PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2559

เอเชียสั่นสะท้านตายเกือบร้อย เจอภัยหนาวเฉียบพลันเล่นงาน

โดย MGR Online
25 มกราคม 2559 18:54 น
เอเชียสั่นสะท้านตายเกือบร้อย เจอภัยหนาวเฉียบพลันเล่นงาน
     
   เอเอฟพี – ลมหนาวที่มาพร้อมความเย็นสุดขั้ว หิมะและฝนลูกเห็บ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 100 รายในประเทศแถบเอเชีย เที่ยวบินนับร้อยเที่ยวต้องยกเลิก รวมทั้งยังเกิดความวุ่นวายนานัปการตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากประเทศแถบนี้คุ้นเคยกับอากาศปลอดโปร่งและแดดจัด แต่ต้องมาเผชิญกับอุณหภูมิลดต่ำเป็นประวัติการณ์แบบกะทันหัน
      
        ที่ญี่ปุ่นและไต้หวันมีรายงานผู้เสียชีวิตจำนวนมากจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น เที่ยวบินนับร้อยเที่ยวทั่วภูมิภาคถูกยกเลิก นักท่องเที่ยวหลายหมื่นคนติดค้างอยู่ในเกาหลีใต้ สภาพอากาศหนาวยะเยือกในบริเวณกึ่งเขตร้อนอย่างฮ่องกงทำให้เกิดความโกลาหลอย่างหนักบนยอดเขาสูงที่สุดของเกาะ
      
        แม้อากาศที่หนาวเหน็บอย่างฉับพลันเทียบไม่ได้กับสภาพอากาศทางภาคตะวันออกของอเมริกาที่กำลังเผชิญพายุหิมะ แต่อุณหภูมิลดต่ำขนาดนี้ก็ถือเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับผู้คนมากมายในเอเชีย
      
        จุดที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือที่ไทเป อุณหภูมิลดเหลือ 4 องศาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสภาพอากาศหนาวเย็นที่สุดในรอบ 44 ปี สื่อท้องถิ่นรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตถึง 90 คนจากอากาศที่หนาวเย็น อย่างไรก็ตาม การที่มีหิมะตกซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อย ทำให้คนแห่ไปรับอากาศหนาวที่อุทยานแห่งชาติหยางหมินซัน
      
        ที่กรุงเทพฯ ที่ไม่บ่อยครั้งนักที่จะเห็นอุณหภูมิลดต่ำกว่า 20-25 องศาเซลเซียส แต่ขณะนี้กลับปรากฏว่า อุณหภูมิลดเหลือ 16 องศาเซลเซียสโดยประมาณ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (24) ส่งผลให้คนกรุงเทพฯ ที่ชินกับการสวมกางเกงขาสั้นและรองเท้าแตะ ต้องเปิดตู้เสื้อผ้ารื้อแจ็คเก็ตและจัมเปอร์ออกมาใส่กันทั่วเมือง
      
        ที่ญี่ปุ่นมีผู้เสียชีวิต 5 คน และอีกกว่า 100 คนได้รับบาดเจ็บเมื่อวันอาทิตย์ จากหิมะที่ตกลงมาอย่างหนักและอุณหภูมิลดต่ำทำสถิติทางภาคตะวันตกและตอนกลางของประเทศ นอกจากนั้นยังมีหิมะตกในบริเวณกึ่งเขตร้อนซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก อาทิ ที่เกาะอามามิซึ่งมีหิมะตกครั้งแรกนับจากปี 1901
      
        ส่วนที่จีน สถานีตรวจสอบสภาพอากาศ 24 แห่งทั่วประเทศบันทึกอุณหภูมิลดต่ำทำสถิติได้ระหว่างวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (22-24)
      
        ที่เออร์กูนา ในมองโกเลีย อุณหภูมิเมื่อวันเสาร์ (23) ทำสถิติต่ำสุดที่ -46.8 องศาเซลเซียส ขณะที่ในตัวเมืองกวางตุ้งพบฝนลูกเห็บเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี
      
        ทางด้านฮ่องกง โรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนประถมศึกษาปิดทำการในวันจันทร์ หลังจากอุณหภูมิลดต่ำสุดในรอบ 60 ปี งานวิ่งอัลตรามาราธอนระยะทาง 100 กม. เพื่อข้าม "ไตโหมวซาน" ยอดเขาที่สูงที่สุดของเกาะฮ่องกงต้องถูกยกเลิก หลังจากนักวิ่งลื่นล้มบนทางลาดชันที่กลายเป็นน้ำแข็ง ท่ามกลางลมเย็นยะเยือก
      
        นอกจากนั้น ยังมีนักวิ่งอีกนับร้อยที่ “ไล่ล่าแม่คะนิ้ง” ติดอยู่บนยอดเขาดังกล่าว ในจำนวนนี้หลายสิบคนมีสภาวะร่างกายมีอุณหภูมิต่ำเกินไป นักดับเพลิงโชคร้ายคนหนึ่งลื่นล้มบนถนนที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ขณะขึ้นไปช่วยผู้คนที่ติดค้างอยู่บนนั้น
      
        ส่วนที่เกาหลีใต้ นักท่องเที่ยวเกือบ 90,000 คนติดอยู่บนเกาะเจจู ซึ่งเป็นสถานที่ตากอากาศยอดนิยมของแดนกิมจิ เมื่อวันจันทร์ (25) โดยมีหิมะตกหนักที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษทำให้ต้องปิดสนามบิน
      
        ที่เวียดนาม อุณหภูมิในฮานอยลดเหลือ 6 องศาเซลเซียสในช่วงกลางคืนของสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และสื่อของทางการรายงานว่า เป็นสภาพอากาศหนาวเย็นที่สุดในรอบสองทศวรรษ
เอเชียสั่นสะท้านตายเกือบร้อย เจอภัยหนาวเฉียบพลันเล่นงาน
       
เอเชียสั่นสะท้านตายเกือบร้อย เจอภัยหนาวเฉียบพลันเล่นงาน
       
เอเชียสั่นสะท้านตายเกือบร้อย เจอภัยหนาวเฉียบพลันเล่นงาน
       
เอเชียสั่นสะท้านตายเกือบร้อย เจอภัยหนาวเฉียบพลันเล่นงาน

นายกรัฐมนตรีเวียดนามถอนตัวจากการชิงตำแหน่งเลขาธิการพรรค

นายกรัฐมนตรีเวียดนามถอนตัวจากการชิงตำแหน่งเลขาธิการพรรค
นายกรัฐมนตรีเหวียน เติ๊น สุงของเวียดนามถอนตัวจากการแข่งขัน เพื่อชิงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามซึ่งเป็นตำแหน่งทางการเมืองสูงสุดในประเทศ เนื่องจากได้คะแนนเสียงสนับสนุนไม่พอ โดยเขาได้ถอนชื่อออกจากบัญชีผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งในคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์
บีบีซีภาษาเวียดนามรายงานว่า การถอนตัวของนายสุงครั้งนี้เท่ากับเป็นการปิดฉากชีวิตทางการเมืองของเขา ที่ได้กำกับและดำเนินนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์ระบุว่า สมาชิกพรรคที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมนำโดยนายเหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการพรรคคนปัจจุบันต่างวิตกว่า ภายใต้การนำของนายสุง เวียดนามกำลังละทิ้งแนวทางสังคมนิยมในอดีตของตน แม้ว่าในช่วง 10 ปีที่อยู่ในตำแหน่ง นายสุงได้ผลักดันการปฏิรูปจนเวียดนามเติบโตเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจการค้าโลกอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าในช่วงที่เขาบริหารประเทศ การคอร์รัปชันเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายสนับสนุนนายสุงเห็นว่า เขามีแนวคิดทันสมัยและเป็นมิตรกับสหรัฐฯ เขายังได้รับความนิยมจากประชาชนมาก จากท่าทีต่อต้านจีนอย่างแข็งกร้าวในกรณีพิพาทเรื่องดินแดนในทะเลจีนใต้ ในขณะที่นายจ่องมีท่าทีเป็นมิตรต่อจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนามมากกว่า
ทั้งนี้ การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามมีขึ้นในทุก 5 ปี โดยในปีนี้การประชุมจะปิดฉากในวันพุธ (27 ม.ค.) ‪#‎Vietnam‬‪#‎VietnamCommunistParty‬
ภาพประกอบ (แฟ้มภาพ) นายจ่อง (ซ้าย) กับนายสุง (ขวา) ในระหว่างการเปิดประชุมสมัชชาฯ เมื่อวันที่ 21 ม.ค.

อนามัยโลกเตือน “ไวรัสซิกา” อาจระบาดไปทั่วทวีปอเมริกา

อนามัยโลกเตือน “ไวรัสซิกา” อาจระบาดไปทั่วทวีปอเมริกา
องค์การอนามัยทวีปอเมริกา ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดองค์การอนามัยโลกเตือนว่า มีความเป็นไปได้ที่ไวรัสซิกาจะแพร่ระบาดไปทั่วทุกพื้นที่ในทวีปอเมริกาที่มียุงลายอาศัยอยู่
ไวรัสซิกาทำให้ผู้ติดเชื้อมีไข้ต่ำ ตาแดงจากเยื่อตาอักเสบและปวดหัว ปัจจุบันพบว่าเชื้อได้แพร่ระบาดใน 21 ประเทศในแถบแคริบเบียน ภูมิภาคอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งเป็นยุงที่พบได้ทั่วไปในทวีปอเมริกา ยกเว้นในประเทศแคนาดาและชิลี
องค์การอนามัยทวีปอเมริกายืนยันว่า ตรวจพบเชื้อไวรัสซิกาในน้ำอสุจิ และสันนิษฐานว่าการติดเชื้อรายหนึ่งอาจเป็นการแพร่เชื้อระหว่างคนสู่คนผ่านทางเพศสัมพันธ์ แต่ชี้ว่าจำเป็นต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมมาสนับสนุนข้อสันนิษฐานนี้
อย่างไรก็ตาม ราว 80% ของผู้ติดเชื้อมักไม่แสดงอาการ แต่แพทย์ชี้ว่าเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือการที่เชื้อไวรัสชนิดนี้อาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ โดยพบว่านับแต่เดือน ต.ค.ปีก่อน มีทารกในบราซิลราว 4,000 คนเกิดมาโดยมีศีรษะลีบเล็ก ซึ่งเป็นภาวะที่เด็กมีสมองเล็กผิดปกติแต่กำเนิด
ด้วยเหตุนี้ องค์การอนามัยทวีปอเมริกาจึงเตือนให้สตรีมีครรภ์คอยเฝ้าระวังเป็นพิเศษ และขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนออกเดินทางไปยังพื้นที่พบการระบาดของไวรัสซิกา ทั้งยังแนะให้ประชาชนป้องกันตัวเองจากการถูกยุงกัด และให้ทำลายแห่งเพาะพันธุ์ยุง รวมทั้งใช้ผลิตภัณฑ์ไล่ยุง และปิดประตูหน้าต่างเพื่อป้องกันยุงเข้าบ้านด้วย
ขณะที่เมื่อสัปดาห์ก่อนประเทศโคลอมเบีย, เอกวาดอร์, เอลซัลวาดอร์ และจาเมกา ออกคำแนะนำให้ผู้หญิงเลื่อนการตั้งครรภ์ออกไปก่อนจนกว่าจะมีข้อมูลมากขึ้นเกี่ยวกับไวรัสชนิดนี้
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือวิธีการรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสซิกา ซึ่งมีต้นกำเนิดจากทวีปแอฟริกา แต่พบการระบาดครั้งแรกในทวีปอเมริกาที่ประเทศบราซิลเมื่อเดือน พ.ค.ปีก่อน ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการที่คนในทวีปอเมริกาไม่มีภูมิต้านทานตามธรรมชาติต่อเชื้อไวรัสนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เชื้อแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ‪#‎Zikavirus‬ ‪#‎Zika‬ ‪#‎WHO‬
ภาพประกอบ คณะผู้บริหารองค์การอนามัยโลกขณะประชุมที่นครเจนีวาวันนี้ (25 ม.ค.)

พรุ่งนี้หนาวอีก3 องศา

ยังหนาวเย็นลงอีกตั้งแต่ภาคเหนือ-กทม. อุตุฯ ประกาศฉบับที่ 16 อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-3 องศาฯ ต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.นี้ อีสานต่ำสุด 8 องศาฯ ปภ. เตือนก่อไฟผิงระวังไว้ด้วย ส่วนอ่าวไทยมรสุมแรง คลื่นสูงได้ถึง 4 เมตร...    
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "อากาศแปรปรวน บริเวณประเทศไทยตอนบนและคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย" ฉบับที่ 16 ลงวันที่ 25 มกราคม 2559
    
"บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงยังคงปกคลุมบริเวณประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีอากาศแปรปรวน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมแรงเกิดขึ้น และยังคงมีอากาศหนาวเย็น และอุณหภูมิจะลดลงอีก 1-3 องศาเซลเซียส
สำหรับการคาดการณ์อุณหภูมิต่ำสุดตามภาคต่างๆ ในช่วง 1-2 วันนี้ จะมีดังนี้
        - ภาคเหนือ อุณหภูมิต่ำสุด 6-14 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดดอยจะมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่
        - ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิต่ำสุด 8-15 องศาเซลเซียส
        - ภาคกลางและภาคตะวันออก อุณหภูมิต่ำสุด 13-18 องศาเซลเซียส
        - กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาเซลเซียส
ในช่วงวันที่ 25-27 มกราคม 2559 จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะส่งผลให้บริเวณดังกล่าวจะมีฝนเกิดขึ้นและยังคงมีอากาศหนาวเย็นต่อไปอีก ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงและหนาวเย็นลง
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนบริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 25-27 มกราคม 2559 ไว้ด้วย
ขณะที่ จ.อุดรธานี ช่วงเช้าวันที่ 25 ม.ค. หลังจากความกดอากาศสูงจากประเทศจีนหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงแผ่ลงปกคลุมตอนบนของประเทศไทย ในช่วงเช้ามืดวันที่ผ่านมา มีลมกรรโชกแรงและมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ ทำให้อุณหภูมิดิ่งลดลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ล่าสุดในเขตเทศบาลนครอุดรธานีอยู่ที่ 9 องศาเซลเซียส และในต่างอำเภอ เช่น อ.หนองวัวซอ บ้านผือ นายูง น้ำโสม ซึ่งมีภูมิประเทศติดกับเทือกเขาภูพาน้อย อุณหภูมิแตะที่ 8 องศาเซลเซียส ก่อนที่ช่วงสายวันเดียวกันความหนาวเย็นทรงตัวอยู่ที่ 10 องศาเซลเซียส ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆ
นอกจากนี้ คืนที่ผ่านมา ในหนองน้ำสวนสาธารณะวังมัจฉาหนองบัว เขตเทศบาลนครอุดรธานี เกิดปรากฏการณ์หมอกเหนือน้ำ จากความเย็นของอากาศปะทะความอุ่นของน้ำ ทำให้เกิดเป็นหมอกลอยขึ้นเหนือน้ำ ดูแล้วสวยงามและพบเห็นได้ไม่บ่อยครั้งนัก ขณะที่แม่ค้าตลาดเช้าซอยกำนัน เขตเทศบาลนครอุดรธานี นำเตามาก่อไฟผิงอยู่ข้างแผงขายสินค้า เด็กๆ ต้องสวมเสื้อกันหนาวอย่างหนา สวมหมวกไหมพรมไปเรียนหนังสือ อาหารเช้าทั้งข้าวจี่ทาไข่ ข้าวเปียก โจ๊ก และแกงเส้นร้อน ต่างขายดี 
ด้าน นายสุเทพ มณีโชติ ผอ.ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 14 อุดรธานี เปิดเผยว่า ความหนาวระลอกสองที่แผ่ปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความหนาวเย็นมากกว่าระลอกแรก ซึ่งหนาวระลอกแรกในพื้นที่อุดรธานีและใกล้เคียงอุณหภูมิอยู่ที่ 18-19 องศาเซลเซียส แต่ระลอกสองอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 8-9 องศาเซลเซียส แตกต่างกันสิ้นเชิง ถือว่าหนาวที่สุดในรอบปี อยากเตือนประชาชนให้สวมเสื้อผ้าหนาๆ สร้างความอบอุ่นแก่ร่างกาย รวมทั้งการก่อกองไฟ ไม่ว่าจะเป็นรอบบริเวณบ้านและในบ้าน ควรดับให้สนิทก่อนออกจากบ้าน
ส่วนพี่น้องที่อยู่พื้นที่ชนบทห่างไกล คาดจะมีความหนาวเย็นกว่าคนในตัวเมือง หากต้องการผ้าห่มคลายหนาว ให้แจ้งต่อผู้นำท้องถิ่นประสานมาทางศูนย์ ปภ. ตั้งอยู่ริมถนนสายอุดรธานี-สกลนคร กม.ที่ 8 ต.หนองนาคำ อ.เมืองอุดรธานี เบอร์โทรศัพท์ 0-4229-0392 หรือเบอร์มือถือ ผอ. 08-9920-1580 ได้ทุกวันในเวลาราชการ.

ประวิตรสั่งทุกหน่วยทหารระบมือก่อการร้าย

บิ๊กป้อม" สั่งเหล่าทัพ-หน่วยมั่นคง พร้อมรับมือ ก่อการร้าย เน้นมาตรการการข่าว

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกฯและ รมว.กลาโหม  เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม ร่วม  พลเอก อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม  พลเอกปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม  ผบสส. และ ผบ .เหล่าทัพ

พลตรี คงชีพ ตันตระวาณิชย์  โฆษกกลาโหม  เผยว่า  พลเอกประวิตร ได้สั่งทหารทุกเหล่าทัพ และหน่วยความมั่นคง พร้อมรับมือทั้งสถานการณ์ในประเทศ และเพิ่มความเข้มข้นในการต่อ ต้านการก่อการร้าย  โดยเน้นมาตรการการข่าว  เพื่อความมั่นคงในประเทศและภูมิภาค คุมเข้ม ทั้งชายแดน และ พิ้นที่เสี่ยง  โดยไม่ประมาท

ทั้งนี้ จากสภาพแวดล้อมความมั่นคงโลกและสถานการณ์ของภูมิภาค  มีแนวโน้มของการก่อเหตุความรุนแรงจากการก่อการร้ายมากขึ้น  ขอให้ หน่วยขึ้นตรงกลาโหม(นขต.กห.)และเหล่าทัพ ให้ความสำคัญและเพิ่มความเข้มข้นกับงานด้านการข่าว ในการติดตามสถานการณ์และความเชื่อมโยงของกลุ่มต่างๆ  ที่มีแนวโน้มเป็นภัยต่อความมั่นคงทั้งภายในประเทศและภูมิภาคมากขึ้น   พร้อมทั้งขอให้มีการเข้มงวดตามแนวชายแดน 

ขณะเดียวกันก็ให้เฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทหาร ในการปฏิบัติภารกิจดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่ หรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ตามความเหมาะสม และความจำเป็นของสถานการณ์ ขณะเดียวกัน ก็ขอให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาทและเพิ่มความเข้มงวด กวดขัน ในการรักษาความปลอดภัยที่ตั้งหน่วยและสถานที่สำคัญๆในความรับผิดชอบมากขึ้น

บิ๊กป้อมถกสภากลาโหม

บิ๊กป้อม ถกสภากลาโหม สั่งทหารสร้างรับรู้ เข้าใจ กับ ขรก.-ปชช.เรื่อง" ประชารัฐ" เน้นร่วม สร้างความเข้มแข็ง ด้านมั่นคง /ปิ้งไอเดีย ช่วยสวนยาง บูม"ตุ๊กตาลูกเทพ" ถ้าคนชอบก็ตามใจ มันเป็นกระแส ตุ๊กตามีมานานแล้วนะ ไม่วิจารณ์ ขึ้นเครื่อง สอนหนังสือ

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกฯและ รมว.กลาโหม  เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม ร่วม  พลเอก อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม  พลเอกปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม  ผบสส. และ ผบ .เหล่าทัพ

พลตรี คงชีพ ตันตระวาณิชย์  โฆษกกลาโหม  เผยว่า ในการขับเคลื่อนประเทศตามยุทธศาสตร์ “ประชารัฐ” นั้น พลเอกประวิตร มอบหมายให้ นขต.กห.และเหล่าทัพ นำนโยบาย “ประชารัฐ”ของรัฐบาล มาสร้างการรับรู้กับข้าราชการในหน่วยงาน พร้อมกับการสร้างการรับรู้กับประชาชน 

 พร้อมทั้งพิจารณาปรับแผนงานและการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง ตามศักยภาพของหน่วย สู่แนวทางประชารัฐที่เป็นรูปธรรมให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดพลังการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ระหว่างภาครัฐ ประชาชน และภาคเอกชน ในการสร้างความเข้มแข็งของงานความมั่นคงในมิติต่างๆ ควบคู่กับการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม เพื่อความมั่นคงที่ยั่งยืน

ส่วน เรื่อง การสนับสนุนผลิตภัณฑ์จากยางพารา นั้น พลเอกประวิตร  ขอให้ นขต.กห. และเหล่าทัพ ให้ความสำคัญเร่งด่วน ในการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง ที่ประสบปัญหาราคายางตกต่ำ ตามแนวทางของรัฐบาล โดยให้สำรวจความต้องการในการใช้ผลิตภัณฑ์จากยางพาราเพิ่มเติม และใช้ศักยภาพของหน่วยทั้งงานวิจัยและพัฒนา แปรรูปสู่การผลิตที่สามารถใช้เป็นสิ่งอุปกรณ์ประกอบการใช้ในราชการทหาร การพัฒนาประเทศ และสนับสนุนกิจการอื่นๆของภาครัฐและเอกชนให้มากขึ้น โดยคำนึงถึงความต่อเนื่องในระยะยาว 

พลเอกประวิตร มองปรากฎการณ์ตุ้กตาลูกเทพ ว่า อาจจะสามารถช่วยสวนยาง ได้หาก นำมาผลิตเป็น ตุ้กตา"ตุ๊กตาลูกเทพ" ถ้าคนชอบ ทำได้ก็ดี  แต่มันเป็นกระแส ตุ๊กตามีมานานแล้วนะ ไม่วิจารณ์ ขึ้นเครื่อง สอนหนังสือ

กลาโหมไม่ส่บายใจทหารมีไว้ทำไม

กลาโหม ไม่สบายใจ บทความ"ทหารมีไว้ทำไม"  โฆษกกลาโหม แจงเป็นเรื่องบั่นทอนจิตใจทหาร เราติดหล่มความขัดแย้งมา10ปี อย่าให้เกิดวิกฤติอีก ขอสื่อกรอง อย่าเป็นสะพานสู่ความขัดแย้ง

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกฯและ รมว.กลาโหม  เป็นประธานการประชุมสภากลาโหม ร่วม  พลเอก อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม  พลเอกปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม  ผบสส. และ ผบ .เหล่าทัพ

พลตรี คงชีพ ตันตระวาณิชย์  โฆษกกลาโหม  เผยว่า ในที่ประชุมสภากลาโหม มีการฉายวิดีทัศน์ บทบาทหน้าที่ทหาร จนมีการแสดงความคิดเห็น ต่อกรณีบทความ "ทหารมีไว้ทำไม" ของ อ.นิธิ  เอียวศรีวงศ์  ที่ออกมาก่อนหน้านี้

พลตรี คงชีพ  กล่าวว่า  บทความนึ้ คำถามที่ว่า ทหารมีไว้ทำไม  บั่นทอนจิตใจทหาร อย่างมาก เราติดหล่มความขัดแย้งมานานเป็น10ปี เป็นวิกฤติความขัดแย้งเฉพาะหน้า ที่ต่องช่วยกันแก้ไข ไม่ใช่เพิ่มความขัดแย้ง

"ทหารมีหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์ชาติ อธิปไตย พร้อมที่จะอุทิศตน ทั้ง เลือดเนื้อและชีวิต ทำหน้าที่เป็นรั้วของชาติ  ในยามที่ประชาชนเกิดวิกฤติ ทหาร ก็เข้าไปถึงในทุกพื้นทึ่  

เราอยากถามกลับไปว่า  เขามีรั้วบ้านมั้ย  บริษัทเขามียามมั้ย  การแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อ แล้วสร้างความขัดแย้งระหว่างองค์กร ในเวลานึ้ ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม  อย่าเป็นสะพานเชื่อมความขัดแย้งสู่สังคม  จึงขอความร่วมมือสื่อด้วย"

นายกแขวะพวกกอดคอกับใครเห็นอยู่

บิ๊กตู่"แขวะ พวก "กอดคอ" อยู่กับใคร ทุกคนก็เห็นอยู่ทั้งหมด มีรูปทั้งหมด  ทำต่างประเทศ ไม่เข้าใจ ถามว่าคนเหล่านี้สร้างประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติบ้าง เลือกข้างหรือเปล่า ยัน ผมไม่ได้เลือกข้างใคร ถ้าเขาดีด้วยผมก็ดีด้วย แต่ถ้าผิดกฎหมายทุกคนก็ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด อย่าเอาเรื่องสิทธิมนุษยชนมาปนกับเรื่องของกฎหมาย เอาเรื่องประเทศชาติมาปนกับเรื่องส่วนตัว มันไม่ได้"..โยนเรื่องจับนักศึกษาม. บูรพา เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคงดูแล อยากให้ใช้วิธีการที่ละมุนละม่อม "ยัน"ใช้กฎหมายกับผู้ที่ทำผิดกฏหมายเท่านั้น

 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ทหารนอกเครื่องแบบเข้าไปจับกุมตัวนายจักรพล ผลละออ นักศึกษามหาวิทยาลัยบูรพา  ชลบุรีไปคุมตัวที่มทบ.14 ชลบุรี ว่า เรื่องของนักศึกษาก็ว่ากันไป 

เมื่อถามว่ามีการรายงานเข้ามาหรือยังว่าไปจับกุมด้วยสาเหตุอะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เดี๋ยวทางฝ่ายความมั่นคงเขาดูแลหลายเรื่องที่เป็นความขัดแย้ง เดี๋ยวก็ว่ากัน รัฐบาลพยายามที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของความขัดแย้งมากนัก เพราะมันทำให้การพัฒนาของประเทศไปไม่ได้ ทุกคนมีหน้าที่อะไรก็ให้ว่ากันไปพยายามใช้มาตรการที่มันละมุนละม่อม พูดคุยกันซะให้ได้ คือถ้าไปใช้กฎหมายทุกเรื่องมันก็ยุ่งไปหมด ต้องไปดูว่าประเด็นความขัดแย้งคืออะไรถ้ามันเกิดขึ้นจริง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนกรณีที่องค์การนิรโทษกรรมสากล ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่งการจับนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนเคยขอร้องแล้ว ตอนนี้ก็อยู่ที่เราว่าจะพูดให้เขาเข้าใจได้หรือไม่เพราะในเรื่องสิทธิมนุษยชนพูดกันมาหลายครั้งแล้ว แล้วสื่อเคยช่วยพูดให้บ้างหรือไม่ 

"เพราะวันนี้องค์กรระหว่างประเทศที่เขารู้มาก็มาจากบุคคลที่บิดเบือน และจากสื่อที่อาจไม่มีเจตนา และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ทุกคนก็รู้กันอยู่ ว่าการดำเนินการตามกฎหมาย

วันนี้ก็ทำกับผู้ที่ทำผิดกฎหมาย อย่าไปยึดโยง เมื่อทำความผิดก็คือความผิด กฎหมายก็คือกฎหมาย ไม่เช่นนั้นก็บังคับใช้กฎหมายกับใครไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไร"

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีเอง เคยระบุว่าได้ชี้แจงกับต่างประเทศแล้วหลายครั้ง ทำไมยังไม่เข้าใจ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็ชี้แจงไปแล้ว แล้วเขาจะเชื่อไหมละ ก็พวกสื่อยังประโคมข่าวอยู่กันอยู่แบบนี้ 

"แล้วไปดูซิที่เราชี้แจงไปยังต่างประเทศ เขากอดคอ อยู่กับใคร ทุกคนก็เห็นอยู่ทั้งหมด จะมาถามให้เป็นเรื่องอีก ก็มีรูปทั้งหมด ถามว่าคนเหล่านี้สร้างประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติบ้าง แล้วที่ผ่านมาเขาเลือกข้างหรือเปล่า สำหรับผมไม่ได้เลือกข้างใคร ถ้าเขาดีด้วยผมก็ดีด้วย แต่ถ้าผิดกฎหมายทุกคนก็ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด อย่าเอาเรื่องสิทธิมนุษยชนมาปนกับเรื่องของกฎหมาย เอาเรื่องประเทศชาติมาปนกับเรื่องส่วนตัว มันไม่ได้"