PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ชอบคำด่ามากกว่าคำชมเคลือบยาพิษ

“บิ๊กตู่” เผย  ชอบ คำด่า มากกว่า “คำชมที่เคลือบแฝงไปด้วยยาพิษ “

“หลายคน ไม่อยากฟัง ผม และรัฐบาลพูด เพราะต้องไปใช้เวลาติดตามหวย 30 ล้านว่า ใครมันโกง หรือดาราคนนี้เลิกกับคนนี้ 

ท้ายสุดก็ลืมว่าตัวเองคิดอะไร รัฐบาลพูดอะไร ก็ไม่รู้อีก แล้วกลับมาด่ารัฐบาล ด่ากันเองนี้แหละ 

“ผมยินดีรับคำด่า คำว่าทุกวัน มากกว่าคำชมที่เคลือบแฝงไปด้วยยาพิษ “

ต้องจริงใจต่อกัน คนเราพูดแล้วทำ สำคัญ และความรับผิดชอบ ความจริงใจที่ผมทำให้กับท่าน ผมไม่เคยหยุดคิด ไม่เคยหยุดทำงาน คณะรัฐมนตรีทุกคนของผมเหมือนกัน” 

พล.อ.ประยุทธ์ เปิดปฏิบัติการโครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอย่างยั่งยืน โดยศาสตร์พระราชาตามแนวทางประชารัฐ ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ขยันสัญจร

ขยันสัญจร



เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ควบ หน.คสช.ผูกขาด อำนาจเบ็ดเสร็จแต่ผู้เดียว
เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นบุคคลสาธารณะ ย่อมต้องโดนกระแสวิจารณ์โจมตีติฉินนินทาเป็นธรรมดา
ล่าสุด การยกขบวนไปจัดมหกรรม ครม.สัญจรภาคเหนือตอนล่าง จังหวัดพิจิตร และจังหวัดนครสวรรค์ ก็ต้องเจอกระแสโจมตีว่าไปหว่านงบหาเสียงล่วงหน้า ตามแผนสืบทอดอำนาจ คสช.
มันก็มีส่วนจริงอย่างเค้าว่านั่นแหละโยม
“แม่ลูกจันทร์” มองว่าการที่ นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ขยันลงพื้นที่ตรวจราชการ และพบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชนในต่างจังหวัดทั่วทุกภาคของประเทศไทย...เป็นเรื่องที่ดี
จะได้เห็นของจริงด้วยตา และได้ฟังปัญหาชาวบ้านด้วยหูตัวเอง
ปัญหาคือการจัดประชุม ครม.สัญจร ส่วนใหญ่ “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่มีโอกาสได้สัมผัสสภาพปัญหาในพื้นที่อย่างแท้จริง
เพราะมีการจัดฉากผักชีโรยหน้าตามธรรมเนียมไทยๆ
แต่ถึงกระนั้น...การประชุม ครม.สัญจร ย่อมเกิดประโยชน์อยู่ดี เพราะต้องมีการอัดฉีดงบเพิ่มเติมตามที่จังหวัดและประชาชนในพื้นที่เสนอมา
ในการจัดประชุม ครม.สัญจร ล่าสุด (จังหวัดพิจิตร และนครสวรรค์) มีสารพัดโครงการรวมวงเงินกว่าห้าหมื่นล้านบาทเสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณา
หลายโครงการเป็นวาระเร่งด่วน หลายโครงการน่าสนใจ แต่หลายโครงการก็ฝันเฟื่องเกินจริง
ถ้าไม่นับโครงการรถไฟรางคู่ ลพบุรี-ปากนํ้าโพ 145 กม. มูลค่า 20,000 ล้านบาทที่เริ่มเดินหน้าไปแล้ว
“แม่ลูกจันทร์” ขออนุญาตเลือกจิ้มอีก 2 โครงการที่เห็นว่ารัฐบาล คสช.ควรเร่งดำเนินการให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมอย่างที่ฉายหนังโฆษณา
1,โครงการพัฒนาบึงสีไฟ จังหวัด พิจิตร แหล่งนํ้าใหญ่อันดับ 3 ของประเทศไทย
เดิมบึงสีไฟ มีพื้นที่กักเก็บนํ้ามหา-ศาลถึง 12,000 ไร่ แต่ถูกบุกรุกจนเหลือพื้นที่เพียง 5,390 ไร่เท่านั้นเอง
เท่ากับพื้นที่เก็บนํ้าหายไปกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
แถมบึงสีไฟถูกปล่อยปละละเลยจนมีสภาพตื้นเขิน ไม่สามารถเก็บกักนํ้าจืดเพื่อการเพาะปลูก และการบริโภคได้เลย
“แม่ลูกจันทร์” กระชุ่น พล.อ.ประยุทธ์ เร่งฟื้นฟูบึงสีไฟให้กลับคืนสู่สภาพเดิมให้เป็นผลงานชิ้นโบแดงโค้งสุดท้ายของรัฐบาล คสช.
2,โครงการปฏิรูปบึงบอระเพ็ด แหล่งเก็บกักนํ้าจืดใหญ่ที่สุดของประเทศ ไทย เคยมีพื้นที่ใหญ่โตมโหฬารกว่า 132,837 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอ คืออำเภอเมือง อำเภอชุมแสง และอำเภอท่าตะโก
ล่าสุดบึงบอระเพ็ด (ที่เคยมีจระเข้ชุม) ถูกบุกรุกจนเหลือพื้นที่นํ้าเพียง 32,285 ไร่
เท่ากับพื้นที่บึงบอระเพ็ดหายไป 70 เปอร์เซ็นต์
จากที่เคยเก็บนํ้าจืดได้กว่า 180 ล้าน ลบ.เมตร วันนี้บึงบอระเพ็ดเก็บนํ้าจืดได้ 30 ล้าน ลบ.เมตรเท่านั้นเอง
“แม่ลูกจันทร์” ยํ้าว่าเมื่อต้นปี 2559 “พล.อ.ประยุทธ์” เคยยกขบวน ครม.สัญจรไปสำรวจบึงบอระเพ็ดด้วยตัวเอง และมีมติ ครม.ให้เร่งฟื้นฟูบึงบอระเพ็ดให้คืนสู่สภาพเดิมโดยเร็ว
ผ่านไปแล้ว 2 ปี โครงการฟื้นฟู บึงบอระเพ็ดเสร็จหรือยัง??
พล.อ.ประยุทธ์ ต้องตรวจการ บ้านตัวเองซะที.
“แม่ลูกจันทร์”

‘แต้มต่อ’ในสนามจริง

‘แต้มต่อ’ในสนามจริง



เข้าวัดทำบุญ หาพระหาเจ้าเอาฤกษ์เอาชัยในวันพระ
ตามโปรแกรมแทรกคิวพิเศษไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ก่อนประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดนครสวรรค์ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ได้แวบไปกราบนมัสการ “หลวงปู่ลี” เจ้าอาวาสวัดหัวตลุกวนาราม อำเภอลาดยาว เกจิอาจารย์ลูกศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
พร้อมกันนั้นยังมีช็อตน่ารักๆแบบที่นายกรัฐมนตรีได้ถือโอกาสบีบนวดขาให้เกจิดังเมืองปากน้ำโพ และได้ของดีเป็น “คชสิงห์หลวงปู่ลี” ติดไม้ติดมือกลับมาเป็นสิริมงคล
เรื่องของเรื่องประเมินจากภาพข่าวการเดินสายประชุม ครม.สัญจรที่พิจิตรและนครสวรรค์ สังเกตได้เลยว่า ผู้นำ คสช.อารมณ์ดี รอยยิ้มเริ่มกลับมาเจือบนใบหน้า
ขึ้นรถไฟทักทายประชาชนสองข้างทาง รำวงย้อนยุคกับผู้เฒ่าผู้แก่
พูดแหย่เย้าหยอกล้อกับชาวบ้านไปยันโอภาปราศรัยกับนักการเมือง อดีต ส.ส.ในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงที่มารอต้อนรับอย่างไม่มีฟอร์ม ไม่มีสคริปต์ ปล่อยมุกอย่างอารมณ์ดี
นี่แหละคือความเป็นตัวตนของ “นายกฯลุงตู่”
“จุดขาย” ตามธรรมชาติที่ไม่ด้อยไปกว่านักการเมืองอาชีพ
แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับ “บิ๊กตู่” คนที่ทำเนียบรัฐบาล ที่หน้าบึ้ง เสียงเขียว อารมณ์บูดเบี้ยวตลอด 2–3 สัปดาห์ เพราะอาการเสพโซเชียลมีเดียมากเกินไป
เครียดกับไซเบอร์ วอร์ แนวรบที่ฝ่ายต่อต้านลากเข้าไปรุมสกรัม
ทีมยุทธศาสตร์ต้องรีบดึง “นายกฯลุงตู่” กลับมาสู่เกมของตัวเอง
และแน่นอน มุมแบบนี้ก็ต้องเป็นเซียนการตลาดระดับ “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ ที่ประกาศเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการให้ “นายกฯลุงตู่” ตีตั๋วต่อ
ตามจังหวะต้องออกแรงกระตุกกระแส เบรกอารมณ์กันตั้งแต่ช็อตที่เครือข่ายชาวนาประชารัฐ “เฟรนด์ ออฟ สมคิด” เข้าให้กำลังใจนายกฯที่ทำเนียบรัฐบาล และในการประชุม ครม.สัญจร “สมคิด” ก็คือคนดีลนักการเมืองเข้าร่วมฉาก สร้างบรรยากาศดีๆแบบที่ได้ทั้งมุมการบริหารราชการและบริการแต้มทางการเมือง
ตามท้องเรื่องที่ “จอมยุทธ์กวง” คอยกำกับคิวให้ผู้นำอยู่ในโหมดตุน “แต้มบวก”
และถึงตรงนี้ “ลุงตู่” ได้ผ่านด่านทดสอบ “แรงกระแทก” ทางการเมืองเบื้องต้น ก่อนลงสนามจริงไปแล้ว ตามแนวโน้มโลกสมมติในโซเชียลมีเดียที่สะท้อนว่า “ลุงตู่” ตกเป็นรองสงครามชิงกระแส
แต่นั่นก็ตรงกันข้ามกับโลกแห่งความเป็นจริงที่ “ลุงตู่” กำลังถือแต้มต่อ
ประเมินเกมรุกคืบชิงพื้นที่ในสนามเลือกตั้ง กับคำสั่งหัวหน้า คสช.คืนตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ประกอบด้วย 1.นายสถิรพร นาคสุข นายก อบจ.ยโสธร 2.นางมลัยรัก ทองผา นายก อบจ.มุกดาหาร 3.นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายก อบจ.เชียงใหม่ 4.นายชัยมงคล ไชยรบ นายก อบจ.สกลนคร
แน่นอน มันคงไม่ใช่ปกติธรรมดาที่อยู่ๆจะหักมุมคืนเก้าอี้กันง่ายๆ
ตามรูปการณ์แบบที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ ต้องเป็นข้อแลกเปลี่ยนสำคัญ
เอาเป็นว่า เช็กข่าววงใน วงการนักเลือกตั้งขาใหญ่ยอมรับ 4 คน 4 จังหวัดที่ได้ตั๋วกลับมานั่งคุม อบจ.
ล้วนแล้วแต่ “ใจนักเลง” พูดคำไหนคำนั้น
นั่นหมายถึง ถ้ามีการตกปากรับคำกันจริงๆ แค่แลกกับการไม่หนุนตัวปัญหาของทหาร คสช. นั่นคือลูกข่ายยี่ห้อ “ทักษิณ” ก็ถือว่า มีผลต่อเกมการเลือกตั้งแล้ว
ส่วนเป้าหมายที่ลึกไปกว่านั้น หากถึงขั้นดึงเข้าหนุนค่ายพลังประชารัฐ ก็ผู้นำท้องถิ่นนี่แหละ “ของแท้” ที่กุมฐานคะแนนเลือกตั้งในต่างจังหวัดอย่างแท้จริง
เสียงแน่น ชัวร์กว่าอดีต ส.ส. โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเภท “นกแล” ของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องอาศัยกระแสพรรค เครดิต “นายใหญ่” ไม่มีแต้มนิยมส่วนตัว
ถ้าย้ายพรรคเป็นสอบตก ไม่มีมูลค่าทางการตลาดอย่างแท้จริง
เมื่อ “ลุงตู่” ล็อกผู้นำท้องถิ่นเป็นแนวร่วม สนามเลือกตั้งใหญ่ก็เข้าทาง
และนี่แค่ประเดิมชุดแรก ตามรูปการณ์ที่ฟังจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย จะมีการทยอยคืนตำแหน่งให้ผู้นำท้องถิ่นที่ผลสอบสวนยืนยันไม่มีปัญหาทุจริต
ยังมีจ่อตามมาอีกหลายลอต หลายจังหวัด
ตามแนวโน้มน่าจะปล่อยให้ผู้นำท้องถิ่นชุดเดิมได้บริหารต่อไป โดยยังไม่มีการเลือกตั้ง ภายหลังงานพัฒนาท้องถิ่นสะดุดมานาน
2–3 ปี ถนนหนทางชำรุดไม่มีคนดูแล แก้ปัญหาชาวบ้านเดือดร้อน
เป็นแรงสะท้อนทำให้เกิดภาวะต่อต้านรัฐบาล
โจทย์สำคัญของ “แต้มจริง” ที่ต้องเคลียร์ก่อนเข้าโหมดเลือกตั้ง.
ทีมข่าวการเมือง

บิ๊กป้อมคุยเอง

“บิ๊กป้อม” คุยเอง

นายกฯ มอบ “บิ๊กป้อม”นั่งหัวโต๊ะ คุยกับนักการเมืองเอง ปลายมิย.นี้  บิ๊กป้อม เผย ผมจะคุยเอง ถกปลดล็อค รอบแรกเอง แต่จะแค่ให้พรรคการเมือง จัดประชุมและจัดการสมาชิกพรรค เท่านั้น ยังไม่ให้หาเสียง  ต้องรอกม.ลูกเสร็จก่อน เชื่อไม่มีปัญหา คุยนักการเมือง แต่ไม่ให้ Liveสด ชี้ไม่มา ก็ไม่ต้องมา ก็พูดคุยกันก่อน จะมาLive สดอะไรล่ะ เชื่อไม่มีปัญหา ระดับโลกเขายังทำอะไรกันได้เรียบร้อย ของเราแค่นี้

ครม.สัญจรใต้

จับตา ครม.สัญจร ปักษ์ใต้

"บิ๊กป้อม" ปัด ครม.สัญจรใต้ เอื้อประโยชน์ "พรรคลุงกำนัน" ยัน ดูแลเท่าเทียมกัน นายกฯแจก งบฯทุกภาค

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่มีแผนจะลงภาคใตั ในเดือนหน้า อาจถูกมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้บางพรรคการเมือง ที่มีฐานเสียงที่ภาคใตั  นั้น ว่า  ไม่หรอก เราทำเหมือนกันทุกภาค ไม่ได้ไป เอื้อประโยชน์ใคร  เราก็ไปประชุมของเรา

“นายกฯ ก็ไปเยี่ยมประชาชน ไปดูแลประชาชน เอางบประมาณไปให้ทุกภาค ให้ทัดเทียมกัน  ไม่มีการได้มากได้นัอย” พลเอกประวิตร กล่าว

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ครม.สัญจร เดือนหน้า จะลงใต้ จนทำให้ถูกจับตามองว่า จะเอิ้อประโยชน์ให้ พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่มีจุดยืน สนับสนุน พลเอกประยุทธ์ และ คสช.ตลอดมา หรือไม่