PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สัญญานสงคราม?

พิษสงครามแซงชั่นทางเศรษฐกิจ หมูฝรั่งเศสทนไม่ไหวค่าตัวถูกเกิน รวมตัวกันประท้วงในซุปเปอร์มาร์เก็ตเมือง Agen
----------

สวัสดียามดึกแฟนเพจทุกท่าน... วันนี้ขอจัดข่าวเบาๆให้ก่อนนะครับ ที่เห็นในภาพหนะของจริงนะครับ ไม่ใช่ตัดต่อมาจากหนังฮอลลิวูดนะ คืออย่างนี้ครับ... สืบเนื่องจากการที่พวกนักการเมืองตะวันตกร่วมมือกับสหรัฐฯเปิดสงครามแซงชั่นทางเศรษฐกิจกับรัสเซียจึงถูกรัสเซียตอบโต้กลับอย่างหนักหน่วงให้สมน้ำสมเนื้อและแถมให้อีกตะหาก สไตล์คุณปูตินก็คือว่าไม่รุกรานใคร ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใคร (หากไม่จำเป็น) แต่เมื่อถูกกระทำหรือถูกรังแกก่อน ก็พร้อมที่จะตอบโต้ในทันทีทันใดเช่นกัน ส่วนรายละเอียดต่างๆนั้นก็เคยเล่ามาให้ฟังอยู่บ่อยๆ

หลังจากที่อียูถูกมาตรการสั่งห้ามนำเข้าอาหารและสินค้าทางการเกษตรมาขายในรัสเซีย ก็เดือดร้อนกันไปทั่วอียูและทั่วโลก ที่หนักสุดก็คือเกษตรกรชาวอียูที่เคยค้าขายกับรัสเซียนี่แหละ พอส่งออกไปที่รัสเซียไม่ได้ เขาก็พากันประท้วง ปิดถนน นำขยะ มูลสัตว์ไปเทปิดถนนหลายสายบ้าง เทใส่หน้าซุปเปอร์มาเกตบ้าง จนพวกนักการเมืองฝ่ายค้านของฝรั่งเศสเริ่มจะทนไม่ไหวจึงรวมตัวกันไปดูต้นตอสาเหตุของปัญหาที่พวกรัฐบาลสหรัฐฯและอียูนำมาเป็นข้ออ้างในการทำลายเศรษฐกิจรัสเซียและอียูในครั้งนี้ ซึ่งก็คือไคร์เมีย โดยไปในนามของ "คณะผู้แทนสมัชชาแห่งชาติฝรั่งเศส" แม้รัฐบาลฝรั่งเศสที่ยอมให้สหรัฐฯจูงจมูกจะห้ามก็ไม่ฟัง เพราะถือว่าเป็นสิทธิ์ของส.ส.ฝรั่งเศส พอไปถึงแล้ว ก็พบว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่พวกนักการเมืองฝั่งรัฐบาลกล่าวอ้างซักหน่อยนิ

ประชาชนที่นั่น (ไคร์เมีย) เขาก็ดูยิ้มแย้ม แจ่มใส มีความสุขดี และคณะผู้แทนชุดนี้ก็ออกประกาศเลยว่า ไคร์เมียมีความชอบธรรมที่จะรวมเข้ากับรัสเซีย (ฮ๊ะ! ทำไมความเห็นของพวกนักการเมืองฝรั่งเศสชุดนี้ถึงได้แตกต่างจากฝั่งสหรัฐฯและรัฐบาลยุโรปหละนี่?) คณะผู้แทนเหล่านี้ก็ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการยกเลิกการแซงชั่นรัสเซีย โดยหวังว่ารัสเซียอาจจะยกเลิกแซงชั่นอียูก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นจริงก็จะเป็นการช่วยให้เศรษฐกิจของฝรั่งเศสและอียูบางประเทศที่จะยกเลิกแซงชั่นรัสเซียกลับมาเป็นปรกติได้อีกครั้งหนึ่ง

ส่วนความเดือดร้อนของภาคเกษตรกรฝรั่งเศสนั้นก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ล่าสุดรายงานข่าวบอกว่าชาวนาในฝรั่งเศสทนต่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ำต่อไปอีกไม่ไหว จึงยกระดับการประท้วงขึ้นมาอีก จากการปิดถนน เทขยะ ก็กลายเป็นนำน้องหมู อู้ดๆ สามตัวไปเดินเล่นแบบฟรีสไตล์ในซุปเปอร์มาร์เก็ตซะเลย น้องหมูที่ไม่ได้อาบน้ำปะแป้งแต่งตัวให้สวยงานก่อนเข้าไปช็อปปิ้งในเมือง เคยอยู่ในคอกคลุกขี้หมูมาอย่างไรก็ไปลุยกันอย่างนั้นเลย หลังจากที่เดินดูข้าวของได้สักพัก เจอแอร์เย็นๆ พื้นกระเบื้องเย็นๆเข้า ก็เกิดอาการง่วงซะนี่ งั้นขอนอนพักในซุปเปอร์มาร์เก็ตอาบแอร์เย็นๆซักงีบก่อนละกัน ประชาชนชาวฝรั่งเศสไม่เคยเห็นน้องหมูมาเที่ยวซุปเปอร์มาร์เก็ตก็พากันถ่ายรูปถ่ายคลิปกันใหญ่ ส่วนน้องหมูปวดฉิ่งฉ่อง ไม่รู้ทางไปห้องน้ำ ขืนไปก็ใช้บริการไม่ได้แน่ๆ งั้นก็ปล่อยมันตรงนั้นแหละ แล้วนอนกลิ้งเล่นซะเลย เย็นดี ฮี่ๆๆๆ

ไม่ใช่เฉพาะฝรั่งเศสนะที่เริ่มมีอาการ "ทนไม่ไหวแล้วโว้ย" เมื่อวานนี้สำนักข่าว Sputnik news ของรัสเซียรายงานว่า สหภาพผู้ผลิตสินค้าเกษตรและเจ้าของป่าไม้กลางของฟินแลนด์ (Finland’s Central Union of Agricultural Producers and Forest Owners - MTK) ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลของประเทศฟินแลนด์ให้ความช่วยเหลือผู้ผลิตนม เพื่อให้อยู่รอดในช่วงวิกฤตปัจจุบัน ซึ่งมีสาเหตุมาจากถูกรัสเซียแซงชั่นกลับ เพราะไปหาเรื่องรัสเซียก่อนนั่นเอง

รายงานข่าวทางโทรทัศน์ Yle อ้างคำพูดของตัวแทนสหภาพฯ MTK ว่า "ราคาผลิตภัณฑ์นมได้ตกต่ำและเกิดวิกฤตการณ์ขึ้นจริงในประเทศฟินแลนด์ ที่รัฐบาลควรจะจัดสรรแพคเกจความช่วยเหลือด้านการเงินให้กับเกษตรกรผู้ผลิตนม"

พูดง่ายๆก็คือเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยจ่ายเงินชดเชยส่วนที่ลดลงจากราคาก่อนหน้านี้นั่นเอง ดูซิว่ารัฐบาลของประเทศเหล่านั้นจะทนต่อสภาพนี้ไปได้สักเท่าไร เพราะนอกจากจะถูกรัสเซียห้ามนำสินค้าเข้าไปขายในรัสเซียแล้ว ยังจะมีสินค้าจากข้อตกลง Transatlantic Trade and Investment Partnership (TTIP) ระหว่างอียูกับสหรัฐฯเข้าไปถล่มอียูอีกด้วย

คราวนี้สินค้าจากสหรัฐฯก็จะไหลทะลักเข้าไปตีตลาดและกดราคาในอียูหนักเข้าไปอีก ซวยซ้ำสองไหมหละนั่น แน่นอนว่าอียูอาจจะหลงคารมสหรัฐฯว่าจะสามารถไปเปิดตลาดในสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้นได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าสินค้าทางการเกษตรทุกอย่างของอียูจะสามารถเข้าไปจำหน่ายในสหรัฐฯได้ซะที่ไหนหละ โดยเฉพาะพวกพืชผักสดทั่วไป ซึ่งหากจะส่งไปขายที่สหรัฐฯก็ย่อมต้องใช้เวลานาน เน่าพอดี และไหนจะเป็นการเพิ่มต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้นไปอีกด้วย ไม่คุ้มแน่ๆ เมื่อเทียบกับสินค้าท้องถิ่นที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันแต่มีราคาที่ถูกกว่า ใครจะไปซื้อของแพงไปรับประทานกันหละครับ?

ถ้าขืนอียูยังทะเลาะกับรัสเซียต่อไป อียูมีแต่จะเสียหายและเสียเปรียบมากขึ้นเท่านั้น เพราะว่าแม้รัสเซียจะเดือดร้อนในตอนแรก แต่ก็สามารถปรับตัวได้แล้ว และสามารถหาตลาดอื่นกับประเทศพันธมิตรมาชดเชยได้ ส่วนอียูนอกจากจะเสียเพื่อน สร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น แถมยังโดนมหามิตรของตนแอบล้วงกระเป๋าและแทรกแซงกิจการภายในอีกต่างหาก

The Eyes
26/07/2558
----------
http://sputniknews.com/russia/20150724/1025009404.html
http://sputniknews.com/europe/20150725/1025035791.html
https://www.youtube.com/watch?v=hiHK6raW8Lk
http://sputniknews.com/europe/20150725/1025028342.html