PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2560

อียูขอมา

อียูขอมา


ถือเป็นข่าวดีต้อนรับปีใหม่ เมื่อกลุ่มสหภาพยุโรป หรืออียู มีมติฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศ ไทย หลังจากหยุดชะงักไปตั้งแต่คสช.ปฏิวัติปิดซ่อมประชาธิปไตยเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าการที่กลุ่มอียู 20 ประเทศ มีมติเห็นชอบให้เดินหน้าฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศไทย
แสดงให้เห็นสัญญาณบวกตามมาถึง 5 ประการคือ...
1, แสดงว่ากลุ่มสหภาพยุโรปเล็งเห็นความตั้งใจของรัฐบาล คสช.ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ มีผลคืบหน้าเป็นรูปธรรมพอสมควร
ไม่งั้นกลุ่มอียูคงไม่ทอดสะพานมาก่อนแน่นอน
2, กลุ่มประเทศอียูเป็นผู้มีอุปการคุณอุดหนุนสินค้าออกไทยใหญ่อันดับ 4 รองจากอาเซียน ญี่ปุ่น และอเมริกา
การรื้อฟื้นความสัมพันธ์จึงเป็นการเปิดประตูทองให้สินค้าไทยส่งเข้าไปขายในตลาดยุโรปได้เป็นกอบเป็นกำ
3, การเจรจาเขตการค้าเสรีไทย-อียู ที่ชักตะพานแหงนเถ่อมา 3 ปี จะได้เริ่มต้นเจรจารอบใหม่เสียที
ถ้าการจัดตั้งเขตการค้าเสรีไทย-อียูสำเร็จ มูลค่าการส่งสินค้าไทยจะพุ่งสูงกว่าเจ็ดแสนล้านบาทต่อปี
4, กลุ่มทุนยุโปรที่ชะลอการลงทุนในเมืองไทย บางรายย้ายฐานการลงทุนไปประเทศใกล้เคียง
เมื่อความสัมพันธ์กลับเป็นปกติ กลุ่มทุนจากยุโรปจะหันหัวเรือกลับมาลงทุนในเมืองไทยเป็นเป้าหมายหลักอย่างเดิม
5, การฟื้นฟูความสัมพันธ์จะเป็นโอกาสดีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำรัฐบาล คสช. จะได้เดินทางไปเยือนประเทศยุโรปอย่างเป็นทางการ เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับมิตรประเทศ และสานต่อความร่วมมือในฐานะหุ้นส่วนเศรษฐกิจอย่างสะดวกโยธิน
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่านี่คือผลตอบแทนความมุ่งมั่นที่ “นายกฯบิ๊กตู่” ใช้เวลา 3 ปีในการทะลวงทางตันเพื่อรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับพี่เบิ้มอเมริกา และกลุ่มอียูให้กลับมาซี้ปึ้กอย่างเดิม
แต่...สะพานเชื่อมไทยไปกลุ่มอียูก็ไม่ได้รูดปื๊ดๆซะทีเดียว
เนื่องจากคณะมนตรีสหภาพยุโรปได้เพิ่มเงื่อนไขพ่วงมาด้วยหลายประการ
เป็นไฟต์บังคับให้รัฐบาล คสช.ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขอียู
“แม่ลูกจันทร์” ขอนำเงื่อนไขบางข้อของกลุ่มอียูมาฉายซ้ำให้เห็นภาพชัดเจน
เงื่อนไขข้อที่ 1, กลุ่มสหภาพอียูเรียกร้องให้รัฐบาล คสช.รีบคืนสู่ประชาธิปไตย อย่างเร่งด่วน
โดยผ่านการเลือกตั้งที่น่าเชื่อถือ และมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายอย่างแท้จริง
เงื่อนไขข้อ 2, กลุ่มสหภาพยุโรป เรียกร้องให้รัฐบาล คสช.เร่งคืนสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ทั้งสิทธิทางการเมือง สิทธิพลเมือง สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพสื่อ ฯลฯ ซึ่งถูกลิดรอนไปในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
เงื่อนไขข้อ 3, กลุ่มประเทศอียูเชื่อมั่นคำแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์ หน.คสช.ที่ระบุว่าจะมีการเลือกตั้งใหญ่ภายในเดือนพฤศจิกายน ปี 2561
กลุ่มประเทศอียูจึงขอเร่งรัดให้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับ (ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง) คลอดออกมาบังคับใช้โดยเร็ว
เห็นมั้ย...แม้แต่กลุ่มอียูยังเชื่อคำพูดนายกฯ บิ๊กตู่ว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ภายในเดือนพฤศจิกายนปีหน้าแน่นอน
ใครที่ยังไม่เชื่อว่าปีหน้าจะได้เลือกตั้ง...คงต้องเชื่อแล้วละโยม.
“แม่ลูกจันทร์”

เหลือแค่ปลดล็อกศึกใน

เหลือแค่ปลดล็อกศึกใน


ปลดล็อกแรงเสียดทานได้ชุดใหญ่

ถึงเวลา “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ยืดอกอย่างผ่าเผย

ตามคิวที่สหภาพยุโรป (อียู) มีมติฟื้นความสัมพันธ์ทางการเมืองทุกระดับกับประเทศไทย หันมาจูบปากคืนดี ยอมรับรัฐบาลทหาร ภายหลังเห็นแนวโน้มการพัฒนาประชาธิปไตยของไทย และการให้คำมั่นของ “บิ๊กตู่” ที่จะจัดการเลือกตั้งในเดือน พ.ย.2561

เป็นข่าวดีต่อจากกรณีที่ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) จัดอันดับความยากจนของคนไทยลดลง

นั่นย่อมเป็นผลดี เพิ่มความเชื่อมั่นต่อการทำงานของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำลังเดินหน้ากระตุ้นการเติบโตตัวเลขทางเศรษฐกิจในทุกมิติ ให้ทำงานง่ายขึ้น

เศรษฐกิจไทยเริ่มมีที่ยืนบนเวทีโลก ไม่ต้องพะวงเรื่องการถูกกีดกันทางการค้าการขาย นานาชาติปลดล็อกเงื่อนไข เลิกสนใจเรื่องการเป็นเผด็จการทหารอีกต่อไป

ส่วนหนึ่งต้องยอมรับเป็นผลงานความพยายามของ “บิ๊กตู่” ที่พิสูจน์ให้ยักษ์ใหญ่ อาทิ สหรัฐอเมริกา อียู เห็นถึงการพัฒนาและการดำเนินการตามโรดแม็ป คืนอำนาจให้ประชาชนในช่วงที่ผ่านมา

แผนโลกล้อมประเทศไทยไม่ได้สร้างความหนักใจให้กองทัพเหมือนเมื่อก่อน

เหลือแค่แรงเสียดทานจากในประเทศที่ยังเป็นปัญหา ต้องเร่งแก้ไขกันต่อไป ตามสัญญาณร้อนหลายเรื่องที่พุ่งปะทะใส่รัฐบาลไม่หยุดหย่อน

อาทิ คิวของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ถูกกระหน่ำกรณีนาฬิกาหรู และแหวนเพชรที่ไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.

แม้แต่ผู้นำ คสช.ยังบ่นอุบ ขอให้สื่อช่วยลดราวาศอกเรื่อง พล.อ.ประวิตรกันบ้าง อย่าไปมองในทางแย่ทั้งหมด

ห้องเครื่องหลัก คสช.ซวนเซ ถูกล็อกเป้าโจมตีทุกทาง หวังเผด็จศึกไม่ให้อยู่ช่วย น้องเล็กฝ่าแรงเสียดทานไปถึงสนามเลือกตั้ง

ตามจังหวะที่ทุกค่ายการเมืองโหมกดดันหนักขึ้น ให้ขั้วอำนาจพิเศษคลายกฎเหล็ก เร่งปลดล็อกให้นักการเมืองทำกิจกรรมเคลื่อนไหวได้

ถึงขั้นที่มวยรุ่นใหญ่อย่าง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ออกโรงช่วยขย่ม เรียกร้องให้ คสช.รับผิดชอบ หากไม่สามารถปลดล็อกพรรคการเมืองให้ดำเนินกิจกรรมได้ทันตามกรอบเวลา

ทุกพรรคปล่อยของต้านการถูกแช่แข็งยาว ฮึดสู้สัญญาณ คสช.ที่ออกลูกบ่ายเบี่ยง ไม่ปล่อยผีนักการเมือง ภายหลังรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกมีผลบังคับใช้

ส่อท่าทียึกยัก สร้างเงื่อนไขให้โรดแม็ปเลือกตั้งมีอุปสรรค

ล่าสุด นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุ สนช.เตรียม เสนอแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ขอขยายเงื่อนเวลาดำเนินกิจกรรมพรรคการเมืองให้เพียงพอต่อการเตรียมตัวลงสนามเลือกตั้ง

เข้าเหลี่ยมเกมยื้ออำนาจ ตามที่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ระบุขั้นตอนการแก้ไขกฎหมายลูกพรรคการเมือง ใช้เวลาอย่างน้อย 2 เดือน

นั่นย่อมมีผลกระทบต่อโปรแกรมหย่อนบัตรเลือกตั้งไม่ทันปลายปีหน้าแน่ สัญญาณยื้อคืนประชาธิปไตยชักมีน้ำหนักขึ้นเรื่อยๆ

เพราะดูตามรูปการณ์แล้วเป็นไปได้ยากที่พรรคการเมืองจะเตรียมตัวดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ทันตามกรอบเวลาที่กำหนด

ทำไปทำมาอาจต้องใช้อำนาจมาตรา 44 ของผู้นำ คสช. ขยายเส้นตายให้พรรคการเมือง

แต่นั่นย่อมสุ่มเสี่ยงต่อการเจอออปชั่นพิเศษสอดแทรกเข้ามา นอกเหนือจากการยืดเงื่อนเวลาทำกิจกรรมการเมืองตามปกติเพียงอย่างเดียว

สอดรับกับจังหวะส่งไม้ของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานเครือข่ายประชาชนปฏิรูป พันธมิตรหมายเลข 1 ของ “บิ๊กตู่” ยื่นเรื่องต่อ สนช.ขอแก้ไข พ.ร.บ.พรรคการเมือง ขจัดความเหลื่อมล้ำระหว่างพรรคเก่ากับพรรคใหม่

บอกกันตรงๆถึงขั้นอยากให้รีเซตสมาชิกพรรคการเมืองทุกพรรค ไม่ว่าพรรคเก่าหรือพรรคใหม่

ฟังข้อเสนอแล้วตรงกับสุ้มเสียงล่าสุดของผู้นำ คสช.ที่อยากให้พรรคเล็ก พรรคใหญ่ พรรคเก่า พรรคใหม่ ไดัรับความเป็นธรรมเท่ากันในทุกด้าน

รอวัดดวงถูกล้างไพ่สมาชิกพรรค ทั้งพรรคใหญ่ พรรคเล็กหัวหมุน ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งหาสมาชิกใหม่ทั้งหมด

นักเลือกตั้งเลี่ยงไม่พ้นถูกมัดมือชก เจ็บตัวหนักยิ่งกว่าเดิม.

ทีมข่าวการเมือง