PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ชัยชนะของแม่ซูต้องท่วมท้นเท่านั้น

10112558 สำหรับ ‘แม่ซู’ ชัยชนะครั้งนี้ต้องท่วมท้นเท่านั้น!
โดย : กาแฟดำ   

ผมเอาภาพชุดนี้มาให้ท่านผู้อ่านได้ดู เพื่อจะแบ่งปันความรู้สึกชื่นใจแทนคนพม่า ที่ออกมาใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งครั้งแรกใน 25 ปีอย่างคึกคัก เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง หลังจากตกอยู่ภายในระบอบเผด็จการทหารมายาวนานหลายสิบปี

ทีมข่าวเนชั่นที่ลงพื้นที่พบปะกับผู้คนที่ยืนยันตรงกัน ว่าคนพม่ามีความตื่นตัวและตื่นเต้น กับการได้ใช้สิทธิทางการเมืองอย่างเปิดกว้างเป็นครั้งแรก หลังจากผลการเลือกตั้งคราวที่แล้วที่พรรค NLD ของอองซานซูจีชนะอย่างท่วมท้น แต่ทหารไม่ยอมรับผล เข้ายึดอำนาจปกครองประเทศจนทนแรงกดดันไม่ไหว ต้องยอมก้าวสู่ประชาธิปไตย

และการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา เป็นเพียงก้าวแรกของการเข้าสู่ระบอบที่ประชาชนสามารถมีสิทธิมีเสียงในการปกครองตนเอง

แต่การหย่อนบัตรเลือกตั้งอย่างเดียวไม่ได้รับรองความเป็น “ประชาธิปไตย” เพราะยังจะต้องรอดูว่ารัฐบาลที่จะตั้งขึ้นหลังการเลือกตั้ง จะสามารถบริหารประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนคนพม่ามากน้อยเพียงใด

ขณะที่ผมเขียนคอลัมน์นี้ เป็นจังหวะเดียวกันที่อองซานซูจีแถลงข่าวว่าด้วยผลการหย่อนบัตร ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพราะข่าวทุกกระแสยืนยันตรงกันว่าพรรค NLD ของเธอชนะการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างชัดเจน

เธอไม่ได้ประกาศชัยชนะ เพียงแค่บอกว่า “ผลการเลือกตั้งเป็นอย่างไรท่านคงทราบกันแล้ว”

และบอกว่านี่เป็น “ชัยชนะของคนทั้งประเทศ” ไม่ใช่เป็นของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น, พร้อมกับบอกด้วยว่า

“คนแพ้ก็ควรแพ้อย่างกล้าหาญ คนชนะก็ควรจะชนะอย่างนอบน้อม...”

กกต. ของพม่าเริ่มรายงานผลการเลือกตั้งจากเมืองใหญ่ ๆ อย่างไม่เป็นทางการเมื่อวานตอนเย็น แต่การนับคะแนนในท้องถิ่นห่างไกลจะต้องทำต่อเนื่องตลอดสัปดาห์นี้

ผมยังไม่ได้ยินคำแสดงความยินดีจากประธานาธิบดีเต็งเส่ง หัวหน้าพรรค USDP และยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าใครจะมาเป็นประธานาธิบดี

เพราะผมเชื่อว่าอย่างไรเสีย อองซานซูจีก็จะก้าวอย่างระมัดระวัง และจะไม่ทำอะไรที่ต้องเผชิญหน้ากับกองทัพ แต่เธอก็จะยืนยัน “อาณัติ” ที่ประชาชนให้มาจากการเลือกตั้งเพื่อให้มีบทบาทในการบริหารประเทศ

ที่เธอยังไม่ประกาศตั้งรัฐบาลหรือวางกรอบอำนาจของเธอ ก็เพราะเธอต้องการรู้ให้แน่ชัดว่าชัยชนะครั้งนี้ “ถล่มทลาย” หรือไม่เพียงใด

เพราะต้องไม่ลืมว่าทหารมีโควตาที่นั่งในสภา 25% อยู่แล้ว ดังนั้นแม้ว่า NLD จะชนะทุกที่นั่งทั่วประเทศก็จะได้ที่นั่งรวมแล้วเพียง 75% เท่านั้น

แต่การออกกฎหมายสำคัญ ๆ โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องใช้เสียงเกิน 75% จึงจะผ่าน ดังนั้นอองซานซูจีจึงจำเป็นต้อง “ต่อรอง” กับผู้นำทหารเพื่อให้เธอสามารถบริหารประเทศ โดยที่ไม่เกิดอาการเสียดสีกับกองทัพจนบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าไม่ได้

นายพลเต็งเส่งประกาศไว้ก่อนหน้านี้ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร ทหารก็จะยอมรับ และผู้บัญชาการทหารสูงสุดนายพลมินอ่องไหล ก็ย้ำว่าเหตุการณ์เหมือนปี 1990 ที่ทหารยึดอำนาจหลังการเลือกตั้งก็ไม่เกิดขึ้นอีก

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ากองทัพจะยอมถอยออกจากการเมือง ให้อองซานซูจีมีอำนาจเต็มที่ในการบริหารรัฐบาลแน่นอน เพราะในรัฐธรรมนูญก็ยังเปิดทางให้ทหารเข้ามาแทรกแซงการเมืองได้ในกรณีที่เกิด “วิกฤตทางความมั่นคง” ของประเทศ

นั่นแปลว่าชัยชนะครั้งนี้ต้อง “ท่วมท้น” จริง ๆ อองซานซูจีจึงจะสามารถเล่นบท “อยู่เหนือประธานาธิบดี” ได้

อีกไม่กี่วันภาพจะชัดเจนพอที่จะบอกได้ว่า คนที่เธอพร้อมจะให้เป็นประธานาธิบดีนั้นเป็นคนของพรรค NLD หรือเป็นตัวแทนจากกองทัพกันแน่
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/636073#sthash.A8iPabSt.dpuf

ไม่มีความคิดเห็น: