PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ทำไมเออร์โดกันต้องล้างบาง?

โดย คุณนิติ นวรัตน์

เรื่องของตุรกีกำลังมั่ว ความเชื่อของผู้คนทั้งโลกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งก็เชียร์ประธานาธิบดีเออร์โดกัน อีกฝ่ายหนึ่งก็เชียร์นายเฟตฮุลเลาะห์ กูเลน ที่ขณะนี้ลี้ภัยอยู่ในสหรัฐฯ ฝ่ายที่เชียร์นายเออร์โดกันบอกว่า รักแก เพราะแกกล้าต่อกรกับอิสราเอล หลายคนถึงขนาดยกย่องให้แกเป็นคอลีฟะห์ หรือกาหลิบ ซึ่งคำนี้ใช้เรียกประมุขของอาณาจักรอิสลาม

ขอเรียนนะครับ ว่ารากฐานสำคัญของการก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกีก็คือ Secularism หรือหลักการแบ่งแยกศาสนาออกจากการเมืองอย่างเด็ดขาด มีความพยายามของหลายพรรคที่นายเออร์โดกันเคยสังกัด จะนำศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองอยู่หลายครั้ง แต่ก็โดนศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งปิดพรรคเหล่านั้นไปจนสิ้น

พ.ศ.2465 สมัชชาใหญ่แห่งตุรกีมีมติเลิกตำแหน่งสุลต่าน แต่ยังคงตำแหน่งกาหลิบซึ่งเป็นตำแหน่งผู้นำทางศาสนาอิสลามไว้ อีก2ปีต่อมา รัฐบาลใหม่ของสาธารณรัฐตุรกีเลิกตำแหน่งกาหลิบ และประกาศปิดโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามทั่วประเทศ พร้อมทั้งห้ามผู้ชายโพกศีรษะ ห้ามสตรีคลุมฮิญาบ ให้ยกเลิกกฎหมายฉบับใดที่ยึดตามบทบัญญัติของศาสนาอิสลามหรือกฎหมายชาลีอะห์ และเอากฎหมายแบบตะวันตกมาใช้แทน

พ.ศ.2471 มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยให้ตัดคำว่า ศาสนาประจำชาติคือศาสนาอิสลาม ออก และให้เลิกตัวอักษรอารบิก หันมาใช้ตัวอักษรละตินแบบตะวันตก

พ.ศ.2480 หนึ่งปีก่อนที่มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกีจะถึงแก่อสัญกรรม ได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ตุรกีเป็น Secular State แปลเป็นไทยน่าจะเท่ากับรัฐโลกวิสัย หรือรัฐฆราวาส หมายถึงรัฐที่เป็นกลางด้านศาสนา ไม่สนับสนุนหรือต่อต้านความเชื่อและการปฏิบัติทางศาสนาใดๆ ไม่มีศาสนาประจำชาติ แต่ถ้ามีก็เป็นแต่เพียงความหมายทางสัญลักษณ์ ไม่กระทบต่อชีวิตประจำวันของคน ทุกคนมีเสรีในการนับถือศาสนา คนในพรรคการเมืองไหนมีหัวเอียงไปทางศาสนา พรรคนั้นจะโดนศาลรัฐธรรมนูญปิด

พ.ศ.2513 นายเออร์บากันตั้งพรรคการเมืองสายนิยมอิสลามขึ้นมาเป็นครั้งแรก ชื่อว่าพรรค National Order อยู่ได้เพียงปีเดียว ศาลรัฐธรรมนูญก็สั่งปิด (ครั้งที่ 1) นายเออร์บากันต้องลี้ภัยไปอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ปีต่อมาก็ได้รับอนุญาตให้กลับประเทศ แกก็มาตั้งพรรคใหม่ชื่อพรรค National Salvation ได้ ส.ส. มากถึงร้อยละ 11.8 ได้ร่วมรัฐบาลผสม

แต่พอถึง พ.ศ.2523 ก็โดนทหารทำรัฐประหาร นายเออร์บากันพร้อมสมาชิกพรรค 21 คนถูกจำคุกและถูกห้ามเคลื่อนไหวทางการเมืองข้อหาต่อต้านหลักการแยกศาสนาออกจากการเมือง (ครั้งที่ 2)
ผู้ใกล้ชิดนายเออร์บากันจึงต้องมาตั้งพรรคใหม่ชื่อพรรค Welfare และเมื่อมีการเลือกตั้ง พรรคก็ได้ ส.ส.เยอะมากที่สุด เป็นรัฐบาล นายเออร์บากันพ้นโทษและพ้นวาระที่ถูกห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง มาแล้ว ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

เป็นได้เพียงปีเดียว กองทัพก็เคลื่อนไหวต่อต้านทำให้พรรคล่ม ศาลรัฐธรรมนูญปิดพรรค Welfare ข้อหาขัดหลักการการแยกศาสนาออกจากการเมือง (ครั้งที่ 3) 
พวกที่ไม่โดนจำคุกก็ออกมาตั้งพรรคใหม่ชื่อว่าพรรค Virtue เลือกตั้งก็ได้ ส.ส. มากถึงร้อยละ 15.4 แต่ก็โดนศาลรัฐธรรมนูญปิด ข้อหาขัดหลักการการแยกศาสนาออกจากการเมืองอีก (ครั้งที่ 4)

นายเออร์โดกัน (ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน) จึงออกมาตั้งพรรค Justice and Development เมื่อสิงหาคม พ.ศ.2544 ลงเลือกตั้งก็ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 1 ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ในรอบ 15 ปี แต่นายเออร์โดกันเป็นนายกฯ ไม่ได้ เพราะโดนโทษจำคุกและถูกห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง 4 ปี ข้อหาอ่านบทกวีหนุนอิสลาม เมื่อพ้นโทษแล้วจึงค่อยมาเป็น

พ.ศ.2545 อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งปิดพรรค Justice and Development เช่นเดียวกัน แต่คราวนี้รอด

ท่านลองนึกถึงการสู้กับศาลรัฐธรรมนูญและทหารของพรรคสายอิสลามของตุรกีดูนะครับ ตั้งพรรคมากี่ครั้งก็ถูกปิด สมาชิกพรรคถูกจำคุก ถูกตัดสิทธิ์ คนที่ไม่โดนจำคุกก็มาตั้งพรรคใหม่ กว่าจะถึงวันนี้ ต้องสู้กันจนทุกคน ตกผลึกทางการต่อสู้ จนกลายเป็นเพชร
15 กรกฎาคม 2559 พรรคสายอิสลามชนะทหารและศาล
จึงต้องล้างบางฝ่ายตรงข้ามให้สิ้น

ทักษิณ โพสต์แนะ ธุรกิจเก่าจะล่มสลาย หากไม่รู้จักปรับตัว

(27 ก.ค.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโพสต์คลิปพร้อมข้อความทางเฟสบุ๊กถึงวิธีการทำธุรกิจ โดยระบุว่า “ผมถ่ายคลิปเรื่องราวต่างๆ ไว้หลายเรื่อง คลิปคราวก่อนเป็นเรื่องเศรษฐกิจของประเทศจีน คราวนี้จะเป็นเรื่องเทคโนโลยีกับการดำเนินธุรกิจครับ เพราะเห็นว่าธุรกิจ Startup เริ่มมีบทบาทมากขึ้นและเติบโตเร็ว เลยคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ครับ”
ทั้งนี้ในคลิปวิดีโอ นายทักษิณระบุว่า ปัจจุบันเกิดธุรกิจใหม่ ที่เกิดจากการใช้เทคโฯโ,ยีใหม่ๆ และรูปแบบทางธุรกิจใหม่ๆ จนมาทำลายธุรกิจเก่าๆที่ไม่ยอมปรับตัวไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่างเช่น โนเกีย โมโตโรล่า เป็นต้น จึงอยากให้นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างหลงละเลิงกับการใช้เงิน เช่นคนที่สำเร็จกับการเล่นหุ้น พอได้เงินหากใช้เงินฟุ่มเฟือย เวลาหุ้นตกไม่มีเงิน ก็จะเกิดปัญหา ดังนั้นเวลามีก็ต้องใช้ให้พอสมควร และกันเผื่อไว้ใช้ในอนาคตด้วย รวมถึงการกระจายการลงทุนด้วย
นอกจากนี้ยังต้องคิดว่าทุกวันนี้การแข่งขันมาจากรอบด้าน ซึ่งสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายต้องปรับตัวตามสภาพแวดล้อม เศรษฐกิจก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องปรับตัว และตื่นตัวตลอดเวลา ดังเช่นสัตว์ป่าที่หากไม่ระมัดระวังก็จะถูกสัตว์ที่ใหญ่กว่ากิน โดยในอนาคตจะเห็นว่าทุกอย่างอยู่ในมือถือหมด จึงขอให้คิดรูปแบบธุรกิจที่คนรุ่นใหม่จะบริโภคอย่างไร เพราะคนรุ่นนี้จะเปลี่ยนแปลงเร็วมาก

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศจุดยืน ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เสนอนำรธน. 2550 กลับมาประกาศใช้

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวที่พรรคและถ่ายทอดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ไม่รับร่างรัญธรรมนูญ พร้อมเสนอให้นำรัฐธรรมนูญปี 2550 มาใช้ พร้อมวิพากษ์ แนวทางแก้คอร์รัปชั่นของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้องค์กรตรวจสอบทุจริตขาดการถ่วงดุลและไม่เป็นอิสระ ขณะที่บทบัญญัติเกี่ยวกับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองอาจเปิดโอกาสให้จำเลยคดีทุจริตจำนำข้าวได้อุทธรณ์เพื่อพิจารณาโดยองค์คณะใหม่ได้

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มี 3 ประเด็นที่ควรจะพิจารณาประกอบในการตัดสินใจรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ประเด็นแรก คือต้องพิจารณาว่าจะกำหนดทิศทางของการพัฒนาประเทศอย่างไร รัฐธรรมนูญหรือกติกาของบ้านเมืองจะส่งผลให้ทิศทางของประเทศเดินไปทางไหน ทั่งนี้เป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือต้องทำให้ระบบการเมืองและระบบเศรษฐกิจตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนที่ด้อยโอกาส ไม่ค่อยมีสิทธิมีเสียง ยากจน ถ้าสามารถทำให้คนอ่อนแอที่สุด ด้อยโอกาสที่สุดยากจนที่สุดมีความเข้มแข็งได้ นั่นจะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศและเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน
ประเด็นที่สองคือ การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น การใช้อำนาจในทางที่ผิดไม่ว่ารัฐบาลนั้นจะมาด้วยวิธีใด ซึ่งส่งผลเสียอย่างมหาศาลกับประเทศทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง 
และประเด็นที่สาม คือ คนไทยคงไม่ต้องการเห็นวัฎจักรของความขัดแย้งทางการเมืองอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรัฐประหาร การชุมนุมประท้วง การใช้ความรุนแรง การสร้างความเกลียดชัง

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประเด็นสำคัญของการเมืองในประเทศนอกจากเรื่องประชาธิปไตยแล้วต้องมีการกระจายอำนาจ แต่ร่างรัฐธรรมนูญที่จัดทำขึ้นไม่ได้เดินไปในทิศทางที่สอดคล้องกับแนวคิดเหล่านี้ โดยรัฐธรรมนูญในหมวดสิทธิเสรีภาพและการมีส่วนร่วมของประชาชนนั้นให้หลักประกันน้อยกว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 และยังเปิดช่องให้ออกกฎหมายมาจำกัดสิทธิและการมีส่วนร่วมและการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จำกัดบทบาทประชาชนที่จะมีส่วนร่วมในการแสดงออกโดยขยายบทบาทของภาคราชการ นอกจากนี้ยังขาดการตรวจสอบถ่วงดุลที่เหมาะสม โดยร่างฯ วางน้ำหนักการตรวจสอบถ่วงดุลจากสมาชิกวุฒิสภา 250 คน ที่มาจากการเลือกกันเองในหมวดถาวร และการคัดเลือกแต่งตั้งในบทเฉพาะกาล ซึ่งพูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง และการใช้กลไกแบบนี้นอกจากจะไม่แก้ปัญหาความขัดแย้งกลับจะเป็นการสร้างคู่ขัดแย้งใหม่ในทางการเมือง

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวว่ากระบวนการทำประชามตินี้เป็นกระบวนการที่ค่อนข้างผิดปกติ ไม่ได้เป็นไปตามที่เคยปฏิบัติกันมา มีการจับกุม และใช้วิธีที่ไม่ปกติจากหลายฝ่ายและนำมาสู่ประเด็นข้อโต้แย้งไม่จบสิ้นว่าฝายต่างๆ ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ ไม่เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดหวังไว้ และจะกลายเป็นเงื่อนไขความขัดแย้งต่อไปในอนาคต

ในส่วนของการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ที่เป็นจุดเด่นที่ถูกหยิบยกขึ้นมา และเขาสนับสนุนหลายมาตรา แต่บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญนั้นทำให้ ปปช. ในฐานะองค์กรหลักในการปราบปรามทุจริตคอร์รัปช่น ขาดการตรวจสอบถ่วงดุลจากภายนอกและไม่เป็นอิสระ ขณะที่บทบัญญัติเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเป็นอีกองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบนักการเมืองกลับเปิดโอกาสให้มีการอุทธรณ์คดีได้และพิจารณาโดยองค์คณะใหม่ เหมือนเปิดโอกาสให้มีการพิจารณาซ้ำสองครั้ง และด้วยบทบัญญัติแบบนี้ ผู้ที่จะได้ประโยชน์ก็เป็นนักการเมืองที่ทุจริต เช่นจำเลยคดีจำนำข้าว ซึ่งโดยช่วงเวลาแล้วถ้ารัฐธรรมนูญผ่าน จำเลยคดีทุจริตจำนำข้าวก็จะเป็นกลุ่มแรกที่อุทธรณ์ด้วยกระบวนการใหม่นี้ได้ทันที

จากนั้น นายอภิสิทธิ์ประกาศว่าไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ และย้ำว่าร่างฯ นี้ไม่ตอบโจทย์ประเทศ ไม่สามารถเป็นกติกาถาวรที่เอื้อให้ประเทศไทยพ้นจากสภาพปัญหาเดิมๆ ได้ และเสนอให้นำรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 มาใช้ เพราะเป็นรัฐธรรมนูญที่ผ่านความเห็นชอบประชามติมาแล้ว และศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่าถ้าจะรื้อทิ้งควรไปถามความเห็นชอบของประชาชนก่อน อีกทั้งรัฐธรรมนูญ 2550 ไม่ได้เป็นเหตุให้เกิดการรัฐประหาร และหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ผ่าน ก็ยังเป็นการเปิดโอกาสให้สังคมได้สิ่งที่ดีกว่า และหลุดพ้นจากวังวนเดิมๆ ที่ติดหล่มกันมาเป็นเวลากว่า 10 ปี
นายอภิสิทธิ์กล่าวทิ้งท้ายว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องการเริ่มต้นก้าวใหม่ในการเมืองใหม่ ต้องพิจารณาเรื่องต่างๆตามหลักการ อุดมการณ์ ประโยชน์ส่วนร่วมและประโยชน์ประเทศโดยเอาข้อเท็จจริงและเหตุผลมาพูดกัน

"มีชัย"ซัด แถลงการณ์ยูเอ็นอาจมีเบื้องหลังแอบแฝง ยัน คว่ำ รธน.ให้บิ๊กตู่อยู่ยาวไม่จริง

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ที่สำนักงานใหญ่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการกำหนดวันเลือกตั้งว่า หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ตามกระบวนการที่ร่างรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ จะมีเลือกตั้งในช่วงปลายปี 2560 แต่ต้องขึ้นอยู่กับการทำกฎหมายลูกด้วยว่าจะมีปัจจัยหรือเงื่อนไขใดที่ต้องทำให้เพิ่มเวลาต่อหรือไม่ ส่วนประเด็นการเรียกร้องให้คว่ำรัฐธรรมนูญ ตนมองว่า นายกฯได้ลั่นวาจาไว้ว่าจะมีการเลือกตั้งภายในปี 2560 ดังนั้น คสช.ต้องเคี่ยวเข็ญให้จัดเลือกตั้งให้ได้ภายในเวลาที่ระบุไว้ ที่มีคนปล่อยข่าวว่า หากจะให้นายกฯอยู่ยาวต้องคว่ำรัฐธรรมนูญ นี่ไม่ใช่ความจริงเพราะจะมีคนออกมาเดินขบวนขับไล่แน่

เมื่อถามว่า กระบวนการดังกล่าวจะมีปัจจัยแทรกซ้อนหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า “ผมไม่ได้เรียนโหราศาสตร์ จึงไม่ทราบว่าดวงดาวไหนจะทับซ้อนดวงดาวใด จึงตอบไม่ได้ จะช้าหรือเร็วก็ไม่ห่างกันเกิน 2-3 เดือน”

เมื่อถามถึง กรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ท้วงติงว่าการเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญยังเข้าไม่ถึงประชาชน นายมีชัยกล่าวว่า กรธ.ทำได้เท่านี้ เหมือนที่นักข่าวหนึ่งคนได้สัมภาษณ์ตน แต่ไม่ได้สัมภาษณ์นายกฯ ดังนั้น กรธ. 21 คนก็ทำได้เท่านี้ วันนี้ตนมองว่าคนส่วนใหญ่รู้เรื่องรัฐธรรมนูญมากขึ้น แต่คงยากที่จะบอกว่าคนรับรู้แล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะคนบางคนก็ปิดประตูไม่รับรู้

เมื่อถามถึงกรณีที่หัวหน้า คสช.ใช้มาตรา 44 กับนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายก อบจ.เชียงใหม่ จะมีผลต่อการทำประชามติหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดของคำสั่งดังกล่าว แต่คิดว่าคงไม่มีผลต่อการทำประชามติ เพราะประชาชนที่จะตัดสินใจว่าจะลงคะแนนอย่างไร ล้วนมีปัจจัยอยู่แล้ว และปัจจัยจะไม่เปลี่ยน ส่วนกรณีที่นายบุญเลิศเป็นเครือข่ายของพรรคเพื่อไทยนั้น ตนมองว่าหากเขามีเครือข่ายจริงคงสั่งให้เครือข่ายไม่รับมาตั้งแต่ต้น

เมื่อถามถึงกรณีที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกแถลงการณ์กดดันให้เปิดเสรีภาพช่วงประชามติ ประธาน กรธ.กล่าวว่า ต้องถามยูเอ็นว่าเสรีภาพรวมถึงการเอาความเท็จไปให้ประชาชนด้วยหรือไม่ เพราะสิ่งที่รัฐบาลทำ ไม่ได้ห้ามคนให้แสดงความเห็น เขาห้ามคนไม่ให้ไปเอาความเท็จไปพูด คล้ายกับกรณีสมมติที่ยูเอ็นสั่งเจ้าหน้าที่ของยูเอ็นไม่ให้พูดว่า ยูเอ็นอยู่หลังฉากการฆ่ากันตายที่ลิเบีย จอร์เจีย หรือประเทศอื่นๆ เพราะประเด็นดังกล่าวไม่ใช่ความจริง ดังนั้นกรณีดังกล่าวยูเอ็นถือว่าปิดเสรีภาพเขาหรือไม่ คำตอบคือไม่เพราะยูเอ็นไม่ได้ทำ ดังนั้นสิ่งที่กำลังห้ามก็คือ การพูดเท็จ ที่ผ่านมาทั้ง กรธ.และ กกต.เองก็ไม่ได้ห้ามคนออกมาพูดเลย กรณีที่ยูเอ็นออกแถลงการณ์ดังกล่าวอาจมีกระบวนการเบื้องหลัง ตนคิดว่ายูเอ็นต้องเป็นกลางไม่เช่นนั้นจะไม่ได้รับการยอมรับ

เรียก 11 คนเครือข่ายนักการเมืองเชียงใหม่ส่งมทบ.11 เตรียมแจ้งข้อหา ม.116 ปมจม.ประชามติ


<--break- />ใช้มาตรา 44 เรียกเข้าค่าย รายงานตัวแล้ว 7 คน ส่งต่อ มทบ.11 ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาตามมาตรา 116 ยุยงปลุกปั่น เป็นคดีความมั่นคงต้องขึ้นศาลทหาร 
 
27 ก.ค.2559 รายงานข่าวแจ้งว่า ที่บ้านพักรับรองภายใน มทบ.33 ค่ายกาวิละ จังหวัดเชียงใหม่ ทหารควบคุมตัวบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจดหมายที่ถูกระบุว่ามีเนื้อหาบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ โดยอาศัยคำสั่งหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44 ควบคุมตัว 11 คนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย
นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ที่เพิ่งถูกให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่ โดยอาศัยอำนาจมาตรา 44 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
นายคเชน เจียกขจร นายกเทศบาลตำบลช้างเผือก
นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่เขต 1 พรรคเพื่อไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองนายกอบจ.เชียงใหม่
นางสาวธารทิพย์ บูรณุปกรณ์ อาชีพทันตแพทย์
นายวิศรุต คุณะนิติสาร ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวก่อนหน้านี้แล้วเข้าโครงการคุ้มครองพยาน
นายนายอติพงษ์ คำมูล เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลช้างเผือก
นายกฤตกร ไพทะยะ คนขับรถผู้บริหารเทศบาลช้างเผือก
นางสาวเอมอร ดับโศรก
นางสุภาวดี งามเมือง
นายเทวรัตน์ อินต้า
นางกอบกาญจน์ สุคีตา
โดยมีผู้มารายงานตัวตามหมายเรียกในครั้งนี้ 7 คน คือ นายคเชน นางสาวธารทิพย์ นายวิศรุต นายนายอติพงษ์ นางสาวเอมอร นางสุภาวดี นางกอบกาญจน์ สำหรับบุคคลที่เหลืออีก 4 คนคือนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ได้รับแจ้งว่าอยู่ในระหว่างลาพักผ่อนที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทางเจ้าหน้าที่มีการแจ้งให้มารายงานตัวที่ มทบ.11 ทันทีที่กลับมาถึงประเทศไทย ส่วนนางสาวทัศนีย์ นั้นได้รับแจ้งว่าไปกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าให้เข้ารายงานตัวที่มทบ. 11 ภายในวันนี้ ส่วนนายกฤตกรและนายเทวรัตน์ยังไม่สามารถตามตัวได้ก็ได้แจ้งให้ญาติพาตัวมาพบกับเจ้าหน้าที่ทหารภายในวันนี้ มิฉะนั้นเจ้าหน้าที่จะออกหมายจับทันที
การออกคำสั่งให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้ง 11 คนมารายงานตัวในครั้งนี้สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุมนายวิศรุต คุณะนิติสาร พนักงานเทศบาลตำบลช้างเผือก คนสนิทของนักการเมืองท้องถิ่น และนายสามารถ ขวัญชัย ซึ่งให้การรับสารภาพว่า ได้รับการสั่งการจากเครือข่ายผู้มีความเกี่ยวข้องทางการเมืองให้ไปดำเนินการแจกใบปลิวต่อต้านการออกเสียงประชามติ และจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ (รธน.) ซึ่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้นำกำลังเข้าบุกค้นใน 10 จุดที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน ซึ่งเป็นที่ตั้งของธุรกิจตระกูลนักการเมืองชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.โกศล ประทุมชาติ ผบ.มทบ.33 กล่าวว่า เมื่อเย็นวานนี้ทางทีมกฏหมายของ คสช. ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อเจ้าหน้าที่กองปราบปราม กรุงเทพฯ เกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้นซึ่งเข้าข่ายมาตรา 116 ถือเป็นอำนาจของศาลทหาร ทุกฝ่ายจึงเห็นว่าให้ทางกรุงเทพเป็นผู้ดำเนินคดี โดยจากปากคำผู้ต้องหาได้ให้การเป็นประโยชน์ถึงคนบงการ คนดำเนินการขั้นตอนต่างๆ ในการก่อความไม่สงบในประเทศ ทางเราจึงได้ออกหมายเรียกทั้ง 11 คนมาพบเพื่อนำตัวไปที่มทบ. 11 ในการควบคุมตัวและดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมาย โดยจากนี้ทางกองปราบฯ จะเข้ามาดำเนินการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่อช่วงจากตำรวจภาค 5
ทั้งนี้ มาตรา 116 บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดที่ไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต
(1) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาลโดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย
(2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือ
(3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี
หลังจาก พล.ต.โกศล ชี้แจงรายละเอียดการเรียกทั้งหมดให้มารายงานตัวแล้ว ได้นำตัวทั้ง 7 คนขึ้นรถตู้โดยมีกำลังทหารกว่า 30 นายควบคุม เพื่อนำตัวทั้งหมดเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่ ไปส่งตัวให้ที่ มทบ.11 กรุงเทพ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ได้แยกตัวนายวิศรุตไปอีกกลุ่มหนึ่ง
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า เมื่อกลางดึกของคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ได้บุกเข้าค้นบ้านพักของนายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมในคดีความผิดตาม พ.ร.บ.ประชามติด้วย
ด้านนายคเชน เจียกขจร นายกเทศบาลตำบลช้างเผือก เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ขอพูดอะไร ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายยังไม่ขอให้ข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนนางสาวธารทิพย์ บูรณุปกรณ์ ทำงานเป็นทัตแพทย์ เปิดเผยว่าตนเองเป็นน้องของนางสาวทัศนีย์และนายทัศนัย บูรณุปกรณ์ ตนไม่เคยยุ่งเรื่องการเมืองทำอาชีพเป็นหมอฟันอย่างเดียว ยังไม่ทราบว่าโดนเรื่องอะไรและไปเกี่ยวข้องกับคดีนี้ตรงไหน

เปิดหน้าคนฆ่า พลทหารวิเชียร ที่แท้เส้นหนาลูกนายพลใหญ่ นิสิตสาวหลานผู้ตายเกรงถูกอุ้มหลังเจอขู่สารพัดวิธี

ยังข่าวเป็นที่ได้รับความสนใจอย่างไม่ขาดหาย จากกรณี พลทหาร วิเชียร เผือกสม บุคคลที่จบ ปริญญาโท แล้วสมัครใจเข้ารับราชการเป็นทหารเกณฑ์ประจำการ ที่ค่ายแห่งหนึ่งในจังหวัดนราธิวาส 
         แม้คดียังไม่มีความคืบหน้ามากนัก ในทางอาญาตัวผู้กระทำความผิดทั้ง 10 นายยังไม่ได้รับการรับโทษอย่างเป็นรูปธรรม แต่ล่าสุด ก็ได้มีผู้ใช้เฟสบุ็คชื่อว่า  Max Sirichai เปิดเผยข้อมูลของหลานสาวของ นายวิเชียร เผือกสม ชื่อว่า นางสาวนริศราวัลณ์ แก้วนพรัตน์ ที่เป็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในที่นี้เรียกเธอว่าน้องเมย์ น้องเมย์เป็นคนรวบรวมเอกสาร ยื่นฟ้อง หน่วยงาน และนายทหารทั้ง 10 นาย  ในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมคืนให้กับคนในครอบครัวที่เสียไป แน่อยู่แล้วว่า ภาระที่ได้รับนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะรับได้ แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะเธอเปรียบเสมือนคนที่มีความรู้ที่สุดในครอบครัว ถึงแม้จะต้องขาดเรียนและเสียสมาธิเพื่อให้คดีเดินหน้า เธอก็ไม่ท้อถอย แต่ที่ทำให้เมย์รู้สึกเจ็บปวด และกั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ คือ เมื่อเธอต้องโดนอำนาจมืดข่มขู่ ทั้งตัวเธอและครอบครัว จนทำให้เกิดกระแสการแชร์ในโซเชียลมีเดียเพื่อปกป้องเธอไม่ให้เคราะห์ร้ายอย่าง น้าชายของเธออีกครั้ง ความว่า 

คนนี้ชื่อเมย์ เด็กธรรมศาสตร์ คณะสังคมสงเคราะห์ เพิ่งจบมาได้ปีกว่าๆ แต่ชีวิตนั้นไม่ธรรมดาเหมือนเด็กจบใหม่แบบเราทั่วไป เราทึ่งและนับถือมาก

เมย์เป็นผู้หญิงที่เรียน รด. ตอน ม.ปลาย เพราะสนใจการฝึกทหาร แต่ยังไม่ใช่ประเด็น

ตอนเมย์เรียนอยู่ปี 2 คนในครอบครัวที่สนิทสนมและผูกพันมานาน คือ น้า วัย 26 ปี ไปสมัครเกณฑ์ทหาร แถมยังอาสาลงไปหน่วยที่ 3 จังหวัดใต้ ชื่อ วิเชียร ไม่ชัวร์ว่าเขาคิดอะไรขณะนั้น เพราะเขาไม่อยู่มาเล่าให้ฟังแล้ว (เราโพสเรื่องนี้บ่อยจนบางคนอาจจะเบื่อ แต่นี่เป็นอีกมุมที่น่าเล่ามาก)

แต่วันที่ 2 ของการฝึก มันคือจุดเริ่มต้นของนรกบนดิน วิเชียรเป็นลมขณะยืนแถว ครูฝึกบอกว่าแกล้งทำสำออย แล้วเริ่มลงโทษหนักกว่าคนอื่นทุกวัน

ต่อมา วิเชียรเผลอเรียกตัวเองว่า "อาตมา" และเรียกครูฝึกว่า "โยม" เพราะก่อนเข้าค่าย เขาเพิ่งสึกจากพระซึ่งเป็นมานานถึง 8 ปี ครูฝึกก็ด่าประมาณว่า "กูเพื่อนเล่นมึงเหรอ" วิเชียรบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่ครูฝึกคิดว่าท้าทาย อยากโดน ก็เลยลงโทษทางร่างกายหนักขึ้นเรื่อยๆ

วันที่ 9 ของการฝึก วิเชียรทนไม่ไหว ตัดสินใจหนีกับเพื่อน 3 คน ครูฝึกตามล่าตัวกลับมาได้ในวันเดียวกัน และไม่ได้ทำโทษให้เหนื่อย เช่น วิ่ง ดันพื้น ลุกหมอบ ฯลฯ อย่างเดียวแล้ว แต่มีการเฆี่ยน ตี ตบ กระทืบด้วยคอมเเบท

(นึกถึงสภาพจิตใจคนที่เป็นพระมาตลอด 8 ปี จู่ๆมาเจออะไรแบบนี้)

วิเชียร หนีออกจากค่ายอีกเป็นครั้งที่ 2 โดยลำพัง และไม่มีเงินติดตัว ผ่านไป 3 วัน โดนผู้ใหญ่บ้านพามาส่งกลับที่ค่ายทหาร

แล้วขุมนรกบนดินอย่างแท้จริงก็เปิดฉาก วิเชียรโดนฆ่าทรมานอย่างทารุณเท่าที่เราจะจินตนาการได้ กลางสถานที่ราชการ โดยข้าราชการ ท่ามกลางข้าราชการและทหารใหม่นับ 200 คน ใครยังไม่รู้ ชมเหตุการณ์จำลองใน https://www.youtube.com/watch?v=PuW4RZShmg0#t=29m20s

สภาพศพ http://pantip.com/topic/34382712

...................................................

ขณะเมย์เรียนอยู่ ปี 2 ต้องเผชิญความจริงว่า น้าจากไปไม่มีวันกลับแล้ว แต่สิ่งที่คนเป็นต้องเจอหลังจากนั้นก็โหดร้ายซ้ำสอง

บอสของหน่วยฝึกที่เพิ่งฆ่าคน มาเสนอคลุมธงชาติและจะขอพระราชทานเพลิงศพ ครอบครัวยอมไม่ได้ เพราะมันเหมือนการกลบเรื่องว่า "เขาตายในหน้าที่แบบชายชาติทหาร" ทั้งที่ตายเพราะ "ถูกทหารยศสูงกว่าฆ่าทรมาน"

มีอดีตทหารอีกรายมาเกลี้ยกล่อม "คนตายไปแล้ว ควรคิดถึงคนที่มีชีวิตอยู่มากกว่าร้องเรียนไปก็เท่านั้น มีแต่เสียกับเสีย แล้วเป็นแค่ชาวนาจะเอาปัญญาอะไรไปสู้กับเขา ถ้าตายในหน้าที่ยังได้เงินทดแทนแสนสองแสน"

บอสหน่วยฝึกชี้แจงว่า ปีที่แล้ว มีคนเสียชีวิตแล้ว 1 นาย จ่ายไป 3 ล้าน ถ้าทางบ้านจะเอาอย่างนั้นก็ได้ (แต่พอรู้ว่าทหารเกณฑ์ที่ตายไปจบ ป.โท ก็เสนอตังค์ปิดปากเพิ่มเป็น 5 ล้าน)

แต่เมย์ยืนยันจะเอาเรื่องคนทำผิด การข่มขู่เริ่มขึ้น มีคนส่งกระสุนปืนใส่ซองธูป มาที่บ้านเมย์ .. มีรถตู้ปริศนาหลายคันมาจอดแถวๆบ้าน .. มีทหารมาถามคนในพื้นที่ว่า บ้านของวิเชียรคือหลังไหน .... แม่ของผู้ตายก็เคยถูกถาม จนต้องแกล้งเป็นใบ้

ครอบครัวต้องทำหนังสือให้ตำรวจมาดูแลในงานศพ การนำศพไปชันสูตรก่อนเผา ก็ต้องทำอย่างลับๆ เพราะกลัวถูกทหารกันท่า

เมย์ต้องพูดต่อหน้าทหารและทุกคนที่มาในงานศพว่า ครอบครัวของเธอไม่เกี่ยวข้อง เธอเป็นเพียงคนเดียวที่เดินเรื่องในการเอาผิดคนทำ ฉะนั้น "ถ้าจะทำอะไร ก็ทำหนูคนเดียว อย่าไปยุ่งกับครอบครัว"

เมย์ส่งหนังสือขอให้ทหารสอบสวนและเอาผิดเรื่องนี้ เริ่มจาก

1. ทำหนังสือส่งไปที่หน่วยที่วิเชียรไปฝึก ... แต่ไม่มีไรเกิดขึ้น
2. ทำหนังสือส่งไปที่หน่วยที่ใหญ่กว่า ดูแล 3 จังหวัดใต้ .. แต่ไม่มีไรเกิดขึ้น
3. ทำหนังสือส่งไปที่แม่ทัพภาค 4 .. แต่ไม่มีไรเกิดขึ้น
4. ทำหนังสือส่งไปหาประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทัพบกในตอนนั้น .. แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

... สะท้อนว่า ชีวิตพลเรือนที่มาเกณฑ์ทหาร 1 ชีวิต เป็นผักปลา และไร้ค่าในสายตาทหารขนาดไหน ... 

สัปดาห์ที่ผ่านมา เราสัมภาษณ์เมย์ และเธอได้เอาหนังสือที่ตัวเองเดินเรื่องทั้งหมดมาวางเรียงกัน 20-30 ฉบับ ดังภาพ และกระทบการเรียนมาก กับการที่ต้องมาวิ่งวุ่นไปทั่ว เพราะคนในครอบครัวถูกฆ่า โดยไม่มีใครทำอะไร และหน่วยงานที่ไปร้องเรียนไว้ เรียกเอกสาร ก็ต้องทิ้งห้องเรียนเดินทางไปหาทันที หลายๆครั้งเรียนไม่รู้เรื่อง เมย์เล่าว่าเคยถึงกับร้องไห้ออกมากลางชั้นเรียน เพราะทุกๆอย่างมันเกินกว่าที่เด็กปี 2 จะรับไหว แต่อาจารย์หลายคนก็ช่วยเรื่องการเรียน

วันที่เมย์มาให้สัมภาษณ์ ยังบอกว่า ทุกวันนี้ต้องใช้ชีวิตอย่างระวังตัว ไม่ประมาท 4 ปีที่ผ่านมา worst case ที่ต้องระวังตัวคือ "การถูกอุ้ม"

พลเรือนไม่สามารถฟ้องทหารโดยตรงได้ หากทหารฆ่าคนในครอบครัว **ทุกคนในประเทศนี้จงตระหนักไว้** ต้องให้หน่วยงานรัฐเป็นผู้ฟ้องเอง และต้องผ่านการชี้มูลว่า "ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่" ก่อน...... เธอเดินเรื่องไปฟ้อง ป.ป.ช. เวลาผ่านไปน๊านนนนาน ป.ป.ช. บอกว่าตัวเองมีอำนาจพิจารณาเฉพาะความผิดทหารยศพลตรีขึ้นไป... จึงโยนเรื่องไปอีกองค์กร คือ ป.ป.ท. และเริ่ม start ใหม่....

เมย์เสียเวลาไปทั้งหมด 4 ปี และฆาตกรเหล่านั้นยังใช้ชีวิตตามปกติ รับราชการ กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน

บอสของหน่วยฝึก คือคนสั่งกระทืบ ระหว่างที่วิเชียรถูกกระทืบและร้องโหยหวน บอสคนนั้นรู้สึกว่ามันเสียงดัง จนต้องชะโงกหน้าออกมาบอกว่า "ทำเบาลงหน่อย" ครูฝึกพาวิเชียรไปกระทืบต่อ โดยนางไม่ได้ออกมาห้าม หลังวิเชียรตาย เป็นคนมาเสนอคลุมธงชาติ เสนอเงิน กลบเรื่องราว

ตอนนั้นบอสหน่วยฝึกมียศเป็นร้อยโท และปัจจุบันหัวหน้าฆาตกรคนนี้ เลื่อนยศเป็น "ร้อยเอก" และกำลังจะเลื่อนขั้นเป็น "พันตรี" ... ที่สำคัญ นางมีพ่อเป็น "พลโท" จึงน่าสังเกตว่านี่อาจเป็นสาเหตุที่นางยังสามารถกินเงินเดือนภาษีประชาชนทั้งที่เพิ่งไปพรากลูกเขามา "ฆ่า" จนทุกวันนี้

ตอนนี้มีเพจที่พยายามจะแฉนาง คือ https://web.facebook.com/lalongnews

---------

ตอนเราเป็นทหารเกณฑ์ เราคิดว่าตัวเองโชคดีที่อยู่ในหน่วยที่ความรุนแรงน้อยมากแล้ว หากเปรียบเทียบกับอีกหลายค่ายที่เคยได้ยิน ที่เคยเห็นมีแค่

-เพื่อน 3 คน หนีออกนอกค่ายไปกินเหล้าตอนดึก พอปีนกำแพงกลับมา ถูกครูฝึกลากมารุมกระทืบ และคืนนั้นให้นอนพื้นปูนหน้าหน่วยฝึก ที่เหลือก็ถูกลงโทษโดยการตบหน้า และให้ออกแรง

-เพื่อนคนหนึ่ง ถูกจับได้ว่าขโมยของ ถูกกระทืบ ถูกไม้เฆี่ยน ถูกสอบสวนไป ตบหน้าแรงๆไปด้วย

-เพื่อนจากอีกหมวด 3 คน ถูกจับได้ว่าเสพยามั้ง(ไม่แน่ใจความผิด) ถูกเฆี่ยนจนตูดแตก

-ทั้งนี้ บอสหน่วยฝึกเรา เคยกล่าวไว้วันแรกๆว่า หน่วยนี้ไม่อนุญาตให้มีการใช้กำลังกระทืบ ตบ ต่อย

