PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2561

ดวงเมืองปี61


'สูญเสียบุคคลสำคัญ-ประท้วงใหญ่-รุนแรง' 2 โหรดังทำนายดวงเมืองปี61

นายกสมาคมโหรชี้นักการเมืองย้ายพรรคมโหฬาร จับตาการเมืองขัดแย้งแต่ทหารอยู่ยาว ขณะที่ “ภิญโญ พงศ์เจริญ” ทำนายทหารอยู่ถึง 2565 ระบุเลือกตั้งต้นปี 2563 ได้รัฐบาลดาวเสาร์ เตือนราหูทับจันทร์ ระวังบุคคลสำคัญเป็นสตรีเจ็บป่วย-สูญเสีย ประชาชนหนี้สินครัวเรือนน่าห่วง ที่สำคัญ ช่วง 6เดือน ดาวอังคารอยู่ใกล้โลกมากที่สุดในรอบ 13 ปี และอยู่ที่ “โจรฤกษ์”ระวังประชาชนต่อต้านรัฐทั้งปี อาจทำให้มีการใช้กำลังความรุนแรง
นายธนกร สินเกษม อดีตนายกสมาคมโหราศาสตร์แห่งประเทศไทย 7 สมัย ได้ให้คำทำนายสถานการณ์ดวงเมืองของประเทศไทยประจำปี 2561 ว่าการเมืองถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก เพราะผลดี-ผลเสีย จะส่งผลกระทบด้านอื่นๆของประเทศทั้งเศรษฐกิจ  ความเชื่อมั่นจากประเทศอื่น ฯลฯ ซึ่งดูเรื่องการเมืองในทางโหราศาสตร์นั้น ต้องดูที่ดาวอาทิตย์จะมีคำว่าเปลี่ยนแปลงอยู่ เนื่องมาจากดาวอาทิตย์เป็นกาลี แต่ไม่ต้องเป็นห่วงกฎหมายลูกต่างๆสามารถสำเร็จเรียบร้อย และปี 2561จะมีการเลือกตั้งแน่นอน อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนี้จะเกิดปรากฏการณ์นักการเมืองเปลี่ยนแปลงกันมากอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นักการเมืองจะย้ายสังกัดพรรคการเมืองมากมายชนิดไม่เกรงใจกันอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แม้กระทั่งนักการเมืองของพรรคการเมืองใหญ่  ขณะที่พรรคการเมืองขนาดเล็กอยู่ไม่ได้ต้องปิดตัว ยุบพรรคหรือไม่ลงสมัครเลย  ก็คงจะเหลือเฉพาะพรรคการเมืองใหญ่ๆ

“ดวงเมืองโดยรวมทั้งปี 2561 เน้นว่าจะมีการเลือกตั้ง และย้ายพรรคหนีไปสวามิภักดิ์พรรคทหาร พรรคการเมืองขนาดเล็กยุบพรรคหมด เหลือแต่พรรคการเมืองใหญ่  และอีกพรรคการเมืองที่มีบทบาทคือ พรรคทหารที่จะมาช่วงชิงผู้นำของงประเทศ  นักการเมืองก็ต้องเอาตัวรอด จะทำอะไรแบบเดิมๆไม่ได้  ต้องมีการคิดยาว จะอยู่รอดได้อย่างไร และจะอยู่พรรคไหนมองยาวๆใครมีอำนาจ ต้องดูให้ดี ต้องเลือก”นายธนกร กล่าว

การเมืองขัดแย้ง-แต่ทหารอยู่ยาว

นายธนกร กล่าวอีกว่า สิ่งที่จะเข้ามาเกี่ยวกับการเมืองมากที่สุดคือ ทหารจะเข้ามามีบทบาทเพราะว่าดาวเสาร์เป็นศรี คือหมายถึงทหารเข้ามามีบทบาทด้านการเมือง โดยอาจจะมาลงสมัครการเมืองก็ได้ หรือตั้งพรรคการเมือง ซึ่งทหารเป็น“ศรีไปเกาะมูละ”มีความหมายว่ายืดยาว เป็นระยะเวลานาน ขณะที่ทางการเมืองจะมีความขัดแย้งอยู่เรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของประเทศยังคงเดินหน้าต่อไปได้  เพราะดู“ดวงเมืองในภพกัมมะยังคงเป็นศรี

เตือนหนี้ครัวเรือนเร่งเคลียร์หนี้เก่า

ส่วนดวงทางด้านการเงิน-เศรษฐกิจของประเทศนั้น นายธนกร กล่าวว่า ต้องหลังเมษายน 2561 “ดาวเสาร์เป็นศรี” จึงจะเริ่มดีขึ้น โดยระดับรากหญ้าตั้งแต่ชาวไร่ ชาวนาขึ้นไปหรือคนชนทำงาน ก็จะดูดี ลืมตาอ้าปากได้ อาจมาจากการเมืองเริ่มนิ่ง ทำให้สภาพหมุนเวียนการเงินของประเทศดีขึ้น จึงส่งผลเศรษฐกิจของประเทศในทุกด้านดีขึ้นด้วย  และจะมีความมั่นคงขึ้นทางด้านการเงิน เนื่องจากจะสามารถหาเงินได้เรื่อยๆ แต่ภาวะ“ดาวราหูที่ทับดาวจันทร์”จะทำให้หนี้สินครัวเรือนเดิมยังคงอยู่ ดังนั้น จึงต้องประหยัดอยู่เนื่องจากมีความจำเป็นต้องเคลียร์หนี้เก่าๆ

สำหรับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนนั้น นายธนกร กล่าวว่า จะเห็นว่า“ดาวอายุของดวงเมืองเป็นดาวอังคาร” ดังนั้น ขอเตือนว่าสิ่งที่ต้องระมัด ระวังมากที่สุด คือเรื่องอุบัติเหตุ การใช้รถ ใช้ถนนให้มากๆ หรือถ้ากรมอุตุฯพยากรณ์ว่ามีคลื่นลมแรง หรืออยู่ใกล้น้ำตก ก็อย่าประมาท ใช้ความระมัดระวังกันให้มากๆ เพราะดาวอังคารเป็นเทพเจ้าแห่งอุบัติเหตุเสีย

ปี’61พระศาสนามั่นคง

นายธนกร กล่าวปิดท้ายคำนายด้านสังคมว่า “ดาวพฤหัสบดีเป็นมูละ” หมายความว่าประชาชนจะเน้นเรื่องการปฏิบัติธรรมมากขึ้น ใช้ชีวิตสมถะมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้สังคมไทยน่าอยู่และดีมากขึ้น  โดยความวุ่นวายทางศาสนาที่มีอยู่ในปี2560 จะสามารถจัดระบบได้เรียบร้อยและวงการสงฆ์ก็จะมีความมั่นคงได้ในปี 2561ทำให้ทิศทางศาสนามีความมั่นคง และมีเสถียรภาพมากขึ้น เพราะ“ดาวพฤหัสบดีตกมูละ” ได้รับความเชื่อถือกลับมาเหมือนเดิม
 
ด้านโหร “ภิญโญ พงศ์เจริญ” นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ได้ทำนายดวงประเทศไทยประจำปี 2561 ดังนี้ ดวงเมืองประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน2561เป็นต้นไป อายุดวงเมืองย่าง 237 ปี จะตกภูมิจันทร์ ทำให้พระเสาร์ที่เป็นกาลกิณีจรจะเปลี่ยนเป็นศรี และพระอาทิตย์ที่เป็นศรีก็จะเปลี่ยนเป็นกาลกิณี

นายภิญโญ กล่าวว่า ดวงเมืองตรงกับวันอาทิตย์อยู่ในราศีเมษ จะเห็นว่าดาวมฤตยูจรเข้ามาในราศีเมษ ซึ่งส่งผลด้านเสียเกิดการเปลี่ยนแปลง กฏเกณฑ์ระเบียบ ความดีเก่าๆที่เคยมีอยู่จะเกิดจุดเปลี่ยน ทำให้เกิดความเสียหายและถูกทำลาย “ดาวมฤตยูอยู่ตรงราศีเมษมา 3 ปีแล้ว เริ่มตั้งแต่คสช.เข้ามายึดอำนาจ 3ปีมาแล้ว ซึ่งผู้ปกครองประเทศเข้ามาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงแต่ละด้านๆ ซึ่งมฤตยูอยู่ตรงราศีเมษใช้เวลาถึง 7 ปี เข้ามาแล้ว 3 ปี  ตอนนี้ก็เหลืออีก 4ปี ดังนั้น อีก 4ปี อนาคต หรือปี 2565 มฤตยูจึงจะย้ายจากราศีเมษเข้าสู่ราศีพฤษภ โดยย้ายจากภพที่ 1 (ภพตนุ) เข้าสู่ภพที่2(กดุมภะ) ซึ่งหมายความว่าดาวมฤตยูจะเข้าสู่เรือนการเงิน การคลัง ของประเทศ ซึ่งค่อยมาว่ากันอีกครั้งในอนาคตแล้วกัน”

