PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หมอหยองตาย_ปลดพิสิฐศักดิ์จับเสธโจ้

หยองตาย4ทุ่ม 7พ.ย. แจงติดเชื้อในกระแสเลือด จับเสธ.โจ้-ถอดยศพิสิฐศักดิ์
Tuesday, November 10, 2015 - 00:00

"ไพบูลย์" แถลง "หมอหยอง" เสียชีวิตแล้วช่วง 4 ทุ่มคืนวันที่ 7 พ.ย. เหตุติดเชื้อในกระแสโลหิต "กรมราชทัณฑ์" ออกแถลงการณ์แจงละเอียดยิบ ระบุป่วยตั้งแต่คืนวันที่ 5 พ.ย.ให้ยาลดไข้ กระทั่งพบคืนวันเสาร์เรียกไม่รู้สึกตัว หายใจเฮือกยาว ส่ง รพ.ราชทัณฑ์ช่วยชีวิตกว่า 1 ชม.แต่ไม่สำเร็จ "ประวิตร" รับศาลทหารออกหมายจับ "เสธ.โจ้" เอี่ยวคดี 112 ชี้เรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกองทัพ "ตร." เร่งตามตัวดำเนินคดี "ราชกิจจาฯ" เผยแพร่ประกาศถอดยศ-เรียกคืนเครื่องราชฯ "พล.ต.พิสิฐศักดิ์" ทำผิดวินัยทหารประพฤติชั่วร้ายแรง

เมื่อวันจันทร์ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) แถลงว่า นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง ผู้ต้องขังคดีแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเรียกหรือรับผลประโยชน์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.00 น. โดยได้รับรายงานจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ว่า นายสุริยันมีอาการป่วย หายใจติดขัดตั้งแต่วันที่ 5 พ.ย. ซึ่งกรมแพทย์ประจำเรือนจำชั่วคราว ถนนนครชัยศรี มณฑลทหารบกที่ 11 จึงได้ให้ยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการ แต่ปรากฏว่าอาการไม่ดีขึ้น จึงนำตัวส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เมื่อประมาณ 21.00 น.ของวันที่ 6 พ.ย.

พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ต่อมานายสุริยันได้เสียชีวิตเวลาประมาณ 22.00 น. ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ระบุว่า สาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการติดเชื้อในกระแสโลหิต อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาตั้งแต่วันขึ้นศาลจนกระทั่งเข้ามาอยู่เรือนจำ นายสุริยันก็ได้เข้ารับการรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลมาโดยตลอด

"หลังจากนายสุริยันได้เสียชีวิตลง กรมราชทัณฑ์ก็ได้ดำเนินการตามขั้นตอน โดยให้คณะกรรมการ 4 ฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายปกครอง, ตำรวจ, แพทย์ และอัยการ ร่วมชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิต ก่อนออกใบมรณบัตรและแจ้งญาติให้มารับศพเพื่อไปประกอบพิธีทางศาสนา ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการเสียชีวิตและขั้นตอนการดูแลผู้ต้องขัง ได้มอบให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์เป็นผู้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง" พล.อ.ไพบูลย์กล่าว

ถามว่า ขณะนี้นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ คนสนิทนายสุริยัน ที่ยังถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำชั่วคราวถนนนครชัยศรี มณฑลทหารบกที่ 11 จะย้ายไปคุมขังเรือนจำอื่นหรือไม่ รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า การพิจารณาย้ายผู้ต้องขังไม่ใช่อำนาจของกรมราชทัณฑ์

ซักว่า ผู้ต้องหาในคดี 112 เสียชีวิตในเรือนจำติดกันถึง 2 คนจะกระทบต่อภาพลักษณ์กระบวนการยุติธรรมหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ส่วนตัวไม่กังวลว่าจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของกรมราชทัณฑ์ เพราะมีการชี้แจงสาเหตุการเสียชีวิตไปตามข้อเท็จจริง และผู้ต้องหาคนล่าสุดที่เสียชีวิตก็มีอาการป่วยมาก่อนหน้านี้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น พล.อ.ไพบูลย์ได้ขอแก้ไขรายละเอียดการแถลงข่าวในประเด็นวันที่หมอหยองเสียชีวิต จากที่ระบุเสียชีวิตวันที่ 6 พ.ย.มาเป็นวันที่ 7 พ.ย.เนื่องจากจำวันผิด

ต่อมา กรมราชทัณฑ์ได้ออกแถลงการณ์ว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 7 พ.ย.58 กรมราชทัณฑ์ได้รับรายงานจากเรือนจําชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี สังกัดเรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ข.ช.สุริยัน สุจริตพลวงศ์ ผู้ต้องขังคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างฝากขังผัดฟ้องที่ 2 เวรรักษาการณ์ไปตรวจพบขณะนอนอยู่ในห้องขัง เรียกชื่อไม่ขานตอบ มองจากภายนอกห้องขังเห็นว่ามีอาการหายใจเฮือก จึงได้รีบแจ้งให้หน่วยเสนารักษ์ประจํา มทบ.11 มาตรวจสอบ พบว่าชีพจรอ่อน ไม่รู้สึกตัว จึงได้รีบนําตัวส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร
'หยอง' ติดเชื้อเสียชีวิต

แถลงการณ์ระบุว่า เมื่อไปถึงทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เวลา 22.20 น. ห้องฉุกเฉินแรกรับพบว่าผู้ต้องขังดังกล่าวไม่รู้สึกตัว ไม่ตอบสนองใดๆ วัดสัญญาณชีพจรไม่ได้ ม่านตาขยาย 4 มม. ไม่ตอบสนองต่อแสงทั้งสองข้าง โรงพยาบาลได้ดําเนินการช่วยฟื้นคืนชีพเป็นเวลาชั่วโมงเศษ แต่ไม่ประสบความสําเร็จ แพทย์เวรลงความเห็นว่าเสียชีวิต

แถลงการณ์ระบุด้วยว่า การเสียชีวิตครั้งนี้เป็นการเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว เจ้าพนักงานมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา คือต้องแจ้งให้พนักงานสอบสวน แพทย์ พนักงานอัยการ และพนักงานฝ่ายปกครอง รวม 4 ฝ่ายมาชันสูตรพลิกศพ ซึ่งในกรณีนี้ได้แจ้งพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ซึ่งเป็นท้องที่ที่พบศพเข้ามาดําเนินการ

"ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตซึ่งชันสูตรโดยสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตํารวจ ได้ทําการตรวจ พิสูจน์ศพเรียบร้อย เอกสารลงวันที่ 8 พ.ย.58 ปรากฏสาเหตุการเสียชีวิต 'สันนิษฐานว่า ระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจากติดเชื้อในกระแสโลหิต' เรือนจําได้แจ้งญาติผู้เสียชีวิตให้มาขอรับศพ เพื่อไปดําเนินการตามประเพณีต่อไป" แถลงการณ์ระบุ

กรมราชทัณฑ์ระบุในแถลงการณ์ว่า สําหรับการดําเนินการภายหลังการเสียชีวิต เรือนจําพิเศษกรุงเทพมหานครได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อรายงานผลให้กรมราชทัณฑ์พิจารณา ส่วนการดําเนินการตามกฎหมายกรณีเสียชีวิตในสถานที่คุมขังนั้น พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่นจะเป็นผู้ดําเนินการไต่สวนต่อไป

แถลงการณ์ระบุว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 พ.ย.58 ต่อเนื่องถึงวันศุกร์ที่ 6 พ.ย.58 ผู้ต้องขังมีอาการ ไข้สูง กระสับกระส่าย ไอ พยาบาลเสนารักษ์ประจําเรือนจําได้จ่ายยาลดไข้ ยาลดอาการไอ แล้วให้นอนพัก ต่อมาในวันเสาร์ที่ 7 พ.ย. เวลาประมาณ 21.00 น. เจ้าหน้าที่เวรไปตรวจพบว่าผู้ต้องขังมีอาการเรียกไม่รู้สึกตัว หายใจเฮือกยาว เสนารักษ์จึงแจ้งให้นําส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ทันที

เมื่อไปถึงทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แพทย์เวรได้พยายามช่วยชีวิตตามหลักเกณฑ์และ จรรยาบรรณทางวิชาชีพ ทํากระบวนการฟื้นคืนชีพ (Advanced CPR: Cardiopulmonary resuscitation) ใช้เวลาดําเนินกระบวนการตั้งแต่แรกพบตัว โดยใส่ท่อช่วยหายใจ ปั๊มหัวใจ ให้ยากระตุ้นหัวใจและความดันโลหิต ฯลฯ โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมงเศษ แต่ไม่ประสบความสําเร็จ จึงได้แจ้งพนักงานสอบสวนท้องที่มาดําเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในแถลงการณ์ครั้งนี้มีการตั้งคำถามไว้ด้วยว่า "มีความเป็นได้หรือไม่ว่า มีเชื้อใดที่ทําให้ผู้ป่วยเสียชีวิตทันทีได้อย่างรวดเร็ว" รวมทั้งตอบเอาไว้ว่า "เท่าที่สอบถามกับแพทย์ พบว่ามีเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุทําให้ระบบหายใจล้มเหลวแล้วเสียชีวิตอย่างรวดเร็วได้ เช่น เชื้อไวรัสที่ติดต่อทางเดินหายใจสายพันธุ์รุนแรง ผู้รับเชื้อจะเกิดอาการอย่างเฉียบพลัน ยากแก่การประเมินหรือรักษาไม่ทันกาล โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยที่ได้รับสารสเตียรอยด์เพื่อกดภูมิต้านทาน หรือผู้เป็นโรคที่ยังไม่ได้ระบุการตรวจวินิจฉัย โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิต้านทานอ่อนแอจากการเป็นโรคประจําตัวบางอย่าง หรือภาวะภูมิต้านทานบกพร่องจากโรคเฉพาะตัวที่ยังไม่ได้รับการค้นพบ หากได้รับเชื้อไวรัสดังกล่าวจะมีอาการรุนแรงและอาจเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว เช่น ไวรัส ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่รุนแรง
ออกหมายจับ 112 'เสธ.โจ้'

ท้ายแถลงการณ์ระบุว่า ในกรณี ข.ช.สุริยันฯ มีความเป็นไปได้ที่ผู้ต้องขังอาจมีภูมิต้านทานอ่อนแอ โดยตรวจพบจากการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เมื่อวันที่ 22 ต.ค.58 ว่า มีภาวะไขมันสะสมในตับสูง ประกอบกับผลการตรวจเลือดในขณะการช่วยฟื้นคืนชีพเมื่อคืนวันที่ 7 พ.ย.58 พบมีเอนไซม์การทํางานของตับสูง ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดพบว่ามีภาวะเกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ มีเพียง 60,000 คิวบิกมิลลิเมตร (ค่าปกติตั้งแต่ 140,000-400,000/คิวบิกมิลลิเมตร) สันนิษฐานว่าเมื่อได้รับเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อในกระแสเลือดเข้าไป จึงอาจทําให้ระบบหายใจล้มเหลวและนําไปสู่การเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

จากนั้นผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบที่วัดทองสุทธาราม เขตบางซื่อ กทม. ซึ่งมีข่าวญาตินำศพหมอหยองมาประกอบพิธีฌาปนกิจ โดยพบว่ามีญาติมาร่วมพิธีประมาณ 20 คน อย่างไรก็ดี มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ 10 นายเข้ามาตรวจสอบกลุ่มผู้สื่อข่าว และขอความร่วมมือไม่ให้ถ่ายภาพและนำเสนอข่าว โดยยึดกล้องถ่ายภาพและเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดเอาไว้ พร้อมทั้งซักชื่อและสังกัดผู้สื่อข่าว โดยไม่อนุญาตให้เดินทางกลับจนกว่าจะเสร็จสิ้นพิธีประมาณเวลา 18.00 น.จึงได้ปล่อยให้กลับได้

วันเดียวกัน ศาลทหารกรุงเทพได้อนุมัติหมายจับนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ และ พ.อ.คชาชาต บุญดี ตามที่ พ.ต.อ.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ กก.1 บก.ป. พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนได้มายื่นขออำนาจศาลในการอนุมัติออกหมายจับ จากเมื่อวันที่ 7 พ.ย. พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผอ.ส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน. และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายหน่วยเฉพาะกิจการข่าว คสช.ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.เพิ่มเติมอีก 2 คดี คือ เลขที่คดี 113/2558 และเลขที่คดี 114/2558 โดยได้ร้องทุกข์กล่าวโทษนายจิรวงศ์ และ พ.อ.คชาชาต ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้นเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น หรือในความผิดฐานอื่นที่พบภายหลัง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการออกหมายจับ พ.อ.คชาชาต บุญดี หรือเสธ.โจ้ ว่า การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่มีผลต่อกองทัพ เท่าที่รู้ตอนนี้มีการออกหมายจับจริงอยู่เพียงรายเดียว และไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันกับการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์หรือไม่ ส่วนจะมีรายชื่ออีกหรือไม่นั้นยังไม่ขอพูด ต้องปล่อยให้ตำรวจสอบไป

"ที่ผมออกมาปฏิเสธก่อนหน้านี้ว่าไม่มีทหารเกี่ยวข้องกับความผิดตาม ม.112 นั้น เพราะขณะนั้นไม่มีหมายจับ จึงไม่สามารถกล่าวหาใครได้" พล.อ.ประวิตรกล่าว

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าวว่า ในช่วงแรกที่กองทัพออกมาปฏิเสธไม่มีทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน เมื่อพบความเชื่อมโยงไปถึงใครก็มีการดำเนินการอยู่แล้ว

หากผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศ ตำรวจก็มีช่องทางในการนำตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนกระบวนการปกติอยู่แล้ว" พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าว

ถามว่า มีข่าว เสธ.โจ้หลบหนีไปอยู่กับกลุ่มชาติพันธุ์ จะนำตัวกลับมายากกว่าปกติหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องที่มีข้อมูลผู้ต้องหาอาจหลบหนีไปอยู่กับกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นหน้าที่ของพนักงานสืบสวนสอบสวนจะดำเนินการ
ถอดยศ 'พล.ต.พิสิฐศักดิ์'

พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พฤติการณ์ความผิดของ พ.อ.คชาชาตเป็นเรื่องเดิมๆ คือการร่วมกันกับนายสุริยัน และพวก แอบอ้างเบื้องสูงเพื่อหาผลประโยชน์ และเมื่อมีความผิดพาดพิงถึงก็ดำเนินการไปตามนั้น

"ขณะนี้ไม่ได้รับรายงานจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ว่า พ.อ.คชาชาตได้เดินทางออกนอกประเทศแต่อย่างใด รวมถึงได้ตรวจสอบไปทาง สตม.แล้ว ก็ยังไม่พบว่าได้ออกไปนอกประเทศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ไม่มีข้อมูลการออกนอกประเทศของ พ.อ.คชาชาต ตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการประสานงานกับต้นสังกัดของ พ.อ.คชาชาต ซึ่งยังไม่มีการติดต่อขอมอบตัวแต่อย่างใด" พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าว

ถามว่า มีกระแสข่าว พ.อ.คชาชาตมีความเกี่ยวข้องกับความผิดปกติในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ รองโฆษก สตช.กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานก่อน เช่นเดียวกับข่าวลือมีนายทหารยศ พล.ต. หรือเซียนพระชื่อดังเข้ามาเกี่ยวข้อง ตอนนี้ก็เป็นเพียงกระแสข่าวเท่านั้น

ด้าน พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปปง. กล่าวถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินผู้ต้องหาคดี 112 ว่า ขณะนี้ต้องรอให้พนักงานสอบสวนของตำรวจสรุปให้มีความชัดเจนก่อนว่าผู้ที่ได้รับการโอนทรัพย์สิน และผู้ที่โอนทรัพย์สินนั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามกฎหมายฟอกเงินหรือไม่ การที่ ปปง.จะเข้าไปยึดทรัพย์สินของใครต้องชัดเจนว่าบุคคลนั้นกระทำความผิดจริง เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่ละเอียดอ่อนจึงต้องทำด้วยความรอบคอบ

"แม้ผู้ต้องหาคดีนี้จะเสียชีวิตก็ไม่กระทบต่อการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เนื่องจากในส่วนของ ปปง.เป็นเรื่องทางแพ่ง ถ้าเกี่ยวข้องหรือมีการได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายทุกคน" เลขาฯ ปปง.กล่าว

ขณะที่ราชกิจจานุเบกษา หน้า 1 เล่ม 132 ตอนพิเศษ 290 ง ลงวันที่ 9 พ.ย.58 เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้นายทหารสัญญาบัตรออกจากราชการ พระราชทานพระบรมราชานุญาต
ให้ถอดยศทหารและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์

เนื้อหาระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ปลด พลตรี พิสิฐศักดิ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา รองผู้บังคับหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ออกจากราชการ และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดออกจากยศทหาร ตั้งแต่วันที่

16 ต.ค.58 ซึ่งเป็นวันที่มีคําสั่งพักราชการ เนื่องจากกระทําผิดวินัยทหารประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
กระด้างกระเดื่อง ขัดพระราชบัณฑูร ไม่ปฏิบัติตามคําสั่งผู้บังคับบัญชา แอบอ้างพระราชกระแส
ใช้อํานาจหน้าที่ในทางมิชอบ หาผลประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้องเป็นภัยต่อความมั่นคงสถาบัน
ทั้งนี้ ตามข้อ 4 ของข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการบรรจุ ปลด ย้าย เลื่อน และลดตําแหน่ง

ข้าราชการกลาโหม พ.ศ.2502 และข้อ 2 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดํารงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ศ.2507 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญจักรมาลา ที่บุคคลดังกล่าวได้รับพระราชทาน ตามข้อ 6 และข้อ 7 (4) ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ.2548.

ไม่มีความคิดเห็น: