PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สาวโฆษณาคู่"ชมพู่""ชิดกว่าชมอีกค่ะ"เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง



"น้ำหนึ่ง"(น.ส.ณมณ วงสาโรจน์) พรีเซนเตอร์โฆษณาชุดชั้นใน "ชิดกว่าชมอีกค่ะ" ผู้หญิงที่คู่กับ ชมพู่ อารยา เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งที่เส้นประสาท ช่วงค่ำที่ผ่านมา หลังเข้ารักษาตัวนานกว่า๒เดือน ที่ ร.พ.วชิระ และหล้งจากที่เธอเพิ่งจบการศึกษาและรับปริญญาได้ ๒ เดือนที่ผ่านมา
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=3i0XvPPhrdI

รู้จัก ผบ.สส.พม่า "พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง ลาย" มีความสำคัญอย่างไร ? จึงถูกพาดพิงในคลิปการสนทนาคนเสียงคล้าย "ยุทธศักดิ์-ทักษิณ"


(มิน อ่อง ลาย - ภาพจากเว็บไซต์ข่าวอิระวดี)
หนึ่งในประเด็นน่าสนใจ ที่ปรากฏอยู่ในคลิปลับ “บทสนทนาชาย 2 คน” เสียงคล้าย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คือการพาดพิงถึง "บุคคลสำคัญ" ของประเทศเพื่อนบ้าน
ดังคำถอดเทปคลิปลับดังกล่าวของเว็บไซต์เอเอสทีวีผู้จัดการ http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9560000082476
…..
ชายคนที่ 1 - เรื่องของพม่า ผมบอกกับนายกฯ ไปแล้วนะครับบอกว่า ใช้ ผบ.สูงสุดให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุดเลย เพราะไอ้มินอ่องลาย ซึ่งเป็น ผบ.สูงสุดของพม่า มันเป็นมือหนึ่งของท่านประธานาธิบดีเต็งเส่งเลย แล้วเต็งเส่งให้ความเกรงใจมากที่สุด และทีนี้ไอ้ ผบ.สูงสุดเขากับ ผบ.สูงสุดไทยนี่ มันมาเป็นเคาน์เตอร์พาร์ตกัน ผลัดกันกินข้าวคนละเดือน คนละเดือน เพราะฉะนั้นถ้าจะบีบอะไรเรื่องทวาย นายกฯ เรียก ผบ.สูงสุดมาใช้ได้อีกงานหนึ่ง เป็นงานต่างประเทศ
      
ชายคนที่ 2 - ผมก็ไปสงกรานต์กับมัน
      
ชายคนที่ 1 - ผมไม่ทราบ ไม่งั้นผมจะไป ไปเจอ
      
ชายคนที่ 2 – ผมไปสงกรานต์กับไอ้เนี่ย ผบ.สูงสุดน่ะ
      
ชายคนที่ 1 – อ๋อ! ไอ้มินอองลายนี่นะฮะ โอ้โฮ มันชั้นหนึ่งเลย มันบอกผมนะ เฮ้ยไอ้รัฐมนตรีกลาโหมเนี่ย มันตั้งนะ มันเป็น ผบ.สูงสุด แต่ตั้งรัฐมนตรีนะ มันบอกเลย มันบอก และรัฐมนตรีอีกหลายคนมันเป็นคนตั้ง ไอ้นี่้ต้องเอาไว้ ไอ้นี่ต้องเอาไว้นะ แหม่
      
ชายคนที่ 2 - พวกผมทั้งนั้นแหละ มันยกที่ให้ผมแปลงนึง ใจกลางเมืองย่างกุ้ง
      
ชายคนที่ 1 - ไอ้นี่ต้องเอาไว้นะครับ ถ้าได้ พม่านี่เสร็จเราหมดเลย ต้องเอาให้ได้ มันเจอกับผม ผมบอกว่า ต่อไปนี้ทูตพม่าพูดไทยให้เป็นนะ ทูตทหาร มันบอกต่อไปนี้ส่งทูตทหารมาเรียนก่อนแล้วค่อยมาเป็น 
…..
คำถามที่ตามมาก็คือ “ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.)” ของพม่า ที่มีชื่อว่า “มิน อ่อง ลาย” เป็นใคร ? เหตุใดถึงได้มีอำนาจถึงขนาดตั้ง รมว.กลาโหมพม่าได้ ทั้งๆ ที่ ตามความเข้าใจทั่วไป รมว.กลาโหมควรเป็นผู้แต่งตั้ง ผบ.สส.มากกว่า ? และเหตุใด ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง จึงต้องเกรงใจคนๆ นี้เป็นพิเศษ ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org มีโอกาสพูดคุยกับ “ดุลยภาค ปรีชารัชช” อาจารย์ประจำโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักวิชาการผู้ติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองในพม่ายาวนาน เพื่อทำความรู้จัก “มิน อ่อง ลาย” หรือ “พลเอกอาวุโส มิน อ่อง ลาย” ผบ.สส.พม่า พูดถูกพาดพิงในคลิปเสียงคล้าย "ยุทธศักดิ์-ทักษิณ"
“อาจารย์ดุลยภาค” เริ่มต้นเล่าถึงที่มาอำนาจมหาศาลของ พลเอกอาวุโส มิน อ่อง ลาย ว่า มาจากสายสัมพันธ์อันแนบแน่นกับ “พลเอกอาวุโส ตาน ฉ่วย” อดีตผู้นำเผด็จการทหารของพม่า ยาวนานกว่า 20 ปี โดยเป็นคนที่ พลเอกอาวุโส ตาน ฉ่วย ไว้วางใจมากที่สุด เคียงข้างกับ “พลเอก เต็ง เส่ง”
“มิน อ่อง ลาย ผ่านสมรภูมิมาเยอะ เป็นคนที่รบเก่งมาก เป็นหนึ่งในคนที่ตาน ฉ่วยไว้ใจ พอๆ กับเต็ง เส่ง โดยขณะที่มิน อ่อง ลาย บัญชาการรบอยู่ที่รัฐฉาน เต็ง เส่ง ก็เป็นหลักในการคุมกำลังเข้าต่อสู้ที่เมืองเชียงตุง”
เขาเล่าว่า เส้นทางสู่อำนาจของ “พลเอก มิน อ่อง ลาย” (ยศขณะนั้น) เริ่มโดดเด่น เมื่อได้รับการแต่งตั้ง “พลเอกอาวุโส ตาน ฉ่วย” ให้เป็น ผบ.สส.ในปี 2553 ปีเดียวกับที่ “พลเอก เต็ง เส่ง” ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานาธิบดีพม่า
“เป็นสูตรที่เต็ง เส่ง คิดไว้ให้ทั้งสองคนคานอำนาจกันเอง เพราะในรัฐธรรมนูญของพม่า กำหนดไว้ว่า ผบ.สส.มีสิทธิในเสนอตั้ง รมว.กลาโหม รมว.มหาดไทย และ รมว.กิจการชายแดน พูดง่ายๆ ว่างานด้านความมั่นคง  ผบ.สส.ดูแลหมด ส่วนงานบริหารอื่นๆ เป็นอำนาจของประธานาธิบดี นอกจากนี้ ผบ.สส.ยังตั้งสมาชิกรัฐสภาได้ถึง 1 ใน 3”
เขายังกล่าวว่า กลไกทางกฎหมายของพม่า ยังทำให้ ผบ.สส.สามารถเข้ามาแทรกแซงกิจการในบ้านเมืองได้ ผ่านการประกาศ “ภาวะฉุกเฉิน” โดยสภากลาโหม ซึ่งสมาชิกสภากลาโหมกว่าครึ่งเป็นคนที่ ผบ.สส.แต่งตั้ง ทั้งตัว ผบ.สส.เอง รอง ผบ.สส. รมว.กลาโหม และตัวแทนหน่วยงานความมั่นคงต่างๆ ดังนั้น ผบ.สส.มีสิทธิที่จะล็อบบี้ให้ประกาศสภาวะฉุกเฉินเมื่อไรก็ได้
“ตรงนี้ชัดเจนว่า ผบ.สส.มีอำนาจเหนือกว่าประธานาธิบดี หากคิดจะยึดอำนาจมาบริหารเอง ทั้งหมดเป็นสูตรที่ ตาน ฉ่วย เขียนสูตรวางเกมเอาไว้ แล้วคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง เพื่อรักษาฐานอำนาจของตัวเอง”
เขาว่า หากดูโครงสร้างการเมืองพม่าเช่นนี้ ก็จะรู้ได้ว่าผู้มีอำนาจตัวจริงของพม่า ก็ยังคงเป็น “พลเอกอาวุโส ตาน ฉ่วย” โดยบริหารอำนาจในกองทัพพม่าผ่าน “พลเอกอาวุโส มิน อ่อง ลาย” จึงไม่แปลกที่คนในคลิปจะพูดว่าหากจะเคลียร์ปัญหาเนื่องท่าเรือน้ำลึกทวาย จะต้องประสานงานผ่าน “พลเอกอาวุโส มิน อ่อง ลาย”
และที่ชายเสียงคล้าย พ.ต.ท.ทักษิณ พูดในคลิบว่า ผบ.สส.พม่าได้มองที่ดินใจกลางกรุงย่างกุ้ง อดีตเมืองหลวงพม่าให้ 1 แปลง “อาจารย์ดุลยภาค” มองว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะพม่ายังมีความเป็นเผด็จการสูง หากชนชั้นน้ำต้องการที่ดินผืนใด สามารถเดินไปชี้แล้วยึดเอากลับมาเป็นของรัฐบาลได้เลย โดยอ้างว่าเพื่อนำไปก่อประโยชน์สาธารณะ
“ที่ผ่านมา เมื่อชนชั้นนำของพม่าถูกอกถูกใจชาวต่างชาติคนไหน ก็มักจะแสดงออกด้วยการยกที่ดินในพม่าให้”
นักวิชาการรายนี้ ยังกล่าวว่า ที่ผ่านมา “บิ๊กทหารพม่า” รายนี้ ได้พยายามต่อสาย-หาคอนเน็กชั่นกับ “บิ๊กทหาร” ของประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะเน้นไปที่ความร่วมมือทางการทหาร เพื่อควบคุมสถานการณ์บริเวณชายแดน ส่วน “บิ๊กรัฐบาลพม่า” นำโดยประธานาธิบดี เต็ง เส่ง ก็จะเดินสายสร้างภาพลักษณ์อันดีในสายตานานชาติต่อไป
ทั้งหมดคือที่มีที่ไปของบุรุษนาม “พลเอกอาวุโสมิน ออง ลาย” ผู้ซึ่งมีชื่อปรากฏใน “คลิปลับ” ในการสนทนาของ “ชาย 2 คน” ที่เขย่าวงการ “การเมืองไทย” อยู่ในเวลานี้ !!!

"สิ่งที่ผมยังไม่ได้โพสต์ "เรื่องข้าว":สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดกระแสข่าวโพสต์ข้อความเกี่ยวกับปัญหาเรื่องข้าว ของ"สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ" หรือ "เช็ค" พิธีกรรายการ "คนค้นฅน" และผู้บริหารในบริษัททีวีบูรพา ได้โพสต์ข้อความอีกครั้งผ่านเฟซบุ๊ก Suttipong Thamawuit เมื่อเวลาประมาณ 16.25 น. ความว่า


"สิ่งที่ผมยังไม่ได้โพสต์ "เรื่องข้าว"

คนไทยส่วนใหญ่จะคิดเหมือนผมหรือเปล่าผมไม่แน่ใจหรอกครับ  เพราะผมไม่ได้อยากขุดคุ้ยหรือแฉเบื้องหลังการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว  ทั้งไม่เคยคิดอยากจะทำ ไม่มีความสุขในการทำ และไม่มีความสามารถที่จะทำ  ผมคิดว่ามีผู้มีหน้าที่ต้องทำ ควรทำและสามารถทำได้ดีกว่าคนทำสารคดีเล็กๆ อย่างผมอยู่แล้ว


สิ่งที่ผมกังวล ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับตัวเองเลยเพราะผมมีข้าวที่ดีที่ผลิตโดยกัลยาณมิตรของผมเองรับประทาน  ผมเพียงแต่เป็นห่วงว่าถ้าข่าวและข้อมูลตามที่ปรากฏอยู่จากการแชร์กันมาเป็นความจริง  นอกจากความวิตกกังวลของคนกินข้าวที่ไม่มีทางเลือกแล้ว  ผมคิดว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปไม่ต่างจากการวางยาพิษหมู่คนไทยค่อนประเทศไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม  ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีใครออกมาแสดงความกังวลหรือแสดงเจตนารมณ์ที่จะทำความจริงเรื่องนี้ให้ปรากฏเลย  กระทั่งข้าวจะออกสู่ท้องตลาด  หรือออกสู่ท้องตลาดมาแล้วเท่าไหร่ก็ไม่รู้  ซึ่งหากเป็นเช่นนี้จะเป็นการก่อบาปครั้งใหญ่มากอีกครั้งหนึ่งของสังคมไทย  หลังจากเราทำต่อกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน  หากกุศลเจตนาของผมที่ไม่อยากให้ใครก่อบาปต่อใครเป็นเรื่องผิด  ผมก็ยอมรับ  ซึ่งผมถามตัวเองว่าถ้าผมเป็นพ่อค้าข้าวที่ขายข้าวให้คนกินผมจะมีความสุขหรืออยากก่อบาปโดยการเอาสิ่งเป็นพิษให้ลูกค้าผู้มีบุญคุณของผม  ซึ่งเป็นคนไทยด้วยกัน (หรือไม่ก็ตาม)  กินมั้ย  ตอบโดยไม่ต้องคิดเลยว่าไม่
 

ถ้าผมเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน  ผมอยากเห็นประชาชนที่เลือกผมมาต้องสะสมพิษในร่างกายซึ่งจะนำมาซึ่งความเจ็บป่วยและทุกขเวทนาอีกมากมายในภายหลังจากการกินข้าวหรือไม่  และผมอยากมีส่วนร่วมต่อการก่อกรรมกับพวกเขาโดยการเพิกเฉยหรือไม่  ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ว่าใครก็ต้องตอบเหมือนผมนั่นก็คือ  “ไม่”
 
มันเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจมากใช่มั้ยครับ  ถ้าแม้แต่กระทั่งลูกเด็กเล็กแดงที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ หรือทารกไร้เดียงสาที่ดื่มนมจากนมมารดายังพลอยรับกรรมดื่มพิษไปด้วย   คิดแบบนี้ดรามาเกินไปหรือเปล่าครับ
 
กรรมที่ก่อเช่นนี้ในทางพุทธศาสนาเป็นการผิดศีลข้อที่หนึ่ง  ซึ่งเป็นบาปที่ร้ายแรงมาก  ศาสนาไม่ได้สอนให้ผมเอาตัวรอดแต่สอนให้ผมตระหนักว่าถ้าพบเห็นผู้ใดกำลังจะก่อกรรมอันเบียดเบียนและทำลายชีวิต  ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่  ถ้าผมทำอะไรได้ผมไม่ควรดูดาย  หากไม่แสดงความปรารถนาดีต่อชีวิตผู้อื่นนั่นแหละ  เป็นความผิดบาป
 
ถ้าความหวังดีของใครก็ตามที่มีต่อทุกฝ่ายเป็นโทษต่อตัวเอง  ผมว่าก็คงต้องกลับไปตั้งคำถามกับการเทศนาให้คนหลุดพ้นจากอวิชชาของพระทุกวัดด้วยเช่นกัน

เพราะฉะนั้นสำหรับเรื่องนี้  จะวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไรก็สุดแท้แต่  ประเด็นที่สำคัญที่ไม่ควร  “หลุด”  และไม่ควร  “หลง”  ก็คือสุดท้ายแล้วอย่าลืมเรื่องความปลอดภัยในการกินข้าวของคนค่อนประเทศ
 
ในความกังวล  สงสัย  อึมครึม  ผมอยากให้ทุกท่านใช้ปัญญาพิจารณาว่าใครควรจะเป็นผู้คลี่คลายความสงสัยในเรื่องนี้  คนทำสารคดีชีวิตอย่างผม  สำนักข่าว  พ่อค้าข้าว  เจ้าหน้าที่  หรือรัฐบาล  แล้วลองใช้สติไตร่ตรองดูนะครับว่าหากใครลงมือทำจะได้รับการสรรเสริญหรือนินทา  ความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคเป็นความผิดหรือความไม่ดีที่ไม่ควรทำตรงไหน  และสุดท้ายนี้ผมอยากชวนให้คนไทยพิจารณาเหตุของปัญหานี้ตามหลักพุทธศาสนาว่า  เหตุอยู่ที่ไหน  อยู่ที่การแชร์ข้อมูล (ซึ่งมีคนแชร์มากมายก่อนผม)  หรืออยู่ที่วิธีการในการเก็บรักษาข้าวที่ต้องใช้สารเคมีมีพิษซึ่งตกค้างและเป็นอันตรายต่อชีวิต
 
........หรืออยู่ที่พิษทั้งหลายในใจคน"

ห้องข่าว เนชั่น : "ลับ ลวง พราง" นิรโทษกรรม



'ลับ-ลวง-พราง'นิรโทษกรรม
ห้องข่าว nation : 'ลับ-ลวง-พราง'นิรโทษกรรม
               10 ก.ค.56-"คลิปเสียง" ที่มีการคุยกันของชายสองคน ที่มีเสียงคล้าย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ซึ่งช่วงหนึ่งของการสนทนา มีการพูดถึงการออกกฎหมายนิรโทษกรรมในรูปของ "พระราชกำหนด" ทั้งที่ปัจจุบันร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการนิรโทษกรรมที่ค้างอยู่ในสภา ล้วนอยู่ในรูปของ"พระราชบัญญัติ"ทั้งสิ้น ทำให้มีข้อน่าคิดว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นการ"ลับ-ลวง-พราง" หรือไม่..เพราะอะไร
               
               วิเคราะห์โดย โอภาส บุญล้อม (@ opas_nna ) หัวหน้าข่าว สำนักข่าวเนชั่น ถึงแง่มุมในการออกกฎหมายนิรโทษกรรมดำเนินรายการ โดย สมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์ (@ jin_nation) บก.ข่าวการเมือง สำนักข่าวเนชั่น

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=U0FOFrvLBAw#at=25

เปิดบ้านพระเณรคำในสหรัฐฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (10 ก.ค.) เว็บไซต์ www.alittlebuddha.comรายงานพร้อมโพสต์ภาพโดยอ้างว่าพระวิรพล สุขผล หรือ หลวงปู่เณรคำ หรือนายวิรผล สุขผล เจ้าของสำนักสงฆ์ขันติธรรม เป็นเจ้าของบ้านเดี่ยวที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา บ้านเลขที่ 32140 Ortega Hwy. Lake Elsinore CA 92530 ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดรัตนปัญญา เมืองวิลโดม่าร์ พร้อมเหตุผลว่า ทำไมหลวงปู่เณรคำจึงต้องบินไปอเมริกา ดังนี้

1. วัดโพธิญาณราม เมืองตวกหน่ง ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมี พระครูภาวนาวรธรรมวิเทศ (ปานขาว) พระชาวลาว สัญชาติฝรั่งเศส เป็นเจ้าอาวาส เป็นวัดที่แม้จะไม่สังกัด แต่ก็ใกล้ชิดกับวัดสระเกศ ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช แน่นอนว่าย่อมจะเกิดความกดดันอย่างแรงต่อพระปานขาว ในฐานะผู้ให้ที่พักพิงแก่เณรคำ อันมีผลกระทบกับภาพพจน์ของวัดสระเกศได้ ถ้าไม่เชิญเณรคำออกจากวัด พระปานขาวก็อาจจะเจอปัญหาใหญ่กับตัวเองถึงกับเหยียบวัดสระเกศไม่ได้ เมื่อเข้าวัดสระเกศไม่ได้ก็อย่าหวังว่าจะเข้าวัดไหนในประเทศไทยได้ เพราะสมเด็จพระพุฒาจารย์เป็นประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ใครไหนจะกล้ารับรอง ดังกรณีพระพรหมวังโส เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งบวชกับสมเด็จพระพุฒรจารย์ แต่ทำการบวชภิกษุณีโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงต้องถูกตั้ดหางปล่อยวัดไป ดังนั้น เมื่อถึงคราวต้องเอาตัวรอด พระปานขาวก็จำเป็นต้องให้เณรคำ "ออก"

2. เมื่อวัดโพธิญาณรามไม่เอาแล้ว ก็หมดที่อาศัยในฝรั่งเศส เพราะเณรคำเข้าฝรั่งเศสได้ด้วยคำเชิญของพระปานขาว

3. ตามหลักฐานด้านล่างนี้ แสดงให้เห็นว่า เณรคำมีฐานะเป็นเจ้าของบ้าน หรือมีบ้านส่วนตัวอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ดังนั้น จึงมีสิทธิ์เต็มที่ในการอยู่อาศัย โดยไม่ต้องอาศัยบ้านใครหลบซ่อน แถมเณรคำยังคงมี "สาวก" ในรัฐแคลิฟอร์เนียอยู่อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งสามารถเป็นที่พึ่งพิงได้ เพราะเคยเกื้อกูลกันมาก่อน

4. หากจะเข้าอเมริกาก็ต้อง "รีบเข้า" ก่อนที่ทางเมืองไทยจะมีหมายจับจากศาล คือว่า ตอนนี้ยังเป็นเพียงแค่ข่าว ยังไม่เป็นคดีความ หรือที่เป็นๆ ก็เป็นเพียงคดีทางสงฆ์เท่านั้น ส่วนทางบ้านเมืองนั้นยังมีอีกหลายขั้นตอนหรืออีกหลายวัน จึงพอมีเวลาที่จะรีบเข้ามาตั้งตัวในสหรัฐอเมริกา ขืนช้าไปกว่านี้ก็อาจจะถูกกักตัวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองได้ ส่วนเรื่องว่าถ้ามีหมายศาลที่เมืองไทยแล้วจะทำอย่างไร ก็ต้องค่อยว่ากันต่อไป

5. ลุ้นกันที่ "คดีความ" ในมูลฐานทั้ง 8 ข้อ ที่ดีเอสไอชงขึ้นมาเพื่อขอหมายจับต่อศาล ถ้าหนึ่งในนั้นมีเรื่อง "ยาเสพติด" ด้วยละก็ งานนี้เณรคำมีหวังถูกอเมริกาจับตัวส่งเมืองไทย เพราะไม่ว่าเมืองไหนก็ไม่เลี้ยงคนที่พัวพันการค้ายาเสพติด แต่ถ้าหลุดเรื่องยาเสพติดแล้ว เณรคำก็จะเป็นอิสระในสหรัฐอเมริกา เพราะข้อหาทางศาสนานั้นเป็นข้อยกเว้นในระเบียบการขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน

'โอ๊ค'สารภาพคลิป'แม้ว'เรื่องจริง ข้อความสำรอกก็ใช่แต่มีตัดทอน

วันพุธ ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556, 19.23 น.

วันนี้ 10 ก.ค. 56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว username ว่า Oak Panthongtae Shinawatraยอมรับว่าเสียงในคลิปฉาวที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในตอนนี้เป็นเสียงของพ่อตัวเองจริง โดยนายพานทองแท้ระบุว่า "ผมเกิดมาเป็นลูกพ่อ 30 กว่าปี ผมมั่นใจว่าใช่เสียงคุณพ่อผมแน่นอนครับ!!" แต่ถ้าลองไปฟังคลิปเสียงสั่งสลายการชุมนุม ผมเชื่อว่าแทบทุกคนต้องบอกว่าเป็นเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
 
นายพานทองแท้โพสต์ระบุอีกว่า "ผมลองแย๊บๆ ถามพ่อแล้ว พ่อบอกว่าบางเรื่องก็มีการพูดกันจริง แต่บางเรื่องท่าก็ไม่ยืนยัน แต่ผมลองเปิดคลิปฟังซ้ำ น่าจะมีถูกตัดออกก่อนเผยแพร่ ซึ่งตอนนี้คุณพ่อยังไม่ได้ฟังคลิกเสียง และบอกชีวิตนี้หาเรื่องเยอะจนชินแล้ว แต่ผมอยากรู้ครับ ทำไมฟังจากคลิปแล้ว เสียงพ่อเบากว่าเสียงคู่สนทนา แสดงว่าอุปกรณ์ที่ใช้อัดเสียงอยู่ไกลตัวพ่อ หรือว่าโทรศัพท์ของคู่สนทนาหรือผู้ติดตาม ถูกแฮ็กเพื่อดูดเสียงรอบตัว"
 
ในช่วงท้ายในนายพานทองแท้โพสต์ระบุว่า "พรุ่งนี้จะบินไปหาพ่อที่ปักกิ่ง จะเอาคลิปไปให้พ่อฟังเอง เพราะอยากรู้เป็นการส่วนตัวว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้อย่างไร และเนื้อหาที่พูดกันมีข้อเท็จจริงอย่างไร"
 
ข้อความที่นายพานทองแท้โพสต์บนเฟซบุ๊คส่วนตัว
 
คลิปเสียงเหรอ?? ผมเกิดมาเป็นลูกพ่อ30กว่าปี ผมมั่นใจว่าใช่เสียงคุณพ่อผมแน่นอนครับ!!

และหากลองไปถามคนที่ได้ฟังคลิปเสียง "สั่งการสลายการชุมนุม"ดู ผมก็เชื่อว่าแทบจะทุกคนต้องบอกว่า ใช่เสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แน่นอนเช่นกัน

ส่วนเนื้อหาสาระที่พูดกันในทั้ง2กรณีนั้น เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ว่า มีการตัดต่อเพื่อบิดเบือนสิ่งที่ผู้พูดต้องการจะสื่อสารหรือไม่ เพราะผมได้ลองแย๊บๆถามแล้ว พ่อบอกว่าบางเรื่องก็มีการพูดกันจริง แต่บางเรื่องท่านก็ไม่ยืนยัน และบางตอนท่านก็บอกว่ามีคำพูดมากกว่านั้น แต่ผมลองเปิดคลิปฟังซ้ำดู น่าจะถูกตัดออกไปก่อนที่จะถูกนำมาเผยแพร่

คุณพ่อผมยังไม่ได้ฟังคลิปเสียงครับ ท่านบอกยังไม่มีเวลาฟัง และบอกชีวิตนี้ถูกหาเรื่องมาเยอะจนชินแล้ว ท่านจึงไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่ผมอยากรู้ครับ เพราะเมื่อฟังจากคลิปแล้ว เสียงพ่อเบากว่าเสียงคู่สนทนา แสดงว่าอุปกรณ์ที่ใช้อัดเสียงอยู่ไกลตัวพ่อ แต่จะเป็นการจงใจอัดแล้วไปตัดต่อ หรือว่าโทรศัพท์ของคู่สนทนาหรือผู้ติดตาม ถูกแฮ็กเพื่อดูดเสียงรอบตัว เป็นเรื่องที่ต้องสืบกันต่อไป

วันพรุ่งนี้ผมจะบินไปหาพ่อที่ปักกิ่งครับ จะเอาคลิปไปเปิดให้พ่อฟังเอง เพราะอยากรู้เป็นการส่วนตัวว่า เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้อย่างไร และเนื้อหาที่พูดคุยกันนั้นมีข้อเท็จจริงอย่างไรบ้าง อะไรที่พอจะอัพเดทกันได้ก็จะนำมาโพสต์ไว้ที่นี่ครับ

แต่อย่างที่ทราบกันว่า ทางการจีนเขาบล็อคไม่ให้ใช้เฟสบุ๊ค ดังที่ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เคยแถลงไว้ว่าน่าที่จะห้ามใช้ในเมืองไทยบ้าง
ถ้าโพสต์ไม่ได้จริงๆอีก 2-3 วันเจอกันครับ

ลืมบอกไป วันนี้ Voice TV ออกอากาศครบ 4 ปีแล้วนะคร้าบบบบบ

ที่มา : แนวหน้า

"วสิษฐ์" เชื่อคลิปฉาวชี้แผนยึดประเทศไปไกลกว่าที่คิด หวังทหารไม่ยอมเปื้อนมลทิน".

"วสิษฐ์" เชื่อคลิปเสียงฉาวของจริง ทำทั้งคู่เหมือนโดนหมัดน็อก ชี้ชัดแผนยึดสยามไปไกลกว่าที่คิด ถ้าสำเร็จกองทัพอยู่ในมือ ส่อรั้วของชาติอ่อนแอ หวังทหารชั้นผู้น้อยไม่ยอมแปลกเปื้อนมลทิน เย้ยรัฐบาลใบ้กินพาดพิงพม่า คาดหวังสูงนั่งที่ปรึกษาทรัพย์สินฯ ด้าน "แก้วสรร" ซัดเลวบัดซบดึงเจ้าเพื่อประโยชน์ตน

วันนี้ (10 ก.ค.) พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร แกนนำกลุ่มไทยสปริง กล่าวในเว็บไซต์เฟซบุ๊ก ไทยสปริง ว่า ตนเชื่อว่าคลิปเสียงสนทนาคล้ายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีและพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม เป็นของจริง มีผลกระทบรุนแรง และอาจทำให้คู่สนทนาสองคน ถึงกับเซ่อไปเลยเหมือนนักมวยโดนหมัดน็อคโดยไม่ตั้งท่า กรรมการนับแล้วแต่ยังไม่ฟื้น เพราะเกินกว่าที่เขาจะคาดและเราคาด ตนรู้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ และคณะกำลังทำร้ายบ้านเมืองของเรา พ.ต.ท.ทักษิณและคณะกำลังชำเราประเทศไทยอยู่ โดยข้อความจากคลิปเห็นชัดว่าแผนยึดครองประเทศไทยไปไกลกว่าที่เรานึกมาก แผนที่สองคนสมคบคิดกันหลุดมาถึงเราได้ เกี่ยวข้องกับกองทัพ ถ้าเป็นไปตามแผนที่เราได้ยินในคลิป เขาทำสำเร็จปี 57 ตั้งผบ.เหล่าทัพเองตั้งใครก็ได้ แปลว่ากองทัพที่เป็นรั้วของชาติจะอยู่ในกำมือของเขาใช้ทำอะไรก็ได้ เมื่อฟังดูแล้วก็เป็นแบบพ.ต.ท.ทักษิณ คือ ผบ.ที่กำลังเกษียณเขาก็เอาตำแหน่งมาล่อหลังเกษียณ ซึ่งเราก็เห็นอยู่ว่ามีทหารที่เกษียณแล้วมีตำแหน่งในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ เป็นอันตรายร้ายกาจกับบ้านเมือง เพราะรั้วของชาติ ทัพบก เรือ อากาศ ภารกิจคือปกป้องอธิปไตยของชาติ ปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถ้าทำแบบนี้แปลว่ารั้วของเราอ่อนแอ เขาจะใช้งานอย่างไร ที่ไหนก็ได้ เพราะฉะนั้นที่มีผู้ตีความว่า กำลังจะรัฐประหารตัวเองหรือเปล่า ที่จริงถ้ายึดสามกองทัพได้ไม่ต้องทำรัฐประหารตัวเอง จบสมบูรณ์เลย

พล.ต.อ.วสิษฐ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าไม่ต้องวิตกจนนอนไม่หลับ เพราะยังมีความศรัทธาในทหารแม้แต่ผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพ เราได้ยินแต่เสียงที่บอกว่าจะทำอะไรกับคนเหล่านี้ แล้วก็อ้างว่าเอาอยู่แล้ว แต่เรายังไม่ได้ยินจากคนเหล่านี้ และตนก็มีความศรัทธาต่อผู้บังคับบัญชาชั้นรองลงไปด้วย ท่านเหล่านี้เป็นนายทหารที่อายุราชการน้อยจะเติบโตต่อไปในวันข้างหน้า ตนไม่เชื่อว่าท่านเหล่านี้จะยอมให้ตัวเองแปดเปื้อนมีมลทินกับการทุจริตแบบนี้ได้ การคิดล่วงหน้าไปไกล ๆ ศาสนาพุทธเราเรียกว่า “สังขาร” เราอย่าปรุงแต่งนัก พยายามอยู่กับปัจจุบันจะได้ไม่ขวัญเสีย ไม่บ้าเร็วเกินไป เราอย่าให้คนบ้าคนหนึ่งนอกประเทศที่มีสตังค์มาก ๆ ทำให้เราบ้าตามมันไปด้วย

สำหรับระบบคุณธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายนั้น พล.ต.อ.วสิษฐ กล่าวว่า สุดท้ายทุกคนจะท่องว่า มีวันนี้เพราะพี่ให้ทั้งนั้น ตนเห็นว่าการทำลายประเทศไทยทำได้อย่างศักดิ์สิทธิ์ที่สุดคือการทำลายข้าราชการประจำ ถ้าเขาคิดว่าทำสำเร็จจะปกครองบ้านเมืองเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศไทยได้ ตนคิดว่าเข้าใจผิด เพราะเขาต้องใช้ความผุพังของระบบราชการเป็นเครื่องมือซึ่งจะใช้ไม่ได้เพราะกลายเป็นระบบพรรคพวกหมด เหมือนเอาหัวหน้าโจรกับสมุนมาบริหารงาน ก็คิดอย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรถึงจะปล้นให้ได้มาก ๆ เท่านั้น ส่วนเรื่องพม่าที่มีการพาดพิงถึงจากในคลิปนั้น ทั้งพ.ต.ท.ทักษิณ และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คงกำลังนึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร

พล.ต.อ.วสิษฐ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงความจำนงอยากเป็นที่ปรึกษาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ว่า น่าจะมีวาระซ่อนเร้นเพราะสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นส่วนราชการ ประธานกรรมการคือ รมว.คลัง ที่ตนอยากให้สนใจคือ เมื่อเป็นการบริหารส่วนพระมหากษัตริย์ไม่ใช่ส่วนพระองค์ ธุรกิจของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นไปเพื่อพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระเจ้าอยู่หัวเป็นเรื่องของแผ่นดิน ถ้าอยากกลับมาแล้วไม่เล่นการเมืองสิ่งที่ทำได้คือมาสู้คดีแล้วก็ติดคุกกี่ปีก็ได้ เพราะคนขนาดพ.ต.ท.ทักษิณ ติดคุกสบาย อย่างกำนันเป๊าะ เวลานี้อยู่บ้านสบายดี ถ้าหากยอมสู้คดีติดคุกจะเป็นการประกันดีที่สุดว่าจะไม่เป็นพิษเป็นภัยกับบ้านเมือง

ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ สนับสนุนความคิดของพล.ต.อ.วสิษฐ ว่า หากทำได้อย่างที่พูดในคลิปจริงก็ไม่ต่างจากการทำรัฐประหาร และการพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเรื่องที่ไม่สมควรเนื่องจากในหลวงอยู่เหนือการเมือง ใครก็ตามที่ดึงท่านลงมาเพื่อประโยชน์ส่วนตนไม่ว่าจะในลักษณะไหนก็แล้วแต่เป็นคนทำลายต้นทุนนี้ของพวกเรา บอกตามตรงว่าเลวบัดซบ กองทัพก็เหมือนกันต้องอยู่เหนือฝักฝ่าย ถ้าบ้านเมืองยิงกันฉิบหายแบบอียิปต์เข้ามาเป่านกหวีดก็โอเค ดูเขาคิด เขาคิดถึงขั้นจะเอากฎหมายเข้าสภากลาโหม ถ้าผ่านได้อ้างเป็นพระราชกำหนด พอกราบทูลขึ้นไปก็มีทั้ง ทหารและ ครม. เป็นการชัดเจนว่าใช้กองทัพ และในหลวง ไม่เห็นคุยเรื่องภาคใต้ว่าจะทำยังไง มีแต่บอกว่าจะเอากลับบ้าน อายุมากแล้วไปเรียกเขาว่าท่านแถมจะชวนรุ่นน้องมาสวามิภักดิ์ ไม่ได้คิดถึงราชการแผ่นดินเลย ตนยังสงสัยว่าเรามีรัฐบาลหรือเปล่า

"คลิปนี้มันฟ้องว่าเราไม่มีรัฐบาลมีแต่การยึดอำนาจมาเป็นของตนให้ได้ ถ้าขวางมากก็ไปอยู่ประเทศอื่นซะ นอกจากนี้ศาลฎีกาฯ ได้ตัดสินคดีซุกหุ้นไปแล้ว เสียง 9 ต่อ 0 เพราะฉะนั้นการขึ้นครองตำแหน่งรมต.โดยแจ้งทรัพย์สินเป็นเท็จ ถือครองหุ้นสัมปทาน 13 กระทง กระทงละ 3 ปี พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ถูกตัดสิทธิทางการเมืองแน่นอน จะเล่นการเมืองต่อได้อย่างไร ถ้ากลับมามีการพิจารณาเรียงกระทงลงโทษก็ 39 ปี" นายแก้วสรร กล่าว

ขณะที่นายขวัญสรวง อติโพธิ กล่าวว่า จากที่ฟังคลิปนี้ที่เราบอกว่าไม่อยากให้เขากลับบ้าน ไม่ให้คนทรยศกลับมา ความจริงมันนั่งว่าราชการอยู่ มันยึดไว้หมดแล้ว ตนขนลุกเลยนึกว่าจะกันไม่ให้เข้า ความจริงเขาอยู่แล้ว ตนเคยนึกเทียบฮิตเลอร์กับระบอบทักษิณซึ่งตนดูหมิ่นมากเพราะมันชั่วเป็นกลุ่ม ๆ ไม่มีภาพใหญ่ว่าเป็นยังไง แต่มันอันตราย เรื่องชั่วเยอะ สภายกมือไม่รู้ว่ามีผลอะไร ชั่วเป็นกลุ่ม ๆ แต่เกิดผลใหญ่

http://astv.mobi/Ai6McDB

ฮือฮา!! เด็ก ม.6 จ.อุบลฯ ประกาศขายแฟนเพจ พร้อมยอดไลค์ ตั้งราคาสูงเกือบครึ่งแสน เผยเหตุมีมากจนดูแลไม่ไหว ยันไม่ผิดกฎหมาย คนอื่นก็ทำ

ฮือฮา!! เด็ก ม.6 จ.อุบลฯ ประกาศขายแฟนเพจ พร้อมยอดไลค์ ตั้งราคาสูงเกือบครึ่งแสน  เผยเหตุมีมากจนดูแลไม่ไหว ยันไม่ผิดกฎหมาย คนอื่นก็ทำ

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ในช่วงกลางดึก คืนวันที่ 9 กรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา  เพจ Drama-addict ได้นำข้อมูลการประกาศขายแฟนเพจจำนวนมาก ในเว็บไซต์แห่งหนึ่ง มาเปิดเผย
 โดยประกาศขายเพจ ระบุรายละเอียดดังนี้
“ จัดหนัก ขายแฟนเพจจำนวนมาก ! ราคาถูก ดูก่อนได้ครับ ^^”
--------------
https://www.facebook.com/PowerStatus   จำวนวน Like 119K ขายราคา 35,700 บาท
https://www.facebook.com/GujebGukead   จำนวน Like 151K ขายราคา 45,300 บาท
https://www.facebook.com/kumkom.love.status   จำนวน Like 153K ขายราคา 45,900 บาท
https://www.facebook.com/kumkwamkid   จำนวน Like 98K ขายราคา 29,400 บาท
https://www.facebook.com/klonsms   จำนวน Like 149K ขายราคา 44,700 บาท
https://www.facebook.com/186607144807885   จำนวน Like 187K ขายราคา 56,000 บาท
https://www.facebook.com/Seemoreclub   จำนวน Like 127K ขายราคา 38,000 บาท
https://www.facebook.com/Like.Ink.Heart   จำนวน Like 119K ขายราคา 35,000 บาท
https://www.facebook.com/Nisitlive   จำนวน Like 107K ขายราคา 32,000 บาท
“สนใจเพจไหน ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Email , Facebook หรือ Line ได้เลยนะครับผม”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประกาศขายเพจดังกล่าว ปรากฏชื่อ นายณัฐกานต์ ก้อนคำดี เป็นผู้ประกาศขาย ระบุข้อมูลว่าอยู่ที่ จังหวัดอุบลราชธานี
พร้อมให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ , E-Mail, FB รวมถึง เลขบัญชีธนาคารไว้ครบถ้วน
ในช่วงเช้าวันที่ 10 กรกฎาคม 2556 นายณัฐกานต์ ก้อนคำดี ผู้ประกาศขายเพจดังกล่าว ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ตนได้ลงประกาศขายแฟนเพจดังกล่าวในเว็บไซต์แห่งหนึ่งจริง
“ ยืนยันว่ายอดไลค์ของเราเป็นยอดไลค์จริง ไม่ได้มีการปั้นตัวเลขขึ้นมาเพื่อหลอกลวงแต่อย่างใด สามารถตรวจสอบได้"
นายณัฐกานต์ กล่าวต่อไปว่า ในขั้นตอนการทำเพจเหล่านี้ ตนและเพื่อนๆ ทีมงานจะช่วยกันดูแล ทั้งการโพสต์รูปและข้อความเพื่อให้เพจเคลื่อนไหวอยู่เสมอ ไม่น่าเบื่อ จนทำให้มีคนเข้ามากดไลค์จำนวนมาก 
" แต่ในช่วงหลังจำนวนเพจที่เรามีอยู่มันมีมากเกินไป ทำให้ดูแลเพจไม่ทั่วถึง จะทิ้งไปเลยก็เสียดาย เลยนำออกมาประกาศขาย และเห็นว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีกฎข้อห้ามเรื่องการประกาศขายเพจไว้ด้วย" 
สำหรับการตั้งราคาเพจ นั้น นายณัฐกานต์ กล่าวว่า ตนจะนำจำนวนยอดไลค์ มาคำนวณกับราคาขายที่เราต้องการขายก่อนจะออกมาเป็นราคาที่เราจะประกาศขายอีกครั้ง ซึ่งราคาที่ประกาศเพจแต่ละอันไม่ถือว่าแพงมากถ้าแทบกับจำนวนยอดไลค์ ในตัวเพจ แต่ถ้านำราคามารวมกันทั้งหมด อาจจะดูสูง 
“ที่ผ่านมามีคนมาติดต่อขอซื้อเพจไปแล้วเหมือนกัน เขาคงเอาไปใช้งานเรื่องการตลาด ขั้นตอนการขายไม่ยุ่งยาก แค่จ่ายเงินมา เราก็จะกำหนดชื่อเขาเป็นแอดมินผู้ดูแลเพจคนใหม่ จากนั้นเราก็จะถอนตัวออกมา เขาก็จะเป็นเจ้าของเพจโดยสมบูรณ์แบบ”  นายณัฐกานต์ ระบุ 
นายณัฐกานต์ ยังกล่าวด้วยว่า ตอนแรกที่รู้ข่าวว่าการประกาศขายเพจของตน เริ่มถูกนำไปพูดถึงในโลกออนไลน์ รู้สึกเป็นกังวลเหมือนกัน รุ่นพี่โทรมาบอกว่า ดังใหญ่แล้ว แต่มานั่งคิดอีกทีตนไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้หลอกลวงใคร เพจที่ประกาศขาย มีตัวตน และยอดไลค์จริง 
“ที่สำคัญการขายแฟนเพจไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่ทำ เขาประกาศขายกันทั่วไป เพียงแต่ของเขาขายแค่ เพจสองเพจ แต่ของผมมันมีจำนวนมาก เลยอาจทำให้เป็นจุดสนใจขึ้นมา ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบพบว่า นายณัฐกานต์ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
จากการตรวจสอบเพจที่นำมาประกาศขายพบว่า เพจส่วนเกือบทั้งหมดก่อตั้งในช่วงปี 2554-2555 มีเพียง เพจ “ดูเพิ่มเติม” (https://www.facebook.com/Seemoreclub ที่ประกาศ ขายราคา 38,000 บาท เพิ่งก่อตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2556
ทั้งนี้ ในเพจทั้งหมด จะมีการระบุข้อความให้ติดต่อลงโฆษณา: โพสต์, ปักหมุด, cover page ตลอด  24 ชั่วโมง  เหมือนกันทั้งหมด 

ข้อสันนิษฐานใหม่--ทฤษฎีใหม่

ข้อสันนิษฐานใหม่--ทฤษฎีใหม่.....หลังจากที่ ทฤษฎีที่ว่านักข่าว เป็นคนอัดเสียงคลิป พ.ต.ท.ทักษิณ -พล.อ.ยุทธศักดิ์ ตกไป เพราะทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องปฏิเสธหมด แม้แต่คนใกล้ชิด พล.อ.ยุทธศักดิ์ ก็ยืนยันว่า ไม่มีนักข่าวโทรหาในเวลานั้น...ตอนนี้ก็มีทฤษฎีใหม่ๆ ที่มาของคลิป เช่น มีคนวางเครื่องอัดเสียงขนาดเล็กที่มีขายกันเกลื่อนในสมัยนี้ ไว้บนโต๊ะอาหารที่ ๒คนนั่งคุยกัน ที่ก็ต้องไปสืบค้นกันว่า เป็นใคร เกลือเป็นหนอน หรือว่า มือที่สาม....ส่วนอีกทฤษฎีหนึ่งที่ เชื่อกันว่ามีน้ำหนักมาในกลาโหม คือ ตัว พล.อ.ยุทธศักดิ์ อัดเสียงไว้เอง เพื่อเอาไว้ฟัง หรือเป็นหลักฐานส่วนคัว แต่คลิปหลุดจากคนใกล้ชิด ไปสู่บุคคลที่ ๓ แต่ก็มีข้อโต้แย้งว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ วัย ๗๖ จะกดอัดเสียง เป็นหรือไม่ ยิ่งถ้าใช้ ไอโฟน ด้วยแล้ว อีกทั้งไม่รู้ว่า เวลาไปต่างประเทศ จะเอา โนเกีย เครื่องที่เคยใช้ หรือว่า เอาไอโฟน ไปใช้...ก็วิเคราะห์กันไปในหมู่บิ๊กๆในกลาโหม และคนใกล้ชิด เวลานี้....แต่เสียงที่อยู่ในโทรศัพท์ ดันหลุดมาได้ไง ไม่มีใครรู้ นอกจาก "องค์พระสยามเทวาธิราช" พระองค์เดียว....หุหุ