PR
วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
กระชากแก๊งหมิ่นเพิ่ม20ราย พบสร้าง"ราชภักดิ์"ผิดปกติ | เดลินิวส์
กระชากแก๊งหมิ่นเพิ่ม20ราย พบสร้าง"ราชภักดิ์"ผิดปกติ 10 พ.ย.กระชากแก๊งหมิ่นสถาบันเบื้องสูงลงโทษเพิ่มอีก 20 ราย เผยจนท.ตรวจเพิ่มอีก 1 โครงการจัดสร้างหนังสือ "7 ตำนานสมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม" พล.ต.-พ.อ.เข้าไปดำเนินการ
วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน 2558 เวลา 1:00 น.
จากกรณีตำรวจจับกุมผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112 รวม 3 ราย ประกอบด้วย นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ "หมอหยอง" อายุ 53 ปี นักโหราศาสตร์ชื่อดัง นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือ "อาร์ท ชัตเตอร์มหาเทพ" อายุ 39 ปี ที่ปรึกษาและคนสนิทของนายสุริยัน และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือ"สารวัตรเอี๊ยด" อดีตสว.กก.1 บก.ปอท. โดยทั้งหมดถูกนำไปควบคุมตัวที่ เรือนจำชั่วคราว มทบ.11 แต่ระหว่างควบคุมตัว พ.ต.ต.ปรากรม ใช้เสื้อผู้ต้องขัง ผูกคอฆ่าตัวตายไป
ส่วนการขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการ ตำรวจจับกุมนายศุกร์โข ตามเสรี หรือ เค อายุ 32 ปี คนสนิทของ พ.ต.ต.ปรากรม ได้เพิ่มเติม ในความผิดฐานครองครองปืนและเครื่องกระสุนปืน แต่ยังไม่มีหลักฐานเอาผิด ในคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง
ขณะเดียวกัน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่เหลือ ปรากฏชื่อนายตำรวจใหญ่ รวมทั้งนายทหารระดับสูง ยศตั้งแต่ พล.ต.-พ.อ. เข้ามาเกี่ยวข้องกว่า 50 นาย รวมทั้งส่อทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ด้วย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 7 พ.ย.
มีรายงานข่าวจากชุดคลี่คลายคดี หมิ่นสถาบันเบื้องสูงแจ้งว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการสอบปากคำพยานเพื่อหาความเชื่อมโยงเกี่ยวกับบุคคลอื่นๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเพิ่มเติม โดยพบว่านายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง 1 ในผู้ต้องหาคนสำคัญ ได้พาดพิงถึงนายทหาร 2 นาย ยศ พล.ต. และ พ.อ. ว่า มีส่วนพัวพันเรื่องดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลสืบสวนแต่ปรากฏว่านายทหารยศ พ.อ.ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว โดยทหารทั้ง 2 นายนี้ สนิทสนมกับนายทหารระดับสูงซึ่งได้เกษียณอายุราชการไปแล้วด้วย
นอกจากนี้ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบทางเทคโนโลยีเกี่ยวกับการสื่อสารทั้งหมดของผู้ต้องหาและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทำให้พบว่ามีการร่วมกันทุจริตโดยแอบอ้างเบื้องสูงในหลายเรื่อง ส่วนหนึ่งคือการจัดทำเสื้อกิจกรรมสำคัญที่มีการเรียกรับเงินจากบริษัทเอกชนไปมากถึงกว่า 70 ล้านบาท
โดยพบว่ามียอดเงินกว่า 20 ล้านบาท เป็นเงินที่ได้มาจากบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง สำหรับประเด็นเรื่องเงินจำนวน 20 ล้านบาท ที่มีนายทหารระดับ พ.อ. เข้ามาเกี่ยวข้องนี้ พบข้อมูลว่า นายทหารคนดังกล่าวได้ติดต่อหญิงสาวรายหนึ่งซึ่งทราบว่าเป็นเจ้าของบริษัทผลิตเสื้อแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ที่สนิทสนมกันมานานให้เข้ามาเป็นตัวแทน หรือนอมินีเพื่อรับสมอ้างที่จะเข้ามารับงานเป็นผู้ผลิตเสื้อ
โดยมีรายงานการตรวจสอบย้อนไปพบในกล้องวงจรปิดว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา พ.อ. รายนี้ได้เดินทางไปรับหญิงสาวที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วเดินทางมาบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่เพื่อรับเช็คเงินสดที่สั่งจ่ายสำหรับใช้ในการผลิตเสื้อ โดยจากภาพที่ปรากฏ พ.อ. แต่งเครื่องแบบเต็มยศมาด้วย
อีกทั้งมีหลักฐานเป็นการสนทนาในช่วงเวลาต่าง ๆ และยังมีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดที่ยืนยันว่าผู้ต้องหาโดยเฉพาะนายสุริยันเคยนัดกับ พ.อ. ที่โรงแรมในกรุงเทพฯ เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการขอสปอนเซอร์ในกิจกรรมพิเศษเช่นกัน รวมทั้งได้ตรวจสอบเส้นทางการโอนเงินของบริษัทผลิตเสื้อ พบว่ามีการโอนเงินส่วนหนึ่งมายังนายสุริยัน ซึ่งคาดว่าเป็นเงินส่วนต่าง ก่อนที่นายสุริยันจะนำเงินไปซื้อคอนโดมิเนียมที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นของหญิงสาวที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับ พ.อ.คนดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ทางชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่หาเบาะแสเพิ่มเติมในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ พร้อมเข้าตรวจค้นบ้านพัก และโรงงานภายใน จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านพักของผู้ที่มีความสนิทสนมของนายทหารยศ พ.อ. แล้ว อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการต่อไป นอกเหนือจากการทุจริตการจัดทำเสื้อแล้ว ชุดสืบสวนยังพบอีกว่านายทหารทั้ง 2 นาย ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเฉพาะการจัดซื้อวัสดุก่อสร้าง และการก่อสร้างพื้นฐานต่าง ๆ รวมทั้งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบกิจกรรมต่าง ๆ ที่ปรากฏชื่อนายทหารทั้ง 2 นายเข้าไปดำเนินการ โดยเฉพาะโครงการจัดทำหนังสือ 7 ตำนานสมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม เพื่อตรวจสอบความโปร่งใสการดำเนินการด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนของการติดตามจับกุมผู้ร่วมกระทำผิดรายอื่น ๆ นั้น ยังอยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเตรียมออกหมายจับ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเพิมเติม เบื้องต้นคาดว่า น่าจะมีนายทหาร ตำรวจ และพลเรือน เข้าไปมีส่วนพัวพันคดีดังกล่าวเข้าข่ายไม่ต่ำกว่า 20 คน โดยแบ่งออกเป็นทหาร 2 ราย ตำรวจ 4 ราย และพลเรือนอีก 14 ราย ซึ่งในส่วนของพลเรือนนั้นเป็นบุคคลในเครือข่าย หรือกลุ่มนอมินี ที่ปรากฏเส้นทางเงินที่เชื่อมโยง คาดว่าไม่น่าเกินวันที่ 10 พ.ย.จะมีความชัดเจน ต่อมารายงานจากชุดคลี่คลายคดี แจ้งเพิ่มเติมว่า ภายหลังพบความผิดปกติเกี่ยวกับโครงการอุทยานราชภักดิ์พนักงานสอบสวนได้เริ่มตรวจสอบที่มาที่ไป และทำการสอบปากคำเจ้าของโรงหล่อแห่งหนึ่ง ซึ่งเข้าร่วมจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ ทำให้ทราบว่าราวเดือน ต.ค.57 ได้รับการติดต่อจากเซียนพระชื่อดังคนหนึ่งในฐานะคณะกรรมการจัดสร้าง ให้ไปพูดคุยเรื่องการดำเนินการจัดสร้างพระบรมราชาอนุสาวรีย์พระมหากษัตริย์ 7 พระองค์ ที่กรมกิจการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน กระทั่งมีการเซ็นสัญญาจ้างตกลงค่าจ้างที่ราคา 44 ล้านบาท ให้หล่อพระบรมราชาอนุสาวรีย์พระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่ง ซึ่งในส่วนขั้นตอนรายละเอียดต่าง ๆ ต้องประสานนายทหารยศ พล.ต. ที่มีการระบุก่อนหน้านี้ว่าเข้ามามีส่วนดำเนินการจัดสร้าง อย่างไรก็ตามในการดำเนินการครั้งนี้ต้องจ่ายค่าตอบแทนให้กับเซียนพระดังกล่าวเป็นค่าตอบแทนที่ให้ได้จัดสร้างครั้งนี้เป็นเงิน 10 เปอร์เซ็นต์ของราคาค่าว่าจ้างด้วย เช่นเดียวกับเจ้าของโรงหล่ออีกแห่งหนึ่งก็ระบุเช่นกันว่า เมื่อต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อจากเซียนพระคนเดียวกันให้เข้าร่วมจัดสร้างพระบรมราชาอนุสาวรีย์พระมหากษัตริย์ 7 พระองค์เช่นกัน รวมทั้งยังแนะนำผู้ที่จะเข้ามารับงานอีก 4 แห่ง และเซียนพระคนดังกล่าวจะหักค่านายหน้าในการจัดจ้างเช่นเดียวกัน สำหรับการจ่ายค่านายหน้าจะมีการดำเนินการจ่ายเป็นงวด ๆ งวดแรก เดือน ก.พ. นัดหมายจ่ายเงินที่พุทธมหาอุทยานหลวงปู่ทวด จ.พระนครศรีอยุธยา งวดที่ 2 เดือนพ.ค. สั่งจ่ายเงินเป็นเช็คเงินสด งวดที่สามสั่งจ่ายเป็นเช็คเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้กลับไม่สามารถขึ้นเงินได้ จึงใช้วิธีโอนเงินเข้าบัญชีของเซียนพระ หลังจากนั้นพยายามติดต่อเพื่อจะโอนเงินให้ แต่ไม่สามารถติดต่อได้จึงได้ยกเลิกไป.“
อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/crime/359431
"บิ๊กตู่"เซ็น"คำสั่งคสช." ดึงลูกสาว'มีชัย'ช่วยงาน | เดลินิวส์
“บิ๊กตู่” ลงนามคำสั่ง คสช. ที่ 15/2558 ตั้งผู้ปฏิบัติงานใหม่ “บิ๊กป้อม” ดึงเพื่อนตท. 6 เป็นรองเลขาฯ ด้าน “มีชัย” ให้ลูกสาวมาช่วยงาน “วินธัย-ศิริจันทร์” ยังยึดเก้าอี้ทีมโฆษก คสช.แน่น
วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2558 เวลา 17:48 น.
เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ 15/2558 เรื่องแต่งตั้งผู้ปฏิบัติงานใน คสช. โดยมีรายละเอียดว่า ตามที่มีประกาศ คสช. ฉบับที่ 93/ 2557 ลงวันที่ 17 ก.ค. 2558 เรื่องการกำหนดอัตราตำแหน่งและค่าตอบแทนของผู้ปฏิบัติงานในคสช. แล้วนั้น เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจของ คสช.ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและการสนับสนุนภารกิจการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงให้เปลี่ยนแปลงการแต่งตั้งบุคคลปฏิบัติงานใน คสช.ตามคำสั่ง คสช.ที่ 113/2557 เรื่องการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติงานใน คสช.ลงวันที่ 5 ส.ค. 2557 และคำสั่งคสช.ที่124/ 2557 เรื่อง แต่งตั้งผู้ปฏิบัติงานในคสช.ลงวันที่22 ต.ค. 2557 ดังนี้
