กรธ. เห็นควร นายกฯไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส.เชื่อ ส.ส.มีดุลยพินิจเลือกเองได้ พร้อมฟันบัตรเลือกตั้งใบเดียว ลดค่าใช้จ่าย กว่า 600 ล้านบาท
เมื่อเวลา 13.00 น. นายอมร วาณิชวิวัฒน์ โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(โฆษก กรธ.) แถลงความคืบหน้าการประชุมการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญของ กรธ.ว่า คณะอนุกรรมการศึกษาโครงสร้างฝ่ายบริหารได้นำเสนอรายงานความคืบหน้าการใช้บัตรเลือกตั้งแบบ 1 และ 2 ใบ โดยบัตรเลือกตั้งแบบ 2 ใบนั้น ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถเลือกผู้สมัครแบบแบ่งเขตที่ชอบและพรรคการเมืองที่ชอบได้ แต่ทั้งนี้อาจทำให้พรรคการเมืองขาดความเข้มแข็งได้ เนื่องจากพรรคการเมืองไม่มีความผูกพันธ์กับผู้สมัครแบบแบ่งเขต ส่วนบัตรเลือกตั้งแบบใบเดียวนั้น ส่งเสริมให้พรรคการเมืองมีความเข้มแข็ง และการใช้บัตรเดียวจะทำให้บัตรเสียลดลง พร้อมทั้งลดค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในส่วนคณะกรรมการประจำหน่วย ลดค่าใช้จ่ายพิมพ์บัตร โดยสามารถลดค้าใช้จ่ายทั้งหมดได้กว่า 600 ล้านบาท นอกจานี้ผลการสำรวจ เห็นว่าการใช้บัตรเดียวจะสะดวกกับประชาชนมากกว่า โดยอนุกรรมการเห็นว่าการใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวเหมาะสมสุด
นายอมร กล่าวว่า นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานอนุกรรมการศึกษาโครงสร้างฝ่ายบริหาร ได้เสนอรายงานความคืบหน้า ผลการศึกษาประเด็นเกี่ยวกับการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี โดยได้พิจารณาข้อดี ข้อเสีย ของทั้งสามระบบ คือ ระบบรัฐสภา ระบบการแบ่งแยกอำนาจอย่างเด็ดขาด และระบบผสมระหว่างการควบอำนาจกับการแบ่งแยกอำนาจอย่างเด็ดขาด โดยที่ประชุมเห็นควรให้มีนายกรัฐมนตรีในระบบรัฐสภา โดยนายกต้องมาจาก มติของ ส.ส. และอาจจะเป็น ส.ส.หรือไม่ได้เป็นก็ได้ ทั้งนี้ต้องมีกลไกเพื่อเป็นหลักประกันให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติเลือกนายก แต่วิธิการหรือมติจะมีหลักการอย่างไรนั้น ที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะอนุศึกษาโครงสร้างฝ่ายบริหารไปพิจารณาศึกษาเพิ่มเติมและรายงานต่อที่ประชุมภายในสัปดาห์นี้
นายอมร กล่าวว่า อย่างไรก็ดีเชื่อว่า ส.ส.น่าจะมีดุลยพินิจในการเลือกนายกรัฐมนตรีและเชื่อว่าส.ส.จะเลือกส.ส.ด้วยกันเองเป็นนากยรัฐมนตรี นอกจากนี้การที่เห็นควรในหลักการเช่นนี้โดยไม่ได้ระบุว่านายกรัฐมนตรีต้องเป็น ส.ส.เพื่อป้องกันในช่วงที่มีวิกฤติเพราะอาจไม่มีมาตรา 7 แบบเดิมเพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคือบเบื้องพระยุคลบาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น