PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ล็อคเป้า3นายพลบึ้มกรุงเอี่ยว"โกตี๋"

“ปริศนา”คนร้ายลอบวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เริ่มมีความกระจ่างชัดมากขึ้นเป็นลำดับ โดยผู้บังคับบัญชาระดับสูงทั้งฝ่ายตำรวจและทหาร ต่างพร้อมใจกันออกมาชี้เป้าอย่างสอดคล้องกันว่า เหตุระเบิดอุกอาจครั้งนี้ เป็นฝีมือของ “กลุ่มการเมือง” ที่นิยมความรุนแรง พร้อมปรากฏชื่อของ “โกตี๋” แกนนำเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ และกลุ่ม “3 นายพล” ขั้วอำนาจเก่า เป็นเป้าหมายในกลุ่มผู้ต้องสงสัย
ขณะที่ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ระดม “มือสืบสวน” ระดับพระกาฬกว่า 200 นาย เข้ามาเป็นชุดคลี่คลายคดีและไล่ล่าคนร้าย ซึ่งตำรวจเชื่อว่ายังคงกบดานอยู่ในประเทศไทย
ได้ภาพสเก็ตช์ผู้ต้องสงสัยบึ้มพระมงกุฏ
โดยความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิตพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคดีลอบวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หลังเวลาผ่านไปนาน 72 ชั่วโมง เพื่อนำข้อมูลส่งต่อที่ประชุมชุดใหญ่ที่มี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธาน
รายงานข่าว ระบุว่า ชุดสืบสวนได้สอบปากคำพยานผู้บาดเจ็บรายหนึ่ง ก่อนจะได้ภาพสเกตช์ผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้นำระเบิดมาวาง อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ชุดสืบสวนได้เชิญแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ มาสอบถามความเห็นว่าคำให้การของพยานมีน้ำหนักมากน้อยเพียงใด เพราะเบื้องต้นชุดสืบสวนยังไม่ให้น้ำหนักจากคำให้การของพยานปากนี้ เนื่องจากช่วงก่อนเกิดเหตุมีคนพลุกพล่านจำนวนมาก จึงอาจทำให้พยานจดจำตำหนิรูปพรรณผู้ต้องสงสัยคลาดเคลื่อน จึงยังไม่ขอหมายจับบุคคลตามภาพสเก็ตช์ หรือแจกจ่ายภาพดังกล่าวเพื่อติดตามตัว
เชื่อก่อเหตุโต้งๆ-ไม่อำพรางแจกัน
ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิด ชุดสืบสวนพบว่ามีเพียง 4 ตัวเท่านั้นที่ใช้งานได้ และน่าจะจับภาพผู้ก่อเหตุได้ โดยอยู่ระหว่างการแกะรอย แต่ชุดสืบสวนเชื่อว่าผู้ก่อเหตุน่าจะมาถึงที่เกิดเหตุห้องวงษ์สุวรรณ ก่อนระเบิดไม่นาน โดยผู้ก่อเหตุไม่มีการอำพรางแจกัน เพราะจะทำให้ผิดสังเกต
ส่วนจดหมายที่แจ้งเตือนเหตุระเบิด พบว่า มีการส่งจดหมายไปยังสถาบันประสาทวิทยา 2 ฉบับ และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ 1 ฉบับ โดยลายมือที่เขียนเป็นคนละคนกัน และเมื่อนำรายชื่อที่เขียนในจดหมายไปตรวจสอบพบว่ามีบุคคลที่มีชื่อซ้ำกัน 97 คน
ตั้ง“ศรีวราห์”หัวหน้าชุดคดีบึ้ม
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ได้มีคำสั่ง ตร.ที่ 236/2560 ลงวันที่ 24 พ.ค.2560 เรื่องแต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวน ใจความสรุปว่า ด้วยเมื่อวันที่ 22 พ.ค.60 เวลาประมาณ 10.00 น.ได้มีคนร้ายก่อเหตุระเบิดไปป์บอมบ์ขึ้นภายในบริเวณโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โดยมุ่งหวังต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพื่อสร้างสถานการณ์ปั่นป่วนให้เกิดความวุ่นวายขึ้นภายในบ้านเมือง เป็นเหตุให้ผู้มีได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
เหตุระเบิดในลักษณะนี้ได้เกิดมาแล้วจำนวน 2 ครั้ง ได้แก่ เหตุบริเวณหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเก่า เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2560 , เหตุระเบิดบริเวณหน้าโรงละครแห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2560 น่าเชื่อว่าเป็นบุคคล กลุ่มบุคคลที่ไม่ประสงค์ดีต่อบ้านเมืองกลุ่มเดียวกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาเห็นว่าคดีนี้เป็นคดีสำคัญ กลุ่มบุคคลผู้กระทำความผิดเชื่อมโยงเกี่ยวพันกัน คดีมีความยุ่งยาก สลับซับซ้อน เพื่อให้การสืบสวนสอบสวนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว ต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ จึงแต่งตั้งพนักงานสอบสวน ดังนี้ 1.ให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน
ระดมมือสืบสวนกว่า200นายไล่ล่า
2.ให้จัดโครงสร้างและคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน อำนาจหน้าที่ โดยให้พนักงานสืบสวนสอบสวนรับผิดชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ร่วมกันทำการสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริง หรือพิสูจน์ความผิดของกลุ่มบุคคล บุคคล หรือเครือข่าย ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว หากการสืบสวนพบว่าผู้อื่นร่วมการกระทำความผิด หรือมีการกระทำความผิดอื่นที่เกี่ยวเนื่องกัน ให้มีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดนั้นๆ แล้วรายงานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ โดยการสอบสวนให้พนักงานสืบสวนสอบสวนพึงระมัดระวังอำนาจการสอบสวน โดยจะต้องให้มีพนักงานสอบสวนผู้มีอำนาจสั่งสอบสวนร่วมในการสอบสวนทุกครั้ง
รายงานข่าว ระบุว่า คณะชุดสืบสวนสอบสวนข้างต้น ได้มีการระดมนายตำรวจที่เชี่ยวชาญด้านสืบสวนและสอบสวน การข่าว ด้านอำนวยการทั่วประเทศ รวม 210 นาย เพื่อเร่งสืบสวนจับกุมกระทำความผิด รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีระเบิดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
ลุยคลองถม-บ้านหม้อแหล่ง“ไอซีไทเมอร์”
รายงานข่าว แจ้งด้วยว่า ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหาเบาะแสในย่านคลองถม และบ้านหม้อ ซึ่งเป็นแหล่งจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หลังพบข้อมูลว่าระเบิดทั้ง 3 แห่งมีการใช้ “ไอซีไทเมอร์” หรือตัวหน่วงเวลาจุดระเบิดเป็นตัวดำเนินการ ซึ่งไอซีไทเมอร์หาซื้อได้ง่ายตามแหล่งขายวัสดุอุปกรณ์ไฟฟ้า และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
พอรู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว
อีกทั้งได้นำแผนประทุษกรรมเหตุระเบิดในอดีต มาเปรียบเทียบแผนประทุษกรรมของกลุ่มคนร้ายว่า เชื่อมโยงกับกลุ่มใดหรือไม่ โดยเฉพาะรายชื่อบัญชีกลุ่มบุคคลต้องสงสัยที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่เคยเกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวนมีรายชื่อและกลุ่มบุคคลทั้งหมดแล้ว และพอที่จะรู้ตัวและกลุ่มผู้ก่อเหตุ ซึ่งพบความเชื่อมโยงในหลายจุดที่ต้องตรวจพิสูจน์ให้แน่ชัด 
แฉมีข้อมูลศักยภาพ“กล้อง”ทุกจุด
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเหตุระเบิดทั้ง 3 แห่ง คนร้ายที่ก่อเหตุมีมากกว่า 1 คน และกระทำเป็นขบวนการแบ่งงานกันทำ เตรียมการมาอย่างดี ศึกษาเส้นทาง และมีศักยภาพรู้ความเคลื่อนไหวว่าจุดที่ก่อเหตุนั้นจุดใดที่กล้องวงจรปิดเสีย หรือเป็นกล้องดัมมี่ โดยเฉพาะเหตุระเบิดที่หน้ากองสลากเก่าที่คนร้ายรู้กระทั่งว่ากล้องที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเป็นกล้องดัมมี่
อีกทั้งจุดเกิดเหตุหน้าโรงละครแห่งชาติเป็นจุดที่เป็นมุมอับที่ไม่มีวงจรปิด และกล้องวงจรปิดที่ใกล้ที่เกิดเหตุรัศมีวงจรปิดจับภาพได้ยากลำบาก รวมทั้งภายในห้องวงษ์สุวรรณที่กล้องวงจรปิดเสียมากกว่า 9 ตัว และที่ใช้งานได้ไม่ใช่กล้องหลักที่จะจับภาพได้ในรัศมีหากก่อเหตุในจุดดังกล่าว
ล็อกเป้าอดีต“3นายพล”อำนาจเก่า
รายงานข่าว ระบุด้วยว่า ชุดสืบสวนยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเชื่อมโยงกับประเด็นอะไร และอยู่ระหว่างการจับตากลุ่มบุคคลที่นิยมความรุนแรงทางการเมือง ในแถบภาคตะวันออก ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่มีศักยภาพในการก่อเหตุในลักษณะนี้ รวมทั้งเฝ้าระวังจับตากลุ่มอดีตข้าราชการ อดีตคนมีสีที่มีความสัมพันธ์กับขั้วอำนาจเก่า โดยเฉพาะอดีตนายทหารระดับนายพล จำนวน 3 นาย
ผบ.ตร.แย้มคนร้ายมากกว่า1คน
วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เรียกประชุมทีมสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว โดยมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่จากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียง โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ชุดสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนพยานไปแล้ว 61 ปาก ซึ่งเป็นพยานที่เกี่ยวข้อง และอยู่ในวันเกิดเหตุ ผลการสอบสวนเป็นที่น่าพอใจ แต่อยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนที่แม่ทัพภาคที่ 1 ระบุว่าคนร้ายมี 3-4 กลุ่มนั้น ก็คงเป็นการข่าวของแม่ทัพภาคที่ 1
“เบื้องต้นเชื่อว่าคนร้ายมาไม่ต่ำกว่า 1 คน ส่วนจะแฝงตัวปะปนเข้ามากับคนไข้หรือไม่นั้น ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างจำลองเหตุการณ์ว่าคนร้ายเข้ามาทางไหน ออกทางไหน มารถอะไร ส่วนคนร้านจะมาสำรวจสถานที่เกิดเหตุก่อนลงมือหรือไม่นั้น ทุกอย่างอาจเป็นไปได้ เพราะโรงพยาบาลเป็นพื้นที่เปิด บุคคลใดจะเข้าจะออกก็ได้ ส่วนคนร้ายจะมีชุดล่วงหน้าสังเกตการณ์ และชี้เป้าก่อนลงมือหรือไม่นั้น ทุกอย่างอาจเป็นไปได้ เราไม่สามารถไปเดาใจคนร้ายได้” ผบ.ตร. กล่าว
โยง“กลุ่มการเมืองสุดโต่ง”
ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ส่วนจดหมายข่มขู่หรือจดหมายเตือน อยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบ ต้องขอเวลาทำงาน มันไม่เหมือนไปตลาดซื้อผักบุ้ง คือฐานข้อมูลเรามีอยู่แล้ว ประกอบกับเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับทางภาคใต้แน่นอน แต่อาจจะมีกลุ่มการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง โดยเฉพาะพวกนิยมความรุนแรง หรือพวกที่มีความคิดสุดโต่ง และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการควบคุมตัวผู้ต้องหาแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้นำเหตุระเบิดและก่อการร้ายในต่างประเทศในรอบสัปดาห์นี้ มาประกอบการสืบสวนหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า เราแค่วางมาตรการป้องกัน อย่าให้เข้ามาในบ้านเราเท่านั้น จากการข่าวยังไม่มี ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกนั้นเขาต้องออกมารับแล้วว่าเป็นฝีมือของพวกเขา ต่างประเทศสังเกตดูได้ว่าเขาไปวางระเบิดที่ไหน ขับรถชนใคร เขาจะออกมาประกาศอยู่แล้ว
มั่นใจมือบึ้มยังกบดานในไทย
พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีเรื่องภาพสเก็ตช์นั้น ยังไม่ทราบว่าได้ภาพสเก็ตช์มาจากไหน ทุกอย่างอยู่ระหว่างดำเนินการ หารือ และกำลังต่อจิ๊กซอว์ ยังไม่ได้ทำอะไร อยู่ระหว่างประมวลเหตุการณ์ โดยได้สั่งการให้นำเหตุการณ์ทั้ง 3 จุด คือ โรงละครแห่งชาติ หน้ากองสลากเก่า และโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ มาร่วมกัน ซึ่งเท่าที่ฟังจากทีมงานสืบสวน พบว่า จะมีความเชื่อมโยงกันในเรื่องของตัวละคร
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าผู้ก่อเหตุยังอยู่ในประเทศไทย พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวมั่นใจว่าคนร้ายยังอยู่ประเทศไทย
ผบ.ทบ.กาหัวแก๊งหนีคดี
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสารท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช. ) กล่าวว่า คดีระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มีความคืบหน้าพอสมควร มีพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ และภาพจากกล้องวงจรปิด จนได้ข้อมูลพอสมควร โดยตำรวจได้ดำเนินการติดตามผู้ต้องสงสัย คาดว่ามีโอกาสได้ตัวในอนาคต ส่วนผู้ต้องสงสัยจะมีกี่คน ตนยังตอบไม่ได้ ขอให้เป็นหน้าที่ตำรวจ เพราะภาพรวมตนทราบว่ามีผู้ต้องสงสัย และกำลังติดตามอยู่ ซึ่งจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย
“ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ระบุว่ามีบุคลภายใน และนอกประเทศนั้น คิดว่าท่านกล่าวในภาพรวม ที่ผ่านมามีคนกลุ่มหนึ่งหลบหนีคดีในประเทศเพื่อนบ้าน และแสดงท่าทีก้าวร้าว ปลุกระดมคนให้ใช้กำลัง ส่วนบุคคลที่จะเข้ามาปฏิบัติ ยังไม่แน่ใจว่าเป็นกลุ่มนี้หรือไม่ แต่เป็นคนภายในประเทศที่อาจมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มฮาร์ดคอร์ที่เราเคยจับไปครั้งที่แล้ว” ผบ.ทบ.กล่าว
บัญชีดำ“โกตี๋”เอี่ยวบงการ
เมื่อถามว่า คนที่หลบหนีต่างประเทศ และมีพฤติกรรมดังกล่าวใช่นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ “โกตี๋” แกนนำเสื้อแดงหรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ใช่ เพราะที่ผ่านมามีการปลุกระดมผ่านโชเชียลตลอด ซึ่งเราดำเนินการโดยอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ตอนนี้เงียบไป ที่ผ่านมาเราประสานไปยังลาว เพื่อขอตัว และลาวกำลังดำเนินการให้
“คนที่ตำรวจกำลังติดตามอยู่เป็นเพียงผู้ต้องสงสัย เป็นคนที่เข้าออกในโรงพยาบาลในห้วงเวลาดังกล่าว ที่คาดว่าจะนำระเบิดไปวาง ตลอดจนโกตี๋ก็เป็นเพียงผู้ต้องสงสัยในข่าย ส่วนจะมีคนมีสีเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ ผมยังตอบไม่ได้ เพราะตอนนี้เป็นผู้ต้องสงสัยหมด จะมีทหารแตงโมร่วมด้วยหรือไม่ ผมไม่กล้าวิเคราะห์ อยากให้ยึดหลักฐานตามตำรวจ” พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว
 ไม่โยง9คนเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ
เมื่อถามย้ำว่าเป็นคนกลุ่มเดียวกับกลุ่มที่เผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติหรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า เป็นการปลุกระดมกลุ่มคนให้ทำลายทรัพย์สินราชการ ซึ่งยังไม่ทราบว่าเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดครั้งนี้ รวมถึงบริเวณกองสลากเก่า และโรงละครแห่งชาติหรือไม่ ต้องแยกออกเป็น 2 กรณี โดยกรณีดังกล่าวได้จับกุมตัวผู้อยู่ในข่ายมาซักถามทั้งหมด 9 คน และส่งตัวให้ตำรวจแล้ว ซึ่งทั้งหมดมีคนจ้างวานแค่ 1 คนที่เป็นผู้ใหญ่ที่เหลือเป็นเด็ก โดยรับค่าจ้าง 200 บาท จึงไม่ใช่ขบวนการใหญ่ ไม่ได้มีอะไรเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดทั้ง 3 แห่ง

ชี้ โกตี๋ อยู่ในข่ายผู้ต้องสงสัย ยันไม่โยง 9 คนเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ

"ผบ.ทบ." เผย ตร.เร่งติดตาม ก๊วน บึ้ม รพ.พระมงกุฎ ชี้ โกตี๋ อยู่ในข่ายผู้ต้องสงสัย ยันไม่โยง 9 คนเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ 
25 พ.ค.60  เมื่อเวลา 14.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสารท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช. ) กล่าวถึงความคืบหน้าจับกุมผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ว่า คดีมีความคืบหน้าพอสมควร มีพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ และภาพจากกล้องวงจรปิด จนได้ข้อมูลพอสมควร โดยทางตำรวจได้ดำเนินการติดตามผู้ต้องสงสัย คาดว่า มีโอกาสได้ตัวในอนาคต ในส่วนคดีความเป็นหน้าที่ของตำรวจ หากรู้ตัวผู้ต้องสงสัยชัดเจนแล้วการตัดสินใจควบคุมตัวเป็นของตำรวจตัดสินใจ เพราะเป็นเจ้าของคดี และมีข้อมูลในมือ  ส่วนจะสามารถตามตัวผู้ก่อเหตุวางระเบิดได้หรือไม่นั้น ต้องสอบถามทางตำรวจ
พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า สำหรับการใช้กำลังหากต้องการใช้กำลังของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ตนมีความพร้อม ส่วนผู้ต้องสงสัยจะมีกี่คน ตนยังตอบไม่ได้ ขอให้เป็นหน้าที่ตำรวจ เพราะตนทราบภาพรวมทราบว่า มีผู้ต้องสงสัย และกำลังติดตามอยู่ ซึ่งจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ออกมาระบุว่า มีบุคลภายใน และนอกประเทศนั้น คิดว่า ท่านกล่าวในภาพรวม ซึ่งที่ผ่านมา มีคนกลุ่มหนึ่งหลบหนีคดีในประเทศเพื่อนบ้าน และแสดงท่าทีก้าวร้าว และปลุกระดมคนให้ใช้กำลัง ส่วนบุคคลที่จะเข้ามาปฏิบัติ ยังไม่แน่ใจว่าเป็นกลุ่มนี้หรือไม่ แต่เป็นคนภายในประเทศ ที่อาจมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มฮาร์ดคอ ที่เราเคยจับไปครั้งที่แล้ว
เมื่อถามว่า คนที่หลบหนีต่างประเทศ และมีพฤติกรรมดังกล่าว ใช่ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ (โกตี๋)  หรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ใช่ เพราะที่ผ่านมามีการปลุกระดมผ่านโชเชียลตลอด ซึ่งเราดำเนินการ โดยอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ตอนนี้เงียบไป ซึ่งที่ผ่านมาเราประสานไปยังประเทศลาว เพื่อขอตัว และทางลาวกำลังดำเนินการให้
เมื่อถามย้ำว่า เป็นคนกลุ่มเดียวกับกลุ่มที่เผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ หรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า เป็นการปลุกระดมกลุ่มคนให้ทำลายทรัพย์สินราชการ ซึ่งยังไม่ทราบว่าเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดครั้งนี้ รวมถึงบริเวณกองสลาก และโรงละครแห่งชาติ หรือไม่ ต้องแยกออกเป็น 2 กรณี โดยกรณีดังกล่าว ได้จับกุมตัวผู้อยู่ในข่ายมาซักถามทั้งหมด จำนวน 9 คน และส่งตัวให้ตำรวจแล้ว ซึ่งทั้งหมดมีคนจ้างวานแค่ 1 คนที่เป็นผู้ใหญ่ที่เหลือเป็นเด็ก โดยรับค่าจ้าง 200 บาท จึงไม่ใช่ขบวนการใหญ่ ไม่ได้มีอะไรเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดทั้ง 3 ที่
"ขณะนี้คนที่ตำรวจกำลังติดตามอยู่เป็นเพียงผู้ต้องสงสัย ของคนที่เข้าออกในโรงพยาบาล ในห้วงเวลาดังกล่าว ที่คาดว่า จะนำระเบิดไปวาง ตลอดจนนายโกตี๋ ก็เป็นเพียงผู้ต้องสงสัยในข่าย ส่วนจะมีคนมีสีเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ ผมยังตอบไม่ได้ เพราะตอนนี้ เป็นผู้ต้องสงสัยหมด เราสงสัยใครก็ได้ แต่จะบอกว่าเป็นคนนั้น คนนี้ เราต้องมีหลักฐานชัดเจน เพื่อมุ่งไปตัวเขา ซึ่งการนำบุคคลต้องสงสัย แล้วมาออกสื่อ จะไม่เป็นผลบวกในเรื่องปรองดอง จะมีทหารแตงโมร่วมด้วยหรือไม่ ผมไม่ทราบ และไม่กล้าวิเคราะห์ แต่อยากให้ยึดหลักฐานตามตำรวจว่า อะไรเป็นอะไร การเดาสุ่มไม่เกิดประโยชน์ต่อสังคม ดังนั้น ขอให้รอตำรวจแถลง ขณะนี้อยากให้ช่วยกันผ่านวิกฤตตรงนี้ให้ได้" พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว

"บิ๊กแดง"แม่ทัพภาค1 ด่า"หน้าตัวเมีย" มือ บึ้ม รพ.

แรงกว่าเก่า..."บิ๊กแดง"แม่ทัพภาค1 ด่า"หน้าตัวเมีย" มือ บึ้ม รพ. ทำแล้ว ต้องรับผิดชอบ พร้อมจัดการอย่างไม่ปรานี เผยมีรายชื่อแล้ว 3-4กลุ่ม ไม่ใช่ต่างชาติ เป็นคนไทย พร้อมรวบ รอนายกฯสั่ง เผยรู้ตัวคนทำแล้ว เป็นกลุ่มคนไทยแน่นอน แต่นายกฯยังใจเย็น สั่งรอหลักฐานชัดก่อน ยันหลังจากนี้ยังมีการป้องกันเหตุร้ายเข้มงวด
(24/5/60)ที่สำนักงานสลากกินแบ่งฯ พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาค 1 กล่าวกล่าวถึงเหตุลอบวางระเบิดหลายจุดในกทม.และล่าสุดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งถือว่าเป็นความเสียหายกับประเทศเป็นอย่างมาก ในภาวะที่รัฐบาลกำลังพยายามปฎิรูปประเทศให้เป็นระบบ โดยเฉพาะภาคสังคม
ดังนั้นจึงขอประณามการกระทำในครั้งนี้ว่าผู้กระทำเป็นพวก "หน้าตัวเมีย" เพราะสถานการณ์แตกต่างจากต่างประเทศ หากมีการระเบิดเกิดขึ้นจะออกมาแสดงความรับผิดชอบ
แต่การกระทำครั้งนี้ยังไม่มีผู้ออกมารับผิดชอบ ซึ่งการระเบิดในโรงพยาบาลเป็นเรื่องที่ไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามขณะนี้มีข้อมูลแล้วว่ามีกลุ่มผู้กระทำผิด 3-4 กลุ่ม โดยเป็นคนไทยด้วยกันเองที่กระทำ ไม่ใช่ชาวต่างชาติ และที่ผ่านมาได้รายงานให้ นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง รวมถึงผบ.ทบ.ได้รับทราบแล้ว
ซึ่งนายกรัฐมนตรียังไม่สั่งการให้ดำเนินการใดๆ เพราะต้องการให้รอหลักฐานของการกระทำความผิดในครั้งนี้ก่อน
ทั้งนี้ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนายกรัฐมนตรีใจเย็นและรอดูสถานการณ์มาก ขณะที่ตนเองพร้อมจัดการอย่างไม่ปรานี
แม่ทัพภาค1 กล่าวว่า ที่ผ่านมา ฝ่ายความมั่นคงได้มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ และเข้มงวด แต่ในกลุ่มผู้ก่อความรุนแรงมักจะมีช่องทางในการกระทำผิดได้เสมอ
แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายความมั่นคงจะยังคงดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวดต่อไป และขณะนี้ได้สั่งการให้กองอำนายการรักษาความสงบฯ กองทะพภาคที่ 1 ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกให้ความรู้บุคคลากรในส่วนห้างร้าน ปมคมนาคมขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ เพื่อสังเกตเหตุร้ายและสิ่งต้องสงสัย เพื่ออร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้น

"บิ๊กตู่ "แย้ม มือบึ้ม ถูกจ้างวาน "ไอ้คนบัญชาการอยู่"โน่น".

"บิ๊กตู่ "แย้ม มือบึ้ม ถูกจ้างวาน "ไอ้คนบัญชาการอยู่"โน่น"...ในประเทศ หรือนอกประเทศ เผย ข้อมูลอยู่ในกระเป๋าของผมใครอยากดูก็มาล้วงเอาไป ชี้ บึ้มรพ.พระมงกุฎฯยึดโยงหลายส่วน
(24/5/60)พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ให้สัมภาษณ์ ถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ว่า เรื่องของความเชื่อมั่น เป็นส่วนที่มีความสำคัญมากที่สุด
วันนี้ ผมมีข้อมูลของผมอยู่ กำลังไล่ติดตาม มีข้อมูลพื้นฐานอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "จะรู้ไหมเล่า ก็ต้องไปถามคนทำโน่น สื่อมวลชนต้องช่วยกันบอกประชาชนทั้งประเทศว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาอีก ประกาศเจตนารมณ์ประเทศไทยไปเลยว่าจะต้องไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นใหม่ ประชาชนทุกคนจะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่การเฝ้าระวังและขอสาปแช่งกับคนเหล่านี้ผมพูดเช่นนี้พอใจกันหรือยัง
"ผมขอประนาม และผมก็พูดไปแล้วว่าวันนี้มีความคืบหน้าในเรื่องนี้ ข้อมูลอยู่ในกระเป๋าของผมใครอยากดูก็มาล้วงเอาไป"
เมื่อถามว่าใกล้จะได้ตัวคนร้ายแล้วหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็ถามกันทุกวัน ไม่มีอะไร ก็ติดตามอยู่ มันมีหลายส่วนยึดโยงกัน
ยืนยันว่ากำลังติดตามอยู่ หลายอย่าง มันทำคนเดียวไม่ได้อยู่แล้ว แต่บางอย่างมันทำได้คนเดียวโดยใช้วิธีการจ้าง ไปเผาที่นั่นที่นี่ คนละ 200 บาทอายุเพียง 14 ปี เดี๋ยวก็จับได้เองไม่ต้องห่วง แต่พอจับได้ก็จะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้เจตนา หรือพอจับเด็กมา ก็กล่าวหาว่าผิดกฏหมายละเมิดสิทธิมนุษยชน รังแกเด็ก ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วมันจะอยู่กันอย่างไรประเทศไทย เพราะฉะนั้นขอร้องว่าผู้ใหญ่อย่าสนับสนุนเด็กให้ทำแบบนี้
การทำลักษณะนี้ก็ต้องมีกระบวนการให้มีคนไปทำบางครั้งคนที่ถือไปยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรเลยรู้ว่าไม่อันตราย ก็รับจ้างมาบางครั้งแค่ 500 บาท ก็ไปนำมาวาง ไอ้คนทำอยู่ข้างนอก ไอ้คนบัญชาการอยู่"โน่น"ในประเทศหรือนอกประเทศ ผมไม่รู้ ไปหากันมา"
"ผมไม่ได้พูดถึงใครคิดกันไปเอง ผมไม่ทะเลาะกับใครอยู่แล้ว"

"บิ๊กป้อม" ยัน กลับมาทำงานแล้ว แต่ไม่มีวาระงาน เลย ยังไม่ได้เข้ากลาโหม หรือทำเนียบฯ

"บิ๊กป้อม" ยัน กลับมาทำงานแล้ว แต่ไม่มีวาระงาน เลย ยังไม่ได้เข้ากลาโหม หรือทำเนียบฯ ยังใช้โทรศัพท์ สั่งงาน ที่บ้าน ร.1รอ.ใช้ Voice command ด้วย ปัดตอบไม่สบายหรือไปตปท.มามั้ย/ ล่าสุด สั่งการให้กองทัพติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติใกล้ชิดและเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยให้ทันท่วงที แนะอบรมให้ นศ.รด. มาช่วยงานบรรเทาสาธารณภัยด้วย
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กลับมาทำงานตามปกติ แล้ว แต่ไม่ตอบว่า ไม่สบาย หรือไม่ เป็นอะไร หรือ ไปต่างประเทศ มาหรือไม่ แต่บอกว่า ไม่ได้เป็นอะไร ยังทำงานได้
โดยวันนี้ ไม่มี วาระงานที่กลาโหม จึงไม่ได้เข้าไป แต่ทำงาน อ่านเอกสาร เซนแฟ้ม ที่บ้าน ร.1รอ. โดย โทรสั่งงาน รวมทั้ง ใช้ อัดเสียงสั่งงาน หรือ voice command อีกด้วย
พลตรี คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม เปิดเผยว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โทรศัพท์สั่งการให้ทุกเหล่าทัพ ติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติจากพายุฤดูฝนที่กำลังเกิดขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด
พร้อมทั้งให้ตรวจสอบระบบระบายและเก็บกักน้ำที่จัดทำขึ้นให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสืทธิภาพและเตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำท่วมขังและดินถล่มให้ทันต่อเหตุการณ์ โดยให้ประสานและสนับสนุนส่วนราชการในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
สำหรับการฝึกนักศึกษาวิชาทหารและการเรียกกำลังพลสำรองบางส่วน ที่จะเข้ารับการฝึกตามแผนเรียกพลประจำปี 2560 ให้ทุกเหล่าทัพดำเนินการฝึก และให้ความรู้แก่นักศึกษาวิชาทหารและกำลังพลสำรอง ในการบรรเทาสาธารณภัยควบคู่กันไป เพื่อให้มีความพร้อมสำหรับปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชน ในภาวะวิกฤตของทุกภัยพิบัติ โดยเฉพาะอุทกภัยที่เกิดขึ้นในทุกปี

โกตี๋" โดน อีกแล้ว !!

"โกตี๋" โดน อีกแล้ว !!
‪"บิ๊กเจี๊ยบ" แฉ เครือข่าย "โกตี๋" และ ทหารแตงโม -คนมีสี เป็นผู้ต้องสงสัย บึ้ม รพ.พระมงกุฎฯและ รอการสืบสวนหลักฐาน เผยตร.เตรียมเชิญตัวผู้ต้องสงสัยเร็วๆนี้ /เผยประสานทางการลาว "โกตี๋"อีกครั้ง‬
"เป็นพวกหลบหนีคดี ไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน และแสดงท่าที ก้าวร้าว
และปลุกให้มีการใช้กำลัง และปลุกระดมคนให้ใช้กำลัง"
พลเอกเฉลิมชัย กล่าวว่า ส่วนบุคคล ที่ปฏิบัติ นั้น ไม่แน่ใจว่า เป็นคนกลุ่มนี้หรือไม่ แต่เป็นคนในประเทศ อาจเชื่อมโยง กลุ่มฮาร์ดคอร์ ที่เราเคยจับไป เมื่อครั้งที่แล้ว
เมื่อถามว่า คนที่หลบหนีอยู่ ในตปท.และก้าวร้าวปลุกระดม หมายถึง กลุ่ม นายโกตี๋ ใช่หรือไม่ พลเอกเฉลิมชัย กล่าวว่า ใช่ ที่ผ่านมา มีการปลุกระดม ผ่านโซเชี่ยล มาโดยตลอด เราก็ดำเนินการ อาศัยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาแล้ว แต่ก็เงียบไป แต่เราประสาน เพื่อขอตัว และติดตามตัวอยู่ เพราะถิอเป็น ผู้ต้องสงสัย ที่อยู่ในข่าย
ส่วนคนที่ก่อเหตุ จะเป็นทหารแตงโมหรือไม่นั้น พลเอกเฉลิมชัย กล่าวว่า ยังไม่สามารถ ระบุไปได้ว่า กลุ่มใดบ้าง ส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องสงสัย ผมไม่กล้าวิเคราะห์ อยากให้ยึดตามหลักฐานจาก ตำรวจ ว่าอะไรเป็นอะไร การเดาสุ่ม ไม่เกิดประโยชน์ต่อสังคม
ส่วนคนมีสี นั้น ผบทบ. กล่าวว่า เป็นผู้ต้องสงสัยหมด เราสงสัยใครก็ได้. แต่จะบอกว่า คนนั้นคนนี้ ตัองมีหลักฐานชัดเจน เพื่อมุ่งไปสู่ตัวเขา นำคนต้องสัยมาออกสื่อ จะหม่เป็นผลบวก ต่อเรื่องปรองดอง

ไป"รักษาสุขภาพ"

ไป"รักษาสุขภาพ"
"บิ๊กเจี๊ยบ"ผบ.ทบ. เผย บิ๊กป้อม แค่ไปรักษาสุขภาพ แค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น ตอนนี้ท่านกลับมาทำงานแล้ว ส่งผลดีต่อจิตใจผู้ปฏิบัติงาน เชื่อ บึ้ม รพ.ไม่เกี่ยวข้อง กับ การที่ พลเอกประวิตร ลดบทบาทไป เพราะ หากเป็นการก่อกวน ก็ต้องหาจังหวะเวลา และโอกาส อย่าไปมองในเรื่องตัวบุคคล
ส่วนการที่ พลเอกประวิตร กลับมาทำงาน จะทำให้ความเชื่อมั่นให้ฝ่ายความมี่นคงหรือไม่ ผบทบ.กล่าวว่า ท่านกลับมาทำงาน สร้างกำลัง ส่งผลด้านจิตใจของผู้ปฏิบัติงาน เพราะแค่ไปรักษาสุขภาพ แค่ช่วงสั้นๆเท่านั้น ตอนนี้ท่านกลับมาทำงานแล้ว

บิ๊กเจี๊ยบ รับ มีแนวคิดขอใช้ ม.44 โอนคดี อาวุธสงคราม ระเบิด มาขึ้นศาลทหาร อีกครั้ง

บิ๊กเจี๊ยบ รับ มีแนวคิดขอใช้ ม.44 โอนคดี อาวุธสงคราม ระเบิด มาขึ้นศาลทหาร อีกครั้ง หลัง โอนให้ขึ้นศาลยุติธรรม
พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบทบ./เลขาฯคสช.เผยว่า มีการพูดคุยกันในระดับปฏิบัติว่า ถ้าคนร้ายหมายชีวิตประชาชน มีการใช้อาวุธสงคราม วัตถุระเบิด เช่นคดี วางระเบิด รพ.พระมงกุฎฯ ควรจะเอาคดีนี้กลับมาขึ้นศาลทหาร หลังจากที่ เคยมีการยกเลิกคำสั่ง คสช. 50/2557ให้ คดีความมั่นคง และเรื่องอาวุธ ไปขึ้นศาลยุติธรรมปกติ เป็นแค่การพูดคุยกันในระดับปฏิบัติแต่ยังไม่ได้เสนอ ต่อ พลเอกประยุทธ์ หัวหน้าคสช.ในการใช้ ม.44

ผู้บัญชาการทหารบก ชี้ โกตี๋ มีชื่อในค่ายผู้ต้องสงสัย ลอบวางระเบิด โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า



ผู้บัญชาการทหารบก ชี้ โกตี๋ มีชื่อในค่ายผู้ต้องสงสัย ลอบวางระเบิด โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า แต่ยังไม่ขอฟันธงฝีมือกลุ่มใด
พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงความคืบหน้าการหาตัวคนร้ายที่ลอบวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ว่า ในภาพรวมทางคดีมีความคืบหน้าพอสมควร มีพยานหลักฐานและภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะนี้ตำรวจกำลังติดตามผู้ต้องสงสัยคาดว่ามีโอกาสจับกุมตัวได้ โดยกองทัพบกพร้อมสนันสนุนเจ้าหน้าที่ในการจับกุมผู้ต้องสงสัยทันทีหากมีการประสานจากตำรวจ
ผู้บัญชาการทหารบก ระบุว่า ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดกลุ่มผู้ต้องสงสัยได้เนื่องจากอยู่ระหว่างการติดตามตัว โดยที่ผ่านมามีกลุ่มคนที่หลบหนีคดีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ แกนนำเสื้อแดงจังหวัดปทุมธานี ที่มีท่าทีก้าวร้าว การปลุกระดมคนที่ใช้กำลังซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุในครั้งนี้หรือไม่ แต่เชื่อว่าเป็นคนภายในเชื่อมโยงกับกลุ่มฮาร์ดคอร์ที่เคยจับกุมได้ก่อนหน้านี้
ส่วนจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มที่เผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ที่จังหวัดขอนแก่น หรือกลุ่มคนมีสี ทหารแตงโมหรือไม่ยังไม่สามารถชี้ชัดได้เพราะไม่พบความเชื่อมโยง ขณะที่กลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้เป็นมุมวิเคราะห์มุมหนึ่งเพราะมีความเชี่ยวชาญในการทำระเบิด ....นืวทีวี 18