-และทั้งนี้อีก ทางกองทัพ เคยออกระเบียบว่า ห้ามแตะเนื้อต้องตัวหรือทำร้ายทหารเกณฑ์

-ทั้งหมด ไม่ถูกนำมาบังคับจริง

-"เสียชีพอย่าเสียสัตย์" คงใช้สอนได้เฉพาะกับลูกเสือ

-จบ ขอบคุณที่อ่าน ทุกคนคงเห็นแล้วว่าเราอินกับเรื่องนี้มาก และมันทำให้เราสะเทือนขวัญมาก เพราะเคยรู้ว่า "มันใกล้ตัว" ขณะที่สังคมส่วนใหญ่ยังเพิกเฉยกับเรื่องนี้ เมย์ยังคงวิ่งไปตามสื่อต่างๆเพื่อเล่าเรื่องนี้ให้เยอะที่สุด หวังให้เป็นกระแส แต่จุดติดยากจริง ได้แต่หวังลมแล้งๆว่าจะไม่มีใครต้องมาโดนแบบนี้อีก

"ลูกสุเทพ" แนะ "มาร์ค" ลาออกจากหัวหน้าพรรค

ลูกสุเทพ" แนะ "มาร์ค" ลาออกจากหัวหน้าพรรค ไปทำงานองค์กรต่างประเทศ หลังถูกด่าไม่ว่ารับหรือไม่รับ

นายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้โพสต์เฟซบุ๊คถึงการประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า 
"คุณอภิสิทธิ์ พูดเรื่องดีๆมีเหตุผล เสียดายคนไทยไม่ฟัง เอาแต่ด่าเอามัน ตามกระแสอย่างเดียว รับก็ด่า ไม่รับก็ด่า!!ถ้าผมเป็นคุณอภิสิทธิ์ จะลาออกจากหัวหน้าพรรค เลิกเล่นการเมือง ไปทำงาน องค์กรต่างประเทศอย่าง UN หรือ WTO ซะเลย"

"บิ๊กตู่" เมิน "มาร์ค" ไม่รับ ขอเห็นใจคนร่างฯ แพลม ร่างใหม่คือเอาของดีทุกร่างมารวมกัน

"บิ๊กตู่" เมิน "มาร์ค" ประกาศไม่รับร่าง รธน. โยน กกต.พิจารณาชี้นำหรือไม่ วอนทุกฝ่ายเห็นใจคนร่าง พร้อมรับไม่ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 27 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญว่า ไม่รับก็ไม่รับ ส่วนจะมีผลต่อฐานเสียงของนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้น ก็ให้ไปถามพรรคประชาธิปัตย์เอา

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายอภิสิทธิ์ระบุอยากให้นายกฯร่างรัฐธรรมนูญเองหากประชามติไม่ผ่าน โดยนำข้อบกพร่องของร่างฯฉบับนี้มาทบทวน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาคงพูดประชด และถ้าร่างเองก็ไม่ได้จะร่างคนเดียว ต้องมีการตั้งคณะขึ้นมาร่างใหม่ แต่อยากให้เห็นใจคนที่ร่างมาทั้งสองคณะ ไม่ใช่มองว่าเขาด้อยค่า ถูกดิสเครดิตมาโดยตลอด ต้องสงสารคนทำเขาบ้าง เขาก็หวังดีเต็มที่ เอาปัญหาบ้านเมืองในอดีตมาดูเพื่อว่าจะทำอย่างไร เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในอนาคต มีความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างประชาชนกับประชาชน ประชาชนกับนักการเมือง อย่าไปโจมตีคนร่างเขามาก เพราะอีกหน่อยจะไม่มีคนร่าง ถ้าไม่มีคนในประเทศไทยที่สามารถร่างได้ ตนก็จะร่างคนเดียว

"จะไปอะไรนักหนา รัฐธรรมนูญก็คือรัฐธรรมนูญ มีความจำเป็นต้องวางกรอบการทำงาน ซึ่งที่ผ่านมาก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง และต้องดูว่ารัฐบาลที่มาใหม่จะทำหรือเปล่า คนไทยต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง ถ้าเราต้องการสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น แต่ยังทำตัวเหมือนเดิม โดยไม่ฟังเหตุผล ยังขยายความขัดแย้งกันอยู่ แล้วทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งทุกอย่างก็เช่น การปล่อยปละละเลย ไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างแท้จริง แต่พอวันนี้ผมใช้กฎหมายอย่างระมัดระวัง เพื่อให้ทุกอย่างกลับสู่ที่เดิม แต่กลับไม่เอาอีก อย่างการจัดระเบียบรถตู้ก็ต้องแก้ปัญหา ถ้าแบบเดิมประชาชนก็ไม่ได้ประโยชน์ ถ้าเป็นแบบนี้อย่ามาพูดกับผม อนาคตไม่เกิด ถ้าต้องการอย่างนั้นจริงก็ค่อยรอ ขอกับรัฐบาลหน้านู่น เพราะผมเข้ามาแก้ปัญหาการปล่อยปละละเลย การเรียกร้องผลประโยชน์" นายกฯกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่นายอภิสิทธิ์ และพรรคเพื่อไทยออกมาแสดงจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญจะเป็นการชี้นำ ซึ่งมีผลต่อการออกเสียงประชามติหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็ต้องถามประชาชน ถ้าเขาดูถูกประชาชนหาว่าไม่รู้เรื่อง แสดงว่ากำลังดูถูกปัญญาประชาชนหรือไม่ ยืนยันว่าประชาชนเขาคิดเป็น ผมอยากให้ประชาชนเข้มแข็งและแข็งแรงด้วยตัวของท่านเองไม่ต้องไปฟังใครมากนัก ถ้าคิดว่าสิ่งที่ทำวันนี้มันดี เข้าใจว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ก็เรื่องของท่าน แต่ถ้าคิดว่าทำแล้วไม่ดีก็เป็นเรื่องของท่าน เพราะท่านเป็นคนกำหนดชีวิตของท่านเอง อย่าให้ผมเป็นตัวกำหนดมากนักเลย"

เมื่อถามว่าแสดงว่าไม่ว่าผลการลงประชามติจะออกมาอย่างไรก็พร้อมรับได้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า ก็ใช่ ทำไมตนจะไม่พร้อมรับได้ กฎหมายว่าอย่างไรตนก็ทำตามนั้น โรดแมปของตนกำหนดไว้อย่างไรก็ทำตามนั้น ทุกคนต้องช่วยกันลดแรงกดดันลงมาให้ได้ เพราะวันนี้เรากำลังเดินหน้าได้ดีพอสมควร "อย่าไปเอาเรื่องเก่าที่เกิดขึ้นมาไม่รู้กี่สิบปี มาย้อนและขัดแย้ง เหตุการณ์เกิดมา 10 ปีแล้ว ผมเข้ามา 2 ปี คนที่ทำให้เกิดความขัดแย้งมา 10 ปี กับผมที่กำลังสร้าง กับไอ้คนที่กำลังทำลาย จะมาจับให้พันอยู่อย่างนี้มันก็ไปไม่ได้"

เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่าเสียงที่ออกมาขณะนี้ของฝ่ายการเมืองจะเป็นการชี้นำการลงประชามติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "สื่อก็ไปฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะเขามีกฎหมายประชามติกำกับดูแลอยู่ ไปถามว่าทำอย่างนี้ผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้ามันไม่ผิดก็เรื่องของเขา"

ต่อข้อถามว่า หากพรุ่งนี้มีนักการเมืองเรียงหน้าออกมาแถลงจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญอีกจะเกิดผลกระทบหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กฎหมายว่าอย่างไร เดี๋ยวก็มีคนไปฟ้องร้องเอง ไม่ต้องกลัว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีคนออกมาชี้นำลักษณะนี้จำเป็นที่รัฐบาลที่จะต้องชี้แจงทางออกของรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ทำรัฐธรรมนูญใหม่ มันจะมีทางออกอื่นอีกหรือไม่ "มันก็ต้องมีรัฐธรรมนูญใหม่ คำว่าใหม่คืออะไร จะใหม่อย่างไรก็คือใหม่ วิธีการก็คือต้องไปทำรัฐธรรมนูญใหม่ มันจะมีวิธีการอะไรอย่างอื่นได้อีกหรือ ไปทำรัฐธรรมนูญใต้น้ำหรืออย่างไร"
เมื่อถามว่าหลายฝ่ายต้องการทราบความชัดเจนและวิธีการหากต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่คืออะไร ใช้อะไรเป็นต้นร่างและเอามาจากไหน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "อะไรจะชัดเจน ผมก็เอาทุกอันมาร่าง อะไรที่มันดีก็เอามารวมกันมันก็จบแล้ว" เมื่อถามว่าการร่างใหม่จะส่งผลให้กระทบกับระยะเวลาของโรดแมปที่กำหนดไว้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โรดแมปก็คือโรดแมป ยิ่งพูดก็ยิ่งไปกันใหญ่




ที่มา : มติชนออนไลน์

"อภิสิทธิ์"แถลงไม่รับร่าง รธน. เสนอถ้าประชามติคว่ำให้ปัดฝุ่นร่างรธน.50ตั้งต้นร่างใหม่

เวลา 14.00 น. วันที่ 27 กรกฎาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ 

"ผมไม่อาจจะรับร่างนี้ได้ เพียงเพราะผมกลัวว่าอาจจะได้รับสิ่งที่แย่กว่า ที่สำคัญ ผมกลับมองว่าถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านประเทศมีโอกาส"


นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ขอยืนยันว่าการไม่รับร่างรธน.ของผม อยู่บนเนื้อหาสาระและขอให้ทุกคนพิจารณาจากเนื้อหาสาระ การลงมติไม่รับ ไม่ใช่เรื่องมาบอกชอบหรือไม่ชอบหรือเชียร์หรือไม่เชียร์ฝ่ายใดทางการเมือง และไม่รับว่าถ้ารธน.ไม่ผ่านจะมาสร้าง

"ถ้ารธน.ไม่ผ่าน ผมคิดว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่จะสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นำในการจัดทำรธน.ฉบับใหม่ ตามรธน.ชั่วคราวและโรดแมปที่กำหนดไว้โดยไม่เปลี่ยนแปลง"นายอภิสิทธิ์กล่าวและว่า จุุดเริ่มต้นของการร่างรธน.ฉบับใหม่ของพล.อ.ประยุทธ์ ควรเริ่มที่ รธน.ฉบับปี 2550
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ใครที่คิดว่าตนแถลงแบบนี้เป็นการสมคบหรือรวมหัวกันของพรรคการเมือง นักการเมือง ไม่ใช่ครับ เพราะผมใช้เหตุและผล ไม่สนับสนุนระบบและวิถีเผด็จการไม่ว่าจะเป็นระบบหรือรัฐบาลใด อุดมการณ์พรรคปชป.เราจะดำเนินการทางการเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และผมพรรคปชป.ไม่มีวันไปสมคบกับคนที่คิดโกงชาติเด็ดขาด 

ทั้งนี้ขอไม่ตอบคำถามสื่อในวันนี้ และไม่ได้คิดหนีไปไหน แต่ขอให้ท่าน(สื่อมวลชน)ไปพิจารณาสาระที่ตนพูด และไปพิจารณาว่าเราจะทำให้ประเทศเดินหน้าได้หรือไม่ ตนเคารพความคิดที่แตกต่างเสมอ ถ้าใครคิดว่าสิ่งที่ตนพูดไม่ใช่ ข้อเท็จจริงที่เอามาอ้างไม่ใช่ ตนเคารพความคิดเห็นนั้น ยินดีแลกเปลี่ยน แต่ขออย่าเอาเนื้อหาสาระที่ตนพูดดึงตนไปสู่ประเด็นว่าขัดแย้งกับใครหรือสมคบกับใคร

"ผมไม่ได้ขัดแย้งหรือสมคบกับใคร ผมแถลงด้วยความเชื่อบริสุทธิ์ใจว่าจุดยืนนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพาบ้านเมืองไปในอนาคต"นายอภิสิทธิ์กล่าว 

วัฒนา เมืองสุข : "วางอาวุธแล้วมอบตัว ประชาชนล้อมไว้หมดแล้ว"


TV24 NEWSROOM ได้แชร์รูปภาพของ Watana Muangsook
9 ชม.
Watana Muangsook
9 ชม.
"วางอาวุธแล้วมอบตัว
ประชาชนล้อมไว้หมดแล้ว"
ผมคิดไว้แล้วว่าหัวหน้า คสช. จะต้องใช้มาตรา 44 จัดการกับนายก อบจ. เชียงใหม่ รวมทั้งทหารตำรวจจะต้องยกกำลังไปควบคุมตัวอีกหลายคน เพราะเป็นการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของเผด็จการที่จะรักษาอำนาจไว้ การสร้างความหวาดกลัวเป็นวิธีเดียวที่เหลืออยู่ เนื่องจากวาทกรรมที่เคยนำมาป้ายสีแล้วได้ผลคือ "นักการเมืองคัดค้านเพราะเสียประโยชน์จากร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง" ไม่อาจนำมาใช้ได้อีกเพราะกลุ่มที่ออกมาคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คือนักวิชาการ อาจารย์ นิสิต นักศึกษาและประชาชนรวม 43 องค์กร โดยไม่มีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงทำให้เหลือเพียง 3 กลุ่มเท่านั้นที่ยังสนับสนุนเผด็จการคือ คสช. กรธ. และหัวหน้านกหวีด วันนี้ คสช. ทำให้คนไทยลืมความขัดแย้งที่ผ่านมาทั้งหมดทำให้เหลือคนเพียงสองกลุ่มเท่านั้น คือ กลุ่มที่สนับสนุนประชาธิปไตยกับกลุ่มที่สนับสนุนเผด็จการ นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งที่สามที่นักการเมือง นักวิชาการ นิสิต นักศึกษาและประชาชนคิดเหมือนกัน ครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2516 ครั้งที่สองเมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 ทุกครั้งที่ประชาชนรวมตัวกันได้เผด็จการย่อมรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น จากนี้ไปจึงอยู่ที่ คสช. ว่าดวงตาจะเห็นธรรมหรือไม่ หากผลประชามติออกมาว่าประชาชนไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญ สิ่งที่ คสช. ควรทำคือรีบคืนอำนาจให้กับประชาชนโดยจัดให้มีการเลือกตั้ง แล้วให้ประชาชนไปเลือกตัวแทนมาร่างรัฐธรรมนูญกำหนดกติกาการปกครองประเทศกันเอง หากยังอวดดีกล้าใช้อำนาจโดยไม่เห็นหัวประชาชนเพื่อรักษาอำนาจที่ได้มาโดยไม่ชอบอีกต่อไป ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามพุทธภาษิตที่ว่า กมฺมุนา วตฺตตี โลโก แปลว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
วัฒนา เมืองสุข
พรรคเพื่อไทย
27 กรกฎาคม 2559

"อภิสิทธิ์"กับการตัดสินใจ"โหวตโน"


จากFB ศิโรจน์ คล้ามไพบูลย์

คุณอภิสิทธิ์เป็นผู้นำการเมืองที่สำคัญที่สุดคนนึงในสังคมไทย ใครจะชอบหรือไม่ชอบเป็นอีกเรื่อง แต่ในฐานะหัวหน้าพรรคใหญ่อันดับสอง ในฐานะอดีตนายก และในฐานะ ส.ส.กรุงเทพมหานคร 24 ปี คุณอภิสิทธิ์รู้แน่ๆ ว่าคำประกาศบ่ายสองวันนี้จะส่งผลอย่างไรต่อการเมืองไทย

บ่ายสองโมงวันนี้คุณอภิสิทธิ์จะแถลงท่าทีว่า “ไม่รับ” หรือ “รับ” ร่างรัฐธรรมนูญ สาระสำคัญของเรื่องเป็นการประกาศว่าพรรคเก่าแก่และอดีตนายกของประเทศเอาอย่างไรกับร่างฉบับนี้ จะตัดสินใจแบบไหนย่อมมีคนด่าและคนวิพากษ์วิจารณ์่ ถ้า “ไม่รับ” ก็จะมีคนกลุ่มหนึ่งด่า แต่ถ้า “รับ” ก็จะมีคนอีกกลุ่มวิจารณ์เหมือนกัน เรื่องเสียงวิจารณ์จึงไม่ควรเป็นประเด็นในการตัดสินใจ

คิดอย่างผิวเผินแล้ว “ไม่รับ” หรือ “รับ” เหมือนเป็นการเมืองน้ำเน่าประเภทใครขั้วไหน ใครสนับสนุนใคร ใครต่อต้านใคร แต่คุณอภิสิทธิ์ย่อมประเมินออกว่าการ “ไม่รับ” มีนัยยะกว่าการแย่งอำนาจเฉพาะหน้าเยอะ การตัดสินใจของคุณอภิสิทธิ์ควรคิดถึงนัยยะของร่างนี้ให้มากๆ และนิ่งพอจะไม่สนใจคำโจมตีจากฝ่ายซึ่งหมกมุ่นเรื่องแย่งอำนาจการเมือง ไม่ว่าจะจากสีเสื้อไหน พรรคอะไร และก๊วนไหนก็ตาม

ใครอ่านร่างมีชัยก็เห็นตรงกันว่าประเทศไทยในอนาคตจะสืบทอดเส้นทางแบบที่เป็นหลังปี 2557 ประชาชนคุมนโยบายรัฐบาลไม่ได้ พรรคการเมืองเป็นแค่ไม้ประดับของรัฐบาลแบบตอนนี้ วุฒิสมาชิกคือพรรคือพรรคใหญ่ที่ทหารจองที่นั่ง 250 คน ไว้เลือกนายก และมีโอกาสสูงที่็ข้าราชการจะคุมกลไกบริหารประเทศหนักกว่าปัจจุบัน

คุณอภิสิทธิ์รู้เท่าทุกคนที่มองสถานการณ์ออกรู้ว่าประเทศไทยปี 2559 อยู่ด้วยกลไกนี้ไม่ได้ ร่างมีชัยเอาเรื่องปฏิรูปประเทศ/ ยุทธศาสตร์ประเทศ ฯลฯ ปนกับการสืบทอดอำนาจ ใครไม่ทำตามแผนของรัฐตอนนี้ถูกปลดได้หมด แต่สถานการณ์ตอนนี้และอีกหลายสิบปีเป็นแบบนี้ไม่ได้ การพัฒนาประเทศ การปฏิรูปประเทศ การสร้างยุทธศาสตร์ประเทศ ฯลฯ ต้องทำผ่านประชาธิปไตย ให้ประชาชนกำหนดอนาคตของเขาเอง

ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งทางการเมืองในไทยมานาน คุณอภิสิทธิ์ย่อมทราบว่าคนจำนวนหนึ่งในวงการเมืองและสังคมมีมุมมองแบบสุดขั้ว แต่ตอนนี้ปัญหาของประเทศไม่ใช่เรื่องประเภทประชาธิปัตย์ vs เพื่อไทย , ไม่ใช่ ทักษิณ/เกลียดทักษิณ และไม่ใช่ ประชาธิปไตย vs เผด็จการ ด้วยซ้ำไป โจทย์ตอนนี้มันง่ายมาก นั่นก็คือประโยชน์สาธารณะจะเสียไปหมด และทุกฝ่ายจะเสียหาย หากร่างมีชัยสร้างกลไกการเมืองอย่างที่ต้องการขึ้นมา

เดาได้ไม่ยากว่าในพรรคและคนที่ล้อมรอบคุณอภิสิทธิ์จำนวนหนึ่งคงอยากให้คุณอภิสิทธิ์ประกาศ “รับ” โดยเฉพาะพวกคนแก่ที่หมกมุ่นเรื่องประเภท “ระบอบทักษิณ” มากกว่าสิบปี หรือคนใหม่ๆ ที่เข้าการเมืองตอนที่ประเทศตีกันเละเทะ แต่คุณอภิสิทธิ์ไม่ใช่คนสองกลุ่มนั้น คุณอภิสิทธิ์มองออกแน่ๆ ว่าร่างนี้จะทำให้เกิดระบอบใหม่ซึ่งน่ากลัวกว่าทุกระบอบที่เราตีกันตลอดสิบปี

ต่อให้คิดแบบอยากได้อำนาจ ร่างนี้ก็ไม่ทำให้ประชาธิปัตย์ได้อำนาจ เป็นได้อย่างมากก็รัฐมนตรีพลเรือนในรัฐบาลแบบนายกปัจจุบัน

ในร่างมีชัย อย่างดีที่ประชาธิปัตย์จะได้คือเป็นรองนายกแบบที่หม่อมอุ๋ยเคยเป็น นั่นคือเป็นมือเป็นไม้แบบต่อรองเรื่องนโยบายเรื่องประโยชน์ประเทศไม่ได้ และหากทำพลาด ก็ถูกเขาไล่ออกอย่างไม่ใยดี ส.ส.ในพรรคจะมีเกียรติยศไม่ต่างจากส.ส.พรรคสามัคคีธรรม หรือ “พรรคมาร” สมัยพฤษภาคม 2535 หรือพรรค “สหประชาไทย” ยุคถนอม กิตติขจร

เด็กๆ ในพรรคอยากรู้ว่าสถานะ ส.ส.ตอนนั้นเป็นอย่างไรก็ลองถามคุณชวน หลีกภัย หรือคนในพรรคที่ทันเหตุการณ์ปี 2535 อย่างคุณองอาจหรือคุณนิพิฎฐ์ดู

การตัดสินใจของคุณอภิสิทธิ์วันนี้จะเปิดหมุดหมายใหม่ของประเทศว่าเราต้องหยุดความขัดแย้งที่ทะเลาะกันกว่าสิบปี ประเทศไทยตอนนี้เผชิญปัญหาที่ใหญ่กว่าเยอะ เป็นปัญหาที่จะฉุดประเทศถอยหลังไปหลายสิบปี เป็นปัญหาที่จะสร้างภาระให้คนในอนาคตมาแก้ เป็นปัญหาที่อาจพาประเทศสู่การเผชิญหน้าที่เลวร้ายที่สุด และเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันทุกวิถีทางที่จะหยุดยั้งมัน

มั่นใจว่าตอนนี้คุณอภิสิทธิ์กำลังเผชิญสถานการณ์ที่ตัดสิน และ “จัดการ” ได้ยากครั้งหนึ่งในชีวิต ตัดสินใจแบบไหนก็จะมีคนตำหนิ แต่ในฐานะคนที่เคยผ่านเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 คุณอภิสิทธิ์รู้อยู่แล้วว่าว่าการตัดสินใจแบบไหนจะปกป้องประโยชน์สาธารณะของประเทศ ปกป้องประเทศไทยปัจจุบัน และหลีกเลี่ยงความรุนแรงที่จะตามมา

ไม่มีนักการเมืองคนไหนอยากเผชิญเสียงตำหนิจากประชาชน แต่ในเวลานี้ เสียงของพวกสุดโต่งคือเสียงที่เราต้องฟังให้น้อยที่สุด ปล่อยพวกหมกมุ่นกับอดีตให้หมกมุ่นกับอดีตต่อไป เพราะถึงอย่างไรเสียงประชาธิปไตยก็จะดังที่สุดในปัจจุบันและอนาคตครับ ประวัติศาสตร์ที่ไหนก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน

ในฐานะเป็นคนในเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 ผมจำได้ว่าคุณอภิสิทธิ์ตอนนั้นเป็นอาจารย์หนุ่มที่มาร่วมประชุมกับนักศึกษาพร้อมคนในประชาธิปตย์ปัจจุบันและคนจากพรรคอื่นหลายครั้งในเวลาที่ยังไม่รู้ว่าประชาชนจะชนะหรือแพ้ คุณอภิสิทธิ์คงจำได้เหมือนกันว่าผู้นำพรรคยุคนั้นคือคุณชวนร่วมต้านรัฐธรรมนูญมีชัยเคียงข้างกับผู้นำพรรคอื่นอย่างคุณจำลอง คุณอุทัย และ พล.อ.ชวลิต เพราะทุกพรรคและทุกคนรู้ว่ามีแต่การร่วมมือกัน ยุติความขัดแย้งในอดีต เราถึงจะยุติปัญหาที่จะเป็นภัยคุกคามทุกคนได้จริงๆ
ขอให้การตัดสินใจวันนี้บ่ายสองเป็นการตัดสินใจเพื่อประชาธิปไตยและประโยชน์สาธารณะครับ Abhisit Vejjajiva

บึ้มชาวเคิร์ดตาย44เจ็บ

สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม เกิดเหตุระเบิด 2 ครั้งซ้อนขึ้นที่เมืองคามิชลี ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศซีเรีย ซึ่งมีชาวเคิร์ดอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 44 ราย และมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 170 คน
ขณะที่ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีที่อยู่ในเมืองคามิชลี เปิดเผยว่า ระเบิดครั้งแรกเกิดขึ้นเนื่องจากคนร้ายได้ก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายขึ้นขณะอยู่ภายในรถบรรทุกขนาดใหญ่ บริเวณด่านตรวจใกล้กับหน่วยงานราชการของเคิร์ด
แหล่งข่าวในกองกำลังฝ่ายความมั่นคงอาซาเยช ของเคิร์ด เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า เหตุระเบิดครั้งนี้ถือเป็นระเบิดครั้งใหญ่ที่สุดในเมืองเท่าที่เคยเกิดขึ้นมา พร้อมระบุว่า โรงพยาบาลท้องถิ่นเต็มไปด้วยผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตี
ด้านสถานีโทรทัศน์ของทางการซีเรียรายงานว่า ผู้ว่าการจังหวัดฮาซาเกห์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองคามิชลี เรียกร้องให้ประชาชนออกไปช่วยกันบริจาคเลือดตามโรงพยาบาลเอกชนและโรงพยาบาลของรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกโจมตีจากการก่อการร้ายครั้งนี้
ข่าวระบุว่า เมืองคามิชลี มักจะตกเป็นเป้าของการก่อเหตุระเบิดรุนแรง และหลายครั้งที่กลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) อ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุ โดยเหตุการณ์ครั้งนี้สำนักข่าวอามัค ซึ่งเกี่ยวโยงกับกลุ่มไอเอสรายงานว่า เหตุระเบิดฆ่าตัวตายครั้งนี้เป็นระเบิดรถบรรทุกที่โจมตีสำนักงานใหญ่ของกองกำลังเคิร์ด ที่เมืองคามิชลี และไม่มีการอ้างตัวว่าไอเอสเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

ผ่าน-ไม่ผ่าน เกิดอะไร ทายท้าวิชามาร

ใบตองแห้ง

ร่างรัฐธรรมนูญผ่าน-ไม่ผ่าน จะเกิดอะไร เป็น Scenario ที่คนจำนวนมากยังคลุมเครือและมีผลต่อการตัดสินใจ บ้างก็กลัวว่าถ้าไม่ผ่านจะเกิดความวุ่นวาย จะไม่มีเลือกตั้งตามโรดแม็พ ฯลฯ

ผู้มีอำนาจก็พยายามทำให้คลุมเครือเข้าไว้ เพื่อให้ประชาชนไม่มีทางเลือก จะได้ยอมจำนนแต่โดยดี พวกที่สายตาสั้นอยู่แล้วก็เชื่อว่าหยวนยอมไปเถอะ อย่างน้อยบ้านเมืองก็ยังสงบ จะได้ทำมาหากิน เดี๋ยวก็มีเลือกตั้งจะต้องไปขัดขวางเขาทำไม

เช่น ตอนนี้มีข่าวสะพัดว่า สถาบันใหญ่ๆ ภาคเอกชนบอกสมาชิกให้รับร่าง จะได้เศรษฐกิจดี แต่ไม่รู้เพราะสายตาสั้นหรือมีผลประโยชน์กับรัฐบาลทหารกันแน่

ถ้าพูดไปถึงอนาคต ร่างรัฐธรรมนูญวางกับระเบิดไว้ให้เกิดความแตกแยกรุนแรงมากมาย โดยเฉพาะรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ไม่ว่าฝ่ายไหนก็อยู่ยาก แค่มีเลือกตั้งก็วุ่นวาย แต่เมื่อคนไทยสายตาสั้น พูดไปก็ไลฟ์บอย คนไทยแค่อยากฟังว่าหลังประชามติจะเกิดอะไร ส่วนที่เหลือก็แก้ปัญหากันไปเฉพาะหน้า

Scenario ที่จะเกิดขึ้นหลังประชามติคืออะไร หนึ่ง ผ่านอย่างโล่งโจ้งโปร่งใส สังคมได้ฉันทามติ คสช.ชนะใจคนไทย เดินหน้าไปสู่เลือกตั้ง หรือสอง ไม่ผ่านก็ไม่เห็นเป็นไร คสช.ยังอยู่ต่ออย่างสบายใจ ร่างเอง ร่างใหม่ ยังไงๆ ก็ยังมีเลือกตั้งตามโรดแม็พ

ไม่ว่าผ่านหรือไม่ผ่าน ก็ไม่เกิดทั้งสองอย่างนั่นละครับ โลกหมุนไปแล้วไม่มีหวนกลับ 3 เดือนที่ผ่านมา เราเห็นกระแสไม่รับเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากเสื้อแดง เพื่อไทย ไปจนภาคประชาสังคม หรือบางคนที่เคยเป่านกหวีด พร้อมๆ กับเห็นการปิดกั้น หวั่นไหว ไล่จับ ตั้งแต่ขบวนการประชาธิปไตยใหม่รณรงค์ไม่รับ ไปถึงจับเด็ก จับลิง และห้ามโฆษณากาแฟ “กาโน”

ฉะนั้น Scenario ที่จะเกิดขึ้นจริงก็คือ ถ้าผ่าน จะเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ไม่ยอมรับว่าประชามติไม่ Free ไม่ Fair โดยกระแสต้านจะกว้างขวางขึ้น ผนวกกระแสความไม่พอใจเรื่องอื่นๆ ขณะที่ คสช.ก็จะอ้างความชอบธรรมจากประชามติ ซึ่งรับรอง ม.44 ในบทเฉพาะกาล ใช้อำนาจควบคุมอย่างเข้มงวดขึ้น ท่ามกลางกองเชียร์ทั้งสื่อและมวลชนที่เลือกข้าง

อย่าลืมว่า การเลือกตั้งยังไม่เกิดทันที บทเฉพาะกาลมาตรา 267-268 ให้เวลากรธ.ร่างกฎหมายลูกอีก 8 เดือน หลังกฎหมายเกี่ยวกับเลือกตั้ง 4 ฉบับเสร็จ จึงเลือกตั้งใน 3 เดือน ไม่เหมือนปี 50 ที่มีเลือกตั้งใน 4 เดือน ในช่วงเวลาปีกว่าๆ ที่ คสช.ยังไม่ลงจากอำนาจ ยังอาจเกิดชนวนขัดแย้งอีกหลายจุด

ถ้าไม่ผ่าน จริงหรือที่ คสช.จะอยู่อย่างสบายใจไม่สะดุ้งสะเทือน ไม่เกี่ยวไม่ข้องไม่ต้องรับผิดชอบ อาจมีสื่อมีลูกไล่ตีขลุมว่าประชาชนไม่รับเพราะอยากให้อยู่นาน แต่ความจริงก็รู้กันเพราะอะไร

แน่ละ ฐานกองทัพมั่นคงปึกแผ่น ไม่มีใครล้มได้ แต่การตัดสินใจอะไรต่อไปจะยากลำบาก จะมีคนกล้าคัดค้านมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ก็ไม่เห็นทางออก จะถูกกดดันจากภาคประชาสังคม นักวิชาการ พรรคการเมือง ว่าต้องให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม แม้มีอำนาจร่างเองประกาศใช้เลยแต่ก็ไร้ความชอบธรรม จะลงจากอำนาจไม่ได้หรือลงไปก็ตาไม่หลับ

เว้นแต่จะปรับตัวถูกกดดันจนต้องผ่อนคลายอำนาจ หันมา “ปรองดอง” กับทุกฝ่าย หาฉันทามติไปสู่เลือกตั้งแล้วกองทัพถอยไป นั่นเป็น Scenario ที่ต้องวัดใจกันอีกยก ถ้าไม่ผ่าน
                                                                                                                ใบตองแห้ง

"บิ๊กป้อม”ห่วง ก่อการร้าย มากกว่า ลงประชามติ ยันต้องไม่ประมาท เกิดได้ทุกที่



เผย จับ Hacker รัสเซีย ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ปัด รัสเซียส่งจดหมายขอผู้ร้ายข้ามแดน/บิ๊กป้อม ไม่ห่วง ประชามติ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึง การดำเนินคดีกับ นายดีมิทรี ยูเคนสกี ผู้ต้องหา แฮคเกอร์ ชาวรัสเซีย ในคดีโจรกรรมข้อมูลทางการเงินทางอินเทอร์เน็ตในสหรัฐ และหลายประเทศ ว่า ยังไม่ทำอะไร ต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมาย
เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่ได้เริ่มต้นอะไร ยังอยู่ในขั้นตอนของเรา จับได้จะต้องดำเนินคดี และทางตำรวจได้ส่งเรื่องให้อัยการแล้ว
ทั้งนี้ทางรัสเซียก็ยังไม่ได้ส่งหนังถือถึงทางการไทยเพื่อขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน หากเขาทำค่อยว่ากัน เพราะมีกฎหมายรองรับ ทุกอย่างต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งกฏหมายว่าอย่างไรก็ต้องดำเนินการไปตามนั้น
ส่วนการที่พวกนี้ ชอบมาหลบในประเทศไทย นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า คงชอบประเทศไทย มั้ง แต่ เราดูแลเข้มงวด ทั่ง เรื่องก่อการร้าย ด้วย โดยประสานมิตรประเทศ
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ในการลงประชามติ ไม่ห่วงอะไร แต่ห่วงเรื่อง ก่อการร้าย มากกว่า เพราะ เรื่องก่อการร้ายไม่ควรประมาท และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนดูแลความเรียบร้อยอยู่ ขณะนี้เหตุก่อการร้ายเกิดขึ้นทั่วโลกไม่ใช่ที่ใดที่หนึ่ง หากประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาจะช่วยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

"บิ๊กตู่” ยันจับหมดพวกป่วนประชามติ ฉีกรายชื่อ แต่ไม่จับ เด็ก จับ ลิง



นายกฯลั่น จับหมดพวกป่วนประชามติ แต่ไม่จับเด็ก จับลิง เพราะดูที่ความมุ่งหมาย
เผย ไม่มีตั้งวอร์รูม ประเมินสถานการณ์ 7 ส.ค. ซัดพวกอยากให้มีประชามติ แต่ยังต่อต้าน เผยไปเลือกตั้งทุกครั้ง แต่ที่ผ่านมาลงคะแนนเลือก รัฐบาล.ผิดมาหลายรัฐ เตือน พวกนักกาเมืองภาคเหนือ หากสอบโยงป่วนสถานการณ์ โดนแน่/ยัน จับคนฉีกรายชื่อประชามติ ดูที่ความมุ่งหมายฉีกเพื่ออะไร ใครฉีก ลิงหรือเด็ก แล้วจะจับลิงกับเด็กหรือ ไม่มีทาง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหน.คสช. กล่าวถึงกรณีการฉีกทำลายบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติในช่วงนี้ว่า ต้องดูที่ความมุ่งหมายว่าฉีกเพื่ออะไร ใครฉีก ลิงหรือเด็ก แล้วจะจับลิงกับเด็กหรือไม่ ซึ่งไม่มีทาง
ต้องพูดเรื่องที่มีหลักฐานหรือจะหาว่ารัฐบาล คสช.ทำ ที่มีการเจอเป็นปึกๆขอให้ไปดูตอนนี้กำลังสอบอยู่
เมื่อถามว่า การฉีกบัญชีรายชื่อ จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะถึงช่วงเวลาทำประชามติแล้วก็ต้องเกิด นานๆถึงจะเกิด ก็เห็นอยู่ว่ามีการต่อต้าน ถามว่าคนที่ไม่ต่อต้านมีมากกว่าคนที่ต่อต้านหรือไม่ เพราะประชาชนส่วนอื่นๆ ก็ไม่เห็นเป็นอะไรยังทำมาหากินกันอยู่ แล้วจะมาทำให้เกิดความวุ่นวายประเทศไม่มีเสถียรภาพ ทำประชามติไม่ได้
"ถามว่าใครเป็นคนเคลื่อนไหว ตอบมาว่าใคร ใครเป็นฝ่ายต่อต้าน พูดออกมาให้ชัด"
"ถ้าสอบถึงใครคนนั้นโดนหมด ขณะนี้กำลังสอบอยู่ ทำตอนไหนก็โดนตอนนั้น ทำตอนนี้โดนตอนนี้ ทำหลังจากนี้ก็โดนหลังจากนี้ "
นายกฯ กล่าวว่า เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้เกินความคาดหมายของรัฐบาลและคสช.อยู่แล้ว ตราบใดที่ยังมีคนแบบนี้อยู่ สื่อก็ยังขยายอยู่ ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น อย่าคิดอะไรมาก ก็แก้ปัญหาไป
“ลงประชามติก็ลงไปสิ ผมก็ไปเลือกตั้งทุกครั้ง และก็เลือกรัฐบาลผิดมาหลายครั้งแล้ว"
นายกฯ ปฏิเสธที่จะบอกว่า ผมจะไปลงประชามติตอนกี่โมง ครอบครัวไปหรือไม่ เป็นเรื่องของความปลอดภัย และหลังจากไปลงประชามติแล้วก็จะกลับบ้าน ไม่ได้ไปไหน
ผมคาดหวังให้ประชาชนมีสติรู้ รู้คิด รู้ปฏิบัติ รู้ทำ ประชามติจะออกมาอย่างไรก็ไม่ทราบ แต่ขึ้นอยู่กับที่ประชาชนจะเข้าใจมากหรือน้อย การเข้าใจของประชาชนก็ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรรมาการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) หรือรัฐบาล แต่อยู่ที่จะสนใจมากน้อยแค่ไหน แล้วใครเป็นคนชี้นำ ให้ผิดหรือถูก ผมก็ไม่รู้” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า การทำประชามติครั้งนี้คาดหวังอะไรต่อนักการเมืองบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้คาดหวังอะไรกับใครทั้งสิ้น เพราะคาดหวังต่อตัวเองก็แย่อยู่แล้ว แต่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อแก้ปัญหาให้ได้ ทั้งปัญหาเดิม และวางอนาคตเพื่อเดินหน้าประเทศ จากนั้นก็จะหมดหน้าที่ของผม ผมรับฟังทุกคนเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ ไม่อยากใช้อำนาจใดๆทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า ในวันออกเสียงประชามติรัฐบาลจะตั้งวอร์รูม จับตาดูสถานการณ์หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า วอร์รูมอะไร มันมีวอร์รูมมานานแล้ว เพราะเขามีคณะทำงานของฝ่ายความมั่นคง สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) คสช. แล้วจะไปตั้งอะไรใหม่ บ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติหรืออย่างไร หรืออยากให้บ้านเมืองไม่ปกติ ถ้าไม่อยากก็ขอให้เบาๆลงบ้าง มันพร้อมทุกที่ ประมาทอะไรไม่ได้ ถ้าไม่หยุดไว้บ้างก็ไปไม่ได้
เมื่อถามถึง ความคืบหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมจับกุม 5 นักการเมืองภาคเหนือ ที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ช่วงประชามติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วผิดหรือไม่ หลักฐานยังไม่มี ซึ่งส่วนตัวยังไม่รู้ว่านักการเมือง 5 คนนี้คือใคร เพราะผมไม่รู้จักสักคน ต้องรอให้มีการสอบสวนก่อน สอบถึงใครก็จับหมดถ้าเกี่ยวข้องมีหลักฐานก็ต้องถูกดำเนินคดี
จากนั้นก็ไปสู้คดีกัน แต่หากเขาไม่ทำผิดผมก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ไปดูคนทำสิ ทุกคนอยากให้ทำประชามติ แค่จัดประชามติยังไม่ได้เลยมีการต่อต้าน แล้วจะทำอะไรกันต่อ