PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2559

จีน-รัสเซียเดินหน้าร่วมมือการค้า แม้เศรษฐกิจทั่วโลกซบเซาลง

จีน-รัสเซียเดินหน้าร่วมมือการค้า แม้เศรษฐกิจทั่วโลกซบเซาลง
หลี่ฮุย (李辉) เอกอัครราชทูตจีนประจำรัสเซียกล่าวว่า จีนเป็นหุ้นส่วนการค้าอันดับหนึ่งของรัสเซียมานาน 6 ปีติดต่อกัน ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ได้ตั้งเป้าเติบโตมากขึ้น ท่ามกลางการเติบโตอย่างซบเซาของเศรษฐกิจโลก
เขากล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Interfax ว่า รัสเซียเป็นหนึ่งในผู้จัดส่งด้านพลังงาน เครื่องจักรกลระบบอิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีขั้นสูงรายใหญ่ของจีน ซึ่งถึงแม้ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกจะตกฮวบ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคขวางกั้นการพัฒนาความร่วมมือระหว่างทั้งสองได้เลย
อย่างไรก็ตาม แนวคิดริเริ่มโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ที่เสนอโดยจีน กับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (EEU) ที่นำโดยรัสเซียนั้น ได้ตกลงที่จะร่วมมือกันเมื่อปี 2015 ซึ่งจะเอื้ออำนวยต่อความร่วมมือในรอบด้านระหว่างทั้งคู่
แนวคิดริเริ่มโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ หมายถึง เส้นทางสายไหมทางเศรษฐกิจและเส้นทางสายไหมทางทะเลในศตวรรษที่ 21 ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายการค้าและโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมระหว่างเอเชียกับยุโรปและแอฟริกา
นอกจากนี้ การลงทุนของจีนในรัสเซียมีมูลค่ามากกว่า 1 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งทั้งคู่ได้วางแผนที่จะมีโครงการร่วมกันเพิ่มขึ้นอีก 66 โครงการ ด้วยมูลค่าทั้งหมด 9 หมื่นล้านดอล่าร์สหรัฐ
ความร่วมมือระหว่างทั้งคู่ เป็นการพัฒนาในด้านต่างๆ เช่น พลังงานนิวเคลียร์ พลังงานไฟฟ้า อุตสาหกรรมเคมี การเกษตร การทำเมืองแร่ และอื่นๆ ซึ่งทั้งคู่ได้เน้นความร่วมมือด้านพลังงานเป็นหลักนั่นเอง

ว่าด้วย"เค้ก"ก้อนใหญ่


มีข้าราชการที่รักความเป็นธรรมในกระทรวงคมนาคม แอบส่งข้อมูลที่เชื่อว่ามีการทุจริตฮั้วประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม มายัง นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน(คปต.) เพื่อให้มีการตรวจสอบและลงโทษตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดทั้งหมด รายละเอียดมีดังนี้
การประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2559 ซึ่งตรงกับวันต่อต้านคอรัปชั่นสากล แต่กรณีนี้ที่เชื่อว่าน่าจะมีการทุจริตฮั้วประมูลฯเกิดขึ้น แต่กลุ่มที่กระทำความผิด นอกจากจะไม่ได้มีความเกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองแล้ว ยังทำเหมือนกับเจตนาจะท้าทายกฎหมาย และท้าทายนายกฯประยุทธ์อีกด้วย
โครงการนี้แบ่งออกเป็น 5 สัญญา มีผู้เข้าร่วมประมูลงานนี้จำนวน 3 ราย คือ
1. CKST ช.การช่าง+ชิโนไทย
2. ITD คืออิตัลไทย
3. SYUN คือซันยองกับยูนิค แต่บางสัญญา ยูนิคแยกมาประมูลเอง (และชนะเสียด้วย)
สัญญาที่ 1 ราคากลาง 20,735 ล้าน
CKST เสนอต่ำสุด 20,698 ล้าน (ต่ำกว่าราคากลาง 37 ล้าน) ITD เสนอ 20,733 ล้าน ต่ำกว่าราคากลาง 2 ล้าน
SYUN เสนอ 20,963 ล้าน สูง กว่าราคากลาง 128 ล้านบาท
สัญญาที่ 2 ราคากลาง 21,604 ล้านบาท
CKST เสนอต่ำสุด 21,572 ล้าน (ต่ำกว่าราคากลาง 32 ล้าน)
ITD เสนอ 21,602 ล้าน ก็ยังต่ำกว่าราคากลาง 2 ล้าน
ส่วน SYUN ก็เสนอราคาสูงกว่าราคากลางตามเคยคือ 21,852 ล้านบาท (สูงกว่าราคากลาง 248 ล้านบาท) (เสนอแบบนี้ตั้งใจไม่อยากชนะ)
สัญญาที่ 3 ราคากลาง 18,655 ล้าน คราวนี้เปลี่ยนเป็น ITD เสนอต่ำสุด 18,589 ล้าน (ต่ำกว่าราคากลาง 66 ล้าน) CKST เสนอ 18,653 ล้าน (เปลี่ยนมาต่ำกว่าราคากลาง 2 ล้าน)
ส่วน SYUN ก็เสนอราคาสูงกว่าราคากลางอีกตามเคยคือ 18,845 ล้านบาท(สูงกว่าราคากลาง 190 ล้านบาท) สูงกว่าราคากลางเป็นรอบที่ 3 ตั้งใจจะไม่ยอมชนะ
สัญญาที่ 4 ราคากลาง 10,025 ล้านบาท ครั้งนี้ UN ยูนิค แยกมาเสนอราคาต่ำสุด 9,999 ล้านบาท(ต่ำกว่าราคากลาง 26 ล้านบาท)
CKST เสนอ 10,022 ล้านบาท (ต่ำกว่าราคากลาง 3 ล้านบาท) ITD เปลี่ยนมาเสนอราคาสูง กว่าราคากลาง คือ10,121 ล้านบาท (สูงกว่าราคากลาง 96 ล้านบาท)
สัญญาที่ 5 ราคากลาง 3,790 ล้าน ยูนิคเสนอราคาต่ำสุด 3,750 ล้าน (ต่ำกว่าราคากลาง 40 ล้าน) CKST เสนอราคา 3,780 ล้าน (ต่ำกว่าราคากลาง 10 ล้านบาท) ITD เสนอราคา 3,785 ล้าน (ต่ำกว่าราคากลางแค่ 5 ล้านบาท)
รายละเอียดอย่างนี้ ท่านผู้อ่านพอมองออกไหมว่าน่าจะมีความผิดปกติ ไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น เหมือนตกลงกันมาก่อนว่าใครจะเอางานชิ้นใด ก็แบ่งงานกันไปก่อนเลย ทั้งหมดเหมือนรู้ราคากลางล่วงหน้า
ท่านเชื่อหรือไม่ว่าโครงการดังกล่าวนี้ น่าจะมีการทุจริตฮั้วประมูล เกิดขึ้น
แม้แต่สื่อมวลชนยังพาดหัวข่าวว่า "ผู้รับเหมาแบ่งเค้ก ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม"
นี่ไงหลักฐานอีกชิ้นหนึ่ง ที่น่าเชื่อว่าจะมีการทุจริตฮั้วประมูลการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ของกระทรวงคมนาคม
นายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ว่าถ้าผู้ใดพบการโกง ให้รายงานนายกฯประยุทธ์ จะจับติดคุกให้หมด
ดังนั้น กรณีนี้นายกฯประยุทธ์จะจริงจังและจริงใจในการตรวจสอบและลงโทษหรือไม่?

ดีเอสไอทลายแก๊งเงินกู้รายใหญ่ ตะลึง!มีเงินหมุนเวียน 4 พันล้าน แฉจนท.รัฐนับพันคนเอี่ยวเคลียร์คดี

ดีเอสไอทลายแก๊งเงินกู้รายใหญ่ ตะลึง!มีเงินหมุนเวียน 4 พันล้าน แฉจนท.รัฐนับพันคนเอี่ยวเคลียร์คดี

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 ธันวาคม ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ พล.ต.ต.ถาวร ขาวสอาด ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี และพ.ต.อ.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ (สนว.) รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 รักษาพระองค์ฯ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ร่วมกันแถลงผลจับกุมกลุ่มขบวนการปล่อยกู้นอกระบบรายใหญ่ที่สุดของประเทศ มีเครือข่ายร่วมขบวนการกว่า 2,000 ราย และมีประชาชนที่เป็นลูกหนี้ประมาณ 170,000 ราย รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดกว่า 150 ล้านบาท
%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b9%84%e0%b8%ad1
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า การตรวจค้นจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายไชยวุฒิ วิวัฒนอารีกุล ทำหน้าที่ดูแลด้านไอที และดูแลระบบการจัดเก็บเงินกู้ ที่เชื่อมโยงทั้งส่วนกลางและภูมิภาค อีกทั้ง จากการจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าวสามารถสอบสวนขยายผลไปยังตัวการสำคัญอีกหลายราย ส่วนผู้ต้องหาอีกราย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่อยู่ระดับบนสุดที่เจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนสอบสวนไปถึง คือ นายวิชัย ปั้นงาม เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวเมื่อวันที่19ธันวาคมที่ผ่านมา โดยเป็นการเดินทางออกนอกประเทศไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจค้นที่บ้านพักภายในหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา การเดินทางไปดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่านายวิชัยได้จองตั๋วเครื่องบินไว้ล่วงหน้าแล้ว คาดว่าไม่ได้รู้ล่วงหน้าว่าเจ้าหน้าที่จะตรวจค้น ทั้งนี้ เราจะติดตามตัวและออกหมายจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายดังกล่าวทั่วประเทศ กว่า 2,000-3,000 คน
%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b9%84%e0%b8%ad2
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวต่อว่า สำหรับขบวนการดังกล่าวรู้จักกันดีในชื่อแก๊งหมวกกันน็อก ทางกระทรวงยุติธรรม(ยธ.) ได้รับการแจ้งเบาะแสทั้งการข่าวเปิดและทางลับ จึงสั่งการให้ดีเอสไอดำเนินการให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาสืบสวนนานกว่า2ปี แต่จากการสืบสวนพบข้อมูลย้อนหลังของเครือข่ายดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2554 มีเครือข่ายสาขาย่อย 86 สาขาทั่วประเทศ และมีเงินหมุนเวียนในเครือข่าย กว่า4,000ล้านบาท ต่อมาเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา ดีเอสไอมีมติเห็นชอบกรณีขบวนการปล่อยเงินกู้นอกระบบในอัตราดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนดเป็นคดีพิเศษ ขบวนการดังกล่าวมีการคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ร้อยละ 20 ต่อ 25 วัน โดยดอกเบี้ยต่อปีอยู่ที่ร้อยละ300 หากใครตกเป็นเหยื่อโอกาสในหลุดออกมาจากวงจรทำได้ยากมาก ทั้งนี้เรากำลังหาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อเอาผิด ผู้เสียหายหรือลูกหนี้ขอให้นำข้อมูลมาให้กับทางดีเอสไอ หากนำไปสู่การจับกุมจะมีรางวัลนำจับให้ด้วย
%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b9%84%e0%b8%ad3
ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า คดีดังกล่าวจะต้องดำเนินการกับผู้ที่ยังเก็บเงินอยู่ ในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายดังกล่าว หากมีพยานหลักฐานจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกว่า1,000ราย พฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐจะทำหน้าที่เข้าไปไกล่เกลี่ย โดยใช้อำนาจบังคับลูกหนี้ให้จ่ายเงิน แต่เรายังไม่มีรายละเอียดในเรื่องของการได้รับเงินค่าดำเนินการในส่วนดังกล่าวว่าได้จำนวนเท่าไหร่ในการเคลียร์คดี แต่ตรวจสอบทราบจากหมายเลขโทรศัพท์และตัวเจ้าหน้าที่แล้ว ในส่วนนี้จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างแน่นอน ทั้งนี้ จะประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และปปง. เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่ายนี้ รวมถึงหาแนวทางในการเยียวยาให้กลุ่มลูกหนี้ด้วย
201612231247104-20150129150635
พ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า สำหรับคีนี้เป็นคดีพิเศษที่ได้บูรณาการกับหลายฝ่ายจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ เราได้รับข้อมูลทั้งทางการข่าว และการใช้กฎหมายพิเศษของดีเอสไอในการหาข้อมูล พบว่าเครือข่ายดังกล่าวเป็นรายใหญ่ของประเทศ จากการตรวจสอบยังพบว่ามีการปกปิดแอบเปิดบริษัทประกอบกิจการอื่นๆบังหน้า โดยบางบริษัทปิดกิจการไปแล้ว และบางบริษัทจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่ได้มีการประกอบกิจการตามที่ระบุไว้ อีกทั้งยังพบว่ามีองค์กรต่างๆในการสนับสนุน ทั้งกลุ่มไอที กฎหมาย และผู้มีอิทธิพล มีส่วนกลางในการควบคุมขยายไปทั่วประเทศ
201612231247101-20150129150635
พ.ต.ต.สุริยา กล่าวต่อว่า ปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นเป้าหมายสถานที่และการเข้าจับกุมผู้ต้องหามีทั้งหมด26จุด ทั้งในจ.ปทุมธานี, เชียงใหม่, สงขลา และขอนแก่น สามารถยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ได้แก่ รถยนต์ 26 คัน รถจักรยานยนต์ 86 คัน ตู้นิรภัย 14 ตู้ ธนบัตรไทยและสกุลเงินต่างประเทศ อุปกรณ์สื่อสาร และของมีค่าหลายรายการ รวมถึงอายัดบัญชีเงินฝาก28 เล่ม อาวุธปืน 4 กระบอก ลูกกระสุนปืน 309 นัด โฉนดที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 5 แปลง รวมมูลค่ากว่า 150 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าวพ.ต.อ.ดุษฎี และพ.ต.อ.ไพสิฐ ให้เจ้าหน้าที่เปิดตู้เซฟของกลางที่ยึดได้ 2 ตู้ ในตู้เซฟพบเงินสดรวมกันนับล้านบาท พร้อมเอกสารหลักฐาน อาวุธปืนและเครื่องกระสุน รวมถึงพระเครื่อง และผ้ายันต์ของเจ้าคุณธงชัย สโมสรเลสเตอร์ซิตี้ด้วย จากนั้นได้พาสื่อไปดูรถยนต์และจักรยานยนต์ที่เป็นของกลางในคดีดังกล่าว โดยดีเอสไอได้นำมาเก็บรักษาไว้ที่บริเวณด้านหน้าอาคารดีเอสไอด้วย

"บิ๊กเจี๊ยบ" เผย เร่งทำความเข้าใจปชช.พรบ.คอมฯ แจงหน่วยงานรับผิดชอบเตรียมเเถลง เตือนเยาวชนกลุ่มโจมตี เสียอนาคตไม่คุ้ม

"บิ๊กเจี๊ยบ" เผย เร่งทำความเข้าใจปชช.พรบ.คอมฯ แจงหน่วยงานรับผิดชอบเตรียมเเถลง เตือนเยาวชนกลุ่มโจมตี เสียอนาคตไม่คุ้ม
บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. กล่าวถึงการที่ประชาชนยังไม่เข้าใจเรื่องพระราชบัญญัติการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ว่า ตอนนี้มีบทบาทในการชี้แจงให้ความรู้กับประชาชน 2อย่าง 1.พยายามทำความเข้าใจ 2.ถ้าทำความเข้าใจแล้วยังไม่เข้าใจและพยายามก่อกวนก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบจะเป็นคนออกมาแถลงเรื่องดังกล่าว ซึ่งทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็มีหน่วยตรวจสอบอยู่แล้ว ซึ่งทางกองทัพบกและคสช.ก็ทำงานร่วมกัน ส่วนจะเป็นกลุ่มไหนที่มีการก่อกวนนั่นตนขอไม่บอก แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะออกมาชี้แจงเอง
"เว็บไซต์ของคสช.เองก็โดนโจมตีแต่ไม่ได้เสียหายมาก ก็ทำให้เว็บอืดบ้างเล็กน้อย แต่ไม่สามารถนำข้อมูลอะไรไปได้ เรามีการป้องกันเต็มที่ เว็บของกรมการเงินก็เหมือนกัน แต่ยังไม่มีผลกระทบใดกับเว็บกรมการเงิน" ผบ.ทบ.กล่าว
ผบ.ทบ. กล่าวว่า เรื่องนี้ให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโดยตรงชี้แจง เพราะมีหน่วยงานที่รับผิดชอบหลายส่วน เราพยายามทำความเข้าใจกับทุกส่วนให้เห็นว่ามีแต่ความเสียหายกับประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เท่าที่ทราบเป็นเด็กเยาวชน ที่คงได้ความสะใจ แต่สูญเสียอนาคตมันคุ้มกันหรือไม่ โดยทางผู้รับผิดชอบไม่ได้มีการปล่อยปละละเลย ซึ่งได้มีการดำเนินการอยู่และจะออกมาแถลงในโอกาสต่อไป
ด้าน พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคลปลัดกลาโหม ยัน ระบบคอมพิวเตอร์ เวบฯกลาโหมปลอดภัย ไม่ถูกแฮค เผยมีระบบในการป้องกัน และมีหน่วยดูแล โดยตรง

กำจัด ขยะ บนโซเชี่ยลฯ

กำจัด ขยะ บนโซเชี่ยลฯ
บิ๊กตู่ ขู่กำจัดข้อมูลขยะบนโซเชียลมีเดียทำผู้อื่นเสียหาย เร่งฝ่ายกฎหมายให้คลอดมาตรการจัดการ รัฐบาลไม่มีเจตนาล้วงข้อมูล ไม่ได้ต้องการแอบฟังใคร ใครอยากคุยกับแฟน ดูรูปโป๊ ไม่มีใครอยากรู้หรอก เว้นแต่ถ้ามันมีปัญหาออกมา
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวกับประชาชนจังหวัดน่านว่า ควรเร่งกำจัดข้อมูลขยะบนโซเชียลมีเดียที่สร้างความเสียหายให้ผู้อื่น พร้อมเร่งให้ฝ่ายกฎหมายออกมาตราการควบคุม กำจัดข้อมูลที่สร้างความเดือดร้อนเสียหายให้ผู้อื่น และป้องกันไม่ให้สังคมเสื่อมโทรม
"รัฐบาลตรวจสอบค้ายา ค้าเถื่อน การแฮ็คระบบเศรษฐกิจ หรือธุรกิจ ท่านจะยอมให้โซเชียลมีเดีย มีสิ่งชั่วร้ายแบบนี้หรือ ฝ่ายกฎหมายไปหามาตราการมา" พลเอกประยุทธ์กล่าว
"ทั่วโลกเขาระวังกันหมด มีแต่เมืองไทยนี้แหละ ปลดล็อกหมด"
พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีเจตนาล้วงข้อมูลส่วนตัวของใคร และไม่ได้ต้องการใช้มาตราการใดๆ เพื่อจับกุมใครทั้งนั้น เพราะทุกวันนี้ คุกล้นแล้ว
"รัฐบาลไม่ได้ต้องการแอบฟังใคร ใครอยากคุยกับแฟน ดูรูปโป๊ ไม่มีใครอยากรู้หรอก เว้นแต่ถ้ามันมีปัญหาออกมา
ไม่ใช่ว่า จะจับทุกคนซะเมื่อไหร่ คุกมีอยู่แค่นี้ ล้นแล้วล้นอีก" นายกฯ กล่าว