PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2561

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง : ปัจจัยเสี่ยงสุญญากาศการเมืองในกำมือ กกต.

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง : ปัจจัยเสี่ยงสุญญากาศการเมืองในกำมือ กกต.


พรรคการเมืองใหม่ๆเริ่มขยับเปิดหน้าโชว์ รอเพียงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปลดล็อกและกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ ปี่กลองการเมืองก็เริ่มเชิด
เริ่มจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น
การเลือกสมาชิกวุฒิสภา การเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร
โดยไม่ต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ 7 คน ปล่อยให้ กกต.ชุดนี้ ซึ่งกำลังถูกเซ็ตซีโร่ ปฏิบัติหน้าที่ไปพลางๆก่อน แม้มี กกต.ต้องพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ในช่วงที่ไม่มีการแต่งตั้ง กกต.แทนที่ว่าง รัฐธรรมนูญก็เปิดให้ กกต.ที่เหลืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ชี้ให้เห็นว่าประตูการเลือกตั้งเปิดแง้มอยู่เสมอ
แต่หาก กกต.ชุดนี้เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง แล้ว กกต.ชุดใหม่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้ง หรือแต่งตั้งยังไม่ครบจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ อะไรจะเกิดขึ้นกับการเมืองไทย
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเลือกตั้งระดับแถวหน้าของเมืองไทย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. เปิดใจให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมือง ว่า ขอเริ่มต้นการสรรหา กกต.ชุดใหม่ครั้งที่ 2 ก่อนว่าจะเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่
นับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เมื่อได้คณะกรรมการสรรหา กกต.ครบ กระบวนการสรรหาก็เริ่มขึ้น จนเสร็จสิ้นได้ กกต.ชุดใหม่ ใช้ระยะเวลาเกือบ 6 เดือน ไม่นับรวมขั้นตอนทางธุรการ
ภาพแรกอาจจะมี กกต.ชุดใหม่ประมาณเดือน ต.ค.61
ก็แปลว่าถ้าจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นราวเดือน ส.ค. ภายใต้กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น 6 ฉบับประกาศใช้ปลายเดือน มิ.ย. และรัฐบาลประสงค์จะให้ท้องถิ่นใดเลือกตั้งก่อน
กกต.ชุดนี้จะเป็นฝ่ายจัดการเลือกตั้ง และพร้อมจัดการเลือกตั้งได้ภายใน 45 วันหรือกลางเดือน ส.ค.
ถ้าเดือน ส.ค.หรือเดือน ก.ย.ยังไม่สามารถคัดเลือก กกต.ชุดใหม่ได้ หรืออาจได้บางส่วนหรือน้อยกว่า 5 คน ชื่อว่าที่ กกต.ที่ได้มายังไม่สามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯได้ ต้องรออีก 3 คนที่เหลือ หรือครบ 5 คนจึงจะสามารถทำงานได้
ภาพที่สองสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โหวตเลือก กกต.ราวเดือน ส.ค. แต่ได้ไม่ครบ จะต้องสรรหา กกต.เพิ่ม ก็บวกไปอีก 7 เดือน จะได้ กกต.ชุดใหม่เดือน มี.ค.2562
แสดงว่า กกต.ชุดนี้ต้องจัดเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ.2562 ด้วย
หวยสามารถออกได้ทั้งสองภาพ คือ ภาพแรก กกต.ชุดนี้จัดการเลือกตั้งเฉพาะท้องถิ่น
ภาพที่สอง กกต.ชุดนี้จัดการเลือกตั้งท้องถิ่น พร้อมจัดการเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ด้วย
ถามว่า กกต.รักษาการโดยหน้าที่และอำนาจทำได้หรือไม่ คำตอบคือมีอำนาจเต็ม ทำได้
ในเชิงกฎหมายไม่มีปัญหา แต่ในทางปฏิบัติจะเป็นปัญหา เพราะ “ใจ” ของ กกต.ชุดนี้ต้องรับผิดชอบจัดการเลือกตั้งถึง 2 ครั้ง ทั้งๆที่ถูก “เซ็ตซีโร่”
“คุณไม่ประสงค์ให้เราจัดเลือกตั้ง คุณคือใครไม่รู้นะ คุณต้องการให้ กกต.ชุดใหม่ที่มีคุณสมบัติสูงกว่า
หรือปลาน้ำเดียวมาทำหน้าที่จัดการเลือกตั้ง แล้วทำไมวันนี้ไม่เอา กกต.ชุดใหม่ ทำไมต้องให้เราจัดการ
หากมองตามความรับผิดชอบ เราต้องทำเต็มที่ แต่ในความรู้สึกลึกๆของแต่ละคน อาจจะรู้สึกว่าไม่แฟร์ ที่ให้เราทำงานที่เสี่ยงต่อทั้งชีวิตและการถูกฟ้องร้องคดีหลังจากที่หมดวาระไปแล้ว
ไม่ใช่เป็นความรู้สึกของผมคนเดียว น่าจะรู้สึกเหมือนๆกัน”
หลายคนอาจยกตรรกะว่าอย่างน้อย นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต. และนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ต้องพ้นจากตำแหน่งหลังจัดการเลือกตั้งเสร็จ
รายแรกอายุครบ 70 ปี วันที่ 7 เดือน ส.ค. ก็ไม่ต่างจากถูกเซ็ตซีโร่แล้วค้างเติ่งเอาไว้ ก็อยู่ครบจน 70 ปี รายสองอายุครบ 70 ปีเดือน ก.พ.62 ให้ท่านสร้างเกียรติประวัติก่อนพ้นตำแหน่ง ก็มีค่าเท่ากัน เหมือนไม่ถูกเซ็ตซีโร่ ไม่ต้องห่วงจะมีคดีติดตามตัวไป
ขอชี้ว่าไม่เหมือนกัน ถ้าไม่เซ็ตซีโร่อย่างน้อยจะมี กกต.เหลือ 3 คนเป็นตัวเชื่อม แก้ต่าง ปกป้อง 2 กกต.ที่พ้นจากตำแหน่งไปว่า ตัดสินใจด้วยเหตุผลอะไร แต่เซ็ตซีโร่แม้ 2 ท่านอายุครบ 70 ปี ที่เหลืออีก 3 ท่านก็ต้องออกไปทั้งหมด
กกต.ชุดใหม่เข้ามา วิธีการคิด วิธีการทำงานย่อมแตกต่างกัน คดีความต่างๆหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร ความช่วยเหลือเกื้อกูลในแง่อำนวยความสะดวก การยอมให้สำนักกฎหมายของ กกต.ช่วยต่อสู้คดีที่จะเกิดขึ้นย่อมแตกต่างกัน
ต้องมองให้ออกว่า “ใจของคนจัดเลือกตั้ง” จะเป็นอย่างไร นี่คือใจที่หนึ่ง
ใจที่สอง คือใจของบุคลากรสำนักงาน กกต.
ระหว่างเป็นผู้บังคับบัญชาที่อยู่กับเขาชั่วคราว จัดการเลือกตั้งเสร็จก็ไป กับอยู่กับเขาตลอดไป ความทุ่มเท เอาใจใส่ ยอมเคียงบ่าเคียงไหล่ให้ถึงที่สุด อย่างไหนจะมากกว่ากัน สมมติผมพร้อมลุย ดำเนินคดี จัดการคนซื้อสิทธิ์ขายเสียง ใจของคนในสำนักงานจะไปกับเราหรือไม่ คิดว่าเป็นปัญหาในการจัดการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น
ใจที่สามของนักการเมือง ระหว่าง กกต.ที่อยู่แล้วกัดติดสถานการณ์กับมีคนใหม่เข้ามา
อาจจะเชื่อด้วยว่าคนใหม่สามารถคุยได้ ใจของนักการเมืองหรือฝ่ายเตรียมการจะทุจริต ย่อมพร้อมที่จะทำให้ตัวเองได้รับชัยชนะ โดยไม่สนใจว่าจะมีใครมาจัดการได้
ฉะนั้น การปฏิรูปการเมือง โดยออกแบบกติกาใหม่ เพื่อให้ กกต.ทำงานได้ดีขึ้น ขอบอกว่าท่านคิดผิดตั้งแต่การเซ็ตซีโร่ กกต. เพราะเปลี่ยนม้ากลางศึก ทำให้การจัดการเลือกตั้งในอนาคต ยากที่จะให้เกิดความสำเร็จตามรัฐธรรมนูญและเจตนาของประชาชน
สาเหตุเหล่านี้ทำให้ตัดสินใจลงสมัครเป็นเลขาธิการ กกต. นายสมชัย บอกว่า ผมไม่ได้ลงสมัครโดยเชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะได้รับเลือก ถ้าคิดว่าเป็นประโยชน์ก็เลือก ไม่เป็นประโยชน์ก็อย่าเลือก
ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์บางฉบับประเมินว่านอนมา เพราะรู้จัก 4 กกต. แต่ผมไม่รู้ใจท่านคิดอย่าง ถึงเวลาไม่รู้จะโหวตอย่างไรด้วยซ้ำไป แม้มีความสัมพันธ์ในระดับหนึ่ง แต่ไม่เคยคิดขอคะแนน จะเลือกหรือไม่ก็ถือว่าให้เกียรติผม เพราะให้ผมทำงานในฐานะ กกต.ต่อไป
เหมือนต้องการ “รุกฆาต” ฝ่ายที่ต้องการเซ็ตซีโร่ กกต. เพราะ 4 กกต.ที่เหลือถูกเซ็ตซีโร่อยู่แล้ว มีแนวโน้มตัดสินใจเลือกให้เป็นเลขาธิการ กกต. นายสมชัย บอกว่า ผมเป็นสามัญชน ไม่ได้คิดอะไรหลายซ้ำหลายซ้อน
ไม่ได้เย่อกับใคร คิดธรรมดาๆว่ามีคุณสมบัติที่จะทำงาน ปรารถนาที่ดีจะทำงานในเกิดความต่อเนื่อง
ในอนาคตใครก็ตามมีอำนาจแค่ไหน อย่าทำผิดกฎหมายเป็นใช้ได้ ไม่คิดใช้บังคับใครต่อไป ท่านจะกลัวอะไร ผมทำอะไรไม่ได้มากกว่าสิ่งที่เป็นไปตามกฎหมาย เพียงแค่แตกต่างระหว่างบางคน คือ บางคนอาจจำนนในอำนาจรัฐ อาจยอมในสิ่งยั่วยวน ยอมอำนาจเงินตรา เกรงกลัวอิทธิพล แต่สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถครอบงำผมได้
ทีมข่าวการเมือง ถามว่า สังคมบางส่วนมองว่าซูเอี๋ยกับรัฐบาล คสช. นายสมชัย บอกว่า ทั้งหมดได้ทำหน้าที่ตามกฎหมาย ฉะนั้นในจุดจุดหนึ่งคนอาจจะมองว่าทำไมถึงเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์เหลือเกิน ในช่วงเดินสายหาเสียงภาคอีสานโดยใช้ทรัพยากรของรัฐ
หรือถ้ามาขอให้ กกต.อนุมัติใช้งบประมาณฉุกเฉินเพื่อช่วยชาวนาจำนำข้าว 2 หมื่นล้านบาท ผมอนุมัติให้ไม่ได้ เพราะรัฐบาลรักษาการณ์ ก่อหนี้ผูกพันไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ได้ทะเลาะกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์
เช่นเดียวกันก็ไม่ได้ทะเลาะกับผู้มีอำนาจในขณะนี้ ทุกบทบาทที่เล่นไม่เคยเป็นตัวละครให้ใคร ไม่เคยให้ใครมากำกับ ไม่ทราบตรงนี้เป็นสาเหตุที่ผมถูกเซ็ตซีโร่หรือไม่
มาถึงวันนี้เมื่อถูกเซ็ตซีโร่แล้วยังจะให้คุมการเลือกต่ออีก กกต.ชุดนี้จะลาออกหรือไม่ นายสมชัย บอกว่า ไม่ทราบ เพราะเป็นสิทธิของแต่ละท่าน ซึ่งอาจจะลาออกจากตำแหน่งจากหลายสาเหตุได้
เช่น บางท่านอาจจะบอกว่าสุขภาพไม่ดี ใครจะไปห้ามไม่ให้ลาออกได้
แต่โดยความรับผิดชอบที่ยังอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะอยากอยู่ แต่อยู่เพราะรู้ว่าการลาออกมีปัญหากว่าการอยู่ เราอยู่ช่วยประคองสถานการณ์ เตรียมการให้สำนักงาน กกต.ให้เรียบร้อยมากขึ้น
จะอยู่ได้นานแค่ไหน หรือปิดข้อจำกัดต่างๆได้อย่างไร ไม่มีใครรู้
วันหนึ่งสุขภาพของผมอาจจะไม่ดี ทำงานไม่ได้ จะมาห้ามได้อย่างไร
อันนี้เป็นสาเหตุของแต่ละคน เราไม่รู้อนาคตของคนอื่น
ทุกอย่างเป็นเรื่องที่คาดการณ์ไม่ได้.
ทีมการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: