PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ซ้อมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน 3 ธ.ค.นี้ "ยิ่งลักษณ์-ผบ.เหล่าทัพ"ร่วมด้วย

ซ้อมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตน 3 ธ.ค.นี้ "ยิ่งลักษณ์-ผบ.เหล่าทัพ"ร่วมด้วย วังไกลกังวล เตรียมงานพร้อมแล้ว

วันที่ 02 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 21:00:28 น.

พล.ต.วราห์ บุญญะสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ในฐานะผู้บังคับกองผสมทหารรักษาพระองค์ เป็นประธานซักซ้อมพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมเหล่าทหารรักษาพระองค์ จำนวน 13 กองพัน กำลังพลทั้งสิ้นกว่า 1,700 นาย โดยเป็นการซ้อมใหญ่เหมือนจริงตามลำดับขั้นตอนพิธีการอย่างละเอียด เพื่อให้กำลังพลปฏิบัติได้อย่างแม่นยำ ซึ่งหลังจากมีประชุม และซักซ้อมทำความเข้าใจ จึงเป็นการซ้อมแบบเต็มรูปแบบ โดยขบวนทหารแต่ละเหล่าทัพได้เข้าประจำพื้นที่ ตั้งขบวนจากถนนเพชรเกษมไปยังศาลาราชประชาสมาคม วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ดังนั้น จึงมีการปิดถนนเพชรเกษมด้านหน้าวังไกลกังวลระยะทางประมาณ 300 เมตรเป็นระยะ และทำการฝึกซ้อมขั้นตอนสวนสนามบนถนนเพชรเกษมอย่างรวดเร็ว และรัดกุม เพื่อไม่ให้กระทบกับประชาชน

สำหรับในวันที่ 3 ธันวาคม    จะมีการปิดการจราจรบริเวณถนนเพชรเกษมบริเวณหน้าวังไกลกังวลอีกครั้ง เพื่อทำการซ้อมใหญ่ครั้งสุดท้าย โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยผู้นำเหล่าทัพ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดจะเดินทางมาร่วมซ้อมด้วย พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี จะได้ร่วมประชุมเตรียมความพร้อม และติดตาม สรุปงานกับผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนด้วย ดังนั้นในวันที่ 3 ธันวาคม ประชาชนควรหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางดังกล่าว

ในส่วนของการเตรียมงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษานั้น การเตรียมงานเกือบครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ทั้งจุดลงนามถวายพระพร ที่สำนักงานวังไกลกังวล วิทยาลัยการอาชีพวังไกลกังวล และโรงเรียนวังไกลกังวล ขณะนี้มีการเตรียมสถานที่และสมุดลงนามไว้ให้บริการประชาชนที่จะเดินทางมาลงนาม ระหว่างวันที่ 4-6 ธันวาคมนี้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกัน แขวงการทางประจวบคีรีขันธ์ ( หัวหิน )  ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เร่งปรับปรุงผิวการจราจร โดยนำเครื่องจักรกลหนักราดยางตลอดเส้นทางเสด็จในการออกมหาสมาคมฯด้านหน้าศาลาราชประชาสมาคม ทั้งภายในและภายนอกบริเวณวังไกลกังวล

ยิ่งลักษณ์: พร้อมคุยหาข้อสรุปทุกฝ่าย คืนอำนาจ ทำได้หรือไม่ ?

วันที่ 02 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19:07:02 น.-มติชน
 
 นายกรัฐมนตรีแถลงต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุม เรียกร้องทุกกลุ่มหารือเพื่อทางออกของประเทศ ระบุเปิดรับทุกข้อเสนอที่อยู่ภายใต้กฎหมาย เผยไม่ยึดติดทั้งการลาออก ยุบสภา ถ้าเป็นคำตอบที่ผู้ชุมนุมจะสงบ และกลับเข้าสู่สภาวะปกติ แจงมีความจำเป็นต้องปกป้องสถานที่ราชการไว้บริการประชาชนทั้งประเทศ 

 วันนี้ (2 ธ.ค.56) เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมในขณะนี้ว่า ต้องเรียนว่าในทางออกของประเทศจะมีผู้ที่เรียกร้องหลายแนวทางไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยุบสภา ลาออก และล่าสุดที่ทาง กปปส. เรียกร้องคือการคืนอำนาจ ซึ่งต้องขออนุญาตเรียนชี้แจงว่า มีความหมายที่แตกต่างกัน ยุบสภา พี่น้องประชาชนคงทราบแนวทาง ส่วนการลาออกคือขั้นตอนที่มีกระบวนการที่มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่ทั้งสองแนวทางคือยุบสภาและการลาออกนั้น อยู่ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่มีกฎหมายรองรับ

แต่คำว่า"คืนอำนาจ"นั้นเรียนว่า ในส่วนที่ได้รับฟังข้อเสนอของผู้ชุมนุมก็ต้องกราบเรียนพี่น้องประชาชนว่า ในส่วนของรัฐบาลนั้นไม่ได้มีการยึดติดใด ๆ อะไรที่เราก้าวไปสู่หนทางในการที่จะหารือเพื่อให้เกิดความสงบในประเทศนั้นเรายินดีอยู่แล้ว และสิ่งที่ผู้ชุมนุมเรียกร้องในเรื่องของการคืนอำนาจนั้นต้องเรียนว่า การคืนอำนาจนี้ในส่วนของการที่จะมองวิธีการแก้ปัญหานั้นเรายังมองไม่เห็นทางในเรื่องของภายใต้ข้อกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญที่จะรองรับ เพราะเป็นการคืนอำนาจเข้าสู่ประชาชน และประชาชนก็เข้ามาบริหารประเทศ รวมถึงการร่างกฎหมาย มาตรากฎหมายใหม่ ซึ่งในส่วนนี้เรายังมองไม่เห็นกระบวนการในการรองรับของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ได้เรียนผ่านนายสุเทพไป

“จริง ๆ แล้วต้องเรียนว่าเมื่อคืนนี้เป็นการร้องขอ ดิฉันเองได้ร้องขอทางด้านของผู้บัญชาการเหล่าทัพ ให้หารือเพื่อเราอยากจะเห็นแนวทางในการพูดคุยกัน เราเชื่อว่าเราเป็นคนไทยด้วยกัน ถ้าเราหารือด้วยกันเราอาจจะมีโอกาสในการที่จะพูดจากัน ก็ได้รับทราบข้อเสนอมาแล้ว อย่างที่เรียนว่าคำว่าคืนอำนาจ ในส่วนนี้คือผู้เรียกร้องไม่ต้องการที่บอกว่าเลยไปในส่วนของการลาออกหรือการยุบสภา” นายกรัฐมนตรีกล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ต้องเรียนว่าดิฉันจะไม่ทำตัวให้เป็นเงื่อนไข และไม่ทำตัวให้เป็นปัญหากับพี่น้องประชาชน ถ้าอะไรที่ดิฉันจะทำให้พี่น้องประชาชนมีความสงบสุขคืนมา ดิฉันยินดีค่ะ แต่ต้องขอความกรุณาว่า ในส่วนของนายกรัฐมนตรีนั้นที่ทำได้คือการทำภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเห็นใจดิฉันเถอะค่ะว่าในส่วนของการเรียกร้องของผู้ชุมนุมนั้น เราไม่รู้จะเอาข้อกฎหมายข้อไหนมารองรับ ดังนั้นจึงขอถือโอกาสนี้เรียกร้องพี่น้องประชาชนทุกคน เรียกร้องทุกคนทุกกลุ่ม ในการหารือเพื่อทางออกของประเทศ รัฐบาลไม่มีทิฐิ รัฐบาลไม่มีสิ่งที่จะต้องมายึดเหนี่ยวในเรื่องของอำนาจ แต่อยากเห็นความสงบของประชาชนค่ะ”

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการวางบทบาทของกองทัพว่า กองทัพได้วางบทบาทในฐานะที่เป็นกลาง และเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่อยากเห็นความสงบ ส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีเองไม่ยึดติดทั้งเรื่องของการลาออก หรือยุบสภา ถ้าคำตอบนั้นเป็นคำตอบที่ผู้ชุมนุมจะสงบ และกลับเข้าสู่สภาวะปกติ แต่วันนี้สิ่งที่ได้รับการยื่นมาคือการคืนอำนาจ ซึ่งในบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญนี้ในข้อกฎหมายยังไม่มีอำนาจในข้อระเบียบนี้ ในการรองรับ ต้องไปหารือกัน จึงอยากเรียกร้องให้ผู้ที่มีความรู้เรื่องข้อกฎหมายต่าง ๆ หารือทางออก และวันนี้เรียนว่ารัฐบาลยังเปิดทุกออพชั่นในการที่จะหารือเพื่อให้เกิดความสงบต่อไป

“วันนี้รัฐบาลได้เสนอทุกอย่างแล้ว ในทุกทาง ต้องเรียนว่าเราอยากเห็นทางออก ต้องขอว่าทางไหนที่จะเป็นที่ยอมรับของประชาชนส่วนใหญ่ ก็คงต้องมีวิธีทางหรือวิถีทางที่จะรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทุกกลุ่ม ถ้าอะไรที่เป็นความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ และอะไรที่ทำให้ประเทศสงบได้ ดิฉันก็ยินดีค่ะ” นายกรัฐมนตรีกล่าว

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอทำความเข้าใจให้ตรงกันว่า วันนี้สถานที่ราชการยังเปิดอยู่ และข้าราชการทุกคนภายใต้หน้าที่ที่จะต้องดูแลบริหารประเทศและการบริการให้กับประชาชนยังคงต้องทำงานอยู่ วันนี้ไม่ได้ปิด แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องสถานที่บ้าง ก็ขอให้กระทรวง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หาสถานที่เพื่อที่จะบริการพี่น้องประชาชนเพื่อไม่ให้การบริการต่าง ๆ ติดขัดขาดความต่อเนื่อง อาจจะมีปัญหาเรื่องสถานที่บ้างแต่งานทุกอย่างก็ได้ดำเนินไป สำหรับผลกระทบนั้นรัฐบาลมีความเป็นห่วงสถานการณ์ อยากขอร้องทุกฝ่าย ซึ่งรัฐบาลได้พยายามดูแลความมั่นคง จึงขอความร่วมมือว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ใช้กำลังรุนแรงกับพี่น้องประชาชน เรามีความจำเป็นต้องปกป้องสถานที่ราชการเพราะสถานที่ราชการต่าง ๆ ต้องมีไว้บริการพี่น้องประชาชน 60 กว่าล้านคน

ขอความกรุณาในการอย่าปิดสถานที่ราชการเลย ขอให้ราชการได้ทำงาน วันนี้ข้าราชการไม่ได้เลือกข้างไหน แต่ข้าราชการทุกคนพึงที่จะต้องทำหน้าที่ของตนเองเพื่อบริการพี่น้องประชาชน

“ดิฉันยังยืนยันว่า ภาพประวัติศาสตร์เก่าที่พี่น้องประชาชนต้องเจ็บปวด ต้องสูญเสียเลือดเนื้อ ต้องเสียชีวิต ดิฉันเชื่อว่าภาพนี้ไม่มีใครอยากให้เห็นค่ะ” นายกรัฐมนตรีกล่าว

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงข้อเรียกร้องของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่า ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรภายใต้ข้อกฎหมายหรือระเบียบในเรื่องของรัฐธรรมนูญที่ร้องรับ และยืนยันว่ายังเปิดทุกทางที่จะแก้ปัญหาร่วมกัน และเปิดทุกเวลาในการที่จะหารือและเจรจา

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีจะบอกกับคนที่เลือกนายกรัฐมนตรีมาอย่างไร ถ้านายกรัฐมนตรีปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ อย่างที่ได้เรียนว่าอะไรที่เป็นความสุขของคนทั้งประเทศนั่นคือเสียงส่วนใหญ่ของพี่น้องประชาชน ฉะนั้นก็ต้องมีขั้นตอนในการที่จะรับฟังความคิดเห็นว่าข้อเสนอเรียกร้องนั้นพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยหรือไม่ ถ้าเห็นด้วยและบ้านเมืองกลับสู่ความสงบ ดิฉันยินดีค่ะ”

นายกรัฐมนตรียังได้ตอบข้อซักถามของสื่อต่างชาติด้วยว่า ข้อเรียกร้องของ กปปส. ไม่สามารถทำได้ และการควบคุมมวลชน เจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้ความรุนแรง โดยขอให้ต่างชาติมั่นใจว่า จะไม่เกิดความรุนแรงอย่างในอดีต

“ รัฐบาลได้ขอให้กองทัพเข้ามาให้ความช่วยเหลือและให้การสนับสนุนรัฐบาล เพื่อการเปิดการเจรจากับฝ่ายของคุณสุเทพ ซึ่งเมื่อคืนนี้ดิฉันได้พบและรับฟังข้อเรียกร้องของทางคุณสุเทพ ทำให้ทราบว่าเงื่อนไขที่คุณสุเทพต้องการไม่ใช่การลาออกและการยุบสภา แต่ต้องการให้ดิฉันคืนอำนาจนายกรัฐมนตรีให้แก่ประชาชน ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีกฎหมายใหม่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เป็นไปตาม
กฎหมายรัฐธรรมนูญ รัฐบาลไม่ได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องของคุณสุเทพ แต่สิ่งที่คุณสุเทพเรียกร้อง รัฐบาลไม่ทราบว่าจะดำเนินการได้อย่างไร ดังนั้นรัฐบาลจึงเปิดรับข้อคิดเห็นจากทุกฝ่าย เพื่อให้มีการ
เจรจา และเพื่อความสงบสุขแก่ประชาชนไทย

เรามีความห่วงกังวลชาวต่างชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยว เหมือนกับที่รัฐบาลห่วงประชาชนไทย รัฐบาลใช้ความอดทน และอดกลั้น รวมถึงการไม่ใช้กำลังความรุนแรงในสถานการณ์ต่าง ๆ สิ่งที่รัฐบาลทำเป็นเพียงการป้องกัน และขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลจะไม่ใช้ความรุนแรงอย่างที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา และรัฐบาลพร้อมที่จะให้มีการเจรจา” นายกรัฐมนตรีกล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า อยากขอเรียกร้องทุกกลุ่มให้ช่วยหาทางออกด้วย เพราะรัฐบาลเต็มใจที่จะพูดคุยกัน เพราะเรายังมองหาทางออกไม่เจอในส่วนของการที่จะแก้ปัญหานี้ภายใต้ข้อกฎหมายหรือระเบียบต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งรัฐธรรมนูญที่รองรับ

ชูวิทย์ เกือบเป็นกล้วยปิ้ง

เมื่อเย็นนี้ที่แยกการเรือน หน้าวชิรพยาบาล กลุ่มตำรวจเกือบร้อยคนตั้งแถวอยู่กลางถนน พร้อมกับโล่ห์ ประชาชนออกมาตะโกนด่าว่าจะตลบหลังกลุ่มประชาชนที่อยู่แยก พล.1 ซึ่งกำลังถอนกำลังกลับไปที่ราชดำเนิน

ผมมันคนดวงมีเรื่อง ไปจังหวะพอดี ประชาชนคนแถวนั้นเลยตะโกนให้ผมช่วยห้ามศึก เพราะในขณะนั้นไม่มีใครฟังใคร ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ไปพูดอะไรก็ไม่มีประชาชนเชื่อ ผมเลยออกไปห้าม และเจรจาให้ตำรวจกลับไป

มีประชาชนบางกลุ่มที่ถูกกระสุนยางมาจากแยกพล.1 พยายามเข้าไปทำร้ายตำรวจ ผมต้องเข้าไปห้าม เพราะไม่อยากให้เกิดความรุนแรงบานปลาย

ท้ายสุด แยกกันได้ ตำรวจรีบทะยอยขึ้นรถกลับ

การแก้ปัญหาบ้านเมือง ไม่สามารถที่จะกระทำได้ด้วยความหุนหันพลันแล่น วันนี้ผมไปมาหลายที่ ยังไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะจบอย่างไร แต่ผมไม่ต้องการให้เลือดเนื้อคนไทยต้องหลั่งบนผืนแผ่นดินไทย


ไขปริศนาเหตุไฉน“ยิ่งลักษณ์-สุเทพ”ต้องนัดเจรจาลับที่ “ร.1 พัน.4 รอ.”

ไขปริศนาเหตุไฉน“ยิ่งลักษณ์-สุเทพ”ต้องนัดเจรจาลับที่ “ร.1 พัน.4 รอ.”

เขียนวันที่
วันจันทร์ ที่ 02 ธันวาคม 2556 เวลา 13:22 น.
เขียนโดย
ศักดา เสมอภพ
"..ตลอดช่วงเวลาบริหารประเทศของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์” ก็เป็น “สุเทพ” ที่เดินเข้าออก “ร.1 รอ.” เป็นประจำ นั้นเพราะใน “ร.1 รอ.” มีบ้านพักของ “บิ๊กทหาร” ที่สำคัญๆหลายคน โดยเฉพาะทหารในสาย “บูรพาพยัคฆ์”.."
yuuyyuu
สถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เคลื่อนเข้าสู่จุดแตกหักกับ “รัฐบาล” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความเคลื่อนไหวทุกย่างก้าวของ “แกนนำ” จึงเป็นสิ่งสำคัญ
โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เลขาธิการกปปส.
และหลายคนอาจจะรู้กันแล้วว่าในช่วงค่ำวันที่ 1 ธันวาคม “สุเทพ” หายตัวไปจากสถานที่ชุมนุม มีนัดหมายปลายทางที่การเจรจากับ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต่อหน้า “ผบ.เหล่าทัพ”
โดยมี กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน.4 รอ.) ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนวิภาวดีรังสิต ฝั่งตรงข้ามเป็นมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง 11) ใช้เป็นสถานที่รองรับ “หัวหน้ารัฐบาล” กับ “แกนนำม็อบ”
หลายคนคงตั้งคำถามว่าเหตุไฉนต้องเป็น “ร.1 พัน.4 รอ.”
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org จึงรวบรวมข้อมูลมาไขข้อสงสัย ดังนี้ 
มีการยืนยันข้อมูลว่าตั้งแต่ผู้ชุมนุมกปปส.ได้ “ดาวกระจาย” เดินทางไปยังสถานที่ราชการหลายแห่ง เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา รวมถึง “กองบัญชาการทหารสูงสุด” และ “กองบัญชาการกองทัพบก”
ทำให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา” ผบ.ทบ. ซึ่งประเมินแล้วหากยังใช้บก.ทบ.เป็นวอร์รูมติดตามสถานการณ์คงไม่สะดวก เพราะอยู่ใกล้กับสถานที่ชุมนุมมากเกินไป การเข้า-ออกอาจจะไม่สะดวก
บรรดา “ผบ.เหล่าทัพ” จึงตกลงย้ายวอร์รูมมาจัดตั้ง “บก.สำรอง” ที่ ร.1 พัน.4 รอ. ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน แล้ว
การเดินทางของ “ยิ่งลักษณ์” จากซอยโยธินพัฒนา 3 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ มาเจอกันครึ่งทางกับ “สุเทพ” ที่เดินทางมาจากศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ จึงสะดวกสบายตามไปด้วย
การเจรจาระหว่าง “ยิ่งลักษณ์” กับ “สุเทพ” จึงเกิดขึ้นที่ “ร.1 พัน.4 รอ.”
และหากพลิกหน้าประวัติศาสตร์การเมือง ที่ตั้งของ "ร.1 พัน 4 รอ." ซึ่งได้แก่ "กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.)” เป็นสถานที่สำคัญทางการเมืองในช่วงเวลาหลายปีหลังยิ่ง
เพราะในช่วงปลายปี 2551 “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” อดีต ผบ.ทบ. ได้เปิดบ้านหลังหนึ่งในกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 พัน.1 รอ.) ที่ตั้งอยู่ใน "ร.1 รอ." จัดตั้งรัฐบาล “เทพประทาน” มาแล้ว
ด้วยการนำ “ส.ส.ก๊วนเพื่อนเนวิน” ของนายเนวิน ชิดชอบ ผลิกขั้วจากพรรคพลังประชาชน (พปช.) จับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ดัน “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27
ครั้นจัดตั้งรัฐบาล “เทพประทาน” ก็มี “สุเทพ” เป็นคีย์แมนคนสำคัญ
และตลอดช่วงเวลาบริหารประเทศของ “รัฐบาลอภิสิทธิ์” ก็เป็น “สุเทพ” ที่เดินเข้าออก “ร.1 รอ.” เป็นประจำ นั้นเพราะใน “ร.1 รอ.” มีบ้านพักของ “บิ๊กทหาร” ที่สำคัญๆหลายคน โดยเฉพาะทหารในสาย “บูรพาพยัคฆ์”
ไม่ว่าจะเป็นบ้านของน้องเล็กอย่าง “พล.อ.ประยุทธ์” บ้านของพี่คนกลางอย่าง “พล.อ.อนุพงษ์” ที่สำคัญเป็นบ้านของพี่ใหญ่อย่าง “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” อดีตรมว.กลาโหม (รัฐบาลอภิสิทธิ์)
เมื่อไล่เรียงเหตุผลทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน จึงไม่แปลกที่ “ยิ่งลักษณ์” กับ “สุเทพ” จะนัดเจอกันที่ "ร.1 พัน 4 รอ." ที่ตั้งอยู่ใน “ร.1 รอ.”
และนับจากนี้ไปความเคลื่อนไหวของ “ทหาร” จะออกมาจาก “ร.1 รอ.” มากที่สุด
โปรดอย่ากระพริบตา !!! 

โยก'คำรณวิทย์'จากคุมสถานการณ์ บช.น.ตั้ง'วรพงษ์'แทน

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม 2556

โยก'คำรณวิทย์'พ้นบช.น.ตั้ง'วรพงษ์'แทน

ศอ.รส.โยก'คำรณวิทย์'พ้นบช.น. ตั้ง'วรพงษ์'แทน หวั่นเป็นเป้าหมายโจมตี-ปะทะแรง ผลพวงวาทะเด็ด'มีวันนี้เพราะพี่ให้'

              2ธ.ค.2556 ผู้สื่อข่าวรายงานในช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ศอ.รส.) มีคำสั่งด่วนที่สุด ศอ.รส. แจ้งไปยังหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและ ผบ.ที่ทำการส่วนหน้า 13 จุดแนวกั้นรอบทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภาและที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลโยกย้าย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ออกจากการทำหน้าที่ผู้บริหารเหตุการณ์ในฐานะผู้อำนวยการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นการชั่วคราว
              เนื่องจากสถานการณ์ชุมนุมขณะนี้มีความรุนแรงมากขึ้นผู้ชุมนุมมีความพยายามบุกยึดเป้าหมาย บช.น. และขับไล่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ให้ออกจาก บช.น. และโจมตีพล.ต.ท.คำรณวิทย์แต่เพียงผู้เดียวจากผลพวงภาพถ่ายและวาทะเด็ดแห่งปีที่ติดในห้องทำงาน บช.น.ด้วยความปราบปลื้มยินดีว่า "มีวันนี้เพราะพี่ให้" โดยผู้ชุมนุมมุ่งหวังจะบุกยึดบช.น.และยึดตำแหน่ง ผบช.น. คืนพร้อมปลด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ออกจากตำแหน่ง ผบช.น.
              ศอ.รส.แต่งตั้งให้ พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร. ลงพื้นที่ปฏิบัติหน้าที่แทนตั้งแต่เช้ามืดที่ผ่านมาและให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เก็บตัวอยู่ในที่ตั้งอย่างสงบไม่ออกมาโต้ตอบพูดจาท้าทายผู้ชุมนุมใดๆ เนื่องจากพล.ต.ท.คำรณวิทย์เป็นคนโผงผาง ปากกล้า ใจนักเลง กล้าชน กล้าได้กล้าเสีย เกรงจะส่งผบกระทบทำให้สถานการณ์รุนแรงมากขึ้น

"อัศวิน"เจรจากับ"วรพงษ์"สุดท้ายสั่งมวลชนกลับราชดำเนิน

             ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่กปปส.นำรถเเทรกเตอร์ขนาดใหญ่มาทำลายเเบริเออร์หน้าบช.น.ได้เเละมวลชนหลายพันคนไปปิดล้อมบช.น.ได้นั้นพล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯกทม.เป็นตัวเเทนผู้ชุมนุมกปปส.ที่ปิดล้อมบช.น.ถนนศรีอยุธยาไว้ได้นั้น พล.ต.ท.อัศวินเข้าไปเจรจากับพล.ต.อ.วรพงษ์ หลังจากรถเเทรกเตอร์ขนาดใหญ่มาทำลายเเบริเอ่อร์เเละเเสลนได้สำเร็จ จนกระทั่ง17.09น.พล.ต.ท.อัศวินเดินออกจากบช.น.เเละสั่งให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมเเละไปรวมตัวที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยต่อไป ทั้งนี้มีนักเเสดงเช่นนายพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง น.ส.จินตหรา สุขพัฒน์ นำน้ำดื่มมามอบให้ผู้ชุมนุม


แยกการเรือน ตร.หยุดยิงแก๊สน้ำตา

             เมื่อเวลา 17.10 น. ที่บริเวณแยกการเรือนนายถนอม อ่อนเกตพล หนึ่งในชุดแกนนำประกาศบอกผู้ชุมนุมปฏิบัติให้เน้นความปลอดภัยเป็นหลัก เพราะนอกจากตำรวจใช้แก็สน้ำตา ยังมีการใช้กระสุนยาง พร้อมย้ำกับผู้ชุมนุมทราบว่าที่มาจุดนี้มาเพื่อแหย่และยื้อ ไม่ได้มายึด เพื่อดึงกำลังตำรวจไม่ให้ไปสนับสนุนยุทธศาสตร์สำคัญที่บช.น. และทำเนียบรัฐบาล จนกว่าจะถึงเวลา 20.00 น.ที่แกนนำหลักจะแถลงข่าวดีให้ทราบ   

             ขณะนายอิสระ สมชัย แกนนำอีกคนที่อยู่บริเวณแยกการเรือนเช่นกันก็ปราศรัยโจมตีการกระทำตำรวจที่ระดมยิงแก็สน้ำตาใส่ผู้ร่วมชุมนุมตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้สลับกับการปลุกมวลชนให้สู้และเปิดเพลงปลุกใจ  

            ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าตั้งแต่ช่วงเวลา 17.00 น.เป็นต้นมาไม่มีการยิงแก็สน้ำตา แต่กลุ่มผู้ชุมนุมยังเตรียมพร้อมรับมือระดมผ้าเช็ดหน้า น้ำเปล่ามาเพิ่ม พร้อมผ้าห่มและกระสอบป่านชุบน้ำให้เปียกเพื่อใช้สำหรับคลุมแก็สน้ำตาเวลาตำรวจยิงมาใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้เกิดความเบาบาง ขณะที่ฝั่งตำรวจก็พูดผ่านเครื่องขยายเสียงเป็นระยะว่าห้ามผู้ชุมนุมลุกล้ำเข้ามาในพื้นที่หวงห้ามเพราะตำรวจจำเป็นต้องใช้แก็สน้ำตาและกระสุนยาง ย้ำให้หยุดเพราะขณะนี้ผู้ใหญ่กำลังเจราจากันอยู่ ทำให้ผู้ชุมนุมโห่ร้องใส่
 

อัศวิน เคลื่ยร์ตร.แยกพล.1ม็อบจัดเต็มสารพัดอุปกรณ์ม็อบ สู้ตำรวจ...


สารพัดอุปกรณ์ม็อบ สู้ตำรวจ...

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตรองผบตร.นำเจรจา ตำรวจ ที่แยก พล1 หลังม็อบนำรถตัก มายกBarrier ตร.ขู่อย่าทำ อาจใช้มาตรการหนัก นำพัดลมยักษ์ ไว้เป่าควันแก้สน้ำตา กระสอบชุบน้ำดับแก๊สน้ำตา กระป๋องน้ำ หน้ากากโรงงานอุตสาหกรรม และรถถังดูดส้วม พร้อมที่จะลุย..ฝ่าย.ตำรวจหวั่น ม็อบยึดแยก พล1 ได้ อาจเผา บชน.
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตรองผย.ตร.รุดเจรจาตำรวจที่แยกพล.1

รถดูดส้วม ที่เมื่อวาน"เจ๊ปอง"บอกให้ม็อบอึแล้วเก็บไว้ยิงใส่ตร.
รถตัก ที่แกนนำเวทีบอกว่ามีคนให้ยืมมาช่วยทำลายแบริเออร์แนวกั้น แต่ไม่ได้ให้คนขับมาด้วย

พัดลมแรงสูง สำหรับเป่าควันจากแก๊สน้ำตาที่ตร.ยิงใส่
ภาพพล.ต.อ.อัศวินกำลังเคลียร์ กับฝ่าย ตร.

อธิการบดีรามฯยันนศ.ตาย3เจ็บ60 ชายชุดดำดักนิง-สตช.เมินช่วย

วันจันทร์ ที่ 02 ธันวาคม พ.ศ. 2556, 16.46 น. :แนวหน้า

2 ธ.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผศ.ดร.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เปิดเผยถึงเหตุการณ์ปิดล้อมและทำร้ายนักศึกษา ม.ราม เมื่อคืนวันที่ 30 พ.ย.ต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 1 ธ.ค.ว่า มีนักศึกษาเสียชีวิตทั้งสิ้น 3 ราย และบาดเจ็บกว่า 60 คน โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นได้โทรศัพท์ประสานกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติตลอดเวลา  แต่กลับถูกปฏิเสธการเข้ามาให้ความช่วยเหลือ

ผศ.ดร.วุฒิศักดิ์ ยืนยันด้วยว่า มีคนร้ายในชุดดำใช้สไนเปอร์ยิงนักศึกษาต่อหน้าต่อตาที่วิ่งหนีเอาตัวรอด  บริเวณหน้าตึกสำนักงานอธิการบดี  ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำโหดร้ายทารุณ กำดำเนินการครั้งนี้ต้องมีวางแผนและประสานงานกันเป็นอย่างดี

นายฉัตรชัย ดำประเสริฐ นศ.ราม คณะรัฐศาสตร์  ปี 2 อายุ 23 ปี ชี้จุดที่ถูกยิง บริเวณหลังม.รามคำแหง ซ.ราม 24

ตร.คุมม็อบหน้ารามฯอ้างการ์ดแดงยิงน.ศ.รามฯ

17.00น.(2ธ.ค.56)เพจ I Support PM Abhisit โพสข้อความ อ้างว่าเป็นข้อความจาก ตำรวจคนหนึ่ง ระบุว่า 

ข้อความจากเพื่อนตำรวจวันเกิดเหตุที่ราม…

พี่น้องคับ นี่คือเรื่องจิง ผมคือคนที่ปะทะหน้าแนวคืนนี้ นักศึกษาที่โดนยิง ทั้งหมด มาจากการ์ดเสื้อแดง อยู่ฝั่งตำรวจ ผมไม่เข้าใจ ทำไมตำรวจเราไม่จับกุมทั้งๆที่ การ์ดเสื้อแดงมีอาวุธครบมือ มายืนแอบยิงข้างตำรวจ

ตอนแรกผมเข้าใจว่าเป็นตำรวจ ตอบโต้ ผู้ชุมนุมด้วยการยิงขู่ แต่สิ่งที่ผมเห็น การ์ดเสื้อแดง ยิงประชาชน ต่อหน้าผม ผมเป็นใครล่ะครับ ตำรวจชั้นผู้น้อย ได้แค่บอกผู้บังคับบัญชา นายคับนี่ ตำรวจป่าวคับ นายบอกว่าไม่ไช่ ผมเลยบอกว่าถ้างั้นต้องจับ ผมเลยลุกไปล็อค สุดท้ายผมโดย หัวหน้าการ์ดเสื้อแดงชี้หน้า บอกว่ามึงอย่ายุ่ง ตำรวจ จังหวัดเดียวกันเลยลุกมาช่วยผม 

นายออกมาช่วยคุย นายผมก็โดนหัวหน้าการ์ดเสื้อแดง ด่า จน จุกอก หัวหน้าการ์ดเป็น สจ ไม่รู้จังหวัดไหน สุดท้ายได้แต่ยืนมอง มันยิงชาวบ้าน นักศึกษา หน้าราม ผมน้ำตาไหลจิง อึดอัดมาก นี่หรือ ตำรวจไทย นี่ผมอึดอัดมาก ต้องระบาย เกิดไร ขึ้นในบ้านเมืองเรา ตอนนี้ สว่างแล้ว แต่ยังยิงกันตลอด จนผมเดินออกจากกลุ่มตำรวจมา ถึงโดนไล่ออก ก็ยอม......จากเพื่อนตำรวจเราเอง

cr Tarnthip Yangboonsuk

เจษฎ์ โทณะวณิก:ทางออกประเทศไทยตาม รธน.


"เจษฎ์ โทณะวณิก" 1. ประเทศไทยยังมีทางออก ในรัฐธรรมนูญไทยยังมี อยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญนิยม มี หลักนิติรัฐ นิติธรรม หลักความชอบด้วยกฎหมาย แม้ไม่มีเขียน ก็มีอยู่เป็นหลักการพื้นฐาน. หรือหลักการไม่ละเมิดเสียงส่วนน้อย เราใช้ ขนบธรรมเนียมของรัฐธรรมนูญประกอบกันกับตัวรัฐธรรมนูญเสมอ 2. สภาประชาชนที่กลุ่มผู้ชุมนุม ก็ไปแบบนั้นไม่ได้ กปปส. นั้นข้อเสนอยังไม่ชัด 3. คำว่าเสียงข้างมาก ที่รัฐบาลชอบอ้าง ไม่ใช่เสียงข้างมากของประเทศ เพราะนับเอาแต่เฉพาะคนอายุสิบแปดปีเท่านั้น 4. เสนอว่า ทำโพลโดยหลักวิชาการ ทำเชิงสถิติ จะเอาปฏิรูปประเทศ หรือ จะเอายุบสภา 5. สังคมไทยไว้ใจทหารมากกว่าตำรวจ เกรงและกลัวทหาร. ความขัดแย้งแบบนี้ ประชาชนต้องพึ่งทหารอยู่แล้ว

ศอ รส แถลงการณ์ 22:00

ศอ รส แถลงการณ์ 22:00

รายงานสถานการณ์ การชุมนุม

พลตำรวจตรีปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ รส สรุปผลประเมินยอดผู้ชุมนุมเมื่อช่วงเวลา 21 นาฬิกา ในภาพรวมทุกกลุ่ม มียอด ผู้ชุทนุมรวม 7 หมื่นและ สถานการณ์ทั่วไปสงบเรียบร้อย แต่ที่สะพานชมัยมรุเชษย์ มวลชนยังมีความพยายามฝ่าฝืนแนวกั้นตำรวจเพื่อจะเข้าไปยังพื้นที่หวงห้าม 

ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่มีผู้ชุมนุมฝ่าฝืนแนวกั้นของตำรวจที่บริเวณแยกเทวกรรม เมื่อช่วงสายวันนี้ เกิดเหตุ ยึดรถยนต์ขนย้ายผู้ต้องขัง ของตำรวจไปด้วย 2 คัน ซึ่งได้ตรวจสอบพบแล้ว 1 คัน โดยมีผู้ชุมนุมได้ใช้รถคันดังกล่าว ขับนำมวลชนเป็นแนวหน้า บุกฝ่า แนวกั้นของตำรวจ จึงฝากประชาชัมพันธ์ ประชาชนที่พบเห็น ให้แจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ผ่านสายด่วน 1599 หรือ ตำรวจในท้องที่

นอกจากนี้ขอความร่วมมือ กับประชาชน งดการออกเดินทางในยามวิกาล ช่วงเวลา 22 นาฬิกา ไปจนถึง 5 นาฬิกา คืนวันนี้ พร้อมยืนยัน ประกาศดังกล่าวไม่ใช่การประกาศเคอร์ฟิว แต่เป็นเพียงการขอความร่วมมือ เพื่อความลอดภัยของประชาชน

ขอบคุณข่าวจากน้องแอน tpbs 555 ^^