รองเลขาธิการประจำผู้ดำรงตำแหน่งใน คสช. จำนวน 14 ราย ได้แก่ พล.อ.อาทร โลหิตกุล เป็นรองเลขาธิการฯของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.ต.อนุศิษฐ์ ศุภธนิต เป็นรองเลขาธิการฯ ของพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร พล.ร.อ.บรรจบ ปรีชา เป็นรองเลขาธิการฯ ของพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย พล.อ.ท.สุรศักดิ์ หมู่พยัคฆ์ เป็นรองเลขาธิการฯ ของพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง พล.อ.มงคล เผ่าพงษ์คล้าย เป็นรองเลขาธิการฯ ของ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว พล.ท.จารุวุฒิ ศิระพลานนท์ เป็นรองเลขาธิการฯ ของพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร พล.ท. เยาวดนัย ภู่เจริญยศ เป็นรองเลขาธิการฯ ของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา พล.อ. ฐิตินันท์ ธัญญสิริ เป็นรองเลขาธิการฯ ของพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี เป็นรองเลขาธิการฯ ของ พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ พล.ร.อ.ชุมพล วงศ์เวคิน เป็นรองเลขาธิการฯ ของพล.ร.อ.ณะ อารีนิจพล.อ.อ.มณฑล สัชฌุกร เป็นรองเลขาธิการฯ ของพล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ สายันประเสริฐ เป็นรองเลขาธิการฯ ของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา นางมยุระ ช่วงโชติ บุตรสาวของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นรองเลขาธิการฯ ของนายมีชัย และพล.อ.ชีวัน โหละบุตร เป็นรองเลขาธิการ ฯ ของพล.อ.ธีรชัย นาควานิช
ส่วนที่ปรึกษาประจำผู้ดำรงตำแหน่งใน คสช.จำนวน 14 ราย ได้แก่ พล.อ.อมรฤทธิ์ แพทย์เจริญ เป็นที่ปรึกษาฯ พล.อ.ประวิตร ,พล.อ.ประภาณ สุวรรณวัฒน์ เป็นที่ปรึกษาฯ พล.อ.ธนะศักดิ์,พล.ร.อ.มานิตย์ สูนนาดำ เป็นที่ปรึกษา ฯ พล.ร.อ.ณรงค์ ,พล.อ.อ.วิโรจน์ นิสยันต์ เป็นที่ปรึกษาฯ พล.อ.อ.ประจิน ,พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ อรุณศรีโสภณ เป็นที่ปรึกษา ฯ พล.ต.อ.อดุลย์ ,พล.อ.ระพีศักดิ์ ธนะพัฒน์ เป็นที่ปรึกษา ฯ พล.อ.อุดมเดช ,พล.ต.ทรงศักดิ์ สหสมโชค เป็นที่ปรึกษา ฯ พล.อ. ไพบูลย์ ,พล.อ.เด่นดวง ทิมวัฒนา เป็นที่ปรึกษาฯ พล.อ.ปรีชา ,พล.อ.สุรสิทธิ์ ถาวร เป็นที่ปรึกษา ฯ พล.อ.สมหมาย ,พล.ร.อ.บุญชัย มรินทร์พงษ์ เป็นที่ปรึกษา ฯ พล.ร.อ.ณะ , พล.อ.อ.วิจิตร์ จิตร์ภักดี เป็นที่ปรึกษา ฯ พล.อ.อ.ตรีทศ ,พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช เป็นที่ปรึกษา ฯ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ,พล.ต.ต.ไพศาล เชื้อรอด เป็นที่ปรึกษาฯ นายมีชัย , พล.ต.มล.เพิ่มวุทธิ์ สวัสดิวัตน์ เป็นที่ปรึกษาฯ พล.อ. ธีรชัย ขณะที่พ.อ.วินธัย สุวารี เป็นโฆษกประจำ คสช. พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง เป็น รองโฆษกประจำ คสช. รวมถึง พล.ต.วิระ โรจนวาศ นายคนันท์ ชัยชนะ น.ส.ณัชฐานันท์ รูปขจร และ น.ส.ปถมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต เป็นประจำ คสช. ทั้งนี้ตั้งแต่ วันที่ 1 ต.ค. 2558 เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 30 ต.ค. 2558 ลงนามโดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.“
อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/politics/359825
ว่าด้วยป้าย Thailand Best
โวยใช้ ม.44 ตั้งบอร์ดประกันสังคมใหม่ ตัดตอนผู้ประกันตนใช้สิทธิเลือกตั้ง
โวยใช้ ม.44 ตั้งบอร์ดประกันสังคมใหม่ ตัดตอนผู้ประกันตนใช้สิทธิเลือกตั้ง
ภาพการทดสอบขีปนาวุธเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในรัฐแคลิฟอร์เนีย
กรธ.แบไต๋ เปิดทาง"คนนอก"นั่งนายกฯ อ้าง ส.ส.น่าจะเลือก ส.ส.ด้วยกันดำรงตำแหน่ง
เมื่อเวลา 13.00 น. นายอมร วาณิชวิวัฒน์ โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(โฆษก กรธ.) แถลงความคืบหน้าการประชุมการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญของ กรธ.ว่า คณะอนุกรรมการศึกษาโครงสร้างฝ่ายบริหารได้นำเสนอรายงานความคืบหน้าการใช้บัตรเลือกตั้งแบบ 1 และ 2 ใบ โดยบัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบนั้น ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถเลือกผู้สมัครแบบแบ่งเขตที่ชอบและพรรคการเมืองที่ชอบได้ แต่ทั้งนี้อาจทำให้พรรคการเมืองขาดความเข้มแข็งได้ เนื่องจากพรรคการเมืองไม่มีความผูกพันธ์กับผู้สมัครแบบแบ่งเขต ส่วนบัตรเลือกตั้งแบบใบเดียวนั้น ส่งเสริมให้พรรคการเมืองมีความเข้มแข็ง และการใช้บัตรเดียวจะทำให้บัตรเสียลดลง พร้อมทั้งลดค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในส่วนคณะกรรมการประจำหน่วย ลดค่าใช้จ่ายพิมพ์บัตร โดยสามารถลดค้าใช้จ่ายทั้งหมดได้กว่า 600 ล้านบาท นอกจานี้ผลการสำรวจ เห็นว่าการใช้บัตรเดียวจะสะดวกกับประชาชนมากกว่า โดยอนุกรรมการเห็นว่าการใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวเหมาะสมสุด
นายอมร กล่าวว่า นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานอนุกรรมการศึกษาโครงสร้างฝ่ายบริหาร ได้เสนอรายงานความคืบหน้า ผลการศึกษาประเด็นเกี่ยวกับการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี โดยได้พิจารณาข้อดี ข้อเสีย ของทั้งสามระบบ คือ ระบบรัฐสภา ระบบการแบ่งแยกอำนาจอย่างเด็ดขาด และระบบผสมระหว่างการควบอำนาจกับการแบ่งแยกอำนาจอย่างเด็ดขาด โดยที่ประชุมเห็นควรให้มีนายกรัฐมนตรีในระบบรัฐสภา โดยนายกต้องมาจาก มติของ ส.ส. และอาจจะเป็น ส.ส.หรือไม่ได้เป็นก็ได้ ทั้งนี้ต้องมีกลไกเพื่อเป็นหลักประกันให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติเลือกนายก แต่วิธิการหรือมติจะมีหลักการอย่างไรนั้น ที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะอนุศึกษาโครงสร้างฝ่ายบริหารไปพิจารณาศึกษาเพิ่มเติมและรายงานต่อที่ประชุมภายในสัปดาห์นี้
นายอมร กล่าวว่า อย่างไรก็ดีเชื่อว่า ส.ส.น่าจะมีดุลยพินิจในการเลือกนายกรัฐมนตรีและเชื่อว่าส.ส.จะเลือกส.ส.ด้วยกันเองเป็นนากยรัฐมนตรี นอกจากนี้การที่เห็นควรในหลักการเช่นนี้โดยไม่ได้ระบุว่านายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส.เพื่อป้องกันในช่วงที่มีวิกฤติเพราะอาจไม่มีมาตรา 7 แบบเดิมเพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคือบเบื้องพระยุคลบาท
จีนเริ่มทำสวอปเงินหยวนกับเงินสวิสฟรังค์ของสวิตเซอร์แลนด์อย่างเป็นทางการ โดยไม่ผ่านเงินดอลลาร์สหรัฐ
-----------
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
10/11/2558
----------
https://www.rt.com/bus…/321397-yuan-free-convertation-franc/
http://sputniknews.com/…/china-yuan-swiss-franc-trading.html
http://www.bloomberg.com/…/china-to-allow-direct-conversion…
http://www.pbc.gov.cn/english/130721/2974863/index.html
https://en.wikipedia.org/wiki/Switzerland
"บิ๊กโด่ง"เปิดใจครั้งแรก แจง"ราชภักดิ์"โปร่งใส มีหลักฐาน พร้อมให้ตรวจสอบ ยัน "เซียนพระ อ." แอบอ้างชื่อ
เผยตอนนี้ มี มูลนิธิอุทยานฯ ดูแลการสร้างอุทยานฯ อยู่ เตรียมส่งมอบ ทบ.ดูแลแทน เพราะ ผบทบ. เป็นประธาน โดยตำแหน่ง แต่เพราะตอนนี้ ยังไม่ได้ส่งมอบ แต่ได้เคยคุย เบื้องต้นแล้ว
พร้อม ติงสื่อเสนอข่าวเป็นท่อนๆ ไม่มีตอนจบ เผยรู้เรื่องเซียนพระ "อ" แอบอ้างผู้ใหญ่ ไปหลอกเรียกหัวคิว จากโรงหล่อ แล้ว จึงได้พยายามแก้ปัญหา ส่งคนไปเจรจา จนในที่สุด เมื่อเรัยบร้อย ได้เงินคืนมา ทางโรงหล่อ ก็ไม่ต้องการให้เกิดความเสียหายต่ออุทยานฯ จึงได้บริจาคเงิน ให้อุทยานฯ บางโรงหล่อ ก็ขอนำเงินไปตกแต่งองค์พระรูปของตนเองให้สมบูรณ์สวยงาม จึงทำให้เรื่องนี้ จบลงด้วยดี ด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์ สะอาด เพราะเราสร้างอุทยานฯ ขึ้นมาด้วยเจตนาสุจริต บริสุทธ์ และต้องการให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน
TCDC-TK Park-มิวเซียมสยาม รับเฉียดพันล้าน งบฯ ปี58 ก่อน ครม.จ่อยุบ!
แฟ้มประวัติลับ 'พ.อ.คชาชาต บุญดี' จาก 'ทหารดาวรุ่ง' สู่ 'ผู้ต้องหา' คดีหมิ่นเบื้องสูง
กระทั่งถึงฤดูแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารปี 2558 “พ.อ.คชาชาต” ถือเป็นนายทหารคนสนิทของ “พล.อ.อุดมเดช” ที่ทำงานร่วมกันมาตลอด
คดี112จากหมอหยองถึงพ.อ.
ม.112ยิ่งสาวยิ่งลึกจากหมอหยองถึงพ.อ.
ม.112ยิ่งสาวยิ่งลึกจากหมอหยองถึงพ.อ. : ทีมข่าวความมั่นคงรายงาน
การสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกลุ่มผู้ต้องหาที่พัวพันในคดีความผิดแอบอ้างเบื้องสูงยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง จากที่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุมกลุ่มผู้ต้องหากระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 112 รวม 4 คน คือ สุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือ สารวัตรเอี๊ยด จิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือ “อาท ชัตเตอร์มหาเทพ” คนสนิทของนายสุริยัน และศุกร์โข ตามเสรี
ดูเหมือนว่าการกระทำผิดในคดีมาตรา 112 ยิ่งสาวลึกมากเท่าใดยิ่งพบกลุ่มบุคคลพัวพันเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มข้าราชการคนมีสี ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า นายทหารยศพันเอกและพลตรีเข้าไปมีส่วนรู้เห็นต่อความผิดดังกล่าว แต่ผู้ใหญ่ในกองทัพหลายคนออกมาปฏิเสธเรื่องนี้โดยตลอด
สุดท้ายคนทำผิดย่อมหนีผลแห่งการกระทำไม่พ้น เมื่อ “พล.ต.วิจารณ์ จดแตง” ผู้อำนวยการส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย หน่วยเฉพาะกิจการข่าว คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อ “พ.อ.คชาชาต บุญดี” อดีตผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ (อดีต ผบ.ป.1 รอ.) ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา กระทั่งนำไปสู่การขอหมายจับต่อศาลทหาร ทำให้คำถามที่ว่า คดีนี้มีนายทหารระดับพันเอกถึงพลตรีเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ คลี่คลายโดยปริยาย
ขณะเดียวกัน “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หรือบิ๊กป้อม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนจากที่ก่อนหน้านี้ได้ปฏิเสธเรื่องทหารเข้าไปพัวพันกับคดี แต่มาถึงวันนี้ “บิ๊กป้อม” ยอมรับว่า “ก่อนหน้านั้นไม่มีหมายจับที่พัวพันกับนายทหาร ผมจึงไม่ได้ปฏิเสธ และยอมรับว่าไม่มีนายทหารเกี่ยวข้อง สื่อจะมาว่าผมไม่ได้ ใช้คำพูดแบบนี้ไม่ได้ พูดแบบนี้ก็แย่สิ มาหาว่าผมปฏิเสธ ก็ผมไม่รู้ เพราะตอนนี้เขาเพิ่งออกมา”
เมื่อผู้สื่อข่าวยิงคำถามว่า เรื่องนี้จะกระทบต่อกองทัพหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า คนมันหนีไปแล้ว แล้วจะให้ทำอย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องของบุคคล และขอย้ำไปว่า เป็นเรื่องส่วนบุคคล ขณะนี้มีเพียงทหารรายเดียว และยังไม่ขอตอบว่าจะมีอีกหรือไม่ เจ้าหน้าที่จะต้องสืบสวนต่อไป และรอผลสอบสวนจากเจ้าหน้าที่อีกครั้ง
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ถึงแม้จะมีความชัดเจนแล้วว่ามีนายทหารระดับพันเอกไปพัวพันกับคดีนี้ แต่มีคำถามตามมาว่า พ.อ.คชาเดช เป็นใคร เหตุใด และทำไมถึงเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ได้
จากข้อมูลพบว่า “พ.อ.คชาชาต” ในวงการเรียกว่า “เสธ.โจ้” เคยเป็นนายทหารคนสนิทของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก
พ.อ.คชาชาต ยังเป็น 1 ใน 3 นายทหารยศพันเอกที่ พล.อ.อุดมเดช เซ็นคำสั่งโยกย้ายให้ไปเป็น รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 เพียง 1 วันก่อนเกษียณอายุ
หากใครยังจำได้ เมื่อ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการทหารบก ได้มีคำสั่งระงับการโยกย้ายดังกล่าว และยังออกคำสั่งให้ เสธ.โจ้ โยกย้ายไปเป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการ กองทัพภาคที่ 3 ในคราวเดียวกัน
ภายหลังตกเป็นข่าวพัวพันในคดีความผิดมาตรา 112 แนวทางการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดีแอบอ้างเบื้องสูงยืนยันแน่ชัดด้วยว่า เสธ.โจ้คนนี้ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยแล้ว ซึ่ง พล.ท.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 ได้ทำหนังสือรายงานผู้บัญชาการทหารบกว่า เสธ.โจ้ได้เดินทางไปต่างประเทศจริง โดยไม่ได้เขียนใบลาราชการตามระเบียบปฏิบัติ อีกทั้งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ทหารได้ตรวจค้นบ้านพักที่ จ.พิษณุโลก ของพันเอกคนดังกล่าว พบจดหมายขอลาออกจากราชการ แต่ถือว่ายังไม่มีผล
ทั้งนี้จากกระแสข่าวล่าสุดยืนยันว่า เสธ.โจ้หลบหนีไปอยู่ที่ประเทศพม่า โดยเลือกไปกบดานอยู่กับชนกลุ่มน้อยของพม่าตามแนวชายแดน ซึ่งตอนนี้กองทัพได้ประสานทางการพม่าเพื่อขอตัว เสธ.โจ้ มาดำเนินคดีในประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวอีกว่า พันเอกจากกองทัพบกผู้นี้ หอบเงินก้อนใหญ่จำนวน 20 ล้าน ที่ได้มาจากการกระทำความผิดหลบไปด้วย ซึ่งการกระทำความผิดทุกอย่างอยู่ในสำนวนของพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีหมิ่นสถาบัน กระทั่งนำไปสู่การขออนุญาตศาลทหารเพื่อออกหมายจับกุมในคดีความผิด มาตรา 112 ดังกล่าว
ส่วนคดีจะมีตัวละครเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ คงต้องติดตามการทำงานของพนักงานสืบสวนต่อไป...
อองซานซูจี อีกมุมหนึ่ง หุ่นยนต์ตะวันตก?
ชัยชนะของแม่ซูต้องท่วมท้นเท่านั้น
คดีเสธโจ้
เผาหมอหยองแล้ว
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 9 พฤจิกายน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้แถลงข่าวอย่างเป็นการ และยอมรับว่า นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ 'หมอหยอง' ผู้ต้องขังคดีหมิ่นเบื้องสูง ตามมาตรา 112 ได้เสียชีวิตแล้ว เนื่องจากติดเชื้อในกระแสโลหิต ตั้งแต่เวลา 4 ทุ่ม ของเมื่อคืนวันศุกร์ที่ 6 พฤจิกายน ที่ผ่านมา
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่าเมื่อวันที่ 9 พฤจิกายน ญาติของผู้เสียชีวิตได้ นำศพของ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง หมอดูชื่อดังและผู้ต้องขัง กระทำความผิดคดีแอบอ้างเบื้องสูงหาผลประโยชน์เข้าตัว ไปประกอบพิธีฌาปนกิจ ที่วัดทองสุทธาราม เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ ทั้งนี้ ในใบมรณบัตรของนายสุริยันระบุวันเสียชีวิต วันที่ 7 พฤศจิกายน 2558 ที่โรงพยาบาลกลางกรมราชทัณฑ์ สาเหตุการตายสันนิษฐานว่าระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจากการติดเชื้อ
ก่อนหน้านี้ กรมราชทัณฑ์ ออกแถลงการณ์กรณี นายสุริยัน หรือ หมอหยอง เสียชีวิต ว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2558 ได้รับรายงานจากเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี สังกัดเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่า เมื่อเวลา 21.00 น. นายสุริยันไม่ขานตอบการเรียกเช็กชื่อของเจ้าหน้าที่ มองเข้าไปดูมีอาการหายใจเฮือกจึงได้รีบแจ้งให้หน่วยเสนารักษ์ ประจำ มทบ.11 มาตรวจพบว่า ชีพจรอ่อนไม่รู้ตัว จึงนำส่ง รพ.ราชทัณฑ์ แขวงลาดยาว เมื่อไปถึง รพ.ราชทัณฑ์ เวลา 22.00 น. ห้องฉุกเฉินแรกรับพบว่า ผู้ต้องขังรายนี้ไม่ตอบสนองใด ๆ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการช่วยฟื้นคืนชีพเป็นเวลาชั่วโมงเศษแต่ไม่ประสบความ สำเร็จ แพทย์เวรลงความเห็นว่าเสียชีวิต
สรุปลำดับเหตุการณ์ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน ต่อเนื่องศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน นายสุริยันมีอาการไข้สูง ไอ กระสับกระส่าย พยาบาลจ่ายยาแล้วให้นอนพัก จากนั้น วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน ราว ๆ สามทุ่ม เจ้าหน้าที่เวรตรวจพบนายสุริยันไม่รู้สึกตัว ส่งตัวไปยัง รพ.ราชทัณฑ์ ซึ่งทีมแพทย์พยายามช่วยชีวิตประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งชันสูตรโดยสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ได้ตรวจพิสูจน์เรียบร้อย เอกสารลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2558 สันนิษฐานว่าระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจากการติดเชื้อในกระแสเลือด เรือนจำได้แจ้งญาติผู้เสียชีวิตมาขอรับศพ ดำเนินการตามประเพณีต่อไป