“นอกจากนี้ ยังมีดาวพระเสาร์ 2 องค์มาทับกัน จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งพระเสาร์ยังคงอยู่ตลอดปี 61-62  จะคงอยู่ 2ปีครึ่ง หรือรอประมาณต้นปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดาวเสาร์โคจรภายใต้ราศีธนู ซึ่งเป็นภพศุภะของดวงเมือง หมายถึงว่าจะมีการเลือกตั้งและได้รัฐบาลด้วย แต่รัฐบาลที่ว่าคือรัฐบาลของดาวเสาร์ ซึ่งดาวเสาร์คืออะไรก็ไปหาดูเอาเองแล้วกัน”

จับตาอาจสูญเสียสตรีบุคคลสำคัญ

พระเคราะห์อีกดวง คือราหูนั้น ปลายปี61 ราหูในราศีจรกรกฎ ซึ่งเป็นภพที่ 4ของดวงเมือง คือพันธุ มาทับดวงจันทร์ของดวงเมือง ราหูเป็นบาปพระเคราะห์นั้น ให้โทษมากกว่าให้คุณ   ภพที่ 4 หมายถึงพันธุ คือบ้านเรือน ที่อยู่อาศัย ที่ดิน น่านน้ำ อาณาเขต ยวดยานพาหนะ อสังหาริมทรัพย์  ขณะที่พระจันทร์ยังหมายถึงสตรีและเด็ก ครอบครัว ประชาชน  ดังนั้น เมื่อราหูทับจันทร์นั้น จะเกิดปัญหาสตรีสำคัญอาจจะต้องเจ็บป่วย มีการสูญเสียก็เป็นได้ ซึ่งเรารู้จักราหูในฐานะเป็นเงามืด

ส่วนราหูกับพระจันทร์เป็นคู่หนี้สินและคู่สมพล ซึ่งพระจันทร์คือประชาชนทั่วๆไป และอยู่ในเรือนพันธุ  เพราะฉะนั้นต้องเอาใจใส่ดูแลเศรษฐกิจ เรื่องหนี้สินครัวเรือนของประชาชน จะเป็นหนี้สินกันทุกบ้าน มีปัญหาเรื่องปากท้อง ความเป็นอยู่ ซึ่งกว่าราหูเป็นปัญหาทั้งปี  ประชาชนต้องปากกัด ตีนถีบ ตลอดปี61จนกว่าจะผ่านเข้าสู่ปี 2562

ชี้ประชาชนขัดแย้งรัฐบาลทั้งปี

ที่สำคัญ ดาวราหูอยู่ภาพ4(พันธุ)ซึ่งในตำราโหราศาสตร์บอกว่าตรงนี้เป็นจุดบาดาล ตรงข้ามภพ10(กัมมะ) ที่หมายถึงการบริหารราชการแผ่นดิน ผู้บริหารบ้านเมือง ตรงนี้หมายถึงรัฐบาล คสช. ครม. ผู้ที่ดูแลรับผิดชอบดูแลปกครองชาติบ้านเมือง  จึงหมายถึงว่าอยู่ตรงข้ามรัฐบาล ดังนั้น ประชาชน พรรคการเมือง กลุ่มปวงชน ก็จะแสดงความเห็นกันมากขึ้นและในแนวทางตรงข้ามกับภาพที่ 10 ตลอดในปี2561

ส่วนดาวพระพฤหัสอยู่ภพที่ 7 ปัญหานานาชาติ หรือชนกลุ่มน้อย ปัญหาชายแดนภาคใต้ จะมีแนวทางในการแก้ไขหรือปรับปรุงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างนานาชาติ หรือกลุ่มชน จะมีทางออก

แต่ในช่วงสิ้นปีดาวพรพฤหัสบดีอยู่ในราศีพิจิก เป็นภพที่ 8(มรณะ) วันที่ 9 กุมภาพันธ์61-14 เมษายน 61 และจาก 6 ตุลาคม 61เป็นต้นไป จะเกิดปัญหากับดาวพระพฤหัส ซึ่งทางโหราศาสตร์ กล่าวไว้ว่า "จันทร์จะชีวาเป็น 8 ศุกร์ 7 อาจารย์เจ้ารอนนิรันดร์" คือ ช่วงเวลานี้จะเกิดปัญหาอุปสรรคเร่าร้อนในวงการศาสนา อาจจะมีการสูญเสียพระผู้ใหญ่ หรือผุ้นำในวงการศาสนา ซึ่งเป็นไปได้ทั้งพุทธ คริสต์ ฮินดุ อิสลาม รวมถึงครูบา อาจารย์  โหราจารย์ก็ต้องระวังด้วย นักบวช ผู้เป็นหลักใหญ่ในบ้านเมืองต้องระมัด ระวัง อาจมีการสูญเสีย

เตือน6เดือนอันตราย อาจใช้กำลังปชช.

นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ  กล่าวปิดคำทำนายดวงเมืองว่า  ดาวอังคารสำคัญมากในปี 61 ดาวอังคารอยู่ใกล้โลกมากที่สุดในรอบ13ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี2548-2561 และอาทิตย์ยังอยู่ตรงราศีกรกฎทำให้อังคารเป็นเพ็ญในขณะที่เป็นอุตม์ และไปเพ็ญในพื้นที่สำคัญ คือราศีมังกร ซึ่งเป็นภพที่10 จึงทำให้อังคารเล็งราหู  โดยเฉพาะดาวอังคารอยู่ที่"โจรฤกษ์”ดังนั้น ต้องระวังทั้ง6เดือน และที่ต้องระมัดระวังมากที่สุดคือช่วงก่อน30มิถุนายนถึงช่วง2กันยายน2561ลีลาของพระอังคาร ชอบใช้กำลัง ชอบใช้อาวุธ อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจเกิดเหตุประชาชนประท้วงและรัฐบาล,ทหารใช้กำลัง เป็นเหตุให้เกิดความรุนแรงได้

สุดยอดรมต.กห.อาเซียน

พี่ใหญ่ ในกห.อาเซี่ยน!!

ยก "บิ๊กป้อม" สุดยอด รองนายกฯ- รมว.กห. 3ปี ทำงานหนัก ผลสำเร็จเพียบ IUU-ICAO-ค้ามนุษย์-ลิขสิทธิ์-ปราบมาเฟีย ลั่น เป็นทหาร จะไปกลัวอะไรหรือกลัวใคร เพราะเกิดมาตายครั้งเดียว  ยกเป็น"พี่ใหญ่"ในกห.อาเซี่ยน/โฆษกกห.ยอมรับปม แหวน-นาฬิกาหรู มีผลกระทบจิตใจ และความรู้สึกบ้าง เพราะมนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักรหรือเครื่องยนต์  แต่เข้มแข็ง ทำงานต่อได้ ปัด เป็น"ผู้จัดการ คสช. "แต่คุยได้ทุกกลุ่ม ไม่หักใคร

          
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง การทำงานในตำแหน่ง รมว.กลาโหม 3 ปีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ว่า ท่านทำงานหนัก ด้านนโยบายความร่วมมือกับต่างประเทศ ค่อนข้างจะดี ในกรอบอาเซียน จะเห็นว่าความสัมพันธ์ไทยกับประเทศรอบบ้านอาเซียน ค่อนข้างดี 

"เพราะพล.อ.ประวิตร เปรียบเหมือนพี่ใหญ่ เป็นรมว.กลาโหม ดังนั้นเมื่อมีการประชุม รัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ก็ทำให้เกิดความแนบแน่นมากขึ้น ทำให้เราสามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ไม่มีปัญหาการปะทะกัน"
          
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไว้วางใจมอบหมายงานให้ พล.อ.ประวิตร ทำค่อนข้างมาก ทั้งการแก้ไขปัญหามาตรฐานการบิน การแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การแก้ไขปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ 

ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน (กขป. 5) โดยใช้เหล่าทัพเข้าไปผลักดัน ขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหา และทำให้ระบบเกิดความเข้มแข็ง 

" อยากให้กลับไปทบทวนว่า ในอดีตใครได้อนุมัติปล่อยให้เครื่องบินของสายการบินเอกชนได้ทำการบินโดยไม่ผ่านมาตรฐาน 

การอนุมัติให้เรือประมงสามารถทำการจับปลาได้อย่างอิสระ ซึ่งสังคมต้องไปดูว่าใครได้ประโยชน์จากกระบวนการอนุมัติ "

ส่วนที่มองว่าอาจจะเกิดจากการที่ คสช.ยึดอำนาจช่วงต้น นานาชาติจึงเข้ามาสร้างมาตรฐานเหล่านี้นั้น ผมมองว่าปัญหามันเกิดอยู่ใต้โต๊ะ จนถึงธงแดง ถ้าไม่แก้ก็ดิ่งเหว จึงเป็นวาระเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ เพราะที่ผ่านมามีการปล่อยปละละเลย 
          
"ถือเป็นเรื่องหลักๆ ที่ท่านทำงานหนักพอสมควร ท่านนั่งเป็นประธานคณะกรรมการฯ หลายชุด คนก็ไม่มองเรื่องที่ท่านทำ 

โดยเฉพาะเรื่องปราบปรามผู้มีอิทธิพล ทุกวันนี้คุณเรียกร้องสิทธิเสรีภาพกัน แต่คุณสามารถเข้าพื้นที่อื่นที่เป็นพื้นที่ของ กำนันโน่น กำนันนี่ได้หรือไม่ ภายใต้กฎหมายเดียวกันคุณก็เข้าไม่ได้ 

แต่ตอนนี้ คสช.เข้าไปจัดระเบียบ ทั้งอิทธิพลต่างชาติที่เข้ามาเกลื่อนกราดกันอยู่ อิทธิพลต่างประเทศ อาวุธสงคราม ยาเสพติด ที่ทำกันมา  เรื่องการจัดระเบียบสังคมถามว่าใครกล้าทำ การดำเนินการบางอย่างกระทบมวลชน ฐานเสียง" พล.ท.คงชีพ กล่าว 
          
พล.ท.คงชีพ กล่าวอีกว่า เราทุ่มเททรัพยากรไปมากพอสมควร กับการใช้กำลังทหาร กำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทำงานกันอย่างหนักหนาสาหัส 3 ปีเราทำอะไรที่ค่อนข้างจะเห็นผล และค่อนข้างเยอะมาก ซึ่งแน่นอนว่าจากนโยบายการจัดระเบียบสังคม ย่อมมีทั้งผู้ที่ชอบและไม่ชอบ มีผู้ที่ได้ประโยชน์ และเสียประโยชน์ แต่ คสช.มองเรื่องประชาชนที่ใช้พื้นที่สาธารณะได้ประโยชน์เป็นหลัก    
          
เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร กังวลว่ากลุ่มผู้เสียประโยชน์จะหาช่องทางในการโค่นล้มหรือไม่ พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า เป็นทหารมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่กลัวอะไรแล้ว ถ้ายืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อส่วนรวม และสังคม เสริมสร้างความมั่นคงและปลอดภัยให้ประเทศ ถือเป็นหน้าที่ที่เราปลูกฝังอุดมการณ์มา ดังนั้นจะไปกลัวอะไรหรือกลัวใคร เพราะเกิดมาตายครั้งเดียว  

          
พล.ท.คงชีพ กล่าวยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ได้กังวลอะไร ท่านทำงานต่อไป สังคมวันนี้เปิดกว้าง ได้รับข้อมูลข่าวสารรอบด้านมากขึ้น คิดเองได้ ถ้าไม่มีใคร ยุยง ปลุกปั่น สร้างความแตกแยก สร้างความเกลียดชังกัน    

ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ นาฬิกาหรู ที่ตกเป็นกระแสโจมตีนั้น ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของท่านก็ว่าไปตามกฎหมาย ก็ต้องหาทางออกในเรื่องกฎหมาย  

ส่วนจะมีผลต่อทำงานหรือไม่นั้น ตนคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ที่เวลามีคนนินทาในทางที่ดีบ้าง หรือไม่ดีบ้าง ย่อมมีผลกระทบต่อจิตใจ และ ความรู้สึกบ้าง เพราะมนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักรหรือเครื่องยนต์ 

แต่ในฐานะที่ท่านเป็นทหาร ก็ต้องยืนหยัดทำหน้าที่ต่อไป ถ้าเห็นว่าสิ่งที่ทำ 80 -90 เปอร์เซ็นต์ ยังเดินหน้าเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติก็ทำไป อีก 10 เปอร์เซ็นต์ที่มีปัญหา ก็ต้องแก้ไขต่อไป 
    
          
"เชื่อมั่นว่า พล.อ.ประวิตร เข้มแข็งพอที่จะเดินหน้า ใช้โอกาสนี้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและประเทศชาติต่อไป 

ส่วนสิ่งใดที่เป็นเรื่องส่วนตัวของท่านก็ต้องชี้แจงแก้ไขปัญหาต่อไป คิดว่าเป็นอุปสรรคเล็กน้อย สิ่งที่ทำมาก็ถือว่าเป็นคุโณปกรณ์กับประเทศชาติ" พล.ท.คงชีพ กล่าว
    
          
เมื่อถามว่า คิดว่าการขยายผลประเด็นที่เกิดขึ้นเป็นขบวนการล้ม พล.อ.ประวิตร เพื่อทำให้คสช.อ่อนแอหรือไม่ พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า มีแน่นอน ในเมื่อเราเข้ามาทำงานเพื่อพัฒนาไปสู่งานที่เหมือนงานการเมืองที่ทำอยู่ขณะนี้  ก็ย่อมกระทบกับกลุ่มการเมืองที่เสียประโยชน์ เมื่อกระแสออกมาแบบนี้ ถ้าเป็นเรื่องที่โจมตีกันทางการเมือง ก็ถือเป็นเรื่องที่มาจากการเมือง  

          
ส่วนจะเกี่ยวข้องกับกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร จะเป็นกำลังสำคัญในการตั้งพรรคทหารหรือไม่นั้น ยืนยันว่าไม่จริง อีกทั้ง พล.อ.ประวิตร ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร เป็นมิตรกับทุกคน เป็นคนที่พูดคุยได้ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ไม่หักใคร โดยคำนึงถึงเรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวมเป็นหลัก

          
เมื่อถามว่า จะใช้คำว่าพล.อ.ประวิตร เป็นผู้จัดการ คสช.ได้หรือไม่ พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า "ไม่มีหรอก ผู้จัดการ คสช. อย่าใช้คำนั้น แต่ประเทศไทยมีหลายกลุ่ม หลายพวก ก็ต้องดึงมาแก้ไขปัญหา ท่านก็เป็นคนที่ประสานได้"

ยืนหยัดต่อไป

เป็น ทหาร ต้องยืนหยัดทำหน้าที่ต่อไป

โฆษกกลาโหม เผย ปม นาฬิกาหรู กระทบจิตใจ และความรู้สึก"บิ๊กป้อม"เพราะเป็นมนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักรหรือเครื่องยนต์  แต่เข้มแข็ง เป็น ทหาร ต้องยืนหยัดทำหน้าที่ต่อไป ปัด บิ๊กป้อม เป็น"ผู้จัดการ คสช. "แต่คุยได้ทุกกลุ่ม ไม่หักใคร. ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร เป็นมิตรกับทุกคน 

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม กล่าวถึง กระแสโจมตีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ได้กังวลอะไร ท่านทำงานต่อไป สังคมวันนี้เปิดกว้าง ได้รับข้อมูลข่าวสารรอบด้านมากขึ้น คิดเองได้ ถ้าไม่มีใคร ยุยง ปลุกปั่น สร้างความแตกแยก สร้างความเกลียดชังกัน    

ส่วนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ นาฬิกาหรู ที่ตกเป็นกระแสโจมตีนั้น ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของท่านก็ว่าไปตามกฎหมาย ก็ต้องหาทางออกในเรื่องกฎหมาย  

ส่วนจะมีผลต่อทำงานหรือไม่นั้นผมคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ที่เวลามีคนนินทาในทางที่ดีบ้าง หรือไม่ดีบ้าง ย่อมมีผลกระทบต่อจิตใจ และ ความรู้สึกบ้าง เพราะมนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักรหรือเครื่องยนต์ 

แต่ในฐานะที่ท่านเป็นทหาร ก็ต้องยืนหยัดทำหน้าที่ต่อไป ถ้าเห็นว่าสิ่งที่ทำ 80 -90 เปอร์เซ็นต์ ยังเดินหน้าเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติก็ทำไป อีก 10 เปอร์เซ็นต์ที่มีปัญหา ก็ต้องแก้ไขต่อไป 
    
          
"เชื่อมั่นว่า พล.อ.ประวิตร เข้มแข็งพอที่จะเดินหน้า ใช้โอกาสนี้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและประเทศชาติต่อไป 

ส่วนสิ่งใดที่เป็นเรื่องส่วนตัวของท่านก็ต้องชี้แจงแก้ไขปัญหาต่อไป คิดว่าเป็นอุปสรรคเล็กน้อย สิ่งที่ทำมาก็ถือว่าเป็นคุโณปกรณ์กับประเทศชาติ" พล.ท.คงชีพ กล่าว
    
          
เมื่อถามว่า คิดว่าการขยายผลประเด็นที่เกิดขึ้นเป็นขบวนการล้ม พล.อ.ประวิตร เพื่อทำให้คสช.อ่อนแอหรือไม่ พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า มีแน่นอน ในเมื่อเราเข้ามาทำงานเพื่อพัฒนาไปสู่งานที่เหมือนงานการเมืองที่ทำอยู่ขณะนี้  ก็ย่อมกระทบกับกลุ่มการเมืองที่เสียประโยชน์ เมื่อกระแสออกมาแบบนี้ ถ้าเป็นเรื่องที่โจมตีกันทางการเมือง ก็ถือเป็นเรื่องที่มาจากการเมือง  

          
ส่วนจะเกี่ยวข้องกับกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร จะเป็นกำลังสำคัญในการตั้งพรรคทหารหรือไม่นั้น ยืนยันว่าไม่จริง อีกทั้ง พล.อ.ประวิตร ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร เป็นมิตรกับทุกคน เป็นคนที่พูดคุยได้ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ไม่หักใคร โดยคำนึงถึงเรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวมเป็นหลัก

          
เมื่อถามว่า จะใช้คำว่าพล.อ.ประวิตร เป็นผู้จัดการ คสช.ได้หรือไม่ พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า "ไม่มีหรอก ผู้จัดการ คสช. อย่าใช้คำนั้น แต่ประเทศไทยมีหลายกลุ่ม หลายพวก ก็ต้องดึงมาแก้ไขปัญหา ท่านก็เป็นคนที่ประสานได้"

ใจเย็น

ใจเย็นๆ 

"ในหลวง ร.10"ทรงพระราชทานพรปีใหม่ แด่พสกนิกรชาวไทย พร้อม สคส.พระราชทาน....ทรงแนะไม่ว่าเหตุการณ์ใดๆ จะเกิดขึ้น เราคนไทย จะสามารถฝ่าฟันไป ด้วยกันได้อย่างดี ด้วยความขันติ ใจเย็น ค่อยคิดค่อยทำไป อย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นด้วยสติ ด้วยเหตุผล อันพอเหมาะพอควร เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน"/ เตรียมจัดงาน ย้อนยุค สร้างความสุขให้ พสกนิกรขาวไทย ตลอดเดือนกพ.61 เริ่ม8 กพ. ณ ลานพระราชวังดุสิต

สคส.พระราชทาน การ์ตูน ฝีพระหัตถ์ และ พรปีใหม่ ด้วยลายพระหัตถ์  ความว่า 
"สุขสันต์ทุกฤดูกาล
เพราะจับมือเดินก้าวหน้า
ด้วยสติอันมั่นคง

สุขกาย สบายใจ ด้วยสติปัญญาความรัก ความเมตตา
พร้อมก้าวหน้า อย่างมั่นคงไปด้วยกัน
สุขสันต์วันปีใหม่ และตลอดไป"

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัส แก่ประชาชนชาวไทย เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2561 ความว่า

"บัดนี้ถึงวาระดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2561 ข้าพเจ้าขอถือโอกาสนี้ส่งความปรารถนาดีและอำนวยพรแก่ทุกๆ ท่าน ให้มีกำลังกาย กำลังใจ สติปัญญาแจ่มใส เข้มแข็ง ตลอดจนประสบความสุขความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป

ในรอบปีที่แล้ว ในบ้านเมืองของเรามีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นหลายอย่าง แต่ไม่ว่าเหตุการณ์ใดๆ จะเกิดขึ้น เราคนไทยจะสามารถฝ่าฟันไปด้วยกันได้อย่างดี ด้วยความขันติ ใจเย็นค่อยคิดค่อยทำไปอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นด้วยสติด้วยเหตุผลอันพอเหมาะพอควร เพื่อประโยขน์ของประเทศชาติและประชาชน

ขอพระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จนปกป้องคุ้มครองรักษาและให้ขวัญกำลังใจแก่ทุกท่านถ้วนหน้า เป็นพลังที่เข้มแข็งต่อประเทศและชาติบ้านเมืองของเราสืบต่อไป

----
นอกจากนี้ มีรายงานว่า ยังทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้จัดงานย้อนยุค แบบไทยๆ ณ  ลานพระราชวังดุสิต ตลอดเดือนแห่งความรัก กุมภาพันธ์ นี้  เริ่ม 8 กุมภาพันธ์ 2561 เพื่อสร้างความสุข ให้พสกนิกรชาวไทย และรำลึกถึงความสุขของบ้านเมือง ในอดีต

นายกอวยพรปีใหม่61

"บิ๊กตู่" หวัง ปีใหม่ เป็น ปีแห่งความหวังใหม่ ขอประชาชน ยึดมั่นในพลังแห่งความสามัคคี และใช้ความรักชาติ เป็นพลังขับเคลื่อนประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำครม. ลงนามถวายพระพร "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ" เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2561 ที่ ห้องแดง ศาลาว่าการพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวอวยพรเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2561 ผ่านทาง โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ว่า “พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ เนื่องในศุภวาระขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2561 ในวันนี้ ถือเป็นนิมิตหมายอันดีในการก้าวไปสู่สิ่งที่ดียิ่งขึ้นของประเทศไทย และเป็นปีแห่งความหวังใหม่ที่ทุกท่านจะได้พบแต่สิ่งที่ดีงาม มีความสุข และประสบความสำเร็จในทุกด้าน ผมในนามรัฐบาล 

ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ภาครัฐทุกฝ่าย ภาคเอกชน และพี่น้องประชาชนชาวไทย ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจแสดงออกถึงความสามัคคีในการขับเคลื่อนประเทศชาติให้สามารถเดินหน้าก้าวผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ในปี 2560 ที่ผ่านมา 

และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเราประชาชนชาวไทยจะยังคงยึดมั่นในพลังแห่งความสามัคคีและนำเอาความรักที่มีต่อประเทศชาติมาเป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเราให้พัฒนาก้าวหน้าสืบต่อไป 

พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ
เนื่องในวาระวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2561 ผมขออัญเชิญอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทุกท่านเคารพนับถือ ได้โปรดดลบันดาลให้พี่น้องคนไทยทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศทั่วโลก จงประสบแต่ความสุข ความเจริญ ปราศจากอุปสรรคภยันตรายทั้งปวง และสัมฤทธิ์ผลในสิ่งที่พึงปรารถนาโดยทั่วกัน 

ในโอกาสนี้ ผมขอเชิญพี่น้องประชาชนชาวไทย ร่วมกันตั้งจิตอธิษฐาน ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัย พร้อมด้วยพระสยามเทวาธิราช และพระบารมีแห่งสมเด็จ พระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ ได้โปรดอภิบาลบันดาลดลให้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงค์ทุกพระองค์ ทรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัยทุกประการ ทรงพระเกษมสำราญ พระสุขภาพพลานามัยแข็งแรง มีพระราชประสงค์จำนงหมายสิ่งใด จงสัมฤทธิ์ดังพระราชหฤทัยปรารถนา ทรงสถิตเป็นพระมิ่งขวัญร่มเกล้าแก่พสกนิกรชาวไทยตราบกาลและนานเทอญ 

สวัสดีปีใหม่ 2561 ครับ”