PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2560

09.00 INDEX “รัฐบาลแห่งชาติ” คือ “ตัวหลอก” เลื่อนโรดแมป “เลือกตั้ง” คือ “จริง”

09.00 INDEX “รัฐบาลแห่งชาติ” คือ “ตัวหลอก” เลื่อนโรดแมป “เลือกตั้ง” คือ “จริง”


ประหนึ่งว่า ข้อเสนอว่าด้วย”รัฐบาลแห่งชาติ” ของ นายพิชัย รัตตกุล จะสะท้อน “ความเพ้อฝัน”
เป็นเช่นนั้นจริงหรือ

แม้ นายพิชัย รัตตกุล จะอาวุโสอย่างยิ่ง แต่เป็นความอาวุโสอันเปี่ยมด้วยสติ สัมปชัญญะ
มิได้เลอะๆเลือนๆ

ยิ่งกว่านั้น นอกจากเป็นนักการเมืองระดับหัวหน้าพรรคและเคยดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี หากยังมีพื้นฐานในทาง เศรษฐกิจและสังคม

ลองลอก “เปลือก” เอา “แก่น” พิจารณาอย่างเข้าใจในแต่ละ “บริบท” ก็จะมองเห็น “เนื้อแท้” อันยอกย้อนของ “ข้อเสนอ”

ข้อเสนอนี้มาจาก “ความจัดเจน” ครบถ้วน สมบูรณ์

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อาจสงสัยว่า “รัฐบาลแห่งชาติ” จะเกิดก่อนหรือหลัง “การเลือกตั้ง”

แต่แท้จริงแล้ว “มูลฐาน” อย่างสำคัญมาจาก

“วันนี้ผมเชื่อว่าจะไม่มี “เลือกตั้ง” ตาม “โรดแมป” “อย่างแน่นอน”

ชัดถ้อย ชัดคำ จาก นายพิชัย รัตตกุล

ยิ่งหากนำไปประสานกับ “คำตอบ” จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อ “คำถาม” ในเรื่อง “รัฐบาลแห่งชาติ”

สั้นๆและรวบรัด

“ไม่มีความเห็น ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดในช่วงนี้” ยิ่งบ่งบอกถึง

“ความนัย”

ความนัยที่ว่า “จะไม่มีเลือกตั้ง”

จากนี้จึงเห็นได้ว่า ที่ นายพิชัย รัตตกุล เอ่ยคำ “รัฐบาลแห่งชาติ” ขึ้นมามิได้สะท้อน “ความเพ้อฝัน”

หากแต่เป็น “ตีปลาหน้าไซ”

“การเลือกตั้ง” ต่างหากคือสิ่งที่ นายพิชัย รัตตกุล ต้องการส่งสัญญาณต่อสังคม แนวโน้มที่บ่งชี้ก็คือ เริ่มจาก “เลื่อน” โรดแมป

นั่นก็คือ ไม่มีทางที่จะมีการเลือกตั้งภายในปี 2561 และทำท่าคล้ายๆกับอาจจะมีในปี 2562 ซึ่งก็เหมือนกับที่เคยประกาศผ่าน “ปฏิญญาโตเกียว” และ “ปฏิญญานิวยอร์ค” คือไม่แน่นอน

ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้ยุทธวิธี “ลับ ลวง พราง” ทางการเมือง

เหตุผลมท.เซ็นต์ยกป่าให้กระทิงแดง

หนึ่งในเหตุผลตามหนังสือของมหาดไทยที่เซ็นยกป่าให้กระทิงแดงคือ "ปัจจุบันมีสภาพแห้งแล้งไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติ" ตอนก่อนหมาเฝ้าบ้านได้นำภาพ "ป่าที่แห้งแล้ง" ที่มีห้วยทรายเชื่อมต่อไปยังลำน้ำพอง
ภาพชุดนี้เป็นบริเวณที่ชาวบ้านเรียกว่า "ฝายห้วยเม็ก" อยู่บริเวณใจกลางป่าห้วยเม็ก เป็นฝายที่เกิดจากการที่ชาวบ้านทำเส้นทางไว้สัญจรเมื่อนานมาแล้ว
ฝายนี้หน้าแล้งน้ำจะลดลง บางปีก็แห้งตามธรรมชาติ ต่อมาปี 58-59 บริษัทได้เข้ามาเสริมคันดินสูงขึ้นอีกเพื่อกักเก็บน้ำ และสูบน้ำจากพื้นที่โรงงานมาที่ฝายนี้ จนกระทั่งทำให้น้ำขึ้นสูงและหน้าฝนปี 60 น้ำท่วมเข้าไปในป่า ต้นประดู่และต้นไม้อื่น ๆ เริ่มยืนต้นตาย
---------
ข้อมูลตอนก่อน
· “อนุพงษ์” เซ็นยกป่าชุมชนให้ “กระทิงแดง” สร้างโรงงาน http://bit.ly/2xmTXyG
· เปิดภาพชุด "ป่าแห้งแล้ง" ที่ มท.1 เซ็นยกให้ "กระทิงแดง" http://bit.ly/2eXMqib
· เปิดหนังสือกรมที่ดินรู้ว่าชาวบ้านใช้ประโยชน์ http://bit.ly/2ffdNRT

‘บิ๊กป๊อก’อ้างเอกสารคนไม่เห็นด้วย ยกป่าชุมชนให้ บ.กระทิงแดง ไม่ถึงมือ-สั่งเอาผิดแล้ว

‘บิ๊กป๊อก’อ้างเอกสารคนไม่เห็นด้วย ยกป่าชุมชนให้ บ.กระทิงแดง ไม่ถึงมือ-สั่งเอาผิดแล้ว



(แฟ้มภาพ)
‘บิ๊กป๊อก’สงสัย ขั้นตอนการส่งเอกสาร เหตุใดไม่มีเอกสารประเด็น ปชช.ไม่เห็นด้วยกรณีพื้นที่ที่ดิน’ห้วยเม็ก’ ส่งขึ้นมายังกระทรวง พร้อมสั่งสอบให้เสร็จใน 15 วัน หากผิดต้องหาคนมาลงโทษ

เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 12 กันยายน ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเซ็นอนุมัติยกป่าชุมชนในที่สาธารณะห้วยเม็ก 31 ไร่ ใน อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ให้กับบริษัทกลุ่มกระทิงแดงว่า เรื่องการขอใช้ที่ดินสาธารณะประโยชน์ สามารถขอได้ไม่ว่าจะเป็นเอกชน ราชการ ภาคประชาชน โดยขอใช้ได้ตามระเบียบ 5 ปี แต่หากมีการทำผิดเงื่อนไข ก็สามารถเพิกถอนได้ในทันที ซึ่งกระบวนการเรื่องนี้จะต้องทำประชาคมจากประชาชน แล้วส่งเรื่องมายังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) แล้วมาสู่คณะกรรมการจังหวัดซึ่งมีกว่า 10 หน่วย จากนั้นจึงส่งเรื่องมายังกรมที่ดินแล้วมาเข้าระดับกระทรวง ตนยืนยันว่าการดำเนินการตามกระบวนการเหล่านี้ถูกต้องตามขั้นตอน ทั้งนี้ เมื่อช่วงดึกของวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา ตนได้ตรวจสอบเรื่องนี้ทั้งคืนแล้วพบว่า มีประชาชนเห็นคัดค้านกับเรื่องดังกล่าว แต่เหตุใดไม่มีเอกสารที่ประชาชนไม่เห็นด้วยส่งขึ้นมา ตรงนี้ต้องไปตรวจสอบในระดับจังหวัด โดยจะต้องตรวจสอบคณะกรรมการทั้งหมดว่ารู้เรื่องนี้หรือไม่ ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่าไม่เป็นไปตามเงื่อนไขจะต้องดำเนินการยกเลิกการขอใช้พื้นที่ดังกล่าวโดยทันที และต้องดำเนินการหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ทั้งนี้ ได้สั่งการไปว่าให้ตรวจสอบเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จใน 15 วัน ซึ่งขณะนี้กรมที่ดินได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ขั้นตอนการส่งเอกสารเป็นสิ่งที่ตนสงสัยว่าเหตุใดพื้นที่เล็กๆ มีประชาชนไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว ทำไมจึงไม่มีเอกสารประเด็นที่ประชาชนไม่เห็นด้วยส่งขึ้นมา ส่วนที่มีความเป็นห่วงกันมากในเรื่องป่าชุมชนนั้น ตนขอเรียนที่ดินเป็นคนละแปลงกัน ห่างกันประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งที่ดินตรงนั้นไม่มีการขออนุญาตใช้ ส่วนกรณีที่มีการปิดถนนเพื่อใช้เป็นเส้นทางส่วนตัว เรื่องนี้ไม่ต้องรอคณะกรรมการ สามารถไปแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายได้ เพราะไม่มีใครสามารถปิดถนนหลวงได้

อย่างไรก็ตาม ขอย้ำอีกครั้งว่าหากใครใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเพื่ออะไรก็แล้วแต่ และหากมีการทุจริตใครทำผิดจะต้องได้รับโทษตามกฎหมาย

"ขบวนการฮุบที่ดินป่าชุมชนห้วยเม็ก"

Land Watch THAI จับตาปัญหาที่ดิน
5 ชม.
"ขบวนการฮุบที่ดินป่าชุมชนห้วยเม็ก"

2555 จากการกล่าวอ้างของนายก อบต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ต่อกรณีดังกล่าว เปิดเผยว่า บริษัท เคทีดี พร๊อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เข้ามาซื้อที่ดินสร้างโรงงานกว่า 500 ไร่ เข้าพบผู้นำชุมชนเพื่อขอความเห็นชอบ ทางผู้นำชุมชนเห็นด้วย จึงอนุญาตให้ทำการก่อสร้างโรงงานได้
..............................
2558 เมื่อการอนุญาตผ่านหมด มีการลงมือก่อสร้างโรงงาน ส่วนพื้นที่สาธารณประโยชน์ห้วยเม็ก ซึ่งเป็นป่าชุมชน ทางบริษัทได้ยื่นเรื่องขอเช่าในเนื้อที่กว่า 31 ไร่ เพื่อใช้เป็นที่กับเก็บน้ำสำหรับโรงงานน้ำดื่มและเครื่องดื่ม มีการเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณา ทุกอย่างผ่านหมด พร้อมทั้งทำประชาพิจารณ์ซ้ำเมื่อครั้งขออนุญาตสร้างโรงงาน ชาวบ้านเห็นชอบ(ตามคำกล่าวอ้างของนายก อบต.บ้านดง)
................................
ปี 2559 เมื่อขั้นตอนต่างๆในระดับตำบลเสร็จสมบูรณ์ และส่งเรื่องไปตามลำดับระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ทาง อบต.มีหน้าที่จัดเก็บค่าเช่าเป็นไร่ละ 1,000 บาทต่อปี ซึ่งทางบริษัทได้จ่ายค่าเช่าที่ดินให้ อบต.มาแล้วตั้งแต่ปี 2559 เป็นเงิน 32,000 บาทต่อปี
.................................
ปี 2560 จากการตรวจสอบ เป็นที่แน่นอนแล้วว่า “พื้นที่ป่าชุมชนห้วยเม็กแห้งแล้ง ไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติ ราษฎรไม่ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน และไม่ได้เป็นพื้นที่รองรับน้ำในฤดูฝนแต่อย่างใด” ตามคำอ้างในหนังสือขออนุมัติที่พล.อ.อนุพงษ์เซ็นต์นั้นไม่เป็นความจริง เพราะจากการลงพื้นที่ของนอกจากจะเป็นพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์แล้วนั้น ยังเป็นทางเดินของน้ำ(Flood Way) อีกด้วย และเป็นที่ที่ชาวบ้านในพื้นที่ยังใช้ประโยชน์อยู่
.................................
เพียงแค่ 1 ปี ในการซื้อที่ดินจำนวนกว่า 500 ไร่ ล้อมรอบที่ดินป่าชุมชนห้วยเม็ก
เพียงแค่ 3 ปี กระบวนการทางกฎหมายเสร็จหมด ไม่มีการออกมาต้านตามคำกล่าวอ้าง
เพียงแค่ 4 ปี มีการอนุมัติให้ใช้ที่ดินป่าชุมชน และรัฐได้ประโยชน์จากค่าเช่าเพียง 32,000 บาทต่อปี(แต่ผลกำไรบริษัทเช่าจำนวนมหาศาล)
และเพียงแค่เท่านี้ปีจริงๆที่เอกชนก็ฮุบที่ดินของรัฐได้แล้ว
.................................
เราอยู่ในยุคที่รัฐบาลบอกเข้ามาปฏิรูปประเทศ เราอยู่ในยุคที่รัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง เราอยู่ในยุคที่รัฐบาลปากบอกต้องการอนุรักษ์ป่าถึงกับออกนโยบายทวงคืนผืนป่า ไล่รื้อที่ชาวบ้านคนยากจนเดือดร้อนกันไปหมด แต่กลับยกที่ดินป่าให้เอกชนเช่าในราคาถูก….
อ่านเพิ่มเติม
https://www.thairath.co.th/content/1067060
https://www.isranews.org/isranews-n…/59415-news00_59415.html
http://bit.ly/2xmTXyG
http://bit.ly/2ffdNRT

นศ.มธ.ชูป้ายสลายชุมนุม 53 ใส่หน้า“อภิสิทธิ์” บุกถาม“คิดไงเด็ก 17 ปีถูกยิงตายซอยรางน้ำ”

Peace News
1 ชม.
นศ.มธ.ชูป้ายสลายชุมนุม 53 ใส่หน้า“อภิสิทธิ์”
บุกถาม“คิดไงเด็ก 17 ปีถูกยิงตายซอยรางน้ำ”
นศ.ธรรมศาสตร์ ชูป้ายสลายชุมนุม ปี 53 ตอกหน้า “อภิสิทธิ์” พร้อมลุกถามเผชิญหน้า “คิดยังไง เด็ก 17 ถูกยิงตายที่รางน้ำ” แต่คำตอบที่ได้คือ “ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ”
เมื่อ 12 ก.ย. 2560 ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “จากนักวิชาการสู่นายกรัฐมนตรี:ภาพการเมืองที่เปลี่ยนไป” ในงาน “รัฐศาสตร์วิชาการ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยระหว่างการบรรยายนั้น มีกลุ่มนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 ประมาณ 4 คน นำโดยนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดใกล้กับโพเดียมที่นายอภิสิทธิ์ กำลังบรรยาย ได้ชูป้ายที่เขียนข้อความว่า “And there were fighting on the street and people …unfortunately, some people died น่าเสียดายที่บางคนก็ตาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2555”
ส่วนนายอภิสิทธิ์ ก็ดำเนินการบรรยายต่อไปอย่างเรียบเฉย ไม่มีท่าทีใดๆต่อการแสดงออกของนักศึกษา
ภายหลังการบรรยาย นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ได้เข้าไปถามนายอภิสิทธิ์ว่า “ท่านคิดอย่างไรกับการที่เด็กอายุ 17 ถูกยิงตายที่รางน้ำ” ขณะที่นายอภิสิทธิ์ ตอบด้วยสีหน้านิ่งเรียบว่า “ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ”
นายพริษฐ์ กล่าวว่า ต้องการถามนายอภิสิทธิ์ 3 ข้อ คือ 1. วันนี้ท่านบอกว่าเริ่มต้นชีวิตการเมืองในช่วง รสช. โดยมีแรงบันดาลใจว่า จะต่อสู้เพื่อไม่ให้มีการยึดอำนาจเกิดขึ้นอีก 2. ท่านบอกว่า เติบโตมาพร้อมเหตุการณ์ 14 ตุลา 6 ตุลา พฤษภาทมิฬ ทุกเหตุการณ์ล้วนแต่มีเลือด มีคนตาย เหตุใดท่านเป็นนายกรัฐมนตรีจึงปล่อยให้มีการสังหารคน 99 ศพ ทั้งเด็ก สตรี และคนชรา ทั้งที่เหตุการณ์นี้มีคนตายมากกว่าครั้งอื่นๆที่ท่านบอกว่า ทำให้ท่านสะเทือนใจเสียอีก และ 3. ท่านบอกว่า บางทีพวกผมก็เข้าใจผิดหรือบิดเบือนเจตนารมณ์ ทำให้เกิดความแตกแยก อยากถามท่านว่า หลายครั้งที่ท่านให้สัมภาษณ์โจมตีฝ่ายตรงข้าม หรือคนคิดต่าง จะถือว่าเป็นการบิดเบือน ยุยงให้แตกแยกหรือไม่
“ขออภัยที่ไม่ได้ถามต่อหน้าวันนี้ เพราะเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย และหวังว่าท่านจะมีคำตอบที่ชัดเจนสำหรับคำถามที่ว่า” นายพริษฐ์ กล่าว
PEACE NEWS

"บิ๊กต้อ" ถก กอ.รมน. ฝากเตือนชาวบ้าน ให้รับฟังข้อมูลข่าวสาร อย่างรู้เท่าทัน



"บิ๊กต้อ" ถก กอ.รมน. ฝากเตือนชาวบ้าน ให้รับฟังข้อมูลข่าวสาร อย่างรู้เท่าทัน ไม่หลงเชื่อข่าวสาร ที่บิดเบือน
บิ๊กต้อ พล.อ.สสิน ทองภักดี เสธ.ทบ. ในฐานะ เลขาธิการ กอ.รมน. เป็นประธานการประชุม หน่วยขึ้นตรง ของใกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) หลังจากมีโปรดเกล้าฯตำแหน่งต่างใหม่ แล้ว จะมีผล1ตค.นี้

พ.อ.พีรวัชฌ์ แสงทอง โฆษก กอ.รมน. เปิดเผยว่า พลเอกสสิน ขอให้กำลังพลช่วยทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ให้รับฟังข้อมูลข่าวสาร อย่างรู้เท่าทัน ไม่หลงเชื่อข่าวสารที่บิดเบือน

ทั้งนี้เพื่อให้การแก้ไขปัญหาความมั่นคงด้วยพลังประชารัฐ ให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการสร้างสังคมไทยให้มีความมั่นคง เข้มแข็ง อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ยังให้ทุกหน่วยได้ชี้แจงทำความเข้าใจในเรื่องต่างๆกับพี่น้องประชาชนในทุกโอกาส ซึ่งได้แก่ การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด , การแก้ไขปัญหาผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง , แรงงานที่ผิดกฎหมาย

ส่วนสถานการณ์ยาเสพติด ในห้วงเดือน ส.ค.60 มีสถิติการจับกุมยาเสพติดมากกว่าเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยยาเสพติดที่จับกุมได้ ร้อยละ 90 มาจากพื้นที่ภาคเหนือ

ซึ่งสถานการณ์ด้านการผลิต การค้า และการแพร่ระบาดของยาเสพติดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังไม่มีแนวโน้มที่จะคลี่คลายหรือลดความรุนแรงลง

อีกทั้งขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติได้ใช้พื้นที่ประเทศไทยในการส่งผ่านยาเสพติดออกไปยังประเทศหรือภูมิภาคอื่นๆ ทำให้สถานการณ์ยาเสพติดในประเทศจะดำรงความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง

ซึ่ง เลขาธิการ กอ.รมน. ได้ให้ ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กอ.รมน. , กอ.รมน.ภาค และ กอ.รมน.จังหวัด ได้บูรณาการกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะงานด้านการข่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดการร่วมมือในการสกัดกั้นยาเสพติดและแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด

ด้านบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ในห้วงเวลาที่ผ่านมาได้ตรวจพบสถานประกอบการ และกลุ่มขบวนการ มีการลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน เดินทางเข้า-ออก และลักลอบทำงาน/อยู่อาศัยในพื้นที่ต่างๆอย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าในปัจจุบัน รัฐบาลได้ชะลอการบังคับใช้ พ.ร.บ.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และเปิดให้มีการยื่นแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว ก็ตาม ยังปรากฏว่ามีกระบวนการนายหน้าผิดกฎหมาย อ้างกับนายจ้างและผู้ประกอบการว่า สามารถนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานในไทยได้ โดยเรียกเก็บเงินในปริมาณสูง

ซึ่ง เลขาธิการ กอ.รมน. ได้ให้ทุกหน่วยงานของ กอ.รมน. โดยเฉพาะ กอ.รมน.จังหวัด ดำเนินการชี้แจงต่อพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยชี้ให้เห็นถึงปัญหาและผลกระทบจากการใช้แรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย เช่น การค้ามนุษย์ , การละเมิดสิทธิมนุษยชน , ปัญหาโรคติดต่อ และปัญหาอาชญากรรม เป็นต้น

พล.อ. สสิน ได้เน้นย้ำ กอ.รมน.ภาค และ กอ.รมน.จังหวัด ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยบูรณาการร่วมกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พร้อมทั้งรายงานความคืบหน้าให้ทราบทุกเดือน และได้เน้นย้ำการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน จะต้องดำเนินการตามหลักสากล เช่น การค้ามนุษย์ และการทำประมงที่ผิดกฎหมาย




"เลขาฯสมช."ชี้ "ย่ิงลักษณ์"หลบหนีผ่านด่านสระแก้ว แต่ยังไม่แน่ชัดใครช่วย



"เลขาฯสมช."ชี้ "ย่ิงลักษณ์"หลบหนีผ่านด่านสระแก้ว แต่ยังไม่แน่ชัดใครช่วย แล้วตอนนี้อยู่ไหน ยัน ไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ยอมรับฝ่ายความมั่นคง ยังไม่ชัดเจนในข้อมูล ชี้ยังไม่มีกำหนดแถลงข่าว รอ"บิ๊กป้อม" สั่งก่อน

พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวถึงการแถลงความคืบหน้าการตรวจสอบช่องทางการหลบหนีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้เรื่องของการแถลงข่าว ยังไม่กำหนดห้วงเวลา เพราะอยู่ระหว่างการพูดคุยเพื่อสรุปความชัดเจนว่า มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด มากกว่าที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้ข่าวไปแล้ว มากน้อยกว่านั้นหรือไม่ ก่อนที่จะสรุปกันอีกที
ส่วนพร้อมแถลงเมื่อไหร่พลเอกประวิตร จะได้พิจารณาอีกครั้งนี้ ในส่วนของผู้ที่จะชี้แจง
เมื่อถามว่ายังยืนยันข้อมูลเดิมหรือไม่ ที่มีการหลบหนีออกผ่านด่านจ.สระแก้ว พล.อ.ทวีป กล่าวว่า ตอนนี้ความชัดเจนออกมาทางด้านนั้น แต่เรายังต้องเช็คละเอียดมากขึ้นไปอีกว่า มีการติดต่อ มีการดำเนินการในลักษณะอย่างไร
เมื่อถามต่อว่า ตอนนี้ได้คนที่อำนวยความสะดวกในการ พาน.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางออกนอกประเทศแล้วหรือยัง พลเอกทวีป กล่าวว่า เรายังคงดำเนินการหาหลักฐานต่อไปเพื่อให้เกิดความชัดเจนขึ้น ในการที่เราจะไปดำเนินการอะไรกับบุคคลต้องมีความมั่นใจว่ามีส่ิงบอกเหตุ มีหลักฐานที่เรารวบรวบอย่างชัดเจน ก่อนดำเนินการ
เมื่อถามว่า มีคนช่วยเหลือในการพาออกจำนวนกี่คน พล.อ.ทวีป กล่าวว่า เวลานี้ยังไม่ได้ข้อมูลชัดเจน กำลังหาต่อไป เมื่อมีความชัดเจนเมื่อไหร่ ได้มีการพูดคุยฝ่ายความมั่นคงหลายๆฝ่าย โดยเฉพาะด้านการข่าวแล้ว ทาง พลเอกประวิตร จะพิจารณาว่าแน่ชัดแล้วหรือยัง จะได้ออกมาชี้แจงให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น
เมื่อถามว่า แม้แต่เพจคนเสื้อแดง ออกมาระบุว่าในส่วนของ ด่านจ.สระแก้วที่ผ่านไปได้ยาก เป็นไปไม่ได้ถ้าเทียบเวลากับช่วงระยะเวลาเดินทาง พล.อ.ทวีป ตอบว่า ส่ิงที่ไปถามๆกันมาเป็น ส่ิงที่เขารู้สึกว่าเป็นอย่างนั้น แต่จะเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ ฝ่ายความมั่นคงต้องชัดเจนก่อน ถึงจะสามารถยืนยันอย่างนั้นได้ บุคคลนั้น บุคคลนี้ จะพูดด้วยความรู้สึกว่าจะยาก แต่ถ้าไปดูพื้นที่กว้างขวางมาก ฉะนั้นการที่จะใช้เส้นทางไหน เส้นทางธรรมชาติบ้าง ไม่ธรรมชาติบ้าง มีเยอะแยะไปหมด ในช่วงจังหวะหนึ่งที่เราจะดำเนินการอะไรก็ตาม ต้องมีรายงานข่าว ซึ่งชายแดนไทยกว้างขวางมาก ถ้าไม่มีรายงานข่าวที่จะเป็นส่ิงที่บอกเหตุมาก่อน โอกาสที่เราจะไปจับกุม บล็อกเส้นทางเป็นไปได้ยาก เพราะเส้นทางมากมายเหลือเกิน
เมื่อถามว่า ทำไมรู้จุดถึงยังไม่คืบ พล.อ.ทวีป กล่าวว่า ยังต้องหาหลักฐานให้ละเอียดขึ้น จนเมื่อพล.อ.ประวิตรเห็นว่า มาถึงตรงนี้น่าสรุปได้แล้ว จะชี้แจงต่อไป
เมื่อถามต่อว่า เป็นไปได้หรือไม่อย่างที่หลายคนบอกว่าขึ้นเครื่องบินหนีออกไป พล.อ.ทวีป กล่าวว่า ก็เป็นหนึ่งในหลายๆโจทย์ที่ฝ่ายความมั่นคงจะไปตัดอะไรออกไปเลย เวลาเราต้องการพิสูจน์ทราบอะไรก็ตาม จะตั้งสมมุติฐานไว้ในหลายๆความเป็นไปได้ เพื่อที่จะหาหลักฐานในทุกประเด็น แล้วค่อยมาดูว่าเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน แล้วค่อยตัดประเด็นแต่ละประเด็นออกไป
ตราบใดที่ยังไม่ได้อะไรมาก เรายังคงเก็บประเด็นเหล่านั้นไว้ เพื่อเอาหลักฐานที่เจอแต่ละครั้ง มาดูว่าเป็นไปได้หรือไม่ใช้เส้นทางนี้หรือไม่ หรือมีบุคคลเหล่านี้เข้ามาเกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่าน.ส.ย่ิงลักษณ์ จะออกมาเคลื่อนไหวในวันที่ 27 กย.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะอ่านคำพิพากษาคดีโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่ เลขาธิการสมช.กล่าวว่า ยังไม่มีรายงาน ซึ่งจะออกมาหรือไม่ออกมา ส่ิงที่เราทำเวลานี้ก็คือเก็บหลักฐานในรายละเอียดต่อไปว่าอะไรเกิดขึ้นแน่
เมื่อถามว่า รู้จุดหรือยังว่าน.ส.ย่ิงลักษณ์ อยู่ที่ไหน พล.อ.ทวีป กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ เพราะหลักฐานที่เข้ามา ยังไม่สามารถสอดคล้อง ยืนยันว่าใช่แน่นอน คล้ายเป็นสมมุติฐานไปเรื่อยๆ มีคนแจ้งข่าวเข้ามาบ้าง
แต่ส่ิงเหล่านี้เป็นแค่เป็นข่าวเข้ามา นั้นเป็นส่ิงที่เราต้องพิสูจน์ทราบ
เมื่อถามว่า แสดงว่าอดีตนายกฯอาจเปลี่ยนที่อยู่บ่อย พล.อ.ทวีป กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ทั้งหมด เพราะเดี๋ยวนี้การเดินทางโดย โลจิสติกส์ มัน ง่ายเหลือเกิน จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งโดยใช้เวลาไม่มากนัก

ปลัดกห.เผย บิ๊กป้อม บินอังกฤษ คุยกับรมว.กห. อังกฤษ เริ่อง ทบ.ไทย-อังกฤษ



ปลัดกห.เผย บิ๊กป้อม บินอังกฤษ คุยกับรมว.กห. อังกฤษ เริ่อง ทบ.ไทย-อังกฤษ เตรียมฝึกร่วมครั้งแรก Panther Gold2017 ตค.นี้ ที่กาญจนบุรี/ ไม่เกี่ยว"ปู"หนี
พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกลาโหม เผยว่า ในการเดืนทางไปอังกฤษ ของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม12-15 กย. นี้ จะมีการหารือกับ รมว.กลาโหม อังกฤษ เรื่องการ ฝึกร่วมครั้งแรก ของ ทบ.ไทย-อังกฤษ Panther Gold2017 ซึ่งถือเป็นความร่วมมือทางการทหาร ที่ก้าวหน้า โดยฝึกร่วม กองร้อยทหารราบ ร่วมกัน โดยจะฝึก ที่ พล.ร.9 กาญจนบุรี โดยเป็นการฝึกทางทหาร ไม่ใช่HADR
และยืนยันว่า ไปอังกฤษ ไม่เกี่ยวข้องกับ การหลบหนีของ อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่อย่างใด

ญี่ปุ่น บุกทำเนียบฯ

ญี่ปุ่น บุกทำเนียบฯ
นายกฯ พบ รมต.เศรษฐกิจ การค้าญี่ปุ่น และ600นักธุรกิจ -สื่อ เชิญชวนลงทุนใน EEC ขายความเป็น Innovation City
นาย Hiroshige Seko รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (METI) นำคณะผู้บริหารภาคเอกชนและสื่อมวลชนชั้นนำของญี่ปุ่น 600 คน เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล

พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายกรัฐมนตรียินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาพบกับผู้บริหารภาคเอกชนและสื่อมวลชนชั้นนำของญี่ปุ่นในวันนี้

ไทยญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ที่ดีและยาวนานในทุกระดับกว่า 130 ปี นับว่าญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีความใกล้ชิดกับไทยมากที่สุด พร้อมแสดงความชื่นชมหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมกันจัดงานในครั้งนี้
นายกรัฐมนตรีขอให้นักธุรกิจญี่ปุ่นมั่นใจว่ารัฐบาลไทยจะทำทุกอย่างเพื่อให้ไทยและญี่ปุ่นมีความไว้เนื้อเชื่อใจ โดยอยู่ภายใต้ผลประโยชน์ที่เท่าเทียม ความสัมพันธ์ที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับต้นๆ ของไทยมาอย่างต่อเนื่องจนถึงในปัจจุบัน

ในด้านการลงทุน นักลงทุนญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยบริษัทญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนที่สำคัญอันดับหนึ่งของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านอุตสาหกรรมการผลิต ทั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งทั้งสองอุตสาหกรรมดังกล่าว กลายเป็นเสาหลักที่สำคัญของภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกไทยในปัจจุบัน

รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยกำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศในระยะยาวหรือแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศระยะ 20 ปี เพื่อให้เศรษฐกิจและสังคมไทยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ท่าเรือ ระบบดิจิทัล ดาวเทียม อวกาศ ส่งเสริม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง พัฒนาคุณภาพการศึกษา พัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ พัฒนาชุมชนและเมืองใหม่ และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

รัฐบาลยังได้แก้ไขกฎหมายการส่งเสริมการลงทุน และออกมาตรการเพื่อเร่งรัดการลงทุนเพิ่มเติม โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์และการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนจำนวนมาก เพื่อขจัดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ ปราศจากคอรัปชั่น มีความโปร่งใส สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจแก่นักลงทุนไทยและต่างประเทศ

โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนใน EEC เพื่อให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ดีที่สุดและทันสมัยที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์การลงทุนรองรับด้วยความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน

พร้อมทั้งเชื่อมโยงด้วยโครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง รวมถึงแผนงานการลงทุนการยกระดับและพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม

โดยมีจุดเด่นคือการเป็นเมืองนวัตกรรม (Innovation City) ที่เป็นต้นแบบของการพัฒนางานวิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมในลักษณะองค์รวม มีการใช้ทรัพยากรร่วมกัน เพื่อก่อประโยชน์สูงสุด

ทั้งนี้ EEC มีความก้าวหน้าตามลำดับและขอให้มั่นใจว่าจะมีการขับเคลื่อน EEC ต่อไปในระยะยาว
รัฐบาลมุ่งผลักดันประเทศไทยเข้าสู่โมเดล “ประเทศไทย 4.0” ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในภาคอุตสาหกรรมไทย เพื่อให้ก้าวเข้าสู่ยุคที่ให้ความสำคัญกับการผลิตด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง

โดยมุ่งเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายใน 5 กลุ่ม ได้แก่ 1 กลุ่มอาหาร เกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพ 2 กลุ่มสาธารณสุข สุขภาพ และเทคโนโลยีการแพทย์ 3 กลุ่มเครื่องมืออุปกรณ์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ และระบบเครื่องกลที่ใช้อิเล็กทรอนิกส์ควบคุม 4 กลุ่มดิจิทัล เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมต่อและบังคับอุปกรณ์ต่างๆ ปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีสมองกลฝังตัว และ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และบริการที่มีมูลค่าสูง

นอกจากนี้ ในเรื่อง SMEs นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ขอให้เชื่อมั่นในศักยภาพในการพัฒนา SMEs ให้เข้มแข็ง

พร้อมขอให้ภาคเอกชนญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs และธุรกิจท้องถิ่นในไทยให้มากขึ้น ซึ่ง BOI ได้พยายามชักจูงการลงทุนและเชื่อมโยงผู้ประกอบการ SMEs ญี่ปุ่นและไทย โดยการร่วมลงทุน การซื้อขายวัตถุดิบและชิ้นส่วน การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีทั้งในสาขาอุตสาหกรรมดั้งเดิม และในสาขานวัตกรรมใหม่ๆ

ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณนักธุรกิจจากญี่ปุ่นที่เชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยและเชื่อว่าคณะนักลงทุนจะเห็นโอกาสและประโยชน์ และตัดสินใจขยายการลงทุนในไทยมากขึ้น

"นักศึกษา วทบ.62" ชี้ การเมืองภายใน จะยังมีปัญหาอีกแน่ หากไม่สามารถสร้างความปรองดองได้

ปัญหารออยู่
"นักศึกษา วทบ.62" ชี้ การเมืองภายใน จะยังมีปัญหาอีกแน่ หากไม่สามารถสร้างความปรองดองได้ ห่วงยังมีการล่วงละเมิดสถาบันกษัตริย์/ แนะพร้อมรองรับภัยก่อการร้ายและCyber/ ใช้ ยุทธศาสตร์ "กองทัพบก ประชารัฐ Smart army"/ เตรียมแถลง ยุทธศาสตร์ทหาร ร่วม ยุทธศาสตร์ชาติ ของ วปอ. -วิทยาลัยการทัพ-รร.เสธ.เหล่าทัพ ต่อ "นายกฯบิ๊กตู่"14 กย.นี้

วิทยาลัยการทัพบก 62 แถลงยุทธศาสตร์ทบ.2561 ต่อ พลเอกเฉลิมชัย ผบทบ. ในพิธีปิดหลักสูตรการศึกษา

โดย การกำหนดยุทธศาสตร์นี้ อิง ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีและ ยุทธศาสตร์ ทบ.2579 ..และยึดแนวทาง"กองทัพบก ประชารัฐ Smart army"

ชี้ ความมั่นคงโลก เปลี่ยนแปลง เร็วในทุกมิติ ส่งผลต่อภายในประเทศ ที่มีทั้งภัยคุกคามแบบดั้งเดิม และรูปแบบใหม่

ชี้การเมืองภายใน จะยังมีปัญหา หากไม่สามารถสร้างความปรองดองได้ ห่วงยังมีการล่วงละเมิดสถาบันกษัตริย์ ในอินเตอร์เน็ต และโซเชี่ยลฯ ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม นำมาซึ่ง ความขัดแย้ง

แถมภัยคุกคามรูปแบบใหม่ เพียบ ทั้งปัญหา ที่เกิดจากแรงงานต้างด้าว ปัญหาชายแดนใต้ ที่ซับซ้อนมากขึ้น และบางส่วนเกิดจากภัยแทรกซ้อน รวมทั้งองค กรภาคประชาสังคม ในและต่างประเทศ
รวมทั้ง ปัญหาก่อการร้าย และ ก่อการร้ายทางไซเบอร์ ที่มีความซับซ้อนมากขึ้นในอนาคต โดยไทย เป็นประเทศเปิด และเป็นสถานที่ ก่อการร้ายจะโจมตี ผลประโยชน์ของต่างประเทศ. และ อาจใช้เรา เป็นที่อำนวยความสะดวก และแหล่งฟอกเงิน

ทั้งนี้. วทบ. เตรียมร่วมแถลง ยุทธศาสตร์ทหาร ร่วม ยุทธศาสตร์ชาติ ของ วปอ. -วิทยาลัยการทัพ-รร.เสธ.เหล่าทัพ ต่อ "นายกฯบิ๊กตู่"14 กย.นี้ ที่สโมสร ทบ.วิภาวดี

นี่ไง...คำตอบ 'นายกฯ คนต่อไป'?

รัฐบาลตอนนี้............
เหมือนอยู่ช่วงน้ำหลากปลายปี ซึ่งเป็นธรรมดา จะมี "กอสวะ" ไหลมาเป็นแพ!
ธรรมชาติสวะ
ไม่มีทิศ-ไม่มีทางในตัว ขึ้นอยู่กับกระแสน้ำ พัดพาไปทางไหน สวะก็ไหลตามไปทางนั้น
เจอเสาหรือตอม่อสะพานกลางน้ำ ก็จะวนพัน
อันไหนไม่แข็งแรง ก็เสร็จสวะ
แต่ถ้าแข็งแรง ก็ไม่มีปัญหา น้ำลง พามา เดี๋ยวน้ำขึ้น ก็พามันไป
เว้นแต่ "น้ำตาย" คือไม่ขึ้น-ไม่ลง อืด..อึ้ดทึ่ด อยู่อย่างนั้น
สวะจะพันตีน เดินสะดุดล้มได้!
เหมือนรัฐบาล "นายกฯ ประยุทธ์" ที่เป็นดอกไม้มากเกสร ผึ้ง-แมลงรุมตอมแย่งคลึงเคล้า
แต่ตอนนี้ คงเป็น "ดอกอุตพิด"........?
เพราะแย่งรุมตีนแทนคลึงเคล้ากันคนละตุ้บ-สองตุ้บ น่าสนุก นัยว่า ดอกที่บาน เกสรส่งกลิ่นเน่า มากกว่ากลิ่นหอม
การเสพสังคมการเมืองของคนไทย ดูๆ ไปก็ เรียบง่ายดี ไม่คิดอะไรให้มันลึกซึ้ง ปวดกระบาล
สนใจแค่ว่า เลือกตั้งเมื่อไหร่.......
ใครจะเป็นนายกฯ, พรรคไหนจะได้ตั้งรัฐบาล?
และที่เป็นปรัศนีย์คาหัวใจ คันคะเยอเหมือนขี้กลากกิน คือ อยากรู้ ระหว่าง
"ระบอบทักษิณ" กับ "ระบอบประยุทธ์"
ระบอบไหน จะได้เป็น "จ้าวยุทธจักร" ในตลาดเลือกตั้งปลายปีหน้า?
"ระบอบอภิสิทธิ์" ไม่มีใครคาใจ
เท่ากับไม่มีใครต้องการ "ไฟต์ล้างตา" สักเท่าไหร่!
มีแต่มองล้นไปถึงขั้น "รัฐบาลรวมมิตร" หรือที่เรียก "รัฐบาลแห่งชาติ"
ใครเสนอนะ......
เช้ย...เชย ยาระงับประสาทเพิ่งหมดฤทธิ์ หรือเพิ่งโผล่ขึ้นมาจากก้นหลุมมิทราบ?
ประเทศไทย-คนไทย ไม่ได้มีปัญหาต่อกันหนักหนา ถึงขนาดต้องเป็น "รัฐบาลแห่งชาติ"
เพียงแต่ อยู่สุขสบายกันมานาน เบื่อ..จืดชืดสบายจำเจ เลยหาเรื่องทะเลาะกันเล่น เพื่อความเร้าใจ เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง
ก็แค่นั้น..........
มีแต่สายอาชีพ "นักเลือกตั้ง"
กับพวกสายพันธุ์ "จิ้งหรีด" ตามพงหญ้าเท่านั้น ที่ชีวิตจะอยู่ได้แต่ละวัน ต้องมีคนคอยปั่นหัวให้
แล้วก็เอาที่เขาปั่นหัวยกเป็นปัญหาชาติ ด้วยมึนตึ้บ-ตาลาย เพ้อเจ้อไปถึงเรื่องปรองดอง...ต้องสมานฉันท์ ไม่จบ-ไม่สิ้น
บ้าบอ คอแตก จริงๆ........
กับเรื่องปรองดอง-สมานฉันท์ คนไทยน่ะ ไม่มีใครที่ไหนแตกแยกเย็บไม่ติดหรอก
มีแต่ "รับจ้างแตก" หลอกแดกระบอบทักษิณชั่วขณะเท่านั้น!
เพื่อนฝูงผม หลายคน..........
ก่อนเกิดระบอบทักษิณ ก็เที่ยว-ก็แดกกันชนิดหารูให้แตกไม่ได้
แต่พอเกิดระบอบทักษิณ บางคน...ขอแยกไปขุดทองในระบอบทักษิณก่อน บางคนเหมือนตายจากไปเลย
โน่น...ไปปักธงนำหน้าไพร่...........
เห็นแล้วก็ขำ พวกไพร่ "สายพันธุ์จิ้งหรีด" ก็ต้องกินน้ำค้างตามยอดหญ้า จึงจะมีแรงกรีดปีกร้อง ร้องให้เขาปั่นหัวไปกัดกัน
ธรรมชาติของมันเป็นอย่างนั้น ไม่ปั่น ก็ไม่กัด ไปเปลี่ยนไม่ได้หรอก
ส่วนพวกระดับมือปั่น
รวยเอา...รวยเอา แค่เหมาหัวคิวกิจกรรม ก็พุงปลิ้นจากเงินจ้างทำระยำเมือง!
แล้วตอนนี้ .........
ระบอบทักษิณ กำลังกลายพันธุ์ เป็น "สายพันธุ์พลัดถิ่น" ดำดินโผล่นอกประเทศบ้าง ดำไปโผล่ในคุกบ้าง
ทำท่าจะสูญพันธุ์ไปจากเมืองไทย
พวกเห็บกำลังระดมเป่าตูดซากกันยกใหญ่ แต่บางพวก "สมองไว" มองทางข้างหน้าขาด
คืนเพื่อน-คืนญาติ "รักบ้าน-รักเมือง" รวยแล้วเลิกเป็นแถว!
ธรรมชาติคนไทย-การเมืองไทย ก็แบบนี้ ไม่มีรักแท้และเกลียดถาวร
ดังนั้น คำว่า "ปรองดอง-สมานฉันท์" จึงมีใช้ในหมู่คนแค่ ๒ จำพวกเท่านั้น
๑.พวกรับจ้างรักชาติเป็นอาชีพ
๒.พวกลิเกอาชีพ!
มนุษย์น่ะ นอกจากมีชีวิต ยังมีเซลล์สมอง ไม่ใช่หอม-กระเทียม ที่มีแค่ชีวิต ไม่มีสมอง ยัดใส่โหลดอง ให้เป็นอะไร ก็เป็นได้
ดังนั้น คนเราน่ะ ถ้าไม่สร้างเหตุปัจจัยไปปั่น-ไปปลุก ก็อยู่ร่วมชาติบ้านเมืองกันได้ตามปกติ
ไม่ต้องไปอ้อนวอน-งอนง้อให้ใครมาปรองดองกับใคร หรือต้องตั้งเวที-ตั้งวงสัมมนา หาวิธีปรองดองหรอก
เปลืองงบจ้าง "นักวิชาเกิน" เปล่าๆ!
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ธรรมชาติมนุษย์ เยียวยาด้วย "เซลล์สมองมนุษย์" กันเองเถอะ
เมื่อไม่มีใครไปยุ่มย่าม มันก็จะสมานด้วยตัวมันเองแหละ
เคยเห็นการฟักไข่มั้ย เคยทำวุ้นมั้ย?
ขืนไปหยุกหยิก ยุ่มย่าม ทำเขยื้อน มันไม่ฟักเป็นตัวหรอก น้ำที่จะให้แข็งตัวเป็นวุ้น มันก็ไม่เป็น
รัฐบาลทหารนี่เหมือนกัน.......
หยุกหยิกกะเรื่องปรองดอง-สมานฉันท์ ถึงขั้นเป็นกฎหมาย
ยกตัวอย่างมาซักแห่งในโลกซิ
ว่าที่ไหน คนสมานฉันท์กันได้ "ด้วยบังคับทางการกฎหมาย"?
เพียงชั่วครู่-ชั่วขณะ น่ะพอได้
ที่จะให้สมานฉันท์เป็นหนึ่งเดียวตลอดไป ชาติหน้าบ่ายๆ ก็อย่าหวัง
ผู้นำชาติ-นำรัฐบาล ต้องทำ.......
คือบริหารให้คนในชาติ "มีความหวัง" ในชีวิตปัจจุบัน และมองเห็นความไพศาลแห่งสังคมชาติในอนาคต
เนี่ย แค่นี้แหละ.........
ทำให้คนมั่นใจ-มีความหวัง แล้วใครที่ไหนมันจะเอาแต่ก้มหน้า-ก้มตากัดกันไม่ยอมเลิกล่ะ?
ประเด็นที่เป็น "หัวใจปัญหา" มันอยู่ตรงนี้
อย่าว่าแต่คนเลย หมู-หมาก็เหมือนกัน ถ้าหิว มองไม่เห็นทางได้อาหารยังท้อง
มันก็ต้องกัดกัน ด้วยหิว ด้วยโกรธ ด้วยหงุดหงิด หวังความอยู่รอดเฉพาะตัวตามสัญชาตญาณ
ฉะนั้น ผู้นำที่มองเห็นประเด็นปัญหาสังคมชาติ ต้องไม่มองกิริยาการขยุกขยิกของประชาชน ว่านั่นคือปัญหา
มันคือหน้าที่ "ผู้บริหาร"............
ประชาชนเขาคัน คันตรงไหนในวิถีชีวิตเขา ท่านก็ไป "เกา" ให้เขาตรงนั้น
ส่วนการสามัคคีปรองดอง มันเป็นอิทัปปัจจยตา
ทำให้ทุกข์ประชาชนหาย สุข-สามัคคีปรองดอง ก็จะตามมาเอง!
เมื่อวาน (๑๑ ก.ย.๖๐) รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น
นำคณะลงทุนรายใหญ่กว่า ๕๗๐ ราย มาพบนายกฯ ประยุทธ์ ที่ทำเนียบฯ
ถ้าเขาไม่สนใจ เพื่อการลงทุนในประเทศไทย เขาคงไม่มา
ในทางเดียวกัน.........
เสถียรภาพรัฐบาล คือเสถียรภาพประเทศ ถ้าเขาไม่มั่นใจในเสถียรภาพ และไม่มั่นใจว่ารัฐบาลประยุทธ์
"ทำจริง-ทำต่อเนื่อง" ในโครงการพัฒนาที่ริเริ่มทั้งหลายหรือไม่
โดยเฉพาะโครงการ EEC ?
จ้างเขาก็ไม่สน และไม่มา!
ผมดู fb คุณ Marisa Chorkratin เข้าใจว่าอยู่ร่วมนักลงทุนญี่ปุ่นที่ทำเนียบฯ ด้วย สรุปประเด็น โพสต์ว่า
นักลงทุนญี่ปุ่น ตั้ง ๓ คำถาม กับนายกฯ
๑.ไทยคาดหวังอะไรจากญี่ปุ่น?
๒.รบ.จะพัฒนาอีอีซีระยะกลาง-ยาวอย่างไร?
๓.ไทยคาดหวังอะไรจากเอสเอ็มอีญี่ปุ่น?
ฟังดู พื้นๆ ง่ายๆ แต่ตอบ........ยากฉิบ!
ประเมินได้เลย ทัพนักลงทุนญี่ปุ่นชุดนี้ ไม่ใช่ "สักแต่ว่ามา" เพราะทำการบ้านมาดีเหลือเกิน
จึงตั้งคำถามได้ "แหลมคม-ชัดเจน-ถึงแก่น-รู้ทัน" อย่างนั้น
ซึ่งนายกฯ ก็ตอบประมาณว่า........
-ขอให้มั่นใจ ผมจะทำทุกอย่างให้ไทยและญี่ปุ่นมีความไว้เนื้อเชื่อใจกันที่สุด เพื่อวันข้างหน้า และความเท่าเทียมความมั่นคงทางด้านการค้า การลงทุน ฯลฯ.........
-ยืนยันว่า ขณะนี้รัฐบาลมีเสถียรภาพมากที่สุด จึงขอให้มีความเชื่อมั่น
-ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดเข้ามา จะต้องสานต่อโครงการ EEC และเป็นกฎหมายที่บัญญัติไว้ในยุทธศาสตร์ชาติแล้ว จึงขอให้มั่นใจในด้านความมั่นคงของโครงการ
และขอยืนยันด้วยเกียรติยศของผมเองที่เป็นนายกรัฐมนตรีและเคยเป็นทหาร ว่า
ไทยให้เกียรติกับประเทศญี่ปุ่น ขอให้ไว้วางใจประเทศไทย ฯลฯ
ก็เห็นมั้ย........
"คิดมนุษย์" ไม่ว่าชาติไหน ฐานอาชีพไหน สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ต้องการความมั่นใจ ความหวังในอนาคตที่เชื่อได้ แบบมีหลักประกัน!
ไม่พูดในทัศนคติญี่ปุ่น
พูดในทัศนคติไทย ใน ๓ ประโยค ที่นายกฯ ประยุทธ์ย้ำกับนักลงทุนญี่ปุ่น
-ขอให้มั่นใจ ในวันข้างหน้า
-ขอยืนยัน ในเสถียรภาพรัฐบาล
-ขอยืนยันความต่อเนื่องโครงการด้วยเกียรติยศนายกฯ และทหาร
นี้เท่ากับยืนยัน "การคงอยู่ของประยุทธ์"
หรือท่านว่าไม่ใช่?
//
เปลว สีเงิน 12/9/60