PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2561

แถลงการณ์สำนักพระราชวังสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ เสด็จฯ ไปประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

#แถลงการณ์สำนักพระราชวัง
เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙
เสด็จฯ ไปประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
.
คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ได้รายงานว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จะเสด็จพระราชดำเนินไปเข้ารับการตรวจพระกรรณ (หู) และจะประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระหว่างวันที่ ๖-๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑
จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
๖ มีนาคม ๒๕๖๑
สำนักพระราชวัง

บังคับใช้แล้ว กฎหมายใหม่ห้ามวิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญ

บังคับใช้แล้ว กฎหมายใหม่ห้ามวิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญถ้าโดนรัฐบาลละเมิด ฟ้องศาลไม่ได้
.
พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 (พ.ร.ป.) ประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว เมื่อวันที่ 2 มี.ค. โดยกฎหมายฉบับนี้มีหลักการสำคัญอย่างน้อย 3 ข้อ คือ
.
(1) ห้ามไม่ให้วิจารณ์คำสั่งหรือคำวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญด้วยคำหยาบคาย เสียดสี หรืออาฆาตมาดร้าย ผู้กระทำผิดมีโทษตั้งแต่โดนตักเตือน ไล่ออกจากบริเวณศาล ไปจนถึงโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
.
(2) ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยข้อพิพาทเกี่ยวกับหน้าที่ขององค์กรทางการเมือง ทั้งสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรอิสระ ที่อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ โดยให้องค์กรที่มีข้อโต้แย้งระหว่างกันยื่นร้องต่อศาลได้
.
(3) ประชาชนมีสิทธิฟ้องศาลโดยตรงเมื่อได้รับความเดือดร้อน และร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วถูกปฏิเสธ หรือหน่วยงานนั้นๆ ดำเนินการล่าช้า รวมถึงกรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐละเมิดสิทธิเสรีภาพ (ยกเว้น เป็นการกระทำของรัฐบาล) ก็สามารถยื่นคำร้องผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือยื่นคำร้องต่อศาลได้โดยตรงถ้าเกินกำหนดเวลา

สภาพถอยหลังเลือกตั้ง

สภาพถอยหลังเลือกตั้ง


เดินสายถี่ยิบ แทบไม่ได้นั่งอยู่บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
โปรแกรมล่าสุด “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.นำทีมรัฐมนตรีลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดสมุทรสาคร ก่อนประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดเพชรบุรี
ภาพของผู้นำที่ลุยนำนโยบายไปปฏิบัติแบบส่งตรงถึงมือชาวบ้าน
นี่คือสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่สัมผัสได้ตรงหน้า มีความเป็นรูปธรรมมากกว่ามโนภาพลอยๆ “น้ำบ่อหน้า” กระแสเลือกตั้งที่ยังมีความเป็นนามธรรมสูง
ซึ่งมันก็ล้อกับ “กรุงเทพโพลล์” สะท้อนรัฐบาลคะแนนดีขึ้น “ลุงตู่” แต้มหล่นนิดหน่อย
อย่างน้อยความพยายามปั่นเนื้องานของผู้นำ คสช.ก็ไม่สูญเปล่า เพราะจากตัวเลขโพลที่ออกมามันสวนทางกับธรรมชาติของรัฐบาลทหารที่ถูกปรามาสฟอร์มการบริหาร อ่อนเชิงเศรษฐกิจ โดนแรงต้านมาตลอด โดยเฉพาะต่างประเทศแซงก์ชั่น ที่สำคัญมันคือห้วงปี 3 ขึ้นปี 4 ท้ายเทอมรัฐบาล
ถึงวันนี้ “ลุงตู่” สอบผ่าน ประคองเรตติ้งได้เกินครึ่ง
มันบ่งบอกอะไรได้ลึกซึ้งกว่าที่นักการเมืองพยายามจะตีปี๊บโห่ฮาเบิ้ลบลัฟ “ผู้นำทหาร” แต้มตก
แต่ที่ตลกจริงๆก็คือ บรรยากาศการยื่นจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา เห็นชื่อเห็นหน้าตาแล้ว ยังเน้นเอามัน เอาฮา ซะมากกว่า
อีกจำพวกก็โดนจับตาวาระแฝง “อันตราย” แบบ “นิติราษฎร์–นิติเรด”
ความหวังภาพการเมืองยุคปฏิรูปยังเลือนราง
ตามสถานการณ์ก็อย่างที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ขึ้นเวทีปาฐกถาโน้มน้าวนักวิชาการ กวักมือเชิญชวนอาจารย์มหาวิทยาลัยให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่ชื่นชอบ เพื่อให้พรรคการเมืองมีอาจารย์ นักวิชาการร่วมด้วย จะได้มีนโยบายที่ดีในการพัฒนาประเทศ
ถ้าคนเก่งๆเกลียดกลัวการเมืองหมด ประเทศไปต่อลำบาก
นี่ต่างหากโจทย์ยากของสถานการณ์ปฏิรูปที่ค่อนข้างย้อนแย้งกับกระแสเลือกตั้ง
เรื่องของเรื่อง มุมของนายสมคิดก็น่าจะโยงสถานการณ์เทียบเคียงกับจังหวะย่างก้าวของพี่เบิ้มแห่งเอเชียอย่างจีนแผ่นดินใหญ่ ที่กำลังประสบความสำเร็จก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของโลก
ด้วยโมเดลการเมืองและเศรษฐกิจเฉพาะของตัวเอง
ว่ากันว่า ความสำเร็จของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ส่วนหนึ่งมาจากการมีกุนซือใหญ่เป็นนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย ที่วันนี้ได้รับแต่งตั้งให้เข้าไปมีบทบาทเป็น 1 ใน 7 คณะผู้นำสูงสุดของพรรคคอมมิวนิสต์
และมีส่วนสำคัญต่อยุทธศาสตร์ของจีนยุคปัจจุบันที่เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจภายใต้การเมืองแบบรวมศูนย์อำนาจ พร้อมๆกับการผ่อนจังหวะกระจายอำนาจ
เพื่อประคองความมั่นคงอย่างยั่งยืน
วันนี้ความสำเร็จของประเทศจีน ทำให้มีการแก้กฎหมายเพื่อเปิดทางให้ “สี จิ้นผิง” มีวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้เกิน 2 สมัย
การเมืองจีนนิ่ง เพราะไม่มีเงื่อนไขป่วนว่าด้วยปมเลือกตั้ง
แต่นั่นคงเป็นเรื่องโคตรยากสำหรับประเทศไทย
ตามปรากฏการณ์แบบที่เห็นทันทีที่สัญญาณเลือกตั้ง ไฟเขียวให้จดทะเบียนพรรคก็ส่อวุ่นวาย
ป้อมค่ายใหม่ ไร้ความหวัง ยังห่างไกลการเมืองยุคปฏิรูป
ตรงกันข้ามอิทธิพลก็ยังอยู่กับพรรคเก่า ขาใหญ่ยี่ห้อเดิมยังกุมเชิงกุมสภาพไว้แน่น
สถานการณ์อย่างที่อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร บินโฉบพา “น้องสาว” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มากระตุกเรตติ้งกองเชียร์ พร้อมเช็กขุมกำลังผู้จงรักภักดี
รูปเกมเดิมๆ “นายใหญ่” คิดหมากซ่อนกลซ่อนเหลี่ยม เฟ้นหานอมินี เดินยุทธวิธีสู้กับทหาร
เป้าหมายทวงคืนอำนาจรัฐไปอยู่ในมือ
ส่วนคู่แข่งที่ตามมาห่างๆอย่างยี่ห้อประชาธิปัตย์ก็ตีกันเละ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” สั่งลูกหาบไล่บี้ทีมงาน “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ไม่กล้าแหกค่ายไปสู้กับเสาไฟฟ้า
ระแวงพวกอยู่เป็นหอกข้างแคร่ สวมวิญญาณ “งูเห่า” ตอนเลือกนายกฯ
ตลกร้ายการเมืองไทย
นับถอยหลังเลือกตั้ง เหมือนถอยหลังกลับเหววิกฤติ.
ทีมข่าวการเมือง

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง : ปัจจัยเสี่ยงสุญญากาศการเมืองในกำมือ กกต.

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง : ปัจจัยเสี่ยงสุญญากาศการเมืองในกำมือ กกต.


พรรคการเมืองใหม่ๆเริ่มขยับเปิดหน้าโชว์ รอเพียงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปลดล็อกและกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ ปี่กลองการเมืองก็เริ่มเชิด
เริ่มจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น
การเลือกสมาชิกวุฒิสภา การเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร
โดยไม่ต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ 7 คน ปล่อยให้ กกต.ชุดนี้ ซึ่งกำลังถูกเซ็ตซีโร่ ปฏิบัติหน้าที่ไปพลางๆก่อน แม้มี กกต.ต้องพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ในช่วงที่ไม่มีการแต่งตั้ง กกต.แทนที่ว่าง รัฐธรรมนูญก็เปิดให้ กกต.ที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ชี้ให้เห็นว่าประตูการเลือกตั้งเปิดแง้มอยู่เสมอ
แต่หาก กกต.ชุดนี้เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง แล้ว กกต.ชุดใหม่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้ง หรือแต่งตั้งยังไม่ครบจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ อะไรจะเกิดขึ้นกับการเมืองไทย
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเลือกตั้งระดับแถวหน้าของเมืองไทย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. เปิดใจให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมือง ว่า ขอเริ่มต้นการสรรหา กกต.ชุดใหม่ครั้งที่ 2 ก่อนว่าจะเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่
นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เมื่อได้คณะกรรมการสรรหา กกต.ครบ กระบวนการสรรหาก็เริ่มขึ้น จนเสร็จสิ้นได้ กกต.ชุดใหม่ ใช้ระยะเวลาเกือบ 6 เดือน ไม่นับรวมขั้นตอนทางธุรการ
ภาพแรกอาจจะมี กกต.ชุดใหม่ประมาณเดือน ต.ค.61
ก็แปลว่าถ้าจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นราวเดือน ส.ค. ภายใต้กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น 6 ฉบับประกาศใช้ปลายเดือน มิ.ย. และรัฐบาลประสงค์จะให้ท้องถิ่นใดเลือกตั้งก่อน
กกต.ชุดนี้จะเป็นฝ่ายจัดการเลือกตั้ง และพร้อมจัดการเลือกตั้งได้ภายใน 45 วันหรือกลางเดือน ส.ค.
ถ้าเดือน ส.ค.หรือเดือน ก.ย.ยังไม่สามารถคัดเลือก กกต.ชุดใหม่ได้ หรืออาจได้บางส่วนหรือน้อยกว่า 5 คน ชื่อว่าที่ กกต.ที่ได้มายังไม่สามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯได้ ต้องรออีก 3 คนที่เหลือ หรือครบ 5 คนจึงจะสามารถทำงานได้
ภาพที่สองสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โหวตเลือก กกต.ราวเดือน ส.ค. แต่ได้ไม่ครบ จะต้องสรรหา กกต.เพิ่ม ก็บวกไปอีก 7 เดือน จะได้ กกต.ชุดใหม่เดือน มี.ค.2562
แสดงว่า กกต.ชุดนี้ต้องจัดเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ.2562 ด้วย
หวยสามารถออกได้ทั้งสองภาพ คือ ภาพแรก กกต.ชุดนี้จัดการเลือกตั้งเฉพาะท้องถิ่น
ภาพที่สอง กกต.ชุดนี้จัดการเลือกตั้งท้องถิ่น พร้อมจัดการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ด้วย
ถามว่า กกต.รักษาการโดยหน้าที่และอำนาจทำได้หรือไม่ คำตอบคือมีอำนาจเต็ม ทำได้
ในเชิงกฎหมายไม่มีปัญหา แต่ในทางปฏิบัติจะเป็นปัญหา เพราะ “ใจ” ของ กกต.ชุดนี้ต้องรับผิดชอบจัดการเลือกตั้งถึง 2 ครั้ง ทั้งๆที่ถูก “เซ็ตซีโร่”
“คุณไม่ประสงค์ให้เราจัดเลือกตั้ง คุณคือใครไม่รู้นะ คุณต้องการให้ กกต.ชุดใหม่ที่มีคุณสมบัติสูงกว่า
หรือปลาน้ำเดียวมาทำหน้าที่จัดการเลือกตั้ง แล้วทำไมวันนี้ไม่เอา กกต.ชุดใหม่ ทำไมต้องให้เราจัดการ
หากมองตามความรับผิดชอบ เราต้องทำเต็มที่ แต่ในความรู้สึกลึกๆของแต่ละคน อาจจะรู้สึกว่าไม่แฟร์ ที่ให้เราทำงานที่เสี่ยงต่อทั้งชีวิตและการถูกฟ้องร้องคดีหลังจากที่หมดวาระไปแล้ว
ไม่ใช่เป็นความรู้สึกของผมคนเดียว น่าจะรู้สึกเหมือนๆกัน”
หลายคนอาจยกตรรกะว่าอย่างน้อย นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต. และนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ต้องพ้นจากตำแหน่งหลังจัดการเลือกตั้งเสร็จ
รายแรกอายุครบ 70 ปี วันที่ 7 เดือน ส.ค. ก็ไม่ต่างจากถูกเซ็ตซีโร่แล้วค้างเติ่งเอาไว้ ก็อยู่ครบจน 70 ปี รายสองอายุครบ 70 ปีเดือน ก.พ.62 ให้ท่านสร้างเกียรติประวัติก่อนพ้นตำแหน่ง ก็มีค่าเท่ากัน เหมือนไม่ถูกเซ็ตซีโร่ ไม่ต้องห่วงจะมีคดีติดตามตัวไป
ขอชี้ว่าไม่เหมือนกัน ถ้าไม่เซ็ตซีโร่อย่างน้อยจะมี กกต.เหลือ 3 คนเป็นตัวเชื่อม แก้ต่าง ปกป้อง 2 กกต.ที่พ้นจากตำแหน่งไปว่า ตัดสินใจด้วยเหตุผลอะไร แต่เซ็ตซีโร่แม้ 2 ท่านอายุครบ 70 ปี ที่เหลืออีก 3 ท่านก็ต้องออกไปทั้งหมด
กกต.ชุดใหม่เข้ามา วิธีการคิด วิธีการทำงานย่อมแตกต่างกัน คดีความต่างๆหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร ความช่วยเหลือเกื้อกูลในแง่อำนวยความสะดวก การยอมให้สำนักกฎหมายของ กกต.ช่วยต่อสู้คดีที่จะเกิดขึ้นย่อมแตกต่างกัน
ต้องมองให้ออกว่า “ใจของคนจัดเลือกตั้ง” จะเป็นอย่างไร นี่คือใจที่หนึ่ง
ใจที่สอง คือใจของบุคลากรสำนักงาน กกต.
ระหว่างเป็นผู้บังคับบัญชาที่อยู่กับเขาชั่วคราว จัดการเลือกตั้งเสร็จก็ไป กับอยู่กับเขาตลอดไป ความทุ่มเท เอาใจใส่ ยอมเคียงบ่าเคียงไหล่ให้ถึงที่สุด อย่างไหนจะมากกว่ากัน สมมติผมพร้อมลุย ดำเนินคดี จัดการคนซื้อสิทธิ์ขายเสียง ใจของคนในสำนักงานจะไปกับเราหรือไม่ คิดว่าเป็นปัญหาในการจัดการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น
ใจที่สามของนักการเมือง ระหว่าง กกต.ที่อยู่แล้วกัดติดสถานการณ์กับมีคนใหม่เข้ามา
อาจจะเชื่อด้วยว่าคนใหม่สามารถคุยได้ ใจของนักการเมืองหรือฝ่ายเตรียมการจะทุจริต ย่อมพร้อมที่จะทำให้ตัวเองได้รับชัยชนะ โดยไม่สนใจว่าจะมีใครมาจัดการได้
ฉะนั้น การปฏิรูปการเมือง โดยออกแบบกติกาใหม่ เพื่อให้ กกต.ทำงานได้ดีขึ้น ขอบอกว่าท่านคิดผิดตั้งแต่การเซ็ตซีโร่ กกต. เพราะเปลี่ยนม้ากลางศึก ทำให้การจัดการเลือกตั้งในอนาคต ยากที่จะให้เกิดความสำเร็จตามรัฐธรรมนูญและเจตนาของประชาชน
สาเหตุเหล่านี้ทำให้ตัดสินใจลงสมัครเป็นเลขาธิการ กกต. นายสมชัย บอกว่า ผมไม่ได้ลงสมัครโดยเชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะได้รับเลือก ถ้าคิดว่าเป็นประโยชน์ก็เลือก ไม่เป็นประโยชน์ก็อย่าเลือก
ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์บางฉบับประเมินว่านอนมา เพราะรู้จัก 4 กกต. แต่ผมไม่รู้ใจท่านคิดอย่าง ถึงเวลาไม่รู้จะโหวตอย่างไรด้วยซ้ำไป แม้มีความสัมพันธ์ในระดับหนึ่ง แต่ไม่เคยคิดขอคะแนน จะเลือกหรือไม่ก็ถือว่าให้เกียรติผม เพราะให้ผมทำงานในฐานะ กกต.ต่อไป
เหมือนต้องการ “รุกฆาต” ฝ่ายที่ต้องการเซ็ตซีโร่ กกต. เพราะ 4 กกต.ที่เหลือถูกเซ็ตซีโร่อยู่แล้ว มีแนวโน้มตัดสินใจเลือกให้เป็นเลขาธิการ กกต. นายสมชัย บอกว่า ผมเป็นสามัญชน ไม่ได้คิดอะไรหลายซ้ำหลายซ้อน
ไม่ได้เย่อกับใคร คิดธรรมดาๆว่ามีคุณสมบัติที่จะทำงาน ปรารถนาที่ดีจะทำงานในเกิดความต่อเนื่อง
ในอนาคตใครก็ตามมีอำนาจแค่ไหน อย่าทำผิดกฎหมายเป็นใช้ได้ ไม่คิดใช้บังคับใครต่อไป ท่านจะกลัวอะไร ผมทำอะไรไม่ได้มากกว่าสิ่งที่เป็นไปตามกฎหมาย เพียงแค่แตกต่างระหว่างบางคน คือ บางคนอาจจำนนในอำนาจรัฐ อาจยอมในสิ่งยั่วยวน ยอมอำนาจเงินตรา เกรงกลัวอิทธิพล แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถครอบงำผมได้
ทีมข่าวการเมือง ถามว่า สังคมบางส่วนมองว่าซูเอี๋ยกับรัฐบาล คสช. นายสมชัย บอกว่า ทั้งหมดได้ทำหน้าที่ตามกฎหมาย ฉะนั้นในจุดจุดหนึ่งคนอาจจะมองว่าทำไมถึงเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์เหลือเกิน ในช่วงเดินสายหาเสียงภาคอีสานโดยใช้ทรัพยากรของรัฐ
หรือถ้ามาขอให้ กกต.อนุมัติใช้งบประมาณฉุกเฉินเพื่อช่วยชาวนาจำนำข้าว 2 หมื่นล้านบาท ผมอนุมัติให้ไม่ได้ เพราะรัฐบาลรักษาการณ์ ก่อหนี้ผูกพันไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ได้ทะเลาะกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์
เช่นเดียวกันก็ไม่ได้ทะเลาะกับผู้มีอำนาจในขณะนี้ ทุกบทบาทที่เล่นไม่เคยเป็นตัวละครให้ใคร ไม่เคยให้ใครมากำกับ ไม่ทราบตรงนี้เป็นสาเหตุที่ผมถูกเซ็ตซีโร่หรือไม่
มาถึงวันนี้เมื่อถูกเซ็ตซีโร่แล้วยังจะให้คุมการเลือกต่ออีก กกต.ชุดนี้จะลาออกหรือไม่ นายสมชัย บอกว่า ไม่ทราบ เพราะเป็นสิทธิของแต่ละท่าน ซึ่งอาจจะลาออกจากตำแหน่งจากหลายสาเหตุได้
เช่น บางท่านอาจจะบอกว่าสุขภาพไม่ดี ใครจะไปห้ามไม่ให้ลาออกได้
แต่โดยความรับผิดชอบที่ยังอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะอยากอยู่ แต่อยู่เพราะรู้ว่าการลาออกมีปัญหากว่าการอยู่ เราอยู่ช่วยประคองสถานการณ์ เตรียมการให้สำนักงาน กกต.ให้เรียบร้อยมากขึ้น
จะอยู่ได้นานแค่ไหน หรือปิดข้อจำกัดต่างๆได้อย่างไร ไม่มีใครรู้
วันหนึ่งสุขภาพของผมอาจจะไม่ดี ทำงานไม่ได้ จะมาห้ามได้อย่างไร
อันนี้เป็นสาเหตุของแต่ละคน เราไม่รู้อนาคตของคนอื่น
ทุกอย่างเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไม่ได้.
ทีมการเมือง

"อนุทิน"ปัดเป็นโซ่ข้อกลางเชื่อมพรรคขนาดกลางตั้ง รบ.


วันที่ 6 มี.ค.61 นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวห้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ ไทยแลนด์ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา เกี่ยวกับความคิดเห็นทางการเมือง โดยระบุว่าการจดทะเบียนตั้งพรรคใหม่ที่เกิดขึ้นนี้ ถือว่าก็เป็ฯสิ่งที่ดี เพราะถือว่าเป็นทางเลือก มีพรรคใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย ส่วนกรณีที่ นายธานี เทือกสุบรรณ ประกาศจัดตั้งพรรคใหม่ว่า ในอดีตที่ผ่านมาไม่นานนักได้เคยมีโอกาสพบกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งก็ได้เรียนถามไปว่าจะมีการตั้งพรรคใหม่หรือไม่ นายสุเทพก็ตอบว่า ตั้งแน่นอน ซึ่งก็ถือว่าชัดเจน ดังนั้นมาถึงวันนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับตนเอง ส่วนความสำเร็จของแต่ละพรรคที่ตั้งใหม่นั้น ส่วนตัวเชื่อว่าตัวบุคคลมาก่อนนโยบาย ต้องมั่นใจในพื้นที่ของตัวเองค่อนข้างมาก เช่นเดียวกับในสมัยที่ตนเองออกมาตั้งพรรคใหม่ ก็ใช้แนวคิดนี้

ส่วนทราบหรือไม่ว่าพรรคใหม่ของนายสุเทพจะชูนโยบายอะไรนั้น ตนเองไม่ได้สอบถาม แต่ถือว่าบุคคลการเมืองระดับนายสุเทพ นั้น หากออกมาตั้งพรรคก็เชื่อว่าคงมีความตั้งใจจริงที่ชัดเจนแล้ว ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเก่า กับพรรคใหม่นั้น เท่าที่มีโอกาสพบเจอเชื่อว่า การออกมาตั้งพรรคใหม่ของนายสุเทพ ไม่ได่เกิดจากความขัดแย้งใดๆ แต่อาจจะเป็นความไม่ลงตัวบางอย่างเท่านั้น เพราะก็ยังเห็นคนในพรรคประชาธิปปัตย์ เดินทางไปร่วมงานแต่งงานลูกสาวนายสุเทพตามปกติ
ขณะที่เรื่องความเห็นที่แตกต่างในการชูตัวบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ตนเองเชื่อว่ากว่าจะเห็นชัดเจนในเรื่องนี้ก็คงต้องวันปิดหีบเลือกตั้งถึงจะบอกได้ ณ วันนี้ยังไม่มีอะไรที่ชัดเจน

ส่วนข่าวที่ออกมาระบุว่าตนเองมีการเดินสายไปพบพรรคเล็กพรรคน้อยหลายพรรค ทำตัวเหมือนโซข้อกลางทางการเมืองนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง จนเองไม่ได้เดินทางไปพบปะใครระหว่างพรรคตามที่เป็นข่าวเลย การจะจับมือทางการเมืองนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าจะหารือกันได้ชัดเจนก็หลังปิดหีบเลือกตั้ง มี สส. ที่เป็นจำนวนจริงมาคุยกันเท่านั้น

ออกหมายจับใหม่ ทักษิณ คดีแปลงสัมปทานเอื้อชินฯ

ออกหมายจับใหม่ ทักษิณ คดีแปลงสัมปทานเอื้อชินฯ

ทักษิณ ชินวัตรImage copyrightAFP/GETTY IMAGES
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ออกหมายจับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังไม่เดินทางมาศาลในการนัดพิจารณาคดีครั้งแรก และไม่แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อนนัดพิจารณาคดีแปลงค่าสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ทำให้รัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท (คดีหมายเลขดำ อม.9/2551)
คดีนี้อัยการสูงสุด (อสส.) ในฐานะโจทก์ ได้ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2560 ขอให้ศาลพิจารณานำคดีที่เคยยื่นฟ้องนายทักษิณเป็นจำเลยตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. 2551 กลับมาพิจารณาใหม่ หลังถูกสั่ง "จำหน่ายออกจากสารบบความชั่วคราว" เนื่องจากจำเลยหลบหนีและถูกออกหมายจับตามขั้นตอนไปแล้ว แต่เนื่องจากมีการประกาศใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 ฉบับใหม่ ซึ่งเปิดช่องให้รื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาต่อเนื่องได้ โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลย ทำให้ อสส. ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ ขอให้เดินหน้าพิจารณาคดีที่นายทักษิณตกเป็นจำเลย 2 คดี
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า นัดพิจารณาคดีครั้งแรก อัยการโจทก์มาศาล โดยโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องในวันนี้ ส่วนจำเลยทราบนัดโดยชอบ แต่ไม่เดินทางมาและไม่แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อนนัดพิจารณาคดี จึงให้ออกหมายจับจำเลย โดยให้โจทก์ติดตามดำเนินการจับกุมจำเลย และรายงานให้ศาลทราบทุก ๆ 1 เดือน ทั้งนี้การที่จำเลยไม่เดินทางมา ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธไม่ได้กระทำผิดตามคำฟ้องโจทก์ จึงนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 10 ก.ค. และให้แจ้งนัดให้จำเลยทราบตามที่อยู่ทะเบียนราษฎร์ที่แจ้งไว้ย่านจรัญสนิทวงศ์ หากไม่มีผู้รับ ให้ติดหมายนัดที่บ้านพักจำเลย
สำหรับหมายจับให้มาฟังพิจารณาคดีที่ศาลออกมานี้ ถือเป็น "หมายจับใหม่" เพื่อจับกุมจำเลยเข้าสู่กระบวนการก่อนเริ่มพิจารณาคดี ตามที่ พ.ร.ป.วิธีพิจารณาคดีอาญาฯ มาตรา 28 ระบุไว้ว่า ถ้าไม่สามารถจับจำเลยได้ภายใน 3 เดือนนับแต่ออกหมายจับ ให้ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้ แต่ไม่ตัดสิทธิจำเลยในการตั้งทนายความมาดำเนินการแทนตน และไม่ตัดสิทธิจำเลยที่จะมาต่อสู้คดีเมื่อใดก็ได้ ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา
4 คดีคาศาลของทักษิณ ที่ถูกยื่นขอฟื้นพิจารณาคดีใหม่
คดีโจทก์สถานะคดีเดิม
คดีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลพม่า 4 พันล้านบาท เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์โทรคมนาคมจากชินคอร์ปป.ป.ช.ศาลออกหมายจับ 16 ก.ย. 2551 เพื่อติดตามตัวมาพิจารณาคดีนัดแรก
คดีทุจริตโครงการหวยบนดิน 3 ตัว 2 ตัวป.ป.ช.ศาลออกหมายจับ 26ก.ย. 2551 เพื่อติดตามตัวมาพิจารณาคดีนัดแรก
คดีทุจริตธนาคารกรุงไทยอนุมัติสินเชื่อ 9 พันล้านบาท ให้บริษัทในเครือกฤษดามหานครอสส.ศาลออกหมายจับ 11 ต.ค. 2555 เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี โดยให้จำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของทักษิณไว้เป็นการชั่วคราว
คดีออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือ-ดาวเทียมเป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ชินคอร์ป ทำรัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาทอสส.ศาลออกหมายจับ 15 ต.ค. 2551 เพื่อติดตามตัวมาพิจารณาคดีนัดแรก