PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2560

ปรองดอง...


นายกฯ ประชุม คกก. ปรองดอง ย้ำ มีความสำคัญที่สุด เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของชาติ เพื่อเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมเตรียมการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย นายวิษณุเครืองาม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี รวมทั้งยังมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมการประชุม

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวตอนต้นของการประชุม ว่า วันนี้ถือว่าเป็นวันสำคัญเพราะเป็นการประชุม เรื่องการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ เป็นชุดที่สำคัญที่สุดสำหรับประเทศไทยในเวลานี้ โดยเป็นคณะที่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของประเทศ ในทุกด้าน วันนี้ต้องจัดทุกอย่างให้อยู่ในกรอบและสร้างการรับรู้ เพื่อให้สังคมเข้าใจ นำไปสู่แนวทางที่จะเดินหน้าไปสู่การเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ในอนาคต ที่ผ่านมาได้ทำอะไรหลายอย่างมาตลอด 3 ปี และมีความคืบหน้าเป็นจำนวนมาก
----
นายกฯ หวังกระบวนการปรองดองสำเร็จใน 1 ปี  ย้ำ ทุกขั้นตอนยึดกฎหมาย ขับเคลื่อนประเทศ ไปข้างหน้า

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวในช่วงต้นของการประชุมเตรียมการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ว่า ที่ผ่านมามีหลายอย่างที่มีความคืบหน้ามาก ทั้งการแก้ปัญหา การเริ่มต้น การทำใหม่ แต่ทั้งหมดล้วนอยู่ในกรอบของกฎหมายเดิมที่มีอยู่ แต่ยังไม่สมบูรณ์ เพราะกฎหมายหลายตัวยังไม่มีผลบังคับใช้ ดังนั้น จึงอยากให้ปลดล็อกพันธนาการ เหล่านั้นให้ได้ก่อน

ทั้งนี้ ในเรื่องของการปฏิรูป เปลี่ยนแปลง ในทุกด้าน และต้องตรวจสอบในสิ่งที่ทำแล้วว่ามีปัญหา อุปสรรค และสิ่งใดควรทำให้ได้ใน 1 ปี ให้สำเร็จ โดยเริ่มต้นในทุกมาตรการที่สำคัญ และเปรียบคณะกรรมการชุดนี้ เหมือนกล่องที่ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ และเปรียบข้าราชการเป็นกลไกของรถ ที่จะขับเคลื่อนประเทศ ไปข้างหน้า
----------
"ชวลิต" มองโลกแง่ดี จับสัญญาณบวก ฝ่ายความมั่นคง และรัฐบาลผ่อนคลาย เริ่มพูดคุยปรองดองก่อนเลือกตั้ง

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนเองสังเกตเห็นสัญญาณบวกในทางการเมือง 2 - 3 เรื่อง ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นให้ประเทศเดินหน้าไปสู่ความสงบ สันติ และเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เช่น การให้สัมภาษณ์ของ ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. ที่สรุปประเด็นได้ว่า ทหารจะไม่คว่ำการเลือกตั้ง การเมืองไม่ใช่เรื่องเสียหาย ถ้าการเมืองไม่ดี บ้านเมืองคงไม่เจริญมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งถือเป็นคำสัมภาษณ์ที่ให้กำลังใจ และให้เกียรติประชาชน รวมถึงการส่งสัญญาณจะมีการพูดคุยเรื่องการปรองดอง ก่อนการเลือกตั้งของรัฐบาล แม้จะส่งสัญญาณช้า แต่ถ้าตั้งใจ จริงใจ ทำจริง ก็ประสบความสำเร็จได้ ตลอดจนมีการให้ประกันตัว ผู้ที่ต้องคดีอาญาเกี่ยวเนื่องการเมือง ซึ่งเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาในการยื่นขอประกันตัว ทำให้สถานการณ์ผ่อนคลายลงไประดับหนึ่ง

ทั้งนี้ นายชวลิต ทิ้งท้ายว่า สถานการณ์ในปี 2560 มีกำหนดการสำคัญที่ทุกภาคส่วนควรร่วมมือกันที่จะสร้างบรรยากาศแห่งความสงบ สันติ ให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ ควรหลีกเลี่ยงการให้ความเห็นในทางที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้ง และควรหลีกเลี่ยงการตั้งเงื่อนไข ร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศให้หลุดพ้นกับดักแห่งความขัดแย้ง ไปสู่ความสงบ สันติ และเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์สอดคล้องกับสากลให้ได้
------------
นายกฯ รับไม่สบายใจ สื่อนำเสนอข่าว การแก้ไข รธน. คลาดเคลื่อน ห่วงต่างประเทศนำไปเล่น ทำให้เกิดความเสียหาย 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจ เกี่ยวกับกรณีที่สื่อมวลชนเสนอข่าวว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 มีพระ

ราชกระแสรับสั่งให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว เพื่อเปิดช่องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชามติ หมวดพระมหากษัตริย์ 3 - 4 มาตรา จึงขอเรียนสื่อมวลชน อย่านำเสนอข่าวแบบนั้น
เพราะในคามเป็นจริงเป็นการรับหนังสือลงมาเท่านั้น แต่สื่อกลับนำเสนอข่าวให้กลายเป็นประเด็น จนมีคนนำไปบิดเบือน ก่อนทิ้งท้ายว่าต่อไปนี้จะต้องตรวจเช็กข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนอด้วย

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างเดินกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า นายกรัฐมนตรี ได้หยุดอธิบายในประเด็นดังกล่าวเพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าว พร้อมชูโทรศัพท์มือถือที่เปิดภาพข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศ เรื่อง การ

แก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมกล่าวว่า ไปเขียนได้อย่างไร สำนักข่าวต่างประเทศนำประเด็นดังกล่าวไปเล่นจะทำให้เกิดเสียหาย
------------
"สุรชัย" ยืนยัน สนช. พร้อมร่วมมือ รบ. ทำกฎหมายเอื้อการปฏิรูป - ปรองดอง ไม่มีการพูดประเด็น บางคนเตรียมลาออกเล่นการเมือง

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. กล่าวว่า เมื่อเช้านี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญไปประชุมร่วมกับคณะกรรมการยุทธศาตร์เพื่อการปฏิรูปประเทศและการปรองดอง

เพื่อกำหนดนโยบายและกรอบเวลาที่รัฐบาลจะเร่งรัดกระบวนการปฏิรูปประเทศให้เห็นผลภายใน 1 ปี และให้แล้วเสร็จภายในปี 2564 เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นให้รัฐบาลชุดใหม่สานต่อ  ซึ่งหลายเรื่องต้อง

อาศัยกฎหมายเป็นเครื่องมือ ส่วนตัวได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบ สนช. พร้อมที่จะให้ร่วมมือกับรัฐบาลในการบัญญัติกฎหมายที่รัฐบาลจำเป็นต้องใช้ในขับเคลื่อนในการปฏิรูปประเทศ หลังจากนี้ วิป

สนช. จะมีหน้าที่ในการหารือถึงกรอบการพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศว่าจำเป็นต้องลดระเวลาการพิจารณาเพื่อให้มีความรวดเร็ว และสอดรับกับนโยบายของรัฐบาล

พร้อมกันนี้ ยังยืนยันว่า ที่ประชุมวันนี้ไม่มีพูดคุยถึงกรณีที่ สนช. จะลาออกเพื่อเตรียมพร้อมลงสมัครทางการเมือง เนื่องจาก ยังมีเวลาอีก 90 วัน ภายหลังรัฐธรรรมนูญมีผลบังคับใช้ และยังไม่มีความ

ชัดเจนว่าจะมีสมาชิกลงเล่นการเมืองหรือไม่ ถือเป็นการตัดสินใจของแต่ละบุคคล
------------
นายกฯ ตั้ง คกก. 4 ชุดขับเคลื่อนจัดทำโครงสร้างการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และสร้างความปรองดองสมานฉันท์

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความ

ปรองดองสมานฉันท์นัดแรก ว่า วันนี้ได้มอบหมายความรับผิดชอบให้กับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี รวมถึงแม่น้ำ 5 สาย ในเรื่องการขับเคลื่อนต่าง ๆ เพื่อเป็นการจัดทำโครงสร้าง โดยมีการตั้ง

คณะกรรมการ 4 ชุด ได้แก่ คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ คณะกรรมการสร้างความสามัคคีปรองดอง และคณะกรรมการบริหารราชการ

แผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งถือเป็นอนาคตของประเทศไทยที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าสู่ประเทศที่มีรายได้สูงขึ้นภายใน 15 ปี จึงต้องปฏิรูปในหลายเรื่อง
------------
นายกฯ ขออย่ากังวลปฏิรูป - ปรองดอง แนะ ต้องทำความเข้าใจอย่างมองแค่เรื่องนิรโทษ ย้ำ ต้องไม่กระทบประชาชน 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ในปี 2560 รัฐบาลจะซ่อมของเก่า เสริมให้แข็งแรงขึ้นและสร้างโครงการใหม่ ๆ เช่น โครงการ

พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกที่ต้องเกิดขึ้น ซึ่งหลายอย่างต้องคิดใหม่และมีกฎหมายสำคัญ รวมถึงประชาชนต้องให้ความร่วมมือ เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความขัดแย้ง

ทั้งนี้ การปฏิรูปหากไม่เข้าใจก็จะพูด แต่เรื่องการปรองดองและการนิรโทษกรรมเพียงเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญรัฐบาลมุ่งเน้นว่าต้องไม่กระทบกับประชาชน และต้องการให้เกิดความยั่งยืน จึงขออย่ากังวล
---------
พล.อ.ประวิตร มีชื่อกรรมการปรองดองแล้ว แย้มคนคุยฝ่ายการเมืองเป็นผู้มีบารมีในอดีต ไม่ชัดทหารหรือพลเรือน 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดอง ส่วนตัวได้พูดคุยกับนายก

รัฐมนตรีไปบางส่วนแล้ว ซึ่งจะจัดทำโครงสร้างการปรองว่ามีขั้นตอนใดบ้างให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดความปรองดองและอยู่ร่วมกันได้ ส่วนรายชื่อที่จะมาเป็นคณะกรรมการนั้น พล.อ.ประวิตร เปิดเผย

ว่า มีอยู่แล้วหลายคณะ มีตั้งแต่คณะกรรมการอำนวยการและคณะอนุกรรมการต่าง ๆ แต่ไม่ขอบอกว่าเป็นใคร ส่วนจะเริ่มต้นได้เมื่อใด ต้องให้จัดทำโครงสร้างให้แล้วเสร็จก่อน

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงบุคคลที่จะนั่งหัวโต๊ะพูดคุยปรองดองกับกลุ่มการเมืองและพรรคการเมือง ว่า เป็นผู้ใหญ่ที่มีตำแหน่งและหน้าที่ในอดีตระดับสูง ส่วนจะเป็นผู้นำในกองทัพหรือ

พลเรือนนั้น ได้ทั้งสองอย่าง ขณะเดียวกัน กองทัพจะเป็นตัวกลางในการพูดคุยเนื่องจาก นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายตนเองทำยุทธศาสตร์ความปรองดอง ซึ่งส่วนตัวก็จะคิดว่าจะทำอย่างไร แล้ว

เสนอไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเห็นชอบ โดยทุกอย่างจะเป็นกระบวนการที่จะดำเนินการ และจะมีการประชุมกับคณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้น
-----------
"พรเพชร" แจงขั้นตอนแก้ไข รธน.ชั่วคราว 3 วาระรวด ชี้ จำเป็นต้องใช้ กมธ. ทั้งสภาพิจารณาในวาระ 2 - "วิษณุ"ร่วมฟัง

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. กล่าวถึงการพิจารณาปรับแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 ในวันพรุ่งนี้ ว่า เป็นการพิจารณา 3 วาระรวด เนื่องจากมี

เงื่อนไขของว่า หากสมาชิก สนช. เสนอขอแก้ไขถ้อยคำต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรักษาคสามสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดังนั้น การพิจารณาโดยการตั้งคณะกรรมาธิการ

วิสามัญถือเป็นเรื่องลำบาก จึงจะใช้การตั้งคณะกรรมาธิการเต็มสภา และให้ คสช. และ ครม. ส่งผู้แทนที่มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจว่าจะแก้ไขหรือไม่ เข้าร่วมพิจารณาของสภา

ซึ่งเบื้องต้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย จะเป็นตัวแทนมาชี้แจง ทั้งนี้ ในส่วนการลงมติในวาระ 1 ขั้นรับหลักการ และวาระ 3 ในการพิจารณาทั้งฉบับ จะใช้วิธีการขานชื่อ

สมาชิกเป็นรายบุคคล ส่วนวาระ 2 ซึ่งเป็นการพิจารณารายละเอียดแต่ละมาตรา หากมีการแก้ไขถ้อยคำจะใช้วิธีการลงมติด้วยเครื่องลงคะแนนตามปกติ
------------
"วิษณุ" ชี้ ใช้ ม.44 ตั้งกรรมการ ปยป. เมื่อจำเป็น ไม่ชัดวันประชุมกฤษฎีกาพิเศษ รอผ่าน สนช. ประชุมก่อน

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงการออกคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการตั้งคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ หรือ ปยป. ว่า จะใช้มาตรา 44 ก็ต่อเมื่อติดขัดข้องกฎหมาย แต่หากสามารถใช้ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินออกคำสั่งได้ก็จะใช้

ส่วนการนัดประชุมกรรมการกฤษฎีกาเพื่อดำเนินการยกร่างมาตราที่จะมีการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติว่า เรื่องนี้ยังตอบไม่ได้ เพราะยังต้องรอให้ผ่านการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ในวันที่ 13 มกราคมออกไปก่อน แต่อย่าลืมว่า ด่านแรกของวันที่ 13 มกราคมนี้ คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ให้ผ่าน และเมื่อผ่านความเห็นชอบทั้งหมดแล้วก็จะถึงขั้นตอนการแก้ไข จากนั้นค่อยว่ากันไม่ต้องรีบร้อนอะไร

‪บิ๊กป้อม เผยทาบ"ผู้ใหญ่"ที่มีตำแหน่งหน้าที่ในอดีต เป็นหน.ทีมเจรจาปรองดอง

คุมเอง
‪บิ๊กป้อม เผยทาบ"ผู้ใหญ่"ที่มีตำแหน่งหน้าที่ในอดีต เป็นหน.ทีมเจรจาปรองดอง เชิญตัวแทนพรรคการเมือง-กลุ่ม มาคุย ปัดบอกเป็นทหาร-พลเรือน แต่ผมเอง นั่งหัวโต๊ะคุม ภาพรวมตามนายกฯสั่งการ อุบบอก ปลายทาง ลงสัตยาบรรณร่วม....ชี้ตอนนี้ กำลังร่างโครงสร้างและแผนการทำงาน ขั้นตอนต่างๆ ก่อน แล้วจึงจะเริ่มเชิญ ตัวแทนพรรค กลุ่มต่างๆมา ชี้หวังให้เกิดการปรองดอง‬
"บิ๊กป้อม" เร่งคลอด โครงสร้างทีมปรองดอง เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้ เตรียมดึงระดับ "ผู้ใหญ่" เรียก พรรคการเมือง -กลุ่ม มาเจรจา
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการประชุมเตรียมการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดองสมานฉันท์(ปยป.)กับนายกฯ ว่า นายกฯมอบให้ตนเอง ทำยุทธศาสตร์ด้านการปรองดองอยู่แล้ว และได้หารือกับนายกรัฐมนตรีไปแล้ว จึงไม่ได้เสนออะไรเพิ่มเติม
หลังจากนี้ผมจะทำโครงสร้างเกี่ยวกับความปรองดองให้เห็นอย่างชัดเจนว่าขั้นตอนดำเนินการจะทำอะไรบ้าง เพื่อให้เกิดความปรองดองและอยู่ร่วมกันได้
ส่วนการพูดคุยกับฝ่ายการเมืองนั้น ขอให้โครงสร้าง และแผนขั้นตอนการทำงาน เสร็จก่อน เราจะให้เขาเสนอว่าอยากทำอะไร เพื่อนำมารวบรวมเป็นข้อมูล
โดยคนที่จะมานั่งหัวโต๊ะพูดคุยกับฝ่ายการเมือง นั้น เป็นระดับผู้ใหญ่ ซึ่งในอดีตเคยมีตำแหน่งหน้าที่มาแล้ว อาจจะเป็นได้ทั้ง ฝ่ายทหาร และพลเรือน
เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีมอบให้ผมทำยุทธศาสตร์เกี่ยวกับการปรองดอง ผมก็จะเป็นคนคิดว่าจะทำอย่างไรและจะเสนอให้นายกฯ ทุกอย่างจะเป็นกระบวนการ ผมคิดไว้แล้วและจะประชุมกับคณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นมาก่อน” พล.อ.ประวิตร กล่าว

"บิ๊กตู่" ยก "ป.ย.ป." เป็นอนาคตของประเทศไทย



"บิ๊กตู่" ยก "ป.ย.ป." เป็นอนาคตของประเทศไทย ติง อย่าสนใจเพียงแค่ประเด็น ปรองดองกับนิรโทษกรรม แต่รวมทั้งพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ เปลี่ยนสนามรบ เป็นสนามการค้า พัฒนาใน15ปี ชี้เป็น การเริ่มต้นซ่อม เสริม สร้าง หมายถึงซ่อมของเก่า เสริมให้แข็งแรงขึ้น และสร้างเรื่องใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. แถลงภายหลังการประชุมเตรียมการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดองสมานฉันท์(ปยป.) ที่นายกฯเป็นประธาน ปยป. ครั้งแรก ว่า วันนี้เป็นการประชุมครั้งแรกในการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เพื่อเป็นการทำโครงสร้างและมอบหมายความรับผิดชอบให้รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี รวมถึงในส่วนของการขับเคลื่อนทั้งหมด ซึ่งมีเอกชนร่วมด้วย
"ตรงนี้ จะเป็นอนาคตของประเทศไทย ว่าจะทำอย่างไร ให้ประเทศไทยมีการพัฒนาไปสู่ระดับบน "
จากเดิมที่วันนี้เราอยู่ในประเทศรายได้ปานกลาง จะทำให้เป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายใน 15 ปี จึงต้องปฏิรูปในหลายเรื่องด้วยกัน วันนี้จึงได้เชิญทั้ง สนช. , สปท. ซึ่งเกี่ยวกับแม่น้ำทั้ง 5 สาย ให้มาทำงานในส่วนนี้ด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ได้มอบหมายให้นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี /เลขาฯปยป.เป็นผู้ชี้แจงถึงรายละเอียดในการดำเนินการ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน เพราะหากมีการชี้แจงเป็นส่วนๆ จะไม่เกินความเข้าใจ
"ทุกคนจึงสนใจเพียงแค่ประเด็นปรองดองกับนิรโทษกรรมเท่านั้น"
เรามุ่งหวังว่าประเทศชาติจะเดินได้อย่างไรในปี 15 ปี และรัฐบาลที่อยู่ตามโรดแมพ จะทำอะไรไว้บ้าง เพื่อเป็นการเริ่มต้นซ่อม เสริม สร้าง อันหมายถึงซ่อมของเก่า เสริมให้แข็งแรงขึ้น และสร้างเรื่องใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น
เช่น โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก EECจะต้องเกิดขึ้นให้ได้ในปี 2560
“เราต้องสร้างความรับรู้ว่าประเทศไทยกำลังจะมีโครงการนี้ สร้างให้ทั้งโลกเขารู้และคนไทยเองก็ต้องรู้ เพื่อให้เกิดความร่วมมือ และจะได้ผลประโยชน์จากสิ่งที่เราทำวันนี้ ซึ่งเป็นอนาคต เหมือนกับโครงการโชติช่วงชัชวาล
เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า วันนี้มีโครงการ EEC และหลายอย่างต้องคิดใหม่ หลายอย่างต้องมีกฎหมายสำคัญ หลายอย่างประชาชนต้องร่วมมือและเข้าใจว่าจะได้ประโยชน์จากตรงไหน ไม่เช่นนั้นจะเกิดความขัดแย้ง แล้วเราก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม แต่แน่นอนมันต้องการความเปลี่ยนแปลงและต้องดูแลประชาชนให้ได้ อย่าไปกังวลรัฐบาลนี้ เพราะมุ่งเน้นว่าทำอย่างไรประชาชนจึงจะไม่เดือดร้อน แต่ทุกอย่างต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงบ้าง เราไม่สามารถใช้กฎหมายและกติกาเดิมๆ เดินหน้าต่อไปได้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว่า วันนี้ได้สั่งการไปหลายเรื่อง เพื่อนำไปสู่แนวคิดของคณะทำงาน ทั้งเรื่องเกษตรแปลงใหญ่ ซึ่งใช้ที่ของประชาชน เอกชน โดยจะนำ Smart farmer หรือปราชญ์ชาวบ้าน เข้ามาทำ แล้วผลประโยชน์จะตกอยู่ที่ประชาชน เพราะถ้าแยกกันทำอาจจะล้มเหลว จึงต้องเกิดโครงการเหล่านี้ขึ้นในบางพื้นที่ หรือทุกพื้นที่ เพราะถ้ารอให้มีแต่การรวมกลุ่ม ก็จะกลับไปใหม่อีก เช่น เมื่อน้ำดี ราคาดี ก็จะกลับไปปลูกพืชอย่างอื่นอีก แต่ทำอย่างไรให้ดีและยั่งยืนกว่า นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลคิด ไม่ใช่การแก้ปัญหาเฉพาะกิจตลอดเวลา ทำให้ประเทศพัฒนาไม่ได้ สิ่งนี้รัฐบาลเรียกว่า การทำงานเชิงปฏิรูปประเทศ
ยกตัวอย่างง่ายๆ ว่าถนนหนทางที่เคยจะต้องทำ แต่ทำไม่ได้ เพราะผ่านเขตอนุรักษ์ ผมได้บอกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้คิดใหม่ ทำเส้นทางใหม่ที่ไม่มีผลกระทบเหล่านี้ โดยสามารถไปถึงจุดหมายเหมือนกัน หลักการคิดจะต้องเปลี่ยน ถ้าคิดแบบราชการ ต้องสั้นที่สุด ประหยุดที่สุด ก็จะได้แบบเดิม ต้องตัดผ่านป่า มีผลกระทบนี่คือปัญาหาเชิงซ้อนของประเทศไทย
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการออกคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวว่า จะใช้มาตรา 44 ก็ต่อเมื่อติดขัดข้อกฎหมาย แต่หากสามารถใช้ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินออกคำสั่งได้ ก็จะใช้