PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2559

เชื่อหรือยัง? อดีตส.ส.’วิวรรธนไชย’ชี้ข้อเสนอคสช. ลอกรธน.ปี’21 แบบเป๊ะๆ

วันที่ 16 มีนาคม นายวิวรรธนไชย ณ กาฬสินธุ์ อดีต ส.ส.กาฬสินธุ์ โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ทำหนังสือถึงกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. โดยยื่นข้อเสนอในการปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญหลายข้อ โดยเฉพาะประเด็นโครงสร้างทางการเมือง ตามเจตนารมณ์ของการยึดอำนาจที่ต้องการให้บ้านเมืองสงบ
โดยนายวิวรรธนไชยระบุว่า เป็นไปตามที่ได้เคยพูดไว้ว่าจริงๆ แล้ว ข้อเสนอดังกล่าวคือการให้กรรมการร่างรัฐธรรมนูญปัจจุบัน คือการคัดลอกโครสร้างทางการเมืองบางส่วนมาจากรัฐธรรมนูญฉบับปี 2521 อย่างชัดเจน ทั้งสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง การที่ ส.ว.ลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งหากนายกฯไม่ได้มาจากการแต่งตั้ง ส.ว.ดังกล่าวก็จะสามารถคว่ำได้ทันที เพราะ ส.ว.มีฐานะเป็นสมาชิกรัฐสภา มีเสียงรวมกันถึง 250 คน ถือเป็นพรรคการเมืองอันดับ 1 ในสภา นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องการเปิดทางให้นายกฯคนนอกอีกด้วย
“เชื่อหรือยังครับ หนังสือด่วนที่สุด คสช.เลขที่ 145 ลงวันที่ 13 มี.ค. ลอก รัฐธรรมนูญ ปี’21 เป๊ะๆ ชัดๆ คือ 1.ส.ว.แต่งตั้ง 2.ส.ว.ไม่ได้เลือกนายกฯและ ครม. (รธน.21 ก็ไม่ได้เลือกนายกฯใช้วิธีฟังเสียงจากหัวหน้าพรรค) 3.ส.ว.ลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล (ทีเด็ดเพราะถ้านายกฯมิใช่ผู้แต่งตั้ง ส.ว.จะคว่ำได้ทันที) พรรค ส.ว.มี 250 เสียง เป็นพรรคอันดับ 1 ครับ 4.ส.ว.เป็นสมาชิกรัฐสภา 5.ส.ว.เป็นข้าราชการ 6.นายกฯคนนอก” นายวิวรรธนไชยกล่าว

ร่าง รธน.ฉบับ คสช.ควรตั้งฉายา "ถอยหลังสุดซอย" (หรือสุดคลอง)


ร่าง รธน.ฉบับ คสช.ควรตั้งฉายา "ถอยหลังสุดซอย" (หรือสุดคลอง)
คือยิ่งกว่านายกฯ คนนอกใน รธน.2534 เพราะให้ สว.ลากตั้งมีอำนาจลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลเหมือน รธน.2521 ถ้ารัฐบาลมีไม่ถึง 376 เสียง สว. 250 เสียงก็ร่วมมือฝ่ายค้าน 125 เสียงขึ้นไปล้มรัฐบาลได้ ฉะนั้น ใครจะเป็นนายกฯ ก็ต้องได้ฉันทานุมัติจาก สว.ลากตั้ง ซึ่งแหงละ ตั้งไปจากยุค คสช.
รธน.มีชัยให้นายกฯ คนนอกต้องไปมุดมุ้งนักการเมือง มันไม่สง่างาม ต้องนั่งเต๊ะท่ารอให้ตั้งรัฐบาลไม่ได้แล้วมากราบกรานสิครับ แล้วพรรคการเมืองไหนจะตั้งรัฐบาลได้ เมื่อวางระบบเลือกตั้งเขตใหญ่ 3 คนแต่ให้ประชาชนเลือกคนเดียว คะแนนหัวแตกหมด พรรคเดียวกันยังต้องสู้กันเอง
นี่มันถอยหลังย้อนยุคยิ่งกว่า 40 ปี แต่คนพวกนี้พูดเหมือน "คนไทยยังโง่อยู่" ต้องให้กรูปกครองต่อไป นักการเมืองยังชั่วร้าย และคนก็ยังจะเลือกนักการเมืองชั่ว
เออนะ ถ้าผมเป็นพวกเป่านกหวีดปิดเมือง "ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง" คงย้อนถามว่า อ้าว เกือบ 2 ปี คสช.ปฏิรูปอะไรบ้าง ทำไมไม่สามารถกวาดล้างนักการเมืองชั่วให้การศึกษาคนไทยจนไปสู่ประชาธิปไตยได้สักที
แต่อย่างว่าละนะ พวกนกหวีดคงไม่มีสมองย้อนถามหรอก บางที คสช.อาจถูกก็ได้ คนไทยยังโง่อยู่ โดยเฉพาะพวกคนชั้นกลางมีการศึกษาที่เชียร์ทหารไม่ลืมหูลืมตานั่นเอง

เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าตรวจสอบ เครื่องบินดรีมไลน์เนอร์โบอิ้ง 787-8

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าตรวจสอบ เครื่องบินดรีมไลน์เนอร์โบอิ้ง 787-8 เที่ยวบิน AI 332 ของสายการบินแอร์อินเดีย รวมทั้งสัมภาระของผู้โดยสาร หลังลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินสุวรรณภูมิ เนื่องจากถูกขู่วางระเบิด

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิใช้แผนฉุกเฉินรองรับสถานการณ์แอร์อินเดียถูกขู่วางระเบิด

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิใช้แผนฉุกเฉินรองรับสถานการณ์แอร์อินเดียถูกขู่วางระเบิด
นางฉฏาณิศา ชำนาญเวช รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ 2) รักษาการผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วันนี้ (16 มีนาคม 2559) เมื่อเวลาประมาณ 18.50 น. ศูนย์รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้รับแจ้งจากหอบังคับการบินว่า เที่ยวบิน AI 332 เส้นทางนิวเดลี-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ของสายการบินแอร์อินเดีย ถูกขู่วางระเบิด โดยเที่ยวบินดังกล่าวตามตารางการบินมีกำหนดเดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ในเวลา 19.20 น. ภายหลังได้รับแจ้งเหตุ ทสภ. จึงได้มีการประกาศใช้แผนฉุกเฉิน บทที่ 9 กรณีการขู่วางระเบิดอากาศยาน (Bomb threat on aircraft) โดยเมื่อเวลา 19.10 น. เครื่องบินลำดังกล่าวได้ลงจอดที่ ทสภ. อย่างปลอดภัยและได้เข้าจอดที่หลุมจอด Isolate Parking และได้ทำการอพยพผู้โดยสาร ซึ่งมีจำนวน 231 คน และลูกเรือ 10 ออกจากเครื่องโดยทันที และให้ไปพักรอที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยฝั่งตะวันออกเพื่อทำการตรวจค้นร่างกาย และได้นำเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) ขึ้นตรวจสอบเครื่องบินลำดังกล่าว รวมทั้งได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัย ฝ่ายรักษาความปลอดภัย รวมทั้งหน่วยแพทย์ของ ทสภ. เข้าพื้นที่เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามแผนฉุกเฉินแล้ว ขณะนี้ ทสภ. อยู่ในระหว่างการนำสัมภาระของผู้โดยสารลงจากเครื่องเพื่อทำการตรวจสอบตามขั้นตอนอย่างละเอียด ทั้งนี้ในระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนตามแผนฉุกเฉิน ทสภ. ได้จัดอาหารว่างและเครื่องดื่มเพื่อให้บริการผู้โดยสารในเที่ยวบินดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ ทสภ. จะแจ้งความคืบหน้าเหตุการณ์ดังกล่าวให้ทราบต่อไป

หลวงปู่พุทธะอิสระ:เราหยุดแล้ว ท่านยังไม่ยอมหยุดอีกหรือ

Cr:หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)
เราหยุดแล้ว ท่านยังไม่ยอมหยุดอีกหรือ
๑๖ มีนาคม ๒๕๕๙
วันที่ ๒๕ ก.พ. เวลา ๔ ทุ่มและตีหนึ่ง มีเครื่องบินบังคับพร้อมติดกล้องมาบินวนรอบวัด
วันที่ ๒๖ ก.พ. เวลาตี ๑ ครึ่ง มีเครื่องบินบังคับพร้อมติดกล้อง บินสำรวจบริเวณเส้นทางเข้าออกหน้าวัด หลังวัด และบริเวณใกล้กุฏิฉัน
วันที่ ๒๙ ก.พ. เวลาตี ๕ ครึ่ง มีผู้ชายนุ่งกางเกงขาสั้นร่างกายกำยำ ตัดผมเกรียน ใส่เสื้อยืดคอกลม ท่อนขามีรอยสัก สะพายถุงผ้าร่มสีดำ ใส่วัสดุอะไรซักอย่างที่มีน้ำหนักรูปทรงยาว
มาเดินด้อมๆ มองๆ อยู่ในพุ่มไม้ขณะที่ฉันเดินออกกำลังกายรอบวัด
ฉันจึงสั่งให้เจ้ากุดไปสอบถาม
เจ้ากุดกลับมารายงานว่าเป็นคนหาปลา
ฉันจึงถามกลับไปว่าคนหาปลาอะไรล่ะมาตั้งแต่ตี ๕
มึงสังเกตในผ้าที่เขาสะพายบ่ามาหรือไม่
เจ้ากุดตอบว่า สังเกตครับ
ฉันถามว่า คิดว่ามันเป็นอะไร
เจ้ากุดตอบว่า คงเป็นคันเบ็ดสมัยใหม่
ฉันเลยเฉยๆ ได้แต่ตั้งข้อสงสัยอยู่ในใจว่า
หน้าตามันไม่ใช่ชาวบ้านแถวนี้แน่
ลักษณะการแต่งตัวก็ไม่น่าจะเป็นคนหาปลา
แต่ก็คิดในใจว่า เมื่อคุณตำรวจเขาบอกว่าเป็นคนหาปลา เราก็หาปลาแล้วกัน จะได้ไม่ยุ่งยาก
วันที่ ๑๒ มี.ค. เวลา ๔ ทุ่มครึ่ง มีรถเก๋งโตโยต้าสีขาวไม่เห็นเลขทะเบียน มายิงปืนหน้าวัด ๕ นัด ตรงมุมอับที่ไม่ได้ติดกล้อง
วันที่ ๑๓ มี.ค. เวลาตีหนึ่งกว่า เจ้าเจมส์กับเจ้าต่อที่อยู่เวรวัดบริเวณที่พักของฉัน ได้สังเกตเห็นคนมาหาปลาเดินเลาะกำแพงวัดมา
ฉันได้รับการบอกเล่าว่า เด็กวัดสองคนไม่ได้แสดงตัว คอยดักซุ่มดูอยู่ เห็นว่าคนหาปลาเดินเลาะอยู่ข้างหลังวัด แล้วมีรถมอเตอร์ไซค์ออกไป
วันอังคารที่ ๑๕ เวลา ๔ ทุ่มเศษ มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน มาลอบยิงเข้ามาที่ป้อมของเจ้าเจมส์และเจ้าต่อที่เข้าเวรอยู่บริเวณใกล้กับที่พักของฉัน
เวลา ๕ ทุ่มเศษเจ้าหน้าที่ตำรวจโรงพักกำแพงแสนนำโดยท่านผู้กำกับเดินทางมาตรวจสอบดังปรากฏในภาพ
เวลา ๔ ทุ่มฉันจำวัดแล้ว เพราะรู้สึกไม่สบายจึงฉันยาแล้วนอนพัก ตื่นมาตี ๕
๖ โมงออกมาประชุมคนงาน เจ้ากุดรายงานเหตุการณ์เมื่อคืนให้ฟังด้วยน้ำเสียงจริงจังชัดเจน เป็นขั้นเป็นตอน
ว่าเมื่อคืนมีคนร้ายมาซุ่มยิงปืนถล่มป้อมที่เจ้าเจมส์มันอยู่ ๗ นัด แต่เจ้าเจมส์กับเจ้าต่อไม่เป็นอะไร
เหตุที่มัน ๒ คนรอดมาได้เพราะความขี้เกียจ มันมาเข้าเวรช้า แถมมาแล้วมันยังไปนั่งเล่นอยู่โคนต้นมะขามป้อม แต่เปิดไฟพัดลมเอาไว้ในที่พัก
จึงถูกระดมยิงเข้ามาหวังผลว่าคงต้องมีใครถูกลูกกระสุนกันบ้าง เพราะรอยกระสุนที่มันยิงมีตั้งแต่พื้นไปจนถึงหลังคา
เวลาต่อมาเจ้าอาวาสได้โทรแจ้งตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาตรวจสอบพร้อมถ่ายภาพเก็บไว้เป็นหลักฐาน
แล้วแจ้งว่ารุ่งเช้าจะมาใหม่
งานนี้เจ้าเจมส์กับเจ้าต่อรอดตายได้เพราะขี้เกียจ
ฉันได้เดินไปดูรอยกระสุนและจุดซุ่มยิงของคนร้ายซึ่งอยู่ไม่ไกล ห่างกันแค่ ๕๐ เมตร
อยากฝากบอกบรรดาพวกที่อยากจะเด็ดหัวฉันว่า
ไม่ต้องยุ่งยากก่อความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านหรือคนไม่เกี่ยวข้อง
บอกมาเลยว่าจะต้องการฆ่าฉันเมื่อไหร่ ที่ไหน เวลาอะไร จะได้เดินไปให้ฆ่า
แต่ต้องฆ่าให้ตายนะ
ถ้าไม่ตายอาจจะเจอชะยันโตกลับไปเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
กล้าๆ หน่อย ไหนๆ ก็จะชั่วแล้ว อย่าลอบกัด
พุทธะอิสระ

สอบปากคำ‘สมเด็จฯช่วง’ห้ามทนายร่วมฟัง


สอบปากคำ‘สมเด็จฯช่วง’ห้ามทนายร่วมฟัง
‘ดีเอสไอ-อัยการ’ จัดทีมสอบปากคำ ‘สมเด็จฯช่วง’ คดีครอบครองรถเบนซ์ผิดกฏหมาย ย้ำสอบในฐานะพยาน-ต้องให้การด้วยตนเอง ไม่อนุญาตทนายความ-บุคคลอื่นร่วมฟังการสอบสวน
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) วันที่ 15 มี.ค.59 พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวนสำนักคดีภาษีอากร เพื่อจัดชุดเข้าสอบปากคำสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จฯช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ที่เป็นผู้ครอบครองรถยนต์ผิดกฏหมาย ในชั้นนี้เป็นการสอบปากคำในฐานะพยาน โดยสมเด็จฯช่วงจะต้องให้ถ้อยคำด้วยตนเองเพียงลำพังกับพนักงานสอบสวน ไม่สามารถให้ทนายความหรือผู้อื่นเข้าร่วมรับฟังการสอบสวนได้
ทั้งนี้ ดีเอสไอจัดชุดเข้าสอบปากคำ 7 คน ประกอบด้วย อัยการจากสำนักการสอบสวน 2 คน พนักงานสอบสวนดีเอสไอ 5 คน ส่วนประเด็นการสอบสวนเป็นหน้าที่ของทีมสอบสวน สำหรับตนในฐานะรองอธิบดีได้รับมอบหมายให้นำคณะไปสอบ และได้เตรียมดอกไม้ ธูปเทียนแพ เข้ากราบคาราวะตามประเพณีด้วย สำหรับการเข้ารายงานข่าวและบันทึกภาพภายในวัดปากน้ำต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของสมเด็จฯช่วง
โดยในวันที่ 16 มี.ค.59 พนักงานสอบสวนดีเอสไอ จะออกจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ เวลา 16.00 น. เพื่อรอเข้าสอบปากคำสมเด็จฯช่วง ที่วัดปากน้ำฯ ในเวลา 20.00 น. ตามที่สมเด็จฯช่วงนัดหมายไว้ โดยประเด็นที่จะต้องสอบถาม จะเกี่ยวกับที่มาที่ไปของการได้มาซึ่งรถเบนซ์ หมายเลขทะเบียน ขม.99 ซึ่งมีชื่อสมเด็จฯช่วงเป็นผู้ครอบครองมือแรก และสมเด็จฯช่วงได้มอบสำเนาบัตรประชาชนพร้อมเซ็นมอบอำนาจให้นำรถไปยื่นจดทะเบียนในขั้นตอนต่างๆ โดยในชั้นสืบสวนดีเอสไอ ตรวจพบมีการปลอมแปลงเอกสารและลายมือชื่อ เข้าจดทะเบียนเป็นรถจดประกอบ ผิดกฎหมาย เพื่อเลี่ยงภาษีศุลกากรและสรรพสามิต

ยาเสพติดกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งในลุ่มน้ำโขงและสามเหลี่ยมทองคำ

ยาเสพติดกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งในลุ่มน้ำโขงและสามเหลี่ยมทองคำ

แม้ลำน้ำโขงและพื้นที่รอยต่อสามเหลี่ยมทองคำทุกวันนี้ จะเต็มไปด้วยเรือตรวจการณ์รักษาความปลอดภัยของนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรือและกองกำลังลาดตระเวนของเมียนมาและลาวที่ได้รับการสนับสนุนจากจีน จนปัญหาโจรดักปล้นเรือสินค้าที่เคยเป็นที่เลื่องลือกันนั้นหมดไป แต่ปัญหาความมั่นคงปลอดภัยอีกเรื่องกลับไม่เคยลดความรุนแรงลง นั่นก็คือปัญหาการผลิตและค้ายาเสพติด โดยสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ประมาณการว่า มูลค่าการจำหน่ายเฮโรอีนและยาบ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น สูงถึง 31,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2013 ซึ่งถือเป็นเงินรายได้ที่มากกว่าขนาดของเศรษฐกิจโดยรวมในบางประเทศเสียอีก

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า จีนนั้นเป็นตลาดใหญ่ของยาเสพติดที่ผลิตในเมียนมา ซึ่งไม่นานมานี้ปริมาณการผลิตและจำหน่ายยาเสพติดทั่วเอเชียมีเพิ่มสูงขึ้นในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยทางการทั่วภูมิภาคเอเชียสามารถตรวจยึดยาบ้าได้กว่า 250 ล้านเม็ด ในปี 2013 ซึ่งเป็นปริมาณที่เพิ่มขึ้นถึง 8 เท่าเมื่อเทียบกับของปี 2008 ส่วนทางการจีนนั้นเมื่อปีที่แล้วสามารถตรวจยึดยาบ้าได้ถึง 36.5 ตัน ซึ่งเป็นปริมาณสูงสุดทำลายสถิติที่เคยมีมา คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดแห่งชาติจีน (NNCC) ระบุว่าเมื่อปีที่แล้ว จำนวนสถิติผู้ใช้ยาเสพติดของทางการเพิ่มขึ้นเป็น 2.3 ล้านคนเช่นกัน และรัฐบาลมีความกังวลต่อกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการลักลอบนำเข้าและค้ายาเสพติดด้วย

มีหลายปัจจัยด้วยกัน ที่ทำให้การค้ายาเสพติดในแถบสามเหลี่ยมทองคำยังคงเฟื่องฟูในทุกวันนี้ เช่นการที่พรมแดนของเมียนมาและลาวนั้นแทบไม่มีการลาดตระเวนตรวจตราเลย เนื่องจากส่วนใหญ่ยังเป็นพื้นที่รกทึบและบางส่วนอยู่ในการยึดครองของกองกำลังชนกลุ่มน้อย พื้นที่บางส่วนของสองฝั่งลำน้ำโขงเรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรนอกกฎหมายย่อย ๆ ของกลุ่มอิทธิพลที่ค้ายาและฟอกเงินกันอย่างมหาศาลอีกด้วย นอกจากนี้ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของหลายประเทศในแถบนี้ มักขาดการสนับสนุนทางการเงินและขาดการฝึกอบรม ข้อมูลข่าวกรองที่ได้มาก็ไม่มีการแบ่งปันกันอย่างทั่วถึงนัก

นับจากเหตุปล้นเรือสินค้าจีน ที่ทำให้ลูกเรือเสียชีวิตไป 13 คน เมื่อปี 2011 จีนได้ส่งเรือปืนลาดตระเวนของตนล่องตรวจการณ์ในลำน้ำโขง รวมทั้งจัดการลาดตระเวณร่วมกับทางการเมียนมาและลาวอีกด้วย เช่นที่เมืองมอมซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งโขงในแขวงบ่อแก้วของลาว ก็มีการส่งหน่วยตำรวจจีนมาประจำการ ซึ่งที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการสกัดจับและยึดยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก แต่หลายฝ่ายก็ยังเห็นว่าจะต้องเพิ่มการลาดตระเวนตรวจตราให้มากกว่านี้ เพราะยังมีบางพื้นที่ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็น “หลุมดำ” ที่ทางการเข้าไม่ถึง เช่นเมืองท่าสบ ลเว ของเมียนมา ซึ่งเป็นท่าเรือสำคัญ มีทั้งธุรกิจการพนัน การค้าโสเภณีและยาเสพติดที่นั่น แต่ทางการกลับไม่มีอำนาจควบคุมพื้นที่ นอกจากนี้ ไม่กี่ปีที่ผ่านมายังเกิดท่าเรือของกลุ่มอิทธิพลขึ้นหลายแห่งในลาว ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดและของผิดกฎหมายเช่นกัน ปัญหานี้บรรดาประเทศลุ่มน้ำโขงจะต้องร่วมกันหามาตรการแก้ไข เพื่อที่จะสามารถปราบปรามการแพร่ขยายของยาเสพติดในภูมิภาคอย่างได้ผลต่อไป

บิ๊กเต้ ผบ.สูงสุด มี"คำคม" เปรียบ สว.สรรหา ช่วยประคองรัฐบาล ไปสักพัก จนเป็นต้นไม้ใหญ่



ปชต.คือ ต้นไม้....
บิ๊กเต้ ผบ.สูงสุด มี"คำคม" เปรียบ สว.สรรหา ช่วยประคองรัฐบาล ไปสักพัก จนเป็นต้นไม้ใหญ่ หยั่งรากแข็งแรง เป็นปชต.ที่แข็งแรง เชื่อ"นายกฯ-บิ๊กปัอม"คิดดี หนุน มีสว. สรรหา และ จะหาคนดี มีประสิทธิภาพคุณภาพมาทำงานให้ประเทศ เดินไปข้างหน้าได้อย่างแน่นอน
บิ๊กเต้ พลเอก สมหมาย เกาฎีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และสมาชิก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงข้อเสนอแนวทางของ คสช. ที่เสนอใหมีบทเฉพาะกาลร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ขอเรียนตรงๆ ว่า ผมได้ทำงานร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม
"ท่านทั้ง 2 คน ด้วยความทุ่มเทเสียสละเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ฉะนั้นเรื่องที่ท่านได้ให้แนวทางไว้ หรือพูดสั้นๆ ว่าบทเฉพาะกาลนั้น ผมมองว่าท่านคิดดีแล้ว เพราะทั้งท่านทั้ง 2 ทำเพื่อประเทศชาติ ทุ่มเทการทำงานอย่างมาก ทางกองทัพก็จะยึดถือเเนวทางนี้และจะนำไปปฎิบัติ"
“เราจะเปรียบเทียบ ประชาธิปไตยของประเทศไทย เหมือนต้นไม้ต้นใหญ่ มหึมา ซึ่งกว่ามันจะฝังรากและเเข็งแรง กว่าจะต้านลมได้ เราก็ต้องช่วยกันประคับประคองไปสักพัก ผมว่าแนวทางนี้ดีแล้ว เพราะฉะนั้น สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มาจากการสรรหานั้นมีความหมายกับการประคับประคองประเทศชาติให้เดินไปข้างหน้า” พล.อ.สมหมาย กล่าว
เมื่อถามว่า การที่สมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการสรรหาซึ่งจะมี ผบ.เหล่าทัพเข้ามาดำรงตำแหน่งนั้น พล.อ.สมหมาย กล่าวว่า ผมมีความเชือมั่นและมั่นใจ ในตัว พล.อ.ประยุทธ์ ว่าท่านจะหาคนที่ดี มีประสิทธิภาพคุณภาพมาทำงานให้ประเทศให้ประเทศสามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างแน่นอน

"น้องป้อม"ขอบคุณ "พี่จิ๋ว"ออกมาพูด แต่ถามว่า ตอนท่านเป็น ก็ทำสิครับ ทำไมไม่ทำ

"น้องป้อม"ขอบคุณ "พี่จิ๋ว"ออกมาพูด แต่ถามว่า ตอนท่านเป็น ก็ทำสิครับ ทำไมไม่ทำ ย้อนไปดูอดีต ท่านทำอะไร ผมไม่อยากไปติติงท่าน แต่ว่าขออย่าทำอะไรให้รัฐบาลไม่สะดวก ยัน ปราบผู้มีอิทธิพล ทำปชช.เดือดร้อน ไม่ใช่ฝ่ายการเมือง ขอกลุ่มการเมือง อย่าเพิ่งขยับ ปีหน้า ก็เลือกตั้ง แล้ว
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม และรอง หน.คสช. กล่าวถึง ความเคลื่อนไหว ของ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ที่ออกมาเสนอแนวทางแก้ปัญหา และ ตั้ง กกล.Third Force นั้น ว่า ตอนนึ้ ท่านไม่ได้เป็น ผมทำเอง นายกฯ ทำเอง
"แต่ก็ขอบคุณ ท่าน ออกมาพูด แต่ถามว่า ตอนท่านเป็น ก็ทำสิครับ ทำไมไม่ทำ ย้อนไปดูอดีต ท่านทำอะไร ผมไม่อยากไปติติงท่าน แต่ว่าขออย่าทำอะไรให้รัฐบาลไม่สะดวก"
ส่วนการปราบปรามผู้มีอิทธืพล นั้น พลเิกประวิตร ชี้แจงว่า ไม่ได้ไปปราบ คนในทางการเมือง แต่เราจัดการ ที่เรามีรายชื่อ นี่คือ คนที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน เอาเปรียบประชาชน เราทำ
ส่วนกรณีที่ นายกฯ เผยว่ามีกลุ่มการเมืองขยับ แล้วนั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า อย่าเพิ่งขยับเลย เพราะปีหน้า ก็ได้เลือกตั้งแล้ว

นายกฯบิ๊กตู่ บ่น รำคาญยุง ยุงตัวเมียซะด้วย



ยุง กะ คน....ยุงตัวเมีย!!!
นายกฯบิ๊กตู่ บ่น รำคาญยุง ยุงตัวเมียซะด้วย น่ารำคาญ ทั้งยุงทั้งคน แต่คนจะเยอะกว่ายุง น่ารำคาญ กว่ายุง ยันไม่ยอมให้ใครประเทศแตกอีก ถ้าแตกอีกผมจะรวมใหม่อีก ขอทุกฝ่ายอย่าหวงอำนาจ เพราะอำนาจเป็นของ ประชาชน ใช้อำนาจเพื่อประชาชน เปรย ไทยเป็นสยามเมืองยิ้ม แต่ยิ้มไปทะเลาะไป ขนาดร้องเพลงชาติไทย รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เป็นประชารัฐ ยังทะเลาะกันทุกวัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธานเปิดงานประชุมวิชาการและแสดงนิทรรศการอุตสาหกรรมระบบขนส่งทางรางไทย ครั้งที่ 2 เรื่อง “ผลิตชิ้นส่วนระบบรางอย่างไรให้ได้มาตรฐาน” ที่ สถานีรถไฟเรลลิ้งค์ มักกะสัน
นายกฯ กล่าวปาฐกถาในตอนหนึ่งด้วยการบ่นว่า ตอนเช้าแทนที่ ผมจะอารมณ์ดี แต่อ่านข่าว ก็มี ทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญ ประชามติ ประชาธิปไตย ปวดหัวไปหมด ตั้งใจทำแต่สิ่งดีๆ ขอให้ทุกคนช่วยกัน และตามให้ทันว่าอะไรเป็นอะไร
"วันนี้ มองดอกไม้ ก็เจอยุง ยุงตัวเมียซะด้วย น่ารำคาญ ทั้งยุงทั้งคน แต่คนจะเยอะกว่ายุง น่ารำคาญกว่ายุง"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราจำเป็นต้องเดินหน้าประเทศโดยมีแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนปฏิรูป และกลไกที่ทำให้สิ่งเหล่านี้เดินไปข้างหน้าได้ โดยรัฐบาลวางอนาคตข้างหน้าให้สำหรับทุกคน ไม่เคยคิดถึงผลประโยชน์ คิดเพียงแต่ว่าผลประโยชน์ต้องเป็นของคนทั้งประเทศ
"รัฐบาลต่อไปก็ต้องทำให้สอดคล้องกับสิ่งเหล่านี้และต้องเปลี่ยนแปลงให้ดีกว่า การเปลี่ยนแปลง ต้องดูว่าว่าจะทำอย่างไรในเมื่อกลไกการเมืองไม่เข้มแข็ง จึงต้องหาทางพัฒนา ประเทศไทยจะได้มีที่ยืนในเวทีโลกไม่ใช่ยืนอยู่คนเดียว เพราะคิดต่าง ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมเข้ามา ไม่ใช่ว่าผมเก่ง แต่ต้องศึกษาและทำให้เกิดรูปธรรมที่เราวางไว้ให้เกิดขึ้นภายในปี 2565
หากไม่เกิดความขัดแย้งการพัฒนาจะสามารถเริ่มต้นได้ในปีนี้ แต่เราจะรักษาเสถียรภาพได้ไปถึงเมื่อไหร่ เป็นสิ่งที่ต้องช่วยกัน จึงอยากให้นักการเมือง ข้าราชการและทุกคนเลิกมองแต่ตัวเอง แต่ให้มองอนาคตของประเทศ และพัฒนาร่วมกัน ให้ประเทศเข้มแข็ง อาเซียนเข้มแข็งสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันให้ได้ ซึ่งรัฐบาลพยายามสร้างระบบคมนาคมให้เชื่อมโยงกัน โดยคำนึงถึงประชาชนที่อยู่รอบเส้นทางขนส่งจะต้องได้รับประโยชน์ การลงทุนจึงไม่ควรมองแค่ผลประโยชน์ของรัฐ แต่ต้องดูคนทั้งประเทศที่มีรายได้แตกต่างได้เข้าถึง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากให้ใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้พัฒนาตัวเองให้เร็วที่สุด
"แม้รัฐบาลนี้ จะไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ก็มีหลายคน หลายประเทศที่มั่นใจว่าเราจะเดินหน้าไปได้ มาสนับสนุนผมให้พัฒนาประเทศไปสู่ประชาธิปไตยได้ในที่สุด "
"ประเทศไทยเป็นสยามเมืองยิ้ม ยิ้มตลอด แต่ยิ้มไปทะเลาะไป ผมพูดความจริง แล้วใครทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น"
สิ่งต่างๆ ที่ทำให้การพัฒนาล่าช้า เพราะคนไทยที่ต้องร่วมมือกัน ยืนยันจะเร่งรัดตรวจสอบการทุจริตทั้งหมด อย่าให้เกิดขึ้นอีก เพราะถูกจับตามองและตนเข้ามาจัดระเบียบประเทศให้ปลอด คอร์รัปชั่น เวลาไปต่างประเทศก็ถูกทวงถามถึงโครงการต่างๆ ที่สัญญากันไว้
นายกฯ ยกตัวอย่าง โครงการบริหารจัดการน้ำ ด้วยว่า มีทวงผมทุกวัน เลยสงสัยว่าเสียเงินเสียทองให้ใครไปหรือไม่ จึงอยากให้บอกมาเลยว่า จ่ายให้ใครจ่ายไปเมื่อไหร่ แล้วทำไม ทำไม่ได้ ก่อนที่ ผมจะเข้ามา หากมีการทุจริตก็เป็นเรื่องของศาลที่จะพิจารณา
แต่ผมเคารพหลักการความร่วมมือของต่างประเทศ แม้จะเข้ามายังไงตนก็รักษาสัญญา และขออย่ามาวิ่งเต้นในเรื่องต่างๆ กับผมเพราะรำคาญ หากทำได้ก็จะทำหากไม่ได้ก็ไม่ทำ
นายกฯระบุว่า วันนี้ต้องมุ่งที่ความเข้าใจ ไม่ใช่มุ่งแต่อำนาจ ไม่ใช่หมายถึงผม แต่หมายถึงใคร ก็แล้วแต่ที่มีอำนาจ เพราะอำนาจ ไม่ใช่สิ่งที่หามาง่าย แต่ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้มีอำนาจที่จะบริหารบ้านเมือง ไม่ใช่มีอำนาจ ไว้ขู่เข็ญคนทั้งโลก
"ใครจะรักหรือชอบใครไม่ว่า ขออย่าเกลียดประเทศ อย่าแยกประชาชน เหมือนเพลงชาติไทยที่บอกว่ารวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยเป็นประชารัฐ ที่เราร้องกันทุกวัน แต่ก็ทะเลาะกันทุกวัน เพราะมาจากหลายเชื้อชาติ ใครไม่เข้าใจก็ช่าง แต่ต้องรวมกันเป็นประชารัฐ
วันนี้รวมกันได้ก็จะแตกกันอีก แต่ผมไม่ยอมอยู่แล้ว ถ้าแตกอีกผมก็จะรวมกันอีก ทุกคนต้องร่วมมือกันให้ได้ อย่าหวงอำนาจเพราะอำนาจเป็นของประชาชน เรามารับใช้ประชาชน ผมไม่ใช่นักการเมือง จึงไม่ทำแบบนักการเมือง"
ในตอนนี้ นายกรัฐมนตรี สังเกตุว่า คนฟังง่วงนอน จึง ได้สั่งให้ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคน ลุกขึ้น แล้ว ยืนชูมือ เพื่อยืดเส้นยืดสาย เพื่อไม่ให้ง่วงนอน หรือเกิดความเบื่อหน่าย ก่อนที่จะพูดต่อ
นายกฯกล่าวว่า จากนี้ไทยและพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางผลิตยานยนต์ในภูมิภาค ต้องสร้างแรงจูงใจในการลงทุนในเรื่องสิทธิประโยชน์กับนักลงทุน ขณะเดียวกันยังชี้แจงคำสั่งมาตรการ 44 ไม่ได้สั่งยกเลิกรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือ EIA แต่อยากให้เกิดความรวดเร็ว หรือทำแบบคู่ขนานกันไป
นายกฯ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้ง พร้อมจะดูแลประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบ หากโครงการไหนควรทำ ก็ต้องทำ ขออย่าบิดเบือน เว้นแต่พวกที่ไม่รักษากฎหมาย ที่กฎหมายปกติก็ยังไม่เคารพ

คนปัตตานี ตั้งข้อสังเกตเจ้าหน้าที่รัฐอารักขา "ตั้น จิตภัสร์" แกนนำ กปปส.มากเกินควร

คนปัตตานี ตั้งข้อสังเกตเจ้าหน้าที่รัฐอารักขา "ตั้น จิตภัสร์" แกนนำ กปปส.มากเกินควร มีทั้งหน่วยรบพิเศษ ตำรวจและบอดี้การ์ด
‪#‎NEWSROOM‬ ‪#‎TV24‬ เจ้าของเฟชบุ๊กชื่อ "เสียงจากแผ่นดินแม่" โพสต์ข้อความ เหตุการณ์ พบกับนางสาวจิตภัสร์ กฤดากร หรือ ตั้น แกนนำ กปปส. ที่วัดห้างไห้ จังหวัดปัตตานีว่า มีการอารักขาอย่างเข้มงวด จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาการตั้งแต่ทางเข้าวัด โดยในประตูสุดท้ายจะมีหน่วยรบพิเศษและเจ้าหน้าที่คอยคุ้มกันอีกเป็นจำนวนมาก
ซึ่งเจ้าของเฟชบุ๊ก รายดังกล่าว ระบุอีกว่า ชาวบ้านในพื้นที่ต่างไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมดังกล่าว พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าทำไมต้องมีการคุมเข้ม เพราะคงไม่มีใครมาทำร้ายนางสาวจิตภัสร์ เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์
ในตอนท้ายเจ้าของเฟชบุ๊กรายดังกล่าว ได้แนะนำหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ฝึกมารยาทให้กับนางสาวจิตภัสร์ใหม่ หากเลือกที่จะเป็นนักการเมือง เพราะกิริยาการเดินเชิดหน้าไม่ยิ้ม ทักทายกับชาวบ้านเป็นสิ่งที่ไม่สมควร พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่ได้อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับนางสาวจิตภัสร์

ชีวิตตกตํ่า-รถชนปางตาย 'เกรียงไกร'ขอบวชตลอดชีวิตล้างอาถรรพ์เพชรซาอุ

ชีวิตตกตํ่า-รถชนปางตาย 'เกรียงไกร'ขอบวชตลอดชีวิตล้างอาถรรพ์เพชรซาอุ
Cr:ไทยรัฐ
"เกรียงไกร เตชะโม่ง"ตำนานในคดีเพชรซาอุฯ ขอบวชตลอดชีวิตล้างอาถรรพณ์เพชรกษัตริย์ไฟซาล แห่งซาอุดีอาระเบีย หลังมีแต่เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับชีวิตและครอบครัว เริ่มจากถูกดำเนินคดี ถูกขู่ฆ่า ครอบครัวตกอับ ล่าสุด ประสบอุบัติเหตุขับรถประสานงา 18 ล้อ เจ็บปางตาย มั่นใจร้ายเกิดจากอาถรรพณ์เพชรทั้งนั้น
เมื่อวันที่ 16 มี.ค. 59 นายเกรียงไกร เตชะโม่ง ผู้โจรกรรมเครื่องเพชรของกษัตริย์ไฟซาล แห่งซาอุดีอาระเบีย จนกลายเป็นตำนานในคดีเพชรซาอุฯ คดีดังเมื่อ 20 กว่าปีที่ผ่านมา ได้เปิดเผยกับ "ทีมข่าวไทยรัฐ" ว่า หลังจากก่อเหตุ และเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเพชรซาอุฯ ก็เกิดเรื่องวุ่นวายเดือดร้อนและมีเรื่องไม่สบายใจกับตัวเองและครอบครัวมาโดยตลอด จึงได้ปรึกษาหารือกับคนในครอบครัว ซึ่งตอนนี้ได้ตัดสินใจแล้วว่า จะขอบวชตลอดชีวิต ล้างอาถรรพณ์เพชรซาอุฯ อุทิศสวนบุญส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร และผู้ที่เสียชีวิตไปกับเหตุการณ์ ที่ผ่านมา และก็ขออโหสิกรรมกับทุกคน สำหรับความผิดที่เคยทำไป ขอให้เรื่องนี้เป็นตำนานและจบไปกับชีวิตในความเป็นฆราวาสของตน
"ผมจะโกนหัวเข้าวัดในช่วงเช้าวันที่ 17 มี.ค. ที่วัดท่ามะเกว๋น อ.เถิน จ.ลำปาง ซึ่งเป็นวัดอยู่ใกล้ๆ บ้าน ซึ่งก็ไม่ได้จัดงานใหญ่โตอะไร ทำข้าวหม้อ แกงหม้อ โกนหัวเข้าวัดเลย ความตั้งใจตอนนี้คือการบวชตลอดชีวิต ไม่มีกำหนดสึก เพื่อทุกสิ่งทุกอย่างจะได้ดีขึ้น เพราะที่ผ่านมา ครอบครัวไม่เคยมีความสุข ต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ ทั้งตัวผมเองและลูกชาย ต้องเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล ผมคิดว่านี่คือผลแห่งกรรมที่เคยทำไว้ และก็ขอน้อมรับในสิ่งที่ทำลงไป จึงตัดสินใจบวชตลอดชีวิต" นายเกรียงไกร กล่าว
ตำนานคดีเพชรซาอุฯ เปิดใจต่อไปว่า หลังจากเกิดเรื่องเพชรซาอุฯ ตนเองและครอบครัว มีแต่เรื่องเดือดร้อน ซึ่งเหมือนกับคนที่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็มีอันเป็นไปทุกคน ในส่วนของตนเองชีวิตตกระกำลำบากมาก ยากจน ต้องทำไร่ ทำนา ทำงานรับจ้างหาเลี้ยงลูกเมีย เรื่องราวเพชรซาอุฯ ยังคงวนเวียนอยู่ในความรู้สึกตลอด หากย้อนเวลาได้จะไม่ทำเรื่องแบบนี้อย่างเด็ดขาด และกราบขอโทษคนไทยทุกคนที่ทำให้ชื่อเสียงประเทศชาติเสียหาย ตนเองต้องอยู่อย่างหวาดระแวง หลบๆ ซ่อนๆ ยิ่งตอนติดคุกอยู่ในเรือนจำเกิดอาการเครียดคล้ายคนบ้า

ชีวิตปัจจุบัน'เกรียงไกร เตชะโม่ง'ที่เจ้าตัวบอกว่าตกต่ำหนัก เชื่อเพราะ อาถรรพณ์เพชรกษัตริย์ไฟซาล แห่งซาอุดีอาระเบีย
"เหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นกับผมคือช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ผมประสบอุบัติเหตุขับรถลูกชายไปชนกับ 18 ล้อ ในพื้นที่ อ.เถิน ผมบาดเจ็บปางตาย เสียเงินเสียทองรักษาตัวและซ่อมรถเป็นแสน ดีที่มีประกันรถยนต์ช่วยไว้ ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว มานั่งคิดดูก็มั่นใจว่าเรื่องร้ายทั้งหมดเกิดจากอาถรรพณ์เพชรซาอุฯ ที่ขโมยมา จึงตัดสินใจบวชตลอดชีวิต เพื่ออโหสิกรรมให้ทั้งหมด" นายเกรียงไกร กล่าว

17มี.ค. ขอลาบวชตลอดชีวิต เพื่ออุทิศสวนบุญส่วนกุศล ให้กับเจ้ากรรมนายเวร และผู้ที่เสียชีวิต จากปมคดีเพชรซาอุ
นายเกรียงไกร กล่าวต่อไปว่า ส่วนในเรื่องคดีตอนนี้ได้จบสิ้นไปแล้ว แต่ตนเองก็ยังติดตามความเคลื่อนไหวของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่ ทราบว่าแต่ละคนก็มีปัญหาทั้งนั้น ทำให้คิดได้ว่าไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ เพราะเพชรซาอุฯ ที่ขโมยมา เป็นของกษัตริย์และเป็นของคู่บ้านคู่เมืองซาอุฯ เรื่องนี้ผิดที่ตนคนเดียว ที่เป็นคนเริ่มขโมยเพชรมา จนนำพาความวุ่นวายมาสู่ประเทศไทย ซึ่งตอนนี้ได้สำนึกผิดแล้ว ขอไปใช้ชีวิตบั้นปลายในผ้าเหลืองอย่างสงบ.

แอดมินเพจ “เปิดประเด็น” เปิดใจหลังถูกควบคุมตัว ระบุ“จิตตก” ยุติการทำเพจ

บีบีซีไทย - BBC Thai
แอดมินเพจ “เปิดประเด็น” เปิดใจหลังถูกควบคุมตัว ระบุ“จิตตก” ยุติการทำเพจ
บีบีซีไทยติดต่อพูดคุยกับนายสราวุธ บำรุงกิตติคุณ แอดมินเพจ “เปิดประเด็น” เป็นเวลาสั้นๆ โดยเจ้าตัวระบุว่า กลัว และไม่กล้าพูดอะไรมากกว่านี้ ด้านทนายจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุ นับแต่มีคำสั่งที่ 3/2558 เป็นต้นมา ไม่เคยมีกรณีที่ประสบความสำเร็จในการเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เปิดเผยสถานที่ควบคุมตัวในช่วง 7 วันแรกเลย
นายสราวุธ กล่าวกับทางบีบีซีไทยถึงกรณีที่ถูกควบคุมตัวว่าเกิดจากกรณีที่มีผู้ไม่หวังดีแจ้งความว่าเขาเป็นพวกหมิ่นสถาบัน และรับจ้างทำเพจการเมือง ซึ่งเขาระบุว่าวันที่เกิดการควบคุมตัว มีเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้ามาจำนวนมาก ทั้งทหาร ตำรวจในท้องที่ เจ้าหน้าที่กองบังคับการกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือปอท. ซึ่งเขายินดีให้ตรวจสอบอุปกรณ์ทุกอย่าง เพราะเชื่อว่าตนเองไม่ได้ทำผิดตามที่ถูกกล่าวอ้าง และเพจ “เปิดประเด็น” นั้นทำเป็นงานอดิเรก
“เจ้าหน้าที่มากันเยอะราวกับเป็นผู้ก่อการร้าย ผมแค่ชอบดีเบตกับเพื่อน ไม่คิดว่าจะดัง ผมไม่ได้ปิดบังอะไร เพจเปิดประเด็นเอาไว้ถกเถียงเรื่องทั่วๆ ไป เป็นเรื่องที่เราทำเครื่องบินบังคับ หรือเล่นกีฬา ทำเสร็จเราก็ไปทำอย่างอื่น เมื่อเจ้าหน้าที่มาควบคุมตัวแล้วจากนั้นก็พานั่งเครื่องบินไปถึงกรุงเทพฯ มีเจ้าหน้าที่สอบสวนอีกชุด ถามว่าผมเป็นเครือข่ายหมิ่นสถาบันหรือเปล่า ผมตกใจแทบสิ้นสติเลย เพราะผม ไม่ชอบเฮทสปีช ไม่ชอบภาพตัดต่อใส่ร้าย ไม่ว่าจะเกี่ยวกับสถาบันหรือไรก็ตาม”
นายสราวุธกล่าวว่า เขาทราบว่าถูกควบคุมตัวที่ มทบ. 11 และคิดว่าเปิดเผยได้เพราะไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่ห้ามไว้ก่อนถูกปล่อยตัว และยืนยันว่า ได้รับการดูแลและปฏิบัติอย่างดี แต่สิ่งที่กระทบความรู้สึกคือ เขาไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองว่าจะถูกควบคุมตัวนานแค่ไหน และกำลังถูกตรวจสอบเรื่องอะไร และก่อนได้รับการปล่อยตัว เจ้าหน้าที่ได้บอกให้ทำความเข้าใจถึงเหตุผลเรื่องการยึดอำนาจ ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องจำเป็น และยืนยันว่าตนเองเป็นห่วงเรื่องเดียวคือเศรษฐกิจ แต่ไม่ได้หมิ่นสถาบัน ไม่ได้รับจ้างทำเพจ
สำหรับข้อตกลงก่อนปล่อยตัวนั้น เขาระบุว่า ต้องยุติการทำเพจ ขณะที่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่พบว่าเขาเกี่ยวข้องกับการหมิ่นสถาบัน และเป็นคนสนใจการเมืองทั่วไปไม่ได้สังกัดฝ่ายใด
“จิตตก คุณลองคิดดูแล้วกันว่าถูกกักบริเวณต่อต่อกัน 6 วันโดยติดต่อใครไม่ได้เลย จะเป็นอย่างไร ทุกข์ของเรายังพอสวดอธิษฐาน แต่คนที่เป็นห่วงเราล่ะ” นายสราวุธกล่าว
ด้านน.ส. พูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุว่า ทางศูนย์ทนายฯ ได้เข้ามาติดตามกรณีการควบคุมตัวนายสราวุธตั้งแต่วันศุกร์ที่ 11 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่และญาติของนายสราวุธว่าถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 9 มี.ค. ที่ค่ายวิภาวดีรังสิต มณฑลทหารบกที่ 45 จังหวัดสุราษฎร์ธานี และนำตัวไปยังสถานีตำรวจ มีการตรวจสอบโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ของนายสราวุธ จากนั้นนำตัวมายังกรุงเทพฯ ในวันที่ 10 มี.ค. แต่จากนั้นไม่ทราบสถานที่ว่านายสราวุธถูกควบคุมตัวที่ไหน และวานนี้ได้รับการประสานจากทหารในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีอีกครั้งว่าจะมีการปล่อยตัวนายสราวุธวันนี้ ขณะที่ญาติของนายสราวุธได้รับการติดต่อให้ไปรับตัวนายสราวุธที่ค่ายทหารใน จ. สุราษฎร์ธานีตั้งแต่ก่อน 8.00 น.
ทั้งนี้ น.ส. พูนสุขกล่าวว่า กรณีนี้เป็นอีกกรณีที่ทางศูนย์ทนายไม่สามารถติดตามและขอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ทหารให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ควบคุมตัวในในระหว่าง 7 วันแรกได้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ใช้อำนาจอำนาจในการควบคุมตัวบุคคลตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558

ลูบคม พระพุทธะอิสระ ! คนร้ายควง 9 มม. ยิงถล่มป้อมยามวัดอ้อน้อย กลางดึก

ลูบคม พระพุทธะอิสระ ! คนร้ายควง 9 มม. ยิงถล่มป้อมยามวัดอ้อน้อย กลางดึก
Cr:kapook
คนร้ายลุยกราดยิงถล่มป้อมยาม วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ที่พระพุทธะอิสระเป็นเจ้าอาวาส ในช่วงกลางดึก 15 มีนาคม 2559 ด้านตำรวจลงพื้นที่เร่งสอบสวนหาตัวคนร้ายมาลงโทษ
วันที่ 16 มีนาคม 2559 พล.ต.ต. กฤษณะ ทรัพย์เดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม เปิดเผยกับมติชนว่า เมื่อวานนี้ (15 มีนาคม 2559) เวลาประมาณ 22.00 น. ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายบุกยิงถล่มป้อมประจำการเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของวัดอ้อน้อย ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
จากการตรวจสอบทราบว่า จุดที่ยิงเป็นป้อมยามทางด้านหลังวัด ซึ่งติดกับสวนและไร่นา และเมื่อตรวจที่เกิดเหตุที่ป้อมยามมีรอยกระสุน 6 รู ห่างไป 10 เมตรพบปลอกกระสุนชนิด 9 มม. ตกอยู่ 6 ปลอก สันนิษฐานว่าคนร้ายยิงได้ยิงมาทั้งหมด 6 นัด โดยป้อมยามได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากตอนเกิดเหตุไม่มีคนอยู่
พล.ต.ต. กฤษณะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปกติที่ป้อมยามจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ประจำอยู่ 2 คน แต่ช่วงเกิดเหตุ รปภ. ไม่อยู่ที่ป้อม ซึ่งหลังเกิดเหตุ พระพุทธอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย และอดีตแกนนำ กปปส. เป็นผู้เสียหายได้ร้องทุกข์และบอกให้ตำรวจสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงตามกฎหมาย โดยยังไม่มุ่งไปที่ประเด็นการเมืองหรือประเด็นใด อย่างไรก็ดีตนได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณนั้น รวมทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุต่าง ๆ เพื่อหาคนคนร้าย เพื่อพิสูจน์เจตนาที่แท้จริงต่อไป