PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ดีเอสไอทลายแก๊งเงินกู้รายใหญ่ ตะลึง!มีเงินหมุนเวียน 4 พันล้าน แฉจนท.รัฐนับพันคนเอี่ยวเคลียร์คดี

ดีเอสไอทลายแก๊งเงินกู้รายใหญ่ ตะลึง!มีเงินหมุนเวียน 4 พันล้าน แฉจนท.รัฐนับพันคนเอี่ยวเคลียร์คดี

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 ธันวาคม ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ พล.ต.ต.ถาวร ขาวสอาด ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี และพ.ต.อ.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ (สนว.) รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 รักษาพระองค์ฯ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ร่วมกันแถลงผลจับกุมกลุ่มขบวนการปล่อยกู้นอกระบบรายใหญ่ที่สุดของประเทศ มีเครือข่ายร่วมขบวนการกว่า 2,000 ราย และมีประชาชนที่เป็นลูกหนี้ประมาณ 170,000 ราย รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดและอายัดกว่า 150 ล้านบาท
%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b9%84%e0%b8%ad1
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า การตรวจค้นจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายไชยวุฒิ วิวัฒนอารีกุล ทำหน้าที่ดูแลด้านไอที และดูแลระบบการจัดเก็บเงินกู้ ที่เชื่อมโยงทั้งส่วนกลางและภูมิภาค อีกทั้ง จากการจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าวสามารถสอบสวนขยายผลไปยังตัวการสำคัญอีกหลายราย ส่วนผู้ต้องหาอีกราย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่อยู่ระดับบนสุดที่เจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนสอบสวนไปถึง คือ นายวิชัย ปั้นงาม เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวเมื่อวันที่19ธันวาคมที่ผ่านมา โดยเป็นการเดินทางออกนอกประเทศไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจค้นที่บ้านพักภายในหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา การเดินทางไปดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่านายวิชัยได้จองตั๋วเครื่องบินไว้ล่วงหน้าแล้ว คาดว่าไม่ได้รู้ล่วงหน้าว่าเจ้าหน้าที่จะตรวจค้น ทั้งนี้ เราจะติดตามตัวและออกหมายจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายดังกล่าวทั่วประเทศ กว่า 2,000-3,000 คน
%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b9%84%e0%b8%ad2
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวต่อว่า สำหรับขบวนการดังกล่าวรู้จักกันดีในชื่อแก๊งหมวกกันน็อก ทางกระทรวงยุติธรรม(ยธ.) ได้รับการแจ้งเบาะแสทั้งการข่าวเปิดและทางลับ จึงสั่งการให้ดีเอสไอดำเนินการให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาสืบสวนนานกว่า2ปี แต่จากการสืบสวนพบข้อมูลย้อนหลังของเครือข่ายดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2554 มีเครือข่ายสาขาย่อย 86 สาขาทั่วประเทศ และมีเงินหมุนเวียนในเครือข่าย กว่า4,000ล้านบาท ต่อมาเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา ดีเอสไอมีมติเห็นชอบกรณีขบวนการปล่อยเงินกู้นอกระบบในอัตราดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนดเป็นคดีพิเศษ ขบวนการดังกล่าวมีการคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ร้อยละ 20 ต่อ 25 วัน โดยดอกเบี้ยต่อปีอยู่ที่ร้อยละ300 หากใครตกเป็นเหยื่อโอกาสในหลุดออกมาจากวงจรทำได้ยากมาก ทั้งนี้เรากำลังหาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อเอาผิด ผู้เสียหายหรือลูกหนี้ขอให้นำข้อมูลมาให้กับทางดีเอสไอ หากนำไปสู่การจับกุมจะมีรางวัลนำจับให้ด้วย
%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b9%84%e0%b8%ad3
ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า คดีดังกล่าวจะต้องดำเนินการกับผู้ที่ยังเก็บเงินอยู่ ในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายดังกล่าว หากมีพยานหลักฐานจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกว่า1,000ราย พฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่รัฐจะทำหน้าที่เข้าไปไกล่เกลี่ย โดยใช้อำนาจบังคับลูกหนี้ให้จ่ายเงิน แต่เรายังไม่มีรายละเอียดในเรื่องของการได้รับเงินค่าดำเนินการในส่วนดังกล่าวว่าได้จำนวนเท่าไหร่ในการเคลียร์คดี แต่ตรวจสอบทราบจากหมายเลขโทรศัพท์และตัวเจ้าหน้าที่แล้ว ในส่วนนี้จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างแน่นอน ทั้งนี้ จะประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และปปง. เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่ายนี้ รวมถึงหาแนวทางในการเยียวยาให้กลุ่มลูกหนี้ด้วย
201612231247104-20150129150635
พ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า สำหรับคีนี้เป็นคดีพิเศษที่ได้บูรณาการกับหลายฝ่ายจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ เราได้รับข้อมูลทั้งทางการข่าว และการใช้กฎหมายพิเศษของดีเอสไอในการหาข้อมูล พบว่าเครือข่ายดังกล่าวเป็นรายใหญ่ของประเทศ จากการตรวจสอบยังพบว่ามีการปกปิดแอบเปิดบริษัทประกอบกิจการอื่นๆบังหน้า โดยบางบริษัทปิดกิจการไปแล้ว และบางบริษัทจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่ได้มีการประกอบกิจการตามที่ระบุไว้ อีกทั้งยังพบว่ามีองค์กรต่างๆในการสนับสนุน ทั้งกลุ่มไอที กฎหมาย และผู้มีอิทธิพล มีส่วนกลางในการควบคุมขยายไปทั่วประเทศ
201612231247101-20150129150635
พ.ต.ต.สุริยา กล่าวต่อว่า ปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นเป้าหมายสถานที่และการเข้าจับกุมผู้ต้องหามีทั้งหมด26จุด ทั้งในจ.ปทุมธานี, เชียงใหม่, สงขลา และขอนแก่น สามารถยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ได้แก่ รถยนต์ 26 คัน รถจักรยานยนต์ 86 คัน ตู้นิรภัย 14 ตู้ ธนบัตรไทยและสกุลเงินต่างประเทศ อุปกรณ์สื่อสาร และของมีค่าหลายรายการ รวมถึงอายัดบัญชีเงินฝาก28 เล่ม อาวุธปืน 4 กระบอก ลูกกระสุนปืน 309 นัด โฉนดที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 5 แปลง รวมมูลค่ากว่า 150 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าวพ.ต.อ.ดุษฎี และพ.ต.อ.ไพสิฐ ให้เจ้าหน้าที่เปิดตู้เซฟของกลางที่ยึดได้ 2 ตู้ ในตู้เซฟพบเงินสดรวมกันนับล้านบาท พร้อมเอกสารหลักฐาน อาวุธปืนและเครื่องกระสุน รวมถึงพระเครื่อง และผ้ายันต์ของเจ้าคุณธงชัย สโมสรเลสเตอร์ซิตี้ด้วย จากนั้นได้พาสื่อไปดูรถยนต์และจักรยานยนต์ที่เป็นของกลางในคดีดังกล่าว โดยดีเอสไอได้นำมาเก็บรักษาไว้ที่บริเวณด้านหน้าอาคารดีเอสไอด้วย

ไม่มีความคิดเห็น: