PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2560

ชาวบ้านล้มเวที ค.1 'ปากบารา'

สำนักข่าวสิ่งแวดล้อม GreenNews
1 ชม.
ชุลมุน! ชาวบ้านล้มเวที ค.1 'ปากบารา'
ทหารตบเท้าคุมพื้นที่ - ปะทะวุ่นไร้เจ็บ
----------------------------------------
เวทีรับฟังความคิดเห็น ค.1 โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบาราล้มไม่เป็นท่า เหตุชาวบ้านบุกยึดพื้นที่จัดงานกลางดึก ด้าน ผอ.กอ.รมน.จ.สตูล นำทัพขอคืนพื้นที่ ปะทะวุ่นไร้เจ็บ
บรรยากาศการชุมนุมคัดค้านการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (Public Scoping) หรือ เวทีค.1 โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 16 มี.ค.2560 เป็นไปอย่างคึกคัก ภายหลังชาวบ้านและภาคีเครือข่ายอนุรักษ์เข้าควบคุมพื้นที่โรงเรียนปากบาง อ.ละงู ซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดเวที ค.1 ได้ตั้งแต่กลางดึกของวันที่ 15 มี.ค.2560
เหตุการณ์ภายในโรงเรียนปากบางเป็นไปอย่างสงบ ชาวบ้านได้รวมตัวกันพักค้างคืนเพื่อเฝ้าสถานที่จัดงาน จนกระทั่งเวลาประมาณ 11.00 น. กำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ประมาณ 150 นาย ซึ่งจัดแถวอยู่ภายในค่ายลูกเสือปากบาง ห่างจากโรงเรียนปากบางเพียง 1 กิโลเมตร ได้เดินขบวนเข้ามาในพื้นที่ของโรงเรียนเพื่อเปิดปฏิบัติการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม
ทั้งนี้ ทันทีที่กำลังเจ้าหน้าที่เดินทางเข้าสู่โรงเรียนได้เผชิญหน้ากับตัวแทนชาวบ้านประมาณ 50 ราย ส่งผลให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้น ก่อนจะเกิดเหตุชุลมุน ผลักดันกันไปมา และกระทบกระทั่งกัน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างไร
พล.ต.เจตน์พัฒน์ ศรีวงค์ รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความสงบภายในจังหวัดสตูล ในฐานะประธานการจัดเวที ค.1 และผู้บัญชาการเหตุการณ์ และนายณัฐ จับใจ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ได้เจรจากับชาวบ้านและยื่นข้อเสนอให้ผู้คัดค้านส่งตัวแทน 10 ราย มาเจรจากันนอกรอบ และจะไม่นับเป็นเวที ค.1
ขณะเดียวกันมีชาวบ้านกลุ่มสนับสนุนโครงการท่าเรือปากบาราเดินทางมารวมตัวกันนอกโรงเรียนปากบางและเรียกร้องขอเข้าไปร่วมฟังการประชุม ซึ่ง พล.ต.เจตน์พัฒน์ ได้แสดงความกังวลว่าไม่อยากให้เกิดเหตุชาวบ้านเผชิญหน้ากันเอง จึงยื่นข้อเสนอให้ส่งตัวแทนเข้ามาร่วมเจรจานอกรอบเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม นายสมบูรณ์ คำแหง เครือข่ายติดตามแผนพัฒนาจังหวัดสตูล ในฐานะแกนนำชาวบ้านฝ่ายคัดค้านโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบางรา ได้หารือร่วมกับผู้ชุมนุมและได้ข้อสรุปว่าจะปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าชาวบ้านจะยุติการชุมนุมทันที หากเจ้าหน้าที่ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะยกเลิกการจัดเวที ค.1
นายไกรวุฒิ ชูสกุล แกนนำชาวบ้านปากบารา กล่าวว่า หากทหารยกเลิกจัดเวที ค.1 และนำกำลังกลับ ชาวบ้านก็จะยุติการชุมนุมและจบเรื่องราวเหตุการณ์นี้เช่นกัน ย้ำว่าสิ่งที่ชาวบ้านต้องการคือให้ยกเลิกเวที ค.1 เท่านั้น เนื่องจากภาครัฐไม่มีความจริงใจที่จะรับฟังความเห็นว่าคนในพื้นที่และจังหวัดอื่นๆ ได้รับผลกระทบจากโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบาราหรือไ
“หากยังไม่มีความชัดเจน ชาวบ้านก็จะปักหลักอยู่ดูสถานการณ์ไปตลอดทั้งวัน” นายไกรวุฒิ กล่าว
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) เน้นย้ำให้เร่งสร้างความเข้าใจกับประชาชนทุกโครงการที่มีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีหลายเรื่องเป็นวาระสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมและเป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องพลังงานคือโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ รวมถึงโครงการท่าเทียบเรือปากบารา จ.สตูล ที่จะต้องเร่งทำความเข้าใจหลังเมื่อคืนที่ผ่านมากลุ่มผู้คัดค้านโครงการได้ล้มเวทีประชาพิจารณ์ในวันที่ 15 มี.ค.แล้ว
----------------------------------------
https://greennews.agency/?p=13583
--------------
ประสาท มีแต้ม
ปัญหาท่าเรือน้ำลึกปากบารา-สงขลา 2 สิ่งที่รัฐบาลไทยไม่เคยทบทวน เช่น
(1) ท่าเรือน้ำลึกสงขลา 1 ยังใช้ไม่เต็มที่ ค่าระวางก็แพงกว่าท่าเรือปีนัง พ่อค้าไทยจึงนิยมไปใช้ท่าเรือปีนังมากกว่า
(2) ท่าเรือน้ำลึกระนอง (ฝั่งอันดามัน) ก็สร้างเสร็จแล้ว แต่ไม่มีผู้ใช้ กลายเป็นท่าเรือร้าง ท่าเรือปากบาราก็อ้างเหตุผลเดียวกันกับท่าเรือระนอง เช่น ส่งสินค้าไปอินเดีย แอฟริกา ฯลฯ
(3) ท่าเรือน้ำลึกภูเก็ต (อันดามัน) ก็ใช้เป็นท่าเรือท่องเที่ยว ไม่ใช่ขนส่งสินค้า
(4) การทำอีไอเอ ที่เจ้าของโครงการเป็นผู้ว่าจ้าง มันไม่ยุติธรรม โดยธรรมชาติ เพราะถ้าเขียนอย่างตรงไปตรงมา ผู้ว่าจ้างจะไม่จ่ายเงิน
การทำอีไอเอจึงเป็นแค่พิธีกรรมเท่านั้นเอง

////

ยื่นคำขาด 3 ชม. รัฐบาลต้องตัดสินใจ
‘ชาวปากบารา’ พร้อมลุยคืนนี้ หากไม่เลิกเวที ค.1
--------------------------------------
ชาวสตูล และเครือข่ายฯ ขีดเส้น 3 ชั่วโมง รัฐบาลต้องตัดสินใจล้มเลิกจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา หากไร้คำตอบพร้อมจัดทัพลุยคืนนี้

ตัวแทนชาวบ้าน จ.สตูล และแกนนำภาคีเครือข่ายอนุรักษ์ ร่วมกันประกาศจุดยืนคัดค้านโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 15 มี.ค.2560 ด้วยการยื่นคำขาดต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และบุคคลในรัฐบาล รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้มีคำสั่งยกเลิกจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (Public Scoping) หรือเวที ค.1 ซึ่งกำลังจะมีขึ้นในวันที่ 16 มี.ค.นี้ โดยให้เวลาตัดสินใจภายใน 3 ชั่วโมงเท่านั้น
ทั้งนี้ หากยังไม่มีหนังสือสั่งการเป็นทางการตอบกลับมาภายใน 21.00 น. ของวันที่ 15 มี.ค.2560 จะมีการเคลื่อนขบวนประชาชนกว่า 1,000 ราย ไปยังโรงเรียนปากบาง ต.ละงู อ.ละงู จ.สตูล ซึ่งเป็นสถานที่จัดเวที ค.1 ในเวลา 21.30 น. เพื่อเข้าควบคุมพื้นที่และปักหลักแสดงจุดยืนต่อไป
นายวิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี ตัวแทนเครือข่ายฯ กล่าวว่า ทราบว่ามีนายทหารยศพลตรีใกล้เกษียณอายุราชการได้เสนอตัวเป็นประธานจัดเวที ค.1 ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ปฏิเสธการจัดเวทีดังกล่าว ยืนยันว่าชาวสตูลไม่ยินยอม ฉะนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องมาศึกษาผลกระทบ
“เราจะเอาให้จบในคืนนี้ ไม่รอถึงวันพรุ่งนี้” นายวิโชคศักดิ์ กล่าว
นายสมบูรณ์ คำแหง ตัวแทนเครือข่ายประชาชนติดตามแผนพัฒนา จ.สตูล กล่าวว่า รัฐบาลต้องตัดสินใจยกเลิกเวที ค.1 โดยยืนยันการตัดสินใจมาเป็นเอกสาร และต้องมีการลงลายมือชื่อของนายทหารที่จะมาเป็นประธาน หรือผู้มีอำนาจในการยกเลิกจัดเวที
นายสมบูรณ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลอย่าโกหกว่าโครงการมีแต่ท่าเรือน้ำลึกอย่างเดียว และเป็นท่าเรือสะอาดสีเขียว เป็นวาทกรรมโกหกเหมือนกับถ่านหินสะอาด เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ พูดไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ว่ากำลังจะเปิดเส้นทางการค้าคมนาคมระหว่างฝั่งอันดามันกับอ่าวไทย
“สิ่งที่บอกไม่หมดคือท่าเรือเป็นหนึ่งในชุดโครงการขนาดใหญ่ที่เรียกว่าแลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล ที่จะกระทบกับทุกคน และต้องมากันในวันนี้ ฉะนั้นไม่ใช่เรื่องเฉพาะคนสตูลอีกแล้ว แต่เป็นคนใต้และคนไทยทั้งประเทศ และจะต้องประกาศให้ชัดเจนว่าโครงการนี้ไม่ควรเกิดขึ้น”นายสมบูรณ์ กล่าว
--------------------------------------
https://greennews.agency/?p=13580

ทำเนียบฯ เข้ม! ติดตั้งเครื่องเซ็นเซอร์ (Remote Sensing)รอบรั้ว สกัดคนปีนกำแพง

ทำเนียบฯ เข้ม! ติดตั้งเครื่องเซ็นเซอร์ (Remote Sensing)รอบรั้ว สกัดคนปีนกำแพง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่าเมื่อวันที่ 15-16 มีนาคม 2560 เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบรัฐบาลได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องเซ็นเซอร์ (Remote Sensing) บริเวณทางเข้า-ออกทำเนียบรัฐบาลทุกประตู จำนวน 18 เครื่อง โดยมีรายงานข่าวแจ้งว่า การติดตั้งเครื่องเซ็นเซอร์ดังกล่าว เพื่อเป็นการป้องกันหากมีผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ปีนกำแพงรั้วเข้ามาภายในทำเนียบรัฐบาลโดยเฉพาะในยามวิกาล เครื่องดังกล่าวจะดักจับและส่งสัญญาณไปยังป้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อแจ้งเตือนว่ามีคนบุกรุกเข้ามา เจ้าหน้าที่จะได้ เตรียมการป้องกันและรับมืออย่างทันท่วงทีทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า การติดตั้งเครื่องเซ็นเซอร์ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจ.กระบี่ และกรณีนายเฉลิม สอนนนฐี ชาวจ.น่าน ปีนกำแพงบริเวณประตู4 ทำเนียบฯ แล้วปีนขึ้นดาดฟ้าธนาคารรออมสิน เพื่อเรียกร้องขอพบนายกรัฐมนตรีให้ช่วยเหลือเรื่องเดือดร้อน
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่า การติดตั้งเครื่องดังกล่าว เพื่อใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเสริมการทำงานดูแลความปลอดภัยสถานที่ของเจ้าหน้าที่ เพราะนอกจากตำรวจและทหาร ที่เดินเวรยามภายในทำเนียบฯ ยังถือว่าไม่เพียงพอเท่าที่ควร
ถือว่าไม่เพียงพอเท่าที่ควร

หลานทหารที่ถูกซ้อมเสียชีวิตขอความเป็นธรรมอสส.



10.00 น.วันนี้น้องเมย์ นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ หลานพลทหารวิเชียร เผือกสม จะยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้พลทหารวิเชียร และตนเองที่สำนักงานอัยการสูงสุด
นริศราวัลถ์ หลานพลฯวิเชียร เตรียมเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ครั้งที่สอง พรุ่งนี้ กรณีถูกดำเนินคดีในความผิดฐานหมิ่นประมาทฯ และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังโพสต์โวยน้าชายถูกซ้อมจนเสียชีวิตเมื่อปี 54 ที่หน่วยฝึกค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนคริทร์
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรมว่า ในวันพรุ่งนี้ (16 มี.ค.2560) เวลา 10.00 น. นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ หรือ เมย์ พร้อมทีมทนายความ จะเดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ณ สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ (อาคาร A) ในกรณีที่ นริศราวัลถ์ ถูกแจ้งความดำเนินคดีในความผิดข้อหาหมิ่นประมาท และความผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดี อาญาที่ 773/2558 สภ.เมืองนราธิวาส จนถูกจับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดนราธิวาสเมื่อวันที่ 26 ก.ค.2559 ที่ผ่านมา จากสถานที่ทำงานที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรุงเทพมหานคร และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในเวลาต่อมา
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า 14 มี.ค. 2560 นริศราวัลถ์ ได้รับทราบจากรองผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศตช.) ว่าได้มีความเห็นแย้งกับพนักงานอัยการ โดยทาง ศตช.เห็นควรส่งฟ้องศาลฐาน “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ควรให้สอบสวนเพิ่มเติม 5 ประเด็น และส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดชี้ขาด”
คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากการที่พลทหารวิเชียร เผือกสม น้าชายของ นิรศราวัลภ์ ถูกซ้อมจนเสียชีวิตเมื่อปี 2554 ที่หน่วยฝึกค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส โดย นริศราวัลถ์ ได้เป็นตัวแทนของครอบครัวเรียกร้องความเป็นธรรม จนกระทั่งจากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่และ ปปท. ซึ่งใช้เวลานานถึง 5 ปี จึงพบว่า ร.อ.ภูริ เพิกโสภณ เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าว
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2558 ร.อ.ภูริ โสภณ ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) กล่าวหาว่า นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ ใช้เฟซบุ๊กโพสต์และแชร์รูปพร้อมข้อความหมิ่นประมาท ร.ท.ภูริ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง โดยพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนราธิวาส ได้ตั้งข้อหา “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ” และพนักงานสอบสวนได้มีความเห็นเสนออัยการว่าควรสั่งฟ้องทั้งสองข้อหา
ต่อมาเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2559 อัยการจังหวัดนราธิวาสได้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง นริศราวัลถ์ ทุกข้อกล่าวหา จึงต้องส่งไปให้ผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้พิจารณาตามคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 115/2557
นริศราวัลถ์ จะเดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ในวันที่ 16 มี.ค. 2560 เวลาประมาณ 10.00 น. ณ สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคารA) ชั้น 2 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร พร้อมนำพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องมอบให้อัยการสูงสุดใช้ประกอบการพิจารณาและสั่งคดีเพื่อความเป็นธรรมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อปลายปีที่ผ่านมา มีการแก้ไข พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยมาตรา 14(1) เรื่องการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ มีการแก้ไขใจความสำคัญโดยเพิ่มองค์ประกอบว่า เป็นการนำเข้า "โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง" และเพิ่มข้อความ "อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา" และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.คอมฯ ของ สนช. ย้ำหลายครั้งในต่างกรรมต่างวาระว่า มาตรา 14(1) ไม่เกี่ยวกับการหมิ่นประมาท ร่างแก้ไข พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของ สนช.แล้ว และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 24 ม.ค. โดยจะมีผลบังคับใช้ในเดือน พ.ค.นี้ (120 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา)
Cr.ข่าว:ประชาไท :http://prachatai.org/journal/2017/03/70587
ภาพ:มูลนิธิผสานวัฒนธรรม

"บิ๊กโด่ง" พล.อ.อุดมเดช หน.ผู้แทนพิเศษรัฐบาล ประชุมคณะผู้แทนพิเศษ แก้ปัญหาใต้

"บิ๊กโด่ง" พล.อ.อุดมเดช หน.ผู้แทนพิเศษรัฐบาล ประชุมคณะผู้แทนพิเศษ แก้ปัญหาใต้ ประชุมเพื่อประเมินผล ไตรมาส1ของหน่วยงานต่างๆที่ร่วมแก้ใต้ และ ม.21 โครงการพาคนกลับบ้าน และการพูดคุยสันติสุข
พลเอก อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม / หัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา จชต. เป็นประธานการประชุมผู้แทนพิเศษของรัฐบาลฯ เพื่อให้ผู้แทนพิเศษฯ รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานที่ผ่านมา และนำเสนอประเด็นสำคัญที่จะขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ประสบความสำเร็จ
- ผลการประเมินความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนงานการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไตรมาสที่ ๑ (ต.ค. – ธ.ค.๕๙)
- การพิจารณาแนวทางการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย มาตรา ๒๑ ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อให้เกื้อกูลต่อการพัฒนาและการแก้ไขปัญหาตามแนวทางสันติวิธี โดยเฉพาะโครงการพาคนกลับบ้านและการพูดคุยสันติสุข
- การปรับทัศนคติและความคิดความเชื่อ โดยการใช้แนวทางชุมชนศรัทธา (กัมปงตักวา)
- การขับเคลื่อนงานชุมชนเข้มแข็ง สนับสนุนการเข้ามอบตัวของกลุ่มผู้หลงผิดหรือผู้เห็นต่าง ตามนโยบายของรัฐบาล
- การสร้างความอยู่ดี มีสุข ทำงานด้านการพัฒนา โดยการขับเคลื่อนงานเศรษฐกิจชุมชน ควบคู่ไปกับงานด้านความมั่นคง
- การบูรณาการควบรวมระบบงานยุติธรรมชุมชน โดยมีข้อเสนอให้จัดตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชนในพื้นที่ จชต. ให้ครบทั้ง ๒๗๐ ตำบล (ปัจจุบันเริ่มจัดตั้งแล้ว ๑๐๖ ศูนย์)
- การขับเคลื่อนงานด้านเศรษฐกิจ โดยการประสานงานกับภาคเอกชนที่สนใจจะลงทุนประกอบกิจการในพื้นที่ จชต.

ผบ.สูงสุด สั่งตั้งกก.ตรวจสอบข้อเท็จจริง นักเรียนวิทยาลัยเสนาธิการทหาร ทัวร์ยุโรป

ผบ.สูงสุด สั่งตั้งกก.ตรวจสอบข้อเท็จจริง นักเรียนวิทยาลัยเสนาธิการทหาร ทัวร์ยุโรป ยันนักเรียนทหารดูงาน ตปท. เป็นมาตรฐานสากล ทุกประเทศ ต้องมี
พลเอกสุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผบ.สูงสุด สั่งตั้งกก.ตรวจสอบข้อเท็จจริง นักเรียนวิทยาลัยเสนาธิการทหาร ทัวร์ยุโรป มอบ พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ กฤษณะคุปต์ รองผบ.สส.เป็นประธาน.
เปรย หากไม่มีผลกระทบอะไรมาก อาจมีการทบทวนหลักสูตร เพราะเราเป็นประเทศ ที่เศรษฐกิจไม่ดี และเราต้องมีการปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปตนเอง
แต่ยัน การไปดูงานตปท.มีประโยชน์ ต่อ ทหาร3เหล่าทัพที่มาเรียนรวมกัน‬ เพราะทหาร ที่มาเรียน มาจากต่างหวัด มาจากชายแดน ก็ควรที่จะไปดูกองทัพ ประเทศอื่น
และเป็นมาตรฐานสากล ของหลักสูตรนักเรียนวิทยาลัยเหล่าทัพ เผย อเมริกา ดูงานเป็นเดือน ลงพื้นที่ด้วย แต่เราแค่ 10-13วัน เผย บางทีเดินทาง หลังเที่ยงคืน ก็นับเป็น วันใหม่แล้ว กลับมา เช้ามืด ก็นับ อักวันหนึ่ง แล้ว
ชี้ ระเบียบใหม่ ลดระยะทางเดินทาง มาแค่ ในภูมิภาคนี้ อาเซี่ยน จีน เกาหลี ญี่ปุ่น เท่านั้น
ระบุ เวลาไปดูงาน หน่วยความมั่นคง กองทัพ ตปท. จะถ่ายภาพไม่ได้. เลยมีแต่ภาพตอนพักผ่อน ออกมา วอนเข้าใจ

ลดกำลังทหาร จาก"วัดธรรมกาย"เหลือแค่ กองพล ปตอ.วางกำลังรอบวัด

"แม่ทัพภาค1” เผย ลดกำลังทหาร จาก"วัดธรรมกาย"เหลือแค่ กองพล ปตอ.วางกำลังรอบวัด ดูความเรียบร้อย ให้ เป็นไปตามข้อตกลง
บิ๊กแดง พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาค1 กล่าวถึงดูแลบริเวณโดยรอบวัดพระธรรมกายของกองกำลังรักษาความสงบกองทัพภาคที่ 1 (กกล.รส.ทภ.1 ) ว่า หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI ได้เข้าไปตรวจค้นได้ในทุกจุดภายในวัดพระธรรมกายแล้ว ตามที่มีความต้องการ
ส่วนกำลังทหารนั้น มีการปรับลดกำลัง มีสับเปลี่ยนหนุนเวียนกำลัง โดยเราใช้กำลังในพื้นที่รับผิดชอบ คือกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (ปตอ.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชน(ปจ.) จากจังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่สำนักพุทธศานาแห่งชาติ (พศ.) เข้าไปดูแล ทางเจ้าหน้าที่ทหารเราเพียงเข้าไปดูในเรื่องของภาพรวมความเรียบร้อย
รวมถึงดูว่า การดำเนินการของวัดพระธรรมกายว่าเป็นไปตามข้อตกลงหรือไม่ และขณะนี้ก็เป็นที่รับทราบแล้วว่า พระธัมมชโย ไม่ได้อยู่ภายในวัด จึงต้องดำเนินการในพื้นที่อื่นต่อไป
ทางทบ.ได้แต่งตั้ง ผบ.พล.ปตอ. เป็นรอง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการร่วม วัดพระธรรมการ เพราะฉะนั้นทาง ผบ.พล.ปตอ. มีอำนาจเต็ม ตามคำสั่งของทางดีเอสไอ ที่ได้แต่งตั้งมา ทั้งนี้ทาง ดีเอสไอ ก็ยังเป็นเจ้าภาพในการทำดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป

"เจตนารมณ์ บิ๊กตู่ ไม่เคยเปลี่ยน"

"เจตนารมณ์ บิ๊กตู่ ไม่เคยเปลี่ยน"

"บิ๊กแดง" ขอทุกฝ่ายอดใจ รอเลือกตั้ง ร่วม"ปรองดอง" ลั่น แม้เวลาเปลี่ยน แต่เจตนารมณ์ นายกฯไม่เปลี่ยน" เผย 4 กลุ่มเป้าหมาย ให้ความร่วมมือ เชื่อ ผล ปรองดอง จะออกมาดี
พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาค1 กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดเวทีปรองดองในระดับพื้นที่ของกองทัพภาค1 ว่า ตอนนี้คืบหน้าไปได้มาก ทุกจังหวัดในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ได้รายงานเข้ามาเป็นระยะๆ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากประชาชน และนักการเมืองในพื้นที่เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย 4 กลุ่ม กลุ่มการเมือง ข้าราชการ นักวิชาการ และแกนนำมวลชน ในพื้นที่ เพื่อที่จะได้ข้อมูลที่ครอบคลุมในพื้นที่จนถึงส่วนกลาง เราได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีทุกจังหวัด
โดยเชื่อว่า เข้าใจแนวทางของคสช. และรัฐบาล มากขึ้น โดยเฉพาะคำถามที่พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้พ่วงไปอีก 1 คำถาม ในเรื่องที่ท่านคิดอย่างไร และจะแก้ปัญหาอย่างไร ในการทำให้เกิดความปรองดอง
“ผมยืนยันว่าในทุกพื้นที่ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ผมเชื่อว่าทุกคนก็อยากให้ประเทศ ดีขึ้น
แต่ในห่วงเวลาที่เปลี่ยนถ่าย จะเป็นห่วงเวลาที่อ่อนไหว ทางฝ่ายการเมืองเองอยากเห็นความปรองดองพัฒนาขึ้นไป นำไปสู่การเลือกตั้ง
"ถึงแม้ว่าเวลาจะเปลี่ยนไป แต่เจตนารมณ์ของนายกฯไม่เคยเปลี่ยน
ดังนั้นขอให้อดใจสักระยะหนึ่ง หากมีอะไรก็ขอให้มาพูดกันในเวทีปรองดองซึ่งเรารับฟังทุกอย่าง และพร้อมที่จะเอาข้อคิดเห็นของนักการเมือง และกลุ่มเป้าหมายทั้ง 4 กลุ่มนำไปหารือ เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง หรือแก้ไขในสิ่งทุกคนเห็นว่าไม่เหมาะสมหรือสอดคล้องกับประเทศไทยไปแก้ไข ผมเชื่อว่าการปรองดองในครั้งนี้จะออกมาดี”พล.ท.อภิรัชต์ กล่าว

ยุติสอบปม 'ศานิตย์' ชี้ไม่มีหลักฐานรับเงินที่ปรึกษาไทยเบฟฯ

ผู้ตรวจฯ มีมติ ยุติสอบปม 'ศานิตย์' รับเงินที่ปรึกษาบ.ไทยเบฟ. อ้างหลักฐานยังไม่ชัดเจน ชี้หน้าที่พิสูจน์รับจริงไม่จริงเป็นของป.ป.ช. แต่เตรียมร่อนหนังสือเตือนเป็นขรก.ชั้นผู้ใหญ่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี 
นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติให้ยุติเรื่องกรณีที่สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยขอให้ตรวจสอบ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่ารับเงินจากการเป็นที่ปรึกษา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เดือนละ 50,000 บาท เข้าข่ายผิดจริยธรรมหรือไม่นั้น เนื่องจากผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่ายังไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนว่า พล.ต.ท.ศานิตย์ รับเงินดังกล่าวจริง
เพราะแม้ พล.ต.ท.ศานิตย์ จะแจ้งต่อ ป.ป.ช. ก็เป็นเพียงเอกสารประกอบการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ได้ให้ข้อมูลต่อผู้ตรวจการแผ่นดินว่า การตรวจสอบของ ป.ป.ช.ในชั้นการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินจะดูว่ายื่นเอกสารหลักฐานครบตามที่กำหนดหรือไม่ ส่วนการตรวจสอบทรัพย์สินนั้น ป.ป.ช.จะตรวจสอบก็ต่อเมื่อพ้นจากตำแหน่ง จึงจะนำทรัพย์สินมาเปรียบเทียบว่ามีหนี้สินและทรัพย์สินเพิ่มขึ้นหรือลดลงจริงตามที่ได้มีการแจ้งหรือไม่ ประกอบกับ พล.ต.ท.ศานิตย์ ได้ชี้แจงว่า ไม่ได้เป็นที่ปรึกษาบริษัทไทยเบฟฯ ส่วนที่มีหนังสือแจ้งต่อ ป.ป.ช.นั้นเป็นการผิดหลงในข้อมูล เพราะให้คนอื่นเป็นผู้ทำเอกสารให้ ขณะที่บริษัท ไทยเบฟฯ ก็มีหนังสือแจ้งว่าไม่ได้จ้าง พล.ต.ท.ศานิตย์ เป็นที่ปรึกษา
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ปรากฏหลักฐานดังกล่าว แต่ผู้ตรวจการแผ่นดินก็มีข้อสังเกตตักเตือนไปยัง พล.ต.ท.ศานิตย์ ว่าเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ต้องมีความรอบคอบ แม้ให้เจ้าหน้าที่ทำเอกสารให้ แต่ตัวเองต้องเป็นผู้เซ็นรับรองเพื่อยืนเอกสารนั้นให้กับหน่วยงานสำคัญ การจะมาอ้างเรื่องผิดหลงจึงไม่สมควร เพราะการเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี อีกทั้งโดยตำแหน่งแล้วมีหน้าที่กำกับดูแลเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การแจ้งข้อมูลที่ผิดหลงดังกล่าวจึงเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี หมิ่นเหม่ ล่อแหลม อาจทำให้ถูกกล่าวหาได้ว่ามีผลประโยชน์กับบริษัทเครื่องดื่มดังกล่าว หรือถูกมองว่าผิดวินัย ซึ่งจะกระทบต่อภาพลักษณ์
ทั้งนี้ ทางผู้ตรวจฯ จะทำการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการแจ้งไปยังผู้ร้อง รวมทั้งผู้บังคับบัญชาของ พล.ต.ท.ศานิตย์ ทั้งในฐานะผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไป
นายรักษเกชา กล่าวด้วยว่า คำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินในครั้งนี้ไม่ได้บอกว่าผิดหรือไม่ผิด เพราะผู้จะชี้ว่า พล.ต.ท.ศานิตย์ เป็นที่ปรึกษาจริงหรือไม่ เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ส่วนทางผู้ตรวจการแผ่นดินจะพิจารณาในเรื่องของจริยธรรมเท่านั้น ดังนั้น เมื่อยังไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนจึงไม่สามารถบอกได้ แต่ถ้าในอนาคตปรากฏว่า พล.ต.ท.ศานิตย์ เป็นที่ปรึกษาจริง จะต้องพิจารณากันอีกครั้งหนึ่ง

ด่วน!! กลุ่มค้านสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา เข้ายึดเวทีฟังความเห็นปชช.แล้ว

วันนี้ (15 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.00 น. เยาวชนพลังเครือข่ายภาคประชาชน กว่า300 คน เข้ายึดสถานที่จัดเวทีแสดงความคิดเห็นหรือ ค.1 โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา. ที่โรงเรียนบ้านปากบาง. ต.ละงู อ.ละงู. จ.สตูล. เพื่อแสดงเจตนารมณ์คัดค้านหลังก่อนหน้านี้ได้พยายามส่งสัญญาณไม่ต้องการให้เกิดเวทีนี้เกิดขึ้นเนื่องจากเห็นความไม่ชอบธรรมและยืนยันในค่ำคืนนี้จะย้ายจากจุดลานสาธารณะ 18 ล้านปากบารา. มาปักหลักที่นี่ไปจนถึงเช้าวันพรุ่งนี้ของการเปิดเวที ซึ่งตลอดทั้งวันนี้มีการเปิดเวทีคู่ขนานมาอย่างตลอดเพื่อต่อต้านเวทีของรัฐ ท่ามกลางการรักษาความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจและอส. โดยไม่ได้มีการปะทะใดๆทั้งสิ้น

114


115