ระเบิดลามเป็นศึกนางสิงห์ “คู่กัด” ประจำสภาฯ
ล่าสุด “น้องช่อ” น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ตั้งแท่นยื่นฟ้อง “น้องเอ๋” น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ต่อศาลอาญา
ฐานหมิ่นประมาท กรณีที่ น.ส.ปารีณาโพสต์ข้อความลงบนเครือข่ายสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก พร้อมภาพตัดต่อของ น.ส.พรรณิการ์ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รวมทั้งคณะทำงานของพรรค ในลักษณะที่อาจทำให้สังคมเข้าใจผิดว่าพรรคมีส่วนเกี่ยวข้อง เชื่อมโยงกับการก่อเหตุรุนแรงหลายจุดในกรุงเทพฯ
บึมป่วนเมืองพลิกเป็นการเมือง เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง
โดยแรงสั่นสะเทือนจิ๊บจ๊อยมาก เมื่อเทียบกับสถานการณ์ประท้วงในฮ่องกงต่อต้านอำนาจรัฐบาลจีน
กับฉากคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ประเทศไหนมาก่อน ผู้ประท้วงจงใจขัดขวางการเดิน
รถไฟฟ้าในชั่วโมงเร่งด่วน สกัดกั้นไม่ให้รถไฟออกจากสถานีรถไฟใต้ดิน ส่งผลให้การจราจรติดขัดยาวเหยียด บริการเดินรถโดยสารและรถไฟหยุดชะงักเป็นวงกว้าง รวมทั้งรถไฟเชื่อมท่าอากาศยาน
ม็อบแยกกำลังชุมนุม ผละงานประท้วงพร้อมกันเกือบ 10 จุด โดยเฉพาะท่าอากาศยานที่มีผู้โดยสารตกค้างจำนวนมาก เพราะมีการยกเลิกเที่ยวบินกว่า 200 เที่ยว สถานทูต สถานกงสุลเตือนพลเรือนแต่ละประเทศให้ระวัง
ฮ่องกงที่เคยคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวแทบกลายเป็นเมืองร้าง เศรษฐกิจพังพินาศ
ตามบทวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญ โอกาสเกิดความรุนแรงจากการที่รัฐบาลจีนจะส่งกำลังทหารเข้าปราบปรามม็อบขั้นเด็ดขาด การสลายการชุมนุมเกิดขึ้นได้ทุกขณะ
ว่ากันถึงขั้นจะเป็นฉากนองเลือด “เทียนอันเหมิน ภาค 2”
ขณะที่อีกด้านสงครามการค้าสหรัฐอเมริกากับจีนก็ยกระดับเกมรบรอบใหม่ ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์จีนได้ส่งสัญญาณให้บริษัทต่างๆของจีนหยุดซื้อสินค้าทางการเกษตรของสหรัฐฯแล้ว แถมขู่ซ้ำรีดภาษีผลิตภัณฑ์จากฟาร์มอเมริกาที่ซื้อหลังจากวันที่ 3 สิงหาคมนี้
เป็นเกมตอบโต้ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” แห่งสหรัฐฯ ที่ประกาศกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรอบใหม่ มูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์
ตามเงื่อนไขสถานการณ์หักดิบ ทำให้ข้อตกลงสงบศึกทางการค้าระหว่างจีนและอเมริกาพังครืนทันที ก่อแรงสั่นสะเทือนเขย่าเศรษฐกิจโลกหลายแมกนิจูด
ไม่ต้องพูดถึงสถานการณ์ส่งออกของไทยที่เจอแรงกระแทกเต็มๆ
แค่รอลุ้นตัวเลขจะติดลบอีกมากน้อยแค่ไหน
แต่ในท่ามกลางลางร้าย วิกฤติ “สึนามิ” เศรษฐกิจโลกจ่อถล่มทั่วทุกทวีป แถมการเมืองไทยยังวุ่นวายกับควันระเบิดป่วนเมืองซ้ำจนแทบมองไม่เห็นทิศทางข้างหน้า
มันก็ยังมีโลกแง่ดี กับการเร่งปั๊มเศรษฐกิจเร่งด่วนภายในระยะเวลา 3 เดือน
นั่นไม่เท่ากับการเปิดวิสัยทัศน์ของทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจรัฐบาล “ประยุทธ์ ภาค 2” ที่มาจากการเลือกตั้ง ทั้งนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ที่ระบุภายหลังนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ มอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงการคลัง เตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “แพ็กเกจใหญ่” ภายในเดือนสิงหาคมนี้
เน้นดูแลคนทุกกลุ่มตั้งแต่ระดับฐานรากยันธุรกิจท่องเที่ยวในภาพรวม
ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดแผนช่วง 3 เดือนแรก จะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาสร้างความสมดุล ปรับโครงสร้างไบโอดีเซลตามแนวทางแก้ปัญหาสต๊อกน้ำมันปาล์ม ร่วมมือกับกระทรวงการคลัง ปรับแนวทางการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย สามารถใช้พลังงานราคาถูก
โดยการช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เช่น ค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม
อีกด้าน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ก็เตรียมหารือธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับ 32 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ตามที่เอกชนส่วนใหญ่ต้องการไม่ให้แข็งค่าเกินไป จนกระทบขีดความสามารถในการแข่งขันของเอกชน
และยังเตรียมคิวโรดโชว์เพื่อดึงนักลงทุนที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯกับจีนมาลงทุนในประเทศไทยที่มีจุดแข็ง โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
อย่างน้อยก็เป็นจุดที่กระตุกความหวัง “ฝากผีฝากไข้” กับทีม “มือบริหารอาชีพ”
รีบวิ่งเข้าชนปัญหา คิดไวทำไว วางแผนเดินเนื้องานได้อย่างเป็นระบบ
ไม่ต้องเสียเวลารำมวย ขึ้นเวทีชกแบบตะลุมบอนทันที
ที่สำคัญความรู้สึกไวกว่ารัฐบาลท็อปบูตเห็นได้ชัด.
ทีมข่าวการเมือง