PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2558

ศาลอาญา คุก4ปี4ด. ณัฐวุฒิ-วีระกานต์-เหวง-วิภูแถลง นำนปช.บุกบ้านป๋าเปรม-ไม่รอลงอาญา


ศาลอาญา คุก4ปี4ด. ณัฐวุฒิ-วีระกานต์-เหวง-วิภูแถลง นำนปช.บุกบ้านป๋าเปรม-ไม่รอลงอาญา
Cr:มติชน
ศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี 4 เดือน "วีระกานต์ - ณัฐวุฒิ - วิภูแถลง - หมอเหวง" คดี บุกบ้านป๋าเปรม เมื่อปี 2550 ส่วนวีระกานต์ ป่วย ศาลนัดให้มาฟังคำพิพากษาวันที่ 30 กันยายนนี้
ศาลอาญา รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษา คดีที่อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล / นายวีระศักดิ์ เหมะธุลิน / นายวันชัย นาพุทธา / นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ / นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ / นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย และนายแพทย์เหวง โตจิราการ ซึ่งทั้งหมดเป็นแกนนำ และแนวร่วม นปช. รวม 7 คน ฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป และข้อหาอื่นๆ กรณีนำขบวนผู้ชุมนุมหลายพันคนจากสนามหลวงไปยังบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่อเรียกร้องกดดันให้ พลเอกเปรม ลาออกจากตำแหน่ง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2550
เมื่อถึงเวลานัดมีเพียง นายวีระกานต์ มุสิกะพงศ์ อดีตประธาน นปช. ซึ่งเป็นจำเลยที่ 4 ไม่ได้เดินทางมาศาลตามนัด แต่มอบอำนาจให้ตัวแทน ขอเลื่อนฟังคำพิพากษา เนื่องจากนายวีระกานต์ ป่วยมีอาการเลือดออกในลำไส้ เข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลตำรวจ ตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา โดยมีใบรับรองแพทย์ยื่นยันต่อศาล ซึ่งศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า มีเหตุสมควรจึงให้เลื่อนอ่านคำพิพากษาเฉพาะในส่วนของนายวีระกานต์ จำเลยที่ 4 แต่ในส่วนจำเลยร่วมเดินทางมาศาลครบทุกคน ศาลจึงอ่านคำพิพากษาในส่วนจำเลยที่มาศาล
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมกลุ่มแกนนำที่อยู่บนรถซึ่งผู้ชุมนุมได้ขัดขวางโดยใช้เก้าอี้และอิฐปาใส่เจ้าหน้าที่ ไม่ใช่การป้องกันตัวตามที่จำเลยกล่าวอ้าง และพิจารณาคำปราศรัยของแกนนำแล้วเห็นว่า ไม่มีเจตนาที่จะห้ามปรามผู้ชุมนุมอย่างจริงจัง พิพากษา จำคุก นายวีระกานต์ / นายณัฐวุฒิ / นายวิภูแถลง และนายแพทย์เหวง คนละ 4 ปี 4 เดือน
ส่วนนายนพรุจ จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานฯ พิพากษาจำคุก 2 ปี 8 เดือน และให้ยกฟ้องนายวีระศักดิ์ และนายวันชัย ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 และ 3 เนื่องจากหลักฐานยังมีข้อสงสัยว่าร่วมกระทำผิดหรือไม่
พร้อมนัดให้นายวีระกานต์ มาฟังคำพิพากษา ในวันที่ 30 กันยายนนี้ เวลา 09.00น.
ซึ่งภายหลังศาลมีคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวจำเลยลงมาที่ห้องขังใต้ถุนศาลอาญาทันที และขณะนี้ทนายความอยู่ระหว่างยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก

ด่วน! "ประวิตร โรจนพฤกษ์" ยื่นลาออก เนชั่น แล้ว ยืนยันจุดยืนยังคงเดิม




http://www.matichon.co.th/online/2015/09/14423968571442396890l.jpg

วันที่ 16 กันยายน นายประวิตร โรจนพฤกษ์ เปิดเผยกับมติชนออนไลน์ว่า ขณะนี้ตนได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็น พนักงาน ตำแหน่ง ผู้สื่อข่าวอาวุโส ในกลุ่มเครือเนชั่น แล้ว โดยจะมีผลในสิ้นเดือนกันยายนนี้

นายประวิตร กล่าวถึงเหตุผลที่ได้ยื่นลาออกในครั้งนี้ว่า เนื่องจากมีแรงกดดันจากหลายฝ่ายมายังผู้บริหาร ต่อประเด็นการทำหน้าที่ของตน ซึ่งไม่อยากเห็น เนชั่น ซึ่งเป็นเสมือนบ้านที่ตนเองรัก ต้องถูกเผา โดยยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับกระแสข่าว กรณีที่นายกนก รัตน์วงศ์สกุล เพื่อนร่วมวิชาชีพในเครือเดียวกันออกมาแสดงความคิดเห็นทางโซเชียลมีเดีย ถึงความไม่พอใจและกระเเสการจัดการตน พร้อมระบุว่า หากเป็นตนจะไม่ทำร้ายบ้านที่ตนรัก จะไม่นำเอาเรื่องราวออกไปพูดภายนอก ให้องค์กรต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์

ทั้งนี้ นายประวิตร ยังยืนยัน ว่าจะยังคงมีอุดมการณ์ ความมุ่งมั่น ในสิ่งที่เป็นจุดยืนของตน และ จะขอเดินบนเส้นทางอาชีพการเป็นสื่อมวลชนที่ตนเองรักต่อไป แต่จะเป็นอย่างไรนั้นคงต้องเป็นเรื่องของอนาคตต่อไป

วิรไท สันติประภพ: "ผมเห็นข่าวนี้แล้วไม่สบายใจ และรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม"

วิรไท สันติประภพ: "ผมเห็นข่าวนี้แล้วไม่สบายใจ และรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม"

เขียนวันที่
วันพุธ ที่ 16 กันยายน 2558 เวลา 11:40 น.
เขียนโดย
ดร.วิรไท สันติประภพ
หมวดหมู่
"...เมื่อผมได้คุยกับสำนักข่าวใหญ่ที่เป็นผู้เริ่มเผยแพร่รายงานข่าวเกี่ยวกับการบรรยายของผม สำนักข่าวนั้นได้แจ้งกลับมาว่าข่าวดังกล่าวไม่ได้เขียนขึ้นโดยนักข่าวของตนเอง มีคนส่งมาให้ ได้ขอโทษและลบข่าวนั้นออกจาก website ไปแล้วแต่อาจจะสายเกินไปเพราะมีหลายคนเอาไป share ต่อใน social media และสำนักข่าวอื่นเอาไปเล่าต่อ แบบที่ว่าได้ยินเขาพูดกันว่า .."
pyysaqaaaa
ผมเห็นข่าวนี้แล้วไม่สบายใจ และรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม
เมื่อวันพุธที่แล้วผมได้รับเชิญไปบรรยายที่มหาวิทยาลัย Harvard และได้มีผู้ฟังคนหนึ่งเขียนรายงานข่าวส่งมาให้สำนักข่าวใหญ่แห่งหนึ่งเผยแพร่ รวมทั้งคงส่งรูปตามที่ปรากฎนี้ให้ด้วย 
12004835 10206650746861501 2590946209867253771 n
รายงานข่าวดังกล่าวใช้หัวข้อ และมีเนื้อหาที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่าผมสนับสนุนให้ต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง และไม่สนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตย
ผมมีจุดยืนที่ชัดเจนว่าการปฏิรูปเป็นกระบวนการต่อเนื่อง ไม่มีทางทำให้สำเร็จก่อนเลือกตั้ง และการปฏิรูปในสภาวะการเมืองที่ไม่ปกติ มีข้อจำกัดและอาจสร้างปัญหาได้หลายด้าน (ทั้งในปัจจุบันและอนาคต) ผมคิดว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่มีโอกาสจะปฏิรูปเพื่อแก้ปัญหาของประเทศได้ก็ควรทำ
ถ้าดู slide ในรูปที่ถูกนำมา share กันก็จะเห็นตรงหัวข้อชัดเจนว่าเป็น "Reform before Election or Election for Reform???" (ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง หรือเลือกตั้งเพื่อที่จะไปปฏิรูป???) ผมใส่เครื่องหมาย ??? เพื่อแสดงให้เห็นว่ามี 2 แนวคิดที่ต่างกันอยู่ในประเทศไทย slide นี้เป็น background slide อันหนึ่งที่หวังว่าจะช่วยให้ผู้ฟังเข้าใจ dilemma ต่างๆ ที่สังคมไทยเผชิญอยู่ ไม่ได้ต้องการเน้นว่าต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้งแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ที่ "ข่าวสด" พูดเชิงตำหนิว่า ทำไมผมพูดเรื่องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ไม่พูดเรื่องที่อาจจะเกี่ยวกับความชำนาญของผม คนเขียนข่าวคงไม่ทราบว่าผมพูดอะไรบ้าง เพราะไม่ได้ฟังด้วยตัวเอง ผมได้พูดถึงการปฏิรูปหลายด้าน (ทั้งแนวทาง ความคืบหน้า ปัญหา และมิติที่ไม่ได้รับความสำคัญ) เช่น การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ ข้อกังวลเกี่ยวกับแนวคิดของการร่างรัฐธรรมนูญ (ที่ผ่านมา) ซึ่งจะทำให้ระบบพรรคการเมืองและรัฐบาลอ่อนแอ การมีกลไกไม่ปกติในร่างรัฐธรรมนูญที่ตกไป ตลอดจนถึงความจำเป็นที่ต้องเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนบางกลุ่ม (และนักการเมือง) ในกระบวนการปฏิรูปที่เป็นอยู่
การพูดในมหาวิทยาลัยเป็นการพูดส่วนตัวในฐานะนักวิชาการ เพื่อที่จะให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ผมโตมากับแวดวงวิชาการที่เราจะคุยกันถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และข้อดีข้อเสียของพัฒนาการต่างๆ เพราะทุกอย่างมีเหรียญสองด้าน ผมเองก็อยากทราบว่าประเทศอื่นที่ผ่านกับดักเช่นเดียวกับที่เราเผชิญอยู่เขาแก้ปัญหาอย่างไร
น่าเสียดายที่ได้มีผู้พยายามนำมาเขียนข่าวแบบเหรียญด้านเดียวในลักษณะที่ไม่เป็นธรรม
เมื่อผมได้คุยกับสำนักข่าวใหญ่ที่เป็นผู้เริ่มเผยแพร่รายงานข่าวเกี่ยวกับการบรรยายของผม สำนักข่าวนั้นได้แจ้งกลับมาว่าข่าวดังกล่าวไม่ได้เขียนขึ้นโดยนักข่าวของตนเอง มีคนส่งมาให้ ได้ขอโทษและลบข่าวนั้นออกจาก website ไปแล้ว
แต่อาจจะสายเกินไปเพราะมีหลายคนเอาไป share ต่อใน social media และสำนักข่าวอื่นเอาไปเล่าต่อ แบบที่ว่าได้ยินเขาพูดกันว่า.....
ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่เขียนอธิบายอะไร แต่เมื่อเห็นสำนักพิมพ์ใหญ่อย่างมติชนและข่าวสดหยิบขึ้นมาเป็นประเด็น จึงอยากจะทำความเข้าใจให้ถูกต้อง
ผมมีนักข่าวเป็นเพื่อนใน FB หลายคน อยากจะขอความกรุณาช่วยแจ้งให้ต้นสังกัดที่สงสัยในเรื่องนี้ได้รับทราบ และช่วยกันยกระดับคุณภาพของการรายงานข่าวในประเทศไทย
ขอบคุณครับ
(หมายเหตุ :ข้อความและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ ข่าวสด ได้นำเสนอข่าวเรื่องนี้ ในเว็บไซต์ของข่าวสด เมื่อวันที่ 15 ก.ย.2558 ที่ผ่านมา โดยใช้พาดหัวข่าวว่า "วิรไท"โพสต์ชี้แจงข่าวไปบรรยายที่ฮาร์วาร์ดไม่เป็นธรรม 

ตั้งGIN-Govt Information Network(GIN)รับภัยคุกคามทุกรูปแบบ

GIN
พลเอกประวิตร รองนายกฯมั่นคง พร้อม พลเอกอุดมเดช รมช.กห./ผบทบ. นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาฯสมช. ได้ประชุมคณะกรรมการบูรณาการความมั่นคง ที่ สมช. โดยมี พลเอกทวีป เนตรนิยม ว่าที่เลขาฯสมช.คนใหม่ ร่วมประชุมด้วย
พลเอกประวิตร เผยว่า ที่ประชุมหารือเรื่องให้ ตั้งGIN-Govt Information Network ตามที่ พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี สั่งการ เพื่อรวมศูนย์Data Center ทุกด้าน ที่เกี่ยวข้องกับประชาขน ภัยคุกคาม ความมั่นคงต้างๆ โดยมีการตั้งคณะอนุกรรมการ ด้านต่างๆขึ้นมา
โดยจะมีการแยก ข้อมูลที่เป็นชั้นความลับ เป็นฐานข้อมูล ระดับประเทศ และข้อมูลที่เป็นสาธารณะ เปืดเผยให้ประชาขนได้ และเกี่ยวกับ ประชาชน ความมั่นคง ภัยธรรมชาติ ทรัพยากรน้ำ ทุกหน่วยงาน ข้อมูลเก็บใช้ประโยชน์ ในอนาคต
พลเอกประวิตร นั่งหัวโต๊ะกก.บูรณาการมั่นคง ตั้งGIN-Govt Information Network รวมศูนย์Data Center รับภัยคุกคามทุกรูปแบบ

นายกฯบิ๊กตู่ เชื่อต่อไปไม่มีแล้ว ทหารเข้ามายึดอำนาจอีก เพราะ"โลกล้อมประเทศ"

นายกฯบิ๊กตู่ เชื่อต่อไปไม่มีแล้ว ทหารเข้ามายึดอำนาจอีก เพราะ"โลกล้อมประเทศ" ถ้าเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยเข้ามา ตอนนั้นผมกลับบ้านแล้ว ไม่มาแล้ว รู้ตัวว่าทำได้แค่ไหน ไม่หวังกล้บมาเปนนายกฯคนนนอก หรือ ลงเลือกตั้ง.....เชื่อจะมีเลือกตั้ง กค.2560เร่งให้เร็ว เสร็จก่อน20 เดือน ไม่กลัวคนไทยเบื่อ เพราะผมเบื่อตัวเองอยู่แล้ว พรัอมไป แล้วไม่กลับมาอีก

บิ๊กป้อม เผยโควต้าสปท.ทหาร50 สปช.60 พรรคการเมือง ส่งตัวแทนมาเป็นสปท.ด้วย

บิ๊กป้อม เผยโควต้าสปท.ทหาร50 สปช.60 เผยให้พรรคการเมือง ส่งตัวแทนมาเป็นสปท.ด้วย ยันมีทุกพรรค ตอนนี้มีส่งมาแล้ว ลั่น“นายกฯ” ไม่เคยใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ ขอเวลารัฐบาลวางพื้นฐานประเทศให้มั่นคง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม กล่าวถึงสัดส่วนของคนที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) ว่า เป็นเหมือนที่ข่าวเสนอคือ มีทหาร 50 คน อดีต สปช.60 คน รวมถึงมีสัดส่วนของนักการเมือง นักวิชาการ เข้ามาด้วย ซึ่งขณะนี้ได้ให้ฝ่ายการเมืองเสนอรายชื่อบุคคลเข้ามาแล้ว ก่อนที่จะมาคัดเลือกกัน
ถามว่า ควรจะมีนักกฎหมายรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ต้องมีนักกฎหมายรุ่นใหม่ๆเข้ามาด้วยเพราะการปฏิรูปเป็นเรื่องของอนาคต และนายกฯก็ได้ยืนยันแล้วถึงการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ส่วนที่ทางทูตสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ มีความเป็นห่วงเรื่องประชาธิปไตยในประเทศไทยนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ประชาธิปไตยในบ้านเราอย่างที่เป็นอยู่นี่ ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว เราพยายามทำให้เกิดความสงบและทำให้เกิดประชาธิปไตย ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคสช.ด้วยก็ ไม่เคยใช่อำนาจเกินเหตุ แต่การที่มีนักการเมืองออกมาพูดจาให้ร้าย มากระทำแบบนี้มันไม่ได้ ผมอยากให้ช่วงนี้ ปล่อยให้เราได้วางพื้นฐานในการสร้างประเทศให้เกิดความมั่นคงก่อน” รองนายกฯ ก่อน

ฟัง บิ๊กตู่ นินทา อ.น้อง....ตามประสา คนเกรงใจเมีย

ฟัง บิ๊กตู่ นินทา อ.น้อง....ตามประสา คนเกรงใจเมีย....ใครที่ดุกว่า บิ๊กตู่ และคำยืนยัน ที่จะไม่กลับมาเป็นนายกฯอีก และเชื่อ ไม่มีปฏิวัติอีก
นายก” ร่วมทานข้าวกับสื่อฯทำเนียบฯ ขอบคุณที่ลงข่าวเต็มที่ ยอมรับเป็นคนใจร้อน เกรงใจเมีย เผยพร้อมคุย สื่อต่างประเทศ ถ้าสื่อนอก อยากพบตอนไปประชุม UN ให้ทำเรื่องมา แต่ไม่รู้เวลาให้ไหม ได้ข่าวว่ามีติดต่อมาเหมือนกัน ระบุอยากให้ประเทศสงบ ยันไม่เป็นนายกแล้ว นายกคนนอกก็ไม่เอา เผยยังไม่มีชื่อประธานกรธ.
ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. พร้อมด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบฯ
โดยเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้พูดคุยและสัมภาษณ์ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 4หลังเข้ามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
สำหรับอาหารกลางวันในครั้งนี้ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ได้จัดเตรียม ข้าวเหนียว -ไก่ย่างเขาสวนกวาง ข้าวขาหมูตรอกซุง ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟวัดแขก ขนมจีนแกงเขียวหวานปลากรายป้าน้อย ถนนดินสอ ลอดช่องวัดเจษ ไอกรีมมหาชัย ผลไม้ เป็นต้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวระหว่างร่วมรับประทานอาหารตอนหนึ่งว่า "วันนี้อยากทานอะไรเปรี้ยวๆ และเป็นคนที่ทานอะไรง่ายๆ เวลาทำงานอยู่บนตึกไทยคู่ฟ้าก็จะสั่งอาหารย่านตลาดนางเลิ้ง ข้าวแกงบ้าง ก๋วยเตี๋ยวบ้าง เพราะเป็นคนทานง่าย
บิ๊กตู่ เผย วัยเด็ก พ่อสอนให้ทำทุกอย่าง รีดผ้า พ่อเราเย็บเสื้อก็ได้ เย็บจักรก็เป็น เย็บกระดุมเสื้อได้ ทำกับข้าวก็เก่ง สอนเราทุกอย่าง ช่วงเด็กๆทำเอง "เด็กๆผมต้องทำทุกอย่างเอง รีดผ้า พ่อสอนทำหมด แต่วันนี้มีคนมาคอยดูแลให้จะได้มีแรงที่จะมาทำงานต่างๆ ให้กับประเทศ"เผย คุณพ่อเป็นคนดุ ผมก็ถูกตี ถ้าไม่ดุป่านนี้เสียคนไปแล้ว ถ้าทำผิดก็ตี ส่วนคุณแม่ใจดี ซึ่งตอนนี้พ่อก็ป่วยซึ่งก็เป็นไปตามวัยอายุ 92แล้ว
นายกรัฐมนตรีกล่าวระหว่างร่วมรับประทานอาหารตอนหนึ่งว่า "วันนี้อยากทานอะไรเปรี้ยวๆ และเป็นคนที่ทานอะไรง่ายๆ เวลาทำงานอยู่บนตึกไทยคู่ฟ้าก็จะสั่งอาหารย่านตลาดนางเลิ้ง ข้าวแกงบ้าง ก๋วยเตี๋ยวบ้าง เพราะเป็นคนทานง่าย
พลเอกประยุทธ์ เผยว่า ตั้งแต่เด็ก พันเอกประพัฒน์ คุณพ่อผมสอนให้ทำทุกอย่าง พ่อเราเย็บเสื้อก็ได้ เย็บจักรก็เป็น เย็บกระดุมเสื้อก็ทำได้ ทำกับข้าวก็เก่ง สอนเราทุกอย่าง ช่วงเด็กๆ ลำบากไม่มีใครมาทำอะไรให้ ต้องทำทุกอย่างเองตั้งแต่รีดผ้า
แต่วันนี้ก็มีคนมาคอยดูแลให้ก็จะได้มีแรงที่จะมาทำงานต่างๆ ให้กับประเทศ ไม่เคยคิดที่จะทำอะไรเพื่อตัวเอง
ยอมรับว่าคุณพ่อเป็นคนดุ ถ้าไม่ดุป่านนี้เสียคนไปแล้ว ถ้าทำผิดก็ตี ส่วนคุณแม่ใจดี ซึ่งตอนนี้ท่านก็ป่วยซึ่งก็เป็นไปตามวัยอายุ 92 ปีแล้วก็ต้องอ่อนแรงลงไป ความจำต่างๆ ก็ไม่ค่อยดีแล้ว แต่เรื่องเก่าๆ จะจำได้แม่น
"สำหรับผมสอนลูกก็มีตีบ้าง ถ้าทำผิดใช้มือตี แต่ตอนนี้โตแล้ว ไม่ตีแล้ว ช่วงเด็กๆ ก็มีดื้อบ้าง ซึ่งก็เป็นการสอนเราไปในตัวและทบทวนด้วยว่าขนาดลูกยังคิดไม่เหมือนเรา แล้วจะมาให้คนอื่นมาคิดแบบเราทั้งหมดคงไม่ได้ อยู่ที่ว่าจะร่วมมือกันได้ตรงไหน"
สิ่งที่เราพูดและรัฐบาลทำมาอาจจะไม่ถูกใจใครก็ได้ มีอะไรก็ให้เสนอเข้ามาไม่ใช่มาติทั้งหมดทั้งกระบวน ทุกคนก็รู้ปัญหาดังนั้นถ้าอยากได้อะไร แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ร่วมมือแล้วมันจะได้ได้อย่างไร เพราะฉะนั้นก็ต้องไปหาทางออกมา เพราะปัญหามันผูกพันกับคนทั้งประเทศ ถ้าคุยกันรู้เรื่อง ป่านนี้ไปได้ตั้งนานแล้ว อย่ามัวแต่คิดแต่เรื่องของตัวเอง แต่ก็โทษไม่ได้ เพราะเขายังยากจนอยู่ ซึ่งก็เป็นเรื่องปวดหัวให้ทั้งผมและคุณสมคิด มานั่งคิดแก้ปัญหาอยู่ในขณะนี้ คิดตลอดวัน ตลอดคืน จนท่านสมคิดเป็นห่วง ไม่อยากให้เครียด แต่สิ่งที่ผมเป็นห่วงมากก็คือเวลาข่าวออกไปต่างประเทศแล้วมันแก้ลำบาก ในความเป็นจริงเราควรจะแก้ปัญหาของเรา"นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าวันนี้เกือบจะไม่ได้ลงมาร่วมทานอาหารด้วยแล้วเพราะยังรู้สึกงอนๆ อยู่ แต่จริงๆ ไม่ใช่หรอก ถ้าไม่ได้พูด ไม่เห็นหน้ากันก็คิดถึง เรามันคู่กันต่างคนต่างขาดกันไม่ได้ ถ้าไม่ได้พูดหรือโต้เถียงกันก็ปวดท้อง แต่ถ้าให้โมโหมากๆ เส้นโลหิตในสมองก็แตก
แต่โชคดีที่คนข้างๆ ผมทั้งท่านสมคิด พล.อ.สุรศักดิ์และพล.อ.วิลาส อรุณศรี เลขาฯ นายกรัฐมนตรี เป็นคนใจเย็น มีตนใจร้อนอยู่คนเดียว
เมื่อถามว่า เวลานายกฯ ใจร้อนและเผลอหลุดคำพูดต่างๆ ออกมา ภริยาดุหรือตำหนิบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยอมรับว่า "ผมดุก่อน แต่พอเขาดุมา ผมก็สู้ไม่ได้ เขาเป็นอาจารย์ ผมเป็นลูกศิษย์ พอเวลาภรรยาผมดุ ผมก็เงียบ" ผู้สื่อข่าวชายจึงกระเซ้าว่า เจอแล้วคนที่นายกฯ กลัวที่สุดในประเทศ ทำให้นายกฯ หันย้อนถามกลับว่า "แล้วไม่กลัวหรือ ต้องเกรงใจด้วยนะ คือในบ้านมันควรจะไม่มีอะไร โมโหก็ไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งวันนี้เราโมโหอะไรไม่ได้เลย พอเข้าบ้านเราอยากให้บ้านเราสงบสุขสบายใจ"
ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขอบคุณสื่อมวลชนว่าต้องขอบคุณทุกคนที่เสนอข่าวและลงความเห็นของตนเกือบทั้งหมดเพื่อให้ประชาชนเข้าใจเพราะไม่เช่นนั้น คนเพียงไม่กี่คนก็มาสร้างความวุ่นวายซึ่งตนก็รู้สึกเบื่อหน่าย ยิ่งสื่อไปเปิดพื้นที่ให้คนเหล่านี้ประชาชนก็จะเกิดความเข้าใจผิด และตั้งแต่ช่วงที่ตนเข้ามาทำงานเป็นนายกฯ ทำให้หนังสือพิมพ์ขายดีกว่าช่วงอื่นๆ เพราะคนชอบอ่านสิ่งที่พวกสื่อนำเสนอ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในงานการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) ในวันที่ 23 กันยายน – 1ตุลาคมที่จะถึงนี้ ว่าจะมีการไปพบสื่อต่างประเทศหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า เขาจะมาพบตนหรือไม่เล่า ถ้าพบได้ก็จะพบ ให้เขาทำเรื่องมาซิ ถ้าพบก็พบ แต่ไม่รู้จะมีเวลาหรือเปลา ตนไม่เคยกลัวนักข่าวอยู่แล้ว ส่วนหัวข้อที่จะไปพูดที่การประชุมยูเอ็นนั้น เขามีให้มา 4-5 ข้อ แต่ตนได้เลือก 2หัวข้อที่ตรงกับของเรา คือเรื่องการแก้ปัญหาความยากจน และ ความยั่งยืน

เมื่อถามว่า มีหัวข้อเรื่องความยั่งยืน 15 ปี ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ใช่ มันตรงกับของเรา ซึ่งเราก็พูดในวาระของยูเอ็น ในห้วง 2015เป็นต้นไป 15 ปี ใน 4 เสาหลัก แล้วเขาจะแบ่งย่อยออกมาที่ตนให้ร่างไว้ว่าประเทศของเรามีอะไรขึ้นมา ซึ่งตนพูดในนามของประชาคม พูดประเทศไทยอย่างเดียวไม่ได้ เพราะเราไปในนามของเวทีโลก ต้องพูดให้คนอื่นเขา แล้วเราค่อยยกตัวอย่างของเราว่ากำลังทำอย่างนี้อยู่ อย่างแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทุกคนชอบหมด คราวก่อนที่ให้รองนายกฯไปยังประเทศฟิจิ ทางนั้นก็พอใจ
เมื่อถามว่า เรื่องการเดินหน้าตามโรดแมปของเราจะมีการพูดให้ประชาคมโลกฟังในเวทียูเอ็นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาไม่ได้อยู่ในวาระ จะพูดได้อย่างไรเล่า จะพูด 2-3ประโยคก็ไม่ได้เพราะไม่ได้อยู่ในวาระ ซึ่งเราก็พูดเพียงแค่ว่า เราทำเต็มที่ในการขับเคลื่อนประเทศไทย ให้ไปสู่การเป็นประชาธิปไตย ทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมป ทำไมต้องไปอธิบายให้เขาเยอะ ทำไมต้องไปอธิบายเดือนไหน ปีไหน เมื่อไหร่ มันได้ก็ได้ ตนไม่ได้อยากจะครองอำนาจอะไรนักหนา วันนี้ไปดูว่ามีอะไรดีขึ้นมาบ้าง อย่าไปทบทวนว่าตนมาอย่างไร
“ผมมาทำให้ใครเล่า เพื่อนผมก็มาลำบากกับผมด้วย รัฐมนตรีทุกคนเขาก็ไม่ได้มาขอผมเป็นซักคน ผมเป็นคนเลือกเขาเอง ไม่มีใครมาวิ่งเต้นกับผม ผมก็ดูว่าใครดีก็ไปเชิญเขามา ที่ผ่านมาชุดที่แล้วเขาก็ทำในเรื่องแก้ปัญหาเดิม ออกกฎหมาย ก็ว่าไป แต่วันนี้จะมาลงในรายละเอียด ดูในเรื่องเล็กๆ และเรื่องใหญ่ไปด้วย ที่ผ่านมาปัญหามันเยอะ วันนี้ก็ยังเยอะอยู่ ลงไปจับข้างล่างก็เยอะกว่าเดิมอีก”
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า จะทำอย่างไรให้ประเทศไทยมีที่ยืนในเวทีโลก ให้เขาเห็นประเทศไทย เห็นคนไทย เป็นเมืองแห่งการเจริญเติบโต ไม่ใช่ประเทศที่มีความขัดแย้ง เราไม่ใช่ประเทศที่รบกันทุกวัน เราอยากจะเป็นแบบนั้นหรือ ถ้าไม่แก้เราก็จะเป็นแบบนั้น ตนบอกไว้เลย ตนไม่อยากจะพูดว่ามันเลวร้ายหรือไม่ เพราะมันเป็นเรื่องของวัฒนธรรมทางการเมืองของเรา ที่ไม่เหมือนเขา ของเราจะมีอารมณ์เยอะหน่อย มีอารมณ์ โกรธ เกลียด รักเยอะ เลยทำให้ไม่มองเห็นในส่วนที่ควรจะเป็น ทุกคนก็ต้องทำตามใจตัวเองหมด ถึงตนจะดูแบบนี้ แต่ก็เป็นคนที่รับฟังหมด คุณไม่รู้หรือว่าบางอย่างนั้นตนแก้ไปตั้งเยอะ

นายกรัฐมนตรีกล่าวระหว่างรับประทานอาหารร่วมกับสื่อมวลชนว่า อยากให้บ้านเราสงบสุข กลับไปนั่งดูทีวีอย่างสบายใจ เพราะทุกวันนี้ดูทีวีไปก็เขียนงานไป เพราะกลัวว่าจะลืมไม่อย่างนั้นไม่ทันเวลา ต้องการให้ดูว่าเราทำงานให้เร็ว ให้เสร็จ
"ถ้าอยากให้อยู่ในอำนาจนาน ก็ทำไปเรื่อยๆ ทำติ๊งต๊องไปเรื่อยๆ วันๆไม่ต้องมทำอะไรมาก ไม่ต้องสั่งมาก ประชุมครม. ชั่วโมงเดียวก็เสร็จแล้ว นี่พูด 3-4 ชั่วโมง เริ่มเป็นร้อยเรื่องให้ไปถามข้าราชการดู ว่าวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง ต่างกันหรือไม่ ผมไม่ได้ว่าใครดีไม่ดี ผมขี้เกียจทะเลาะกับคนแล้ว ทันเหมาะสมกับสถานการณ์บางสถานการณ์ แต่ละประเทศ อย่างเช่นของผมอาจเหมาะสมกับสถานการณ์แบบนี้ เหมือนการตั้งคนต้องดูสถานการณ์วันนี้ว่าไปไหวไหม ส่วนตัวไม่ได้รังเกียจรังงอนใคร ไม่คิดไปสร้างฐานอำนาจ"นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวชี้แจงถึงการแต่งตั้งเลขาฯ สมช. ว่า ในเรื่องของรองเลขาฯสมช. ตนก็ได้ดูแล เรื่องก็จบแล้ว ซึ่งท่านก็เป็นภรรยาพี่ของตน เราต้องอย่าสอนให้คนมุ่งหวังแต่อำนาจ เพราะพอมีอำนาจทุกคนก็จะสั่งนู้นสั่งนี่คนไทยส่วนใหญ่อยากมีอำนาจ แล้วก็ใช้ไม่เป็นใช้ไม่ถูกต้อง ใช้ไปในทางที่ไม่สร้างสรรค์ เลยทำให้เกิดไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ
"อยากให้คนไทยสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันให้ได้ ถ้าเชื่อใจให้ผมทำ ก็ได้ทำงานของผมแต่ถ้าไม่เชื่อใจกันก็เปล่าประโยชน์ มีปัญหาไปหมด วันนี้อย่าไปแยก เว้นแต่เขาจะแยกตัวออกไป มีแต่เขามาแตะผมก่อน ผมบอกผมไม่ทะเลาะกับใคร ก็ยังพยายามมาเล่นงานผมอยู่ได้ทุกวัน อาจารย์สมคิดก็บอกผมว่าอย่าไปสนใจเลยครับ พอไม่สนใจหลก็เลยมาโมโหสื่อแทน แต่ผมก็รู้ ต้องให้กำลังใจกัน ทิ้งกันไม่ได้อยู่แล้ว ไม่มีช่วงไหนหนังสือพิมพ์จะขายดีเท่ากับตอนผมอยู่ส่วนหนังสือพิมพ์ไหนขอบมากๆ ก็อ่านก่อน ชอบน้อยก็อ่านทีหลัง ผมอ่านทุกคอลัมน์ รู้หมดใครเขียนอะไร คิดอย่างไร มีทั้งสองข้าง ไอ้สะเก็ดไฟตัวดี"นายกฯ กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าไปจีบนายสมคิด อย่างไรจึงยอมมาร่วมงานด้วย นายกฯ กล่าวว่า ไปบอกท่านว่ามาทำเพื่อประชาชน ไม่ได้ทำเพื่อตนหรือ คสช. ก่อนที่ตนจะสร้างความไว้วาวใจกับประชาชน ก็ต้องสร้างความไว้วางใจกับพี่ๆ ที่มาร่วมงานก่อน อธิบายให้ฟังว่าเข้ามาเพื่ออะไร จำเป็นต้องมีทหารอยู่เพื่ออะไร เพราะบางกระทรวงต้องเร่งงาน วันนี้จึงต้องปรับวิถีการทำงานของข้าราช ให้บูรณาการมากขึ้น เห็นได้ว่ากระทรวงหลักๆต้องให้ทหารลงไป ส่วนกระทรวงที่ต้องเร่งรัดด้านเศรษฐกิจก็ต้องให้อาจารย์สมคิดไปดูแล
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวหันไปสอบถามนายสมคิดว่ากังวลหรือไม่ที่เข้ามาในช่วงนี้ นายสมคิด กล่าวว่า ไม่กังวล เพราะเข้ามาทำเพื่อประเทศชาติ และเพื่อนายกฯ
เมื่อถามถึงกรณีการปล่อยตัวกลุ่มนักการเมือง หลังคสช. เรียกควบคุมตัวไปปรับทัศนคติ นายกฯ กล่าวว่า หลังจากนี้สัญญาอะไรก็ต้องทำตามสัญญากันบ้าง เขาบริหารราชการมาด้วยกัน แล้ววันนี้ประเทศชาติมีปัญหา เขาก็ต้องเวลาไปแก้ปัญหาในช่วงเวลาของเขา วันนี้ไม่ใช่เวลาของเขา ไม่ใช่วันที่เลือกตั้ง ถ้าเลือกตั้งชนะก็เข้ามา แล้วจะมาพูดทำนองให้ร้ายรัฐบาลไม่ได้ เพราะตนไม่ห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ห่วงว่าประชาชนจะตื่นตระหนก ถามว่าจะทำง่ายๆ แจกเงินแล้วก็เลิก มานั่งคอย แล้วแจกใหม่อีก ตนไม่ได้ทำงานแบบนั้น 

ผู้สื่อข่าวถามว่าระยะกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ยังมีงานอะไรที่ติดขัดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มีเรื่องเศรษฐกิจ เพราะไม่ใช่ซื้อของขายของธรรมดา แต่มีความผูกพันกับต่างประเทศ และสิ่งท้าทายต้องปรับปรุงใหม่อีกมาก ต้องไปด้วยกัน ซึ่งเราจะมีมาตรการช่วยเหลือ แรงจูงใจและแนะนำภาคอุตสาหกรรมเข้าครม. ในสัปดาห์หน้า ส่วนมาตรการที่ให้คนกล้าใช้เงินก็อยู่ที่สื่ออย่าเขียนให้สร้างความเสียหาย โจมตีให้เศรษฐกิจตกต่ำ สื่อสารกันแบบนี้ทุกวัน คนจนก็ยิ่งไม่กล้าใช้ คนกลางๆ ก็ไม่กล้าใช้ไปด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า อีก 20 เดือน คนจะเบื่อนายกฯ หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ต้องมาเบื่อตน เพราะทุกวันนี้ก็เบื่อตัวเองอยู่แล้ว บอกแล้วว่าอยู่มากอยู่น้อยก็แล้วแต่ แต่ถามว่าวันเวลาที่อยู่วันนี้คุ้มกับที่อยู่หรือไม่ ทุกวันนี้ปัญหาทับซ้อน เราก็พร้อมส่งต่อให้คนในวันหน้า แต่ต้องถามว่าเขาจะทำหรือไม่
เมื่อถามว่าถ้าได้นักการเมืองหน้าเดิมกลับมาจะทำอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า จะให้ทำอย่างไรอำนาจเป็นของทุกคนในการเลือกตั้ง เมื่อถามย้ำว่า ทหารจะเข้ามาอีกในอนาคตหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีแล้ว เพราะสถานการณ์เปลี่ยน โลกล้อมประเทศอยู่ใครจะเข้ามาก็ต้องพยายามไม่ให้เกิดขึ้นอีก หากเกิดสถานการณ์เหมือนเดิมอีกก็ไม่เกี่ยว กลับบ้านแล้ว เรื่องทุกอย่างขึ้นอยู่กับทุกคน ไม่ต้องมากลัวนายกฯคนนอก ตนไม่เป็นแน่นอน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามีประชาชนเรียกร้อง นายกฯ กล่าวว่า ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะตนรู้ทำอะไรได้แค่ไหน ฉะนั้นถ้าตนทำสำเสร็จมันก็จบในห้วงที่ตนอยู่ ถ้าไม่เสร็จก็หาคนมาทำใหม่
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความเป็นไปได้ในการเลื่อนระยะเวลาโรดแมป 6-4-6-4 ว่า เป็นสิ่งที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯประเมินให้ฟังในฐานะนักกฎหมาย ตนไม่สามารถพูดแทนได้ เมื่อนักกฎหมายประเมินมาว่าลดได้แค่ไหน เราก็บอกไปว่าลดได้ก็ลด ซึ่งจากที่นายวิษณุบอกมาว่าสามารถลดได้ก็จะเป็นประมาณนี้ จากที่ข่าวออกมา ไม่ใช่ตนไปสั่ง ก็บอกแล้วว่า 20 เดือนก็ 20เดือน รัฐธรรมนูญประกาศใช้ออกไปได้ก็ 20เดือน หรือน้อยกว่านั้น แต่ถ้าประเด็นรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ตนคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำอย่างไร 

เมื่อถามว่า ถ้า 20 เดือน ตามโรดแมป จะมีการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม 2560ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มั้ง จำไม่ได้แล้ว ก็นับไปซิ 20 เดือน เขากำหนดไว้แล้ว กรกฎาคม 2560ถ้ามันเร็วกว่านั้นได้ในการตัดทอนแต่ละขั้น
ลดไปได้อย่างละครึ่งเดือนบ้าง รวมกันกี่เดือนตนก็ไม่รู้
เมื่อถามว่าโควตาสัดส่วน สมาชิกสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ(สปท.) เป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนปรับทุกวัน ส่วนชื่อประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญนั้น ตอนนี้ยังไม่มี

ปล่อยตัว "ประวิตร โรจนพฤกษ์" นักข่าวอาวุโส แล้ว หลังทหารคุมตัว ปรับทัศนคติ


http://www.matichon.co.th/online/2015/09/14423098921442318830l.jpg

(Crมติชน)วันที่ 15 กันยายน 2558ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสเครือเดอะเนชั่น ซึ่งถูกทหารควบคุมตัวตั้งแต่บ่ายวันอาทิตย์ (13 ก.ย.) ที่ผ่านมา โดยไม่ทราบสถานที่และระยะเวลาควบคุมตัว และไม่อนุญาตให้นำโทรศัพท์ติดตัวไปด้วย โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อนายประวิตร เพื่อขอเชิญไปพบที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 ถนนราชดำเนิน เวลา 15.30 น. ก่อนจะถูกนำตัวออกจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 โดยไม่ทราบว่าถูกควบคุมตัวอยู่ที่ไหน

ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. นายประวิตร ได้รับการปล่อยตัว ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 โดยเขากล่าวเพียงสั้นๆว่า “โอเค” ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ อย่างไรก็ตามเมื่อถามถึงการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในระหว่างควบคุมตัว เขาตอบแต่เพียงว่าต่างไปจากครั้งแรกที่ถูกควบคุมตัว และครั้งนี้เขาไม่รู้ว่าถูกนำตัวไปควบคุมไว้ที่ใด

ทั้งนี้เมื่อถามถึงสาเหตุของการถูกควบคุม เขาตอบว่าตามเข้าใจของเขาน่าจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับบทความบางชิ้นที่วิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานความมั่นคงซึ่งเขายืนยันได้ว่าเขาไม่ได้เป็นผู้เขียนและไม่ใช่ประเด็นที่เขาสนใจและอีกสาเหตุหนึ่งก็อาจเกี่ยวข้องกับข้อความที่เขาโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียบางข้อความ อย่างไรก็ตามในส่วนการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์นั้นเขาตอบว่าในเบื้องต้นไม่มีการห้าม หรือขอให้เขายุติการแสดงความเห็นแต่อย่างใด จากนี้พร้อมกลับไปทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวตามปกติ (อ้าง : บีบีซีไทย) 

ก่อนหน้านี้ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)  กล่าวถึงกรณีที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) เชิญ นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสหนังสือพิมพ์เนชั่นว่า ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นไปตามแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อย  ซึ่งในช่วงหลังเริ่มพบบ่อยครั้ง  โดยบางครั้งอาจมีเนื้อหาที่มีลักษณะเข้าข่ายไปพาดพิงบุคคลหรือองค์กรอื่น หรือในเนื้อหาที่อาจส่งผลให้สังคมสับสนเข้าใจผิดได้  โดยเฉพาะในบางสิ่งบางอย่างพบว่ายังไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆที่ชัดเจน ซึ่งขณะนี้คงอยู่ในระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ส่วนจะใช้เวลาเท่าไรต้องขึ้นอยู่กับผลสอบสวน การให้ความร่วมมือ และหลักฐานที่เจ้าหน้าที่มีอยู่

พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าทุกขั้นตอนทางเจ้าหน้าที่ปฏิบัติด้วยความบริสุทธิ์ใจ และเป็นไปตามพยานหลักฐานที่พบอย่างมีเหตุมีผล ทั้งนี้เพื่อให้การนำเสนอข้อมูลต่างๆ ไม่นำไปสู่ความสับสนหรือเกิดความขัดแย้งของบุคคล กลุ่มหรือองค์กรต่างๆ ในสังคม ทาง คสช.จำเป็นต้องขอความร่วมมือทุกส่วน  อะไรที่สุ่มเสี่ยงต่อการทำให้เกิดความไม่เรียบร้อยขึ้นในสังคม ยังคงต้องระมัดระวังให้มาก  เพื่อให้สังคมมีความเรียบร้อย และสนับสนุนกระบวนการเดินหน้าประเทศมีความต่อเนื่อง

ขณะที่ สมาคมนักข่าวฯ ได้มีการออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ เรียกร้อง ให้รัฐบาล และ คสช. ให้รายละเอียดที่ชัดจันต่อประเด็นดังกล่าว เพราะทำให้กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