PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558

ปูตินบอกว่าจะดัมพ์ดอลล่าร์ทิ้ง, ยูเครนประกาศยุติความร่วมมือทางกองทัพรัสเซีย





You wanna play a dangerous game? Umm… then let's do it! ปูตินบอกว่าจะดัมพ์ดอลล่าร์ทิ้ง, ยูเครนประกาศยุติความร่วมมือทางกองทัพรัสเซีย, รัสเซียบอก ดี… งั้นห้ามไม่ให้บริษัทของยูเครนเข้าประกอบกิจการในไคร์เมียแม้จะได้รับใบอนุญาตก่อนผนวกไคร์เมียเข้ากับรัสเซียแล้วก็ตาม มันส์พะยะครับ
------------
1.) โพสต์นี้จะเล่ารวบกัน 3 ข่าวนะครับ ข่าวแรก RT news พาดหัวข่าวว่า "Putin says dump dollar" (ปูตินกล่าวว่าจะเทดอลล่าร์ทิ้ง) อูยยยยส์ โปรอเมริกาจะทำใจได้หรือนี่ "เสรีภาพ ประชาธิปไตย ปูตินทำอย่างนี้ได้ไง?" ก็นี่แหละเสรีภาพและอธิปไตยของรัสเซียและประเทศอื่นๆที่ไม่ยอมก้มหัวให้จักรวรรดิเฮเกหละ
รายงานข่าวบอกว่า ปธน.วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำของรัสเซียได้ร่างกฎหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อขจัด (eliminate) เงินดอลล่าร์ของสหรัฐฯ และเงินยูโรออกจากการค้าระหว่างประเทศในกลุ่ม CIS (เครือรัฐเอกราชที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของอดีตสหภาพโซเวียต Commonwealth of Independent States) RT เขียนเอาไว้ว่านี่เป็นการสร้างตลาดการเงินเพียงแห่งเดียวระหว่าง รัสเซีย อาร์เมเนีย เบลารุส คาซัคสถาน คีร์กีสถาน ทาจีกิสถาน และประเทศอื่นๆจากอดีตสหภาพโซเวียต
แถลงการณ์จากกรุงเครมลินกล่าวว่า "[กฎหมาย] ฉบับนี้จะช่วยขยายการใช้สกุลเงินหลักของประเทศต่างๆในการชำระเงินเพื่อการค้าและการให้บริการด้านการเงินในต่างประเทศ และเป็นการสร้างปัจจัยพื้นฐานให้กับสภาพคล่องในตลาดสกุลเงินภายในประเทศได้มากขึ้น" (ว้าววว! แนวคิดของปูตินช่างแตกต่างจากแนวคิดและการดำเนินการของฝ่ายมหาอำนาจอย่างจักรวรรดิเฮเกที่ต้องการให้เงินดอลล่าร์ของตนเองเป็นสกุลเงินของของโลกกันคนละขั้วเลยอ่ะ นี่สิประชาธิปไตยที่แท้จริงทุกสกุลเงินมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน ทำไมต้องยกอภิสิทธิ์ให้สกุลเงินเดียวอยู่เหนือสกุลเงินอื่นๆทั่วโลกด้วย นี่เศรษฐกิจการเงินระหว่างประเทศแนวใหม่สไตล์รัสเซียเลยนะนี่)
รายงานข่าวกล่าวต่อไปอีกว่า กฎหมายฉบับนี้ยังจะช่วยอำนวนความสะดวกให้กับการค้าและช่วยให้บรรลุความมั่นคงในเศรษฐกิจมหภาคด้วย (แหล่ม) ภายใต้กรอบความร่วมมือของสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EEU) ประเทศต่างๆได้ร่วมกันถกเถียงถึงความเป็นไปได้ของใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการค้าขายระหว่างกัน (switching to national currencies) ตามข้อตกลงระหว่างรัสเซีย เบลารุส อาร์เมเนีย และคาซัคสถานนั้น จะมีการถ่ายโอนพันธกรณีในการชำระเงินด้วยสกุลเงินแห่งขาติของประเทศต่างๆ ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นในปี 2025-2030 (ที่จะถึงนี้)
ปัจจุบัน 50 เปอร์เซ็นต์ของการซื้อขายใน EEU ใช้เงินดอลล่าร์และเงินยูโร ซึ่งเป็นการเพิ่มการพึ่งพาอาศัยกันของสหภาพในกลุ่มประเทศเหล่านี้ให้ออกสกุลเงินเหล่านั้น นอกจาก CIS และ EEU แล้ว รัสเซียและจีนได้พยายามที่จะลดการครอบงำ (/อิทธิพล) ของเงินดอลล่าร์ลงเช่นกัน (ได้เวลาเชือดดอลล่าร์ทิ้งแล้ว ไม่ต้องรีบ สไตล์ปูตินก็คือค่อยๆเชือดทิ้งไปทีละนิดๆ ไม่ให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมมาก)
2.) ข่าวที่สองวันที่ 31 ส.ค.58 Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "ยูเครนระงับข้อตกลงความร่วมมือด้านความมั่นคงกับรัสเซีย" (Ukraine Terminates Deal With Russia on Defense Industry Cooperation) (หุ่นเชิดของจักรวรรดิเฮเกก็เป็นอย่างนี้แล) รายงานข่าวบอกว่ากรุงเคียฟได้ยุติข้อตกลงในความร่วมมือด้านเทคนิควิทยาศาสตร์กับรัสเซีย ในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง ที่มีการลงนามร่วมกันตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 1993 (เมื่อวันก่อนยูเครนพึ่งจะขนเครื่องยนต์เฮลิค็อปเตอร์ของตนเองไปจัดแสดงในงานแอร์โชว์ MAKS-2015 ที่รัสเซียเองนะ วันนี้เก็บของกลับบ้านแล้วบอกว่าเลิก ไม่ร่วมมือกับรัสเซียอีกแล้ว พิลึกแท้!)
3.) ข่าวที่สาม เมื่อยูเครนกล้าที่จะเล่นเกมอันตรายทุบหม้อข้าวตัวเองแบบนี้ งั้นรัสเซียก็จัดให้ วันต่อมา (1 ก.ย.58) Sputnik พาดหัวข่าวว่า "บริษัทสัญชาติยูเครนถูกปฏิเสธไม่ได้เข้าถึงความมั่งคั่งในแผ่นดินย่อยของรัสเซียในทะเลดำ" (Ukrainian Companies Denied Access to Russia’s Subsoil Wealth in Black Sea) ซวยแล้วไหมหละยูเครน... หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ
รายงานข่าวจากฝั่งรัสเซียบอกว่า วันอังคารนี้รัฐบาลรัสเซียได้ออกแถลงการณ์ว่า "บริษัทต่างๆที่ยูเครนออกใบอนุญาตให้ก่อนที่จะมีการรวมแหลมไคร์เมียเข้ากับรัสเซีย จะไม่มีสิทธิ์เข้าถึงแหล่งทรัพยากรพลังงานใต้ทะเลดำและทะเลอาซอฟอีกต่อไป หากพบว่ามีกิจกรรมเช่นนั้นเกิดขึ้น จะถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของรัสเซีย" (ไม่รู้ว่ามีบริษัทต่างชาติกี่แห่งที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการในทะเลดำและทะเล Azov จากรัฐบาลยูเครนและไคร์เมียก่อนหน้านี้ งานนี้คงจะมีใครถูกหวยรัปทานไปหลายรายแน่ๆ อยากรู้ไหมว่างานนี้ใครจะโดนหางเลขบ้าง? งั้นอ่านต่อนะครับ มันส์ คริๆ)
รายงานข่าวกล่าวต่อไปอีกว่า ก่อนที่จะรวมไคร์เมียเข้ากับรัสเซียอีกครั้งในเดือนมีนาคม 2014 นั้น บริษัท Chornomornaftogaz ซึ่งเป็นของรัฐของยูเครนมีแหล่งไฮโดรคาบอน (hydrocarbon) จำนวน 17 แห่ง รวมทั้งแหล่งแก๊สธรรมชาติอีก 11 แห่ง และแหล่ง gas condensate 4 แห่ง บ่อน้ำมันดิบ 2 แห่ง แท่นขุดเจาะนอกชายฝั่งอีก 13 แห่งทั้งในทะเลดำและทะเลอาซอฟ
ในบรรดาบริษัทต่างชาติหลายบริษัทที่สนใจในสินทรัพย์ hydrocarbon นอกชายฝั่งของไคร์เมียก็มีบริษัท ExxonMobil (ของสหรัฐฯ), Royal Dutch Shell (ของเนเธอแลนด์และอังกฤษ) และ Petrom (ของโรมาเนีย) รวมอยู่ด้วย
Chornomornaftohaz ของยูเครน มีผลประโยชน์ 100% ในการออกใบอนุญาตนอกชายฝั่งทั้ง 5 แห่งซึ่งประกอบด้วย Vostochno-Kazantipskoe ในทะเลอาซอฟ, และ Odesskoe, Bezymiannoe, Subbotina และ Palasa ในทะเลดำ
จบเห่เลยยูเครน... นี่ไม่ใช่การอายัด แต่เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะยึดทรัพยากรณ์เหล่านั้นมาเป็นของรัสเซียเพราะว่าอาณาเขตเหล่านั้นได้ตกเป็นของรัสเซียไปแล้ว บริษัทต่างชาติที่สูญเสียผลประโยชน์ในครั้งนี้ก็ไปฟ้องร้องค่าเสียหายเอาจากรัฐบาลยูเครนหุ่นเชิดของจักรวรรดิเฮเกก็แล้วกัน มิน่าหละว่าทำไมสหรัฐฯ นาโต้และยูเครนถึงรีบจัดซ้อมรบขึ้นมาในทะเลดำ

มูลนิธิ กปปส.พอใจ รธน.ใหม่ หนุนมี คปป.-ยันต้องให้ ปชช.ทำประชามติ

วันอังคาร ที่ 01 กันยายน 2558 เวลา 10:36 น

“สุเทพ” แถลงจุดยืนมูลนิธิ กปปส. พอใจร่าง รธน.ใหม่ หนุนมี กก.ยุทธศาสตร์ชาติฯ ป้องเหตุวิกฤติการเมือง-รัฐประหาร ยันต้องให้ประชาชนทำประชามติ ชง “บิ๊กตู่” ใช้ ม.44 ปฏิรูปตำรวจ
PIC suthepp 1 9 58 1
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ราชประสงค์ กรุงเทพฯ มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิฯ ร่วมด้วยกรรมการมูลนิธิฯ จัดงานแถลงข่าวถึงจุดยืนของมูลนิธิฯต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยมีเจ้าหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาสังเกตการณ์ด้วย
นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้เปิดโอกาสให้เจตนารมณ์ของประชาชนที่ต้องการปฏิรูปประเทศไทยเกิดขึ้นได้หรือไม่ ย้ำว่า เจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชนคือต้องปฏิรูปประเทศไทย เมื่อดูประเด็นนี้ เราศึกษาร่างรัฐธรรมนูญจากมุมนี้ และเรียนอย่างตรงไปตรงมาชัดเจนว่า ในสายตาของประชาชนอย่างเรา มวลมหาประชาชนทั้งหลาย เห็นว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ดีพอที่จะนำไปให้ประชาชนลงประชามติ มุมมองของพวกเรา ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ดีพอที่จะนำไปเสนอประชาชนให้ลงประชามติ คนที่จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายคือพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ในการทำประชามติ 
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า เจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชนต้องการปฏิรูปในหลาย ด้าน ได้แก่ ปฏิรูปการเมือง ได้แก่ พรรคการเมืองต้องเป็นของประชาชน และทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ยุติธรรม ปฏิรูประบบราชการและกระจายอำนาจ ปฏิรูปเศรษฐกิจสังคม และปฏิรูปตำรวจ ทำให้ตำรวจเป็นของประชาชน เมื่อพิจารณาจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีคำตอบให้ประชาชนมั่นใจ โดยมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเพื่อการปฏิรูปและการปรองดอง (คปป.) เป็นเจ้าภาพที่จะอำนวยการให้รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐต้องดำเนินการปฏิรูปประเทศ นี่คือสิ่งที่ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าการปฏิรูปจะดำเนินการต่อได้
นายสุเทพ กล่าวถึงวิกฤติทางการเมืองที่ผ่านมาว่า ได้ต่อสู้เพื่ออนาคตประเทศ มีการเสียเลือดเนื้อ มีคนเสียชีวิต ไม่มีใครเข้ามาแก้ไข รัฐบาลชุดนั้นไม่มีความชอบธรรม สภาก็ถูกยุบแล้ว เลือกตั้งใหม่ก็ไม่ได้ ประเทศไม่มีทางออก จึงต้องมีการยึดอำนาจโดย คสช.
“คนที่ไม่เคยอยู่ในภาวะวิกฤติ ไม่เคยเผชิญด้วยตัวเองจะคิดไม่ถึงว่า มันร้ายแรงรุนแรงถึงขนาดนั้น บังเอิญอยู่ในสถานการณ์นั้นด้วยตัวเอง วันนี้ถึงพอใจที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้มีการระบุองค์กร หรือบุคคลที่จะไปแก้ไขวิกฤติของประเทศ หากเกิดมีในอนาคต จะได้ไม่ต้องมีคนมาเจ็บ มาตาย ไม่ต้องเกิดเรื่องร้ายแรงในบ้านเมืองกันอีก เพราะในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้กำหนดทางออกเอาไว้ ใน คปป. เข้ามาใช้อำนาจตามกฎหมาย ดำเนินการด้วยมาตรการที่จำเป็น เพื่อป้องกันเหตุร้าย ระงับความรุนแรงทั้งหลาย ยับยั้งการกระทำที่เป็นปัญหา ตรงนี้เป็นเหตุผลที่ในสายตาของประชาชนที่คำนึงถึงเรื่องของประเทศโดยส่วนรวม ถึงได้ยืนยันว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ดีพอจะส่งให้ประชาชนตัดสินใจ” นายสุเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่มีข้อเสีย หรือมีแต่อยู่ในจุดที่พอรับได้ใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า มองสภาพทุกอย่างตามความเป็นจริง ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในประเทศ ความบกพร่องมีเป็นธรรมดา แม้ไม่สมบูรณ์ วันข้างหน้าก็แก้ไขได้ แต่สาระสำคัญ เรื่องใหญ่คือ เป็นหลักประกันว่าอนาคตของประเทศไทย เราเห็นแสงสว่าง เราเห็นการพัฒนา เราเห็นโอกาสที่ประชาชนจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ประเทศมั่นคงปลอดภัย
ส่วนที่หลายฝ่ายเกรงว่า คปป. จะทำให้เกิดภาวะรัฐซ้อนรัฐจะทำให้เกิดปัญหาในอนาคตนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า มุมมองไม่เหมือนกัน พวกตนมองว่าอยู่ที่ผลได้ผลเสียของประเทศที่จับต้องได้ บางทีมันมีความสวยงามอย่างอื่น แต่ว่าจับต้องไม่ได้ แต่เรื่องของการปฏิรูปประเทศไทยมันจับต้องได้ ถ้าประเทศได้ปฏิรูปไปแล้ว ประเทศมั่นคงปลอดภัย ชีวิตประชาชนมีโอกาสดีขึ้นอย่างถาวร มุมมองอยู่ที่การปฏิรูป เน้นการปฏิรูป เพราะประชาชนต้องการปฏิรูป
ส่วนที่มีบางฝ่ายรณรงค์ให้คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่สามารถตอบเหตุการณ์ข้างหน้า แต่ถ้าทุกฝ่ายเคารพประชาชน ต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ มติของประชาชน เห็นว่า เป็นเรื่องใหญ่ สำคัญที่สุด ถ้าเคารพเรื่องก็จบ
เมื่อถามว่า การขอโอกาสให้ประชาชนตัดสินใจ หมายถึงโน้มน้าวให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โหวตรับร่างรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คิดอย่างนี้ มองร่างรัฐธรรมนูญอย่างนี้ ก็เรียนอย่างนี้ เหมือนใครบ้าง ต่างใครบ้าง เป็นเรื่องปกติ ถึงได้บอกว่า ทั้งหมดก็ต้องไปว่ากันที่ประชามติ ระบอบประชาธิปไตยเขาพูดกันอย่างนั้นไม่ใช่เหรอ 
ส่วนที่บอกว่ามวลมหาประชาชนทั้งหลายที่ออกมาต่อสู้ เป็นพวกประชาธิปัตย์ทั้งนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ขออนุญาตขอความเป็นธรรมให้มวลมหาประชาชน เกือบครึ่งไม่เคยลงคะแนนเสียงให้พรรคประชาธิปัตย์ คนออกมาต่อสู้เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน ด้วยสำนึกรับผิดชอบบริสุทธิ์ ไม่ผูกพันกับพรรคการเมืองไหน
เมื่อถามว่า หาก คปป. ดำเนินการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะทำอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่สามารถที่จะไปคาดเดาอะไรในทางร้ายได้ ประชาชนอยากจะมองอะไรในทางดี บทเรียนประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ทุกชีวิตในประเทศไทยก็เห็นกันแล้ว เพราะฉะนั้นเชื่อมั่นว่าอนาคต มีสำนึกถูกต้อง ภาระหน้าที่ต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาประเทศ ประชาชนก็ฝากความหวังตรงนี้ 
“ไม่มอง คปป. เกิดขึ้นในทางร้าย ดูจริง ๆ คนที่มาเป็น คปป. มีทั้งประธานรัฐสภา อดีตนายกรัฐมนตรี ประธานศาลฎีกา มีคนที่น่าจะเชื่อถือได้ ส่วนถ้าเขาไปทำเรื่องอื่น ประชาชนต้องตัดสินใจในตอนนั้น ถ้าใครเขียนกฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย คงมีประชาชนออกมาอีก” นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่านอกจากสนับสนุนการมี คปป. แล้ว สนับสนุนคำถามประชามติร่างรัฐธรรมนูญเรื่องรัฐบาลแห่งชาติด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ มันยังไม่ค่อยชัดเจน และไม่คิดว่ามันจะต้องไปเลยถึงขนาดนั้น เคยมีประสบการณ์ ตอบแทนประชาชนไม่ได้ เพราะประชาชนไม่ได้คิด เคยมีประสบการณ์เห็นรัฐบาลผสมหลายยุค ทำให้ไม่ค่อยน่าเชื่อว่ารัฐบาลแห่งชาติจะเป็นประโยชน์ มันเป็นนามธรรมมากไป และคิดว่ากลไกของรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ น่าจะมีรัฐบาลของประชาชนได้ 
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า วันนี้มีการปฏิรูปด้านการเมือง ด้านการป้องกันและปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น ด้านบริหารราชการแผ่นดินและกระจายอำนาจ อย่างนี้เราพอเห็นชัดเจน แต่ถามว่ารู้สึกขาดไหม เห็นว่าเรื่องปฏิรูปโครงสร้างตำรวจยังเขียนไว้น้อย นี่ฝากความหวังกับ คสช. ว่า ประชาชนต้องการเห็นการปฏิรูปตำรวจ ทำได้ทันทีเดี๋ยวนี้ก็ได้ ม.44 ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 อย่างนี้เป็นต้น

ข้อมูลจากลุงยิ้มตาสว่างกรณีจับมีอระเบิด

1ก.ย.58


ขัอมูลจาก"ลุงยิ้ม"

ลุงยิ้ม ตาสว่าง
17:57น.

การจับมือระเบิด ผมยืนยันเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่ต้องตรวจสอบก็คือ ใครอยู่ที่ด่านวันที่21 ทั้งตรวจคนเข้าเมืองและฝ่ายความมั่นคง ผมพยามบอกคือท่านจะได้แก้ไข ระบบทั้งหมด อย่าให้คนชั่วมันหนีข้ามไปได้อีก ท่านอาจจะโกรธผมที่ทำไมผมแสดงความเห็นขัดแย้ง เพราะผมพยามจะชี้ว่าจุดไหนบกพร่อง และต้องรีบแก้ไข เพื่อนบ้านไม่ได้มีกล้องวงจรปิด แต่เขาสามารถติดตามได้ตั้งแต่วัที่21-30สิงหาคม ฉนั้นปัญหาไม่ได้อยู่ที่กล้องวงจรปิด แต่ต้องหาให้ได้ว่า อาจจะมีเจ้าหน้าที่รัฐฯพาข้ามช่องระเบียง ผมว่าหาตัวไม่น่ายากครับ
---------
ลุงยิ้ม ตาสว่าง
17:57น.

เอาว่าผมฝันไปก็ได้นะ ผู้ต้องหาวางระเบิดราชประสงค์ หลังจากถูกจับที่สนามบินโบเชนตง นอน2คืนที่ห้องทำงานของหัวหน้าตม. OUK Hai Sila ไม่ได้ขังที่ห้องขัง ไม่ได้สวมกุญแจมือ ใดใด แต่ใช้หน่วยปราบปรามพิเศษ เฝ้ายาม 24ชั่วโมง ทุกหน่วยประจำการไม่ได้กลับมานอนบ้าน ได้เชิญทูตจีน ออสเตรเลีย และ ตุรกีมาร่วมสอบ ด้วย ว่าเป็นประชาชนของประเทศใด ฝ่ายไทยได้ตัดผม เพื่อนำไปตรวจดีเอ็นเอ และเอาเป็นว่าหลังจากนั้นผมก็ตื่นก็แล้วกันนะ ก๊ากกกกกกกกกกก
---------
ลุงยิ้ม ตาสว่าง
15:57น.
ผมโพสว่าเขมรจับตัวผู้ต้องสงสัยวางระเบิดได้ตั้งแต่เมื่อวาน จนเมื่อเช้าก็ยืนยันว่าทางการไทย ส่งเจ้าหน้าที่จำนวน5นายไปรับตัวและได้ขึ้นเครื่องบินมาจากเขมร เมื่อ06.00น. วันนี้ ผมอยากให้พูดเรื่องจริงเท่านั้น ว่าเกิดอะไรขึ้น อิมเมติเกรชั่น เขมรติดตามชายผู้นี้ตั้งแต่มีการ ข้ามแดนวัน21สิงหาคม จากการสอบสอบสวนของเจ้าหน้าที่เขมร เขายอมรับว่าหลังเกิดเหตุระเบิดเขานอนค้างคืนในประเทศไทย1วันแล้วจึงข้ามด่านที่อรัญประเทศ จนวันที่ 30 สิงหาคม 15.00น. กำลังจะออกจากสนามบินโปเชนตง ไปเวียดนาม อิมเมติเกรชั่นของเขมรจึงเข้าทำการจับกุม เส้นทางหลบหนี เมื่อระเบิดเสร็จแล้ว ยังพักที่พักในกทม. 21 จึงเดืนทางออกมายังอรัญ และ เดืนทางออกมายังด่านปอยเปต เดินทางโดยรถโดยสาร มายังพนมเปญ ความจริง
ผู้ต้องหา ต้องการออกตามพรมแดนไปเวียดนาม ด่าน ตาแก้ว ด่ายบาเว็จ แต่สุดท้าย ออกสนามบิน จึงโดนตะครุบ สรุปว่าการผ่านแดนนั้น ผ่านที่ช่องระเบียง ไม่ได้ผ่านแบบแสตมป์ การเดินทางผ่านทางช่องระเบียง ข้างๆป่า จะมีเจ้าหน้าที่นำทางให้เงินเจ้าหน้าที่ก็ผ่านช่องระเบียงได้ไม่ต้องต่อวีซ่าไม่ต้องแสตมป์หนังสือเดินทาง ผมเดาเอานะ เรื่องให้เงินจริงเท็จไม่รู้ สิ่งที่ผมพูดทั้งหมดมานี้ ให้จำไว้ เพจนี้ไม่เคยเพ้อเจ้อ และผมก็ต้องปกปิดแหล่งข่าวด้วยเช่นกัน ผมเห็นสื่อออกข่าวมามั่ว ว่าจับได้ที่สระแก้ว เลิกโกหกเถอะ
------------
ลุงยิ้ม ตาสว่าง
09:54น.
จะปิดอะไรกัน เส้นทางหลบหนี เมื่อระเบิดเสร็จแล้ว ยังพักที่พักในกทม. 21 จึงเดินทางออกมายังอรัญ และ เดืนทางออกมายังด่านปอยเปต เดินทางโดยรถโดยสาร มายังพนมเปญ 30 สิงหาคม บ่ายสามโมง จะออกจากสนามบินโปเชนตง ไปเวียดนาม ทางการเขมรได้วางกำลังติดต่าม อย่างใกล้ชิด เพระผู้ต้องสงสัยต้องการออกตามพรมแดนไปเวียดนาม ด่าน ตาแก้ว ด่ายบาเว็จ แต่สุดท้าย ออกสนามบิน จึงโดนตะครุบ ตำรวจไทยนำตัวผู้ต้องสงสัย จากพนมเปญมาเมืองไทยแล้ว ที่เขมรไม่ออกข่าว เพราะ ว่าเกรงจะกระทบความปลอดภัย
----------------

เสธน้ำเงิน:เสร็จทหาร..ชายชาวต่างชาติเสื้อเหลืองมือวางระเบิดราชประสงค์ถูกจับกุมได้แล้วที่สระแก้ว


เสร็จทหาร..ชายชาวต่างชาติเสื้อเหลืองมือวางระเบิดราชประสงค์ถูกจับกุมได้แล้วที่สระแก้ว
เสร็จทหาร..ชายชาวต่างชาติเสื้อเหลืองมือวางระเบิดราชประสงค์ถูกจับกุมได้แล้วที่สระแก้ว
ขณะนี้ได้มีการจับกุมชายต่างชาติเสื้อเหลืองผู้ก่อเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ได้แล้ว ที่ บ้านป่าไร่ จ.สระแก้ว ชายคนนี้เป็นกุญแจสำคัญ และไม่ใช่เป็นคนไทย จากสายข่าวที่ทหารและฝ่ายความมั่นคงได้รับมาว่า จะมีการหลบหนีของผู้ต้องหาคนสำคัญ ดังนั้นทหารกองกำลังบูรพา ได้สั่งการกำลังพลหน่วยเฉพาะกิจ
ประสานความร่วมมือกับ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสระแก้ว และตำรวจคลองลึก จ.สระแก้ว สนธิกำลังร่วมกันออกทำการลาดตะเวณและสกัดกั้น ป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศ ของกลุ่มผู้ก่อเหตุวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ บริเวณทิศเหนือตลาดโรงเกลือ ห่างจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ประมาณ 3 กม.
ซึ่งเป็นจุดล่อแหลมไม่มีเขตแดนทางธรรมชาติกั้นแนวชายแดน ผู้ทำผิดกฎหมายและถูกออกหมายจับมักใช้เส้นทางดังกล่าวหลบหนีออกนอกประเทศไทย จนกระทั่งทหารลาดตะเวณมาตามถนนศรีเพ็ญ ซึ่งเป็นถนนเลียบแนวชายแดน มาถึงบริเวณป่าละเมาะริมชายแดน เขตพื้นที่บ้านดงงู ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
ได้ตรวจพบชายต้องสงสัยเดินสะพายกระเป๋าเป้สีดำ เดินผ่านป่าละเมาะมุ่งหน้าสู่เขตแดนกัมพูชา ทหารจึงนำกำลังเข้าปิดล้อมและสามารถสกัดจับไว้ได้ ทำให้ชายคนดังกล่าวไม่สามารถลักลอบข้ามตะเข็บชายแดนไปได้ เบื้องต้นพบว่าเป็นชายชาวต่างชาติใบหน้าและลักษณะคล้ายภาพสเก็ตผู้ต้องหาชาวต่างชาติ
ที่ลอบวางระเบิดแยกราชประสงค์ทำให้มีคนตายและบาดเจ็บจำนวนมาก และศาลได้ออกหมายจับตามภาพวงจรปิด จึงรีบรายงานให้ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพาทราบเป็นการด่วน จากการตรวจสอบพบว่าชายคนดังกล่าวมีใบหน้าและลักษณะคล้ายแขกขาว ซึ่งเป็นผู้ต้องหาวางระเบิดที่แยกราชประสงค์
จึงควบคุมตัวมาไว้ที่กองร้อยทหารพรานคลองลึก หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว พร้อมทั้งตรวจค้นภายในกระเป๋าเป้สีดำ พบว่ามีเสื้อผ้า และกางเกงขาสามส่วน ซึ่งลักษณะคล้ายกางเกงที่ผู้ต้องหาใส่ในวันก่อเหตุ จากนั้นผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ได้รายงานให้นายกรัฐมนตรี และ ผบ.ทบ.ทราบเป็นการด่วนทันที
พร้อมได้แจ้งประสานไปยังรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รีบนั่งเฮลิค็อปเตอร์ จากกรุงเทพฯ มารับตัวผู้ต้องหารายนี้ที่ค่ายทหาร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ไปสอบสวนต่อที่ กรุงเทพ ตอนนี้ยังไม่ทราบสัญชาติ และมีใบหน้าลักษณะคล้ายผู้ต้องหาวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ และศาลยังอนุมัติหมายจับ ผู้ร่วมขบวนการบึ้มราชประสงค์ และท่าน้ำสาทรเพิ่มอีก 3 ราย ตามภาพสเก๊ตช์ คือ
1.นายอาลิ โจลัน
2.นายอาฮ์เม็ท โบซองแลน
3.และชายชาวตุรกี ไม่ทราบชื่อ
ด้วยทหารและหน่วยความมั่นคงสืบทราบมาว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐลักลอบนำพาชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศ และได้รับการรับสารภาพจากชายต่างชาติคนแรกที่ถูกจับได้ที่หนองจอกว่าต้องจ่ายส่วยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง 18,000 บาท นายกฯ และหัวหน้า คสช. ได้เรียกบิ๊กอ็อดไปพบและสั่งให้ดำเนินการบางอย่าง
วันนี้มีคำสั่งย้ายนายตำรวจ 6 นายของด่าน ตม.สระแก้ว มาดูแสงสีเสียงในกรุงเทพก่อน ส่วนตำรวจ สน.หนอกจอก กับ มีนบุรี กรุงเทพฯ 5 นายก็ถูกย้ายมาปราบยุงลายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเช่นกัน เนื่องจากช่วงนี้ยุงลายไข้เลือดออกระบาดมาก ต้องการใช้กำลังพลพอสมควร
เอ่อ..บอกใบ้เป็นนัยๆ ตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่รู้อีกเหรอ ?? แต่เท่าที่สังเกตุดูตอนนี้อากาศที่ดูไบ กับทำเนียบไร้สี มีเมฆเป็นหย่อมๆ พายุเฮอริเคนตั้งเค้าม้วนตัว และสังเกตว่าห้างดังแถวลาดพร้าวที่ตั้งของโกหกทีวี อากาศร้อนอบอ้าวเป็นพิเศษ ไฟตัน น้ำมันช็อต เหงื่อกาฬแตกไหลย้อย ขี่เหยี่ยวไหลเป็นทางนองพื้นเหม็นไปหมด
ใครที่เป็นอัลไซเมอร์ ก็มีอาการความดันขึ้นอย่างฉุกเฉิน พาลลมใส่ลุกล้มแผละ , คนที่จะต้องจ่ายเงิน 7 ล้านบาท ก็มีอาการมือสั่นระริก (เพราะอยากยา) เสียงสั่นเครือ พูดตะกุกตะกัก , ด้านนางวันทองข้าวเน่าผู้รู้ตัวว่าหมดวาสนาจะออกนอกประเทศแล้ว แม้ตอร์ปิโดดำจะส่งหน่วยคุ้มกันลับมาให้
แต่มีมือดีส่งข่าวไปบอกแม่บ้านอีกฝากโลก จึงจิกสามีให้ต่อสายตรงเรียกตัวกลับทันทีไม่งั้นบ้านแตก หรือหัวแตก โถ..ใครมียาลม ยาดม ยาหม่อง มาช่วยกันเร๊ว..แต่ละสิ่งคล้ายคนเป็นอะไรกันไปหมดเลย จังงัง อ้าปากค้าง เจอลับ ลวง พลาง เบาะๆ รุกฆาตแค่เนี้ยะ ทำหน้าเหมือนขี้ไม่ออกมา 3 ปี
มามะ เสธ เป่าหัวให้..โอมเพี้ยง ปู๊ด..ขวัญเอ้ยขวัญมานะทุย..อย่าลืมส่งทนายแดง นปช.ไปประกันตัวชายต่างชาติล่ะ เอ่อน่ะ อ้างแถเป็นสนธิสนญาระหว่างประเทศมั่วๆ อะไรไปก็ได้เอาใจนายไว้ก่อน..ฮา !!
@ เสธ น้ำเงิน1
** หนังสือรวมเล่ม แฉ ความลับ ทุกตอน ติดตามได้ที่ร้านหนังสือ B2S ทุกสาขา , ส่งถึงบ้านคลิ๊กไปที่ http://www.lazada.co.th/books-online/rakchart-department หรือดูรายละเอียดคลิ๊กที่https://t.co/KxhM77h8oO

เบื้องหลังพิชิตคดี “ระเบิดราชประสงค์” สืบจาก “ฝักแคสีชมพู” โยงก่อการร้ายใต้?!


อาชญากรรม

เผยแพร่ : 1 ก.ย. 2558 11:57
ปรับปรุง : 1 ก.ย. 2558 13:29

เบื้องหลังพิชิตคดี “ระเบิดราชประสงค์” สืบจาก “ฝักแคสีชมพู” โยงก่อการร้ายใต้?!

โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการ

เผยเบื้องหลังความสำเร็จบุกถึงรังมือระเบิด ยกเครดิตให้ “สมบัติ มิลินทจินดา” ยอดนักสืบนครบาล แกะปมจากฝักแคชนวนระเบิดสีชมพู โยงคดีสมานเมตตาแมนชั่น ยันไปถึงเจาะไอร้อง บันนังสตา เหตุการณ์ก่อความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ไล่เบอร์โทร.กว่า 3 หมื่น-เจอแจ็กพอตพบการเคลื่อนไหวติดต่อกันหลังระเบิดกว่า 30 ครั้ง ไล่พิกัดจนพบรังโจรที่หนองจอก
เหตุการณ์ระเบิดบริเวณลานบรวงสรวงท่านท้าวมหาพรหม ใกล้สี่แยกราชประสงค์ เมื่อค่ำวันจันทร์ที่ 17 ส.ค. 2558 ที่ผ่านมาจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 20 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 100 คน สร้างความสะเทือนขวัญแก่คนไทยและชาวโลกเป็นอย่างยิ่ง หลังเกิดเหตุบรรดาอาสาสมัคร หน่วยแพทย์ฉุกเฉินต่างช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่มีการลำเลียงส่งตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่ว กทม.กว่า 10 แห่ง นับเป็นค่ำคืนแห่งความสับสนอลหม่าน พร้อมๆ กับความน่าสะพรึงกลัวและสลดหดหู่ต่อความสูญเสียของผู้บริสุทธิ์เป็นอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกัน ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.อัคเดช พิมลศรี ผบก.ป. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. และ พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. รีบเดินทางไปอำนวยการยังพื้นที่เกิดเหตุทันทีซึ่งในการรวบรวมหลักฐานต่างๆ พบลุกบอลแบริ่ง หรือลูกปืนสเตนเลสขนาด 0.5 ซม. สะเก็ดโลหะ ซากกระเป๋าเป้ และฝักแคชนวนระเบิดสีชมพู
ปฏิบัติการล่ามือระเบิดเริ่มจากวินาทีนั้น... โดยตลอดทั้งคืนมีการระดมฝ่ายสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และสันติบาล ออกหาเบาะแสของชายสวมเสื้อยืดสีเหลือง รูปร่างสูง ลักษณะคล้ายแขกขาว อายุระหว่าง 25-30 ปี ตามที่ปรากฏในกล้อง CCTV แต่ยังไม่ได้ผลอะไรเป็นที่น่าพอใจนัก ขณะเดียวกัน ฝ่ายเก็บรักษาวัตถุพยานจากแผนกเก็บกู้วัตถุระเบิด กองพลาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมเจ้าหน้าที่ทุกนายกว่าร้อยคนปูพรมเก็บหลักฐานทุกชนิดจนสว่างคาตา ก่อนมอบพื้นที่คืนให้แก่กรุงเทพมหานครเร่งทำความสะอาดเพื่อให้สภาพบ้านเมืองกลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
บ่ายวันที่ 18 ส.ค. หลังระเบิดลูกแรกสร้างความสูญเสียไปไม่ถึง 24 ชั่วโมง คนไทยทั้งประเทศต้องพากันผวาซ้ำเมื่อเกิดเหตุระเบิดเป็นลูกที่ 2 บริเวณท่าน้ำสาทร แต่ครั้งนี้ไม่มีใครได้รับอันตรายเนื่องจากระเบิดเกิดขึ้นใต้ผิวน้ำเจ้าพระยา มีเพียงเสียงดังและแรงอัดส่งให้น้ำพุ่งกระจายสูงกว่า 10 เมตร หลังจากนั้นไม่นานนักหลังจากเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบก็พบว่าเป็นระเบิดชนิดเดียวกับลูกแรกที่แยกราชประสงค์
การทำงานของเจ้าหน้าที่ดำเนินต่อไปอย่างเงียบๆ โดยเฉพาะชุดของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่จับประเด็นจากของกลางที่พบในบริเวณศาลท่านท้าวมหาพรหม ของกลางที่ว่า คือ ตะกั่วลูกปืนขนาดครึ่งเซนติิเมตร หรือที่เรียกกันว่า “ลูกบอลแบริ่ง” โดยปกติแล้วไม่เคยพบว่าเคยถูกนำมาใช้ในประเทศไทยมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการลอบวางระเบิดแสวงเครื่องใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือกรณีสมานเมตตาแมนชั่น เมื่อปี 2553 ซึ่งในครั้งนั้น พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล มีตำแหน่งเป็น ผบช.ภ.1 เป็นผู้ควบคุมคดีนี้ก็ไม่พบว่ามีการนำลูกบอลแบริ่งมาเป็นสะเก็ดสังหาร แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ “ฝักแค” หรือ “สายจุดชนวนระเบิดสีชมพู” ซึ่งมีคุณสมบัติดีเยี่ยม ไม่ชื้น ไม่ด้าน หวังผลได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และพบว่ากลุ่มคนร้ายมักใช้สร้างสถานการณ์ในจังหวัดภาคใต้อยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่เจาะไอร้อง บันนังสตา ปัตตานี นราธิวาส สำคัญที่สุดฝักแคชนิดและสีเดียวกันนี้ยังพบจากเหตุระเบิดสมานเมตตาแมนชั่นอีกด้วย
ชุดสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น.จึงเริ่มจับทางออกหาข่าวทุกชิ้นที่เกี่ยวกับขบวนการก่อการร้ายภาคใต้ ในส่วน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.ได้ประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ กอ.รมน. และฝ่ายทหาร พร้อมกับตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ตามพิกัดราว 3 หมื่นหมายเลขที่มีการติดต่อกันหลังเวลา 18.55 น.ของวันที่ 17 ส.ค. 2558 หรือช่วงเวลาหลังเกิดเหตุระเบิดนั่นเอง
จาก “ฝักแคสีชมพู” อันเป็นสายจุดชนวนระเบิดที่ใช้เฉพาะมืออาชีพ และเป็นเครื่องยุทธภัณฑ์ห้ามมีไว้ในครอบครองมาตั้งแต่เหตุการณ์ไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้จุดประกายทีมสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลให้แจ่มชัดเดินมาจนถูกทาง เมื่อผลการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ผู้เกี่ยวข้องจากหลายหมื่นเลขหมาย ลดมาเรื่อยๆ จนถึงหลักพัน หลักร้อย... 
จนที่สุดได้พบกลุ่มเบอร์ “ผู้ต้องสงสัย” ที่มีการติดต่อกันหลังเหตุระเบิดกว่า 30 ครั้ง การสืบค้นอย่างเงียบเชียบไม่กระโตกกระตากแม้แต่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง ก็ยังไม่ระแคะระคาย
โดยเฉพาะ “ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ถึงกับออกอาการไปไม่เป็น ให้สัมภาษณ์นักข่าวแบบหมดหนทางต้องใช้เรื่องดวง จนถึงขั้นอาจจะไปบนท่านท้าวมหาพรหมที่ศาลเอราวัณ
เช้าวันที่ 29 ส.ค.ขณะที่ข่าวคืบหน้าการลอบวางระเบิด 20 ศพ สี่แยกราชประสงค์ ยังวนเวียนอยู่ในอ่าง ทั้งประเด็นกลุ่มคนร้าย และข้อถกเถียงว่าเป็นการก่อวินาศกรรมจริงหรือไม่ อีกทางหนึ่งทีมสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลทุ่มกำลังนักสืบทั้งหมดลงหาข่าวในชุมชนมุสลิม ทั้งย่านบางกอกน้อย ฝั่งธนบุรี และฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร คือ ย่านมีนบุรี หนองจอกข้อมูลจากการลงพื้นที่ และจากการตรวจสอบพิกัดการใช้โทรศัพท์ เมื่อนำมาวิเคราะห์อีกครั้งก็พบว่าจุดใหญ่น่าสนใจที่สุดก็คือ ย่านมีนบุรี หนองจอก 
กระทั่งนาทีทองที่เฝ้ารอก็มาถึง เมื่อมีการติดต่อทางโทรศัพท์ของกลุ่มผู้ต้องสงสัยอีกครั้ง จึงทราบว่าจุดน่าสงสัยดังกล่าวก็คือ “พูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์” ตั้งอยู่เลขที่ 134/5 ปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. และกำลังนอกเครื่องแบบกว่า 50 นาย ผสานกำลังทหารจากกรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ รวมทั้งชุดเก็บกู้ระเบิด รีบเดินทางไปปิดล้อมพื้นที่เป้าหมายเพื่อตรวจค้นจับกุมในทันที
ปฏิบัติการดังกล่าว เจ้าหน้าที่สามารถควคุมตัว นายอาเด็ม คาราดัก ผู้ต้องสงสัยไว้ได้ พร้อมยึดของกลางอันเป็นยุทธภัณฑ์สำหรับผลิตระเบิดมากมาย เช่น (1. เสื้อเชิ้ตตรวจพบสารระเบิดกลุ่ม 1 คือ TNT และ C-4 (2. เสื้อละหมาด พบสารเกี่ยวกับการประกอบระเบิดกลุ่ม 3 คือ ยูเรีย 3. ลูกเหล็กบอลแบริ่ง ขนาดครึ่ง ซม.บรรจุถุงพลาสติกเป็นแพกแบน (4. ถ่านไฟฉายชนิดกลมและแบน (5. สายไฟ หัวเชื่อมโลหะ เทปพันสายไฟ (6. ไขควง กรรไกร (7. เคมีบางชนิดบรรจุถังแกลลอน จำนวน 3 ถัง (8. กล่องกระดาษบรรจุเคมีภัณฑ์โซเดียมคาร์บอร์เนต (โซดา แอช) (9. ท่อเหล็กดราฟท์เกลียว 2 ด้านหัวท้ายขนาดต่างๆ (10. ผ้าเย็บสำหรับพันรอบเอว ติดตีนตุ๊กแกแบบระเบิดพลีชีพ (11. สายชนวนฝักแคสีชมพู ยาว 8 ซม.จำนวน 10 เส้น
ผลการจับกุมครั้งนี้แม้จะมีข้อสังเกต และข้อห่วงใยบางประการ แต่พยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งความโยงใยของกลุ่มคนร้ายเมื่อเรียบเรียงลำดับขั้นตอนต่างๆ สามารถลบล้าง “ข้อสงสัยต่างๆ” แทบหมดสิ้น แต่ที่ยังค้างคาใจกันอยู่ก็คงตกลงว่าเหตุการณ์ระเบิดครั้งร้ายแรงในประวัติศาสตร์ของกรุงเทพมหานคร หรือประเทศไทย นั้นเป็นฝีมือของกลุ่มการร้าย “Grey Wolves” ของตุรกีหรือไม่ แม้แนวโน้มจะส่อไปทางนั้นอีกทั้งหมายจับ น.ส.วรรณา สวนสันต์ หรือไมซาเลาะห์ อายุ 26 ปี สาวพังงา ผู้ทำสัญญาเช่าอพาร์ตเมนต์ย่านหนองจอก ซึ่งทราบต่อมาว่าแต่งงานกับชาวตุรกี และได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว โดยปัจจุบันเธอตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีลอบวางระเบิด
ไม่ว่าผลการสอบสวนจะเป็นอย่างไร นายอาเด็ม คาราดัก ผู้ต้องหาเพียงคนเดียวจะให้การเช่นไร รับสารภาพหรือฏิเสธ ความชัดเจนอย่างหนึ่งที่มองเห็นก็คือ นี่คือการก่อวินาศกรรมจากขบวนการก่อการร้าย แต่จะเป็นประเด็นความแค้นจากอุยกูร์ หรือเรื่องอื่น แม้ทางการไทยจะทราบกันอย่างดีแต่ในฐานะประชาชนผู้เสพข่าวสาร หากยังต้องการอยากทราบข้อเท็จจริงวิธีเดียวก็คือ ติดตามอย่างใกล้ชิดจากสื่อหลักทุกสื่อ สุดท้ายก็คือนำข้อมูลต่างๆ มาประมวล บางทีเบื้องหลังความสำเร็จของคดีนี้ที่มาจากฝักแคระเบิดสีชมพู อาจจะทำให้เราท่านสั่นสะท้านมากกว่าขบวนการก่อการร้ายข้ามชาติเสียอีก
ฝักแคชนวนระเบิดสีชมพู
ฝักแคชนวนระเบิดสีชมพู

ตำรวจ ออกหมายจับ อีก2 คน เป็นหญิง1ชาย1 หลังตรวจค้น อพาร์ทเม้นท์ แถวมีนบุรี

(31ส.ค.58)ำรวจ ออกหมายจับ อีก2 คน เป็นหญิง1ชาย1 หลังตรวจค้น อพาร์ทเม้นท์ แถวมีนบุรี วานนี้ พบวัตถุระเบิด และรถบังคับวิทยุ ระยะไกล แจกจ่ายภาพทั่ว เตือนเจ้าของพอหัก อพาร์ทเม้นท์ เป็นหูเป็นตา
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงในนามศูนย์ติดตามสถานการณ์ คสช.ว่า ความคืบหน้าคดีระเบิดในพื้นที่กทม. เมื่อวันที่ 17-18 ส.ค.ที่ผ่านมา มีความคืบหน้าจากการขยายผลจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย และสามารถสืบทราบได้ว่าที่พักของผู้ต้องหามีเครือข่ายหรือความเกี่ยวเนื่องอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ชื่อ ไมมูนา การ์เด้น จึงได้มีการสนธิกำลังระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเข้าตรวจค้นเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา
จนค้นพบอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในการประกอบระเบิด ดังนี้ 1.ดินดำ ที่เป็นดินที่ใช้ประกอบและขยายแรงระเบิด 2.ปุ๋ยยูเรีย ซึ่งสามารถนำมาประกอบเป็นดินระเบิดได้ถ้ามีการผสม 3.รถบังคับวิทยุ พร้อมรีโมทคอนโทรลในการบังคับวิทยุ โดยสามารถใช้เป็นตัวจุดชนวนระยะไกล 4.น็อตทั้งตัวผู้และตัวเมีย ที่อาจจะใช้แทนสะเก็ดวัตถุระเบิด 5.หลอดไฟขนาดเล็ก ที่อาจใช้แทนเป็นเชื้อปะทุไฟฟ้าได้ 6.นาฬิกาดิจิตอลและนาฬิกาตั้งเวลา เพื่อใช้ในการกดเวลา
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวต่อว่า ขณะกำลังตรวจคันเจ้าของห้องไม่อยู่ จึงได้มีการสอบสวนและขยายผลเพื่อขอศาลออกหมายจับผู้ที่เป็นผู้เช่าห้องพักคนที่ 1 คือน.ส.วรรณา สวนสัน อายุ 26 ปี และมีผู้อาศัยอยู่ในห้องเป็นชายที่ยังไม่ปรากฏสัญชาติตามภาพสเก็ตช์ 1 คน
ศูนย์ติดตามสถานการณ์ของคสช.ขอความกรุณาชี้แจงไปยังผู้ที่ครอบครอง โดยเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ หอพักหรือบ้านเช่า ที่มีผู้อยู่อาศัยเป็นชาวต่างชาติ ที่มีลักษณะคล้ายกับกลุ่มชาวต่างชาติดังกล่าวให้กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่โดยด่วน เพราะกลุ่มบุคคลเหล่านี้อาจมีวัตถุที่อาจเกิดอันตรายแก่หอพักและผู้ที่อยู่ร่วมอาศัย พร้อมทั้งช่วยบันทึกข้อมูลสำรองของกล้องซีซีทีวีนั้นไว้อย่าให้ถูกลบ เพื่อใช้ในการสอบสวนต่อไป
— กับ Wassana Nanuam

นายกฯ เผย ผู้ต้องหาที่ถูกจับ มีส่วนเชื่อมโยง ขบวนการลักลอบนำ"อุยกูร์"เข้า-ออกเมืองผิดกม.


Wassana Nanuam

(31ส.ค.58)นายกฯ เผย ผู้ต้องหาที่ถูกจับ มีส่วนเชื่อมโยง ขบวนการลักลอบนำ"อุยกูร์"เข้า-ออกเมืองผิดกม. ยันต้องมองทั้งเรื่องภายในประเทศ ลักลอบเข้าเมืองผิดกม. เผยทำพาสปอร์ตซ่อนตัวรอเวลาออกนอกประเทศ มีผู้ได้ประโยชน์ เชื่อทำเป็นขบวนการ มีคนไทยร่วมด้วย ยัน"ต้องหาว่าใครเป็นผู้บงการ เป็นการทำเองหรือทำโดยเรื่องที่กว้างกว่าเรื่องภายในประเทศ การประเมินในเรื่องความมั่นคง เป็นเรื่องที่อันตราย" ห่วงเริ่องอาวุธสงคราม ระเบิด ระบุผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ยังไม่ได้มีการพิสูจน์สัญชาติว่าเป็นคนสัญชาติใด แต่หนังสือเดินทางระบุว่าเป็นชาวตุรกี แต่ไม่รู้เป็นของแท้หรือปลอม ขอปชช. เจ้าของห้องพัก แจ้งเบาะแส"อย่าไปกลัวเพราะเราจะมีการปกป้องพยาน"แนะสื่อระมัดระวังการถ่ายและเผยแพร่ภาพพยาน เพราะจะเป็นอันตรายได้ คุมเข้มบ้านเช่า ห้องเช่า ต้องมีหลักฐานผู้เข้าอยู่ แนะสื่อปรับมาตรฐานการทำงานอย่าหวังแต่ได้ข่าวไม่สนกระทบพยานหลักฐาน บอก คุยผลงาน ตร.-ทหาร ทำงานคืบ /“ผบ.ตร.” รุดรายงานทำเนียบฯ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคดีวางระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ว่า
ก็มีความคืบหน้า ไม่ได้คืบหลัง มีการหาความเชื่อมโยงได้มากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบด้วยคนหลายกลุ่มหลายฝ่าย แต่ทั้งหมดต้องใช้การสืบสวนสอบสวนหาหลักฐานที่เป็นพยานบุคคล กับวัตถุพยาน
" ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่าเพิ่งไปลงความเห็นว่า เป็นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมันมีคนหลายกลุ่มด้วยกันที่เข้าไปเกี่ยวข้องตรงนี้ ฉะนั้นต้องหาใครบ้างเป็นคนบงการหรือทำเอง หรือทำเรื่องที่มันกว้างกว่าในประเทศทำนองนี้ มันต้องเอาทุกอย่างมา"
“อย่าเพิ่งไปสรุป การประเมินนี่ประเมินนู่น ในเรื่องที่เป็นเรื่องของความมั่นคง มันค่อนข้างจะอันตราย เรื่องนี้เราต้องทำให้ยุติ ปัญหาคืออยากให้ทุกคนแสดงให้เห็นว่ายังมีคนเหล่านี้อยู่ในประเทศไทย มีการจัดหาระเบิด จัดหาหาอะไรได้ในประเทศไทย นี่คือสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ เรื่องนี้มากกว่ามันจะได้ไม่เกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามแนวชายแดน เจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ เขาก็ดูแล
แต่อย่าลืมว่าคนเหล่านี้จะไม่เข้าช่องทาง จะข้ามไป ข้ามมานอกช่องทาง ตรงนี้จะทำอย่างไรต้องหาวิธีการ และผมเห็นว่าในพื้นที่กรุงเทพฯ ต้องเช็คการเช่าห้อง บางทีเช่ามาไม่รู้ใคร ถามว่ามีประวัติหรือไม่ ก็ไม่มี คือง่ายๆ เจ้าของสถานที่ก็โอเค เอา ซึ่งปกติแล้วที่ไหนก็ตาม ถ้ามีเรื่องขึ้นมา เขาเช็คได้หมด แต่นี่ถามมีแต่ชื่อ บัตรประชาชนก็ไม่มี อะไรก็ไม่มี ต้องเริ่มจากตรงนี้ เจ้าของกิจการบ้านเช่า อะไรต่างๆก็แล้วแต่ ต้องมีที่ไปที่มา และเรื่องการทำผิดกฎหมาย ถ้าใครรู้ อย่าไปคิดว่ากลัว ขอให้แจ้งมาเดี๋ยวเรามีวิธีการปกป้องพยานอยู่แล้ว”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันสื่อมวลชน เวลาถ่ายภาพอย่าไปถ่ายพยาน เพราะถ้าถ่ายกันมากๆ พยานเขาก็กลัววันหน้าใครจะไปดูแลเขา ฉะนั้นต้องระมัดระวังการถ่ายรูปเผยแพร่ในสื่อ ไม่ว่าจะเป็น คนขับรถอะไรต่างๆ มันอันตรายกับเขาทั้งนั้น
ที่สำคัญเจ้าหน้าที่บางคน ไม่เข้าใจอีก ซึ่งผมได้ย้ำไปแล้วทั้งทางตำรวจและทหาร และการทำงานครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันของรัฐบาล โดยทหารและตำรวจ ซึ่งทหารจะทำคนเดียวไม่ได้ ทหารเข้าได้เพราะมีมาตรา 44 แต่เรื่องความรู้ทางกฎหมายต้องใช้ตำรวจ จึงต้องไปด้วยกัน เขาอาจจะแบ่งเป้าหมายก่อนในระยะแรก แต่ลงการบันทึกไปได้น้อย แยกกันไป
"เมื่อมีมาตรา 44 พอเริ่มเกิดเหตุก็พอปะทะเจอ ก็มารวมกัน สอบสวนต่อ ไม่ใช่ตำรวจสอบไม่ได้ ทหารสอบได้ ไม่ใช่ ต้องให้เครดิตเขา "
วันนี้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายบ้านเมือง ทั้งหมดช่วยกันจนได้คำตอบ นี่คือสิ่งที่เขาทำกันมาตลอดในช่วง 10 วันที่ผ่านมา เดี๋ยวมันจะรู้ชัดขึ้น ใจเย็นๆ รอให้เจ้าหน้าที่มีหลักฐานเพิ่มเติมก่อนอีกสักนิด
ข้อสำคัญอย่าให้มันเกิดขึ้นอีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งการสะสมอาวุธสงคราม ท่านก็วิเคราะห์ วิจารณ์กันไปเรื่อย ปีก่อนโน้นเกิดตรงนี้ ตรงนั้น ถ้ามันไม่ใช่ขึ้นมา แนวทางการสืบสวนสอบสวนเขวไปเหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ที่ถูกออกหมายจับเพิ่ม 2 รายเกี่ยวข้องกับคดีอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เป็นบุคคลที่พบภาพในกล้องและพิสูจน์ได้ว่าน่าจะเกี่ยวข้อง เพราะในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ระเบิดเขาอยู่ตรงนั้น ซึ่งเหมือนกับคราวที่แล้ว ไม่รู้จักชื่อ ไม่รู้อะไร แต่มีรูปในกล้องก็ออกหมายจับไปก่อนเดี๋ยวก็หาเจอเอง สมมุติคุณจำเขาไม่ได้ เพราะไม่เคยรู้จักเขา แต่บางคนหน้าตาคล้ายๆ ถึงจะเปลี่ยนหน้า เปลี่ยนใส่แว่น แต่เพื่อนก็จำได้ เดินขากระโผลกกระเผลกจำได้หมด เดี๋ยวก็มา
เมื่อถามว่าผู้ต้องสงสัยคนแรกที่จับได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการลักลอบขนส่งชาวอุยกูร์หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็มีส่วน คือมันมีส่วนทั้งหมดนั่นแหล่ะ 1.ภายในของเรา 2.อาจเกี่ยวข้องกับกระบวนการลักลอบขนคนอะไรหรือเปล่า ฉะนั้นอย่าลืมว่าสิ่งที่เราไม่อยากให้บ้านเมืองเป็นจุดพักหรือจุดผ่านในการอพยพ คนต่างๆ ที่ไม่ปกติ ที่เขาเรียกว่าการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานโดยไม่ปกติ มันต้องมีคนได้ประโยชน์ และต้องมีกระบวนการในการทำพาสปอร์ต และเข้ามาซุ่มซ่อนรอเวลาที่เหมาะสม แล้วออกนอกประเทศ ดังนั้นตรงนี้ก็เป็นสาเหตุได้เหมือนกัน หากมีความขัดแย้งกัน หรือมีความเข้มงวดจากเจ้าหน้าที่มันก็มีหมด
เมื่อถามว่าตกลงต้องสงสัยคนแรกที่จับได้สามารถพิสูจน์สัญชาติได้หรือยัง นายกฯ กล่าวอย่างอารมณ์ดี ว่า ตกลงยัง ไม่ตกลง จะให้ตกลงอะไร เขากำลังพิสูจน์อยู่ ในบัตรประชาชนระบุเป็นชาวตุรกี ซึ่งต้องตรวจสอบว่าพาสปอร์ตนั้นแท้หรือไม่แท้ ปลอมหรือเปล่า ถ้าปลอมก็ต้องหากระบวนการทำพาสปอร์ตปลอม ฉะนั้นต้องสอบต่อหมด จะหยุดเฉยๆไม่ได้ ไม่ใช่ได้ตัวมาแล้วเลิก ต้องมีกระบวนการมาตรการป้องกัน เฝ้าระวัง บ้านเช่า ต้องไล่หมด การรั่วไหลของระเบิด ซีโฟร์ ทีเอ็นที เชื้อประทุไฟฟ้า โรงโม่หินต่างๆ ต้องไล่หมด
เมื่อถามว่าผู้ต้องสงสัยที่จับได้นั้นพูดภาษาอะไร นายกฯ กล่าวแบบมีอารมณ์ขัน ว่า แหม่ ผมไม่ได้อยู่กับเขาเลยนะ ต้องถามตำรวจ แต่หน้าไม่ใช่คนไทย แต่วันนี้คนหน้าแบบนี้พูดไทยเก่งกว่าพวกสื่ออีก บางคนพูดไทยได้เยอะ ตอนผมไปต่างประเทศบางคนพูดไทยชัดแจ๋ว ยังสงสัยว่าเป็นคนไทยหรือเปล่า ที่ฟิลิปปินส์บางคนพูดไทยชัดแจ๋ว พูดชัดกว่าคนไทยอีก
เมื่อถามว่าการสอบสวนผู้ต้องสงสัยคนแรกนั้นได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็มีประโยชน์ถึงได้นำไปสู่คนอื่นได้อีกนี่ไง อย่างน้อยมาจากที่ไหน เดินทางมายังไง ไปเจอกับใคร ตรงไหน ก็ตามไปเรื่อยๆ กล้องซีซีทีวีก็มีอยู่
เมื่อถามว่าสามารถชี้ชัดว่าเป็นมือวางระเบิดได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังชี้ไม่ได้ ต้องพิสูจน์ต่อไป ลักษณะการทำแบบนี้ไม่ใช่คนๆเดียว ต้องมีขบวนการนำพาระเบิดมาวาง มีคนจุด มีอะไรหรือเปล่า คนเดียวจะเดินทะเล่อทะล่า ถือของมาหมดได้อย่างไร และจะไปหามาจากไหน มันต้องมีหลายคน และต้องมีคนไทยด้วยหรือไม่ หรือไม่มีเลย โถ่... จะต้องให้ตนรู้คนเดียว ทุกเรื่องเลยหรืออย่างไร ตั้งแต่เรือรบยันเรือดำน้ำ รู้คนเดียวก็เก่ง
เมื่อถามว่าแนวทางการติดตามจับกุมตัวมาจากอะไร นายกฯ กล่าวว่า จากกล้อง โดยใช้กล้องตามไปเรื่อยๆ ไปหยุดอยู่ตรงไหน ก็แสดงว่าอยู่แถวนั้นก็ต้องไปสอบหาจากผู้คนแถวนั้น และบ้านเช่าอะไรต่างๆ เป็นหลักการในการสอบสวนอยู่แล้ว
นายกฯ กล่าวว่า เหตุระเบิดนี้ เจ้าหน้าที่เขาทำตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ โดยมีศูนย์ติดตามสถานการณ์ ที่ให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ดูแลและรายงานให้ตนทราบมาโดยตลอด ตำรวจทั้งหมดที่เป็นคณะทำงานช่วยกันหมด
วันนี้อยากให้สื่อช่วยกันปรับมาตรฐานในการทำงานเหล่านี้ใหม่หน่อย เวลามีเหตุการณ์เกิดขึ้น ปัญหาสำคัญคือหลักฐานวัตถุพยานอย่าทำให้เกิดความเสียหายสูญหาย เพราะอยากได้ข่าวฉะนั้นต้องมีการป้องกันจะเห็นได้ว่า เวลาต่างประเทศมีเรื่องคนสัมภาษณ์จะอยู่ไกลๆ หันหลังให้ ขณะที่บ้านเราหันหน้าเข้าแทบจะชนวัตถุพยาน วันนี้ต้องขอเถอะ ไม่เช่นนั้นมันคลาดเคลื่อนมีปัญหา อย่าไปทะเลอะกับตำรวจนะ เขาต้องกันพื้นที่
ทั้งนึ้ ในช่วงบ่าย ภายหลังให้สัมภาษณ์นายกฯ ได้ขึ้นไปยังตึกไทยคู้ฟ้า โดยมีพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.เดินทาเข้าพบ ในเวลา 15.30น. เพื่อรายงานความคืบหน้าการติดตามคดี

เบอร์1 กลาโหม....นายกฯบอก ไม่ใช่ ขี้ไก่ ไม่ใช่กรุนะ

Wassana Nanuam 



เบอร์1 กลาโหม....นายกฯบอก ไม่ใช่ ขี้ไก่ ไม่ใช่กรุนะเอ้อ !! เผยน้องชายรู้ตัวนานแล้ว ว่าจะอยู่ตรงไหน
บิ๊กติ๊ก พลเอกปรีชา จันทร์โอชา ผช.ผบ.ทบ. น้องชายนายกฯ ออกงาน เป็นตัวแทน ผบ.ทบ. ประธานงาน 111ปี วันสถาปนากรมยุทธโยธาธิการทบ. หลังมีโปรดเกล้าฯเป็นปลัดกลาโหม แต่งดให้สัมภาษณ์สื่อ บิ๊กติ๊ก เปรย "ไม่พูดแล้ว พูดอย่าง ลงอีกอย่าง" ไว้รอรับตำแหน่งปลัดกลาโหม ก่อน ตอนนี้ ยังไม่เหมาะสมที่จะพูด".....ใครไปทำอะไร บิ๊กติ๊ก หว่า..?
วานนึ้ พลเอกประยุทธ์ นายกฯ พูดถึงน้องชายว่า "เขาก็รู้สถานะเขาอยู่ เขาก็รู้ว่าเขาควรอยู่ตรงไหน รู้มาตั้งนานแล้ว สื่อก็ชอบไปยุแยงให้มันเป็นแบบนี้แบบนั้น
"ผมก็เคยบอกแล้วไงว่ามันมีเรื่องความอาวุโส ความเหมาะสม เพราะธีรชัยเขาเป็นรุ่นพี่เขาเป็นพลโทมาก่อน แล้วจะเอาข้างหลังมาแซงหน้ามากๆ ได้หรือไม่ ผมถามว่าวันนี้ใครมาเป็นมันจะต่างกันตรงไหน
"แล้วการเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมมันขี้ไก่มากหรือไง มาบอกว่าเป็นตำแหน่งใส่กรุ สมัยก่อนตำแหน่งพลเอกพลโทเขาได้เป็นกันไหมเล่า กว่าจะนายพลนี่ยากจะตายวันนี้เขาเป็นถึงระดับพลเอกมาบอกเขาจะขึ้นกรุ ไอ้ความภูมิใจมันก็หายไป มันก็เลยอยากจะแย่งกันเป็นโน่นเป็นนี่กันหมด นี่เขามีไว้เป็นเกียรติยศเกียรติศักดิ์ความพอใจของตัวเองที่มีอยู่ ได้ดูแลครอบครัว นี่ก็ไปทำลายเขาว่าถูกปลดถูกอะไร ถูกจับใส่กรุ มันกรุตรงไหนวะ กรุอะไรกันนักกรุพระหรือ
"กระทรวงกลาโหมไม่ใช่กรุพระสักหน่อย กรุสมบัติก็ไม่ใช่ เขาก็ปกครองคนของเขา สัญลักษณ์ของกระทรวงกลาโหมก็ครอบอยู่บนหัวของทุกเหล่าทัพ เพียงแต่ว่าเหล่าทัพบกมีอาวุธมากหน่อยก็นั้นเอง"
— กับ Wassana Nanuam

ครม.ตั้ง เลขาฯสมช.- ผอ.ข่าวกรอง คนใหม่


ครม.ตั้ง เลขาฯสมช.- ผอ.ข่าวกรอง คนใหม่
พลตรีวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกรัฐบาล แถลงว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติ ตั้ง "พลเอกทวีป เนตรนิยม" เป็น เลขาฯสมช. คนใหม่
โดย ปัจจุบัน พลเอกทวีป เป็น ผบ.หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา บก.กองทัพไทย และจะขยับเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักปลัดกห. หลัง 1 ตค. นี้ ตามบัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ใหม่
นอกจากนี้ ครม.ยัง ตั้ง รอง ผอ.สขช. นาย "เชิดศักดิ์ สันติวรวุฒิ" ขึ้น เป็นผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (ผอ.สขช.)คนใหม่
— กับ Wassana Nanuam

"ผมได้ประโยชน์อะไร วะ"....นายกฯถาม

Wassana Nanuam


"ผมได้ประโยชน์อะไร วะ"....นายกฯถาม
นายกฯ ประยุทธ์ ยันต้องอยู่ในบทบาทที่เหมาะสมของผม เรื่องร่างรธน.ไม่อยากนำไปสู่ความขัดแย้ง ยัน เบื่อพวกบอก รธน.ผ่าน /ไม่ผ่าน คสช.ก็ได้ประโยชน์ ระบุ คณะกรรมขับเคลื่อนฯ(คปป)
เกิดได้ก็เกิดไป เพราะถ้ามันติดล้อค เลือกตั้งไม่ได้ ลาออกก็ไม่ลาออก จะทำยังไง ที่มีนี่ ไม่ใช่จะให้รัฐบาลนี้อยู่ต่อระบุ ถ้ารัฐบาลใหม่ บอกว่าจะปฏิรูปแน่นอน แต่ปฏิรูปอะไร ก็ไม่บอก บางทีคงยังไม่รู้เลย ว่าปฏิรูปอะไรแล้วมีพวกที่พูดว่า ไม่ว่าจะรธน.จะผ่านหรือไม่ผ่าน คสช.ก็ได้ประโยชน์ มันประโยชน์อะไร ผมไม่มีผลประโยชน์แน่ อำนาจก็ไม่อยากได้ แต่ที่เข้ามา เพราะประชาขนเดือดร้อน ผมก็เข้ามาไงล่ะ
"เรื่อง คปป.นี่ ผมได้ประโยชน์ตรงไหนวะ อำนาจไม่ได้ทับซ้อน จะมีอำนาจ เมื่อต่องแก้ความรุนแรง เท่านั้น รับได้มั่ย รัฐบาลหน้า จะทำตามสัญญาได้มั่ย ถ้า เลือกตั้งได้ก็เลือกไป ถ้าไม่ตีกัน หรือ มีระเบิดโครมๆ ตาย เจ็บ ด็จำเป็นต้องมาดูแล"
“นายกฯ” ย้ำ ที่ประชุมครม. เรื่องร่างรธน. ขอให้รบ.อยู่บทบาทที่เหมาะสม เพราะมีมีคนเห็นด้วยไม่เห็นด้วย ขออย่าเอามาสร้างความขัดแย้งกันอีก แบไต๋ หนุน คปป. แจงจำเป็นต้องมี เพื่อแก้วิกฤตประเทศติดล็อก สานต่อปรองดอง-ปฏิรูป ป้องกันปฏิวัติอีก ย้ำ ไม่มีอำนาจซ้อนรัฐบาล เบื่อพวกบอก รธน.ผ่าน /ไม่ผ่าน คสช.ก็ได้ประโยชน์ ระบุ คณะกรรมขับเคลื่อนฯ(คปป)ยันเกิดได้ก็เกิดไป เพราะถ้ามันติดล้อค เลือกตั้งไม่ได้ ลาออกก็ไม่ลาออก จะทำยังไง ที่มีนี่ ไม่ใช่จะให้รัฐบาลนี้อยู่ต่อ
ระบุ ถ้ารัฐบาลใหม่ บอกว่าจะปฏิรูปแน่นอน แต่ปฏิรูปอะไร ก็ไม่บอก บางทีคงยังไม่รู้เลย ว่าปฏิรูปอะไร ถาใเรื่อง คปป.นี่ ผมได้ประโยชน์ตรงไหนวะ อำนาจไม่ได้ทับซ้อน จะมีอำนาจ เมื่อต่องแก้ความรุนแรง เท่านั้น รับได้มั่ย รัฐบาลหน้า จะทำตามสัญญาได้มั่ย ถ้า เลือกตั้งได้ก็เลือกไป ถ้าไม่ตีกัน หรือ มีระเบิดโครมๆ ตาย เจ็บ ด็จำเป็นต่องมาดูแล"

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ได้ชี้แจงที่ประชุมครม. เกี่ยวกับเรื่องร่างรัฐธรรมนูญว่าตนและรัฐบาลต้องอบู่ในบทบาที่เหมาะสม เพราะมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ไม่ใช่เอาเป็นความขัดแย้งแล้วมาต่อต้านกันอีก เพราะส่วนหนึ่งต้องการประชาธิปไตย 100เปอร์เซ็น ส่วนอีกพวกต้องการให้มีมาตรการแก้ไขปัญหา เพราะความขัดแย้งเกิดมา 8 ปี มีการประท้วงมา 700 กว่าวัน
และก่อนวันที่ 22 พ.ค.มีความรุนแรง มีคนตาย บาดเจ็บ แต่ถ้ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหลังจากนี้มีปัญหาเจอการประท้วง แก้ปัญหาไม่ได้ เลือกตั้งไม่ได้ จะทำอย่างไรนี่คือส่วนหนึ่งของเหตุผลที่มีความจำเป็นต้องมีอะไรเข้ามากำกับดูแลเรื่องเช่นนี้ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ(คปป.) ถ้ามีได้ก็มีไป แต่ถ้ามีไม่ได้แล้วเกิดสถานการณ์ที่ประเทศติดล็อกเดินหน้าไม่ได้ รัฐบาลใช้จ่ายงบประมาณไม่ได้ ลาออกก็ไม่ลาออกอย่างที่ผ่านมา จะทำอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญจึงต้องกำหนดกติกาขึ้นมา

“ผมไม่ได้หมายความว่าเขาจะให้รัฐบาลต้องอยู่ต่อหรือไม่อยู่ต่อไม่มันเกี่ยวกับผม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชามติผมจะไปชี้ชัดอะไรมากไม่ได้ เพราะมอบหมายความรับผิดชอบให้เขาไปแล้ว ผมมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย เดินหน้าประเทศวางพื้นฐานประเทศและคิดว่าจะปฏิรูปประเทศอย่างไรในระยะยาว ซึ่งถ้าเลือกตั้งแล้วมั่นใจว่าไม่มีปัญหาก็ทำไป แต่ถ้าไม่ไว้ใจก็รับฟังข้อเสนอมา”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การสร้างความเข้มแข็งเชิงโครงสร้างให้กับประเทศ ต้องทำต่อในช่วงของการปฏิรูปหากรัฐบาลใหม่รับรองว่าจะทำการปฏิรูป แต่เวลานี้ตนกลับยังไม่ได้ยินใครพูดเรื่องการปฏิรูป และเขายังไม่รู้เลยว่าการปฏิรูปคืออะไร

สื่อมวลชนต้องไปถามว่าถ้าจะอาสาสมัครมาดูแลประชาชนต้องพูดว่าจะปฏิรูปอย่างไรมีแผนหรือไม่ และสิ่งที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ทำวันนี้มีแผนการทั้งหมด แต่ไม่ได้เขียนกรอบระยะเวลา ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลหน้าต้องไปทำแผนมา ไม่ใช่ตน และถ้ามีคปป.ก็มีหน้าที่จะดูว่าการปฏิรูปนั้นว่าเป็นไปตามแผนหรือไม่ และประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าพึงพอใจหรือไม่ มิเช่นนั้นจะไม่มีการประเมิน หากทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมปรัฐบาลหน้าต้องมาสายงานต่อที่ตนได้ทำไว้ ซึ่งอยู่ที่ว่าวันนี้เราได้กำหนดกฎเกณฑ์อะไรไว้บ้าง

“แต่ก็ไม่ไว้วางใจกันทั้งผมและ คสช. ผมไม่อยากให้คำพูดว่าไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญผ่านหรือไม่ผ่านแล้วคสช.จะได้ประโยชน์ และที่ว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญผ่านก็มี คปป.อีก ถามว่า คปป.ให้ประโยชน์ตรงไหน ผมอยากจะรู้ว่าประโยชน์ที่ว่ากันนั้นคืออะไร หากประโยชน์คืออำนาจและผลประโยชน์ ผมไม่มีผลประโยชน์ และอำนาจผมก็ไม่ได้อยากได้ แต่เมื่อประชาชนเดือดร้อน ผมจึงเข้ามา เรื่องของคปป.นั้นอำนาจไม่ได้ทับซ้อนกับรัฐบาล และไม่ได้มีอำนาจทางนิติบัญญัติ คปป.จะมีอำนาจต่อเมื่อเกิดสถานการณ์ และเข้ามาแก้ปัญหาความรุนแรง เพราะถ้าไม่มีถ้าเจ้าหน้าที่ทำอะไรลงไปอาจจะติดคุกได้ เช่นเดียวกับที่ผมเข้ามาโดยต้องมีอำนาจตามกฎอัยการศึก จะได้ไม่ถูกไล่ล่า เพราะวันนี้ที่เข้ามาไม่ได้ต้องการอะไร มีเพียงกฎอัยการศึกอย่างเดียวที่จะให้ผมเข้ามาหยุดความรุนแรงและเดินหน้าประเทศได้

ขณะเดียวกันสื่อโจมตีว่าผมทำรัฐประหาร ขอถามว่าผมทำในสิ่งที่ดีกว่าหรือไม่ แต่ไม่ได้บอกว่าอะไรดีกว่ากัน เพราะอ่างไรเสียประชาธิปไตยต้องดีหว่าอยู่แล้ว แต่ควรจะเป็นแค่ไหน ระยะเวลาใดควรมีใครมากำกับดูแลหรือไม่ โดยไม่ทับอำนาจรัฐบาล รัฐบาลจะมีอำนาจเต็มจนกว่าจะเกิดวิกฤต ถ้าไม่เช่นนั้นใครจะมาแก้จะให้ทหารปฏิวัติอีกหรือ ตรงนี้ที่เขาทำมาคือไม่ต้องการให้มีการปฏิวัติอีก

สิ่งเหล่านี้ต้องให้ประชาชนเข้าใจว่า เขาตั้งใจเขียนถึงอำนาจคปป.ไว้เช่นไร ที่ผ่านมานักการเมืองชี้นำไปเรื่อยในจุดที่เขาไม่เห็นด้วยโดยจะให้ประชาชนไม่เห็นด้วยตามไปด้วย ถ้ารัฐบาลในอนาคตสามารถทำได้ตามที่สัญญาไว้ผมก็ไม่ได้อยากเกี่ยวข้อง เพียงแต่ห่วงว่าวันหน้าจะมีปัญหาเหมือนเดิมขึ้นมาอีกไหม ถ้าคิดว่าปัญหาไม่เกิดก็เป็นเรื่องของคน เลือกตั้งได้ก็เลือกไป แต่ถ้าไม่มั่นใจจำเป็นต้องดูแลหรือไม่ นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขอให้สื่อที่นำเสนอเรื่องคปป.แล้ว ขอให้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญในหมวดอื่นๆด้วย ในทุกมาตรา ตนกลุ้มใจที่ผลสำรวจออกมาว่าประชาชนไม่รู้จัก สปช.สนช. ว่ามีหน้าที่ทำอะไรกัน ซึ่งตรงนี้สื่อจะช่วยได้มาก อย่าเขียนแต่เรื่องเดิมๆที่เป็นความขัดแย้ง เช่นตั้งทหาร ตำรวจ มีพรรคมีพวก ตนไม่ได้ต้องการพวก มีแต่จะต้องทำงานร่วมกันให้ได้ ไม่แสวงหาผลประโยชน์ จะเอาอะไรกันนักหนา ถามว่าคนที่มีเงินหมื่นล้าน แสนล้านได้ใช้เงินกันบ้างหรือไม่