนห้องพักจำนวน 15 หลังติดเขาเสียดอ้า เขานกยุง เขาอ่างหิน และอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร รวมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 151 ไร่

ภายหลัง พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รอง ปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.อ.สมหมาย บุษบา ที่ปรึกษากฎหมาย กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2)พร้อมคณะเดินสำรวจพื้นที่โบนันซ่าเขาใหญ่ ประมาณ 20 นาที มีนาย อารักษ์ เตชะณรงค์ และน.ส.พัทธมน เตชะณรงค์  น้องชายและบุตรสาวนายไพวงษ์ เตชะณรงค์ เจ้าของโบนันซ่าเขาใหญ่ มาพบทางเจ้าหน้าที่ พร้อมนำเอกสารสิทธิ์บางส่วน มาให้ตรวจสอบ

พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า วันนี้เป็นการบูรณาการกำลังหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบพื้นที่โบนันซ่าเขาใหญ่บุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีการบุกที่ ทางรัฐบาลและกระทรวงยุติธรรมลงมาตรวจสอบ และจะทวงเอาพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ สมบัติของชาติกลับคืนมา

เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าโบนันซ่าเขาใหญ่นั้นในส่วนพื้นที่บ้านพักติดกับ เขาเสียดอ้า เขานกยุง เขาอ่างหิน และอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร ไม่สามารถออกโฉนดหรือเอกสารสิทธิ์ใดๆได้ ในส่วนพื้นที่สนามแข่งรถนั้นทราบว่าประมาณปี พ.ศ.2545 ก่อนเป็นพื้นที่ลำรางน้ำและทางสาธารณะ หลังจากนี้ก็จะให้โอกาสทางเจ้าของโบนันซ่านำเอกสารสิทธิ์การครอบครองพื้นที่มาตรวจสอบมาเปรียบเทียบเอกสารทางราชการ ถูกผิดว่ากันตามกฏหมาย

พ.อ.สมหมาย เผยว่า ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและชาวบ้านในพื้นที่มานานแล้วว่า โบนันซ่าเขาใหญ่ บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เบื้องต้นจากการเทียบเอกสารทางราชการพบว่า โบนันซ่าเขาใหญ่ ในส่วนสนามแข่งรถประมาณ 151 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ สปก. 72 ไร่ นส.3 ก. 47 ไร่ และป่าสงวน 32 ไร่ อีกทั้งในส่วนที่พักยังติดพื้นที่ป่าถาวร ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่ไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ครอบครองใดๆ ได้เลย ทั้งในส่วนพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาทราบว่ามีเอกชนถือครองที่ดินนับพันไร่ ซึ่งเมื่อก่อนรัฐแบ่งที่ดินให้ชาวบ้านในพื้นที่ทำกิน หลังจากนี้จะให้เจ้าของกิจการโบนันซ่าเอาเอกสารสิทธิ์มาให้ตรวสอบ หากพบว่ารุกพื้นที่ป่าสงวนจริง การกระทำดังกล่าวผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ พร้อมแจ้งข้อหาแผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 54  และข้อหายึดถือครอบครองทำประโยชน์ แผ้วถาง เป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 14

ด้านน.ส.พัทธมน กล่าวว่า เป็นผู้บริหารโบนันซ่าเขาใหญ่รุ่นที่ 2 ของตระกูล เข้ามาบริหารต่อจากบิดา อยากจะขอความเป็นธรรมให้ธุรกิจของครอบครัวบ้าง ผิดหรือถูกก็ว่ากันไปตามกฏหมาย มั่นใจว่าถูกกฏหมาย ยินดีให้เจ้าหน้าที่รัฐตรวจสอบ เนื่องจากที่ดินและเอกสารสิทธิ์ครอบครอบซื้อต่อมาจากชาวบ้าน บางรายมาร้องไห้ขอร้องให้ช่วยซื้อ จึงซื้อที่ดินมาทีละแปลงต่อจากชาวบ้าน พร้อมซื้อทุกครั้งจะต้องได้รับการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตลอด ในส่วนสนามแข่งรถนั้นสร้างมา 3 ปีแล้ว ปีหนึ่งมีการใช้สนามแข่งรถประมาณ 2-3 ครั้ง

ด้านนายอารักษ์ เผยว่า โบนันซ่าเขาใหญ่ทำมา 20-30 ปีแล้ว มีพื้นที่ประมาณ 3-4 แปลง ในส่วนจำนวนพื้นที่นั้น ไม่ทราบจำนวนว่าถือเอกสารสิทธิ์ครอบครองกี่ไร่ เนื่องจากเอกสารส่วนใหญ่อยู่ที่ออฟฟิศที่กรุงเทพมหานครหมดเลย แต่ตระกูลทำธุรกิจมานานและมีเอกสารครอบครองทุกแปลง อยากขอความเป็นธรรมในการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย'

ฐานทุนไพรวงษ์กว่า2พันล้านโบนันซ่า

ฐานธุรกิจ 2,800 ล้าน“โบนันซ่า”ก่อน“ไพวงษ์”ถูก คสช.คุมตัว 

เขียนวันที่ 
วันจันทร์ ที่ 26 พฤษภาคม 2557 เวลา 20:00 น.
เขียนโดย
isranews

พลิกอาณาจักรธุรกิจ“โบนันซ่า”ของกลุ่มเตชะณรงค์ เมื่อ“ไพวงษ์”ถูก คสช.เรียกตัว ปัจจุบันอยู่ในกำมือ “สงกรานต์”ทายาท 10 บริษัทสินทรัพย์ 2,889 ล้าน

qaxcfryhh

นายไพวงษ์ เตชะณรงค์ เจ้าของธุรกิจกลุ่มโบนันซ่าซึ่งถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เรียกรายงานตัวร่วมกับบุคคลอื่น 233 คนนั้นแม้ไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้พรรคเพื่อไทย หรือไม่?

กระนั้นความสัมพันธ์กับบุคคลในพรรคเพื่อไทยนั้นพบว่านายไพวงษ์เคยได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2554 (คำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 425/2552) 

จากการตรวจสอบปูมหลังทางธุรกิจพบว่านายไพวงษ์เป็นกรรมการ 22 บริษัท ได้แก่ บริษัท แคลิฟอร์เนีย เรียล เอสเตท แมนเนชเม้นท์ จำกัด บริษัท ทีนโนเวชั่น กรุ๊ป จำกัด บริษัท เกตเวย์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท ครีเอตีฟ เซเว่น จำกัด บริษัท คอมมิวนิเคชั่น เน็ตเวอร์ค คอร์โปเรชั่น บริษัท เชลน จำกัด บริษัท ดอกกราย บ้านและที่ดิน จำกัด บริษัท ไทม์ เทร็นด์ จำกัด บริษัท ไทยวู้ด เทรดดิ้ง จำกัด บริษัท นทีทัวร์ จำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด โบนันซ่า คอทเทจ บริษัท พี.เอส.เค.แอสโซซิเอทส์ จำกัด บริษัท เพื่อน จำกัด บริษัท รัตนฤทธิ์ จำกัด บริษัท ไร้ท์ พิคเจอร์ส จำกัด บริษัท วังกะทะ รีสอร์ท จำกัด บริษัท วิคเต้อร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท เวิลด์ คลาส โกลด์ จำกัด บริษัท ไวตา-เพค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท สยาม กอสซิป พับบลิเคชั่น จำกัด บริษัท สินค้าอาหารธรรมชาติ จำกัด และ บริษัท อาร์ พี เอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 

ในจำนวนนี้ 2 บริษัทคือ บริษัท เพื่อน จำกัด และ บริษัท สินค้าอาหารธรรมชาติ จำกัด มีนายคฤกพล ยงใจยุทธ บุตรชาย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ร่วมเป็นกรรมการด้วย

ทั้ง 22 บริษัทเลิกดำเนินการแล้ว 

ปัจจุบันธุรกิจเครือโบนันซ่าที่เปิดดำเนินการ 9 แห่งอยู่ในความดูแลของนางภัสสรา เตชะณรงค์ นายสงกรานต์ เตชะณรงค์ บุตชาย น.ส.ไพพรรณี เตชะณรงค์ น.ส.พัทธมน เตชะณรงค์ และนายภูผา เตชะณรงค์ มีสินทรัพย์รวมประมาณ 700 ล้านบาท

และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์คือ บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนวันที่ 24 กันยายน 2547 ทุน 791,397,723 บาท ขายและติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องรวมถึงรับจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ตั้งเลขที่ 1000/65,66,67 อาคารพี.บี.ทาวเวอร์ ชั้น 16 ซอยสุขุมวิท 71 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ แจ้งผลประกอบการ ปี 2556 รายได้ 1,386,252,505 บาท กำไรสุทธิ 121,270,008 บาท สินทรัพย์ 2,183,255,460 บาท บาท กำไรสะสม 314,231,115 บาท นายภูผา เตชะณรงค์ ถือ 4.64% น.ส.ไพพรรณี เตชะณรงค์ 4.2% 

รวมสินทรัพย์ 10 บริษัท ประมาณ 2,889 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามมีพียงบริษัทเดียวที่นายไพวงษ์ถือหุ้นคือ บริษัท แคลิฟอร์เนีย เรียล เอสเตท จำกัด จดทะเบียนวันที่ 21 มิ.ย.33 ทุนปัจจุบัน 50 ล้านบาท ถือหุ้น 70.50% 

ในจำนวนนี้บริษัท ซับม่วง จำกัด ประกอบธุรกิจค้าอสังหาริมทรัพย์ มีสินทรัพย์ 209 ล้านบาท 

โครงการบ้านตากอากาศในโบนันซ่ามีนักการเมืองเป็นลูกค้าจำนวนมาก 

ก่อนหน้านี้พื้นที่โบนันซ่า อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ถูกยืมใช้เป็นสถานที่จัดชุมนุมทางการเมืองของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)

กระทั่งเกิดรัฐประหาร 22 พ.ค.57 นายไพวงษ์ถูกเรียกรายงานตัวในที่สุด

ธุรกิจกลุ่มเตชะณรงค์ในปัจจุบัน

ชื่อ 

วันจดทะเบียน

ทุนล่าสุด    

ประเภทธุรกิจ

สินทรัพย์ 

1.บริษัท โบนันซ่า กอล์ฟ แอนด์ คันทรี่ คลับ จำกัด

31 ก.ค. 2535

50  ล้าน

สนามกอล์ฟ 

175,002,666

2.บริษัท ชูเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด

15 ส.ค.2545

20 ล้าน 

จัดสรรและปลูกสร้างอาคารเพื่อขาย ให้เช่า ให้เช่า

180,083,656

 3.บริษัท ซับม่วง จำกัด

10 ก.ย.2533

50 ล้าน

ขายที่ดินและจัดสรรที่ดิน 

209,067,405

4. บริษัท โบนันซ่า พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด

23 ธ.ค.2548

5 ล้าน 

ซื้อขาย พัฒนาที่ดิน

19,184,967

 5.บริษัท โบนันซ่า รีสอร์ท โฮเต็ล จำกัด

14 พ.ค. 2534

50 ล้าน 

บริการโรงแรม บ้านพักตากอากาศ

109,083,521

6.บริษัท 75 ในบ้าน จำกัด

24 ก.ย. 2556

1  ล้าน 

ประกอบกิจการนำเข้าส่งออก และจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป

ไม่มีข้อมูล 

7. บริษัท แคลิฟอร์เนีย เรียล เอสเตท จำกัด

21 มิ.ย. 2533

50 ล้าน 

พัฒนาที่ดิน 

1,194,649

 8.บริษัท วิถีถิ่นไทย จำกัด

28 เม.ย. 2546

5 ล้าน 

ประกอบกิจการค้าผลิตภัณฑ์สินค้าพื้นบ้าน

11,538,990

9.บริษัท โลหะกิจขจร จำกัด

9 ส.ค. 2548

1 ล้าน 

ซื้อขายวัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง

922,166 

10.บมจ. โซล่าตรอน 

24 ก.ย. 2547

791,397,723

ขายและติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์-รับจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์

2,183,255,460 

ที่มา:กรมพัฒนาธุรกิจการค้า,สำนักข่าวอิศรา รวบรวม