PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ปิดบ้าน สี่เสาฯ...ป๋าเปรม งดเปิดให้อวยพรวันเกิด96 ปี

ปิดบ้าน สี่เสาฯ...ป๋าเปรม งดเปิดให้อวยพรวันเกิด96 ปี ทส.เผย เปล่าส่งสัญญาณใดๆ
ป๋าเปรม พลเอกเปรม งดเปิดบ้าน วันเกิด26สค.นี้ ขออยู่ส่วนตัว และ ไปทำบุญ96ปี
พลโทพิศณุ พุทธวงศ์ นายทหารคนสนิท ยันไม่มีนัยะ หรือส่งสัญญาณใดๆทางการเมือง อย่าโยงการโยกย้ายตำแหน่ง ผบ.ทบ.
ชี้ทุกปี จะเปิดแค่ ปีใหม่ และ สงกรานต์ ส่วนวันเกิด มักจะขออยู่ส่วนตัว ไม่อยากรบกวนใคร จึงแจ้งของด เปิดบ้าน แต่มีคนใกล้ชิด อวยพร เป็นการภายใน เท่านั้น

บิ๊กป้อม ชี้จับ 15 นปป.ทำผิดมานาน เป็นของเก่า ขัดรธน.ไม่ใช่แพะ จะแก่หรือหนุ่ม ผิดก็ต้องจับ



บิ๊กป้อม ชี้จับ 15 นปป.ทำผิดมานาน เป็นของเก่า ขัดรธน.ไม่ใช่แพะ จะแก่หรือหนุ่ม ผิดก็ต้องจับ
บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร ชี้ จับ 15นปป.สูงวัย เพราะทำผิดกม.และทำมานานแล้ว ไม่ว่า จะแก่หรือหนุ่ม ผิดก็ต้องจับ เผย เป็นของเก่า ด้วย แต่ ขัดรธน.ปัจจุบัน ชี้เราตามมานาน มีหลักฐาน ไม่ใช่แพะ ชี้ แนวคิดและพฤติกรรม แรงขึ้นๆ.....แจงจับ"มีนา พริกแกง" 1ใน15 นปป. ยันมีหลักฐานไม่งั้นคงไม่จับ ยกเทียบทหารญี่ปุ่น สมัยสงครามโลก ก็มาขายของ แล้วที่สุด ก็แต่งเครื่องแบบทหารญี่ปุ่น

บิ๊กป้อม เผย คืบหน้า90%ระเบิด7จ.ใต้ จับได้บางคนแล้ว

บิ๊กป้อม เผย คืบหน้า90%ระเบิด7จ.ใต้ จับได้บางคนแล้ว ตามจับอีก ขออย่าเพิ่งรู้ แล้วจะแถลง ยอมรับเป็นโจรใต้ แต่ไม่โยงไฟใต้ ไม่เกี่ยวอุยกูร์
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝายความมั่นคง และ รมว.กห. กล่าวว่า มีความคืบหน้า เหตุระเบิด7 จ.ภาคใต้ตอนบน ไปมาก 90% สื่ออย่าเพิ่งถาม รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ รอเจ้าหน้าที่ทำงานก่อน แล้วจะแถลง เพราะตอนนี้ก็จับได้ บางคนแล้ว ตามจับอีก
ส่วนคนก่อเหตุ เป็นผู้ก่อความไม่สงบภาคใต้ นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า. ก็ใช่. แต่ไม่เกี่ยวกับ ไฟใต้ แต่จะโยงกลุ่มไหน การเมืองหรือไม่ รอก่อน
เมื่อถามว่า เกี่ยวข้องกับ กลุ่มอุยกูร์ หรือไม่ นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ไม่เกี่ยว อุยกูร์

บิ๊กป้อม ยัน คสช.ไม่ซ้ำรอย รสช. ดันนายกฯคนนอก จนเกิดพค.ทมิฬ



บิ๊กป้อม ยัน คสช.ไม่ซ้ำรอย รสช. ดันนายกฯคนนอก จนเกิดพค.ทมิฬ ยันไม่เหมือนอย่ามโน เลอะเทอะ อย่าเปิดประเด็น ยันสนช. เสนอ สว.เสนอชื่อนายกฯ ไม่เกี่ยวปูทางให้ คสช. เชื่อต้องยึดตามรธน. เมื่อสส.เสนอแล้ว ไปไม่ได้ สว.จึงเสนอ
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ. รองนายกฯและ รมว.กลาโหม. กล่าวถึงกรณีที่ บิ๊กกี่ พลเอกนพดล อินทปัญญา สนช.เพื่อนตท.6 เสนอให้สว. สามารถเสนอนายกฯว่า แม้จะเป็นเพื่อน แต่คนละความคิด คนละหัว ไม่เกี่ยวกัน ผมไม่ยุ่งกับมันหรอก เขามีสมองของเขา มีความคิดของเขา
แต่เชื่อว่า พลเอกนพดล หมายถึงเมื่อสส.เสนอแล้วไปไม่ได้ เชื่อ สว.เสนอชื่อนายกฯ เลยไม่ได้ ต้องยึดตามรธน. เมื่อสส.เสนอแต่ไปไม่ได้ ค่อยให้ สว.ร่วมเลือก อย่าเพิ่งโวยวาย
เมื่อถามว่า สนช.เสนอเช่นนี้ อาจมองว่าเป็นการปูทางให้ คสช. เป็นนายกฯคนนอก นั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่เกี่ยวปูทางคสช. เพราะเป็นแนวคิดของ สนช. ไม่เกี่ยว คสช. อย่าเพิ่งโวยวาย และเชื่อว่า ไม่กระทบต่อแผนการปฏิรูป
เมื่อถามว่า การดันคนในคสช.เป็นนายกฯคนนอก กลัวจะเหมือน พลเอกสุจินดา จนเกิดพฤษภาทมิฬ หรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ไม่เหมือน คสช. ไม่เหมือน รสช. อย่ามโน เลอะเทอะ อย่าเปิดประเด็น

สภากห.อนุมัติ แผนแม่บทไซเบอร์ ป้องกันภัยคุกคามด้านCyber

สภากห.อนุมัติ แผนแม่บทไซเบอร์ ป้องกันภัยคุกคามด้านCyber ให้ ศูนย์เทคโนโลยี่ สารสนเทศและอวกาศ กห.เป็นแม่งาน เขื่อมโยงศูนย์Cyber บก.ทัพไทย เหล่าทัพ ปี60-64
พลตรีคงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม เผยว่า ในการประชุมสภากลาโหม ที่มี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้เห็นชอบ ร่างแผนแม่บทไซเบอร์เพื่อการป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม พ.ศ.2560 – 2564” เพื่อ รองรับ “ยุทธศาสตร์ไซเบอร์ เพื่อการป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหม” ซึ่งผ่านความเห็นชอบสภากลาโหมแล้ว เมื่อวันที่ 29 ก.พ.59 ที่ผ่านมา
โดยสรุปสาระสำคัญ คือ
��ร่างแผนแม่บทฯ นี้ จะครอบคลุมแผนงานหลัก 6 แผนงาน ได้แก่ แผนการจัดองค์กรด้านไซเบอร์ แผนการป้องกันระบบโครงสร้างพื้นฐาน แผนการพัฒนาความพร้อมการปฏิบัติการไซเบอร์เชิงรุกและการปฏิบัติการสงครามไซเบอร์ แผนการดำรงและพัฒนาศักยภาพด้านไซเบอร์ แผนการสนับสนุนศักยภาพทางไซเบอร์ระดับชาติ และแผนงานความร่วมมือและผนึกกำลังด้านไซเบอร์
��โดยจะดำเนินการ จัดตั้ง ศูนย์ไซเบอร์ในระดับกระทรวงกลาโหม โดยสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดย ศูนย์เทคโนโลยี่ สารสนเทศและอวกาศ กห.(ศทอ.)ภายในปีงบประมาณ 2560 โดยจะเชื่อมโยงกับ การตั้ง ศูนย์Cyber ของ บก.ทัพไทย และ3เหล่าทัพ
โดยมีขอบเขตอำนาจหน้าที่ ในการประสานนโยบายไซเบอร์กับระดับชาติ รวมทั้งรับผิดชอบด้านนโยบาย ยุทธศาสตร์ และปฏิบัติงานด้านไซเบอร์ในระดับยุทธศาสตร์ของกระทรวงกลาโหมในภาพรวม

บิ๊กป้อม ถกสภากห.สั่งผบ.เหล่าทัพดูแลที่ตั้ง เตรียมพร้อมรับภัยคุกคาม หลังเหตุระเบิด7จ.ใต้



ทำลายชาติ ทำขาดความเชื่อมั่น
บิ๊กป้อม ถกสภากห.สั่งผบ.เหล่าทัพดูแลที่ตั้ง เตรียมพร้อมรับภัยคุกคาม หลังเหตุระเบิด7จ.ใต้ ชี้เป็นพวกทำลายชาติ ชี้สถานการณ์ อ่อนไหวต่อการแทรกแซงกิจการภายใน วอนรัฐ-เอกชนร่วมมือ สร้างเครือข่ายภาคประชาชน รับภัยคุกคาม หลายรูปแบบ วอนสื่อ ขอให้เวลา จนททำงาน อีกไม่นาน กระจ่าง และให้กำลังใจ จนท.
พลตรีคงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม เผยว่า ในการประชุมสภากลาโหม ที่มี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้สั่งการเรื่อง การดูแลความปลอดภัยประชาชนและการรักษาความสงบภายในประเทศ
ทั้งการก่อเหตุร้าย ในพื้นที่ท่องเที่ยวของหลายจังหวัดทางภาคใต้ที่ผ่านมา เป็นความตั้งใจของกลุ่มขบวนการ ทำลายชาติ ที่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนก สับสนและไม่ปลอดภัย เกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ โดยประสงค์ให้รัฐขาดความเชื่อมั่น จากประชาชนและการยอมรับจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่อ่อนไหวต่อกิจการภายในประเทศ
พลเอกประวิตร ได้กำชับให้ นขต.กห. และเหล่าทัพ ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เพิ่มความเข้มงวดต่อมาตรการรักษาความปลอดภัย ทั้งที่ตั้งหน่วยและสถานที่สำคัญในความรับผิดชอบ
รวมทั้งประสานและส่งเสริมการทำงานร่วมกันทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน ให้ร่วมกันสร้างและขยายเครือข่ายภาคประชาชน ให้มีความตระหนักรู้และมีส่วนร่วมกัน ในการรักษาความปลอดภัยเมืองร่วมกับภาครัฐให้มากขึ้น ควบคู่กับ การศึกษาเป็นบทเรียนและขยายการเรียนรู้ ทำความเข้าใจกับประชาชนถึงแนวทางปฏิบัติร่วมกันให้มากขึ้น
โดยเฉพาะการส่งต่อภาพและข้อความที่ไม่สมควร โดยขาดการไตร่ตรอง ผ่าน Social Media ที่อาจมีผลกระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ สิทธิส่วนบุคคล หรือภาพลักษณ์ของประเทศ
ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้ ปรับตัวและมีส่วนร่วมกัน ดูแลและสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยของสังคมเมือง เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอย่างสงบสุขได้ ในภาวะสังคมของการมีภัยคุกคามที่หลากหลายรูปแบบมากขึ้น
ทั้งนึ้ขอให้สื่อ ให้เวลา จนท.ทำงาน เชื่อว่าอีกไม่นาน คงกระจ่าง และขอให้กำลังใจ จนท.ด้วย

"พลเอกธีรชัย" สั่ง กกล.รส.-คสช. ดูแลความสงบเรียบร้อย ลาดตระเวณร่วมทหาร-นอกเครื่องแบบ



"พลเอกธีรชัย" สั่ง กกล.รส.-คสช. ดูแลความสงบเรียบร้อย ลาดตระเวณร่วมทหาร-นอกเครื่องแบบ เผย ปชช.สนับสนุนและความไว้วางใจ คสช. ต่อเนื่อง2ปี ชี้เป็นผลจากการลงพื้นที่พบปชช.และ โพลล์ต่างๆ และการช่วยเหลือประชาชน
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลเอก ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. และ เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ลธ.คสช.)
พันเอกหญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. กล่าวว่า พลเอกธีรชัย ขอบคุณและพอใจ ในการทำงานของคสช. ที่ได้เข้าช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยให้สังคมด้วยการจัดระบบรักษาความปลอดภัยร่วมกับส่วนราชการและภาคเอกชน การเพิ่มจุดตรวจ การลาดตระเวนร่วมทั้งในและนอกเครื่องแบบ
การตรวจสอบสภาพความพร้อมของกล้องวงจรปิด ให้คำแนะนำกับหน่วยงานรักษาความปลอดภัยทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการดูแลสังคมให้มีความปลอดภัย
ส่วนการสร้างความเข้าใจในข้อมูลข่าวสารให้กับประชาชนนั้น กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย(กกล.รส.) ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและประชาชนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
ในขณะเดียวกันจะตรวจสอบและป้องปรามมิให้มีการบิดเบือนหรือสร้างข้อมูลเท็จ เพื่อให้สังคมมีความเข้าใจและมีส่วนร่วมในบริบทของบ้านเมือง ในทิศทางที่ถูกต้อง เหมาะสม
อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้รับการสนับสนุนและความไว้วางใจจากประชาชนอย่างต่อเนื่อง
" ประเมินได้จากการพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ และจากผลการสำรวจของโพลล์ ที่สะท้อนให้เห็นถึงการรับรู้ในบทบาทของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในการเข้าไปผลักดันและสนับสนุนการปฏิบัติงานของส่วนราชการต่างๆ ผ่านโครงการหรือมาตรการที่รัฐบาลกำหนด "
โดยในขณะนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติก็ยังคงเดินหน้าสนับสนุนและช่วยขับเคลื่อนการบริหารงานของรัฐอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการสำคัญๆ เช่น โครงการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล (ตำบลละ ๕ ล้าน), โครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก (หมู่บ้านละ ๒ แสนบาท), การตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์ม
การตรวจสอบปริมาณและคุณภาพยางพาราในโกดังของรัฐ, การช่วยระบายข้าวสารในสต๊อกของรัฐ, โครงการก่อสร้างเขื่อนคลองลาดพร้าว, โครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
รวมทั้งการดูแลรักษาความปลอดภัย การบังคับใช้กฎหมายและงานจัดระเบียบสังคม เช่น การจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะใน กทม. ให้เข้าสถานีขนส่ง โดยล่าสุดได้จัดทำแผนปฏิบัติการนำรถเข้าสถานีและแก้ไขปัญหาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น และจะปฏิบัติจริงในปลายเดือนตุลาคมนี้
ทั้งนี้ในส่วนภูมิภาคก็ได้ดำเนินการคู่ขนานในลักษณะเดียวกับพื้นที่ กทม.ด้วย
โดยที่ประชุมวันนี้ ได้รับทราบถึงความคืบหน้าในการปฏิบัติงานของส่วนต่างๆ ทั้ง การสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด ป่าไม้ เครื่องกระสุน การพนัน สินค้าหนีภาษี
โดยมีผลการจับกุม รวม ๒๖๗ ครั้ง ได้ผู้ต้องหา ๖๐๘ คน ได้เข้าจัดระเบียบสังคม ๖๒๑ ครั้ง ใน ๔๙ จังหวัด มีผู้กระทำความผิด ๑๗๒ คน
นอกจากนี้ยังได้เร่งสร้างแหล่งกักเก็บน้ำทั้งในรูปแบบของฝายชะลอน้ำ การจัดทำภาชนะเก็บน้ำในลักษณะต่างๆ การขุดลอกแหล่งน้ำ ๑,๓๐๕ โครงการที่มีความคืบหน้าโดยเฉลี่ยร้อยละ ๙๕
ในขณะนี้ได้ใช้ในการกักเก็บน้ำแล้ว การกำจัดวัชพืชกีดขวางทางน้ำ โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะยังประสานกับส่วนราชการในจังหวัดต่างๆ ทำการกำจัดผักตบชวาอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการปั้นโอ่งเพื่อใช้เป็นภาชนะรองรับน้ำในฤดูฝนนี้ได้ปั้นโอ่งไปแล้ว ๙,๘๑๕ ใบ สามารถจุน้ำได้ถึง ๑๘ ล้านลิตร
พลเอกธีรชัย ได้กล่าวขอบคุณทุกส่วนงานที่ปฏิบัติตามแนวทางของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในทุกด้าน ทำให้การดูแลช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีความห่วงใยในภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงนี้ โดยเฉพาะดินโคลนถล่ม และน้ำท่วม กำชับให้มีการประสานการใช้กำลังและเครื่องมือบรรเทาภัยระหว่างจังหวัดและหน่วยทหารประจำพื้นที่ให้เตรียมการ มีความรอบคอบในทุกด้าน ซึ่งในส่วนกลางพร้อมที่จะสนับสนุนเครื่องมือพิเศษ อากาศยาน หรือความต้องการเฉพาะ เพื่อให้การรับมือกับสถานการณ์มีความพร้อมที่สุด
ย้ำว่าเรื่องภัยพิบัติทุกส่วนต้องเข้าดำเนินการทันที ยึดความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก และหน่วยงานในส่วนกลางจะต้องสนับสนุนส่วนภูมิภาคในทุกเรื่อง เพื่อให้ภัยพิบัติได้รับการบริหารจัดการอย่างเต็มประสิทธิภาพ

“บิ๊กตู่” ฉุน "บ้ารึเปล่า" คนสนใจแค่ ประเด็นนายกฯคนนอก รธน.

“บิ๊กตู่” ฉุน "บ้ารึเปล่า" คนสนใจแค่ ประเด็นนายกฯคนนอก รธน. เผย อ่าน นสพ.แล้ว อารมณ์เสีย แนะสื่อหยุดเสนอข่าวเชิงขัดแย้ง ชี้ขนาดผมพูดตลอด แต่คนสนใจเพียงเรื่องนายกฯคนนอก รัฐธรรมนูญ บ้ารึเปล่า ยัน ไม่สืบทอดอำนาจ/ เปรย "รัฐบาล โดนอยู่ทุกวันทำอะไรก็ผิดไปหมด ไม่เหมือนที่ผ่านมาทำถูกทุกเรื่อง"/ เหน็บ สร้างรัฐสภาใหม่จะสร้างเสร็จชาตินี้หรือไม่ ยังไม่รู้ มัวแต่ทะเลาะกันทุกเรื่อง แฉวันนี้ผมก็เห็นนั่งกันสบาย เป็นเรื่องของคุณท่าน รัฐบาลหน้าเข้ามาก็นั่งกันให้สบายกว่าเดิม ขอทำงานกันให้ครบเวลาก็แล้วกัน"
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวระหว่างประธานพิธีในเปิดทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ว่า วันนี้นอกประเทศจัดอันดับให้ไทยเป็นอันดับหนึ่งในหลายเรื่อง แต่คนในประเทศกลับไม่มีความสุข เพราะมัวแต่ทะเลาะกันในทุกๆวัน ทุกๆเรื่อง
"เราจึงต้องพัฒนาไปในสิ่งที่ต้องการ อย่าให้ใครมาปั่นหัว หลายอย่างที่ผ่านมาไม่อยากพูดถึง เพราะอาจจะมีเรื่องที่ผิดหรือถูก หรืออาจจะทำให้การพัฒนาช้าไปตามลำดับขึ้นศาลบ้าง แต่ก็อยากให้เกิดความยุติธรรมและความสงบสุขของทุกคน
รัฐบาลโดนอยู่ทุกวันทำอะไรก็ผิดไปหมด ไม่เหมือนที่ผ่านมาทำถูกทุกเรื่องหรืออย่างไร วันนี้จึงต้องทำให้ถูกต้องเร็ว อย่าให้มีปัญหาในวันหน้าและมองปัญหาที่เหลืออยู่จัดการโครงการทุกอย่างให้อยู่ภายในงบประมาณปี 60 และแผนยุทธศาสตร์ชาติให้ได้ ยืนยันว่า งบในการพัฒนาจะต้องบูรณาการกับทุกกระทรวง
"ยืนยันว่าให้อำนาจประชาชนในการทำงานในกรอบที่วางไว้ ไม่ได้สืบทอดอำนาจ ส่วนใครจะเข้ามาต้องอยู่ในกรอบ"
ส่วนการสร้างรถไฟความเร็วสูงนั้น ฝากจะฝากให้คิดว่า หากไทยไม่สร้างแต่เพื่อนบ้านกำลังดำเนินการจะทำอย่างไร
“รัฐสภาใหม่จะสร้างเสร็จชาตินี้หรือไม่ ยังไม่รู้ มัวแต่ทะเลาะกันทุกเรื่อง
วันนี้ผมก็เห็นนั่งกันสบาย เป็นเรื่องของคุณท่าน รัฐบาลหน้าเข้ามาก็นั่งกันให้สบายกว่าเดิม ขอทำงานกันให้ครบเวลาก็แล้วกัน"
ยืนยันว่า ปัญหาวันนี้ไม่โทษใคร แต่โทษผมที่เข้ามาเอง บางคนบอกว่ารัฐบาลทำอะไร ไม่ได้ประชาสัมพันธ์ ผมพูดทุกเรื่อง แต่คนสนใจเพียงเรื่องนายกฯคนนอก รัฐธรรมนูญ บ้ารึเปล่า ฟังเขาอยู่ได้ แต่ผมไม่บังอาจ ไปว่าคนดีๆทั้งหลาย ผมเป็นผู้ใหญ่ และเป็นทหารเลยขี้โมโหไปหน่อย แต่ผมไม่ใช่นักการเมืองอย่าหวังว่าผมจะพูดเพราะ พูดเพราะแล้วโกหกผมไม่ทำ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ผู้สื่อข่าวมีอะไรจะถามหรือไม่
"เห็นมีแต่ถามกันว่าวันนี้ตกลงอย่างไรดี จะมีการสืบทอดอำนาจหรือไม่ ถามกันอยู่แค่นี้ ทะเลาะกันอยู่แค่นี้ ที่เหลือจะเป็นจะตายเยอะแยะไปหมด
วันนี้อ่านหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ผมไม่มีความสุข ท่านต้องการให้บ้านเมืองเป็นอย่างนั้นหรือ ความสงบสุขอยู่ตรงไหน ใครจะเป็นคนทำให้ท่าน ผมก็ทำให้ไม่ได้ถ้าสถานการณ์ยังเป็นอย่างนี้อยู่ ทุกคนจะพูดกันไปมาอย่างนี้ไม่ได้ กระบวนการยุติธรรมก็ว่ากันมา อย่าทำผิดอีก ผมจะใช้อำนาจของผมก็ได้ แต่ผมไม่เคยใช้แบบนั้น ไม่เคยต้องสั่งว่าผิดถูกแล้วติดคุก เพราะมีทั้งศาลและกระบวนการยุติธรรม
" วันนี้ผมอยากให้สื่อมวลชนลดการนำเสนอข่าวในเชิงความขัดแย้ง ไม่ใช่ด่ากันไปมา แล้วกลับมาด่านายกฯ จะได้ไม่ต้องเสียอารมณ์ และเอาสมองไปคิดอย่างอื่น ไม่ต้องตอบคำถามที่ซ้ำแล้วซ้ำอีก ผมมีเวลาอยู่ตามโรดแมพ วันหน้าถ้ายังมีความทะเลาะเบาะแว้งคนไทยทุกคนต้องรับผิดชอบ" นายกฯ กล่าว

กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ร้องศาลขอยกเว้นค่าธรรมเนียมในการฟ้องแพ่ง สตช. กองทัพบก และสำนักนายกฯ

กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ร้องศาลขอยกเว้นค่าธรรมเนียมในการฟ้องแพ่ง สตช. กองทัพบก และสำนักนายกฯ
บ่ายวันนี้สมาชิกกลุ่มประชาธิปไตยใหม่จำนวน 12 คนเดินทางไปยังศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เพื่อร้องขอให้ศาลยกเว้นค่าธรรมเนียมที่พวกเขาร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องแพ่งเรียกค่าสินไหมทดแทนจำนวน 16,468,583 บาท โดยมีจำเลยคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กองบัญชาการกองทัพบก และสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1-3
นายรังสิมันต์ โรม กล่าวกับบีบีซีไทยว่า การฟ้องละเมิดดังกล่าวมีโจทก์ทั้งสิ้น 13 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาและนักกิจกรรมกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ร่วมกันฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กองบัญชาการกองทัพบก และสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1-3 เรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหายและค่าสินไหมทดแทนเรียก 16,468,583 บาท ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดชอบทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 เนื่องจากเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 เจ้าหน้าที่ใช้กำลังควบคุมตัวโจทก์ด้วยความรุนแรง ซึ่งเข้าข่ายเป็นการละเมิดต่อร่างกายและเสรีภาพ ขณะที่พวกเขาทำกิจกรรมรำลึกครบรอบ 1 ปีรัฐประหารที่หน้าหอศิลป์กรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม ศาลยังไม่มีคำสั่งในวันนี้ว่าจะยกเว้นค่าธรรมเนียมให้โจทก์ทั้ง 13 คนหรือไม่ เนื่องจากในการไต่สวนวันนี้ โจทก์รายหนึ่งไม่สามารถมาได้เพราะติดภารกิจที่ต่างประเทศ โดยศาลจะนัดไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 5 ก.ย. นี้

ไฟไหม้โรงฟีนอล พีทีที โกลบอล ดับแล้ว

ไฟไหม้โรงฟีนอล พีทีที โกลบอล ดับแล้ว
บริษัท พีทีที โกลบอลฯ แจงเหตุไฟไหม้ถังเก็บน้ำเสียโรงฟีนอล จ.ระยอง ชี้ระงับเหตุได้ภายใน 2 ชั่วโมง พร้อมนำพนักงานส่งโรงพยาบาล 1 ราย อาการปลอดภัยแล้ว เตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบสาเหตุร่วมกับ กนอ. และชุมชน บ่ายวันนี้
รายงานข่าวจากบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า วันนี้ (22 ส.ค. 2559) เมื่อเวลา 02.17 น. ได้เกิดไฟไหม้ถังเก็บน้ำเสียที่โรงฟีนอล ของบริษัท พีทีที ฟีนอล จำกัด จ.ระยอง ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ พีทีที โกลบอลฯ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก อ.มาบตาพุด จ.ระยอง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สามารถระงับเหตุได้เรียบร้อยเมื่อเวลา 04.13 น. และประกาศยุติภาวะฉุกเฉินเวลาประมาณ 05.00 น.
ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า บริเวณที่เกิดเพลิงไหม้อยู่ที่ถังเก็บน้ำเสียขนาดสูง 13.1 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 7.5 เมตร ซึ่งเป็นระบบบำบัดน้ำเสียจากกระบวนการผลิตตามปกติ โดยบริษัทฯได้เข้าระงับเหตุเพลิงลุกไหม้ในทันที ซึ่งเพลิงไม่ได้ลุกลามออกนอกบริเวณที่เกิดเหตุ และกระบวนการผลิตไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้หยุดเดินเครื่องทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย และพบพนักงานที่เข้าระงับเหตุมีอาการแน่นหน้าอก 1 รายและได้นำส่งโรงพยาบาลทันที ขณะนี้ปลอดภัยและแพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว
บริษัทฯได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพแวดล้อมในทันทีที่เกิดเหตุทั้งภายในและภายนอกโรงงาน บริเวณทิศทางใต้ลมร่วมกับทีม สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด (กนอ.) และบ่ายวันนี้(22 ส.ค. 2559 )จะลงพื้นที่พบกับชุมชนหนองแฟบ ชุมชนมาบชลูด และชุมชนมาบชลูด-ชากกลาง เพื่อชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

ย้ายทหาร จาก “รุ่น จปร.ตท.” สู่ “คอนเน็กชั่นต้นสังกัด”

ย้ายทหาร จาก “รุ่น จปร.ตท.” สู่ “คอนเน็กชั่นต้นสังกัด”

วันคล้ายวันเกิด ครบ 71 ปี ก้าวทะลุสู่ 6 รอบเต็มของ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม “พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์” ที่เปิดบ้านพักมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) รับแขก
รั้วบ้านเปิดตั้งแต่เช้าตรู่วันที่ 11 สิงหาคม สีสันบรรยากาศคึกคักกว่าปีก่อน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ และหัวหน้า คสช. ยังเสมอต้นเสมอปลาย เดินทางไปอวยพรด้วยตนเอง ตามด้วยเหล่าคณะรัฐมนตรีที่เป็นเครือข่ายนายทหารเก่า
อาทิ “พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย “พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ขุนศึกในสังกัดกลาโหม หนักแน่นมั่นคง ผู้ดำรงอยู่ใน “ตำแหน่งหลัก” ไปกันครบครัน ตั้งแต่ “พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา” ปลัดกระทรวงมหาดไทย “พล.อ.สมหมาย เภาฏีระ” ผู้บัญชาการทหารสูงสุด “พล.อ.ธีรชัย นาควานิช” ผู้บัญชาการทหารบก “พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง” ผู้บัญชาการทหารอากาศ “พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ” ผู้บัญชาการทหารเรือ และ “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
2 คู่ชิงดำ เก้าอี้ ผบ.ทบ.คนใหม่ “พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร” เสนาธิการทหารบก และ “พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท” ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ยิ่งต้องมาปรากฏตัว
คล้อยหลัง มหกรรมตบเท้าไม่กี่อีดใจ บัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารประจำฤดูกาล 2559 ที่กึกกัก ยักท่า ยังหาจุดลงตัวไม่ได้อยู่หลายวัน ก็หลั่งไหลออกมา ปูพรมผ่านสื่อสู่สาธารณะ แม้เป็นเพียง “โผ” ยังไม่ใช่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่คอนเฟิร์มได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว
“พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร” หรือ “บิ๊กแกละ” จาก ตท.17 เบียดโค้งสุดท้ายเข้าป้าย นั่ง ผบ.ทบ. “พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท” หรือ “บิ๊กเจี๊ยบ” ตท.16 ที่เติบโตมาจากสายรบพิเศษ หรือ “เบเร่ต์แดง” ถูกโยกพ้นทางปืน เป็น “รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด”
เป็น “บูรพาพยัคฆ์” เฉือนจมูก “วงศ์เทวัญ” เข้าป้ายศูนย์อำนาจใหญ่สุดอีกคำรบ
พร้อมกับเปิดพื้นที่ตำแหน่ง “5 เสือ ทบ.” ให้ “พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์” จาก ตท.18 แม่ทัพภาคที่ 1 อีกหนึ่ง “บูรพาพยัคฆ์” ขึ้นเป็น ผู้ช่วย ผบ.ทบ. กันยายน พ.ศ.2560 พลันที่ “บิ๊กแกละ” เกษียณ “บิ๊กเข้” ก็เข้าสวมตำแหน่ง ผบ.ทบ.คนใหม่ ในลำดับถัดไป
เรียงลำดับไหล่ “5 เสือ” กองทัพบกเวอร์ชั่นใหม่ คาดว่า จะประกอบด้วย 1. “พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร” เป็น ผบ.ทบ. 2. “พล.อ.สิงหศักดิ์ อุทัยมงคล” ตท.17 จากผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพ เป็นเชนคัมแบ็ก นั่ง รอง ผบ.ทบ. 3. “พล.ท.วีรชัย อินทุโศภน” ผู้บัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) เป็น ผู้ช่วย ผบ.ทบ. 4. “พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์” เป็น ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ 5. “พล.ท.สสิน ทองภักดี “รอง เสธ. เพื่อนร่วมรุ่น ตท.17 ของ “บิ๊กแกละ” เป็น เสธ.ทบ.
ขณะที่ตำแหน่งหลักในส่วนอื่นๆ ลงตัวเรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกันคือ “พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล” รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นปลัดกระทรวงแทน “พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา” ที่เกษียณ “พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัต” เสนาธิการทหาร เป็น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด แทน “พล.อ. สมหมาย เภาฏีระ”
กองทัพอากาศ “พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง” เสนาธิการทหารอากาศ เป็น ผู้บัญชาการทหารอากาศ แทน “พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง” ปาดหน้า “พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ กฤษณคุปต์” ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศ และ “พล.อ.อ.ศิวเกียรติ ชเยมะ” รองปลัดกระทรวงกลาโหม โดยที่ “กองทัพเรือ” หัวไม่ส่าย เนื่องเพราะ “พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ” ยังมีอายุราชการอยู่ในตำแหน่งอีก 1 ปี
หัสเดิม ทหารที่เข้ามามีบทบาทในทางการเมือง พลังไฮเพาเวอร์ยกพวงมาจากเพื่อนร่วมรุ่น อาทิ “จปร.รุ่น 7” หรือ “ยังเติร์ก” ที่ประกอบด้วย “พล.ต.มนูญ รูปขจร-พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิต-พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี-พล.ต.จำลอง ศรีเมือง” เคยใช้กำลังภายในกดดัน “พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์” อดีตนายพลตาหวาน ตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรีและหันมาสนับสนุน “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ขึ้นลิฟต์เป็นผู้นำประเทศคนใหม่ ซึ่งกาลต่อมา “ลูกรัก” เกิดพยศ ไปยืนคนละมุม และนายทหารยังเติร์กกลุ่มนี้ พยายามก่อรัฐประหาร 2 ครั้ง แต่ล้มเหลวทั้ง เมษาฮาวาย เมื่อต้นปี พ.ศ 2524 และ กบฏ 9 กันยายน 2528
เปิดพื้นที่ให้ขั้วอำนาจในกองทัพผลัดใบมาอยู่ในกำมือของ “จปร.5” รุ่น “พล.อ.สุจินดา คราประยูร-พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี” และได้แผ่อิทธิพลกว้างใหญ่ไพศาล คุม 4 เหล่าทัพไว้เสร็จสรรพ ภายใต้รหัสลับ “ชาว 0143” คุมทุ่งดอนเมือง โดย “พล.อ.อ.เกษตร โรจนนิล” กองทัพเรือ มี “พล.ร.อ.ประพัฒน์ กฤษณจันทร์” กุมบังเหงียน
แต่ทศวรรษหลังๆ ศูนย์อำนาจในกองทัพเปลี่ยนโมเมนตั้ม ผ่องถ่ายจาก “รุ่น จปร.ตท.” มาเป็นคอนเน็กชั่น “ต้นสังกัด”
มีสองเครือข่ายที่โดดเด่นสุดเวลานี้คือ “บูรพาพยัคฆ์” กับ “วงศ์เทวัญ”
“บูรพาพยัคฆ์” คือรหัสเฉพาะที่ใช้เรียกขานกลุ่มนายทหารของกองทัพบก ที่เติบโตมาจากกองพลทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ หรือ “ทหารเสือราชินี” ซึ่งเป็นหน่วยสังกัดอยู่ในกองพลทหารราบที่ 2 หรือ “พล.ม.2” ที่ตั้งค่ายคือจังหวัดชลบุรี
“บูรพาพยัคฆ์” มีบทบาทโดดเด่นทางการเมือง มีส่วนสำคัญยิ่งกับรัฐประหารในประเทศไทย ทั้ง พ.ศ.2549 และ พ.ศ.2557 รวมทั้งยังเป็นขั้วอำนาจที่เหนียวแน่นที่สุดในกองทัพบกในเวลานี้
แตะมือกันดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ติดต่อกันมาแล้วประกอบด้วย 1. “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” 2. “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” 3. “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” 4. “พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร” 5. “พล.อ.ธีรชัย นาควานิช” กับน้องนุชสุดท้าย ล่าสุด 6. “พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร” และวางลำดับไหล่ จะผงาดด้วยคนที่ 7. “พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์”
ขณะที่ “วงศ์เทวัญ” คือเอกลักษณ์ของเหล่าขุนศึก ที่เติบโตมาจากกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ สังกัดกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ “พล.1 รอ.” มีฐานที่มั่นอยู่ใน กทม.
ไม่ว่าจะ “บูรพาพยัคฆ์” หรือ “วงศ์เทวัญ” มีความผูกพันกันในฐานะเพื่อนร่วมรุ่น และอุดมคติเดียวกัน จึงไม่ค่อยมีข่าวคราวปราฏถึงความขัดแย้ง