PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2561

‘แต้มต่อ’ในสนามจริง

‘แต้มต่อ’ในสนามจริง



เข้าวัดทำบุญ หาพระหาเจ้าเอาฤกษ์เอาชัยในวันพระ
ตามโปรแกรมแทรกคิวพิเศษไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ก่อนประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดนครสวรรค์ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ได้แวบไปกราบนมัสการ “หลวงปู่ลี” เจ้าอาวาสวัดหัวตลุกวนาราม อำเภอลาดยาว เกจิอาจารย์ลูกศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
พร้อมกันนั้นยังมีช็อตน่ารักๆแบบที่นายกรัฐมนตรีได้ถือโอกาสบีบนวดขาให้เกจิดังเมืองปากน้ำโพ และได้ของดีเป็น “คชสิงห์หลวงปู่ลี” ติดไม้ติดมือกลับมาเป็นสิริมงคล
เรื่องของเรื่องประเมินจากภาพข่าวการเดินสายประชุม ครม.สัญจรที่พิจิตรและนครสวรรค์ สังเกตได้เลยว่า ผู้นำ คสช.อารมณ์ดี รอยยิ้มเริ่มกลับมาเจือบนใบหน้า
ขึ้นรถไฟทักทายประชาชนสองข้างทาง รำวงย้อนยุคกับผู้เฒ่าผู้แก่
พูดแหย่เย้าหยอกล้อกับชาวบ้านไปยันโอภาปราศรัยกับนักการเมือง อดีต ส.ส.ในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงที่มารอต้อนรับอย่างไม่มีฟอร์ม ไม่มีสคริปต์ ปล่อยมุกอย่างอารมณ์ดี
นี่แหละคือความเป็นตัวตนของ “นายกฯลุงตู่”
“จุดขาย” ตามธรรมชาติที่ไม่ด้อยไปกว่านักการเมืองอาชีพ
แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับ “บิ๊กตู่” คนที่ทำเนียบรัฐบาล ที่หน้าบึ้ง เสียงเขียว อารมณ์บูดเบี้ยวตลอด 2–3 สัปดาห์ เพราะอาการเสพโซเชียลมีเดียมากเกินไป
เครียดกับไซเบอร์ วอร์ แนวรบที่ฝ่ายต่อต้านลากเข้าไปรุมสกรัม
ทีมยุทธศาสตร์ต้องรีบดึง “นายกฯลุงตู่” กลับมาสู่เกมของตัวเอง
และแน่นอน มุมแบบนี้ก็ต้องเป็นเซียนการตลาดระดับ “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ ที่ประกาศเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการให้ “นายกฯลุงตู่” ตีตั๋วต่อ
ตามจังหวะต้องออกแรงกระตุกกระแส เบรกอารมณ์กันตั้งแต่ช็อตที่เครือข่ายชาวนาประชารัฐ “เฟรนด์ ออฟ สมคิด” เข้าให้กำลังใจนายกฯที่ทำเนียบรัฐบาล และในการประชุม ครม.สัญจร “สมคิด” ก็คือคนดีลนักการเมืองเข้าร่วมฉาก สร้างบรรยากาศดีๆแบบที่ได้ทั้งมุมการบริหารราชการและบริการแต้มทางการเมือง
ตามท้องเรื่องที่ “จอมยุทธ์กวง” คอยกำกับคิวให้ผู้นำอยู่ในโหมดตุน “แต้มบวก”
และถึงตรงนี้ “ลุงตู่” ได้ผ่านด่านทดสอบ “แรงกระแทก” ทางการเมืองเบื้องต้น ก่อนลงสนามจริงไปแล้ว ตามแนวโน้มโลกสมมติในโซเชียลมีเดียที่สะท้อนว่า “ลุงตู่” ตกเป็นรองสงครามชิงกระแส
แต่นั่นก็ตรงกันข้ามกับโลกแห่งความเป็นจริงที่ “ลุงตู่” กำลังถือแต้มต่อ
ประเมินเกมรุกคืบชิงพื้นที่ในสนามเลือกตั้ง กับคำสั่งหัวหน้า คสช.คืนตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ประกอบด้วย 1.นายสถิรพร นาคสุข นายก อบจ.ยโสธร 2.นางมลัยรัก ทองผา นายก อบจ.มุกดาหาร 3.นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายก อบจ.เชียงใหม่ 4.นายชัยมงคล ไชยรบ นายก อบจ.สกลนคร
แน่นอน มันคงไม่ใช่ปกติธรรมดาที่อยู่ๆจะหักมุมคืนเก้าอี้กันง่ายๆ
ตามรูปการณ์แบบที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ ต้องเป็นข้อแลกเปลี่ยนสำคัญ
เอาเป็นว่า เช็กข่าววงใน วงการนักเลือกตั้งขาใหญ่ยอมรับ 4 คน 4 จังหวัดที่ได้ตั๋วกลับมานั่งคุม อบจ.
ล้วนแล้วแต่ “ใจนักเลง” พูดคำไหนคำนั้น
นั่นหมายถึง ถ้ามีการตกปากรับคำกันจริงๆ แค่แลกกับการไม่หนุนตัวปัญหาของทหาร คสช. นั่นคือลูกข่ายยี่ห้อ “ทักษิณ” ก็ถือว่า มีผลต่อเกมการเลือกตั้งแล้ว
ส่วนเป้าหมายที่ลึกไปกว่านั้น หากถึงขั้นดึงเข้าหนุนค่ายพลังประชารัฐ ก็ผู้นำท้องถิ่นนี่แหละ “ของแท้” ที่กุมฐานคะแนนเลือกตั้งในต่างจังหวัดอย่างแท้จริง
เสียงแน่น ชัวร์กว่าอดีต ส.ส. โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเภท “นกแล” ของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องอาศัยกระแสพรรค เครดิต “นายใหญ่” ไม่มีแต้มนิยมส่วนตัว
ถ้าย้ายพรรคเป็นสอบตก ไม่มีมูลค่าทางการตลาดอย่างแท้จริง
เมื่อ “ลุงตู่” ล็อกผู้นำท้องถิ่นเป็นแนวร่วม สนามเลือกตั้งใหญ่ก็เข้าทาง
และนี่แค่ประเดิมชุดแรก ตามรูปการณ์ที่ฟังจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย จะมีการทยอยคืนตำแหน่งให้ผู้นำท้องถิ่นที่ผลสอบสวนยืนยันไม่มีปัญหาทุจริต
ยังมีจ่อตามมาอีกหลายลอต หลายจังหวัด
ตามแนวโน้มน่าจะปล่อยให้ผู้นำท้องถิ่นชุดเดิมได้บริหารต่อไป โดยยังไม่มีการเลือกตั้ง ภายหลังงานพัฒนาท้องถิ่นสะดุดมานาน
2–3 ปี ถนนหนทางชำรุดไม่มีคนดูแล แก้ปัญหาชาวบ้านเดือดร้อน
เป็นแรงสะท้อนทำให้เกิดภาวะต่อต้านรัฐบาล
โจทย์สำคัญของ “แต้มจริง” ที่ต้องเคลียร์ก่อนเข้าโหมดเลือกตั้ง.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: