PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

กระชากแก๊งหมิ่นเพิ่ม20ราย พบสร้าง"ราชภักดิ์"ผิดปกติ | เดลินิวส์


กระชากแก๊งหมิ่นเพิ่ม20ราย พบสร้าง"ราชภักดิ์"ผิดปกติ 10 พ.ย.กระชากแก๊งหมิ่นสถาบันเบื้องสูงลงโทษเพิ่มอีก 20 ราย เผยจนท.ตรวจเพิ่มอีก 1 โครงการจัดสร้างหนังสือ "7 ตำนานสมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม" พล.ต.-พ.อ.เข้าไปดำเนินการ 

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน 2558 เวลา 1:00 น. 

จากกรณีตำรวจจับกุมผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112 รวม 3 ราย ประกอบด้วย นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ "หมอหยอง" อายุ 53 ปี นักโหราศาสตร์ชื่อดัง นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือ "อาร์ท ชัตเตอร์มหาเทพ" อายุ 39 ปี ที่ปรึกษาและคนสนิทของนายสุริยัน และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือ"สารวัตรเอี๊ยด" อดีตสว.กก.1 บก.ปอท. โดยทั้งหมดถูกนำไปควบคุมตัวที่ เรือนจำชั่วคราว มทบ.11 แต่ระหว่างควบคุมตัว พ.ต.ต.ปรากรม ใช้เสื้อผู้ต้องขัง ผูกคอฆ่าตัวตายไป 

ส่วนการขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการ ตำรวจจับกุมนายศุกร์โข ตามเสรี หรือ เค อายุ 32 ปี คนสนิทของ พ.ต.ต.ปรากรม ได้เพิ่มเติม ในความผิดฐานครองครองปืนและเครื่องกระสุนปืน แต่ยังไม่มีหลักฐานเอาผิด ในคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง 

ขณะเดียวกัน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่เหลือ ปรากฏชื่อนายตำรวจใหญ่ รวมทั้งนายทหารระดับสูง ยศตั้งแต่ พล.ต.-พ.อ. เข้ามาเกี่ยวข้องกว่า 50 นาย รวมทั้งส่อทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ด้วย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 7 พ.ย.

 มีรายงานข่าวจากชุดคลี่คลายคดี หมิ่นสถาบันเบื้องสูงแจ้งว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบปากคำพยานเพื่อหาความเชื่อมโยงเกี่ยวกับบุคคลอื่นๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเพิ่มเติม โดยพบว่านายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง 1 ในผู้ต้องหาคนสำคัญ ได้พาดพิงถึงนายทหาร 2 นาย ยศ พล.ต. และ พ.อ. ว่า มีส่วนพัวพันเรื่องดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลสืบสวนแต่ปรากฏว่านายทหารยศ พ.อ.ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว โดยทหารทั้ง 2 นายนี้ สนิทสนมกับนายทหารระดับสูงซึ่งได้เกษียณอายุราชการไปแล้วด้วย 

นอกจากนี้ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบทางเทคโนโลยีเกี่ยวกับการสื่อสารทั้งหมดของผู้ต้องหาและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทำให้พบว่ามีการร่วมกันทุจริตโดยแอบอ้างเบื้องสูงในหลายเรื่อง ส่วนหนึ่งคือการจัดทำเสื้อกิจกรรมสำคัญที่มีการเรียกรับเงินจากบริษัทเอกชนไปมากถึงกว่า 70 ล้านบาท 

โดยพบว่ามียอดเงินกว่า 20 ล้านบาท เป็นเงินที่ได้มาจากบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง สำหรับประเด็นเรื่องเงินจำนวน 20 ล้านบาท ที่มีนายทหารระดับ พ.อ. เข้ามาเกี่ยวข้องนี้ พบข้อมูลว่า นายทหารคนดังกล่าวได้ติดต่อหญิงสาวรายหนึ่งซึ่งทราบว่าเป็นเจ้าของบริษัทผลิตเสื้อแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ที่สนิทสนมกันมานานให้เข้ามาเป็นตัวแทน หรือนอมินีเพื่อรับสมอ้างที่จะเข้ามารับงานเป็นผู้ผลิตเสื้อ 

โดยมีรายงานการตรวจสอบย้อนไปพบในกล้องวงจรปิดว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา พ.อ. รายนี้ได้เดินทางไปรับหญิงสาวที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วเดินทางมาบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่เพื่อรับเช็คเงินสดที่สั่งจ่ายสำหรับใช้ในการผลิตเสื้อ โดยจากภาพที่ปรากฏ พ.อ. แต่งเครื่องแบบเต็มยศมาด้วย 

อีกทั้งมีหลักฐานเป็นการสนทนาในช่วงเวลาต่าง ๆ และยังมีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดที่ยืนยันว่าผู้ต้องหาโดยเฉพาะนายสุริยันเคยนัดกับ พ.อ. ที่โรงแรมในกรุงเทพฯ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการขอสปอนเซอร์ในกิจกรรมพิเศษเช่นกัน รวมทั้งได้ตรวจสอบเส้นทางการโอนเงินของบริษัทผลิตเสื้อ พบว่ามีการโอนเงินส่วนหนึ่งมายังนายสุริยัน ซึ่งคาดว่าเป็นเงินส่วนต่าง ก่อนที่นายสุริยันจะนำเงินไปซื้อคอนโดมิเนียมที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นของหญิงสาวที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับ พ.อ.คนดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ทางชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่หาเบาะแสเพิ่มเติมในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ พร้อมเข้าตรวจค้นบ้านพัก และโรงงานภายใน จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านพักของผู้ที่มีความสนิทสนมของนายทหารยศ พ.อ. แล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการต่อไป นอกเหนือจากการทุจริตการจัดทำเสื้อแล้ว ชุดสืบสวนยังพบอีกว่านายทหารทั้ง 2 นาย ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเฉพาะการจัดซื้อวัสดุก่อสร้าง และการก่อสร้างพื้นฐานต่าง ๆ รวมทั้งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบกิจกรรมต่าง ๆ ที่ปรากฏชื่อนายทหารทั้ง 2 นายเข้าไปดำเนินการ โดยเฉพาะโครงการจัดทำหนังสือ 7 ตำนานสมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม เพื่อตรวจสอบความโปร่งใสการดำเนินการด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนของการติดตามจับกุมผู้ร่วมกระทำผิดรายอื่น ๆ นั้น ยังอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเตรียมออกหมายจับ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเพิมเติม เบื้องต้นคาดว่า น่าจะมีนายทหาร ตำรวจ และพลเรือน เข้าไปมีส่วนพัวพันคดีดังกล่าวเข้าข่ายไม่ต่ำกว่า 20 คน โดยแบ่งออกเป็นทหาร 2 ราย ตำรวจ 4 ราย และพลเรือนอีก 14 ราย ซึ่งในส่วนของพลเรือนนั้นเป็นบุคคลในเครือข่าย หรือกลุ่มนอมินี ที่ปรากฏเส้นทางเงินที่เชื่อมโยง คาดว่าไม่น่าเกินวันที่ 10 พ.ย.จะมีความชัดเจน ต่อมารายงานจากชุดคลี่คลายคดี แจ้งเพิ่มเติมว่า ภายหลังพบความผิดปกติเกี่ยวกับโครงการอุทยานราชภักดิ์พนักงานสอบสวนได้เริ่มตรวจสอบที่มาที่ไป และทำการสอบปากคำเจ้าของโรงหล่อแห่งหนึ่ง ซึ่งเข้าร่วมจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ทำให้ทราบว่าราวเดือน ต.ค.57 ได้รับการติดต่อจากเซียนพระชื่อดังคนหนึ่งในฐานะคณะกรรมการจัดสร้าง ให้ไปพูดคุยเรื่องการดำเนินการจัดสร้างพระบรมราชาอนุสาวรีย์พระมหากษัตริย์ 7 พระองค์ ที่กรมกิจการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน กระทั่งมีการเซ็นสัญญาจ้างตกลงค่าจ้างที่ราคา 44 ล้านบาท ให้หล่อพระบรมราชาอนุสาวรีย์พระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่ง ซึ่งในส่วนขั้นตอนรายละเอียดต่าง ๆ ต้องประสานนายทหารยศ พล.ต. ที่มีการระบุก่อนหน้านี้ว่าเข้ามามีส่วนดำเนินการจัดสร้าง อย่างไรก็ตามในการดำเนินการครั้งนี้ต้องจ่ายค่าตอบแทนให้กับเซียนพระดังกล่าวเป็นค่าตอบแทนที่ให้ได้จัดสร้างครั้งนี้เป็นเงิน 10 เปอร์เซ็นต์ของราคาค่าว่าจ้างด้วย เช่นเดียวกับเจ้าของโรงหล่ออีกแห่งหนึ่งก็ระบุเช่นกันว่า เมื่อต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อจากเซียนพระคนเดียวกันให้เข้าร่วมจัดสร้างพระบรมราชาอนุสาวรีย์พระมหากษัตริย์ 7 พระองค์เช่นกัน รวมทั้งยังแนะนำผู้ที่จะเข้ามารับงานอีก 4 แห่ง และเซียนพระคนดังกล่าวจะหักค่านายหน้าในการจัดจ้างเช่นเดียวกัน สำหรับการจ่ายค่านายหน้าจะมีการดำเนินการจ่ายเป็นงวด ๆ งวดแรก เดือน ก.พ. นัดหมายจ่ายเงินที่พุทธมหาอุทยานหลวงปู่ทวด จ.พระนครศรีอยุธยา งวดที่ 2 เดือนพ.ค. สั่งจ่ายเงินเป็นเช็คเงินสด งวดที่สามสั่งจ่ายเป็นเช็คเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้กลับไม่สามารถขึ้นเงินได้ จึงใช้วิธีโอนเงินเข้าบัญชีของเซียนพระ หลังจากนั้นพยายามติดต่อเพื่อจะโอนเงินให้ แต่ไม่สามารถติดต่อได้จึงได้ยกเลิกไป.“

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/crime/359431

"บิ๊กตู่"เซ็น"คำสั่งคสช." ดึงลูกสาว'มีชัย'ช่วยงาน | เดลินิวส์


“บิ๊กตู่” ลงนามคำสั่ง คสช. ที่ 15/2558 ตั้งผู้ปฏิบัติงานใหม่ “บิ๊กป้อม” ดึงเพื่อนตท. 6 เป็นรองเลขาฯ ด้าน “มีชัย” ให้ลูกสาวมาช่วยงาน “วินธัย-ศิริจันทร์” ยังยึดเก้าอี้ทีมโฆษก คสช.แน่น 

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2558 เวลา 17:48 น. 

เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 15/2558 เรื่องแต่งตั้งผู้ปฏิบัติงานใน คสช. โดยมีรายละเอียดว่า ตามที่มีประกาศ คสช. ฉบับที่ 93/ 2557 ลงวันที่ 17 ก.ค. 2558 เรื่องการกำหนดอัตราตำแหน่งและค่าตอบแทนของผู้ปฏิบัติงานในคสช. แล้วนั้น เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจของ คสช.ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและการสนับสนุนภารกิจการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้เปลี่ยนแปลงการแต่งตั้งบุคคลปฏิบัติงานใน คสช.ตามคำสั่ง คสช.ที่ 113/2557 เรื่องการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติงานใน คสช.ลงวันที่ 5 ส.ค. 2557 และคำสั่งคสช.ที่124/ 2557  เรื่อง แต่งตั้งผู้ปฏิบัติงานในคสช.ลงวันที่22 ต.ค. 2557 ดังนี้ 

รองเลขาธิการประจำผู้ดำรงตำแหน่งใน คสช. จำนวน 14 ราย ได้แก่ พล.อ.อาทร โลหิตกุล เป็นรองเลขาธิการฯของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.ต.อนุศิษฐ์ ศุภธนิต เป็นรองเลขาธิการฯ ของพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร พล.ร.อ.บรรจบ ปรีชา เป็นรองเลขาธิการฯ ของพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย พล.อ.ท.สุรศักดิ์ หมู่พยัคฆ์ เป็นรองเลขาธิการฯ ของพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง พล.อ.มงคล เผ่าพงษ์คล้าย เป็นรองเลขาธิการฯ ของ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว พล.ท.จารุวุฒิ ศิระพลานนท์ เป็นรองเลขาธิการฯ ของพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร พล.ท. เยาวดนัย ภู่เจริญยศ เป็นรองเลขาธิการฯ ของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา พล.อ. ฐิตินันท์ ธัญญสิริ เป็นรองเลขาธิการฯ ของพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี เป็นรองเลขาธิการฯ ของ พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ พล.ร.อ.ชุมพล วงศ์เวคิน เป็นรองเลขาธิการฯ ของพล.ร.อ.ณะ อารีนิจพล.อ.อ.มณฑล สัชฌุกร เป็นรองเลขาธิการฯ ของพล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ สายันประเสริฐ เป็นรองเลขาธิการฯ ของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา นางมยุระ ช่วงโชติ บุตรสาวของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นรองเลขาธิการฯ ของนายมีชัย และพล.อ.ชีวัน โหละบุตร เป็นรองเลขาธิการ ฯ ของพล.อ.ธีรชัย นาควานิช 

ส่วนที่ปรึกษาประจำผู้ดำรงตำแหน่งใน คสช.จำนวน 14 ราย ได้แก่ พล.อ.อมรฤทธิ์ แพทย์เจริญ เป็นที่ปรึกษาฯ พล.อ.ประวิตร  ,พล.อ.ประภาณ สุวรรณวัฒน์ เป็นที่ปรึกษาฯ พล.อ.ธนะศักดิ์,พล.ร.อ.มานิตย์ สูนนาดำ เป็นที่ปรึกษา ฯ พล.ร.อ.ณรงค์ ,พล.อ.อ.วิโรจน์ นิสยันต์ เป็นที่ปรึกษาฯ พล.อ.อ.ประจิน ,พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ อรุณศรีโสภณ เป็นที่ปรึกษา ฯ พล.ต.อ.อดุลย์  ,พล.อ.ระพีศักดิ์ ธนะพัฒน์ เป็นที่ปรึกษา ฯ พล.อ.อุดมเดช ,พล.ต.ทรงศักดิ์ สหสมโชค เป็นที่ปรึกษา ฯ พล.อ. ไพบูลย์ ,พล.อ.เด่นดวง ทิมวัฒนา เป็นที่ปรึกษาฯ พล.อ.ปรีชา ,พล.อ.สุรสิทธิ์ ถาวร เป็นที่ปรึกษา ฯ พล.อ.สมหมาย ,พล.ร.อ.บุญชัย มรินทร์พงษ์ เป็นที่ปรึกษา ฯ พล.ร.อ.ณะ , พล.อ.อ.วิจิตร์ จิตร์ภักดี เป็นที่ปรึกษา ฯ พล.อ.อ.ตรีทศ ,พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช เป็นที่ปรึกษา ฯ พล.ต.อ.จักรทิพย์  ,พล.ต.ต.ไพศาล เชื้อรอด เป็นที่ปรึกษาฯ นายมีชัย , พล.ต.มล.เพิ่มวุทธิ์ สวัสดิวัตน์ เป็นที่ปรึกษาฯ พล.อ. ธีรชัย  ขณะที่พ.อ.วินธัย สุวารี เป็นโฆษกประจำ คสช. พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง เป็น รองโฆษกประจำ คสช. รวมถึง พล.ต.วิระ โรจนวาศ  นายคนันท์ ชัยชนะ น.ส.ณัชฐานันท์ รูปขจร และ น.ส.ปถมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต เป็นประจำ คสช. ทั้งนี้ตั้งแต่ วันที่ 1 ต.ค. 2558  เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 30 ต.ค. 2558 ลงนามโดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.“

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/politics/359825

ว่าด้วยป้าย Thailand Best



Siriwanna Jill ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 2 ภาพ
อกอีแป้นแตก ...... ป้าย Thailand Best ตราสัญลักษณ์แบรนด์ ที่กระทรวงพาณิชย์ ใช้กับสินค้าไทย เพื่อแสดงว่า เป็นสินค้าไทยคุณภาพ ตราสัญลักษณ์ นี้ ทุกคนรู้จักดีว่า เป็นของ เครือสหพัฒน์ ซึ่งได้แก่ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้งจำกัด (มหาชน) ใช้โปรโมตสินค้าไทย ทั้งตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศได้
ทำไมต้องใช้ตรา Thailand Best ทั้งๆที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เองก็มีตราสัญลักษณ์ “"Thai SELECT" อยู่แล้ว เหตุผลเพราะสมคุดเคยเป็นลูกจ้าง บริษัทเครือสหพัฒนพิบูล ของตระกูลโชควัฒนา มีความผูกพันกันมาก ขนาดว่าผลงานแรกคือ ตอบแทนนายเก่า ด้วยการยกโครงการ Thailand Best ให้นายเก่า ต่อไปสินค้าและบริการของไทย ทีมีคุณภาพดี แต่ยังไม่เป็นที่รู้จัก ของชาวต่างชาติ ให้มายื่นจดขอเข้ามาอยู่ ภายใต้แบรนด์ นี้กัน โดยกรมส่งเสริมฯ จะนำตราสัญลักษณ์นี้ ไปทำการประชาสัมพันธ์ และส่งเสริม ให้ชาวต่างชาติรู้จักสินค้าไทย ควบคู่ไปกับตราสัญลักษณ์ "Thai SELECT" ของเดิม
ข้าราชการระดับสูง กระทรวงสนามบินน้ำ งง และรับไม่ได้ ที่ต้องถ่อ ไปเยี่ยมชม บ.เครือสหพัฒน์ และมีการลงนามใน MOU เพื่อเอาThailand Best มาต่อยอด. ที่แย่ที่สุด การลงนาม ตามหลักต้องทำที่กระทรวง พาณิชย์. กลับลงนามที่บริษัทแทน ตัวรัฐมนตรียังต้องไปร่วม เป็นสักขีพยานในการลงนาม เพราะสมคุดสั่ง !! หมดศักดิ์ศรี

โวยใช้ ม.44 ตั้งบอร์ดประกันสังคมใหม่ ตัดตอนผู้ประกันตนใช้สิทธิเลือกตั้ง



โวยใช้ ม.44 ตั้งบอร์ดประกันสังคมใหม่ ตัดตอนผู้ประกันตนใช้สิทธิเลือกตั้ง

10 พ.ย. 2558 กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ตั้งคณะกรรมการ (บอร์ด) ประกันสังคม ที่ปรึกษาของคณะกรรมการประกันสังคม คณะกรรมการการแพทย์ และคณะกรรมการการกองทุนเงินทดแทน แทนคณะกรรมการที่มีอยู่เดิม เป็นเวลา 2 ปี โดยระบุว่าพบปัญหาและข้อขัดข้องในการดำเนินการของระบบประกันสังคมและสำนักงานประกันสังคม ซึ่งมีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของนายจ้าง ลูกจ้าง และผู้ประกันตน อันส่งผลไปถึงความเสียหายต่อรัฐด้วย จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องมีการปฏิรูประบบทั้งหมด เพื่อให้มีการดำเนินงานที่โปร่งใส มีธรรมาภิบาล และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่นายจ้าง ลูกจ้างและผู้ประกันตน
วิไลวรรณ แซ่เตีย รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย ให้สัมภาษณ์ประชาไทโดยตั้งคำถามว่าจะเป็นธรรมกับผู้ประกันตนซึ่งเป็นเจ้าของเงินในกองทุนประกันสังคมหรือไม่ เนื่องจาก พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา กำหนดให้ผู้แทนฝ่ายนายจ้างและฝ่ายผู้ประกันตนในบอร์ดประกันสังคมมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งผู้ประกันตนเองก็รอว่าจะได้เลือกตั้งในเม.ย.ปีหน้า (180 วัน) 
วิไลวรรณกล่าวว่า การแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งบอร์ดประกันสังคมเป็นการ "ชั่วคราว" 2 ปีนั้น ยาวนานไปหรือไม่ เท่ากับเป็นการขยายระยะเวลาใช้สิทธิของผู้ประกันตนออกไป ทั้งที่นายกฯ เคยบอกเองว่า ต้องเคารพกติกา
วิไลวรรณ ระบุด้วยว่า การแต่งตั้งบอร์ดประกันสังคมขึ้นใหม่ด้วยเหตุผลว่าต้องการปฏิรูประบบนั้นไม่เพียงพอ เพราะการปฏิรูปไม่ใช่แค่การมีคณะกรรมการเท่านั้น ที่ผ่านมา คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยเคยเรียกร้องให้บอร์ดประกันสังคมเป็นองค์กรอิสระและบริหารแบบมีส่วนร่วม โดยต้องมีความเป็นมืออาชีพ มีความสามารถในการบริหารจัดการ เพราะกองทุนนี้เทียบเท่าสถาบันการเงิน
เมื่อถามถึงประเด็นที่ควรจับตาสำหรับบอร์ดชุดใหม่ วิไลวรรณกล่าวว่า มีกรณีที่กองทุนประกันสังคมถูกกล่าวหาว่าใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งถ้ารัฐบาลบอกว่าอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงจริง เธอเองก็อยากเห็นการตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป
ด้าน สำนักข่าวไทย รายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า การปรับบอร์ดเก่าออกไม่ใช่เพราะทำงานไม่ดี แต่เพื่อให้การทำงานสะดวก รวดเร็ว เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น และปรับหลักเกณฑ์บางเรื่อง เพราะที่ผ่านมามีปัญหาการทำงานติดขัดหลายเรื่อง เช่นเรื่องสิทธิประกันตน มาตรา 40 ผ่านมาหลายปี ทำไม่ได้ แต่ปัจจุบันทำได้แล้ว ซึ่งประชาชนก็มีความสุข สิ่งที่ดำเนินการเป็นไปตามที่มีการเสนอมา และเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องการมานานแล้ว
“อะไรที่ปรับปรุงได้ก็ต้องปรับ และส่วนใหญ่ผมไม่ได้เอาคนเก่าไปฆ่าทิ้ง หรือติดคุก ไม่มีสักคน คนที่ตั้งเข้ามาใหม่ก็คนเดิมๆ เพียงแต่ไปเพิ่มอำนาจ กรอบหน้าที่ให้ชัดเจนเท่านั้น  ไม่เช่นนั้นมันไปไม่ได้ เพราะทุกคนถือกฎหมายกันคนละฉบับจึงเดินหน้าไม่ได้เสียที” ประยุทธ์กล่าว

ภาพการทดสอบขีปนาวุธเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในรัฐแคลิฟอร์เนีย



สำรวจโลก ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 2 ภาพ
9 ชม.
ภาพการทดสอบขีปนาวุธเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในรัฐแคลิฟอร์เนีย
เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาประชาชนจำนวนมากในรัฐแคลิฟอร์เนียได้บันทึกภาพถ่ายแสงลึกลับเหนือท้องฟ้าในรัฐแคลิฟอร์เนียได้ มีการตั้งข้อสงสัยตามมามากมายกับแสงประหลาดนี้ โดยที่แสงลึกลับดังกล่าวมาจากการทดสอบยิงขีปนาวุธของกองทัพเรือ ซึ่งถูกยิงมาจากเรือดำน้ำ ยูเอสเอส เคนทักกี บริเวณนอกชายฝั่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งภาพชุดนี้ได้รับการบันทึกโดย Abe Blair ที่ได้เดินทางไปบันทึกภาพเมืองซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการยิงขีปนาวุธพอดี

กรธ.แบไต๋ เปิดทาง"คนนอก"นั่งนายกฯ อ้าง ส.ส.น่าจะเลือก ส.ส.ด้วยกันดำรงตำแหน่ง



กรธ. เห็นควร นายกฯไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส.เชื่อ ส.ส.มีดุลยพินิจเลือกเองได้ พร้อมฟันบัตรเลือกตั้งใบเดียว ลดค่าใช้จ่าย กว่า 600 ล้านบาท   
 

เมื่อเวลา 13.00 น. นายอมร วาณิชวิวัฒน์ โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(โฆษก กรธ.) แถลงความคืบหน้าการประชุมการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญของ กรธ.ว่า คณะอนุกรรมการศึกษาโครงสร้างฝ่ายบริหารได้นำเสนอรายงานความคืบหน้าการใช้บัตรเลือกตั้งแบบ 1 และ 2 ใบ โดยบัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบนั้น ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถเลือกผู้สมัครแบบแบ่งเขตที่ชอบและพรรคการเมืองที่ชอบได้ แต่ทั้งนี้อาจทำให้พรรคการเมืองขาดความเข้มแข็งได้ เนื่องจากพรรคการเมืองไม่มีความผูกพันธ์กับผู้สมัครแบบแบ่งเขต ส่วนบัตรเลือกตั้งแบบใบเดียวนั้น ส่งเสริมให้พรรคการเมืองมีความเข้มแข็ง และการใช้บัตรเดียวจะทำให้บัตรเสียลดลง พร้อมทั้งลดค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในส่วนคณะกรรมการประจำหน่วย ลดค่าใช้จ่ายพิมพ์บัตร โดยสามารถลดค้าใช้จ่ายทั้งหมดได้กว่า 600 ล้านบาท นอกจานี้ผลการสำรวจ เห็นว่าการใช้บัตรเดียวจะสะดวกกับประชาชนมากกว่า โดยอนุกรรมการเห็นว่าการใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวเหมาะสมสุด

นายอมร กล่าวว่า  นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานอนุกรรมการศึกษาโครงสร้างฝ่ายบริหาร ได้เสนอรายงานความคืบหน้า ผลการศึกษาประเด็นเกี่ยวกับการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี โดยได้พิจารณาข้อดี ข้อเสีย ของทั้งสามระบบ คือ ระบบรัฐสภา ระบบการแบ่งแยกอำนาจอย่างเด็ดขาด และระบบผสมระหว่างการควบอำนาจกับการแบ่งแยกอำนาจอย่างเด็ดขาด  โดยที่ประชุมเห็นควรให้มีนายกรัฐมนตรีในระบบรัฐสภา โดยนายกต้องมาจาก มติของ ส.ส. และอาจจะเป็น ส.ส.หรือไม่ได้เป็นก็ได้ ทั้งนี้ต้องมีกลไกเพื่อเป็นหลักประกันให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติเลือกนายก แต่วิธิการหรือมติจะมีหลักการอย่างไรนั้น ที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะอนุศึกษาโครงสร้างฝ่ายบริหารไปพิจารณาศึกษาเพิ่มเติมและรายงานต่อที่ประชุมภายในสัปดาห์นี้    

นายอมร กล่าวว่า อย่างไรก็ดีเชื่อว่า ส.ส.น่าจะมีดุลยพินิจในการเลือกนายกรัฐมนตรีและเชื่อว่าส.ส.จะเลือกส.ส.ด้วยกันเองเป็นนากยรัฐมนตรี นอกจากนี้การที่เห็นควรในหลักการเช่นนี้โดยไม่ได้ระบุว่านายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส.เพื่อป้องกันในช่วงที่มีวิกฤติเพราะอาจไม่มีมาตรา 7 แบบเดิมเพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคือบเบื้องพระยุคลบาท

จีนเริ่มทำสวอปเงินหยวนกับเงินสวิสฟรังค์ของสวิตเซอร์แลนด์อย่างเป็นทางการ โดยไม่ผ่านเงินดอลลาร์สหรัฐ

จีนเริ่มทำสวอปเงินหยวนกับเงินสวิสฟรังค์ของสวิตเซอร์แลนด์อย่างเป็นทางการ โดยไม่ต้องผ่านเงินดอลลาร์สหรัฐอีกต่อไป
-----------
วันที่ 10 พ.ย.58 สำนักข่าว Sputnik news พาดหัวข่าวว่า "จีนเริ่มใช้เงินหยวนกับกับสวิสฟรังค์โดยตรงในการค้าขาย" (China Introduces Direct Trading Between Yuan, Swiss Franc) ส่วน RT news พาดหัวข่าวว่า "กรุงปักกิ่งอนุญาตให้มีการแลกเปลี่ยนเงินหยวนกับเงินสวิสฟรังค์" (Beijing allows free conversion between yuan & Swiss franc) สำนักข่าว Bloomberg พาดหัวข่าวว่า "จีนอนุญาตให้มีการแลกเปลี่ยนระหว่างเงินหยวนกับเงินสวิสฟรังค์ได้โดยตรง" (China to Allow Direct Conversion Between Yuan and Swiss Franc) [หมายความว่าไม่ต้องผ่านเงินดอลาร์ของสหรัฐฯหรือเงินยูโรของอียู หรือสกุลเงินอื่นๆของประเทศใดทั้งนั้น - ผู้แปล]
อ่านข่าวจาก RT ต่อนะครับ รายงานข่าวบอกว่า จีนได้อนุญาตให้มีการค้าขายโดยตรงระหว่างเงินหยวนและเงิน Swiss franc ในความพยายามที่จะหนุนให้สกุลเงินของประเทศตนเองไปปรากฎในเวทีโลก โดยทำให้สามารถใช้ได้อย่างเสรี
เริ่มดำเนินการในวันอังคารนี้ (10 พ.ย.58) สกุลเงินของทั้งสองประเทศสามารถทำการค้าระหว่างกันได้โดยตรงในระบบการค้าขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของจีน แถลงการณ์ของธนาคารแห่งชาติของจีน (PBOC) กล่าว
ก่อหน้านี้ผู้ค้าได้แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างๆผ่านเงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ และกระบวนการดังกล่าวก็ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมทางการเงิน
ธนาคารกลางของจีนกล่าวว่า "นี่เป็นก้าวที่สำคัญในการเสริมสร้างความเข้มแข็งความสัมพันธ์ทางเศรษฐิจและการค้าระดับทวิภาคีระหว่างจีนกับประเทศสวิตเซอร์แลนด์" การดำเนินการในครั้งนี้จะลดค่าใช้จ่ายในการค้าให้กับสองประเทศ PBOC กล่าว
ปัจจุบันนี้สกุลเงินหลักทั่วโลกเช่น เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ออสเตรเลีย และนิวซีเแลนด์ เงินปอนด์ของอังกฤษ เงินเยนของญี่ปุ่น เงินยูโร และรูเบิลของรัสเซียสามารถแลกเปลี่ยนได้โดยตรงกับเงินหยวนของจีน
ธนาคารกลางของจีนและสวิตเซอร์แลนด์ได้ลงนามร่วมกันในเดือนมกราคมที่ผ่านมาเพื่อจัดตั้งศูนย์กลางการค้าขายเงินหยวนขึ้นในเมืองซูริก (Zurich) เพื่อเพิ่มปริมาณการทำธุรกรรมการแลกเปลี่ยนของชาวยุโรปเป็นเงินหยวน ในปี 2557 ธนาคารของทั้งสองประเทศได้ทำข้อตกลงร่วมกันเป็นเวลา 3 ปีในการทำสวอพเงินระหว่างสองประเทศภายใต้วงเงิน 150,000 ล้านหยวน (24,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เพื่อส่งเสริมการค้า
ธนาคารกลางของจีนได้เริ่มระบบการชำระเงินทั่วโลกเมื่อเดือนที่ผ่านมาเพื่อให้มีการทำธุรกรรมแลกเปี่ยนเงินตราข้ามพรมแดนเป็นเงินหยวน คาดว่าระบบนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายและเวลาของการโอนเงินอย่างชัดเจน
เงินหยวนกลายเป็นสกุลเงินที่ได้รับความนิยมใช้มากเป็นอันดับที่สี่ ในการชำระเงินระหว่างประเทศเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมี 100 กว่าประเทศใช้เงินหยวนในการทำธุรกรรมทางการเงิน
จีนกำลังเล็งเป้าหมายไปที่การทำให้เงินหยวนกลายเป็นสกุลเงินสำรองระหว่างประเทศในระบบตะกร้าเงินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เมื่อเดือนที่ผ่านมา ทาง IMF ได้ส่งสัญญาณว่ากำลังจะเปิดไฟเขียวให้จีนเพื่อรวมเงินหยวนเข้าไปไว้ในระบบตะกร้าเงินสำรองของไอเอ็มเอฟ ทาง IMF จะตัดสินใจในเดือนนี้ว่าจะขยายสัดส่วนในปัจจุบัน (เงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ, ยูโรของอียู, เยนของญี่ปุ่น และปอนด์ของอังกฤษ) ในระบบ "ทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ" (Special Drawing Rights - SDR) โดยเพิ่มเงินหยวนเข้าไปด้วยหรือไม่
ต่อไปนี้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ... ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศยุโรปไม่มีพื้นที่ติดทะเล ทิศเหนือมีชายแดนติดเยอรมันนี ทิศใต้ติดกับอิตาลี ทิศตะวันออกติดกับอิตาลีและออสเตรีย ส่วนทิศตะวันตกติดกับฝรั่งเศส สวิตเซอร์แแลนด์ไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป ไม่เป็นสมาชิกของกลุ่มยูโรโซน ไม่ได้ใช้เงินยูโรเป็นสกุลเงินหลักของชาติ มีสกุลเงิน Swiss franc เป็นของตนเอง ไม่เข้าร่วมพื้นที่เศรษฐกิจแห่งสหภาพยุโรป แต่เข้าร่วมกับกลุ่มประเทศปลอดวีซ่าในพื้นที่ Schengen ร่วมกับหลายประเทศในยุโรปด้วย
เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาทางสวิตเซอร์แลนด์ได้ได้เปิดรถไฟขบวนพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางเอาเงินไปเทไว้ให้ชาวสวิตเซอร์แลนด์ โดยให้เหตุผลว่าเป็นความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม ก็ไม่มีอะไรมากชาวจีนมีตังค์เยอะอยากจะไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง ทางสวิตเซอร์แลนด์ก็อยากได้ตังค์จากนักท่องเที่ยวชาวจีนด้วย แต่ติดปัญหาที่ว่าเรื่องของพฤติกรรมบางอย่างชาวตะวันตกอาจจะยังไม่เคยชิน เช่นการพูดจาเสียงดัง หรือภาพที่เป็นลบที่ปรากฎตามสื่อฯต่างๆที่มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ทางการของสวิตเซอร์แลนด์ก็เลยจัดขบวนรถไฟเที่ยวพิเศษให้ซะเลย ใครจะเอาคณะสิงโตเข้าไปเชิดด้วยหรือจะเอางิ้วไปแสดงด้วยก็จัดได้ตามสบาย ต่อไปเราคงจะได้ยินข่าวทางสวิตจัดรถเมล์ รถแท็กซี่พิเศษไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนบ้าง

"บิ๊กโด่ง"เปิดใจครั้งแรก แจง"ราชภักดิ์"โปร่งใส มีหลักฐาน พร้อมให้ตรวจสอบ ยัน "เซียนพระ อ." แอบอ้างชื่อ


"บิ๊กโด่ง"เปิดใจครั้งแรก แจง"ราชภักดิ์"โปร่งใส มีหลักฐาน พร้อมให้ตรวจสอบ ยัน "เซียนพระ อ." แอบอ้างชื่อ หลเอกค่าหัวค้วโรงหล่อ จนต้องเจรจาขอคืน แต่โรงหล่อ พร้อมใจบริจาคเงินหัวคิวที่ได้คืนมานั้น เข้าราชภักดิ์ บางโรงหล่อขอนำไปตกแต่งพระรูปของตนเอง /ติงสื่อ เสนอข่าวเป็นท่อนๆ ไม่มีตอนจบ ที่จบลงด้วยดี/ เผย บื๊กโด่ง-พลเอกสุรเชษฐ์" มอบ เสธ.โจ้ ช่วยแก้ปัญหาทวงเงินคืนจาก"เซียน อ."ที่เรียกหัวคิวจากโรงหล่อคืน ก่อนโรงหล่อพร้อมใจบริจาคเงินให้ราชภักดิ์
ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุม ครม.บิ๊กโด่ง พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รมช.กห./อดีตผบทบ. แจงสร้างอุทยานราชภักดิ์โปร่งใส มีเจตนาดี บริสุทธิ์ มีหลักฐานพร้อมชี้แจง และให้ตรวจสอบ เพราะทำงานในรูปคณะกรรมการศ
เผยตอนนี้ มี มูลนิธิอุทยานฯ ดูแลการสร้างอุทยานฯ อยู่ เตรียมส่งมอบ ทบ.ดูแลแทน เพราะ ผบทบ. เป็นประธาน โดยตำแหน่ง แต่เพราะตอนนี้ ยังไม่ได้ส่งมอบ แต่ได้เคยคุย เบื้องต้นแล้ว
พร้อม ติงสื่อเสนอข่าวเป็นท่อนๆ ไม่มีตอนจบ เผยรู้เรื่องเซียนพระ "อ" แอบอ้างผู้ใหญ่ ไปหลอกเรียกหัวคิว จากโรงหล่อ แล้ว จึงได้พยายามแก้ปัญหา ส่งคนไปเจรจา จนในที่สุด เมื่อเรัยบร้อย ได้เงินคืนมา ทางโรงหล่อ ก็ไม่ต้องการให้เกิดความเสียหายต่ออุทยานฯ จึงได้บริจาคเงิน ให้อุทยานฯ บางโรงหล่อ ก็ขอนำเงินไปตกแต่งองค์พระรูปของตนเองให้สมบูรณ์สวยงาม จึงทำให้เรื่องนี้ จบลงด้วยดี ด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ สะอาด เพราะเราสร้างอุทยานฯ ขึ้นมาด้วยเจตนาสุจริต บริสุทธ์ และต้องการให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน
วอนคนที่ไม่เข้าใจ ให้เข้าใจ ส่วนคนที่ไม่ปรารถนาดี ก็ขอให้หยุด ยันไม่หนักใจ ไม่หวั่นไหว เพราะชี้แจงได้ทุกเรื่อง พร้อม ตั้งข้อสงสัย ทำไมโยงมาราชภักดิ์ แปลกดี เพราะก่อนหน้านึ้ มีเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นมาก่อน แล้วก็มาอีกเริ่องหนึ่ง แล้วก็มาโยงเรื่องราชภักดิ์นี้มาเกี่ยว ในสถานการณ์แบบนึ้
เมื่อถามว่า ในส่วนที่พันเอกคชาชาต ถูกพาดพิงนั้น พลเอกอุดมเดช กล่าวว่า ตนไม่ขอชี้แจงในรายละเอียด เพราะเริ่องรายได้ เงินบริจาคนั้น มีเจ้ากรมการเงิน ทบ. เป็นคนดูแล เป็นกรรมการ เป็นหน่วยงาน และมีหลักฐานทั้งหมด ที่ชี้แจงและให้ตรวจสอบได้ และไม่กระทบการทำงานอะไรของคนเอง
"อย่าไปพูดถึง เลย ปล่อยให้เป็นเรื่องของการสอบสวน ทางคณะกรรมการชี้แจงได้"
"ขอยืนยันว่า เราทำด้วความบริสุทธิ์ใจ ประชาชนยัง ศรัทธา ได้ เพราะเราสร้างให้เป็นสมบัติของประชาชน และของแผ่นดิน" พลเอก อุดมเดช กล่าวเมื่อถามถึง พันเอกคชาชาต อีกครั้ง
ทั้งนี้ มีรายงานว่า การที่ พลเอกอุดมเดช ระบุว่า สื่อเสนอข่าว เป็นท่อนๆ แต่ไม่มีตอนจบ ที่จบลงด้วยดี ด้วยเรียบร้อย บริสุทธิ์ สะอาด นั่น หมายถีงการที่ พลเอกอุดมเดช และ พลเอกสุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาฯ ซึ่งเป็นกรรมการอุทยานฯ ด้วย ได้มอบหมายให้"เสธ.โจ้" พันเอกคชาชาต บุญดี ไปแก้ปัญหา ด้วยการเจรจาทวงเงินคืนจาก"เซียน อ." จากนั้นโรงหล่อพร้อมใจบริจาคเงินหัวคิวนั้น ให้สร้าง ราชภักดิ์ จนทำให้ พลเอก อุดมเดช ระบุว่า เรื่องนี้จบลงด้วยดี

TCDC-TK Park-มิวเซียมสยาม รับเฉียดพันล้าน งบฯ ปี58 ก่อน ครม.จ่อยุบ!

วันจันทร์ ที่ 09 พฤศจิกายน 2558  อิศรา

ลุ้น! ครม.พิจารณายุบทั้งพวง TCDC-TK Park-มิวเซียมสยาม 'ณรงค์ชัย อัครเศรณี' เผยทำจริงน่าเสียดาย ด้านเลขาธิการ ก.พ.ร.ปฏิเสธตอบคำถาม ให้รอมติ 10 พ.ย. 58
 okmd
จากกรณีเกิดกระเเสข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการพิจารณาการยุบสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) หรือสบร. (Office of Knowledge Management and Development (Public Organization) – OKMD) และศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (Thailand Creative & Design Center – TCDC) ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2558 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. TCDC ได้โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก Thailand Creative & Design Center(TCDC) ระบุตามที่มีกระแสข่าวว่า จะมีการเสนอผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็น ในการมีอยู่ขององค์การมหาชน โดยสำนักงาน ก.พ.ร. นั้น
ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) ขอเรียนว่า ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวเช่นเดียวกัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจน หากมีความก้าวหน้าประการใด จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี  อดีตประธานกรรมการบริหาร สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.)  กล่าวกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคำสั่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) พิจารณารูปแบบของหน่วยงานขององค์การมหาชนมีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งผลการพิจารณาปรากฎว่า หลายหน่วยงานไม่มีความเหมาะสม ใช้งบประมาณจำนวนมาก 
ทั้งนี้ กรณี TCDC เป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของ สบร. ซึ่งเป็นองค์การมหาชน จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ พ.ศ.2547 สมัยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี หากมีการยุบจริงก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย แต่คงไม่สามารถระบุผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้
“ผลกระทบจะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีการจัดทำรายละเอียดรูปแบบการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร เพราะ ครม.มิได้พิจารณาเฉพาะ TCDC เท่านั้น แต่ยังรวมถึงองค์การมหาชนอื่นด้วย” อดีตประธานกรรมการฯ กล่าว และว่า ครั้งนี้เป็นการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร ไม่ได้บอกให้เลิกทำงาน โดยมีหลายรูปแบบ เช่น องค์การมหาชนที่มีลักษณะงานคล้ายคลึงกันให้ควบรวม องค์การมหาชนที่มีลักษณะงานบางอย่างไปสังกัดกระทรวงแทน 
ด้านนายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ  เลขาธิการ ก.พ.ร. ระบุกับสำนักข่าวอิศราว่า ไม่สามารถให้คำตอบอะไรขณะนี้ ต้องรอมติ ครม.ก่อน แต่เป็นนโยบายของ คสช.ได้ปรารภไว้พิจารณาให้องค์การมหาชนที่ไม่จำเป็นต้องยุบ หรือโยกย้ายไปรวมกับหน่วยงานอื่น ซึ่งเราได้ปฏิบัติตามหน้าที่ 
ขณะที่นางจิระนันท์ พิตรปรีชา นักเขียนรางวัลซีไรต์ และในฐานะที่ปรึกษางานประชาสัมพันธ์มิวเซียมสยาม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Chiranan Pitpreecha’ ถึงกรณีเดียวกันว่า พรุ่งนี้ เข้าครม. แผนยุบทั้งพวง.. ไม่ใช่แค่ OKMD TCDCยังมี TK Park กับ Museum Siam ติดร่างแหเข้าไปด้วย (ไม่ฟูมฟายแต่อยากบอกกล่าวไว้ด้วยข้อเท็จจริง) 
ลำพังหน่วยงานที่เราสังกัดและร่วมก่อตั้ง "มิวเซียมสยาม" -สมาชิกแฟนเพจ 1.5 แสน สูงสุดในบรรดาหน่วยงานบริการความรู้และกิจกรรมการเรียนรู้ในประเทศไทย 
- กิจกรรมสร้างสรรค์ สนุกกับการเรียนรู้ ตลอดปี งานไหนเปิดรับสมัครทางเพจ เต็มภายใน 1-2 วัน อีกไม่กี่วันก็จะมีงาน Noise Market พื้นที่ปล่อยของสำหรับเหล่าอินดี้ 
- โครงการ Museum Family เครือข่ายพิพิธภัณฑ์รัฐ เอกชน พื้นบ้านฯลฯ ทั่วประเทศ ช่วยกันจัด ช่วยกันสร้างสรรค์ ประชาสัมพันธ์ จนคำว่า "พิพิธภัณฑ์" ไม่ใช่ยาขมสำหรับเยาวชนไทยอีกต่อไป
“เพิ่งประชุมใหญ่วางแผนงานปีหน้าเมื่อไม่กี่วันก่อน ("พิพิธภัณฑ์เมืองโบราณซับจำปา" ที่สมเด็จพระเทพฯเสด็จไปเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดเมื่อเดือนก่อน ก็เกิดขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างชุมชนในพื้นที่ และ นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญการจัดพิพิธภัณฑ์ จากมิวเซียมสยาม)”
 - แต่ละงานกิจกรรมของเรา ใช้งบน้อย แต่สาระเยอะ ผู้ชมมีส่วนร่วมมากมาย เมื่อเทียบกับงานโชว์อลังการวัฒนธรรมที่หน่วยงานอื่น ๆจั ดกัน ทุกเดือนธันวาคมจะมี Night at The Museum สร้างบรรยากาศการเรียนรู้และสนุกสนาน ปีละธีมงาน ปีนี้ก็มีโครงการเด็ดรออยู่ 
- โครงการ Young Muse Project "ปั้นนักพิพิธภัณฑ์สายพันธุ์สยาม" ประกวดโครงการนิทรรศการ งานไอเดียสร้างสรรค์ ของเยาวชน ทุกปี.. เด็กที่ผ่านการอบรมและประสบการณ์คิดจริงทำจริงจากโครงการนี้ หลายคนค้นพบตัวเองว่าจะเลือกเรียนสาขาไหน และวิทยากรที่เลือกเชิญมาแต่ละปีก็จุดแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่เป็นอย่างยิ่ง
 ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม จากข้อมูลงบประมาณประจำปี 2558  ขององค์การมหาชน พบว่า มีงบประมาณจำนวน 15,886.3 ล้านบาท จากทั้งหมด 36 องค์กร กระจายอยู่ใน 14 กระทรวง โดย สบร.  ซึ่งสังกัด สำนักนายกรัฐมนตรี มีหน่วยงานที่อยู่ในความความดูแล 3 หน่วยงาน ได้แก่ TK PARK, TCDC และ มิวเซียมสยาม ทั้งหมดมีงบประมาณใช้จ่ายประจำปี 2558 จำนวน 711.5 ล้านบาท
ปัจจุบัน เฉพาะ TCDC  ได้เช่าพื้นที่ที่อาคารดิเอ็มโพเรียมทาวเวอร์ คิดเป็นค่าเช่าตกปีละกว่า 38 ล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2558 ก็มีมติอนุมัติ ให้สบร.ทำสัญญาเช่าพื้นที่บริเวณอาคารไปรษณีย์กลาง กับบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด และก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ 2558-2571 รายการค่าเช่าพื้นที่เพื่อจัดตั้งอาคารศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ ในวงเงินกว่า 566 ล้านบาท  ระยะเวลาการเช่า 12 ปี 10 เดือน โดยทำการต่อสัญญาเช่าทุก ๆ 3 ปี  
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบค่าเช่าต่อปีที่อาคารไปรษณีย์กลาง เฉลี่ยค่าเช่าปีละ 34  ล้านบาท ซึ่งค่าเช่าลดลงเฉลี่ยเมื่อมีการเช่าในระยะยาว

แฟ้มประวัติลับ 'พ.อ.คชาชาต บุญดี' จาก 'ทหารดาวรุ่ง' สู่ 'ผู้ต้องหา' คดีหมิ่นเบื้องสูง

 10 พฤศจิกายน 2558 อิศรา

"..หลังจากการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 “พ.อ.คชาชาต” ได้รับความไว้วางใจจาก “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร” อดีตผบ.ทบ. เรียกตัวมาคุมเป็น “ผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.ป.1 รอ.) มีบทบาทสำคัญในการช่วย “คสช.” ดูแลความเคลื่อนไหวและควบคุมการชุมนุมของ “ขั้วตรงข้าม”.."
ol600
กลายเป็นข่าวใหญ่โตเมื่อ “พ.อ.คชาชาต บุญดี” นายทหารฝ่ายเสนาธิการ กองทัพภาคที่ 3 ถูกแจ้งจับคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงร่วมกับ “สริยัน สุจริตพลวงศ์” หรือหมอหยอง (เสียชีวิตแล้ว) (อ่านประกอบ : ราชทัณฑ์ลำดับเหตุการณ์‘หมอหยอง’ ก่อนจบลมหายใจเฮือกสุดท้าย)
โดย “พล.ต.วิจารณ์ จดแตง” ผู้อำนวยการส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชนกอ.รมน. และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายหน่วยเฉพาะกิจการข่าวคสช. ได้เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ในฐานความผิดมาตรา 112 ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้นเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้ โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น หรือในความผิดฐานอื่นที่พบภายหลัง
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้รวบรวมประวัติการทำงานของ “เสธ.โจ้” มาเพื่อเป็นข้อมูลอีกด้านหนึ่ง
“พ.อ.คชาชาต” เป็นแกนนำเตรียมทหารรุ่นที่ 27 รับราชการทหารในกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 31 รักษาพระองค์ (ป.พัน 31 รอ.) มาโดยตลอด ก่อนขึ้นเป็น “ผบ.ป.พัน 31 รอ.”
ในช่วงการดำรงตำแหน่ง “ผบ.ป.พัน 31 รอ.” กลับมีข่าวลือหนาหูว่า “พ.อ.คชาชาต” นำเครื่องมือของทางราชการไปขุดหน้าดินขาย จนถึงขั้นมีเรื่องร้องเรียน แต่สุดท้ายก็พ้นความผิดไป หลังผลสอบปรากฎออกมาว่า “พ.อ.คชาชาต” ไม่มีความผิดในกรณีดังกล่าว
และในช่วงที่ "พ.อ.คชาชาต" ดำรงตำแหน่งผบ.ศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาการทหาร มณฑลทหารบกที่ 33 ก็มีกลิ่นตุๆเกี่ยวกับถูกการสั่งตัดชุดนักศึกษาวิชาทหาร ที่เล่ากันในกองทัพภาคที่ 3 อย่าหนาหู
แต่ชีวิตราชการทหารของ “พ.อ.คชาชาต” ก็ยังรุ่งเรือง ได้รับการไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่ง “ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 36” อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งมีผลงานเด่นชัดที่สามารถเข้าไปช่วยดูแลปราบปรามการลักลอบตัดไม้จนได้ชื่อว่า “นักรบแห่งลุ่มน้ำสาละวิน”
และหลังจากการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 “พ.อ.คชาชาต” ได้รับความไว้วางใจจาก “บิ๊กโด่ง” พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร” อดีตผบ.ทบ. เรียกตัวมาคุมเป็น “ผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.ป.1 รอ.) มีบทบาทสำคัญในการช่วย “คสช.” ดูแลความเคลื่อนไหวและควบคุมการชุมนุมของ “ขั้วตรงข้าม”
“พ.อ.คชาชาติ” มักปรากฏตัวทุกครั้งที่ “กลุ่มเห็นต่างรัฐบาล” ออกมาเคลื่อนไหว มักเป็นคนแรกที่เข้าไกล่เกลี่ยและกำหนดกรอบในการชุมนุม

กระทั่งถึงฤดูแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารปี 2558 “พ.อ.คชาชาต” ถือเป็นนายทหารคนสนิทของ “พล.อ.อุดมเดช” ที่ทำงานร่วมกันมาตลอด 
ก่อนเกษียณอายุราชการ “พล.อ.อุดมเดช” จึงมีคำสั่งให้ “พ.อ.คชาชาติ” ไปดำรงตำแหน่ง “รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11” แต่คำสั่งดังกล่าวถูกระงับ พร้อมโยกย้ายมีคำสั่งใหม่ “พ.อ.คชาชาต” กลับถิ่นเก่าไปดำรงตำแหน่งเป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการ กองทัพภาคที่ 3
พลันที่ข่าวการจับกุม “หมองหยอง” และพวก ต่อด้วยข่าว “พ.อ.ปริศนา” หนีคดีออกจากแนวชายแดนไทย-พม่า จากนั้นไม่เคยมีใครเห็นหน้า “พ.อ.คชาชาต” ในประเทศไทยอีกเลย
ก่อนที่อนาคตรับราชการทหารของ "พ.อ.คชาชาต" จะจบลงหลังมีหมายจับออกมาไขปริศนา "พ.อ." เอี่ยวคดีหมิ่นสถาบันที่มีมาแรมเดือน

คดี112จากหมอหยองถึงพ.อ.

ม.112ยิ่งสาวยิ่งลึกจากหมอหยองถึงพ.อ.

ม.112ยิ่งสาวยิ่งลึกจากหมอหยองถึงพ.อ. : ทีมข่าวความมั่นคงรายงาน 

        การสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกลุ่มผู้ต้องหาที่พัวพันในคดีความผิดแอบอ้างเบื้องสูงยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง จากที่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุมกลุ่มผู้ต้องหากระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 112 รวม 4 คน คือ สุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือ สารวัตรเอี๊ยด จิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือ “อาท ชัตเตอร์มหาเทพ” คนสนิทของนายสุริยัน และศุกร์โข ตามเสรี

        ดูเหมือนว่าการกระทำผิดในคดีมาตรา 112 ยิ่งสาวลึกมากเท่าใดยิ่งพบกลุ่มบุคคลพัวพันเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มข้าราชการคนมีสี ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า นายทหารยศพันเอกและพลตรีเข้าไปมีส่วนรู้เห็นต่อความผิดดังกล่าว แต่ผู้ใหญ่ในกองทัพหลายคนออกมาปฏิเสธเรื่องนี้โดยตลอด

        สุดท้ายคนทำผิดย่อมหนีผลแห่งการกระทำไม่พ้น เมื่อ “พล.ต.วิจารณ์ จดแตง” ผู้อำนวยการส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย หน่วยเฉพาะกิจการข่าว คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อ “พ.อ.คชาชาต บุญดี”  อดีตผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ (อดีต ผบ.ป.1 รอ.) ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา กระทั่งนำไปสู่การขอหมายจับต่อศาลทหาร ทำให้คำถามที่ว่า คดีนี้มีนายทหารระดับพันเอกถึงพลตรีเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ คลี่คลายโดยปริยาย

        ขณะเดียวกัน “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หรือบิ๊กป้อม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนจากที่ก่อนหน้านี้ได้ปฏิเสธเรื่องทหารเข้าไปพัวพันกับคดี แต่มาถึงวันนี้ “บิ๊กป้อม” ยอมรับว่า “ก่อนหน้านั้นไม่มีหมายจับที่พัวพันกับนายทหาร ผมจึงไม่ได้ปฏิเสธ และยอมรับว่าไม่มีนายทหารเกี่ยวข้อง สื่อจะมาว่าผมไม่ได้ ใช้คำพูดแบบนี้ไม่ได้ พูดแบบนี้ก็แย่สิ มาหาว่าผมปฏิเสธ ก็ผมไม่รู้ เพราะตอนนี้เขาเพิ่งออกมา”

        เมื่อผู้สื่อข่าวยิงคำถามว่า เรื่องนี้จะกระทบต่อกองทัพหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า คนมันหนีไปแล้ว แล้วจะให้ทำอย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องของบุคคล และขอย้ำไปว่า เป็นเรื่องส่วนบุคคล ขณะนี้มีเพียงทหารรายเดียว และยังไม่ขอตอบว่าจะมีอีกหรือไม่ เจ้าหน้าที่จะต้องสืบสวนต่อไป และรอผลสอบสวนจากเจ้าหน้าที่อีกครั้ง

        เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ถึงแม้จะมีความชัดเจนแล้วว่ามีนายทหารระดับพันเอกไปพัวพันกับคดีนี้ แต่มีคำถามตามมาว่า พ.อ.คชาเดช เป็นใคร เหตุใด และทำไมถึงเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ได้

        จากข้อมูลพบว่า “พ.อ.คชาชาต”  ในวงการเรียกว่า “เสธ.โจ้” เคยเป็นนายทหารคนสนิทของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก

        พ.อ.คชาชาต ยังเป็น 1 ใน 3 นายทหารยศพันเอกที่ พล.อ.อุดมเดช เซ็นคำสั่งโยกย้ายให้ไปเป็น รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 เพียง 1 วันก่อนเกษียณอายุ

        หากใครยังจำได้ เมื่อ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการทหารบก ได้มีคำสั่งระงับการโยกย้ายดังกล่าว และยังออกคำสั่งให้ เสธ.โจ้ โยกย้ายไปเป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการ กองทัพภาคที่ 3 ในคราวเดียวกัน

        ภายหลังตกเป็นข่าวพัวพันในคดีความผิดมาตรา 112 แนวทางการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดีแอบอ้างเบื้องสูงยืนยันแน่ชัดด้วยว่า เสธ.โจ้คนนี้ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยแล้ว ซึ่ง พล.ท.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 ได้ทำหนังสือรายงานผู้บัญชาการทหารบกว่า เสธ.โจ้ได้เดินทางไปต่างประเทศจริง โดยไม่ได้เขียนใบลาราชการตามระเบียบปฏิบัติ อีกทั้งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ทหารได้ตรวจค้นบ้านพักที่ จ.พิษณุโลก ของพันเอกคนดังกล่าว พบจดหมายขอลาออกจากราชการ แต่ถือว่ายังไม่มีผล

        ทั้งนี้จากกระแสข่าวล่าสุดยืนยันว่า เสธ.โจ้หลบหนีไปอยู่ที่ประเทศพม่า โดยเลือกไปกบดานอยู่กับชนกลุ่มน้อยของพม่าตามแนวชายแดน ซึ่งตอนนี้กองทัพได้ประสานทางการพม่าเพื่อขอตัว เสธ.โจ้ มาดำเนินคดีในประเทศไทย

        นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวอีกว่า พันเอกจากกองทัพบกผู้นี้ หอบเงินก้อนใหญ่จำนวน 20 ล้าน ที่ได้มาจากการกระทำความผิดหลบไปด้วย ซึ่งการกระทำความผิดทุกอย่างอยู่ในสำนวนของพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีหมิ่นสถาบัน กระทั่งนำไปสู่การขออนุญาตศาลทหารเพื่อออกหมายจับกุมในคดีความผิด มาตรา 112 ดังกล่าว

        ส่วนคดีจะมีตัวละครเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ คงต้องติดตามการทำงานของพนักงานสืบสวนต่อไป...

อองซานซูจี อีกมุมหนึ่ง หุ่นยนต์ตะวันตก?

อองซาน ซูจีแท้จริงนางคือหุ่นเชิดของชาติตะวันตก ประเทศพม่าซึ่งเราคุ้นเคยกับชื่อนี้กันอยู่ ซึ่งถูกขนานนามใหม่จากอังกฤษ พม่าเคยตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษมาก่อน ได้รับการเรียกขานขนานนามจากอังกฤษ ว่าเมียนม่า ซึ่งผู้นำทหารเทียนแส่งของพม่า ก็พยายามนำพาประเทศของตน ให้พ้นจากเงาแห่งการครอบงำ ของชาติตะวันตก ที่พยายามเข้ามาวุ่นวายในอาณาบริเวณของประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ พูดถึงนางอองซาน ซูจี พฤติกรรมการเคลื่อนไหว และบทบาททางการเมืองของนาง ทุกอย่างล้วนถูกชักใยจาก วอลสตรีท , วอชิงตัน และกรุงลอนดอน รวมไปถึงสมัครพรรคพวกของเธอ ล้วนแต่ถูกป้อนข้อมูลต่างๆ โฆษณาชวนเชื่อ ล้างสมองปรึกปรือทุกอย่าง และส่งกลับไปจัดการและนำพาประเทศของตน ไปสู่เครือข่ายอาณานิคมของโลกตะวันตก เธอและกลุ่มผู้สวมใส่จีวรสงฆ์( Saffron)ไม่ขอเรียกเป็นพระ เพราะกระทำพฤติกรรมรุนแรงเหมือนที่บุคคลธรรมดา ทำได้ทุกอย่างเช่นสร้างความรุนแรง ด้วยวิธีการออกมา ก่อม๊อบตามท้องถนน กดขี่รังแก และเข่นฆ่าชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงยา ของตนอย่างตั้งอกตั้งใจ บทบาทของนางในพม่าก็เปรียบเสมือน การกระทำของตระกูลชินวัตรบ้านเรา ส่วนสมุนของนางก็คือเสื้อแดงในบ้านเราดีๆนี่เองพร้อมโครงสร้างกลุ่มของนักวิชาการจอมปลอมเหมือนอย่างบ้านเรา การที่เธอจะได้คะแนนเสียง จนสามารถชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ ก็อาจมาจากภาพยึดติดของชาวพม่า ที่มีความศรัทธาในประชาธิปไตยจอมปลอมที่เธอสร้างสมมาเป็น ระยะเวลายาวนาน แต่ก็มองในอีกแง่ มันก็ดีเหมือนกัน เพราะการดำรงตำแหน่งผู้นำของเธอ เท่ากับว่าธอต้องกลับมารับผิดชอบกับสิ่งที่เธอ ได้ทำกับประเทศของตนเอง กับปัญหาต่างๆที่สร้างขึ้นมาเอง รวมทั้งความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศตนเอง ที่ได้ทำทุกอย่างตามคำบัญชาของชาติตะวันตกที่เปรียบเหมือนตั๊กแตน ที่เดินหน้าทำลายเหยื่อทุกชนิดที่เห็นอยู่เบื้องหน้า ดังนั้นประชาธิปไตยของนาง ที่ผลประโยชน์ในประเทศของตน ที่ต้องซบกลุ่มทุนฟอร์จูน 500 จึงไม่ใช่สิ่งที่จะนำพาประเทศของตนให้ก้าวไปสู่ข้างหน้าอย่างแน่นอน และในแง่ของความเป็นจริงกับบทบาทใหม่ของตำแหน่งผู้นำของเธอคือต้องบริหารงานบนซากของความเสียหาย ที่เกิดจากผลงานตัวเองย่างไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ เพราะอันที่จริงแล้วคนที่ต้องถูกประนาฌที่สุดก็คือนาง ไม่ใช่ใครอื่นรวมถึงไม่ใชรัฐบาลทหารของตนเอง ชาติตะวันตกพยายามหลอกลวง และสร้างคาดความหวังให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ว่า ถ้าทำตามในสิ่งที่พวกมันถ่ายทอดให้รับลองว่าอนาคตของพม่า ต้องพบกับความเจริญก้าวหน้า ทั้งๆที่ในแง่ของความเป็นจริงไม่มีทางที่ชาวพม่าจะได้เจอกับสิ่งที่ว่านั้น เป็นอันขาด เพราะการที่อเมริกากับอังกฤษเข้ามาวุ่นวาย กับกลุ่มในประเทศแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งไทยด้วย ก็เพื่อหาทางเข้าไปสอดแนมหาข้อมูลเพื่อเข้าไปจัดการกับจีน ในอนาคตเพื่อไม่ให้ผงาดขึ้นมาเป็นผู้นำ ทางเศรษฐกิจ จนกระทั่งแย่งตำแหน่งมหาอำนาจเบอร์หนึ่งจากตนไปนี่คือความบ้าเต็มพิกัดจากสหรัฐ ที่เราควรทราบรายละเอียดกับหุนเชิดตัวสำคัญที่มันวางหมากไว้ในพม่า และสิ่งที่ควรต้องระวังอีกเรื่องถ้านางอยู่ในตำแหน่งดังกล่าว สิ่งที่สหรัฐจะจัดการนำเด็กสร้างผู้ก่อการร้ายสารพัดชื่อเข้ามาแทรกซึมในอาณาบริเวณประเทศเพื่อนบ้านของพม่า ที่มีนางอองซาน ซูจีเปิดทางสะดวกให้นั่นต้องเกิดอย่างแน่นอนกับสตรีขายชาตินางนี้






ชัยชนะของแม่ซูต้องท่วมท้นเท่านั้น

10112558 สำหรับ ‘แม่ซู’ ชัยชนะครั้งนี้ต้องท่วมท้นเท่านั้น!
โดย : กาแฟดำ   

ผมเอาภาพชุดนี้มาให้ท่านผู้อ่านได้ดู เพื่อจะแบ่งปันความรู้สึกชื่นใจแทนคนพม่า ที่ออกมาใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งครั้งแรกใน 25 ปีอย่างคึกคัก เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง หลังจากตกอยู่ภายในระบอบเผด็จการทหารมายาวนานหลายสิบปี

ทีมข่าวเนชั่นที่ลงพื้นที่พบปะกับผู้คนที่ยืนยันตรงกัน ว่าคนพม่ามีความตื่นตัวและตื่นเต้น กับการได้ใช้สิทธิทางการเมืองอย่างเปิดกว้างเป็นครั้งแรก หลังจากผลการเลือกตั้งคราวที่แล้วที่พรรค NLD ของอองซานซูจีชนะอย่างท่วมท้น แต่ทหารไม่ยอมรับผล เข้ายึดอำนาจปกครองประเทศจนทนแรงกดดันไม่ไหว ต้องยอมก้าวสู่ประชาธิปไตย

และการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา เป็นเพียงก้าวแรกของการเข้าสู่ระบอบที่ประชาชนสามารถมีสิทธิมีเสียงในการปกครองตนเอง

แต่การหย่อนบัตรเลือกตั้งอย่างเดียวไม่ได้รับรองความเป็น “ประชาธิปไตย” เพราะยังจะต้องรอดูว่ารัฐบาลที่จะตั้งขึ้นหลังการเลือกตั้ง จะสามารถบริหารประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนคนพม่ามากน้อยเพียงใด

ขณะที่ผมเขียนคอลัมน์นี้ เป็นจังหวะเดียวกันที่อองซานซูจีแถลงข่าวว่าด้วยผลการหย่อนบัตร ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพราะข่าวทุกกระแสยืนยันตรงกันว่าพรรค NLD ของเธอชนะการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างชัดเจน

เธอไม่ได้ประกาศชัยชนะ เพียงแค่บอกว่า “ผลการเลือกตั้งเป็นอย่างไรท่านคงทราบกันแล้ว”

และบอกว่านี่เป็น “ชัยชนะของคนทั้งประเทศ” ไม่ใช่เป็นของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น, พร้อมกับบอกด้วยว่า

“คนแพ้ก็ควรแพ้อย่างกล้าหาญ คนชนะก็ควรจะชนะอย่างนอบน้อม...”

กกต. ของพม่าเริ่มรายงานผลการเลือกตั้งจากเมืองใหญ่ ๆ อย่างไม่เป็นทางการเมื่อวานตอนเย็น แต่การนับคะแนนในท้องถิ่นห่างไกลจะต้องทำต่อเนื่องตลอดสัปดาห์นี้

ผมยังไม่ได้ยินคำแสดงความยินดีจากประธานาธิบดีเต็งเส่ง หัวหน้าพรรค USDP และยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าใครจะมาเป็นประธานาธิบดี

เพราะผมเชื่อว่าอย่างไรเสีย อองซานซูจีก็จะก้าวอย่างระมัดระวัง และจะไม่ทำอะไรที่ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพ แต่เธอก็จะยืนยัน “อาณัติ” ที่ประชาชนให้มาจากการเลือกตั้งเพื่อให้มีบทบาทในการบริหารประเทศ

ที่เธอยังไม่ประกาศตั้งรัฐบาลหรือวางกรอบอำนาจของเธอ ก็เพราะเธอต้องการรู้ให้แน่ชัดว่าชัยชนะครั้งนี้ “ถล่มทลาย” หรือไม่เพียงใด

เพราะต้องไม่ลืมว่าทหารมีโควตาที่นั่งในสภา 25% อยู่แล้ว ดังนั้นแม้ว่า NLD จะชนะทุกที่นั่งทั่วประเทศก็จะได้ที่นั่งรวมแล้วเพียง 75% เท่านั้น

แต่การออกกฎหมายสำคัญ ๆ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องใช้เสียงเกิน 75% จึงจะผ่าน ดังนั้นอองซานซูจีจึงจำเป็นต้อง “ต่อรอง” กับผู้นำทหารเพื่อให้เธอสามารถบริหารประเทศ โดยที่ไม่เกิดอาการเสียดสีกับกองทัพจนบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าไม่ได้

นายพลเต็งเส่งประกาศไว้ก่อนหน้านี้ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ทหารก็จะยอมรับ และผู้บัญชาการทหารสูงสุดนายพลมินอ่องไหล ก็ย้ำว่าเหตุการณ์เหมือนปี 1990 ที่ทหารยึดอำนาจหลังการเลือกตั้งก็ไม่เกิดขึ้นอีก

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ากองทัพจะยอมถอยออกจากการเมือง ให้อองซานซูจีมีอำนาจเต็มที่ในการบริหารรัฐบาลแน่นอน เพราะในรัฐธรรมนูญก็ยังเปิดทางให้ทหารเข้ามาแทรกแซงการเมืองได้ในกรณีที่เกิด “วิกฤตทางความมั่นคง” ของประเทศ

นั่นแปลว่าชัยชนะครั้งนี้ต้อง “ท่วมท้น” จริง ๆ อองซานซูจีจึงจะสามารถเล่นบท “อยู่เหนือประธานาธิบดี” ได้

อีกไม่กี่วันภาพจะชัดเจนพอที่จะบอกได้ว่า คนที่เธอพร้อมจะให้เป็นประธานาธิบดีนั้นเป็นคนของพรรค NLD หรือเป็นตัวแทนจากกองทัพกันแน่
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/636073#sthash.A8iPabSt.dpuf

คดีเสธโจ้

Cr:ปฏิรูปไทย
ศาลทหารออกหมายจับนายทหารตามที่ คสช. ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ
จากกรณีเมื่อวันที่ 7 พ.ย. พล.ต.วิจารณ์ ผอ.ส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน. และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายหน่วยเฉพาะกิจการข่าว คสช. ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจกองปราบกล่าวโทษ นายจิรวงศ์ และ พ.อ.คชาชาต ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือ แสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
และเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำ ให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้นเพื่อแสดงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้ โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น หรือในความผิดฐานอื่นที่พบภายหลัง
พฤติการณ์คือเมื่อปลายเดือน พ.ค.-ส.ค.2558 แอบอ้างเบื้องสูงในการดำเนินกิจกรรมสำคัญที่ได้จัดขึ้นไปแล้ว เหตุเกิดกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ถ.พหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน และบริษัทซีพีออลล์ แขวงสีลม เขตบางรัก ส่วนอีกคดีพฤติการณ์ คือ เมื่อวันที่ 20 ก.ย.58 แอบอ้างเบื้องสูง ในการดำเนินกิจกรรมสำคัญที่กำลังจะจัดขึ้น
เหตุเกิดบริษัทคิงพาวเวอร์ จำกัด ถ.ซอยรางน้ำ แขวงพญาไท เขตราชเทวี ศาลทหารกรุงเทพจึงได้อนุมัติหมายจับนายจิรวงศ์ และ พ.อ.คชาชาต ตามที่ตำรวจได้มายื่นขออำนาจศาลในการอนุมัติออกหมายจับ
ใครจะผิดหรือถูกก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน และคำพิพากษาศาลถึงที่สุด
@ เสธ น้ำเงิน2


เผาหมอหยองแล้ว

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 9 พฤจิกายน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้แถลงข่าวอย่างเป็นการ และยอมรับว่า นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ 'หมอหยอง' ผู้ต้องขังคดีหมิ่นเบื้องสูง ตามมาตรา 112 ได้เสียชีวิตแล้ว เนื่องจากติดเชื้อในกระแสโลหิต ตั้งแต่เวลา 4 ทุ่ม ของเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 6 พฤจิกายน ที่ผ่านมา

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่าเมื่อวันที่ 9 พฤจิกายน ญาติของผู้เสียชีวิตได้ นำศพของ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง หมอดูชื่อดังและผู้ต้องขัง กระทำความผิดคดีแอบอ้างเบื้องสูงหาผลประโยชน์เข้าตัว ไปประกอบพิธีฌาปนกิจ ที่วัดทองสุทธาราม เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ ทั้งนี้ ในใบมรณบัตรของนายสุริยันระบุวันเสียชีวิต วันที่ 7 พฤศจิกายน 2558 ที่โรงพยาบาลกลางกรมราชทัณฑ์ สาเหตุการตายสันนิษฐานว่าระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจากการติดเชื้อ

ก่อนหน้านี้ กรมราชทัณฑ์ ออกแถลงการณ์กรณี นายสุริยัน หรือ หมอหยอง เสียชีวิต ว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2558 ได้รับรายงานจากเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี สังกัดเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่า เมื่อเวลา 21.00 น. นายสุริยันไม่ขานตอบการเรียกเช็กชื่อของเจ้าหน้าที่ มองเข้าไปดูมีอาการหายใจเฮือกจึงได้รีบแจ้งให้หน่วยเสนารักษ์ ประจำ มทบ.11 มาตรวจพบว่า ชีพจรอ่อนไม่รู้ตัว จึงนำส่ง รพ.ราชทัณฑ์ แขวงลาดยาว เมื่อไปถึง รพ.ราชทัณฑ์ เวลา 22.00 น. ห้องฉุกเฉินแรกรับพบว่า ผู้ต้องขังรายนี้ไม่ตอบสนองใด ๆ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการช่วยฟื้นคืนชีพเป็นเวลาชั่วโมงเศษแต่ไม่ประสบความ สำเร็จ แพทย์เวรลงความเห็นว่าเสียชีวิต

สรุปลำดับเหตุการณ์ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน ต่อเนื่องศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน นายสุริยันมีอาการไข้สูง ไอ กระสับกระส่าย พยาบาลจ่ายยาแล้วให้นอนพัก จากนั้น วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน ราว ๆ สามทุ่ม เจ้าหน้าที่เวรตรวจพบนายสุริยันไม่รู้สึกตัว ส่งตัวไปยัง รพ.ราชทัณฑ์ ซึ่งทีมแพทย์พยายามช่วยชีวิตประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งชันสูตรโดยสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ได้ตรวจพิสูจน์เรียบร้อย เอกสารลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2558 สันนิษฐานว่าระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจากการติดเชื้อในกระแสเลือด เรือนจำได้แจ้งญาติผู้เสียชีวิตมาขอรับศพ ดำเนินการตามประเพณีต่อไป