PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558

"ผมได้ประโยชน์อะไร วะ"....นายกฯถาม

Wassana Nanuam


"ผมได้ประโยชน์อะไร วะ"....นายกฯถาม
นายกฯ ประยุทธ์ ยันต้องอยู่ในบทบาทที่เหมาะสมของผม เรื่องร่างรธน.ไม่อยากนำไปสู่ความขัดแย้ง ยัน เบื่อพวกบอก รธน.ผ่าน /ไม่ผ่าน คสช.ก็ได้ประโยชน์ ระบุ คณะกรรมขับเคลื่อนฯ(คปป)
เกิดได้ก็เกิดไป เพราะถ้ามันติดล้อค เลือกตั้งไม่ได้ ลาออกก็ไม่ลาออก จะทำยังไง ที่มีนี่ ไม่ใช่จะให้รัฐบาลนี้อยู่ต่อระบุ ถ้ารัฐบาลใหม่ บอกว่าจะปฏิรูปแน่นอน แต่ปฏิรูปอะไร ก็ไม่บอก บางทีคงยังไม่รู้เลย ว่าปฏิรูปอะไรแล้วมีพวกที่พูดว่า ไม่ว่าจะรธน.จะผ่านหรือไม่ผ่าน คสช.ก็ได้ประโยชน์ มันประโยชน์อะไร ผมไม่มีผลประโยชน์แน่ อำนาจก็ไม่อยากได้ แต่ที่เข้ามา เพราะประชาขนเดือดร้อน ผมก็เข้ามาไงล่ะ
"เรื่อง คปป.นี่ ผมได้ประโยชน์ตรงไหนวะ อำนาจไม่ได้ทับซ้อน จะมีอำนาจ เมื่อต่องแก้ความรุนแรง เท่านั้น รับได้มั่ย รัฐบาลหน้า จะทำตามสัญญาได้มั่ย ถ้า เลือกตั้งได้ก็เลือกไป ถ้าไม่ตีกัน หรือ มีระเบิดโครมๆ ตาย เจ็บ ด็จำเป็นต้องมาดูแล"
“นายกฯ” ย้ำ ที่ประชุมครม. เรื่องร่างรธน. ขอให้รบ.อยู่บทบาทที่เหมาะสม เพราะมีมีคนเห็นด้วยไม่เห็นด้วย ขออย่าเอามาสร้างความขัดแย้งกันอีก แบไต๋ หนุน คปป. แจงจำเป็นต้องมี เพื่อแก้วิกฤตประเทศติดล็อก สานต่อปรองดอง-ปฏิรูป ป้องกันปฏิวัติอีก ย้ำ ไม่มีอำนาจซ้อนรัฐบาล เบื่อพวกบอก รธน.ผ่าน /ไม่ผ่าน คสช.ก็ได้ประโยชน์ ระบุ คณะกรรมขับเคลื่อนฯ(คปป)ยันเกิดได้ก็เกิดไป เพราะถ้ามันติดล้อค เลือกตั้งไม่ได้ ลาออกก็ไม่ลาออก จะทำยังไง ที่มีนี่ ไม่ใช่จะให้รัฐบาลนี้อยู่ต่อ
ระบุ ถ้ารัฐบาลใหม่ บอกว่าจะปฏิรูปแน่นอน แต่ปฏิรูปอะไร ก็ไม่บอก บางทีคงยังไม่รู้เลย ว่าปฏิรูปอะไร ถาใเรื่อง คปป.นี่ ผมได้ประโยชน์ตรงไหนวะ อำนาจไม่ได้ทับซ้อน จะมีอำนาจ เมื่อต่องแก้ความรุนแรง เท่านั้น รับได้มั่ย รัฐบาลหน้า จะทำตามสัญญาได้มั่ย ถ้า เลือกตั้งได้ก็เลือกไป ถ้าไม่ตีกัน หรือ มีระเบิดโครมๆ ตาย เจ็บ ด็จำเป็นต่องมาดูแล"

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ได้ชี้แจงที่ประชุมครม. เกี่ยวกับเรื่องร่างรัฐธรรมนูญว่าตนและรัฐบาลต้องอบู่ในบทบาที่เหมาะสม เพราะมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ไม่ใช่เอาเป็นความขัดแย้งแล้วมาต่อต้านกันอีก เพราะส่วนหนึ่งต้องการประชาธิปไตย 100เปอร์เซ็น ส่วนอีกพวกต้องการให้มีมาตรการแก้ไขปัญหา เพราะความขัดแย้งเกิดมา 8 ปี มีการประท้วงมา 700 กว่าวัน
และก่อนวันที่ 22 พ.ค.มีความรุนแรง มีคนตาย บาดเจ็บ แต่ถ้ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหลังจากนี้มีปัญหาเจอการประท้วง แก้ปัญหาไม่ได้ เลือกตั้งไม่ได้ จะทำอย่างไรนี่คือส่วนหนึ่งของเหตุผลที่มีความจำเป็นต้องมีอะไรเข้ามากำกับดูแลเรื่องเช่นนี้ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ(คปป.) ถ้ามีได้ก็มีไป แต่ถ้ามีไม่ได้แล้วเกิดสถานการณ์ที่ประเทศติดล็อกเดินหน้าไม่ได้ รัฐบาลใช้จ่ายงบประมาณไม่ได้ ลาออกก็ไม่ลาออกอย่างที่ผ่านมา จะทำอย่างไร นี่คือสิ่งที่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญจึงต้องกำหนดกติกาขึ้นมา

“ผมไม่ได้หมายความว่าเขาจะให้รัฐบาลต้องอยู่ต่อหรือไม่อยู่ต่อไม่มันเกี่ยวกับผม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับประชามติผมจะไปชี้ชัดอะไรมากไม่ได้ เพราะมอบหมายความรับผิดชอบให้เขาไปแล้ว ผมมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย เดินหน้าประเทศวางพื้นฐานประเทศและคิดว่าจะปฏิรูปประเทศอย่างไรในระยะยาว ซึ่งถ้าเลือกตั้งแล้วมั่นใจว่าไม่มีปัญหาก็ทำไป แต่ถ้าไม่ไว้ใจก็รับฟังข้อเสนอมา”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การสร้างความเข้มแข็งเชิงโครงสร้างให้กับประเทศ ต้องทำต่อในช่วงของการปฏิรูปหากรัฐบาลใหม่รับรองว่าจะทำการปฏิรูป แต่เวลานี้ตนกลับยังไม่ได้ยินใครพูดเรื่องการปฏิรูป และเขายังไม่รู้เลยว่าการปฏิรูปคืออะไร

สื่อมวลชนต้องไปถามว่าถ้าจะอาสาสมัครมาดูแลประชาชนต้องพูดว่าจะปฏิรูปอย่างไรมีแผนหรือไม่ และสิ่งที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ทำวันนี้มีแผนการทั้งหมด แต่ไม่ได้เขียนกรอบระยะเวลา ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลหน้าต้องไปทำแผนมา ไม่ใช่ตน และถ้ามีคปป.ก็มีหน้าที่จะดูว่าการปฏิรูปนั้นว่าเป็นไปตามแผนหรือไม่ และประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าพึงพอใจหรือไม่ มิเช่นนั้นจะไม่มีการประเมิน หากทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมปรัฐบาลหน้าต้องมาสายงานต่อที่ตนได้ทำไว้ ซึ่งอยู่ที่ว่าวันนี้เราได้กำหนดกฎเกณฑ์อะไรไว้บ้าง

“แต่ก็ไม่ไว้วางใจกันทั้งผมและ คสช. ผมไม่อยากให้คำพูดว่าไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญผ่านหรือไม่ผ่านแล้วคสช.จะได้ประโยชน์ และที่ว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญผ่านก็มี คปป.อีก ถามว่า คปป.ให้ประโยชน์ตรงไหน ผมอยากจะรู้ว่าประโยชน์ที่ว่ากันนั้นคืออะไร หากประโยชน์คืออำนาจและผลประโยชน์ ผมไม่มีผลประโยชน์ และอำนาจผมก็ไม่ได้อยากได้ แต่เมื่อประชาชนเดือดร้อน ผมจึงเข้ามา เรื่องของคปป.นั้นอำนาจไม่ได้ทับซ้อนกับรัฐบาล และไม่ได้มีอำนาจทางนิติบัญญัติ คปป.จะมีอำนาจต่อเมื่อเกิดสถานการณ์ และเข้ามาแก้ปัญหาความรุนแรง เพราะถ้าไม่มีถ้าเจ้าหน้าที่ทำอะไรลงไปอาจจะติดคุกได้ เช่นเดียวกับที่ผมเข้ามาโดยต้องมีอำนาจตามกฎอัยการศึก จะได้ไม่ถูกไล่ล่า เพราะวันนี้ที่เข้ามาไม่ได้ต้องการอะไร มีเพียงกฎอัยการศึกอย่างเดียวที่จะให้ผมเข้ามาหยุดความรุนแรงและเดินหน้าประเทศได้

ขณะเดียวกันสื่อโจมตีว่าผมทำรัฐประหาร ขอถามว่าผมทำในสิ่งที่ดีกว่าหรือไม่ แต่ไม่ได้บอกว่าอะไรดีกว่ากัน เพราะอ่างไรเสียประชาธิปไตยต้องดีหว่าอยู่แล้ว แต่ควรจะเป็นแค่ไหน ระยะเวลาใดควรมีใครมากำกับดูแลหรือไม่ โดยไม่ทับอำนาจรัฐบาล รัฐบาลจะมีอำนาจเต็มจนกว่าจะเกิดวิกฤต ถ้าไม่เช่นนั้นใครจะมาแก้จะให้ทหารปฏิวัติอีกหรือ ตรงนี้ที่เขาทำมาคือไม่ต้องการให้มีการปฏิวัติอีก

สิ่งเหล่านี้ต้องให้ประชาชนเข้าใจว่า เขาตั้งใจเขียนถึงอำนาจคปป.ไว้เช่นไร ที่ผ่านมานักการเมืองชี้นำไปเรื่อยในจุดที่เขาไม่เห็นด้วยโดยจะให้ประชาชนไม่เห็นด้วยตามไปด้วย ถ้ารัฐบาลในอนาคตสามารถทำได้ตามที่สัญญาไว้ผมก็ไม่ได้อยากเกี่ยวข้อง เพียงแต่ห่วงว่าวันหน้าจะมีปัญหาเหมือนเดิมขึ้นมาอีกไหม ถ้าคิดว่าปัญหาไม่เกิดก็เป็นเรื่องของคน เลือกตั้งได้ก็เลือกไป แต่ถ้าไม่มั่นใจจำเป็นต้องดูแลหรือไม่ นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขอให้สื่อที่นำเสนอเรื่องคปป.แล้ว ขอให้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญในหมวดอื่นๆด้วย ในทุกมาตรา ตนกลุ้มใจที่ผลสำรวจออกมาว่าประชาชนไม่รู้จัก สปช.สนช. ว่ามีหน้าที่ทำอะไรกัน ซึ่งตรงนี้สื่อจะช่วยได้มาก อย่าเขียนแต่เรื่องเดิมๆที่เป็นความขัดแย้ง เช่นตั้งทหาร ตำรวจ มีพรรคมีพวก ตนไม่ได้ต้องการพวก มีแต่จะต้องทำงานร่วมกันให้ได้ ไม่แสวงหาผลประโยชน์ จะเอาอะไรกันนักหนา ถามว่าคนที่มีเงินหมื่นล้าน แสนล้านได้ใช้เงินกันบ้างหรือไม่

ไม่มีความคิดเห็น: